บทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า เคยตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้เอาไว้เป็นบทความขนาด 2 ตอนครับ
มีการลงข้อความในหนังสือชื่นชม อธิบดีกรมสนธิสัญญา จากปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
จึงเก็บมาให้อ่านกันนะครับ เริ่มจากตอนที่ 1 ก่อน
ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีความเกี่ยวพันกันจริงๆ ไม่ใช่เป็นแค่ข้อสังเกตเสียแล้ว -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อย่าซื่อต่อฅนคด อย่าทรยศต่อคนไทย (กวนน้ำให้ใส)คอลัมน์กวนน้ำให้ใส หนังสือพิมพ์แนวหน้า 15 พฤษภาคม 2551
ขณะนี้ ผู้คนสงสัยว่า มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล กำลังเกิดขึ้นภายใต้นโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลสมัคร
เป็นเรื่องที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่จะต้องทำให้เกิดความกระจ่างชัด
ต่อประชาชนคนไทยเจ้าของประเทศโดย เร็วที่สุด
เพราะรัฐมนตรี คือ คนที่ทำงานกินเดือนจากภาษีอากรของประชาชนคนไทย ไม่ใช่คนที่ทำงานเป็นลูกจ้างกินเงินทักษิณ
และเป็นผู้ได้รับมอบหมายอำนาจรัฐให้ไปทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่รับเหมาอำนาจรัฐไปตอบแทนบุญคุณส่วนตัว
ของใคร พิจารณาดูสิ่งที่เกิดขึ้น พบว่า มีข้อน่าพิรุธสงสัย หลายประการ
1. รัฐมนตรีจะอ้างว่า การโยกย้ายนายวีระชัย พลาดิศัย จากตำแหน่งอธิบดีกรมสินธิสัญญาและกฎหมาย ไปเป็น
เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง เป็นเรื่องการบริหารภายใน ไม่ต้องชี้แจงเรื่องความเหมาะสม หรืออ้างว่า
"เป็นความในกระทรวง เรื่องในการทำงาน ไม่อยากนำออกมาพูดข้าวนอก" ไม่ได้เป็นอันขาด นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนตัว
ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นการเปลี่ยนตัวข้าราชการที่กำลังทำหน้าที่สำคัญของบ้านเมือง ทั้งในเรื่อง
เขาพระวิหาร และการดูแลผลประโยชน์ของชาติในพื้นที่ทับซ้อนในทะเล รวมไปถึงเป็นผู้รับผิดชอบการแปลและรักษา
เอกสารลับสำคัญเกี่ยวกับการดำเนิน การเอาผิดกับคนโกงในคดีซีทีเอ็กซ์
2.รัฐมนตรีจะอ้างว่า การโยกย้ายเป็นเรื่องของปลัด ตนเป็นเพียง "เมสเซนเจอร์" (คนส่งเรื่อง) นำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.
เท่านั้น ก็คงอ้างได้แบบน้ำขุ่นๆ สีข้างถลอกปอกเปิก เลือดไหลเป็นทาง เพราะถ้าปลัดกระทรวงเป็นคนต้นคิด ใช้วิจารณญาณ
ดุลยพินิจ ปฏิบัติหน้าที่ในการโยกย้ายอธิบดีโดยปราศจากการกดดัน แทรกซง สั่งการจากฝ่ายการเมืองจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผล
ที่ปลัดฯจะออกมาเขียนจดหมายเปิดผนึกด้วยลายมือตนเอง กล่าวชื่นชม สดุดีการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะอธิบดีของนายวีระชัย
ก็ถ้าเห็นว่าเขาทำงานดี คนบ้าที่ไหนจะย้ายเขาให้ตนเองโดนด่า
แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เขียนจดหมายเปิดผนึก
ด้วยลายมือ ส่งถึงข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศ มีเนื้อใจความว่า
"ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานกับท่านอธิบดีวีระชัยในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเจรจาเขตแดนกับลาวและกัมพูชา
ซึ่งท่านอธิบดีได้แสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์แก่ฝ่ายลาวและกัมพูชา พวกเราทุกคนที่อยู่ในคณะผู้แทนไทยทั้งข้าราชการ
กระทรวงการต่างประเทศและ หน่วยราชการต่างๆ มีความภูมิใจที่ราชอาณาจักรไทยมีนักการทูตที่เก่งกาจเช่นท่านอธิบดีวีระชัย
ซึ่งทำหน้าที่อย่างดีเลิศในการปกป้องผืนแผ่นดินไทยและผลประโยชน์ของชาติ
ตลอดเวลาที่ผมได้ร่วมงานกับท่านอธิบดีวีรชัยมา ผมมีความเชื่อมั่นในวิจารณญาณและ INTEGRITY (ความซื่อสัตย์ซื่อตรง)
ของท่านอธิบดี ซึ่งผมมีความมั่นใจว่าท่านอธิบดีวีรชัยในการปฏิบัติหน้าที่ใหม่เป็นที่ ปรึกษากฎหมายของปลัดกระทรวงและ
ดูแลงานด้านบุคลากรของกระทรวงก็จะประสบความ สำเร็จอย่างดียิ่งด้วยคุณสมบัติดังกล่าวของท่านอธิบดี
สุดท้ายนี้ ขอให้ข้าราชการทุกท่านของกรมสนธิสัญญา ยึดถือท่านอธิบดีวีรชัยเป็นบุคคลตัวอย่างได้ทำหน้าที่รับใช้ชาติอย่าง
สุดความสามารถ และรักษาเกียรติยศของชาติของกระทรวงการต่างประเทศให้สมศักดิ์ศรีของข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทำไมต้องย้ายข้าราชการที่มี INTEGRITY ออกไปจากตำแหน่งที่กำลังทำหน้าที่สำคัญ ?
3. อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้วิเคราะห์ในรายการ "รู้ทันประเทศไทย" ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี โดยระบุว่า
การโยกย้ายครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่นายนพดล ปัทมะ ต้องการได้รับเอกสารผลการสอบสวนการทุจริตเครื่อง
ตรวจระเบิดซีทีเอ็กซ์ของ สหรัฐอเมริกา ส่วนที่ คตส.ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแปลเป็นภาษาไทย เพื่อใช้เป็น
หลักฐานสำคัญในการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องในชั้นศาล โดยนายนพดลไม่ได้ขอโดยตรงจากอธิบดี แต่ให้หัวหน้าสำนักงาน
รัฐมนตรีฯ เป็นคนขอให้ แต่อธิบดีได้ตอบว่า ให้ทำเอกสารขอมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะเป็นเอกสารที่มีชั้นความลับ
ซึ่งทางการสหรัฐให้มาใช้ในกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะ การจะส่งเอกสารความลับออกไปให้ใคร จึงต้องมีบันทึก
เป็นลายลักษณ์อักษร น่าสงสัยว่า นายนพดลได้กระทำเยี่ยงนั้น จริงหรือไม่ ?
หากกระทำจริง จะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่ เหมาะสมเพียงใด
หน้าที่ในการแสวงหาข้อมูลพยานหลักฐาน เพื่อนำมาใช้วางแผนแก้ต่างคดีให้กับผู้ถูกกล่าวหาทุจริตซีทีเอ็กซ์ เป็นหน้าที่
ของทนายความฝ่ายจำเลย ซึ่งมิใช่นายนพดล มิใช่หรือ
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ มีความจำเป็นหรือเหตุผลกลใดหรือไม่ จึงต้องการเอกสารลับที่ทางการสหรัฐ
ส่งมาให้ คตส. ใช้ในการดำเนินคดีดังกล่าว ?
นอกจากนี้ ยังมีข้อพิรุธสงสัยอีกหลายประการ ซึ่งประกอบเข้าด้วยกันแล้ว จะทำให้เกิดสงสัย และนึกถึงคำเตือนคำสอน
ของคนรุ่นก่อนที่ว่า "อย่าซื่อต่อฅนคด อย่าทรยศต่อคนไทย"
พรุ่งนี้ มาตามดูกันต่อ
สารส้ม
วันที่ 15/5/2008