Can ไทเมือง
|
|
« เมื่อ: 14-09-2008, 10:28 » |
|
วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน 2551 การเมืองใหม่สไตล์ไทเมือง 1 คน 2 เสียง ( 3 เสียง ก็ได้ ) Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 119 , 11:16:20 น.
ในระหว่างพวกผีดิบ 111 ศพ กำลังเฟ้นหานายกซากซพ อย่างกระ***นกระหือรือ ปล่อยมันไป เพราะยังไงก็ไม่เกิน 3 เดือนก็จะเดี้ยง
เพราะปัญหากรณียุบพรรค กำลังจะตามมา ศาลรัฐธรรมนูญ คงสวดส่งซากศพทางการเมืองพวกนั้นให้ไปสู่สุคติได้ไม่ยาก
ระหว่างนี้ขอเสนอโครงสร้างที่มาของ สส. ซึ่งจะไปใช้สิทธิ์แทนประชาชนในรัฐสภา อีก 1 แนวทางเป็นตุ๊กตาให้ระดมสมอง
ต้องออกตัวว่าไม่ได้อาศัยทฤษฎการเมืองใดๆ ใช้สามัญสำนึกแบบการเมืองไทยนี่แหละเป็นตัวตั้ง
ที่มาของแนวคิดจับเอา 2 สถานะของประชาชน เป็นตัวตั้ง คือระบบตัวแทนท้องถิ่นกับตัวแทนระดับชาติ ผสมผสานระหว่างสิทธิ์เลือกตั้งแบบเก่ากับ การเลือกตัวแทนกลุ่มอาชีพของประชาชน
จึงกำหนดใหประชาชน ใช้ระบบ 1 คน 2 เสียง
1 ระบบตัวแทนเขต ( ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ใช้บัตรสีแดง เป็นเครื่องสังเกต สังกัดพรรค )
2 ระบบตัวแทนอาชีพ ใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ( มาจากสัดส่วนกลุ่มอาชีพใช้บัตรสีเหลือง เป็นเครื่องสังเกต ไม่สังกัดพรรค )
พูดง่ายๆ คือ ยกเลิก ระบบ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะระบบพรรคการเมืองล้มเหลว อย่าดันทุรัง
พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค ใช้ไม่ได้กับสังคมไทย เนื่องเพราะระบบพรรคการเมืองไทยทำลายตัวเองด้วยการนำเสนอนายทุนพรรค เข้ามาเสวยสุข ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ที่ให้พรรคการเมืองคัดเลือกคนดีมีคุณภาพมาทำงานให้พรรค
ดังนั้นควรยกเลิกการเลือก สส. ปาร์ตีลิสต์ มาเป็น สส.กลุ่มอาชีพ ซึ่งไม่สังกัดพรรคแทน
สัดส่วน สส.เขต กับ สส.กลุ่มอาชีพ ใช้ 50/50 ไปเลย
ไม่ใช่แต่งตั้ง 70/30
ประชาชนทุกคน ต้องไปลงทะเบียนอาชีพ เพื่อเลือก สส. กลุ่มอาชีพของตน ได้เพียง 1 อาชีพ คืออาชีพหลัก
ในสัดส่วนของ สส. กลุ่มอาชีพ ไปจัดสรร จำนวนตำแหน่งกันตามความเหมาะสม
หรือจะเพิ่ม สส. กลุ่มผู้อาวุโส อีกจำนวนหนึ่ง ไม่ต้องสังกัดพรรคก็ได้..
แบ่งที่นั่งให้ผู้อาวุโส ผู้มีคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ เชิญท่านมาให้ประชาชนลงคะแนนรับรอง....จะได้ซัก 10-20 คน ก็แล้วแต่ ผมตั้งเป็นตุ๊กตาไว้ เผื่อใครจะนำไปผสมผสานให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น.
ถ้าเพิ่มสภาผู้อาวุโส ให้มีที่นั่งในสภาผู้แทน ก็ใช้ระบบ 1 คน 3 เสียง
สภาผู้เฒ่า ใช้" บัตรสีขาว"นะจ๊ะ...
00000000000000
75 ปี การเมืองไทยพยายามทำให้เป็นฝรั่ง อยากให้มีพรคการเมือง อยากให้มีกฎเกณฑ์ในพรรค แต่สุดท้ายก็เข้าไม่ได้กับ นิสัยของคนไทย
ดังนั้นอย่ามุ่งไปที่รูปแบบฝรั่ง จนไม่ลืมหูไม่ลืมตา
วิธีที่ผมเสนออาจจะเป็น "ส่วนผสมใหม่" ที่จะทำให้ "สภาผู้แทนราษฎร" มีความสมดุลมากขึ้น
เป้าหมายหรือเจตนารมณ์ควรมุ่งที่หลักคุณธรรม และประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เป็นที่ตั้ง
สำหรับ สว. หากคิดว่ายังควรมี " วุฒิสภา " ก็ใช้ระบบ 50/50 แบบที่เป็นอยู่นั่นแหละครับ เลือกตั้งครึ่งหนึ่ง แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง
ต้องออกตัวว่าคิดแบบชาวบ้านนะครับ อย่าไปสังเคราะห์เข้าทฤษฎีการเมืองใดๆ
พวกชอบทำพรรคการเมืองก็ทำกันไป พวกที่ไม่ชอบสังกัดพรรคก็ทำกันไป อย่าไปบังคับกัน
แบ่งๆ ที่กันยืน เพื่อลดความขัดแย้ง...บางที นักวิชาการท่านก็อยากใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา โชว์พาวกันยกใหญ่ ลองให้ชาวบ้านช่วยกันคิดบ้าง ดีมั๊ยครับ
เผื่อมันจะสะท้อนตัวตนของประเทศ ตัวตนของประชาชนอย่างแท้จริงขึ้นมาบ้าง
นักวิชาการค่อยๆ ตบๆ ให้มันเข้าหลักเข้าเกณฑ์กันทีหลัง....พอไม่ให้อายฝรั่ง อิ อิ
ก็ฝรั่งมันแค่ 1 คน 1 เสียง
แต่แบบไทยๆ ต้องเหนือกว่า 1 คน 2 เสียง 3 เสียง ก็ได้ แฟร์พอๆ กันนั่นแหละ
เพราะได้ลงคะแนนทุกคน....แล้วไม่ต้องมาท้ากันว่า แน่จริงลงมาเลือกตั้งแข่งดิ...
ถ้าเปิดเวทีคู่ขนาน ให้มีเวทีระบบเขตประเทศแข่งแบบนี้ มาลองดูกันซักตั้งมั๊ยล่ะ
แคน ไทเมือง
http://www.oknation.net/blog/canthai/2008/09/14/entry-2
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 20:52 โดย Can ไทเมือง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นีโอคอมมิวนิสต์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 44
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 14-09-2008, 10:35 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 14-09-2008, 10:39 » |
|
อิ อิ สภาอาวุโส ( สภาคุณธรรม ) ที่จะมาแทรกในสภาผู้แทน
ให้เชิญผู้ราษฎรอาวุโส วัย 60 ปี ขึ้นไป ประมาณ 50 คน
กกต. ช่วยหาเสียงให้กับทุกคน...
ให้ประชาชนเลือก อีก 1 ช่อง ก็ได้...กลุ่มนี้ใช้บัตร สีขาว...
ให้มีแทรกในสภาผู้แทนประมาณ 10 ที่นั่ง
เอ๊า..กลายเป็น 1 คน 3 เสียง ไปซะแล้ว ฮ่า ฮ่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 10:43 โดย Can ไทเมือง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
FireSatongNorth
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 14-09-2008, 11:08 » |
|
ผมคิดว่าดีครับที่ 1 คนมี 3 เสียง แต่เห็นแย้งนิดนึงครับ ตรงข้อ 1 ระบบตัวแทนเขต สังกัดพรรคที่จะเป็นที่มาของฝ่ายบริหาร มันจะกลับเข้าวงจรเดิม ถึงแม้จะลดความเข้มข้นลง ตามสัดส่วน การประชุมก็จะมีคนลุกขึ้นประท้วงแก้เกมส์แบบเดิม
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยกเลิกตัวแทนเขตไปเลยครับ เสียงที่ 1 ให้กาเลือก พรรคที่จะเข้ามาบริหารไปเลย โดยไม่เกี่ยวข้องกับเสียงที่ 2 นั่นคือ เสียงที่ 1 เลือกรัฐบาล เสียงที่ 2 เลือกนิติบัญญัติ เสียงที่ 3 เลือกสภาคุณธรรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 14-09-2008, 12:24 » |
|
รายละเอียด การลงทะเบียนอาชีพ ค่อยไปว่ากัน
แต่คนเราก็ต้องมี 1 อาชีพหลัก เช่น ค้าขาย รับจ้าง เกษตรกร ฯลฯ
พวกข้าราชการ เทคโนแครต จะแบ่งแยกไปเป็นกลุ่ม ครู ทหาร ตำรวจ แพทย์ ก็ว่ากันไป
กลุ่มนักศึกษา อาจไปหาตัวแทนที่เป็นกลุ่มอาวุโส หรือกลุ่มวิชาชีพทางการศึกษา ก้ได้ ค่อยๆ ตบๆ กันไป เพราะผมแค่ทำตุ๊กตาขึ้นมา
กลุ่มโรงสี กับ กลุ่มชาวนา ก็ต้องแยกกันซีครับ เอาตามสัดส่วนกันไป เกษตรกรก็ย่อมมากกว่าอยู่แล้วว่ามั๊ย
ตอบคุณ FireSatongNorth
พวกตัวแทนที่ได้รับเลือกเข้าไป มีศักดิ์และสิทธิ์ ในฐานะ "ผู้แทนราฎร" อย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงมีสิทธิ์เลือก "นายกรัฐมนตรี" ได้อยู่แล้ว
เมื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ก็เท่ากับ เลือกฝ่ายบริหารไง
เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรีทางอ้อมของประชาชน
วิธีนี้ จะทำให้การเฟ้นหาตัว นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง มีหลากหลายขึ้น มิใช่มีแต่พวกนักการเมือง ที่มาจากพรรคการเมืองเท่านั้น
เมื่อคิดว่า คนที่มีความรู้ความสามารถ ไม่อยู่ในพรรคการเมืองมากมาย ก็หาที่ยืน หาที่นั่งให้เค้าเข้าสภาซีครับ
แบ่งที่ให้ โดยการเลือก "บัญชี 3" อย่างที่บอก นั่นก็ได้
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 12:30 โดย Can ไทเมือง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 14-09-2008, 12:47 » |
|
ความเสมอภาค ก็ 1 คน 2 เสียง 3 เสียง เท่ากันไง
ดีกว่า 1 คน 1 เสียง ตั้งเยอะ ว่ามั๊ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cherub Rock
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 14-09-2008, 12:59 » |
|
เดี๋ยวมันก็จะมีคนขับรถ คนใช้ คนสวน เกตรกร มอไซค์รับจ้าง ประเภทนอมินีเข้าไปนั่งแทนเหมียนเดิมสิครับ ไม่สังกัดพรรคแต่รับเงินเดือน คิดถึงทั่นประทานสุดทนขึ้นมาทีเดียวเชียว หายหน้าหายตา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
|
|
|
นีโอคอมมิวนิสต์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 44
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 14-09-2008, 12:59 » |
|
ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้นะครับแต่ดูแล้วต้องถกกันยาว เพราะว่าปัจจุบัน1คน1เสียงเป็นแค่ในทางนิตินัย ในทางพฤตินัย ชาวนา1เสียงแต่หัวคะแนนมี1000เสียงคูณบารมีและเงินทอง ถ้าเป็นอย่างที่ลุงแคนว่าเสียงของเรา1คนจะกระจายออกไปไม่หมกอยู่ที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เช่นชาวนาทำนาไม่งอกเงยโดยปกติมีตัวแทนแค่ สส.ถ้า สส.ไม่รับฟังเอาหูไปนู่นนี่ ชาวนาจะได้มีตัวแทนจากสายอาชีพของตนเองอีก 1 ปากกระบอกเสียง แหล่ม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-09-2008, 13:08 » |
|
ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้นะครับแต่ดูแล้วต้องถกกันยาว เพราะว่าปัจจุบัน1คน1เสียงเป็นแค่ในทางนิตินัย ในทางพฤตินัย ชาวนา1เสียงแต่หัวคะแนนมี1000เสียงคูณบารมีและเงินทอง ถ้าเป็นอย่างที่ลุงแคนว่าเสียงของเรา1คนจะกระจายออกไปไม่หมกอยู่ที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เช่นชาวนาทำนาไม่งอกเงยโดยปกติมีตัวแทนแค่ สส.ถ้า สส.ไม่รับฟังเอาหูไปนู่นนี่ ชาวนาจะได้มีตัวแทนจากสายอาชีพของตนเองอีก 1 ปากกระบอกเสียง แหล่ม ถ้าเกรงว่า กลุ่มอาชีพใหญ่ๆ เช่นเกษตรกร จะมีคนไม่รู้จัก ก็ซอยย่อยเป็น 10 เขตใหญ่ เหมือนเมื่อคราวเลือก ปาร์ตี้ลิสต์ ครั้งที่แล้วก็ได้
ส่วนพวก เทคโนแครต หรืออาชีพที่ใช้ความรู้ขั้นสูง ให้เป็นเขตประเทศไปเลย รายละเอียดต้องค่อยๆ ปรับกันไป เรื่องคุณสมบัติ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในแต่ละกลุ่มอาชีพปล่อยให้คนอื่นคิดบ้าง ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sweet Chin Music
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 14-09-2008, 13:25 » |
|
ค่อนข้างเห็นด้วยกับแนวทางแบบนี้ครับ และเห็นว่าควรจะให้จำนวนของแต่ละอาชีพมากหน่อย ...
ส่วนที่ต้องอิงกับพรรคการเมือง ควรจะลดปริมาณลง ให้เป็นแค่ไม่ประดับก็พอ เพราะนายทุึนเข้ามาทั้งนั้น ไร้ประโยชน์
ที่เห็นควรเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งคือ น่้าจะให้มีการสอบวัดจริยธรรม ก่อนที่จะมาลงสมัคร
น่าจะช่วยได้ ไม่มากก็น้อย เพราะเมืองไทยขาดส่วนนี้ไปจริงๆครับ ....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นีโอคอมมิวนิสต์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 44
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 14-09-2008, 13:43 » |
|
นึกขึ้นได้แล้วคนตกงานไม่มีงานทำละครับ ต้องจัดพวกเค้าอยู่หมวดไหนเนี่ย ผมว่าจริยธรรมต้องสร้างเป็นบรรทัดฐานกันเองนะครับให้เป็นเหมืองกฏหมายแบบจารีตประเพณี จะได้ไม่ต้องมีไอ้จั***ตัวไหนมาแก้จริยธรรมอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 14-09-2008, 14:02 » |
|
ค่อนข้างเห็นด้วยกับแนวทางแบบนี้ครับ และเห็นว่าควรจะให้จำนวนของแต่ละอาชีพมากหน่อย ...
ส่วนที่ต้องอิงกับพรรคการเมือง ควรจะลดปริมาณลง ให้เป็นแค่ไม่ประดับก็พอ เพราะนายทุึนเข้ามาทั้งนั้น ไร้ประโยชน์
ที่เห็นควรเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งคือ น่้าจะให้มีการสอบวัดจริยธรรม ก่อนที่จะมาลงสมัคร
น่าจะช่วยได้ ไม่มากก็น้อย เพราะเมืองไทยขาดส่วนนี้ไปจริงๆครับ ....
ก็นำเสนอ นักการเมืองระบบเขต ระบบพรรค เอาไปเลย 50 %
ส่วนที่เหลือ เอามาแบ้งปันให้สภาอาชีพ ไม่สังกัดพรรคและต้องเหลือให้สภาอาวุโส สภาคุณธรรม หรือ สภาผู้นำ ซัก 10-20 ที่นั่ง
แบบนี้ จะทำให้สภา ไม่ขาดแคลนบุคลากรระดับ "นายกรัฐมนตรี" เพราะ มีคนดี คนเก่ง ผสมอยู่ในสัดส่วนพวก ไม่สังกัดพรรคส่วนท่านที่กลัวว่าจะเอา นอมินีมาลง คงยากครับ
เพราะใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ถ้าไม่ดังจริง ดีจัง อย่าหวังว่าจะฝ่าด่านเข้ามาได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cylonn
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 14-09-2008, 14:05 » |
|
นึกขึ้นได้แล้วคนตกงานไม่มีงานทำละครับ ต้องจัดพวกเค้าอยู่หมวดไหนเนี่ย ผมว่าจริยธรรมต้องสร้างเป็นบรรทัดฐานกันเองนะครับให้เป็นเหมืองกฏหมายแบบจารีตประเพณี จะได้ไม่ต้องมีไอ้จั***ตัวไหนมาแก้จริยธรรมอีก อาชีพชาวเกาะ มันต้องเกาะใครสักคนสิน่า หรือไม่ก็อาชีพขอทาน ส่วนเยาวชนให้เลือกตามสาขาที่เรียนหรือที่สนใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chaturant
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 14-09-2008, 14:24 » |
|
ขอเพิ่มครับ นายก เลือกจาก ประชาชนโดยตรง คล้ายกับเลือกประธานาธิปดี อยากให้ ประชาชนเป็นผู้เลือกฝ่ายบริหาร ครับ
เพราะ สส. มีหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร มีหน้าที่เอาปัญหาของประชาชนมาบอกกับฝ่ายบริหาร ดังนั้น ถ้า สส. ยังเลือกนายกเองได้ ก็จะเป็นพวกแบ่งโควต้าแย่งกันเป็นรัฐมนตรีอีก แล้วผู้ที่ตรวจสอบนักการเมืองก็มีแค่ฝ่ายค้าน ซึ่งต่อให้เหตุผลดีชิหายยังไง ก็แพ้เพราะเสียงข้างมากอยู่ดี ดังนั้น ต้องให้ประชาชนเป็นผู้เลือก ผู้บริหารประเทศเอง ส่วน สส. ก็ไม่สามารถที่จะล็อบบี้แย่งเก้าอี้ รัฐมนตรี และไปแบ่งโควต้าให้ลูกให้เมีย และ แบ่งผลประโยชน์กันได้อีก เพราะ ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้บริหารประเทศเอง ดังนั้นจะเกิดการแข่งขัน วัดวิสัยทัศน์อย่างกว้างขวาง ได้ผู้บริหารที่มีคุณภาพ ปราศจากผลประโยชน์ เพราะ นายกรัฐมนตรีที่เลือกจากประชาชนโดยตรงจะอิสระ จาก สส. สามารถที่จะเอาคนที่มีความรู้ความสามารถมาเป็น รมต. ได้ โดยไม่ต้องไปห่วง เรื่องโควต้า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 14:28 โดย chaturant »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ooo
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 14-09-2008, 14:32 » |
|
ระบบปัจจุบันก็หนึ่งคน 2 เสียง ตามความหมายของคุณแคน อยู่แล้วนี่ครับ... คือเลือกได้ทั้ง สส.เขต และสัดส่วน... ที่คุณแคน นำเสนอ คือระบบสัดส่วน ให้เปลี่ยนมาเลือกจากตัวแทนอาชีพ... ก็ดีครับ ตัวแทนสาขาอาชีพ แต่ปัญหาก็อยู่ที่การแบ่งอาชีพ และปริมาณประชากร ในแต่ละอาชีพ ไม่เท่ากัน อย่างที่หลายๆความเห็น ตั้งข้อสังเกตุไว้แหละครับ จะมีแนวทางแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างไรครับ? ปล. ผมไม่ใช่จะมาป่วนหรือ หาเรื่องนะครับ ผม พันธมิตร ทั้งตัวและจิตวิญญาณ [/size] ปล. ของคุณหน้าเหลี่ยมด้านฯ สะท้อนถึงอะไรครับ...ชาวเสรีไทย ช่วยตอบหน่อย อยากบอกคุณหน้าเหลี่ยมด้าน ว่า... ไม่ต้องห่วงครับ แม้ไม่ใช่พันธมิตรทั้งตัวและจิตวิญญาณ ก็ยืนอยู่ในเวปนี้ได้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ooo
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 14-09-2008, 15:22 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NA-KORN
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 14-09-2008, 18:50 » |
|
นี่อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นายกฯ มาจาก สส.ที่มี สส.เสนอชื่อในสภาและได้เสียงเกินครึ่ง สส.ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ ยกเว้น กรรมาธิการ ครม.มาจากไหน - นายกฯ มาจาก สส. - รัฐมนตรี มาจาก บัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากในสภาเป็นผู้เสนอในการรนณรงค์หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง เหตุผลที่ห้าม สส. ดำรงค์ตำแหน่งทางการเมืองอื่น เพื่อต้องการให้ สส. ทำหน้าที่นิติบัญญัติเพียงอย่างเดียวอย่างเต็มที่ ไม่ก้าวก่าย ฝ่ายบริหาร กำจัด มุ้ง วัง กลุ่มต่าง ๆ ให้สิ้นซาก ส่วนระบบการเลือกตั้ง อาศัยของลุงแคนแล้วกัน แต่แย้งนิดนึง สภาอาวุโสไม่เห็นด้วย เพราะผู้อาวุโสสามารถสมัครรับเลือกตั้งใน กลุ่มอาชีพได้อยู่แล้วจึงไม่จำเป็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ammika
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 14-09-2008, 19:31 » |
|
ชอบค่ะๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เบื่อไอ้ปึ้ด...จริงๆ
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 14-09-2008, 20:07 » |
|
นายกมาจากสภา นั่นแหละ อาจไม่ต้องเป็นหัวหน้าพรรค อาจมาจาก ที่นั่งอาวุโสหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งแบ่งที่ไว้ให้แล้วไง
10 คน-20 คน แบ่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ ( ตามบัญชี 3 )
รมต. ก็เหมือน ๆ ระบบปัจจุบันนั่นแหละ ให้นายกเป็นผู้เสนออยู่แล้ว
ระบบควบคุม ถ่วงดุล ก็แบบเดิมๆ นี่แหละครับ ไม่แตกต่างจาก 2550
ที่ขอเปลี่ยนแค่ ที่มาของ สส. หรือ ผู้แทนปวงชนชาวไทย
สมมุติ สส. มี 500
ก็แบ่งไปให้พวก สส.เขต ตามจังหวัด 240
แบ่งให้ สส. อาชีพ ที่มีที่มาจากการเลือกตั้งแบบไม่สังกัดพรรค 240
ที่เหลือ 20 ที่นั่ง ให้เป็น สส.จากบัญชี 3 สำหรับดเป็นผู้อาวุโส ในสภา ซึ่งจะเป็นที่พึ่งพิงของประเทศชาติ
ไม่จำเป็นว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพรรคการเมืองเท่านั้น
รับประกันว่า บัญชี 3 นี้ จะต้องไม่มี "ยี้" เพราะมาจากการเลือกตั้งทั้งประเทศ เช่นเดียวกับ สส.กลุ่มอาชีพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cylonn
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 14-09-2008, 20:46 » |
|
นายกมาจากสภา นั่นแหละ อาจไม่ต้องเป็นหัวหน้าพรรค อาจมาจาก ที่นั่งอาวุโสหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งแบ่งที่ไว้ให้แล้วไง
10 คน-20 คน แบ่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ ( ตามบัญชี 3 )
รมต. ก็เหมือน ๆ ระบบปัจจุบันนั่นแหละ ให้นายกเป็นผู้เสนออยู่แล้ว
ระบบควบคุม ถ่วงดุล ก็แบบเดิมๆ นี่แหละครับ ไม่แตกต่างจาก 2550
ที่ขอเปลี่ยนแค่ ที่มาของ สส. หรือ ผู้แทนปวงชนชาวไทย
สมมุติ สส. มี 500
ก็แบ่งไปให้พวก สส.เขต ตามจังหวัด 240
แบ่งให้ สส. อาชีพ ที่มีที่มาจากการเลือกตั้งแบบไม่สังกัดพรรค 240
ที่เหลือ 20 ที่นั่ง ให้เป็น สส.จากบัญชี 3 สำหรับดเป็นผู้อาวุโส ในสภา ซึ่งจะเป็นที่พึ่งพิงของประเทศชาติ
ไม่จำเป็นว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพรรคการเมืองเท่านั้น
รับประกันว่า บัญชี 3 นี้ จะต้องไม่มี "ยี้" เพราะมาจากการเลือกตั้งทั้งประเทศ เช่นเดียวกับ สส.กลุ่มอาชีพ
ลุงแคนขยายคุณสมบัติบัญชี3ให้หน่อย กลัวไอ้พวกแต่งตั้งตัวเองอะ ถ้าเอาแต่อายุไอ้หมาหมักก็อยู่กลุ่มนี้ ทั้งๆที่อายุสมองไม่ถึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 14-09-2008, 21:07 » |
|
ผมให้ชื่อสส. เป็นชื่อบัญชีละกันครับ
บัญชี 1 ให้เป็น สส.เขต 240 ที่นั่ง ต้องสังกัดพรรคการเมือง
บัญชี 2 ให้เป็น สส.กลุ่มอาชีพ 240 ที่นั่ง
บัญชี 3 เป็น สส. กลุ่มอาวุโส หรือผู้ทรงคุณวุฒิ.. 20 ที่นั่ง
สส.อาวุโส ( บัญชี 3 )อาจให้สมัครกับ คณะกรรมการคัดสรร คล้าย ๆ สว. แต่งตั้งนั่นแหละครับ
กรรมการคัดสรร เสนอรายชื่อ ผู้สมัคร น่าจะเป็น กรรมการองค์กรอิสระทั้งหลายนั่นแหละ
หรือจะให้ วุฒิสภา เป็นผู้เสนอรายชื่อ ผู้สมควรลงเลือกตั้ง 50 คน
ถ้าผ่านตรงนั้นได้ ก็ให้ผ่าน อาจมีรายชื่อเด็ด ๆ 50-60 คน ก็ได้ แต่ให้ประชาชนเลือก 1 คน
ให้มีจำนวน 20 คน ก็น่าจะพอ
คุณสมบัติ ก็คงอายุ 50 ขึ้นไป รับราชการระดับ 10 หรือ อธิบดีขึ้นไป ประมาณนั้น
ความรู้อาจไม่สำคัญ บางท่านก็ไม่จบสูงส่งอะไร เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ที่ชื่อเสียงดี ก็มาได้
พวกนักธุรกิจ ก็มาได้นะครับ แต่ต้องระดับ ซีอีโอ เป็นอย่างน้อยมีชื่อเสียงดีงามเป็นที่ประจักษ์
นายทหาร นายตำรวจ ที่สร้างสมประวัติชีวิตมาดี ก็เข้าบัญชีนี้ได้ครับ ไม่ต้องไปหงอ ไอ้หัวหน้าพรรคเงินหนาพวกนั้น
เอาเป็นว่า พอเอ่ยชื่อ สามารถให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยไม่สงสัยนั่นแหละครับ
อย่างน้อยผู้อาวุโสเหล่านี้ คงจะยังพอปรามๆ พวก สส.ที่ประพฤติไม่ดี เหมือนคุณครูในสภาไงครับ อิ อิ
คนที่จะได้ตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ เอ่ยชื่อประชาชนย่อมรู้จักเป็นอย่างดี เนื่องเพราะสร้างสมคุณงามความดีมานานตลอดชีวิต
ดังนั้นไม่ต้องห่วงครับ...สามารถขึ้นเป็น รมต. หรือ นายก ได้เลยล่ะ
ทีนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่า เราจะไม่มีนายกที่มาจากการเลือกตั้ง
คุณสมบัติพื้นฐาน หรือการควบคุมกำกับก็ใช้ระบบเดียวกับที่กำกับ สส. รมต. นั่นแหละครับ
อย่ากลัวว่าพวกคนไม่ดีจะเข้าในบัญชีผู้ลงเลือกตั้งได้เลยครับ
เพราะผ่านการคัดกรองมาแล้วในระดับหนึ่ง แล้วค่อยกางบัญชีลงไป ให้ประชาชนเลือกอีกครั้งหนึ่ง
นั่นคือตีตราว่า มาจากประชาชนโดนตรงเท่ากับ สส. นั่นแหละครับ
การที่ต้องมี "บัญชี 3" ก็นับเนื่องมาจาก พระบรมราโชวาทที่ว่า "ส่งเสริมคนดีให้มีอำนาจ" ครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 21:18 โดย Can ไทเมือง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ริวเซย์
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 14-09-2008, 21:17 » |
|
เสนอ สภาอาวุโส ไว้ซัก 10 ที่นั่ง ไม่สังกัดพรรค
เผิ่อพวกหัวหน้าพรรค ไม่มีตัวเลือก ก็เอา สส.อาวุโส ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้...
อ้อ...ไม่ต้องเลือกนายกโดยตรงหรอกครับ เดี๋ยวมันจองหอง ตรงนี้เห็นด้วยครับ หมั่นไส้มากๆเวลานายกอ้างมาจากเสียงของประชาชนกี่ล้านๆเสียงเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^
|
|
|
Cylonn
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 14-09-2008, 21:26 » |
|
ผมให้ชื่อสส. เป็นชื่อบัญชีละกันครับ
บัญชี 1 ให้เป็น สส.เขต 240 ที่นั่ง ต้องสังกัดพรรคการเมือง
บัญชี 2 ให้เป็น สส.กลุ่มอาชีพ 240 ที่นั่ง
บัญชี 3 เป็น สส. กลุ่มอาวุโส หรือผู้ทรงคุณวุฒิ.. 20 ที่นั่ง
สส.อาวุโส ( บัญชี 3 )อาจให้สมัครกับ คณะกรรมการคัดสรร คล้าย ๆ สว. แต่งตั้งนั่นแหละครับ
กรรมการคัดสรร เสนอรายชื่อ ผู้สมัคร น่าจะเป็น กรรมการองค์กรอิสระทั้งหลายนั่นแหละ
หรือจะให้ วุฒิสภา เป็นผู้เสนอรายชื่อ ผู้สมควรลงเลือกตั้ง 50 คน
ถ้าผ่านตรงนั้นได้ ก็ให้ผ่าน อาจมีรายชื่อเด็ด ๆ 50-60 คน ก็ได้ แต่ให้ประชาชนเลือก 1 คน
ให้มีจำนวน 20 คน ก็น่าจะพอ
คุณสมบัติ ก็คงอายุ 50 ขึ้นไป รับราชการระดับ 10 หรือ อธิบดีขึ้นไป ประมาณนั้น
ความรู้อาจไม่สำคัญ บางท่านก็ไม่จบสูงส่งอะไร เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ที่ชื่อเสียงดี ก็มาได้
พวกนักธุรกิจ ก็มาได้นะครับ แต่ต้องระดับ ซีอีโอ เป็นอย่างน้อยมีชื่อเสียงดีงามเป็นที่ประจักษ์
นายทหาร นายตำรวจ ที่สร้างสมประวัติชีวิตมาดี ก็เข้าบัญชีนี้ได้ครับ ไม่ต้องไปหงอ ไอ้หัวหน้าพรรคเงินหนาพวกนั้น
เอาเป็นว่า พอเอ่ยชื่อ สามารถให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยไม่สงสัยนั่นแหละครับ
อย่างน้อยผู้อาวุโสเหล่านี้ คงจะยังพอปรามๆ พวก สส.ที่ประพฤติไม่ดี เหมือนคุณครูในสภาไงครับ อิ อิ
คนที่จะได้ตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ เอ่ยชื่อประชาชนย่อมรู้จักเป็นอย่างดี เนื่องเพราะสร้างสมคุณงามความดีมานานตลอดชีวิต
ดังนั้นไม่ต้องห่วงครับ...สามารถขึ้นเป็น รมต. หรือ นายก ได้เลยล่ะ
ทีนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่า เราจะไม่มีนายกที่มาจากการเลือกตั้ง
คุณสมบัติพื้นฐาน หรือการควบคุมกำกับก็ใช้ระบบเดียวกับที่กำกับ สส. รมต. นั่นแหละครับ
อย่ากลัวว่าพวกคนไม่ดีจะเข้าในบัญชีผู้ลงเลือกตั้งได้เลยครับ
เพราะผ่านการคัดกรองมาแล้วในระดับหนึ่ง แล้วค่อยกางบัญชีลงไป ให้ประชาชนเลือกอีกครั้งหนึ่ง
นั่นคือตีตราว่า มาจากประชาชนโดนตรงเท่ากับ สส. นั่นแหละครับ
การที่ต้องมี "บัญชี 3" ก็นับเนื่องมาจาก พระบรมราโชวาทที่ว่า "ส่งเสริมคนดีให้มีอำนาจ" ครับ
โอเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 14-09-2008, 21:41 » |
|
คนตกงาน ก็อาชีพรับจ้าง หรือ ลูกจ้างไงครับ
ไม่ต้องลังเล...ลงทะเบียนได้เลยครับ อิ อิ
น่าจะเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่แพ้ กลุ่มเกษตรกร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chaturant
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 14-09-2008, 22:26 » |
|
ถ้านายก มาจาก สส. อีก ผมว่า มันก็ต้องวิ่งเต้นกันอีก ขอเก้าอี้ ถ้าไม่ให้ก็ไม่ยกมือให้อีก และ ถ้ายิ่ง คนลงแข่งนายกมีเงิน ก็ยิ่งแข่งกันซื้อตัว สส. เหมือนเดิมอีก แล้วมันก็ เป็นระบบ โควต้าอีก ผมว่า ปชช. เลือกโดยตรงเลยดีกว่า แต่ เนอะ ลืมไปนิด การศึกษาบ้านเรายังไม่เท่าเทียมกันทั่วประเทศ แต่ผมเห็นว่า ถ้านายก มาจาก ปชช. โดยตรงมันจะอิสระ น่ะครับ ถ้าทำผิด ก็จะโดน สส. หรือ สว. จัดการเองแหละครับ ดูอย่าง เลือก ผู้ว่าใน กทม. เราได้คนบริหาร ดีมาก ทำไม ประเทศ หาผู้บริหารดีๆไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 14-09-2008, 22:54 » |
|
ถ้านายก มาจาก สส. อีก ผมว่า มันก็ต้องวิ่งเต้นกันอีก ขอเก้าอี้ ถ้าไม่ให้ก็ไม่ยกมือให้อีก และ ถ้ายิ่ง คนลงแข่งนายกมีเงิน ก็ยิ่งแข่งกันซื้อตัว สส. เหมือนเดิมอีก แล้วมันก็ เป็นระบบ โควต้าอีก ผมว่า ปชช. เลือกโดยตรงเลยดีกว่า แต่ เนอะ ลืมไปนิด การศึกษาบ้านเรายังไม่เท่าเทียมกันทั่วประเทศ แต่ผมเห็นว่า ถ้านายก มาจาก ปชช. โดยตรงมันจะอิสระ น่ะครับ ถ้าทำผิด ก็จะโดน สส. หรือ สว. จัดการเองแหละครับ ดูอย่าง เลือก ผู้ว่าใน กทม. เราได้คนบริหาร ดีมาก ทำไม ประเทศ หาผู้บริหารดีๆไม่ได้
จะเอารูปแบบประธานาธิบดีเหรอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
kittie
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 14-09-2008, 23:11 » |
|
...ก็ยังยืนยันไม่เห็นด้วยกับคุณ chaturant ค่ะ (ตั้งแต่กระทู้ที่แล้ว) เรื่องเลือกนายกโดยตรงเนี่ย การเมืองของเราแก้ปัญหาแค่จุดนั้นไม่ได้ค่ะ และประเด็นปัญหาเรื่องอำนาจที่ มากไป/น้อยไป ก็ยังเป็นปัญหาสำคัญค่ะ ...สภาอาวุโสของลุงแคนน่าสนใจดีค่ะ บวกข้อมูลแนวทางเรื่องสภาอาชีพที่เพิ่มขึ้นมา เริ่มเอนๆ มาทางนี้แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Vi Veri Veniversum Vivus Vici
"By the power of truth I, while living, have conquered the world"-------------------------------------- My Hi5!! http://kittiepong.hi5.com
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 14-09-2008, 23:22 » |
|
แหะ แหะ เรื่อง สภาอาชีพ ต้องให้นักวิชาการเค้าถกกัน เพราะเราไม่มีฐานข้อมูลอาชีพ
ก็เสนอโครงสร้างใหญ่ๆ เปิดให้ไปถกกัน ที่สำคัญ ทุกคนที่จะเป็นสส. ต้องผ่านคูหาเลือกตั้ง กาโดยประชาชนทุกคนไงครับ
อย่างน้อย เราก็จะหลุดพ้น สส.ที่มาจากพวกนักกฎหมาย นักตีความ อยากได้สภาที่เป็นที่รวมของคนแก้ปัญหาของทุกสาขาอาชีพ
ไม่ใช่ แก้ปัญหาเป็นเรื่องของพวกนักกฎหมายเล่นสำบัดสำนวนกันไปวันๆ ประท้วงงี่เง่า ก็น่าจะให้เลิกๆกันไปซะ เสียเวลาสภา
พูดกันง่ายๆ ไม่ต้องตีความ แบบนี้ การสะท้อนปัญหาของประเทศชาติ น่าจะได้ความหลากหลายดีกว่า
2 บัญชี เราก็เลือกมาแล้ว สส. เขต กับ ปาร์ตี้ลิสต์ ก้ปรับแก้ ให้เป็นบัตร 3 ใบ 3 สี หย่อน 3 หีบ ก็ไม่น่ายุ่งยาก
หากกลัวจำไม่ได้ ก็ปิดป้าย ปิดเบอร์ให้ชัดๆ หน้าคูหา เงยหน้าขึ้นมาก็เจอเลยประมาณนั้น
บัญชี 3 ผมเสนอให้ไว้เป็นทางเลือก เวลาเลือกตัวนายกรัฐมนตรี จะได้ไม่มีปัญหา 3 ส. 3 ซวย ประมาณนั้น
มองแล้วมันเศร้าใจ โดยเฉพาะ ตัวคนเป็นนายกรัฐมนตรี ที่เห็นหน้าพวก หัวหน้าพรรคน้ำเน่าในสภา มันเหลือรับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
FireSatongNorth
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 14-09-2008, 23:43 » |
|
ผมเห็นด้วยกับคุณ chaturant นะ ทำไมถึงกลัวกันว่าเมื่อประชาชนใช้สิทธิโดยตรงในการเลือกฝ่ายบริหารแล้ว นายกจะมีอำนาจล้นฟ้าล่ะ จะออกกฏหมายอะไรก็ต้องผ่านสภาไม่ใช่เหรอ ผมว่า สามอำนาจ ต้องคานกันให้สมดุลย์ แล้วเราก็คงอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ผลเสียของแบบนี้ก็มีคือ อำนาจบริหารอ่อนแอลง แต่เมื่อมั่นใจว่าทำสิ่งที่ดีเพื่อประเทศชาติส่วนรวมแล้ว สภาคุณธรรม หรือสภาอาชีพ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะ คัดค้านไม่ใช่เหรอ ยก NBT ให้ถ่ายทอดการเมือง 24 ชั่วโมงไปเลย
ผลดีของระบบแบบนี้ คือ ผู้ทรงอิทธิพลในท้องถิ่น จะถูกตัดตอนจากอำนาจรัฐโดยทันที เป็นได้อย่างมากแค่ อบจ.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 14-09-2008, 23:51 » |
|
ผมเห็นด้วยกับคุณ chaturant นะ ทำไมถึงกลัวกันว่าเมื่อประชาชนใช้สิทธิโดยตรงในการเลือกฝ่ายบริหารแล้ว นายกจะมีอำนาจล้นฟ้าล่ะ จะออกกฏหมายอะไรก็ต้องผ่านสภาไม่ใช่เหรอ ผมว่า สามอำนาจ ต้องคานกันให้สมดุลย์ แล้วเราก็คงอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ผลเสียของแบบนี้ก็มีคือ อำนาจบริหารอ่อนแอลง แต่เมื่อมั่นใจว่าทำสิ่งที่ดีเพื่อประเทศชาติส่วนรวมแล้ว สภาคุณธรรม หรือสภาอาชีพ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะ คัดค้านไม่ใช่เหรอ ยก NBT ให้ถ่ายทอดการเมือง 24 ชั่วโมงไปเลย
ผลดีของระบบแบบนี้ คือ ผู้ทรงอิทธิพลในท้องถิ่น จะถูกตัดตอนจากอำนาจรัฐโดยทันที เป็นได้อย่างมากแค่ อบจ.
ต้องไปดูว่า "อำนาจบริหาร" ออกกฎหมายของตัวเองอะไรได้บ้างสุดท้าย บริหารก็มาครอบสภา ซื้อมือจากสภาหนุนตัวเองอยู่ดีถ้าไม่มีฐานมาจากสภา แล้วจะไปเอาเสียงสนับสนุนจากไหนในสภาปัญหาที่นำเสนอในกระทู้นี้ คือ ความล้มเหลวของระบบพรรคการเมืองในประเทศไทยถ้ายังไม่เข้าใจระบบ ประธานาธิบดี ก็ไม่ควรใช้ระบบเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงใกล้ๆ เรานี่ ก็ลองศึกษา ฟิลิปปินส์ เป็นตัวอย่างก็ได้ครับที่สำคัญ ไม่เคยได้ยินว่าในโลกนี้มีระบบประธานาธิบดี อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ไปกันใหญ่แล้วครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2008, 23:58 โดย Can ไทเมือง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PK
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 15-09-2008, 00:53 » |
|
ขอขอบคุณลุงแคน ที่ช่วยทำให้กระจ่างในเรื่องของวิธีการเลือกตัวแทนของประชาชน แบบการเมืองใหม่
ส.ส. ระบบเขต ส.ส. กลุ่มอาชีพ และ ส.ส. สรรหา (ผู้อาวุโสดำรงคุณธรรม) สัดส่วนอย่างละเท่าใด ยังไม่สามารถกำหนดให้ชัดเจนตายตัวได้
จะขอถามบ้างนะครับ กรณี ส.ส. กลุ่มอาชีพ หากจะให้มีการหาเสียงแบบ ส.ส. ระบบเขต ก็จะมีการใช้เงินทุ่มในการหาเสียงและซื้อเสียงอีก ลุงแคนคิดว่า จะให้ ส.ส. กลุ่มอาชีพ หาเสียง อย่างไร?
กรณีของกลุ่มอาชีพ อาจจะมีการส่งตัวปลอมเข้าไปแทรกแซงในแต่ละกลุ่มอาชีพ เพื่อให้ได้คนของกลุ่มก๊วนพวกตนได้เป็น ส.ส. ในหลายๆ กลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบอาชีพ
อีกประการหนึ่งที่อยากให้มีในการเมืองใหม่ การเมืองภาคประชาชนโดยตรง นั้นคือ เมือใดที่การเมืองระบบรัฐสภาเป็นง่อยอีก เหมือนปัจจุบัน จะทำอย่างไรให้ภาคประชาชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาได้โดยตรงและชัดเจนกว่าที่มีใน รธน ฉบับ ปัจจุบัน เสนอแนวความคิดเล่นๆ นะครับ ตัวอย่างเช่น ประชาชนจำนวนหนึ่ง ยื่นขอเปิดสภากลางแจ้ง หรือจะเป็นสภาสาธารณะ ก็แล้วแต่ โดยประชาชนพิจารณาส่งตัวแทน (ที่ไม่ใช่ ส.ส.) อภิปรายและตั้งกระทู้ซักถามรัฐบาล และให้รัฐบาลตอบคำถาม หลังจากเสร็จสิ้นการอภิปราย ให้ประชาชนลงคะแนนจะวางใจหรือไม่ โดยการให้ประชาชนจากทั้งประเทศที่ไม่ไว้วางใจรัฐบาล เข้าร่วมลงชือขอถอดถอนรัฐบาลภายในเวลากำหนด เช่น 15 วัน หรือ 30 วัน เป็นต้น โดยไม่ต้องผ่านขบวนการ ปปช และวุฒิสภา อย่างปัจจุบัน และหากจำนวนเสียงประชาชนที่ไม่ไว้วางใจมีจำนวนถึงที่กำหนด เช่น กำหนดตั้งแต่ 100,000 คน ขึ้นไป ให้รัฐบาลนั้นต้องพ้นจากตำแหน่งไป (พ้นไปจนกว่าจะหมดสมัยวาระของ ส.ส. ) โดยไม่ต้องมีการยุบสภา (ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ให้เปลืองงบประมาณ) เพื่อให้ ส.ส. ที่เหลือในสภาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทนต่อไป
ข้อสงสัยอย่างอื่น เห็นมีคนอื่นถามแล้ว ขอนั่งรอคำตอบด้วยคนนะครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2008, 00:57 โดย PK »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลับ ลวง พราง
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 15-09-2008, 00:56 » |
|
เลือกประธานาธิปดี ก็เลือกประธานาธิปดี เลือกนายกฯ ก็เลือกนายกฯ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย
ประเทศเรามีประมุขของรัฐอยู่แล้ว เราแค่เลือกผู้นำฝ่ายบริหาร ไม่ได้เลือกประมุขแห่งรัฐ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 15-09-2008, 01:37 » |
|
ตอบคุณ PK
กลุ่มอาชีพใหญ่ๆ เช่น เกษตรกร/รับจ้างรายวัน อาจแบ่งภาค เป็นเขตใหญ่ เพื่อให้ได้ความใกล้ชิด ( คล้ายๆ แบ่งเขต เลือกปาร์ตี้ลิสต์คราวที่แล้ว 10 เขต ทั่วประเทศมั๊ง จำไม่แม่น )
กลุ่มอาชีพอื่นๆ มักจะมีชมรม สมาคม หรือหน่วยงานเฉพาะของเค้าอยู่แล้ว คนที่จะเข้าไปลงสมัคร ก็น่าจรู้ศักยภาพของตนเอง
กลุ่มข้าราชการ ก็ควรให้หลากหลายทุกกระทรวง ทบวงกรม
กลุ่มรัฐวิสาหกิจ แรงงาน สหภาพ ก็เป็นอีกกลุ่มที่ใหญ่มาก ๆ อาจแยกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ ลูกจ้างระดับ ปริญญาตรีกลุ่มหนึ่ง และกลุ่มแรงงานต่ำกว่าปริญญาตรีกลุ่มหนึ่ง หรือแล้วแต่จะไปออกแบบกัน
กลุ่มนักธุรกิจ เค้ามีการจัดตั้งเป็นชมรม สมาคม ของเค้าอยู่แล้ว ก็ไม่น่ามีปัญหา
กลุ่มความหลากหลายทางเชื้อชาติพันธุ์ ชนกลุ่มน้อย ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ก็ต้องให้ที่นั่งเค้าเข้ามา
การหาเสียงของ สส.กลุ่มอาชีพ กกต. ต้องจัดสรรให้ครับ
เนื่องจากใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง การหาเสียงต้องผ่านสื่อหลักคือ ทีวี
ดังนั้นควรมี ทีวีเพื่อการเลือกตั้งโดยเฉพาะ อาจห้ามสส. ใช้สื่อ ฟรีทีวีหาเสียง ยกเว้นหาเสียงให้พรรคการเมือง หรือหัวหน้าพรรค ( ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับ สส. กลุ่มอาชีพ )
ปกติ สส. เขต เค้ามีวิธีหาเสียงของเค้าอยู่แล้ว การกำหนดวงเงินหาเสียง อาจให้ใช้น้อยลง
กกต. ควรมี กกต.อาสาภาคประชาชน ทุ่มงบประมาณให้เค้าเข้าไปร่วมจับผิดเลือกตั้ง อย่าไปปิดกั้น อย่าใหม้เหมือนคราวที่แล้ว
กกต. กับ พีเน็ต ทะเลาะกันเอง
อ้อ...กกต.ชุดนี้โละทิ้งไปเลยครับ ใช้ไม่ได้ 7 เดือนแล้วยังบอกไม่ได้ว่า คุณวิฑูรย์ ผิดหรือไม่ผิด...มันทุเรศครับ
00000000000000000000000
การป้องกันตัวปลอม ( จากพรรคการเมือง ) เข้าไปในกลุ่มอาชีพคงห้ามยากครับ เพราะ พวกนักเลือกตั้ง ก็มีคนในกลุ่มอาชีพเป็นฐานอยู่เหมือนกัน
คนดังๆ ในกลุ่มอาชีพ อาจถูกซื้อตัวตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งด้วยซ้ำไป
แต่ก็นั่นแหละ หากใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง คงซื้อทั้งประเทศลำบากครับ พรรคการเมืองคงไม่เสี่ยงตรงนั้น
แต่อาจมาซื้อมือกันในสภามากกว่า..( หลังเลือกตั้ง ) ..แต่ก็คงผ่านหูผ่านตา สส. ด้วยกันยากอีกนั่นแหละ
00000000000000000000000
ประชาธิปไตยทางตรง ก็คงใช้ รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นหลักแหละครับ
การตั้งเวที ควรทำได้เฉพาะเรื่องประชาพิจารณ์ คงไปทำเรื่องอภืปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้
แต่การกดดันด้วยการประท้วง ก็ยังคงใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญได้เป็นปกติ
ช่องทางการอภิปรายของ ภาคประชาชน สามารถเชื่อมร้อยกับ สส. ได้ดีกว่าพวกพรรคการเมืองครับ เพราะ สส. กลุ่มอาชีพ หรือ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ สามารถดำเนินการในสภาได้อยู่แล้ว
การยื่นถอดถอน การฟ้องร้องทางปกครอง หรือการยื่นถอดถอน รัฐธรรมนูญ 2550 ก็ทำไว้ดีแล้วครับ
ใช้แบบเก่านี่ไปก่อนได้เลย
ที่จริงการยื่นกระทู้ให้รัฐบาลตอบ สส. ไม่กี่คนก็ทำได้อยู่แล้ว
เข้าใจว่า ภาคประชาชน ก็คงมีจุดเชื่อมต่อกันไม่ยากเหมือนการเชื่อมต่อพรรคการเมือง ไม่น่ามีปัญหาครับ
หากสภาผู้แทน ทำหน้าที่ได้ดี การปะทุนอกสภาก็คงไม่เกิดครับ
หรือเกิดอาจจะเกิดในเรื่องเล็ก ๆ เรื่องปลีกย่อยเฉพาะกลุ่มมากกว่า
ระบบที่นำเสนอนี้ อาจต้องให้มีการลงทะเบียนอาชีพก่อนครับ เพื่อจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน ในการกำหนดสัดส่วน หรือที่นั่งในสภา ของแต่ละอาชีพ
คนที่จะลงสมัครกลุ่มอาชีพไหน ก็ต้องลงทะเบียนในกลุ่มอาชีพของตนเองก่อนด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 15-09-2008, 01:48 » |
|
เลือกประธานาธิปดี ก็เลือกประธานาธิปดี เลือกนายกฯ ก็เลือกนายกฯ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย
ประเทศเรามีประมุขของรัฐอยู่แล้ว เราแค่เลือกผู้นำฝ่ายบริหาร ไม่ได้เลือกประมุขแห่งรัฐ
ลองตั้งอีกกระทู้ดีมั๊ยครับ เกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง หรือ เลือกตั้งโดยอ้อม
อย่าลืมอ้างผลดีของการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง สนับสนุนด้วยนะครับ พร้อมทั้งเสนอระบบถ่วงดุล คานอำนาจไว้ด้วย
เพราะระบบ ถ่วงดุล คานอำนาจ มันจะไม่ตรงกับรัฐธรรมนูญที่เคยมีมาหรือที่มีอยู่ ต้องคุยกันยาว
หากเลือกนายกโดยตรง นายกรัฐมนตรีก็รับผิดชอบต่อประชาชนโดยตรง ไม่ต้องมารับผิดชอบในสภาครับ
เพราะสภาไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีแล้วจะมารับผิดชอบต่อสภาได้ยังไง เพราะต่างคนต่างมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนคนละหน้าที่
อย่างมากก็ทำเรื่องถอดถอนเท่านั้น หรือรับรองพรบ.งบประมาณเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์อภืปรายไม่ไว้วางใจครับ
ผมไม่อยากให้กระทู้ สส. 3 บัญชีมันออกทะเลไปใกล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 15-09-2008, 01:59 » |
|
อ้อ...ผมแค่เสนอโครงสร้าง สส. ที่มาของตัวแทนปวงชนชาวไทย
เห็นด้วยก็ได้ ไม่เห็นด้วยก็ได้
บางท่านเสนอให้เลิก สส. เขตด้วยซ้ำไป แต่ผมมองว่า สส.เขต ก็ทำหน้าที่ของ "ผู้แทนเขต" ซึ่งก็รวมทุกอาชีพในเขตนั้นๆ
สส.เขต ก็สามารถเชื่อมโยงปัญหาท้องถิ่น เข้าสู่ส่วนกลาง เราคงทิ้งไว้แค่ สจ. หรือ ส.อบจ. เท่านั้นไม่พอครับ
เพราะบางเรื่องผลกระทบในท้องถิ่น มันมาจากนโยบายจากส่วนกลาง เราควรมีช่องทางให้ประชาชนในเขตเลือกตั้ง ได้นำเสนอนโยบายสาธารณะด้วย
การมี สส.กลุ่มอาชีพ มันจะสร้างแรงจูงใจให้คนที่อยู่ในอาชีพเดียวกันทั่วประเทศ เชื่อมร้อยเข้าหากัน
อาจมีชมรม สมาคมกลุ่มอาชีพขึ้นในจังหวัด อำเภอ ตำบล เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งในกลุ่มอาชีพของตน
การตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้ง น่าจะทำได้ดีขึ้น เพราะจะได้โฟกัสเป็นกลุ่มๆไป ว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มเสี่ยง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 15-09-2008, 02:12 » |
|
ออกทะเลไปไกลฝั่งรึเปล่า....เรามีนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร
มีอำนาจตุลาการ มีฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมีพระมหากษัตริย์ เป็นพระประมุข
ยังไงก็ข้องใจว่า เราจะเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ ในลัดนิ้วมือเดียว คงต้องแก้ไขกฎหมายอีกมากมาย
แล้วนักกฎหมายคงต้องตีความ สรรรหาความเห็นที่ชอบด้วยกฎหมายในสภาฝักถั่ว
การเมืองไทย มันยืดย้วยยาวนาน เพระคนไทยชอบที่จะเคยชินแบบการปกครองแบบที่เคยๆ
"เงินมาผ้าลุ่ยหลุด จะเริ่มขุดอุดมการณ์ ด้วยเงินที่สามานย์ แม้นพล่าผลาญยอมหลับตา"
ขอถ่มถุย กับไอ้แอบที่อาศัยการเมืองเพื่อเอาประโยชน์บังหน้าเพื่อส่วนตน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2008, 02:15 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด »
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
kittie
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 15-09-2008, 02:15 » |
|
...ในแง่ของการหาเสียงของกลุ่มอาชีพจะเป็นลักษณะไหนคะ ทางรัฐจะจัดช่วงเวลาของทีวีให้แนะนำตัวรึเปล่าคะ เพราะไม่สามารถลงพื้นที่เองได้แน่ๆ
...แล้วถ้าพรรคการเมืองจะซื้อเสียง โดยกำหนดผู้สมัครของของตนเองอย่าง อย่าง พปช มีเด็กในสังกัดตัวเอง เป็น หมอเบอร์ 1 นักธุกิจเบอร์ 5 รับจ้างเบอร์ 6 ฯลฯ และซื้อเสียงทั้งภาคอีสานเป็นแพ็คเกจเหมารวมไปว่า เขตก็เลือกผู้สมัครของพรรคนะ ตามอาชีพก็กาเบอร์ตามลิสต์ที่ให้ไป อย่างนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้มั้ยคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Vi Veri Veniversum Vivus Vici
"By the power of truth I, while living, have conquered the world"-------------------------------------- My Hi5!! http://kittiepong.hi5.com
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 15-09-2008, 02:28 » |
|
...ในแง่ของการหาเสียงของกลุ่มอาชีพจะเป็นลักษณะไหนคะ ทางรัฐจะจัดช่วงเวลาของทีวีให้แนะนำตัวรึเปล่าคะ เพราะไม่สามารถลงพื้นที่เองได้แน่ๆ
...แล้วถ้าพรรคการเมืองจะซื้อเสียง โดยกำหนดผู้สมัครของของตนเองอย่าง อย่าง พปช มีเด็กในสังกัดตัวเอง เป็น หมอเบอร์ 1 นักธุกิจเบอร์ 5 รับจ้างเบอร์ 6 ฯลฯ และซื้อเสียงทั้งภาคอีสานเป็นแพ็คเกจเหมารวมไปว่า เขตก็เลือกผู้สมัครของพรรคนะ ตามอาชีพก็กาเบอร์ตามลิสต์ที่ให้ไป อย่างนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้มั้ยคะ
ควรมีทีวี กกต. ครับ เล่นเรื่องการเมืองล้วน ๆ ให้ความรู้ด้านการเมืองอย่างจริงจัง
กั๊กๆ แบบ ไทยพีบีเอส...เสียของ
พรรคการเมือง ทำอะไรก็ต้องไม่พ้นสายตาของสังคม ทำอะไรไม่ดีมันมีกลิ่นออกมา กกต. ก็เล่นงานได้ครับ
ใบแดง ใบเหลือง หรือถ้าชัดเจน ก็โทษยุบพรรคมีนี่ครับ โทษต้องแรงครับ
ตัดสิทธิ์ 5 ปีน้อยไป ต้องตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตไปเลยครับ ดูซีพรรคการเมืองไหนจะกล้าทำบ้าง
ในสังคมรอบนอก ใครเคยเป็นหัวคะแนนให้ใคร รู้ๆ กันอยู่ ข้อมูลเชิงลึก ต้องเก็บไว้แต่เนิ่น ๆ
เวลาเค้าลงเลือกตั้ง สายสืบภาคประชาชนก็ลงตรวจสอบประวัติในพื้นที่ของผู้สมัครกันเลย
ถึงบอกว่า ต้องมีกกต. ภาคประชาชนช่วยอีกแรง ถ้าหน่อมแน้มแบบเจ๊สด ไม่ทันกินครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 15-09-2008, 02:37 » |
|
ออกทะเลไปไกลฝั่งรึเปล่า....เรามีนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร
มีอำนาจตุลาการ มีฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมีพระมหากษัตริย์ เป็นพระประมุข
ยังไงก็ข้องใจว่า เราจะเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ ในลัดนิ้วมือเดียว คงต้องแก้ไขกฎหมายอีกมากมาย
แล้วนักกฎหมายคงต้องตีความ สรรรหาความเห็นที่ชอบด้วยกฎหมายในสภาฝักถั่ว
การเมืองไทย มันยืดย้วยยาวนาน เพระคนไทยชอบที่จะเคยชินแบบการปกครองแบบที่เคยๆ
"เงินมาผ้าลุ่ยหลุด จะเริ่มขุดอุดมการณ์ ด้วยเงินที่สามานย์ แม้นพล่าผลาญยอมหลับตา"
ขอถ่มถุย กับไอ้แอบที่อาศัยการเมืองเพื่อเอาประโยชน์บังหน้าเพื่อส่วนตน
จะทำการเมืองใหม่ ต้องมี สสร. 3 ครับ
คงไม่ทำอะไรได้ง่าย ๆ อย่างน้อย เปลี่ยนโครงสร้างผู้แทน ต้องใช้เวลาศึกษา ประชาพิจารณ์ กันนานมากกว่า 1 ปี
เนื่องเพราะต้องมีกฎหมายเลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่
ไม่ง่ายครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 15-09-2008, 03:06 » |
|
จะทำการเมืองใหม่ ต้องมี สสร. 3 ครับ
คงไม่ทำอะไรได้ง่าย ๆ อย่างน้อย เปลี่ยนโครงสร้างผู้แทน ต้องใช้เวลาศึกษา ประชาพิจารณ์ กันนานมากกว่า 1 ปี
เนื่องเพราะต้องมีกฎหมายเลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่
ไม่ง่ายครับ
ก้อไม่ง่ายๆไง....แล้วจะมาพูดง่ายๆให้ขัดใจคนฟังทำไม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 15-09-2008, 04:56 » |
|
ถ้ามันง่าย มันก็จบไปนานแล้ว
เพราะไม่ชอบของเน่าๆ ไง ถึงต้องหาอะไรที่มันใหม่ๆ มาทำให้มันดีขึ้น
จะให้ถูกใจไปซะทุกเรื่อง คงไม่ได้มั๊ง...
ส่วนใครชอบของเน่าๆ ก็อยู่กับมันไป...แล้วก็บ่นไม่พอใจกับกลิ่นเน่าเหม็นไปวัน ๆ
คนดีก็ต้องชอบแก้ไข...มิใช่รึ
ที่สำคัญไม่ใช่ดีเจ ต้องเปิดเพลงตามใจคนฟัง ใครไม่ชอบก็ค้านมา ใครชอบก็สานต่อเติมแต่งอย่างสร้างสรรค์
ใครชอบ "ของใหม่" ก็ต้องแสวงหา ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอก
ในโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ต้องออกแรงกันทั้งนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cylonn
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 15-09-2008, 06:07 » |
|
การลงโทษซื้อเสียงน่าจะถึงคุก+ค่าปรับความเสียหายจากการต้องเลือกตั้งใหม่ ซื้อสสในสภายิ่งต้องเอาให้หนัก
ถ้าเลือกนายกตรง น่าจะให้มีการเลือกสสบ่อยๆโดยมีเทอมที่ไม่ซ้ำกับเลือกนายก เพื่อเปิดโอกาสประชาชนแสดงพลังคัดค้านในระบบถ้านายกไม่มีความสามารถจริงอย่างที่โฆษณาไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
raphael99
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 17
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 15-09-2008, 06:10 » |
|
แบบว่าแบ่งกลุ่มตามลักษณะการได้มาของเงินใช่ไหมครับ?
ลูกจ้างแรงงาน
นักธุรกิจ
ค้าขาย
เกษตร
ข้าราชการ
อืม.....ผมว่าให้ประชาชนถือบัตรตำรวจพิเศษมีอำนาจจับกุมหัวคะแนนตอนซื้อเสียงเลยดีไหม
อ่ะ ขอโทษครับที่นอกเรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
vorapoap
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 15-09-2008, 06:17 » |
|
ปัญหาที่ผมเห็นตอนนี้ คือการแบ่งกลุ่มอาชีพ
1. ประชาชนลงทะเบียนระบุอาชีพของตนเอง อันนี้ก็ยาก เกี่ยวเนื่องกับภาษี หลายคนคงไม่อยากบอกว่าตัวเองประกอบอาชีพอะไร แล้วกรณีมีหลายอาชีพล่ะ?
2. กลุ่มอาชีพ แบ่งอย่างไรจะมีกี่กลุ่ม เอาเฉพาะที่มีสภา สมาคมหรือ? ผมว่าต้องคิดกลุ่มอาชีพให้ได้ก่อนนะ อย่างสมาคมเว็บมาสเตอร์ไทยอย่างนี้ถือเป็นกลุ่มอาชีพรึเปล่า เพราะผมกลัวว่่ามันจะมีเยอะมาก
3. การหาเสียง สัดส่วน เรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องรองครับ
ผมขอเสนอทางแก้ ข้อ 1 แบบนี้ ประชาชนสามารถมีสิทธิ์เลือกกลุ่อาชีพใดที่ตัวเองสังกัดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเบื้องต้นอย่างไร ยกเว้นบัตรประชาชน ด้วยวิธีนี้ การเลือกตั้งครั้งแรก อาจอยู๋ในอาชีพรับจ้าง 4 ปี ถัดมาอาจค้าขายแล้ว ก็เปลี่ยนกลุ่มเลือกได้โดยอิสระ ปัญหาคงไปซับซ้อนอยู่ที่บัตรเลือกตั้งแหละคราวนี้
สำหรับข้อ 2 ผมยังคิดไม่ออกจริงๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 15-09-2008, 09:59 » |
|
หลักการของการเมืองใหม่คืออะไร? มีที่ไหนในโลกนี้ใช้การเมืองระบบดังกล่าวบ้างเอ่ย? หรือว่าจะใช้กติกาลองผิดลองถูก...คนในภาคเหนือ-อีสาน-กลาง(บางส่วน)จะได้ใช้วิธีการปกครองแบบใหม่ๆของพวกเค้าเองกันบ้างเอาไหม!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|