The Last Emperor
|
|
« เมื่อ: 21-06-2006, 10:26 » |
|
สนับสนุนการดำเนินการของกลุ่มกู้ชาติทั้งทางตรงและทางอ้อมสักนิด เอะอะอะไรก็กู้ชาติๆทั้งๆที่ประเทศชาติยังไม่ล่มจม อยากถามดังๆให้ได้ยินทั่วกันเลยว่า 'กลุ่มกู้ชาติรู้จักสำนึกผิดบ้างไหม?'
ประการหนึ่ง พวกกู้ชาติทำให้ประเทศชาติเสียหายทำให้ต่างชาติไม่กล้ามาลงทุนในไทย
ประการหนึ่ง พวกกู้ชาติกำลังสร้างบรรทัดฐานการเมืองแบบบ้านป่าเมืองเถื่อน ทำตัวเหนือกฎหมายและใครๆในประเทศนี้โดยบอกว่า ทักษิณต้องออกไปจากการเมืองอย่างสิ้นเชิง (มีประเทศไหนในโลกที่มีแบบนี้?)
ประการหนึ่ง พวกกู้ชาติไม่เคยสักครั้งที่จะมีหลักฐานเอาผิดทางกฎหมายต่อคุณทักษิณได้ในข้อกล่าวหาลอยๆ อาทิ ผลประโยชน์ทับซ้อน โกงบูรณาการ ขายชาติ และท้ายสุดคอมมิวนิสต์สายพันธุ์ใหม่ เป็นต้น
ประการหนึ่ง พวกกู้ชาติชอบเสพข้อมูลทางdigital information แต่ละเลยแถมยังดูถูกรากหญ้าที่สัมผัสข้อเท็จจริงผ่านนโยบายต่างๆของรัฐบาลทักษิณ ระหว่างสิ่งที่เป็นนามธรรม(เสพสื่อลูกเดียว) กับ รูปธรรม(สัมผัสนโยบายที่แท้จริง) นั้นช่างต่างกันราวนรกกับฟ้าสิ้นดี ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าการศึกษาไม่ได้ช่วยให้คนเรามีจิตสำนึกที่ดีแม้แต่น้อย หากแต่การศึกษาทำให้บางคนในสังคมนี้ลุ่มหลงและศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองเสพโดยไม่กลั่นกรองสักนิด
อนิจจา....พวกกู้ชาติทั้งหลายเอ๋ย แม้ ณ วันนี้ จะให้ใครต่อใครอธิบายให้เห็นอย่างไรก็ตามในสิ่งที่พวกเจ้าคิดพวกเจ้ากระทำนั้นผิดและไร้เหตุผล พวกเจ้าก็คงไม่ยอมเชื่ออย่างแน่นอน
ช่างเถอะ...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมของมันเอง
วันนี้พวกเจ้ายังมีความสุขกับการกู้ชาติอะไรๆนั่นอีกไหม!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 21-06-2006, 10:29 » |
|
บาปกรรมกำลังส่งผลถึงกลุ่มกู้ชาติเต็มๆแล้วขณะนี้จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น คนตกงาน ยอดขายของSMEsลดฮวบ.....ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรกลับสูงขึ้น
เห็นสัจจะธรรมกันหรือยัง!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 21-06-2006, 10:37 » |
|
ของแหยมกระทู้นี้หน่อยครับ เที่ยวไปว่ากลุ่มโน้นกลุ่มนี้
รัฐบาลเคยคิดบ้างมั๊ยว่า ถ้าตัวเองทำดี ทำให้ประชาชนชื่นใจ
คิดหรือว่าการออกมาขับไล่กันกลางถนนจะทำได้ง่าย ๆ
นี่คือผลงานที่ประจานความไม่เอาใหน ความไม่เข้าใจประชาธิปไตยของรัฐบาลนั่นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลูกไทย หลานไทย
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 21-06-2006, 10:41 » |
|
บาปกรรมกำลังส่งผลถึงกลุ่มกู้ชาติเต็มๆแล้วขณะนี้จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น คนตกงาน ยอดขายของSMEsลดฮวบ.....ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรกลับสูงขึ้น
เห็นสัจจะธรรมกันหรือยัง!?!
ผมกลุ้มใจระบบการเรียนการสอนในปัจจุบันมากกว่าครับ ความผิดของคุณทักษิณแท้ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Ŋēmŏ mē ĩmρưŋē ĺдċęşšįҐ
|
|
|
HILTON (ปาล์มาลี)
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 21-06-2006, 11:03 » |
|
ไอ้พวกมั่วๆมันทำดีต่อชาติตรงไหน หน้าด้านไปวันๆ ไร้ความรับผิดชอบ ตัวเองไม่มีความรับผิดชอบ กลับเที่ยวมาเรียกร้องให้ใครต่อใครรับผิดชอบ ใช้ได้หรือ เล่นกติกาหมา ก็ต้องใช้วิธีการหมาๆเหมือนกัน ไปดูเงินที่เขาว่ากันว่ารัฐบาลถังแตกหน่อย ว่าพวกมันมีคุณต่อประเทศจนหน้ากราบไหว้อย่างไง ห๋า เจ้าของกระทู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายเบียร์
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 21-06-2006, 11:06 » |
|
เหอๆๆ เอาแค่ที่ให้ออกไปจากระบบการเมืองโดยสิ้นเชิง เคยเปิดดูข่าวต่างประเทศไหมครับ? อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนหนังสือน้อยหรือมากเลยนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 21-06-2006, 11:08 » |
|
... says: ลุง ทำไมพวกลิ่วล้อชอบอ้างพระราชดำรัสที่ว่า เอะอะก็กู้ชาติ กู้ชาติ
Can says: ก็ตีความเข้าข้างตนเอง ท่านหมายถึงอย่าอ้างกันง่าย ๆ เพราะมัวแต่อ้างมันไม่ช่วยอะไร ต้องลงมาช่วยกันก่อนที่จะล่ม การตีความต้องมองในด้านดีเป็นหลัก มิเช่นนั้นท่านจะลงมาขอให้ศาลช่วยทำไมล่ะ ท่านให้ศาลช่วยกันก่อนที่มันจะจม ถ้าจมแล้วมันกู้ไม่ได้
... says: นั่นสินะ - - พระดำรัสผมว่าชัดเจนนะครับ ข้อนี้ ที่ว่า ช่วยก่อนจะจม
Can says: นั่นคือตีความแบบเห็นประโยชน์ของชาติเป็นหลัก มัวแต่ร้องกู้ชาติ ๆ มันกู้ไม่ได้นะ เพราะถ้าจมแล้วมันกู้ไม่ได้
... says: ครับผม ^^
Can says: ต้องช่วยกันอุด ไม่ใช่ช่วยกันกู้ ตรง ๆ ง่าย ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 21-06-2006, 11:17 » |
|
ไอ้พวกมั่วๆมันทำดีต่อชาติตรงไหน หน้าด้านไปวันๆ ไร้ความรับผิดชอบ ตัวเองไม่มีความรับผิดชอบ กลับเที่ยวมาเรียกร้องให้ใครต่อใครรับผิดชอบ ใช้ได้หรือ เล่นกติกาหมา ก็ต้องใช้วิธีการหมาๆเหมือนกัน ไปดูเงินที่เขาว่ากันว่ารัฐบาลถังแตกหน่อย ว่าพวกมันมีคุณต่อประเทศจนหน้ากราบไหว้อย่างไง ห๋า เจ้าของกระทู้
ฮ่าๆๆ...นี่ไงครับตัวอย่างของกระทู้นี้ที่ว่าไว้ กติกาของพวกกู้ชาติก็คือ ต้องได้เท่านั้น เสียใจด้วยจริงๆที่คนไทยส่วนใหญ่(คิดอัตราส่วนจากผลการเลือกตั้งล่าสุด) เค้าไม่เอาด้วยกับวิธีการหมาๆอะไรนั่น รัฐบาลถังแตก? ไปเอาข่าวมั่วๆนี้จากแหล่งข่าวผู้จัดการ หรือไม่ก็Nation อ่ะดิ๊!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-06-2006, 11:35 » |
|
รัฐบาลถังแตก .................................................. นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กรรมการบริหาร และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ชี้ประเด็นที่รัฐบาลออกตั๋วเงินคลังเพิ่มอีก 8 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลให้เหตุผลว่ารัฐบาลจำเป็นต้องออกตั๋วเงินคลังเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในระบบการคลังนาย เกรียงศักดิ์ระบุว่ามี 3 ประเด็นที่มีความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการดังกล่าว ดังนี้
ประการแรกการบริหารการคลังที่ไม่รอบคอบของรัฐบาลทักษิณที่ใช้จ่ายเงินอย่างไม่คิดถึงอนาคต รัฐบาลใช้งบกลางปีถึง 50,000 ล้านบาท แม้จะมีหลายรายการที่เป็นความเร่งด่วน เช่น ปัญหาภัยแล้ง สึนามิ หรือปัญหาภาคใต้ แต่ก็มีหลายรายการที่ไม่ใช่ความเร่งด่วน เช่น SME, ผู้ว่า CEO และรายการเหล่านี้มีสัดส่วนมากกว่ารายการที่มีความเร่งด่วนจากงบกลางปีทั้งหมดงบกลางปีนี้ เกิดจากรายได้จากการเก็บรายได้เกินเป้าในปีงบประมาณ 2548 ซึ่งตามปกติเงินส่วนนี้ควรเข้าเป็นเงินคงคลัง แต่รัฐบาลกลับนำไปใช้นอกในงบประมาณ ส่งผลให้เงินคงคลังมีจำนวนเหลือน้อยมากจนกระทั่งเกิดภาวะขาดสภาพคล่องจนต้องออกตั๋วเงินคลัง
นายเกรียงศักดิ์เปรียบเทียบว่าเหมือนคนที่วางแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อให้เพียงพอกับรายได้แล้วแต่เมื่อสิ้นปีได้โบนัส ก็เอาเงินโบนัสไปใช้จนเกลี้ยง จึงไม่มีเงินเหลือเก็บ ต่อมาเกิดจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน ก็ไม่มีใช้จึงต้องไปกู้เครดิตดอกโหดระยะสั้น แต่รัฐบาลไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไปหากรัฐบาลถังแตก ประชาชนอีก 60 ล้านคนก็เดือดร้อน และเป็นการก่อหนี้ภาครัฐมากขึ้นด้วย ทั้งๆที่ประเทศมีหนี้สาธารณะสูงอยู่แล้วทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังเป็นการการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น
ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลควรทราบอยู่แล้วก่อนที่จะตั้งงบประมาณว่าเงินคงคลังที่มีเหลือน้อยนั้นจะส่งผลให้ขาดสภาพคล่องได้ ซึ่งทำให้รัฐบาลควรตั้งงบประมาณให้ต่ำลง แล้วใช้งบประมาณเกินดุลเพื่อเพิ่มเงินคงคลังรัฐบาลเพื่อรัฐบาลจะเพื่อเงินคงคลังพอที่จะเกิดสภาพคล่องได้ หากรัฐใช้งบประมาณสมดุลจะไม่ทำให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเกิดปัญหานี้ต่อไปในช่วงต้นปีงบประมาณของปีต่อไป
ประการที่สองการใช้จ่ายเกินตัวตามใจชอบ แม้ว่างบประมาณในปีนี้จะตั้งแบบสมดุล แต่มีหลายรายการที่ส่อเค้าว่ารัฐบาลใช้จ่ายอย่างตามใจชอบ เช่น Megaproject หรือโครงการอื่นๆ แต่ที่เห็นได้ชัดคือการตั้งงบกลางซึ่งเป็นงบที่สามารถใช้ทำอะไรก็ได้เป็นจำนวนมาก และเงินจำนวนมากนี้ทำให้รัฐบาลลำบากในการหาเงินมาใช้ ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น โครงการรถไฟฟ้า ที่รัฐบาลรู้ทั้งรู้ว่าเป็นนโยบายที่ชื่นชอบของประชาชนซึ่งนโยบายอย่างนี้ รัฐบาลไม่ลังเลที่จะทำอยู่แล้วแต่รัฐบาลกลับตัดเส้นทางรถไฟฟ้า 2 สาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะกระทบต่อคะแนนเสียงของตน
แสดงให้เห็นว่างบประมาณนั้นถูกใช้จ่ายมากจนหารายได้มาไม่ทันจริงๆ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องพลิกตำรา เพื่อหาเงินมาสนับสนุนรวมทั้งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอยู่ถือเป็น ท่าไม้ตาย หนึ่งของรัฐบาลนี้แต่เหตุการณ์พลิกผันมาเป็นว่าการขาย กฟผ. ที่แต่เดิมตั้งใจว่าจะขายในกลางเดือน พฤศจิกายนนี้เป็นอันต้องเลื่อนไปการขาย กฟผ. ในครั้งนี้ที่รัฐบาลตั้งใจจะขายหุ้น 25% คิดเป็นมูลค่าประมาณถึง 5 หมื่นล้าน เมื่ออ้อยทั้งป่าที่ทำท่าว่าจะเข้าปากช้างอยู่รอมร่อกลับหายไป จึงทำให้รัฐบาลเกิดเงินช็อต
สส.ปชป. ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลขาดรายได้จากการขาย กฟผ. ซึ่งรัฐบาลคาดว่าจะเป็นแหล่ง support เงินของรัฐบาล ทำให้ขาดสภาพคล่องจนต้องออกตั๋วเงินคลังดังกล่าว เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังใช้จ่ายเกินตัวไปแล้ว แม้ดูเหมือนว่าจะตั้งงบประมาณแบบสมดุล เนื่องจากรายได้จากการขายรัฐวิสาหกิจ ไม่ควรถูกนำมาคิดเป็นทางหารายได้ของรัฐบาลที่จะนำมาชดเชยการใช้จ่ายภาครัฐถ้ารัฐบาลหมายมั่นปั้นมือให้รายได้จากการขาย กฟผ. เป็นตัวหลักในการสนับสนุนงบประมาณจริงๆ ก็แสดงว่าการงบประมาณนั้นไม่ได้ถูกคิดอย่างรอบคอบเลย
ประการสุดท้าย แผนการใช้เงินรัฐบาลพูดถึงแผนการใช้เงินว่า เพื่อความคล่องตัวในการบริหารเงินสดของรัฐบาลเป็นคำพูดที่มีความหมายกว้าง และสามารถยืดหยุ่นได้มากหากถูกเงินที่ได้จากตั๋วเงินคลังนี้ ถูกนำไปใช้เพื่อไปเงินสดสำรองเพื่อใช้ในการเบิกจ่ายอย่างเดียว แต่หากงบประมาณส่วนนี้ถูกนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่มิได้อยู่ในงบประมาณประจำปีแล้วอย่างนี้ถือว่ายอมไม่ได้
นายเกรียงศักดิ์พูดปิดท้ายว่า รายได้ส่วนนี้จะกลายเป็น งบลับ ของรัฐบาลที่อาจนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ที่ว่า งบลับ นั้นก็เนื่องจากหากงบประมาณถูกใช้จากรายได้จากตั๋วเงินคลังนั้น จะไม่ถูกบันทึกลงในงบประมาณรายจ่ายประจำปีรัฐบาลจะเพียงแต่บันทึกลงในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 ในฐานะหนี้ผูกพันของรัฐบาลที่ต้องใช้คืนเท่านั้นซึ่งเป็นการยากในการตรวจสอบ
ดั้งนั้นท่านนายกฯ จำเป็นต้องออกมาให้ความกระจ่างและให้ความโปร่งใสของรายได้จากตั๋วเงินคลังนี้ว่ารายได้จะไม่นำไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากเป็นเงินที่สำรองไว้เพื่อสภาพคล่องในการเบิกจากตามงบประมาณประจำปีปกติเท่านั้นเพื่อความโปร่งใสของรายได้ในส่วนนี้ ต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าเงินคงคลังจะร่อยหรอลงไปอีกหรือไม่ ??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 21-06-2006, 11:36 » |
|
รัฐบาลถังแตกเพราะมือเติบ .................................................. ดร.เกรียงศักดิ์ ชี้เหตุรัฐบาลถังแตกเพราะมือเติบ ผ่านพฤติกรรมสามประการ คือ การใช้จ่ายอย่างขาดเหตุผล การใช้จ่ายเกินตัว และการใช้จ่ายหมดตัว
ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนฯ กรรมการบริหาร และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรายงานการเงินของแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า รัฐบาลถังแตกเพราะใช้จ่ายมือเติบ ใช้จ่ายงบประมาณเพื่อหวังผลทางการเมือง ชนะเลือกตั้งปี 48 โดยไม่คำนึงถึงวินัยทางการคลัง พฤติกรรมมือเติบของรัฐบาลปรากฏอาการต่อไปนี้
ประการแรก รัฐบาลใช้จ่ายอย่างขาดเหตุผล การจัดงบฯ ในปี 47 มีความแปลกประหลาด เพราะเป็นการจัดสรรงบฯแบบขาดดุล โดยขาดดุลถึง 99,900 ล้านบาท หรือ 9.7% ของงบประมาณรายจ่าย ทั้งที่ไม่ควรจัดแบบขาดดุลเพราะเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวสูง (ปี 46 เศรษฐกิจขยายตัวสูงถึง 6.9% และปี 47 มีการคาดการณ์เศรษฐกิจจะขยายตัวสูงต่อเนื่องจากปี 46 และมีการขยายตัวจริง 6.1% )
พฤติกรรมดังกล่าวขัดกับหลักทางเศรษฐศาสตร์ที่รัฐบาลจะใช้นโยบายการคลังแบบขยายตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยามเศรษฐกิจชะลอตัว แต่รัฐบาลนี้กลับใช้นโยบายนี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวดี นับเป็นการใช้จ่ายแบบไม่สมเหตุสมผล ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์
ประการที่สอง รัฐบาลใช้จ่ายเกินตัว เป็นปีที่รัฐบาลตั้งใจจัดงบประมาณแบบขาดดุล แต่การจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการณ์ 47,511 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวสะท้อนว่าเศรษฐกิจดี ไม่จำเป็นที่ต้องกระตุ้นด้วยนโยบายการคลัง แทนที่รัฐบาลจะเปลี่ยนนโยบายเป็นการจัดงบฯ แบบสมดุล แต่รัฐบาลยังคงนโยบายงบฯขาดดุล โดยตั้งงบฯเพิ่มเติม (งบกลางปี) อีก 135,5000 ล้านบาท และเพิ่มรายจ่ายตาม พ.ร.บ.เงินคงคลัง อีก 88,597 ล้านบาท ทำให้รายจ่ายของรัฐบาลสูงกว่างบฯรายจ่ายที่ตั้งไว้ จึงต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลหรือพูดให้ง่าย ๆ ทั้งที่รัฐบาลเก็บรายได้เพิ่มขึ้น กลับยิ่งใช้จ่ายมากขึ้น จนเกินรายได้ จนทำให้ต้องกู้เพิ่มขึ้นอีก
ประการที่สาม รัฐบาลใช้จ่ายหมดตัว จากรายงานการเงินของแผ่นดินหน้า 10-11 เรื่องเงินคงคลังรอการชดใช้ในปีงบประมาณ 2547 เงินคงคลังรอการชดใช้ เพิ่มขึ้นจาก 54,345.35 ล้านบาท เป็น 90,817.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 67%ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลนำเงินคงคลังออกมาใช้จ่ายสุทธิ 3.6 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยยังระบุว่า รัฐบาลมีหนี้ตั๋วเงินคลังเพิ่มขึ้นประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ในช่วงปีงบประมาณ 47 ณ สิ้นปี 47 หนี้ตั๋วเงินคลังสะสมไว้สูงถึง 1.55 แสนล้านซึ่งหมายความว่า รัฐบาลยังกู้เงินผ่านตั๋วเงินคลังอีก 6 หมื่นล้านบาท รวมการใช้จ่ายในช่วงปี 47 ที่มาจากเงินคงคลังและตั๋วเงินคลัง สูงถึง 9.6 หมื่นล้านบาท (6 หมื่นล้าน + 3.6 หมื่นล้าน) โดยรายการที่ใช้เงินดังกล่าว คือ เงินเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ ค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐ เงินเดือนและค่าจ้างของข้าราชการและลูกจ้างประจำ ฯลฯ ซึ่งเป็นรายการที่คาดการณ์ได้ ไม่ใช่รายจ่ายฉุกเฉิน
คำถามคือ เหตุใดจึงต้องเบียดเบียนเงินคงคลังด้วย พฤติกรรมของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่า มีเงินเท่าไรพยายามออกมาใช้ให้หมด ไม่เก็บสำรองไว้ยามฉุกเฉิน
พฤติกรรมเช่นนี้ ย้ำรัฐบาลใช้จ่ายขาดเหตุผล ใช้จ่ายเกินตัว ใช้จ่ายหมดตัว เป็นสาเหตุของสภาพ รัฐบาลถังแตกเพราะมือเติบ ในปัจจุบัน ส.ส.ปชป.กล่าวสรุป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 21-06-2006, 11:37 » |
|
ถึงเวลาแล้วครับที่เราต้องเข้าใจเรื่องการคลังของรัฐบาลกันบ้าง ไม่ใช่รัฐบาลในอดีตของคุณทักษิณเท่านั้นแต่ของทุกรัฐบาลที่รับอาสาทำงานแทนพวกเรา งานนี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นการดูแลเงินภาษี เงินที่รัฐได้มาจากความเหนื่อยยากของพลเมืองดีที่ยินดีเสียภาษีครับ
ปีหนึ่งๆ รัฐฯเก็บภาษีจากประชาชนในรูปแบบต่างๆกัน ตั้งแต่การจัดเก็บแบบง่ายๆ เช่นภาษี VAT คือโดนเก็บภาษีกันหมดทุกคนไม่ว่าจะฐานะยากดีมีจนแค่ไหน จ่ายเท่าๆ กัน ปัจจุบันจ่ายร้อยละ7 หรือภาษีเฉพาะประเภท เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ใครหาได้มาก จ่ายมาก คนไหนหาได้น้อย จ่ายน้อย (พวกหาได้มาก แล้วเบี้ยวไม่ชอบจ่ายก็มี!)
รัฐบาลในอดีตเก็บเงินภาษีได้ปีละหลายแสนล้าน ตอนนี้ปาเข้าไปปีละล้านล้านบาทแล้วครับ รัฐบาลบางครั้งลืมตัว เวลาใช้เงินเพื่อการหนึ่งการใด ขาดความระมัดระวัง ทำเหมือนว่าเป็นเงินที่หาได้มาเอง แท้ที่จริงเป็นเงินที่ได้มาจากการเก็บภาษีจากหยาดเหงื่อของพวกเราทั้งสิ้น
การใช้เงินภาษีที่เรียกกันว่าเงินงบประมาณ มีขบวนการตามที่กฎหมายกำหนดครับ รัฐบาลคือผู้เสนอว่าจะใช้เงินในการพัฒนาประเทศไปในทิศทางใด ส่วนผู้มีอำนาจอนุมัติวงเงินงบประมาณรวมทั้งรายละเอียดการใช้จ่าย คือ ส.ส.ตัวแทนของพวกเรา ที่ท่านผู้อ่านดูทีวี เห็นนั่งหน้าสลอนในสภาละครับ
ทุกปีรัฐบาลจะเสนอรายการใช้จ่ายเงินในรูปแบบของกฎหมาย เรียกว่า“พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี....” ทุกๆ ปี
หลักการจัดงบประมาณที่สำคัญคือ รัฐบาลจะกำหนดว่าการใช้จ่ายในปีนี้ “หาได้เท่าไร ก็จะใช้เท่านั้น” เรียกว่า งบประมาณสมดุลหรือ “หาได้เท่านี้ ไม่พอใช้ ขอกู้เพิ่ม” เราเรียกกันว่า การจัดงบประมาณขาดดุล ใช้ได้ทั้งสองวิธีแล้วแต่ฐานะทางเศรษฐกิจและแนวนโยบายการใช้จ่ายเงินในแต่ละปี
ที่คุยกันเป็นเรื่องขำขันคือ ปีไหนรัฐบาลจัดงบประมาณแบบขาดดุล ฝ่ายค้านจะโต้ว่าทำไมไม่จัดแบบสมดุล และถ้าปีใดรัฐบาลจัดงบแบบสมดุล ฝ่ายค้านก็จะโวยวายว่า น่าจะจัดงบประมาณแบบขาดดุล เป็นฝ่ายค้านทำงานง่ายดีไหมครับ
ผลจากนโยบายการจัดงบประมาณนี่แหละครับ จะเป็นตัวกำหนดว่า สถานะทางการคลังของประเทศเป็นอย่างไร
เช่น ถ้านโยบายการใช้จ่ายเงินงบประมาณอยู่ในรูปแบบของการขาดดุล ต้องกู้เงินเพื่อนำมาปิดหีบงบประมาณ หนี้ของรัฐฯก็จะเพิ่มทุกปี ในขณะที่ถ้ารัฐบาลเก็บเงินภาษีได้มาก และใช้น้อย ใช้ไม่หมด รัฐบาลก็จะมีเงินเหลือเพิ่มทุกปี เช่นกัน
อ่านมาถึงตอนนี้ เห็นได้ว่าเข้าใจได้ไม่ยากนัก ไม่ต่างจากการคลังในกระเป๋าของท่านผู้อ่านเท่าไรใช่ไหมครับ
ที่ยุ่งยากขึ้นมาอีกนิดหนึ่งคือ การคลังของรัฐบาลนั้นไม่ได้มีเฉพาะเงินที่เข้าออกในระบบงบประมาณเท่านั้น มีเงินที่อยู่นอกระบบด้วย เราเรียกกันว่าเงินนอกงบประมาณ
ผมไม่ทราบว่าเรื่องของเงินนอกงบประมาณนี้เกิดขึ้นเมื่อไร คิดในใจว่าจะไปค้นดูซักทีแต่ก็หาเวลายังไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าเป็นเงินในงบประมาณ ส.ส.คือ ตัวแทนของพวกเรามีส่วนรับรู้ แต่ถ้าเป็นเงินนอกงบประมาณ จะกลายเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร แปลว่ารัฐบาลมีอำนาจในการใช้จ่ายเงินได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบ ฟังดูแล้ว ระบบนอกงบประมาณนี่ไม่ค่อยจะดีใช่ไหมครับ
พิจารณาได้จากตัวอย่างแบบนี้ กองสลากขายหวยบนดิน รายได้จากการขายหวยหักลบรายจ่ายค่ารางวัล เป็นกำไร รัฐบาลจัดชั้นกำไรประเภทนี้ โดยกำหนดว่าไม่ต้องส่งเงินเข้าคลัง กลายเป็นเงินนอกงบประมาณ รัฐบาลใช้ได้เต็มที่ มั่วแบบที่เห็นกันอยู่ เรื่องนี้ต้องคุยกันอีกมาก พอดีวันนี้ไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ ผมต้องขออนุญาตข้ามไปก่อน
อ่านต่อครับ เงินนอกงบประมาณและเงินในงบประมาณเขานำมาปนกันครับ รวมกันในรูปแบบเฉพาะของเงินสดเท่านั้น ไม่ใช่ระบบบัญชี ดังนั้นสถานะทางการคลังของประเทศนอกจากจะพูดถึงผลของการรับเงินหรือจ่ายเงินในงบประมาณแล้ว ยังมีผลของการรับเงินหรือจ่ายเงินของเงินนอกงบประมาณมารวมด้วยอีกต่างหาก เงินคงคลังจะเป็นตัวดำหรือตัวแดง ต้องรวมทั้งสองส่วนคือ ส่วนของในงบประมาณและส่วนของนอกงบประมาณด้วย ตัวดำไม่เป็นปัญหา แปลว่า มีเงินเหลือเวลาตัวแดง แปลว่า "เงินหมด ไม่มีจ่าย" เรียกว่า ถังแตกครับ ( มีต่อ )
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2006, 11:34 โดย lynnicky »
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 21-06-2006, 11:38 » |
|
วันที่ :23 พฤษภาคม 2549
สองสามเดือนที่ผ่านมา คนนินทารัฐบาลรักษาการของคุณทักษิณกันมาก ลือกันให้แซดว่ารัฐบาลถังแตก เพราะเมื่อถึงเวลาที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินเดือนลูกจ้าง ก็ไม่จ่าย ครบกำหนดงวดเงินที่ต้องจ่ายผู้รับเหมา ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ รอกันนานเป็นเดือน บางราย 3-4 เดือนแล้ว ยังไม่เห็นมีท่าทีว่าจะดีขึ้น
ถ้าใช้นิยามคำว่ารัฐบาลถังแตก แบบที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อวันก่อน แปลความได้ว่าตอนนี้เงินคงคลังเป็นตัวแดง เงินไม่มี เงินหมด รายได้ ไม่ทันรายจ่าย แถมไม่ได้เตรียมกู้ไว้ล่วงหน้า บริหารเงินสดหมุนเวียนไม่เป็น ไม่มีการวางแผนการใช้จ่ายแบบมืออาชีพ ใครที่ไม่ชอบรัฐบาลอยู่แล้วก็จะโวยวายเลยว่ารัฐมนตรีคลังไม่เป็นสัปปะรด รายได้จากการจัดเก็บภาษีมีมากกว่ารายจ่ายอยู่แล้ว ปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร นินทากันหูอื้อละครับ
แล้วความจริงเป็นอย่างไร ?
ต้องดูกันที่ตัวเลข มีไม่กี่รายการหรอกครับ ต้องเริ่มต้นที่วันแรกที่คุณทักษิณรับอาสาบริหารประเทศกันเลย แล้วไล่กันไปทีละปีก็จะเข้าใจครับ
รัฐบาลคุณทักษิณเป็นรัฐบาลแรกที่ได้มีโอกาสรับผิดชอบจัดงบประมาณแผ่นดิน ติดต่อกันถึง 5 ปี คือปีงบประมาณ 2545 2549 และในระหว่างปีงบประมาณ ตลอดระยะเวลา 5 ปีนั้น ยังมีการจัดงบประมาณกลางปีถึง 2 ครั้ง คือในปี 2548 และปี 2549
ที่ผมกล่าวมาตั้งแต่แรกว่า เงินคงคลังคือตัวชี้วัดว่ารัฐบาลถังแตกหรือไม่เพราะเงินคงคลังแท้ที่จริงก็เปรียบได้ว่าเป็นเงินออมของประเทศนั่นเอง ว่าตามหลักทฤษฏีนะ ปฏิบัติจริงไม่ใช่
เมื่อจะวิเคราะห์ว่ารัฐบาลมีเงินสำหรับใช้จ่ายจริงหรือไม่ ต้องดูกันที่เงินคงคลัง
สิ้นปีงบประมาณ 2544 มีเงินคงคลังจ่ายในมือที่ 76,402 ล้านบาทครับ
การจัดงบประมาณ 3 ปีแรกของรัฐบาลคุณทักษิณ เป็นการจัดงบประมาณแบบขาดดุลตลอดทั้ง 3 ปี แปลว่าเก็บภาษีได้เท่าไหร่ไม่เคยพอใช้ต้องกู้ทุกปี
สิ้นปีงบประมาณ 2547 มีเงินคงคลังอยู่ในมือที่ 153,242 ล้านบาท
งงไหมครับ? ถ้าต้นปี 2544 มีเงินในกระเป๋า 76,402 ล้านบาท 3 ปีให้หลังเงินออมเพิ่มเป็น 153,242 ล้านบาท เป็นไปได้อย่างไร เพราะตลอด 3 ปีไม่เคยมีเงินเหลือใช้ในแต่ละปีเพราะต้องกู้เพิ่มทุกปี
ตรงนี้แหละครับคือปัญหา เพราะเงินคงคลังที่ว่าเป็นเงินออม ตามทฤษฎีนั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่ ในการปฏิบัติเป็นเพียงเงินในกระเป๋าคงค้างอยู่เท่านั้น เวลารัฐไปกู้เงินมามาก ๆ แล้วใช้ไม่ทัน เงินเหลือ ก็กองไว้ตรงนี้แหละครับนำเงินกู้มาเป็นเงินคงคลัง
แสดงว่าตัวเลขเงินคงคลังแท้จริงมีการบิดเบือนใช่หรือไม่? ถูกต้องที่สุดครับ
แล้วในระบบของเรา จะมีทางรู้หรือไม่ว่าเงินคงคลังหรือเงินออมมีเหลือจริง มีเท่าใด ใครตอบได้ บอกได้เลยว่า ตรงนี้ไม่มีคำตอบ
ดูต่ออีกนิดหนึ่งครับ คือปี 2548 และปี 2549 ทั้งสองปีงบประมาณ น่าสนใจ เนื่องจากรัฐบาลจัดงบประมาณแบบสมดุลไม่มีการกู้
สิ้นปีงบประมาณ 2549 คาดว่าจะมีเงินคงคลังเหลือประมาณ 100,000 ล้านบาท
แปลกดี สองปีหลังรัฐบาลไม่ต้องกู้เพิ่มเพราะเก็บเงินภาษีได้มาก แต่เงินคงคลังอาจหายไปถึง 50,000 ล้านบาท (อย่าลืมว่า สิ้นปี 2547 มีเงินคงคลัง 153,242 ล้านบาท )
แต่อย่างน้อยอ่านได้ว่า ปี 2549 ไม่น่ามีปัญหาว่ารัฐบาลถังแตก เพราะเงินคงคลังยังเป็นตัวดำ ใช่หรือไม่?
ถูกแต่ไม่ทั้งหมด เพราะปรากฏว่าช่วงต้นปีรายได้จากการเก็บภาษี เข้าช้า ขณะที่รัฐบาลเร่งรัดการจ่ายเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พูดง่าย ๆ ทำโครงการเร็วขึ้น เบิกเงินเร็วขึ้น ทำให้รัฐบาลหมุนเงินไม่ทัน
ฟังดูแล้วรัฐบาลคงจะไม่ถังแตกตามที่นินทากัน เพียงแต่บกพร่อง ไม่วางแผนการใช้จ่ายเงินแบบนักบริหารที่ดี ปัญหาทั้งหมด ถึงวันนี้ คงจะหมดไปแล้ว
อาจใช่ครับ แต่ผมมีข้อมูลที่น่าสนใจจะเล่าให้ฟังต่ออีกใน 2-3 วันนี้ครับ.
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2006, 11:29 โดย lynnicky »
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 21-06-2006, 11:39 » |
|
ก่อนจะถึงเนื้อหา ลองนึกภาพเงินในธนาคารของท่านตอนสิ้นปี สมมุติกันว่า ณ สิ้นปี 2544 ท่านมีเงินออมในธนาคารจำนวน 1,000,000 บาทท่านได้ประมาณไว้ว่าปีหน้า คือปี 2545 ท่านน่าจะมีรายได้ทั้งปีประมาณ 1 ล้านบาท และคำนวณแล้วว่าอาจจะใช้เงินตลอดปีประมาณ 1.2 ล้าน มากกว่าที่หาได้ประมาณ 200,000 บาท
คิดแล้วท่านมีทางแก้ปัญหา 2 ทางคือ
1. กู้เงินจากเพื่อน 200,000 บาท จะได้พอกับรายจ่าย หรือ
2. นำเงินออมที่เก็บไว้มาใช้ 200,000 บาท
ถ้าท่านเลือกวิธีที่ 1 เงินออม ณ สิ้นปี 2545 จะเหลือเท่าเดิมคือ 1,000,000 บาท แต่ท่านจะมีภาระเป็นหนี้ 200,000 บาท
ถ้าท่านเลือกวิธีที่ 2 เงินออมของท่านก็จะเหลือเพียง 800,000 บาท แต่ไม่เป็นหนี้ใคร วิธีนี้ดีสุด เพราะเป็นการประหยัดค่าดอกเบี้ย ทุกคนใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น ความจริงแล้ว เงินออมของพวกเรามักเป็นของแท้ เหลือจากใช้จ่ายเท่าไหร่ก็จะฝากประจำเก็บไว้ เงินขาดมือถึงจะเบิกมาใช้
เงินคงคลังของรัฐบาลก็ไม่ต่างกันครับ เพียงแต่ว่า เงินของรัฐมีปีงบประมาณเป็นหลักในการคิด เงินคงคลังที่ถือว่าเป็นเงินออม อาจไม่ใช่เงินออมเสมอไป เพราะมีค่าใช้จ่ายค้างข้ามปี เงินออมของท่านผู้อ่านคือเงินออมที่แท้จริงไม่มีเวลาเป็นตัวกำหนดไม่มีค่าใช้จ่ายข้ามปี ตั่งค้างรอเบิก
ผมได้เรียนแล้วว่า ณ สิ้นปีงบประมาณ 2544 มีเงินคงคลัง 76,402 ล้านบาท ไม่ใช่เป็นเงินออมทั้งหมด เพราะมีค่าใช้จ่ายที่ยังไม่ได้จ่ายอีกเป็นจำนวนมากของปีก่อนๆ ภาษาราชการเขาเรียก ค่าใช้จ่ายเหลื่อมปีครับ รัฐบาลเมื่อใช้จ่ายเงินมากกว่าเงินภาษีที่เก็บได้ ไม่มีสิทธิเลือกวิธีใด เงินขาดเท่าไหร่ จะต้องขอวงเงินกู้เท่านั้น รัฐบาลอาจไม่กู้ทั้งหมดก็ได้ เพราะในระหว่างปีงบประมาณ รัฐบาลอาจมีรายได้สูงกว่าที่ประมาณการไว้กู้ไปเงินอาจจะเหลือ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกู้ให้ครบทั้งจำนวน เสียดอกเบี้ยฟรีไปทำไม
ขณะเดียวกัน รายจ่ายของรัฐบาลก็ไม่แน่นอน เพราะบางครั้งทำตัวเลขตกหล่น หรือไม่คาดว่าจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้จำเป็นต้องใช้วิธีที่สองคือ นำเงินคงคลังมาใช้ก่อน การบริหารเงินสดของรัฐบาลจึงยุ่งยาก ซับซ้อน ทำได้ดีหรือไม่ขึ้นโดยตรงกับความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลครับ
3 ปีแรกของรัฐบาลคุณทักษิณ ตั้งงบประมาณขาดดุล และต้องกู้เงินทั้ง 3 ปี ประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหา คือ ค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า งบกลาง ครับ งบกลางตั้งไว้สูงมากทุกๆปี ทำให้รัฐบาลต้องตั้งวงเงินกู้เพื่อปิดหีบงบประมาณจำนวนมากทั้งสามปี
งบกลางถูกวิจารณ์มากว่าเป็นการจัดงบประมาณที่ผิดวินัยทางการคลังอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการขอใช้เงินโดยไม่มีโครงการหรือแผนงานรองรับ มีแต่วงเงินเท่านั้น พอถึงเวลาใช้เงินจริง จึงไม่มีปัญญาใช้ให้ทันในปีงบประมาณนั้นๆ ก็ไม่มีแผนงานรองรับนี่ครับ เป็นการใช้เงินแบบมั่วๆ จึงใช้ไม่ทัน ต้องกันวงเงินเผื่อไว้ข้ามปี ไม่ใช่ปีเดียว 2-3 ปีก็มี
นี่แหละครับ ที่ทำให้เงินคงคลังมีจำนวนสูงขึ้นในช่วง 3 ปีแรก เพราะหน่วยราชการใช้เงินไม่ทัน
หลังจาก 3 ปี แรกแล้วเกิดอะไรขึ้นครับ
ปลายปีที่ 3 และต้นปีที่ 4 ปรากฏว่างบกลางที่เตรียมไว้เมื่อปีที่ 1 เพิ่งจะมาเบิกกันครับ ทำให้เงินคงคลังที่มีเหลืออยู่ไม่พอจ่าย เกิดเป็นตัวแดงขึ้น
ที่กล่าวมานี้เป็นปัญหาแรก ที่ไม่ได้เตรียมแผนไว้รองรับ
ปัญหาที่สองครับ
ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการจัดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่ยอมรับความจริง ตัวอย่างเช่น ปีนี้ต้องใช้หนี้ 80,000 ล้านบาท สำนักงบประมาณก็จะจัดงบประมาณไว้ให้เพียง 60,000 ล้าน เวลาเบิกเงิน สำนักงบประมาณอนุมัติให้เบิกตามจริง โดยนำเงินคงคลังมาให้ก่อน กฎหมายย่อมให้ทำได้ ใช้เงินในส่วนที่เรียกว่าเงินนอกงบประมาณ ทำให้เงินนอกงบประมาณกลายเป็นตัวแดง สำนักงบประมาณใช้วิธีนี้มาโดยตลอด
ทำไมทำกันอย่างนี้ เอาใจนายไงครับ ทำให้ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ต่ำกว่าความเป็นจริง พอนำตัวเลขค่าใช้จ่ายมาเปรียบกับรายได้จากการเก็บภาษี ตัวเลขดูสวยขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายต่ำ ทำให้จัดงบประมาณสมดุลง่าย รัฐบาลคุยโวได้ว่าเก่ง โกยคะแนนเสียงทางการเมืองเป็นกอบเป็นกำ
ถ้าไม่เชื่อผม ดูตัวเลขซิครับ ว่ามีการเบิกเงินคงคลังไปใช้กันเท่าใดในแต่ละปี
ปี จำนวนเงิน(ล้านบาท) 2545 13,204 2546 41,344 2547 88,786 2548 37,087
รวมเงินจ่ายจากเงินคงคลัง180,421 ล้านบาท พรบ.เงินคงคลังมาตรา 7 (1) อนุญาตอยู่แล้ว วิธีการงบประมาณระบุว่า ถ้ามีการนำเงินคงคลังมาใช้ในปีใด ต้องจัดงบจ่ายคืนในปีถัดไป ทราบว่ามีการจัดงบประมาณเพื่อใช้คืนในปีถัดไปจริง แต่เม็ดเงินไม่เคยนำส่ง จริงหรือไม่ต้องรอฟังสำนักงบประมาณชี้แจง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2006, 11:35 โดย lynnicky »
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 21-06-2006, 11:39 » |
|
ปัญหาที่สามครับ เมื่อรัฐบาลมีการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินในแต่ละโครงการ ทำให้การเบิกจ่ายมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่กลายว่ามากระทบเงินคงคลัง ที่มีไว้ไม่มากพอ เห็นได้ชัดเจนว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลคุณทักษิณไม่เข้าใจคำว่าวินัยทางการคลัง การตั้งงบประมาณที่เรียกว่างบกลาง แล้วนำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองโดยไร้แผนงาน นอกจากจะเป็นการใช้เงินภาษีแบบไม่โปร่งใสแล้ว ยังทำให้การบริหารเงินสดเกิดปัญหา เช่นเวลามีเงินสดมากในปีแรกๆ ขอวงเงินกู้ไว้ แต่กู้ไม่ครบเพราะโครงการที่ใช้งบกลางยังไม่ได้เริ่ม ทำอย่างนี้ติดต่อกัน 3 ปีพอเริ่มต้องใช้เงินในปีที่ 4 จึงเกิดปัญหา นี่ถ้าเป็นภาคเอกชน ป่านนี้ ซีอีโอฝ่ายการเงิน ( CFO ) ถูกไล่ให้ไปขายหวยบนดินแล้ว
แล้วสมัยก่อนนี้เขาทำกันอย่างไร?
ลองไปดูรัฐบาลช่วงปี 2532 - 2539 กันครับ เงินคงคลังแข็งปึก เรียกได้ว่าเป็นเงินออมจำนวนสูงทีเดียว จัดงบประมาณสมดุลเกือบทุกปี หาได้เท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น ไม่มีการกู้เงินเพิ่ม ไม่มีการตั้งงบประมาณกลางปีเพื่อถลุงใช้เงินเกินความจำเป็น ตัวเลขเงินคงคลังของแต่ละปีเป็นอย่างนี้
ปีงบประมาณ เงินคงคลัง(ล้านบาท) 2532 21,320 2533 61,015 2534 132,679 2535 183,299 2536 226,895 2537 231,977 2538 237,977 2539 319,915
เงินคงคลังจากที่มีเพียง 21,320 ล้านบาท เพิ่มเป็น 319,915 ล้านบาท
อย่างนี้ครับ เขาเรียกว่าเงินคงคลังที่เป็นเงินออมอย่างแท้จริง รัฐบาลสมัยก่อนจะดีชั่วอย่างไรก็แล้วแต่จะคิดกัน อย่างน้อยไม่เคยมีรัฐบาลไหนถลุงเงินภาษีของประชาชนอย่างเมามัน ที่ซ้ำร้าย ยังใช้ระบบการตลาด โฆษณาหาคะแนนนิยมว่าเก่งกาจทางด้านเศรษฐกิจอีกต่างหาก
แต่ทุกอย่างก็หมดสิ้นเพราะวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี พ.ศ. 2539 เงินคงคลังล่าสุดเกือบ 4 แสนล้านบาทด้องนำมาใช้จนหมด เราไม่ต้องโทษว่าเป็นความผิดของใคร แต่ต้องคิดว่า ยังโชคดีที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ได้อุตส่าห์มีเงินออมสะสมไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นก็คงแย่กว่านี้
ถึงวันนี้ เป็นอย่างไรครับ
เงินออมของประเทศนะไม่มีหรอก เพราะช่วงที่เวลารัฐบาลเก็บภาษีได้มากกว่าที่ประมาณการ มีเงินเหลือ แทนที่จะเก็บออมไว้ใช้ในอนาคต ก็ไปตั้งงบประมาณกลางปี ถึงสองปีซ้อน ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ตอนนี้เงินออมของประเทศไม่มีครับเพราะฉะนั้นเลิกคุยเสียทีว่าบริหารเก่ง เศรษฐกิจแข็งปึก
สรุปว่ารัฐบาลยังไม่ถึงกับถังแตกครับ แต่มีปัญหา ขาดวินัยทางการคลังไม่มีวินัยในการใช้เงินภาษีของประชาชน ทำให้บริหารเงินสดผิดพลาด
เป็นบทเรียนสำคัญที่รัฐบาลจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จะต้องสำนึกอยู่เสมอว่าเงินงบประมาณทุกบาททุกสตางค์คือเงินจากหยาดเหงื่อของประชาชน ไม่มีสิทธิที่จะนำเงินมาใช้ในการเพิ่มคะแนนนิยมให้กับตัวเองหรือพวกพ้องอย่างเด็ดขาด ต้องวางแผนการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดกับเจ้าของเงินครับ
ขอบคุณท่านผู้อ่าน ที่ได้ติดตามและทนอ่านมาได้จนถึงวันนี้
เก็บไว้ในใจมันกลุ้ม หาที่ระบายหน่อยครับ
ถ้าท่านต้องการทราบข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงบกลางของคุณทักษิณ
คลิกได้ที่ : ข้อมูล : กรมบัญชีกลางกระทรวงการคลัง
ข้อมูล :กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 21-06-2006, 11:42 » |
|
หากข้อมูลมั่วๆ ก็หาอะไรมาแก้ต่างทีสิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 21-06-2006, 11:48 » |
|
ฮ่าๆๆ
เกรงว่าข้อมูลจาก สส. เกรียงศักดิ์ จะไม่ครบถ้วนกระบวนความ 100% กระมัง...แค่ฟังข้อมูลด้านเดียว ถึงกับเต้นแบบนี้...น่าจะรอคำชี้แจงจากรัฐบาลก่อนแล้วค่อยฟันธง....ดีกว่ามั้ยคุณกู้ชาติ!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Yodyood
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 21-06-2006, 11:49 » |
|
ฮ่าๆๆ...นี่ไงครับตัวอย่างของกระทู้นี้ที่ว่าไว้
กติกาของพวกกู้ชาติก็คือ ต้องได้เท่านั้น เสียใจด้วยจริงๆที่คนไทยส่วนใหญ่(คิดอัตราส่วนจากผลการเลือกตั้งล่าสุด) เค้าไม่เอาด้วยกับวิธีการหมาๆอะไรนั่น
รัฐบาลถังแตก? ไปเอาข่าวมั่วๆนี้จากแหล่งข่าวผู้จัดการ หรือไม่ก็Nation อ่ะดิ๊!?!
เฮอะ เคยเข้าไปนั้งอ่านข้อมูลจากแบงค์ชาติไหม เคยเข้าไปหาข้่อมูลจากหน่วยงานต่างๆแล้วเอามาเปรียบเทียบกันไหม? เคยศึกษาตลาดหลักทรัพย์จริงๆจังๆไหม? ถ้าไม่เคยก็ไม่แปลกที่จะคิดว่าชาวบ้านเขาแค่อ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็เชื่อตามน่ะนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~ You will never know the truth if you dare not to face it. ~
|
|
|
Yodyood
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 21-06-2006, 11:51 » |
|
ฮ่าๆๆ
เกรงว่าข้อมูลจาก สส. เกรียงศักดิ์ จะไม่ครบถ้วนกระบวนความ 100% กระมัง...แค่ฟังข้อมูลด้านเดียว ถึงกับเต้นแบบนี้...น่าจะรอคำชี้แจงจากรัฐบาลก่อนแล้วค่อยฟันธง....ดีกว่ามั้ยคุณกู้ชาติ!?!
แล้วคนเขารอข้อมูลจากรัฐบาลมากี่เดือนแล้วมิทราบครับ? ที่เขาออกมาประท้วงก็เพราะ ไม่เห็นแม้แต่เงาของข้อมูลที่รัฐบาลควรจะนำออกมาชี้แจงนี่แหละครับ ถ้าคิดว่าโพสแบบนี้แล้วยั่วโทสะชาวบ้านได้ก็เต็มที่เลยนะครับ ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่าคนเราจะทำตัวได้น่าสมเพชแค่ไหน case study แบบสดๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~ You will never know the truth if you dare not to face it. ~
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-06-2006, 11:52 » |
|
ฮ่าๆๆ
เกรงว่าข้อมูลจาก สส. เกรียงศักดิ์ จะไม่ครบถ้วนกระบวนความ 100% กระมัง...แค่ฟังข้อมูลด้านเดียว ถึงกับเต้นแบบนี้...น่าจะรอคำชี้แจงจากรัฐบาลก่อนแล้วค่อยฟันธง....ดีกว่ามั้ยคุณกู้ชาติ!?!
หากนี่เป็นข้อมูลด้านเดียว ผมก็ขอข้อมูลอีกด้านจากคุณหน่อยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 21-06-2006, 11:54 » |
|
ประเด็นก็คือ มีบางคนพยายามมั่วว่า 'รัฐบาลถังแตก' ทั้งๆที่ข้อมูลที่ copy & paste มานั่นก็บอกชัดเจนว่ารัฐบาลขาดวินัยทางการบริหารเงินสด ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก เพียงแต่โยกเงินไปมาแบบที่ไม่เคยมีรัฐบาลอื่นๆเค้าทำกัน...ก็เท่านั้น
ชัดมั้ย!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 21-06-2006, 11:56 » |
|
ประเด็นก็คือ มีบางคนพยายามมั่วว่า 'รัฐบาลถังแตก' ทั้งๆที่ข้อมูลที่ copy & paste มานั่นก็บอกชัดเจนว่ารัฐบาลขาดวินัยทางการบริหารเงินสด ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก เพียงแต่โยกเงินไปมาแบบที่ไม่เคยมีรัฐบาลอื่นๆเค้าทำกัน...ก็เท่านั้น
ชัดมั้ย!?!
เป็นข้อแก้ตัวที่ห่วยที่สุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
จ้าวผิงกว่อ
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 21-06-2006, 11:58 » |
|
ประเด็นก็คือ มีบางคนพยายามมั่วว่า 'รัฐบาลถังแตก' ทั้งๆที่ข้อมูลที่ copy & paste มานั่นก็บอกชัดเจนว่ารัฐบาลขาดวินัยทางการบริหารเงินสด ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก เพียงแต่โยกเงินไปมาแบบที่ไม่เคยมีรัฐบาลอื่นๆเค้าทำกัน...ก็เท่านั้น
ชัดมั้ย!?!
ชัดเจน...5 5 5นอกจากการโยกเงินแบบนี้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ท่านทักษิณของคุณยัง ขี้โกง โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน กลับกลอก อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วยนะ...รู้รึปล่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราประกาศ ณ ที่นี้ว่าเรามีจุดยืนสนับสนุนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเพื่อให้จัดการกับความผิดชั่วของระบอบทักษิณ เอาทรัพย์สมบัติชาติกลับคืน และถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณให้ถึงที่สุด!...
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 21-06-2006, 12:00 » |
|
ข้อมูลนี้ มือหนึ่งครับ copy & paste โดยผมเอง และยัง read, translate and understand แล้วล่ะครับ อยู่ที่คุณ จะอ่านและเข้าใจรึเปล่าแค่นั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
TheBluECaT
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 21-06-2006, 12:07 » |
|
ประเด็นก็คือ มีบางคนพยายามมั่วว่า 'รัฐบาลถังแตก' ทั้งๆที่ข้อมูลที่ copy & paste มานั่นก็บอกชัดเจนว่ารัฐบาลขาดวินัยทางการบริหารเงินสด ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก เพียงแต่โยกเงินไปมาแบบที่ไม่เคยมีรัฐบาลอื่นๆเค้าทำกัน...ก็เท่านั้น
ชัดมั้ย!?!
ตกลงนี่คือ รัฐบาลของประเทศ หรือบริษัทฯจำกัด ของคุณทักษิณ กันแน่... ที่จะโยกเงินไปมา กระแป๋งซ้าย ไปกระแป๋งขวา แบบที่บริษัทแอมเพิลริล กับชินวัตร เคยทำกันอย่างนั้นใช่ไหมครับ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ยามบุญมากาไก่กลายเป็นหงส์ ยามบุญหลงหงส์เป็นกาน่าฉงน... ยามบุญมาหมูหมากลายเป็นคน ยามบุญหล่นคนเป็นหมาน่าอัศจรรย์"
|
|
|
tu249cm
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 21-06-2006, 12:37 » |
|
: หากเงินมีเยอะ ทำไมต้องใช้วิธีโยกเงินไปมา หมุนไปหมุนมาจนกระทรวงการคลังเองยังเวียนหัว คนที่ทำธุรกิจจะทราบดี ทำไมต้องวิ่งวุ่นหมุนเงินกันเวียนหัว หากไม่ใช่เงินขาดมือ มีไม่พอลงทุน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ดีใจพวกเราที่มีอุดมการณ์เดียวกันจะมีบ้านพักเล็กๆแต่อบอุ่นสำหรับมาสังสรรค์ ฮาเฮ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทั้งในเรื่องการบ้านการเมืองและสัพเพเหระ (พันนาม#สมาชิกno.239)
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 21-06-2006, 12:56 » |
|
1. รัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ระบุไว้ว่า "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้" จึงคงไม่จำเป็นต้องอ้างว่ามีผู้ใดผู้หนึ่งเป็น "ท่านเจ้าของแผ่นดิน" เพราะแผ่นดินนี้เป็นของคนไทยทุกคน 2. การอ้างว่าเหตุไม่ดีต่างๆ เช่น ราคาเกษตรสูงขึ้น น้ำมันราคาขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง ฯลฯ เกิดขึ้นเพราะว่ามีการชุมนุมกู้ชาตินั้นไม่ได้มีความสมเหตุสมผล ไม่ได้มีการเชื่อมโยงใดๆ ที่มีตรรกะ เป็นแต่เพียงการคาดเดาแบบสุ่มด้วยเหตุผลทื่อๆ ที่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน/หลัง เท่านั้น อุปมาไปก็คงเหมือนกับคนบางคนที่ได้ยินกบร้องก่อนฝนตกทุกครั้ง ก็พาลคิดไปแบบคนซื่อ(บื้อ)ว่า "ฝนตกเพราะว่ากบมันร้อง" โดยไม่ได้พิจารณาเหตุและผลที่แท้จริงในแบบวิทยาศาสตร์เลย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2006, 12:58 โดย RiDKuN »
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 21-06-2006, 13:06 » |
|
1. รัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ระบุไว้ว่า "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้" จึงคงไม่จำเป็นต้องอ้างว่ามีผู้ใดผู้หนึ่งเป็น "ท่านเจ้าของแผ่นดิน" เพราะแผ่นดินนี้เป็นของคนไทยทุกคน 2. การอ้างว่าเหตุไม่ดีต่างๆ เช่น ราคาเกษตรสูงขึ้น น้ำมันราคาขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง ฯลฯ เกิดขึ้นเพราะว่ามีการชุมนุมกู้ชาตินั้นไม่ได้มีความสมเหตุสมผล ไม่ได้มีการเชื่อมโยงใดๆ ที่มีตรรกะ เป็นแต่เพียงการคาดเดาแบบสุ่มด้วยเหตุผลทื่อๆ ที่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน/หลัง เท่านั้น อุปมาไปก็คงเหมือนกับคนบางคนที่ได้ยินกบร้องก่อนฝนตกทุกครั้ง ก็พาลคิดไปแบบคนซื่อ(บื้อ)ว่า "ฝนตกเพราะว่ากบมันร้อง" โดยไม่ได้พิจารณาเหตุและผลที่แท้จริงในแบบวิทยาศาสตร์เลย
เห็นด้วยกับ คุณ ริดกุนครับ ก็เหมือน คุณ อะไรจ๊ะ คิดว่า เงินหมด เพราะโยกเล่น คุยกันด้วยข้อมูลดีกว่านะครับ ถ้าคุณมั่นใจก็โชว์ข้อมูลมาสิครับ บอกซักทีซิว่า ที่พวกผมเห็นเนี๊ยะ มันผิดนักหนา ทำไมความจริง มันจะไม่มีในโลกหรือไง ถึงเข้าใจไม่ตรงกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 21-06-2006, 13:10 » |
|
ไปทานข้าวทานปลาและตั้งสติกันดีๆก่อนดีมั้ยครับ? ช่วงบ่ายๆค่อยมาแฉกันจะจะว่าเหตุไฉนกลุ่มกู้ชาติจึงเป็นชนชั้นที่น่าสงสารท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์....
ด้วยความเห็นใจจริงๆครับ!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 21-06-2006, 13:17 » |
|
ไปทานข้าวทานปลาและตั้งสติกันดีๆก่อนดีมั้ยครับ? ช่วงบ่ายๆค่อยมาแฉกันจะจะว่าเหตุไฉนกลุ่มกู้ชาติจึงเป็นชนชั้นที่น่าสงสารท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์....
ด้วยความเห็นใจจริงๆครับ!!
ไม่ต้องทำเป็นยืนอยู่บนที่สูงแล้วมาเห็นใจคนอื่นหรอกครับ คุณหรือใครก็คนไทยเหมือนกัน ศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน แล้วก็อย่าเบี่ยงประเด็นเปลี่ยนเรื่องด้วย จะดีไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
Limmy
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 21-06-2006, 13:19 » |
|
คุณ Ridkun ครับ
ถ้าคนพวกนี้มีตรรกะอยู่ในสมองสักนิด พวกเราคงไม่ต้องมานั่งเมื่อยมือ เมื่อยคอ ปวดตา อยู่อย่างนี้หรอกครับ
ผมเคยขอความเห็นหรือข้อมูลโต้แย้งมาหลายครั้งจากคนพวกนี้ สิ่งที่ผมได้รับคือ "ลม" หรือไม่ก็ "รู้ว่าผิด รู้ว่าโกง แต่ฉันจะชอบของฉันอย่างนี้ ใครจะทำไม"
บางทีก็ป่วยการที่จะมาเสียเวลาค้นหาเอาสาระจากคนกลุ่มนี้ เพราะแทนที่จะเอาเหตุผลและข้อเท็จจริงมาคัดง้างกัน พอเถียงด้วยเหตุผลไม่ได้ก็จะเริ่มด่า ไม่รู้ว่าได้รับการอบรมสั่งสอนกันมายังไง
เห็นตรรกะที่อ้างว่าพวกม๊อบเป็นต้นเหตุของความถดถอยด้านเศรษฐกิจกับราคาน้ำมันแพงแล้วได้แต่อนาถ ไม่รู้จบเศรษฐศาสตร์พื้นฐานมาได้ยังไง ลอกข้อสอบมาก็น่าจะมีความรู้ติดหัวมาบ้าง
ที่รัฐบาลชุดอื่นเขาไม่โยกเงินไปมาเพราะเค้ารู้จักคำว่าวินัยทางการเงินการคลัง การบริหารประเทศไม่เหมือนการขายของชำหรือวิ่งแลกเช็ค มาทำอะไรมั่ว ๆ แบบนั้นไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 21-06-2006, 13:23 » |
|
ไปทานข้าวทานปลาและตั้งสติกันดีๆก่อนดีมั้ยครับ? ช่วงบ่ายๆค่อยมาแฉกันจะจะว่าเหตุไฉนกลุ่มกู้ชาติจึงเป็นชนชั้นที่น่าสงสารท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์....
ด้วยความเห็นใจจริงๆครับ!!
ทำไมพวก "ท่าน ๆ" เหล่านี้ (ขออภัยที่ไม่เอ่ยชื่อ ไปเดาเอาเองแล้วกัน) ต่อยวืด-ชกลมไปทีนึง ก็คิดว่าตัวเองต่อยถูก ได้คะแนน รีบเด้งเชือกหนี ออกไปเต้นติ๊ดชึ่งวนรอบเวที สงสัยจะชกที่ เวทีราชดำเนินนาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
นายเบียร์
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 21-06-2006, 13:24 » |
|
เฉประเด็นไปมา ถ้ามีข้อมูลเอามาแสดงเลยสิ ทำตัวกลวงแบบนี้แบบนี้ก็สมควรแล้วจะโดนว่าละครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Limmy
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 21-06-2006, 13:38 » |
|
ไปทานข้าวทานปลาและตั้งสติกันดีๆก่อนดีมั้ยครับ? ช่วงบ่ายๆค่อยมาแฉกันจะจะว่าเหตุไฉนกลุ่มกู้ชาติจึงเป็นชนชั้นที่น่าสงสารท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์....
ด้วยความเห็นใจจริงๆครับ!!
บ่ายนี้จะรออยู่นะครับ ถ้ามาแบบมั่ว ๆ อีกจะเล่นให้จุกทั้งอิ่ม ๆ เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 21-06-2006, 13:51 » |
|
ไปทานข้าวทานปลาและตั้งสติกันดีๆก่อนดีมั้ยครับ? ช่วงบ่ายๆค่อยมาแฉกันจะจะว่าเหตุไฉนกลุ่มกู้ชาติจึงเป็นชนชั้นที่น่าสงสารท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์....
ด้วยความเห็นใจจริงๆครับ!!
อ้าว .. หมดกะแล้วเหรอ หรือว่า เป็นข้ออ้างสำหรับการถอยไปตั้งหลัก โทรปรึกษานายดีๆล่ะ เอาข้อมูลมาให้แน่นนะ อย่าดีแต่แถก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 21-06-2006, 13:54 » |
|
น่าสงสาร สมอง และความคิดของ จขกท นี้ จังค่ะ ต้องใช้เวลาพัฒนาอีกไกล
ไม่ทราบว่าเรียนหนังสือหรือเปล่า
เพราะวิชาในระดับปริญญาที่คนเค้าเรียนๆกัน เช่น เศรษฐศาสตร์ การเงิน บริหารธุรกิจ หน้าที่พลเมือง รัฐศาสตร์ และจริยธรรม โดยเฉพาะ Good Governance ท่าทางจะไม่ได้เรียนเลย ถ้าเรียน ก็ ตกหมดเลยนะเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
In The Name Of Justice.
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 21-06-2006, 14:00 » |
|
ผมไม่ได้แย่ขนาดให้ใครมา "สงสาร" หรอกนะครับ กระทู้เก่าไม่กล้าเข้าไปตอบหรือไงครับ
ยังไงขอข้อมูลดีๆหน่อยนะครับ เผื่อจะเชื่อได้บ้างครับ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"มนุษย์มักต้องการในสิ่งที่ตนเองไม่มี..."
"I Fight In The Name Of Justice."
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 21-06-2006, 14:29 » |
|
มาแว้วววครับ.....ต่อกันอีกยก มาดูซิว่ากลุ่มคนกู้ชาติมีอะไรจะแก้ตัวแก้ต่างกันอีก
ประเด็นที่น่าหนักใจที่สุดก็คือ ในขณะที่ทั่วโลกเค้าให้เครดิตคุณทักษิณถึงขนาดตำแหน่งเลขาฯยูเอ็นน่าจะเป็นของคุณสุรเกียรติ์ค่อนข้างใส แต่คนไทยบางคนกำลังหมกมุ่นกันการทำลายล้างคนไทยด้วยกันเองโดยการยึดกติกาและหลักเกณฑ์ที่ตัวเองศรัทธาบอกว่า 'ไม่เอาทักษิณ และทักษิณต้องออกไปจากการเมืองโดยถาวร' บ้าและไร้มารยาทขนาดนี้...ยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันอีกรึเนี่ย!?! ความบ้าและงมงายของกลุ่มกู้ชาตินั้นทำให้ภาพลักษร์ของประเทศไทยเป็นที่สงสัยในสายตานักลงทุนชาวต่างชาติอย่างมากที่หากวันหนึ่งข้างหน้าพวกกู้ชาติอาจลุกขึ้นมาเผาโรงงานหน้าตาเฉยโดยอ้างความชอบธรรมและบรรทัดฐานอะไรที่พวกกู้ชาติสร้างขึ้นมาเอง อย่ามาเถียงเลยครับว่าไม่ใช่.....ข่าวCNN, BBC, CBS และเครือข่ายทั่วโลกเค้าออกข่าวกันโครมๆว่าคนไทยเดินขบวนขับไล่นายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง
พวกกู้ชาตินี่เค้าเคารพในกติกาและกฎหมายกันเป็นบ้างไหมเอ่ย?
ถามชัดๆ(อีกแว้ว)แบบนี้...ตอบให้ตรงประเด็นด้วยล่ะกัน
เห็นใจในความรู้สึกน๊ะครับ!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 21-06-2006, 14:30 » |
|
ขออนุญาตไปขี้ก่อนน๊ะครับ....เด๋วมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
In The Name Of Justice.
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 21-06-2006, 14:44 » |
|
แค่นี้ขี้แตกเลยหรอครับ ขนาดยังไม่ได้ตอบเลยนะเนี้ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"มนุษย์มักต้องการในสิ่งที่ตนเองไม่มี..."
"I Fight In The Name Of Justice."
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 21-06-2006, 14:51 » |
|
อืออ จะไป ขี้ หรือ ไปไหนเลย ก็ตามแต่เถอะครับ อ่านข้อความที่กลับมาโพสต์ใหม่ แค่ขึ้นว่า
ประเด็นที่น่าหนักใจที่สุดก็คือ ในขณะที่ทั่วโลกเค้าให้เครดิตคุณทักษิณถึงขนาดตำแหน่งเลขาฯยูเอ็นน่าจะเป็นของคุณสุรเกียรติ์ค่อนข้างใส
ก็รู้สึกว่า เป็นความผิดในชีวิตอย่างยิ่งที่ได้อ่านแล้วครับ
จะเชียร์ จะเลีย จะยกตนข่มท่านด้วยข้อมูลใด ก็ควรอ่านข่าวบ้างนะครับ ไทยรัฐ ก็ยังดี
ผมรู้สึกอายแทนในฐานะเพื่อนร่วมประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 21-06-2006, 14:57 » |
|
อืออ จะไป ขี้ หรือ ไปไหนเลย ก็ตามแต่เถอะครับ อ่านข้อความที่กลับมาโพสต์ใหม่ แค่ขึ้นว่า
ประเด็นที่น่าหนักใจที่สุดก็คือ ในขณะที่ทั่วโลกเค้าให้เครดิตคุณทักษิณถึงขนาดตำแหน่งเลขาฯยูเอ็นน่าจะเป็นของคุณสุรเกียรติ์ค่อนข้างใส
ก็รู้สึกว่า เป็นความผิดในชีวิตอย่างยิ่งที่ได้อ่านแล้วครับ
จะเชียร์ จะเลีย จะยกตนข่มท่านด้วยข้อมูลใด ก็ควรอ่านข่าวบ้างนะครับ ไทยรัฐ ก็ยังดี
ผมรู้สึกอายแทนในฐานะเพื่อนร่วมประเทศ
พอขี้เสร็จกลับมาอ่าน...งงอ่ะ ผิดตรงไหนเอ่ยกับเครดิตของนายกฯทักษิณที่เป็นผู้ปูทางให้คุณสุรเกียรติ์ในตำแหน่งเลขาฯยูเอ็น!?! แฉหน่อยซิคุณกู้ชาติ!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
eAT
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 21-06-2006, 15:06 » |
|
ประเด็นที่น่าหนักใจที่สุดก็คือ ในขณะที่ทั่วโลกเค้าให้เครดิตคุณทักษิณถึงขนาดตำแหน่งเลขาฯยูเอ็นน่าจะเป็นของคุณสุรเกียรติ์ค่อนข้างใส
มึน... เขียนได้ยังไงกัน 1. ถ้าทักษิณเครดิตดี แล้วเกี่ยวอะไรกับ สุระกียรติ์ อย่างนี้ ทักกี้ ส่งคนขับรถไปได้ไหม? 2. สนับสนุนทั่วโลก??? เอ... ผมตกข่าวแฮะ มีสนับสนุนแล้วกี่ประเทศ ขอรายชื่อหน่อยนึง อย่าเอาชื่อประเทศเขามา แล้วอ้างว่า สนุนอย่างไม่เป็นทงการนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 21-06-2006, 15:14 » |
|
อืออ จะไป ขี้ หรือ ไปไหนเลย ก็ตามแต่เถอะครับ อ่านข้อความที่กลับมาโพสต์ใหม่ แค่ขึ้นว่า
ประเด็นที่น่าหนักใจที่สุดก็คือ ในขณะที่ทั่วโลกเค้าให้เครดิตคุณทักษิณถึงขนาดตำแหน่งเลขาฯยูเอ็นน่าจะเป็นของคุณสุรเกียรติ์ค่อนข้างใส
ก็รู้สึกว่า เป็นความผิดในชีวิตอย่างยิ่งที่ได้อ่านแล้วครับ
จะเชียร์ จะเลีย จะยกตนข่มท่านด้วยข้อมูลใด ก็ควรอ่านข่าวบ้างนะครับ ไทยรัฐ ก็ยังดี
ผมรู้สึกอายแทนในฐานะเพื่อนร่วมประเทศ
พอขี้เสร็จกลับมาอ่าน...งงอ่ะ ผิดตรงไหนเอ่ยกับเครดิตของนายกฯทักษิณที่เป็นผู้ปูทางให้คุณสุรเกียรติ์ในตำแหน่งเลขาฯยูเอ็น!?! แฉหน่อยซิคุณกู้ชาติ!?! เรียกชื่อผมให้ถูก เรียกดี ๆ ก็จะตอบดี ๆ ถ้าเรียกอย่างนี้ ก็จะตอบ กวนteen ไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ล่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
No_Tuky
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 21-06-2006, 15:23 » |
|
ชาติของตูจะป้องกันไม่ให้ A Tuky มายึดและเอาโลภของมันไปขายให้พี่น้องโคตรญาติกะสิงคโปร์โตก ก็เรื่องของตู อ่ะนะ มันรำรวยจากสัมปทานชาติทั้งน้น แล้วมันไม่ยังสำนึก มีนายกปาก A dog สร้างความแตกแยก ยังไงชาติก้ต้องกู้ จังหวัดไหนทีู่ไม่เลือกมันก็บอกว่่าไว้ทีหลัง ถ้าตูเป็น A buff ตูเท่านั้นที่ยังจะให้มันเป็นนายก บ้านนี้เมืองนี้ต้องการคนที่รักประชาชน เข้ามาอย่างเสียสละ ไม่ใช่เข้ามาสร้างความร่ำรวยจากการสัมปทาชาติ แล้วันยังริอาจมองว่ามีแต่คนเสียผลประโยชน์เท่านั้นที่เดือดร้อน A Buf เอ๊ย... มันไม่เคยมองคนในแง่ดี ตูจะไล่มันให้ได้อ่ะ 555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 21-06-2006, 15:28 » |
|
โอ...แม่เจ้า
ต้องขอออกตัวก่อนน๊ะครับว่าทุกสิ่งที่ผมโพสต์ลงในกระทู้นี้....ไม่เคยหวังสักนิดที่จะให้คุณๆกู้ชาติยอมรับ(เพราะมีธงกันแล้วไม่ใช่รึ?!?)
กรณีคุณสุรเกียรติ์นั้น คนที่มีสติสัมปชัญญะรู้ดีแก่ใจครับว่า ส่วนสำคัญที่ทำให้คุณสุรเกียรติ์อาจจะได้ตำแหน่งเลขาฯยูเอ็นก็เพราะเครดิตของคุณทักษิณที่มีภาพลักษณ์ของผู้นำ ความฉลาด และความกล้า ที่ทำให้หลายๆประเทศโดยเฉพาะอภิมหาอำนาจทั้ง 6 ชาติต้องเกรงใจ แม้ว่าคุณสมบัติล้วนๆของคุณสุรเกียรติ์จะโดดเด่นก็ตาม แต่หากไม่ได้คุณทักษิณช่วยพูดช่วยล๊อบบี้ประเทศต่างๆทั่วโลก...ก็ยากที่จะได้รับตำแหน่งยูเอ็น
ไม่ต้องอายน๊ะครับ....หน้าแหกเพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวดีกว่าดื้อตาใสไม่ยอมรับความจริง!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Coolly_Jade
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 21-06-2006, 15:50 » |
|
คุณสุรเกียรติได้ตำแหน่งหรือยังครับ ถ้ายังไม่ได้อย่าเอามาฟุ้ง แล้วเคยเห็นมีใครเท่าไหร่ออกมาประกาศสนับสนุนคุณสุรเกียรติหรือครับ ผมขอตัวอย่างสัก20ประเทศ ยังน้อยไปด้วยซ้ำนะผมว่า เห็นมีแต่คนของทักษิณนี่แหละที่พยายามผลักดันให้คุณสุรเกียรติชิงตำแหน่งนี้ แต่ไม่เห็นมีใครตอบรับมานี่ ผลงานยังไม่เกิดอย่าเอามาคุย ส่วนข้อที่โพสต์แรกๆของคุณ เอาข้อมูลมายันกับเขาหน่อยสิ ไม่งั้นคุณก็เข้าข่ายแค่ฟังมาแล้วก็หนุนไม่ลืมหูลืมตานะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ทักษิณาธิปไตย เสรีทางความคิด เผด็จการต่อการแสดงออก ใครเห็นด้วยเป็นคนดี ใครคัดค้านเป็นกุ๊ย
|
|
|
kingkong059
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 21-06-2006, 15:55 » |
|
นำมันแพงแล้วสุนัขตัวไหนขายละ ยังไม่ได้เป็นเลขาunแต่งแมลงโมงบินวอนเลยวะแล้วอยากรู้นักว่าได้กระทู้ละกี่บาทนะ Hohohohohohohohohoho ยังจาจ้างควายมาตอบกระทู้อีเสียสุนัขจริงๆเลยคุณสุรพงสืบวงรีแน่จริงเอาคนไอคิวเกิน100มาตอบหน่อยสิคนกินหญ้าเป็นอาหารนะไว้ตอบใน รดน ดีกว่ามั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
cameronDZ
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 21-06-2006, 15:57 » |
|
เอ้า...ถึงไม่เรียกดี ๆ ก็จะตอบให้เป็นกุศลทาน อ่านแล้วไม่ต้องเชื่อก็ได้ เพราะมีคนไม่เชื่อบ้างสักคนสองคนในโลกก็เป็นเรื่องตื่นเต้นดี
เป็นข้อมูลพื้น ๆ ที่ชาวโลกเขารู้กันหมดแล้ว!!!!!
แรกที่ ท่านนายกฯ ของคุณนึกอยากส่งผู้แทนประเทศไทยลงสมัครเลขา UN นั้น เพราะไปได้ข่าวแว่ว ๆ ที่เขาพูดกันใน UN ว่า เลขาฯงวดนี้น่าจะเป็นคิวของคนเอเชีย ท่านก็เลยกระดี๊กระด๊า ทั้งที่โดยความจริง เป็นเพียง คำปรารภ และ ความน่าจะเป็น อันอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้
เอาละ ประเด็นนี้ผ่านไป เพราะก็เป็น "กระแส" ภายในที่พอเชื่อถือได้อยู่ แต่อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ว่าจะเป็นไปตามนั้น 100 % ก็แล้วกัน
ทีนี้พอท่านเชื่อ และ มั่นใจ อย่างนั้น ก็เลยเปิดตัว "คนของท่าน" ดร.สุรเกียรติ์ ให้ชาวโลกรู้ว่าจะมาเป็นผู้สมัคร ให้เดินสายไปขอคะแนนทั่วโลก โดยจะรู้หรือไม่รู้ว่า คะแนนเสียงนั้น ไม่สำคัญเท่ากับ การลงมติ "รับรอง" ของคณะมนตรีความมั่นคงฯถาวรแห่งสหประชาชาติ 5 ประเทศ ที่ประกอบไปด้วย สหรัฐ จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส และ อังกฤษ
เอาประเด็นคะแนนเสียงก่อน : ตอนแรก ดร.สุรเกียรติ์ ได้รับเสียงตอบรับดี ก็เพราะ "เปิดตัว" เป็นคนแรก แต่พอ ผู้แทนจากศรีลังกา และ เกาหลีใต้ เปิดตัวตามมา ฐานคะแนนของ ดร.สุรเกียรติ์ก็หล่นลงไปอยู่ที่โหล่ใน 3 คนนี้ทันที อันนี้ จขกท. ไปอยู่โลกไหนมาถึงไม่รู้ ทั้งที่เขารู้กันมานานแล้ว และ ดร.สุรเกียรติ์ก็รู้ จนเลิกหาเสียงไปนานแล้ว
ซึ่งยังไม่สำคัญเท่ากับว่า ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เปิดตัว แต่ "เดินเกม" ในทางลับ ยกตัวอย่าง ข่าวล่าสุดก็อดีตผู้นำสิงคโปร์ที่มีข่าวว่า "เอาแน่" และมีชาติมหาอำนาจ (มหามิตรของเรา) หนุนหลังเต็มที่
การจะลงชิงชัยในตำแหน่งเลขาฯ ยูเอ็น ไม่จำเป็นต้อง สะแหล็น เปิดตัว เลยก็ได้ ที่ ดร.สุรเกียรติ์ สะแหล็น ก็เพราะถูก "นายหลอก" ให้ทำ ทั้งที่นายก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่อยากทำข่าวโครมครามเอาเครดิตใส่ตัว ซึ่งสุดท้ายก็ได้แค่ เครด่วย เพราะทั่วโลกเขารู้ไส้รู้พุงมิสเตอร์หน้าเหลี่ยมเป็นอย่างดี "เครดิตจากต่างประเทศ" ที่ จขกท. ชื่นชม(ขึ้นมาเอง) นั้น อยากรู้ไหม เขาให้กันยังไง เขายก ผู้นำเรา ไปเทียบเคียงเป็นคู่แฝดกับ ผู้นำอิตาลี ในเรื่องรัฐบาลอภิมหาผลประโยชน์ทับซ้อน จขกท. จะขายหน้าหรือชื่นชม กับ เครดิตนี้ ก็ตามใจ
ส่วนอีกเรื่อง "มติรับรองของมนตรีถาวร 5 ประเทศ" เอาสั้น ๆ แล้วกัน ขี้เกียจพิมพ์แล้ว ใน 5 ประเทศนั้น สหรัฐ ฝรั่งเศส อังกฤษ ไม่เอาเราแน่ ๆ อย่างชัดเจน รัสเซีย ไม่แสดงท่าทีชัดเจน จีน มีแนวโน้มให้การสนับสนุน แต่โดยท่าทีที่เขาแสดงออกมานั้น เขาพร้อมจะสนับสนุน "เอเชีย" ประเทศใดประเทศหนึ่งก็ได้ทั้งนั้น
เฮ้อ....จบ นาน ๆ สีซอที เหนื่อยน่าดู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับคำขอโทษ ขอขมา จากใครแม้แต่สักคนเดียวเลย ...เช่นกัน คำขอบคุณ ก็ยังไม่เคยมีสักคำ... แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ในใจพวกเขาคงคิดคำเหล่านี้อยู่บ้างหรอก ...แค่คิด ไม่ต้องบอกออกมา ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว...
|
|
|
Limmy
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 21-06-2006, 15:57 » |
|
โอ...แม่เจ้า
ต้องขอออกตัวก่อนน๊ะครับว่าทุกสิ่งที่ผมโพสต์ลงในกระทู้นี้....ไม่เคยหวังสักนิดที่จะให้คุณๆกู้ชาติยอมรับ(เพราะมีธงกันแล้วไม่ใช่รึ?!?)
กรณีคุณสุรเกียรติ์นั้น คนที่มีสติสัมปชัญญะรู้ดีแก่ใจครับว่า ส่วนสำคัญที่ทำให้คุณสุรเกียรติ์อาจจะได้ตำแหน่งเลขาฯยูเอ็นก็เพราะเครดิตของคุณทักษิณที่มีภาพลักษณ์ของผู้นำ ความฉลาด และความกล้า ที่ทำให้หลายๆประเทศโดยเฉพาะอภิมหาอำนาจทั้ง 6 ชาติต้องเกรงใจ แม้ว่าคุณสมบัติล้วนๆของคุณสุรเกียรติ์จะโดดเด่นก็ตาม แต่หากไม่ได้คุณทักษิณช่วยพูดช่วยล๊อบบี้ประเทศต่างๆทั่วโลก...ก็ยากที่จะได้รับตำแหน่งยูเอ็น
ไม่ต้องอายน๊ะครับ....หน้าแหกเพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวดีกว่าดื้อตาใสไม่ยอมรับความจริง!!
คุณอะไรจ๊ะครับ รบกวนคุณช่วยเอาหลักฐานมายืนยันหน่อยนะครับว่าอภิมหาอำนาจ 6 ชาติเกรงใจคุณทักษิณ ตรงไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร ? ล่าสุดไปคาซัคสถาน ได้น้ำได้เนื้ออะไรมาบ้างครับ ? จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีข่าวว่าบางประเทศสนับสนุนคุณสุรเกียรติ ในทางการฑูตไม่มีใครเขาปฏิเสธกันตรง ๆ หรอกครับ มารยาททางการฑูตต้องมี ในความเป็นจริงคำว่า "จะรับไว้พิจารณา" หรือ อย่างที่คุณบุชเค้าว่า "ยังไม่ถึงเวลาตัดสินใจ เมื่อถึงเวลาแล้วเลือกแน่นอน" แปลว่า อด ครับ อ้อ อีกอย่างถ้าคุณสุรเกียรติเกิดไม่ได้ตำแหน่งนี้มาจริง ๆ คุณทักษิณที่มีภาพลักษณ์ของผู้นำ ความฉลาด และความกล้า ตามความเห็นของคุณอะไรจ๊ะ ต้องกลายเป็นตัวตลกอินเตอร์ไปด้วยหรือเปล่าครับ ? แถมอีกอย่าง ข่าว CNN เค้าดันสัมภาษณ์เฮียทิไปด้วยอ่ะดิ ต่างชาติเค้าเลยเข้าใจชัดเจนกันหมดแล้ว ว่าที่ต้องมาออกกำลังกายกันเต็มถนนน่ะเพราะอะไร ตอนนี้เลยพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าตราบใดที่เหลี่ยมยังอยู่ก็จะต้องเปลี่ยนแปลงการลงทุนไปเรื่อย ๆ อ่ะครับ เห็นคุณอะไรจ๊ะค่อนข้างเป็นห่วงถึงความรู้สึกของต่างชาติ ถ้าคุณอยากรู้ว่าต่างชาติคิดอย่างไรกับการเมืองและอนาคตของเมืองไทยตอนนี้ ต้องลองไปอ่าน THE THAILAND BUSINESS FORECAST REPORT Q3 2006 ของ Mark Joy - BMI นะครับ เป็นกลางและสรุปภาพได้ชัดเจนที่สุดแล้ว พูดถึงต่างชาตินี่มันก็ใช้ไม่ได้เลยนะครับ ล่าสุดเอกอัครราชฑูตหลายประเทศยกขบวนกันไปคุยกับอภิสิทธิ์ ไม่รู้คุยกันเรื่องอะไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|