--*--คิดแล้วเขียน เรื่อยไป ตามใจสั่ง--*--

<< < (2/80) > >>

ทิมมี่:
กลอนไพเราะ จาก เนาวรัตน์   พงษ์ไพบูลย์


ฝัน
กับแสงจันทร์ กระจ่าง ในกลางหาว
เจ้าพระยา เลื่อมระยับ วะวับวาว
ยิ้มกับดาว พราวพริบ วิบแวมวอม

ลมสะอื้น อ้อนเพลง วังเวงแผ่ว
จะหลับแล้ว หรือยัง มาฟังกล่อม
ฝากมาลัย มะลิร่วง พวงพยอม
แนบถนอม ฝันสนิท เมื่อนิทรา

น้ำค้าง
หยาดลงกลาง กลีบแก้ว ดูแพรวพร่า
แวววิเชียร เฉกฉัน พรรณผกา
งามเหมือนตา เธอฉาย ประกายวาว

เกรงเหลือเกิน เกรงฝัน จะพลันดับ
เลือนไปกับ ทิวา ในหน้าหนาว
คิดถึงเธอ ทุกวัน ฝันทุกคราว
อยากจะกล่าว รำพัน ก็หวั่นใจ

คนคนนี้ มีเพียง เสียงอักษร
แทนคำวร บอกจิต พิศมัย
เขาเปิดปาก ไม่เป็น เช่นใครใคร
รักก็ได้ แต่พร่ำ เป็นคำกลอน


วานเสียงเพลง นี้เตือน ถึงเพื่อนฝัน
อย่ายิ้มหยัน เย้ยวจี ที่ออดอ้อน
วานอย่ามี ทีท่า ไม่อาทร
เขาจะร้อน ใจร้าว หนาวคะนึง

สุมามาลย์ หวานฉ่ำ กับน้ำค้าง
ก็อ้างว้าง เพราะพิษ ความคิดถึง
ใจนั้นหวั่น ปั่นป่วน และอวลอึง
เพ้อรำพึง เหมือนมิเคย ใจเอ๋ยใจ


จะให้ลืม ปลื้มได้ อย่างไรเล่า
เพียงเงาเงา เฝ้าฝัน ยังหวั่นไหว
กำซาบซึ้ง เสน่หา มาไรไร
เกินจะไข คำแล้ว นะแก้วตา

อารมณ์เอ๋ย รัญจวน ลวนลามนัก
เร่งแต่รัก  รัก รัก เสียหนักหนา
ความคิดถึง รึงรุก ทุกเวลา
ทั้งใบหน้า คิ้วคาง ต่างมาเตือน

ใจจะขาด สวาทหวิว ละลิ่วลิบ
ลมกระซิบ สั่งเสียง สำเนียงเหมือน
จะหันห่าง อย่างนี้ กี่ปีเดือน
หรือจะเลือน ลอยร้าง ไปอย่างเคย

หนาวจากฟ้า มาคว้าง อยู่กลางอก
สั่นสะทก สะท้านไหว แล้วใจเอ๋ย
ฝันถึงเดือน เพื่อนฟ้า น่าชื่นเชย
ก็เกินเลย ลำนำ จะคร่ำครวญ


ขอโทษแทน วารี ที่เผลอพร่ำ
ฝันที่ก้ำ เกินเลย ระเหยหวน
วานอภัย เสียงเพลง เกรงจะกวน
นอนเถิดนวล เสน่หา อย่าอาลัย

ทิมมี่:
ไก่    กลอนของเนาวรัตน์   พงษ์ไพบูลย์

ไก่ข้างบ้าน ขันปลุก ทุกก่อนเช้า
เคยนอนเฝ้า ฟังซ้ำ จนจำได้
มันบอก  ต้นสาเกโค่น  ตะโกนไกล
รับกันไป ต่อต่อ โก่งคอร้อง


ต้นสาเก บ้านใคร ที่ไหนโค่น
เฝ้าตะโกน โพนทะนา หาเจ้าของ
หรือฝันเกาะ กิ่งหัก เสียหลักรอง
ตกใจต้อง ตื่นตะโกน ต้นสาเก

เพลินฟังเสียง ฟังซ้ำ จนจำได้
ช่างกระไร ไก่เอ๋ย ไม่เคยเห
เฝ้าขันยาม ตามควร ไม่รวนเร
เหมือนบอกเวลาวัน เปลี่ยนผันไป

นอนคอยเสียง สาเกโค่น จนรุ่งเช้า
หูยังเฝ้า เฟือนหวัง ฟังเสียงไก่
แต่ใยหนอ เงียบสนิท จนผิดใจ
เงียบอย่างไม่ เคยมี เช่นนี้เลย


แล้วเสียงเขียง จากครัว ก็รัวถี่
ทำหน้าที่ สุดท้าย หรือไก่เอ๋ย
เลือดติดมีด กรีดกระเซ็น เหมือนเช่นเคย
หลั่งสังเวย เหล้าหวาน วันมงคล



ทิมมี่:
กลอนของ ประยอม   ซองทอง

ชีวิตเราถ้าเหมือนเรือ  (พ.ศ 2502)

--------------------------------------------

ชีวิตเรา ถ้าเหมือนเรือ เมื่อออกท่า
ไม่รู้ว่า ค่ำนี้ นอนที่ไหน
จะลอยล่ม จมน้ำ คว่ำลำไป
หรือสมใจ จอดฝั่ง ..ก็ยังแคลง


ได้แต่ดื่ม น้ำตา เมื่อฟ้าร่ำ
ยิ่งยามย่ำ สายัณห์ ยิ่งกรรแสง
ถูกลมหวน หอบข่ม ระดมแรง
จึงรู้แล้ง หมดแล้ว น้ำแก้วตา

เพราะหากมัว มาร่ำ กำสรวลอยู่
ไหนจะรู้ ทรงเรือ บ่ายเมื่อหน้า
ต้องตักพาย หมายขืน ฝืนลมฟ้า
ไร้เวลา อาดูร พอกพูนใจ


สติตรง ตาแน่ว ดูแนวน้ำ
ไม่ลอยลำ ขวางเรือ เมื่อน้ำไหล
ถ้าไม่ล่อง ก็ท่องทวน สวนทันใด
เรือจึ่งได้ แนวดิ่ง ไม่ทิ้งทาง

ในโลกนี้ มีสิ่ง ต้องวิ่งแข่ง
ถ้าหย่อนแรง ราข้อ ต่อเข้าบ้าง
ก็จะแพ้ แย่ยับ ถึงอัปปาง
อย่าหมายร่าง เราจะอยู่ สู้หน้าใคร

ชีวิตเรา ถ้าเหมือนเรือ เมื่อออกท่า
ต้องรู้ว่า ค่ำนี้ นอนที่ไหน
ต่อรุ่งเช้า ก้าวอีกขั้น มรรคาลัย
กว่าวันชัย สมประสงค์ ถือธงชู..
 
 
 
 
 
 
 

ทิมมี่:
หวานคมเคียว  กลอนของ เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์

 

เอนระนาบ อาบน้ำค้าง กลางแดดหนาว
ทอดรวงยาว ยอดระย้า ราน้ำใส
ละลานรอบ ขอบฟ้า คราพริ้วใบ
เพียงพรมใหญ่ ไหวระยาบ ทาบเปลวทอง


เพรียกเพลงเรือ เมื่อสาง หมอกจางสี
ระเรื่อยรี่ เลียบลัด ตัดชายหนอง
สาวเจ้าพาย ย้ายเยื้อง ชำเลืองมอง
หนุ่มก็พร้อง เพลงเกี่ยว เกี่ยวแก้กัน


โอ้ช่อทิพย์ รวงทอง ชะน้องเอ๋ย
พี่ควงเคียว เกี่ยวเกย ไม่เคยหวั่น
หวาดแต่ใจ เจ้าไม่จริง มิ่งแจ่มจันทร์
จะเกี่ยวค้าง เสียกลางคัน เท่านั้นเอย

สาวสะเทิ้น เอิ้นเอ่ย เผยโอษฐ์โอ้
ดอกโสน ริมนา พี่ยาเอ๋ย
จะลดเลี้ยว เกี่ยวใจ น้องไม่เคย
ที่ไหนเลย จะเชี่ยวเท่า คนเจ้าชู้

เพลงรักแว่ว แผ่วหวาน กังวาลหวิว
ทั้งทุ่งทิว ทั่วใกล้ ไกลเกินกู่
นกร่ายฟ้า มาเรียง เคียงริมคู
สาวหนุ่มคู่ คลอแข่ง ร่วมแรงงาน


เขาเริงรื่น ลงแขก แลกแรงเรี่ยว
ต่าง จับหน้า คว้าเคียว เกี่ยวผสาน
ล้วนข้าวงาม อร่ามกอ คลอน้ำนาน
เขาขานบอก ออกอุทาน หวานคมเคียว

ทิมมี่:
ขอนำบทกลอน ของ ประยอม  ซองทอง นักกลอนอาวุโสรุ่นพี่ เนาวรัตน์ฯ  ซึ่งแต่งเมื่อปี 2503 มาให้อ่านครับ

+------+-----+------+------+

สงสารเดือน
ที่ขาดเพื่อน เคว้งคว้าง อยู่กลางหาว
มีเพียงแสง รุบหรู่ ของหมู่ดาว
เป็นเพื่อนคราว เดือนฉาย อยู่ดายเดียว


ยิ่งฟ้าหม่น มืดทะมึน เหมือนคืนนี้
อ้อมสรวงมี เดือนเศร้า อยู่เปล่าเปลี่ยว
เห็นเหงาหงอย ห้อยหาว รูปยาวเรียว
สีซีดเซียว เกี่ยวฟ้า ว้าเหว่ใจ


เคยฟ้าแผ้ว แวววาว ดาวประดับ
บัดนี้ลับ เร้นลี้ ไปที่ไหน
ปล่อยทุกห้อง หาวหน หม่นหมองไว้
ทิ้งเดือนให้ แขวนคว้าง กลางโพยม


ฟ้าคร่ำครืน ครวญคราง ออกอย่างนี้
หน่อยจะมี พายุ พัดพรูโหม
น้ำตาฟ้า จะพร้อยพรั่ง ลงหลั่งโลม
สงสารโคม คู่ฟ้า จะมืดมิด

คิดถึง"เดือน"
ผู้เสมือน เพื่อนใจ อันไพจิตร
เพื่อนเคยอยู่ คู่ขวัญ เป็นเพื่อนชิด
เป็นคู่คิด คู่ขวัญ ร่วมกันมา

"เดือนเอ๋ย"
ไม่โกรธเลย ที่เธอทำ ช้ำหนักหนา
ยังห่วงถึง ซึ้งสนิท ติดตรึงตรา
รอเธอมา ร่วมความหลัง อยู่อย่างมิตร

เธอหลงไหล ไฟเปลว ดิ่งเหวลึก
กว่าเมื่อใด  เธอรู้สึก สำนึกผิด
ไร้ใครอื่น หมื่นผู้ เชิดบูชิต
ขอให้คิด มิตรอย่างฉัน มั่นห่วงเดือน


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว