ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
18-04-2024, 08:48
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คุณสนธิ ถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลล้มละลาย จริงหรือที่เขากล่าวมา 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2
คุณสนธิ ถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลล้มละลาย จริงหรือที่เขากล่าวมา  (อ่าน 3848 ครั้ง)
Tam-mic-ra
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 603


« เมื่อ: 24-08-2006, 02:44 »

บอกก่อนว่าผมยังไม่เชื่อน่ะครับ  กลัวเดี๋ยวจะรุมนักเลงด่าใส่ผมอีก

ช่วยตอบให้ผมเข้าใจหน่อยละกัน  ผมอ่านมามีท่อนนึงดังนี้ครับ

"กล่าวกันว่าเฉพาะ บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) มีหนี้สินมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาระที่มากเกินกว่าสนธิจะเยียวยาได้ จึงต้องปล่อยให้เจ้าหนี้เข้ามาจัดการแบ่งสันปันส่วนหนี้ที่สนธิสร้างเอาไว้ ในขณะที่สนธิก็หมดสภาพที่จะยื้อยุดฉุดกระชากหนี้ กับเจ้าหนี้ทั้งหลายจนต้องยอมรับสภาพบุคคลล้มละลายในวันหนึ่ง เมื่อธนาคารนครหลวงไทยฟ้องให้ชำระหนี้จำนวน 151 ล้านบาท สนธิไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารนครหลวงไทยก็ดำเนินการในชั้นศาล ให้ศาลสั่งสนธิเป็นบุคคลล้มละลาย"

http://www.weekendcorner.com/invision/index.php?showtopic=201

เด๋วหาว่าผมพิมพ์เอง  เลยขอลงลิ้งค์ไว้ละกันครับ

จริงไม่จริงยังไง อยากรู้จริงๆครับ
บันทึกการเข้า
Yodyood
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 528



« ตอบ #1 เมื่อ: 24-08-2006, 04:12 »

ไอ้กะทิล้มละลายก็เรื่องของมันดิครับ เกี่ยวอะไรกับบอร์ดนี้ล่ะ Question Question Question
บันทึกการเข้า

~ You will never know the truth if you dare not to face it. ~
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #2 เมื่อ: 24-08-2006, 06:01 »

อาจจะจริงมั้งครับ?...จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ค่อยชอบสนธิครับ...แต่ถ้าเทียบกับทักษิณแล้ว....คำว่าเกลียดคงไม่ลึกพอที่จะอธิบายความรู้สึกที่มีต่อ มัน


ปล นี่ลดเกียรติลงมาตอบกระทู้คุณนะครับ..ควรขอบคุณผมสักนิด..น้อยครั้งที่ผมจะลดตัวลงมาตอบกระทู้คนที่ทำอาชีพแบบคุณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2006, 06:08 โดย GOOD » บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #3 เมื่อ: 24-08-2006, 06:36 »

ช่างหัวมัน เกลียดมันตั้งแต่เลียทักกี้ จนมันกลับตัวมาด่าทักกี้
ก็ยังเกลียดมันอยุ่ ว่าแต่ว่า มันมีความสำคัญอะไรกันมากมาย

ทักกี้ ล้มลายทางความน่าเชื่อถือ พ่นอะไรออกมาจากปาก
เชื่อถือไม่ได้ กลับกลอก แล้วมันดันเป็นนายก นี่ล่ะเป็นเรื่อง
ที่ควรใส่ใจมากกว่า อ้ายกะทิ มันไม่ได้มีอำนาจบริหารบ้านเมือง
มันจะล้มหรือไม่ล้ม ก็ช่างหัวมัน
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #4 เมื่อ: 24-08-2006, 07:00 »

แล้วเกี่ยวยังไงกับทักสินโกงชาติครับ
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #5 เมื่อ: 24-08-2006, 07:04 »

แล้วมันมีกฏหมายฉบับไหนห้ามบุคคลล้มละลายแสดงความคิดเห็นต่อทรราชย์์ครับ
บันทึกการเข้า
tom
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



« ตอบ #6 เมื่อ: 24-08-2006, 09:15 »

อือ นั่นสิครับ
สนธิล้มละลาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไล่ทักษิณ....ประเด็นมันชัดอยู่แล้ว....อย่ามั่ว

เสร็จจากงานนี้ สนธิ-จำลอง-พิภพ-สมเกียรติ-สมศักดิ์ จะไปใหนก็ไป
ใครจะลากลงนรกหรือฉุดขึ้นสวรรค์ ก็เป็นเรื่องของใครของมัน แต่ผมถือว่าแค่มีหน้าที่ร่วมกันว่าไล่ไอ้เหลี่ยมก็พอ
เสร็จงานแล้วก็เสร็จกัน ไม่ต้องมาอ้างบุญคุณกันอีก
บันทึกการเข้า
กล้าก้าวเดิน
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 71


« ตอบ #7 เมื่อ: 24-08-2006, 09:17 »

เป็นบุคคลล้มละลาย ก็กลับมาได้เพราะจ่ายหนี้หมด
แต่เป็น กบฏคิดล้มล้างกษัตริย์ นี่ ตายอย่างเดียว ...................
บันทึกการเข้า
หลอเหมือนเดิม
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 58


« ตอบ #8 เมื่อ: 24-08-2006, 10:06 »

โจรจับโจร
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-08-2006, 10:08 »

แล้วไง สนธิมันล้มละลายแล้วไงครับ

คนล้มละลาย ไม่มีสิทธิเสนอความเห็นทางการเมืองงั้นเหรอ

จริงๆแล้ว ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับสนธิตรงไหนเลยอ่ะ

แล้วอีกอย่างนึง สนธิ มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับการที่ไอ้ทักกี้มันโกงชาติเลยนิ

อย่ามั่วน่า
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #10 เมื่อ: 24-08-2006, 10:17 »

บุคคลล้มละลาย ต้องให้ศาลสั่งค่ะ  สั่งเมื่อไหร่ก็ล้มละลายเมื่อนั้น  แต่เป็นการล้มละลายทางทรัพย์สินการเงินและเศรษฐกิจ

ส่วนบุคคลล้มละลายทางความเชื่อถือ ความเป็นมนุษย์ ความเป็นผู้นำ  อันนี้ไม่ต้องรอให้ใครสั่งค่ะ  สังคมจะสั่งเอง

ยกตัวอย่างนะคะ

ทักษิณเป็นบุคคลล้มละลายทางความเชื่อถือ ล้มละลายทางความเป็นมนุษย์ ล้มละลายทางความเป็นผู้นำ และล้มละลายทางความรักชาติ

สังคมตัดสินแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 24-08-2006, 11:21 »

สนธิ เขาล้มละลายเพราะธุรกิจล้มเหลว

ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ลดค่าเงินบาท

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่เกี่ยวกับส่วนใหญ่

แต่กับทักษิณ เขาไม่ใช่บุคคลธรรมดา

แต่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีที่ดูแลคนทั้งประเทศ

ดูซิว่า ในเมื่อคุณทักษิณล้มเหลวเครดิตทางสังคม

อะไรจะรุนแรงกว่ากัน?


ป.ล. การเลือกตั้งไม่ใช่ทางออกที่ยุติ
ตราบใดที่การปกครองไม่เคารพเสียงส่วนน้อย
คอยจะใช้เสียงส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือใส่ไคล้
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 24-08-2006, 11:44 »

สนธิ เขาล้มละลายเพราะธุรกิจล้มเหลว

ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ลดค่าเงินบาท

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่เกี่ยวกับส่วนใหญ่

แต่กับทักษิณ เขาไม่ใช่บุคคลธรรมดา

แต่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีที่ดูแลคนทั้งประเทศ

ดูซิว่า ในเมื่อคุณทักษิณล้มเหลวเครดิตทางสังคม

อะไรจะรุนแรงกว่ากัน?


ป.ล. การเลือกตั้งไม่ใช่ทางออกที่ยุติ
ตราบใดที่การปกครองไม่เคารพเสียงส่วนน้อย
คอยจะใช้เสียงส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือใส่ไคล้

ช่วงนั้นใครได้ผลประโยชน์ที่สุดน๊าาาาาาาาาา

แล้วช่วงนั้นอีก ใครไม่ได้ผลกระทบเลยน๊าาาาาาาาาา

น่าคิดป่ะ?
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 24-08-2006, 11:58 »

สนธิ เขาล้มละลายเพราะธุรกิจล้มเหลว

ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ลดค่าเงินบาท

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่เกี่ยวกับส่วนใหญ่

แต่กับทักษิณ เขาไม่ใช่บุคคลธรรมดา

แต่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีที่ดูแลคนทั้งประเทศ

ดูซิว่า ในเมื่อคุณทักษิณล้มเหลวเครดิตทางสังคม

อะไรจะรุนแรงกว่ากัน?


ป.ล. การเลือกตั้งไม่ใช่ทางออกที่ยุติ
ตราบใดที่การปกครองไม่เคารพเสียงส่วนน้อย
คอยจะใช้เสียงส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือใส่ไคล้


ช่วงนั้นใครได้ผลประโยชน์ที่สุดน๊าาาาาาาาาา


แล้วช่วงนั้นอีก ใครไม่ได้ผลกระทบเลยน๊าาาาาาาาาา

น่าคิดป่ะ?

แม้แต่ฟ้ายังรู้เลยว่าเป็นอย่างไร...

http://www.kanchanapisek.or.th/speeches/1999/1223.th.html

อันนี้เป็นตัวอย่างในทางที่บวก เศรษฐกิจพอเพียงอีกอย่างหนึ่ง

ไม่ค่อยอยากพูด อย่างเช่นการแลกเปลี่ยนมูลค่า ได้พูดมา 2 ปี

บอกว่าขอให้ค่าของเงินจะสูงจะต่ำก็ไม่ขัดข้อง แต่ว่าถ้าไม่สมดุลกัน

มันไม่ดี อย่างที่บางคนบอกว่าค่าของเงินแข็งเกินไป ทำให้การขาย

ไม่ดี ก็ขอคัดค้าน ถ้าให้เงินอ่อนลงไป เช่น ดอลลาห์ละ 50 บาท

อ้างว่าขายสินค้าออกไปต่างประเทศ 1 ดอลลาห์จะได้มา 50 บาท

จริงได้มา 50 บาท แต่ 50 บาทนั้น แต่ 50 บาทนั้นมันราคา 50 บาท

หรือเปล่า เพราะว่า 50 บาทนี้จะไปซื้อน้ำมันซื้ออะไรก็ได้เพียงครึ่งเดียว

อันนี้ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ว่าเข้าข้างตัวเอง เพราะว่าพูดมาก่อนนี้แล้ว

พูดมาก่อนที่ผู้ที่เป็นตัวละครในการถกเถียงกัน ได้มาอยู่ในตำแหน่งนั้น

พูดมานานแล้ว แต่ว่าถ้าเงิน 20 บาท 25 บาทมั่งต่อดอลลาห์ 50 บาทมั่ง

ต่อดอลล่าห์ คนที่ ขอใช้คำว่าหัวใส เขารู้ ไปซื้อดอลลาห์ในราคา 25 บาท

ไม่กี่วันดอลลาห์ขึ้นเป็น 50 บาท เขาขาย 50 บาทได้กำไร 2 เท่า


อย่างนั้นเราเห็นว่าคนได้กำไรเราก็ยินดีด้วย ยินดีด้วยกับเขา ว่าคนไหนรวยก็ดี

แต่ที่ไม่ยินดี เพราะว่าคนไหนที่ได้กำไรโดยมีเทคนิคสูงในการแลกเปลี่ยน

หรือมีความรู้ รู้ไส้ ฝรั่งเขาเรียกว่าอินไซด์เดอร์ ถ้าคนไหนรู้ไส้ของเศรษฐกิจชั้นสูงๆ

อย่างนี้ รวย แต่ว่าคนนั้นรวย ก็อย่างที่ว่า เรายินดีด้วยกับเขา ถ้าเขารวยแล้วใจบุญ

แต่ว่าอย่างนี้เศรษฐกิจพัง พังเพราะอย่างนี้ จะไม่พูดว่าอันนี้เป็นทุจริต

แต่ว่าได้พูดไปแล้ว



บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 24-08-2006, 12:17 »

ปี 40 ล้มละลายกันเป็นแถบๆ ด้วยน้ำมือรองนายกคนไหนก้อไม่รู้  Mr. Green
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
Tam-mic-ra
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 603


« ตอบ #15 เมื่อ: 24-08-2006, 12:50 »

ปี 40 ล้มละลายกันเป็นแถบๆ ด้วยน้ำมือรองนายกคนไหนก้อไม่รู้  Mr. Green

ปี 40 ยังแทบไม่เกิดผลอะไรนะแค่สะดุดๆ นิดๆ  ไม่อดอยากเท่าไร ไม่รุนแรงเท่าไร

 มันหนักสมัย นายชวนบริหาร  และซ้ำ เอาเงินมิยาซาว่าไปละลายไม่เกิดผล   ตามด้วย ขาย ปรส ในราคาเน่าๆ

เอาความจริงที่เกิดแล้ว ยกมาดีกว่าครับ  ถ้าไม่ชัดเรียกว่าใส่ร้ายครับ
บันทึกการเข้า
Tam-mic-ra
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 603


« ตอบ #16 เมื่อ: 24-08-2006, 12:57 »

ไม่แย้งครับ คุณ Aloha007 มามีเหตุผลก็ย่อมไม่มีความรุนแรง

แต่ ประเด็นในกะทู้นี้  ตอบด้วยครับ   เพราะถ้าบอกว่า สนทิล้มเพราะเศรฐกิจตอนนั้น

แล้วทำไมสื่ออื่นๆ  อยู่กันได้ล่ะครับ   เครือ nation ก็อยู่ดีนี่    ธุรกิจสื่อไม่น่าได้รับผลอะไรเลย
บันทึกการเข้า
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 24-08-2006, 13:04 »

เหรอครับ ไม่ใช่ว่าใครทำอะไรไว้ก่อนหน้านั้นหรอกหรือ
ผมเคยได้ยินแต่วิกฤตปี 40 นะ วิกฤตฟองสบู่แตก
แล้วรัฐนายชวนก็ก้าวเข้ามาแก้ปัญหา จะแก้ได้ดีหรือห่วยแตกผมไม่รู้นะ
ธุรกิจครอบครัวอาจจะกระท่อนกระแท่นไปบ้าง แต่ผมก็มีชีวิตอยู่มานั่งเล่นเนทจนถึงทุกวันนี้นี่แหละ  Mr. Green
จะเป็นฝีมือใครก็เถอะผมไม่เก่งเศรษฐศาสตร์ แต่ประเด็นคือมีคนมากมายต้องล้มละลายจากวิกฤตในครั้งนั้น
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือครับถ้าจะมีสนธิอีกคนที่รวมอยู่ในนั้นด้วย
แต่ขอบอกว่า คนล้มละลายไม่ใช่คนหนีหนี้นะครับ ถ้าเขาหนีหนี้ เขาไม่ไปขึ้นศาลจนต้องถูกฟ้องล้มละลายหรอก
ถ้าเขาเลวชั่วจริง ขนเงินหนีไปเมืองนอกไม่สบายกว่าหรือครับ ลองคิดดู
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 24-08-2006, 13:21 »

เรื่อง ปรส. เนี่ย จำได้ว่ามีคนเคย Post ไว้แล้วไม่ใช่เหรอครับ

รบกวนท่านที่ยังจำได้ ช่วยนำมาแปะให้กับคุณ Tam-mic-ra ได้อ่านหน่อยซิครับ เพราะ ผมจำไม่ได้ว่าอยู่ที่กระทู้ไหนน่ะ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #19 เมื่อ: 24-08-2006, 14:34 »

ฮ่าๆๆๆๆๆ


ได้ใจจังที่อ่านคคห.ในกระทู้นี้มีแต่ยอมรับสภาพว่าสนธิล้มละลายจริง แต่ก็เถียงคอเป็นเอ็นอีกว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการโค่นระบอบทักษิณ!?!


โอ๊ยยยย...ฮากลิ้งเจงๆ ประเด็นก็คือ ในเมื่อความน่าเชื่อถือของตัวสนธิมันติดลบขนาดนั้น ข้อมูลหรือสิ่งที่สนธิมันกล่าวถึงนายกฯทักษิณจักมีความน่าเชื่อถือเช่นใดเล่า แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสนธิมันพยายามขอความช่วยเหลือจากคุณทักษิณแต่ไม่ได้ มันก็เลยบอกว่า 'เจ๊งเป็นเจ๊ง' ซึ่งมันเจ๊งไปแล้ว...ไม่ใช่จะเจ๊ง


ซัดไปอีกดอก...เป็นงัย!! Rolling Eyes
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #20 เมื่อ: 24-08-2006, 14:39 »

ฮ่าๆๆๆๆๆ


ได้ใจจังที่อ่านคคห.ในกระทู้นี้มีแต่ยอมรับสภาพว่าสนธิล้มละลายจริง แต่ก็เถียงคอเป็นเอ็นอีกว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการโค่นระบอบทักษิณ!?!


โอ๊ยยยย...ฮากลิ้งเจงๆ ประเด็นก็คือ ในเมื่อความน่าเชื่อถือของตัวสนธิมันติดลบขนาดนั้น ข้อมูลหรือสิ่งที่สนธิมันกล่าวถึงนายกฯทักษิณจักมีความน่าเชื่อถือเช่นใดเล่า แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสนธิมันพยายามขอความช่วยเหลือจากคุณทักษิณแต่ไม่ได้ มันก็เลยบอกว่า 'เจ๊งเป็นเจ๊ง' ซึ่งมันเจ๊งไปแล้ว...ไม่ใช่จะเจ๊ง


ซัดไปอีกดอก...เป็นงัย!! Rolling Eyes

ไม่เป็นงัยเลย ซัดไรมา โง่สุดๆ

การขับไล่ทักษิณ คือการขับไล่ทรราชย์  ข้อมูลในความชั่วของมัน ไม่ต้องอาศัยสนธิ ก็ปรากฎไปทั่วแผ่นดิน

เอากลับไปดอกหนึ่ง ติดไว้กลางหน้าผากเลยนะ ประจานความโง่ของตนเอง
บันทึกการเข้า
Coolly_Jade
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 318


ฉันจะบิน บิน บิน สู่เสรีภาพอันยิ่งใหญ่


« ตอบ #21 เมื่อ: 24-08-2006, 14:42 »

เหรอครับ แล้วคุณคิดว่าเหลี่ยมของคุณพูดจาน่าเชื่อถือหรือครับ

สนธิพูดจาไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็เป็นแค่ประชาชนสื่อนิดๆหน่อยๆเทียบไม่ได้กับที่รัฐมีไว้ในมือ

แต่เหลี่ยมที่คุณว่าพูดจาน่าเชื่อถือ มีตัวอย่างให้เห็นชัดๆมากกว่าที่คุณบอกว่าสนธิไม่น่าเชื่ออีก

หรือจะต้องให้ย้อนรอยว่าเหลี่ยมพูดอะไรไปบ้าง สนธิพูดอะไรไปบ้าง เอาไหมจะได้เปรียบเทียบกันชัดๆ

ว่าใครเชื่อได้ เชื่อไม่ได้ ตอแหลหรือเปล่า อย่าลืมนะครับ เหลี่ยมอยู่ในตำแหน่งสูงสุดที่ประชาชนพึงจะมี

แต่สนธินะประชาชนเล็กๆ ถ้าเหลี่ยมกลัวมดอย่างสนธิ มันแปลว่าอะไร
บันทึกการเข้า

ทักษิณาธิปไตย เสรีทางความคิด เผด็จการต่อการแสดงออก ใครเห็นด้วยเป็นคนดี ใครคัดค้านเป็นกุ๊ย
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #22 เมื่อ: 24-08-2006, 14:59 »

เรื่อง ปรส. เนี่ย จำได้ว่ามีคนเคย Post ไว้แล้วไม่ใช่เหรอครับ

รบกวนท่านที่ยังจำได้ ช่วยนำมาแปะให้กับคุณ Tam-mic-ra ได้อ่านหน่อยซิครับ เพราะ ผมจำไม่ได้ว่าอยู่ที่กระทู้ไหนน่ะ
http://forum.serithai.net/index.php?topic=5388.0
บันทึกการเข้า
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #23 เมื่อ: 24-08-2006, 15:00 »

ปี 40 ล้มละลายกันเป็นแถบๆ ด้วยน้ำมือรองนายกคนไหนก้อไม่รู้  Mr. Green

ปี 40 ยังแทบไม่เกิดผลอะไรนะแค่สะดุดๆ นิดๆ  ไม่อดอยากเท่าไร ไม่รุนแรงเท่าไร

 มันหนักสมัย นายชวนบริหาร  และซ้ำ เอาเงินมิยาซาว่าไปละลายไม่เกิดผล   ตามด้วย ขาย ปรส ในราคาเน่าๆ

เอาความจริงที่เกิดแล้ว ยกมาดีกว่าครับ  ถ้าไม่ชัดเรียกว่าใส่ร้ายครับ


เออ...สงสัยแกเกิดไม่ทันช่วงนั้ืนจริง ๆ
บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #24 เมื่อ: 24-08-2006, 15:03 »


ไม่เป็นงัยเลย ซัดไรมา โง่สุดๆ
ว้าววว...ไม่เป็นไรเลยจิงดิ๊!?! อึดสุดๆเลยน๊า




การขับไล่ทักษิณ คือการขับไล่ทรราชย์  ข้อมูลในความชั่วของมัน ไม่ต้องอาศัยสนธิ ก็ปรากฎไปทั่วแผ่นดิน
ถ้าการที่คนส่วนใหญ่เค้าเลือกนายกฯเข้ามาบริหารประเทศอย่างสง่างาม กลับถูกพวกขี้แพ้และอันธพาลทางการเมืองเรียกว่าเป็นทรราชย์ล่ะก็...เจ๊นั่นแหล่ะที่ต้องพิจารณาตัวเองให้ดีว่าทำไมถึงคิดไม่เหมือนคนส่วนใหญ่เค้า มาอ้างว่าข้อมงข้อมูลน๊ะscanมารึยัง หรือว่าได้ยินเค้าเม้าท์มาแล้วก็เชื่อตามที่เค้าบอกหล่ะ? เจ๊เอ๊ย...หัดมองโลกในแง่ดีบ้างน๊ะเจ๊น๊ะ Wink



เอากลับไปดอกหนึ่ง ติดไว้กลางหน้าผากเลยนะ ประจานความโง่ของตนเอง

มิน่าเห็นดอกอะไรลอยมาสีทองๆที่เจ๊ปล่อยออกมา


บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #25 เมื่อ: 24-08-2006, 15:11 »

เหรอครับ แล้วคุณคิดว่าเหลี่ยมของคุณพูดจาน่าเชื่อถือหรือครับ

สนธิพูดจาไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็เป็นแค่ประชาชนสื่อนิดๆหน่อยๆเทียบไม่ได้กับที่รัฐมีไว้ในมือ

แต่เหลี่ยมที่คุณว่าพูดจาน่าเชื่อถือ มีตัวอย่างให้เห็นชัดๆมากกว่าที่คุณบอกว่าสนธิไม่น่าเชื่ออีก

หรือจะต้องให้ย้อนรอยว่าเหลี่ยมพูดอะไรไปบ้าง สนธิพูดอะไรไปบ้าง เอาไหมจะได้เปรียบเทียบกันชัดๆ

ว่าใครเชื่อได้ เชื่อไม่ได้ ตอแหลหรือเปล่า อย่าลืมนะครับ เหลี่ยมอยู่ในตำแหน่งสูงสุดที่ประชาชนพึงจะมี

แต่สนธินะประชาชนเล็กๆ ถ้าเหลี่ยมกลัวมดอย่างสนธิ มันแปลว่าอะไร


เรื่องการพูดจาของใครน่าเชื่อถือหรือไม่ล้วนเป็นมุมมองของแต่ละคนที่ต่างกันไป แต่พฤติกรรมของคุณทักษิณนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าท่านเสียสละและทำงานเพื่อคนจนจริงๆ ไม่งั้นจะมีนโยบายช่วยรากหญ้ามากมายรึครับ!?!

ประเด็นก็คือ คุณจะเอาเรื่องเล็กๆน้อยในสิ่งที่คุณทักษิณพูดไม่ถูกใจคุณมาเป็นประเด็นหรือไม่ต่างหาก!!
บันทึกการเข้า
เหลี่ยมแซ่ลี้ (ภัย)
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 344


ไม่มีเพื่อน อย่าไปไหนไกล - ไม่มีน้ำใจ อย่าไปไหนเลย


« ตอบ #26 เมื่อ: 24-08-2006, 15:54 »

ฮ่าๆๆๆๆๆ


ได้ใจจังที่อ่านคคห.ในกระทู้นี้มีแต่ยอมรับสภาพว่าสนธิล้มละลายจริง แต่ก็เถียงคอเป็นเอ็นอีกว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการโค่นระบอบทักษิณ!?!


โอ๊ยยยย...ฮากลิ้งเจงๆ ประเด็นก็คือ ในเมื่อความน่าเชื่อถือของตัวสนธิมันติดลบขนาดนั้น ข้อมูลหรือสิ่งที่สนธิมันกล่าวถึงนายกฯทักษิณจักมีความน่าเชื่อถือเช่นใดเล่า แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสนธิมันพยายามขอความช่วยเหลือจากคุณทักษิณแต่ไม่ได้ มันก็เลยบอกว่า 'เจ๊งเป็นเจ๊ง' ซึ่งมันเจ๊งไปแล้ว...ไม่ใช่จะเจ๊ง


ซัดไปอีกดอก...เป็นงัย!! Rolling Eyes


ถ้างั้นผมขอไม่เชื่อทักษิณละกัน
เพราะ

1. มันเคยต้องคำพิพากษาคดีเช็คเด้ง ............ เชื่อถือไม่ได้ เพราะตัวแม้วเองยังติดลบขนาดนั้น  ข้อมูลหรือสิ่งที่แม้วกล่าวถึงคนอื่นจักมีความน่าเชื่อถือเช่นใดเล่า

2. หุ้น ที่แอบซุกตูดเมียหลวง เมียน้อย คนขับรถ หูแมว หนีบใต้รักแร้ ยัดเข้ากระเป๋าพี่หนา หรือที่ต่างๆ นาๆ ที่พี่แม้วจะคิดได้ เพื่อให้ตัวเองหลุดรอดเข้ามาในระบบการเมืองให้จงได้.........ส่งผลให้ไม่น่าเชื่อถือ

3. และอีกหลายร้อยล้านอย่างที่ฟังแล้วน่ากังวลทุกเรื่อง.........

    ฟันธง!!!!!

    ทักษิณ กับ สนธิ เลวเหมือนกัน เราก็ไม่เอาทั้ง สนธิ และทักษิณ เอาอย่างนี้มั้ย ถ้าสนธิหยุด แล้วแม้วจะออกจากระบอบการเมือง ไปรีดไถประชาชนผ่านระบบดาวเทียมไทคมต่อไป ok???? กล้าพอมั้ยละ
บันทึกการเข้า

อนิจจา อันสุราหมาไม่แดรก คนก็แปลกเสือกแดรกได้ไม่อายหมา กรูก็แปลกเสือกแดรกด้วยซวยละวา  หมาก็หมากรูจะแดรกจะทำไม ...........
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #27 เมื่อ: 24-08-2006, 18:57 »

ล้มละลายก็แล้ว ตอนนั้นยังมีให้ลูกน้องไปโกงใน IEC อีก พอพ้นเวลาตามกฎหมาย กลับมารวย
แถมปลุกระดมคนแถวนี้ด้วยสื่อ manager และ ASTV ได้อีก นับเป็นคนเลวที่เก่งจริงจริง
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #28 เมื่อ: 25-08-2006, 15:24 »

..confirm ว่าล้มละลายจริงครับ ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง..

อ้อ.. ตามกฎหมายที่แก้ใหม่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ล้มลาย
พ้นจากสภาพล้มละลายเร็วขึ้น ตอนนี้สนธิก็เลยไม่ล้มละลายแล้วครับ

..confirm อีกอย่างว่าทั้งหมดไม่เกี่ยวกับการไล่ [*_*] แต่อย่างใด..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2006, 15:30 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 25-08-2006, 19:44 »

ถ้าสนธิไม่น่าเชื่อเพราะล้มละลาย
แล้วทำไมอะไรจ๊ะเชื่อทักษิณโกงเช็คละ ถามหน่อย  Cool
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
GN-001 Exia
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 809


Celestial Being...


« ตอบ #30 เมื่อ: 25-08-2006, 19:53 »

โกงเงินแบงค์ชาติไปใช้จะล้มละลายได้ไง....
บันทึกการเข้า


พวกที่เอาคำว่า "เสรีภาพ" มาบังหน้าเพื่อเบียดเบียนคนอื่นนี่มันเลวที่สุด
THX
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 569



« ตอบ #31 เมื่อ: 25-08-2006, 20:14 »

เรื่องของมัน ผมจะไล่ทักษิณแค่นั้น ไม่เกี่ยวกับใคร
บันทึกการเข้า



พวกเรา..เรารู้สึกว่าจะมีสายลับปลอมมาในหมู่ของพวกเราโดยไม่รู้ตัว=__='



( づ ̄ 3 ̄ )づ~~~♡♡♡ ~~
Tam-mic-ra
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 603


« ตอบ #32 เมื่อ: 27-08-2006, 04:08 »

ไม่ใช่ล้มละลายอย่างเดียว  งอแงๆ   พูดจาและน้ำเสียงหยาบคาย เหมือนคนฟั่นเฟือนด้วยครับ
บันทึกการเข้า
เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #33 เมื่อ: 27-08-2006, 05:10 »

คิดว่ากระทู้นี้โดนสุดๆแล้วหรือเนี่ย
สวะจริงๆ  Cool

เป็นลิ่วล้อก็คิดได้แค่แบบลิ่วล้อวนเวียนอยู่แค่สนธิ นี่ละนะ
ใบบอกใหม่ๆยังไม่ออกละสิ
บันทึกการเข้า
Tam-mic-ra
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 603


« ตอบ #34 เมื่อ: 27-08-2006, 05:31 »

คิดว่ากระทู้นี้โดนสุดๆแล้วหรือเนี่ย
สวะจริงๆ  Cool

เป็นลิ่วล้อก็คิดได้แค่แบบลิ่วล้อวนเวียนอยู่แค่สนธิ นี่ละนะ
ใบบอกใหม่ๆยังไม่ออกละสิ


ว่าใครสวะ ล่ะครับ  ถ้าว่าผม   แล้วคุณเพนฯไปเดือดร้อนแทนคุณสนทิ ทำ ไม ร่ะครับ  หรือคุณอยู่ในกลุ่ม rangkid กะเขาด้วย
บันทึกการเข้า
เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #35 เมื่อ: 27-08-2006, 05:43 »

เอ้ามีคนรับไปซะแล้ว
 Rolling Eyes

คนเกลียดชังสนธิ แต่ยังไงเขาก็ไล่แม้วอยู่ดี
ตอนนี้หาทางปิดปากสื่ออื่นๆให้ได้ก่อนดีกว่ามั้ง...
แต่ถ้าอยากด่าสนธิ ที่นี่ก็เปิดกว้าง
ด่าให้เป็นฉากๆ เลย ชอบอ่านอยู่แล้ว คนแฉกันน่ะ
 Cool
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #36 เมื่อ: 27-08-2006, 07:45 »

ถ้าอ้างข้อมูลจาก ASโฮลTV มาก มันก็หนีสนธิไม่พ้นหรอกคุณ
ลองอ่านกระทู้ระเบิดกับที่ตีกันก่อนหน้าซิครับ เอาข้อมูลมุมกล้อง
เด็ดๆรวมทั้งอ่านปากมาจากพวกนี้ทั้งนั้น
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #37 เมื่อ: 27-08-2006, 09:10 »

ชอบฟังและคิดตามที่ คุณสนธิวิเคราะห์ ตั้งแต่ก่อนเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกสั่งปิดอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เรื่องจะล้มละลายไม๊ ไม่เกี่ยวกับวิธีคิด เรื่องรักชาติ เรื่องด่าผู้นำ

คนเรายิ่งประสบการณ์มาก ยิ่งผ่าน ยิ่งเจอลำบากมาก
คนเรามักจะคิดได้ละเอียดกว่าคนไม่ผ่านร้อนผ่านหนาว

นู๋คิดอย่างนี้แหละ มีไรป่ะ?


บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #38 เมื่อ: 27-08-2006, 14:50 »

เมื่อก่อนหรือตอนนี้เป็นพนักงานของเขาอยู่หรือเปล่าเนี่ย บูชาจัง
ประสบการณ์ของไอ้เวรตะไลนี่มันทำให้ต้มคนได้เนียนขึ้น สมัยมัน
ยอนายกในรายการแล้ววิเคราะห์บ้าบอคอแตกยังอดยกเท้าบังหน้า
มันไว้ไม่ได้ ตอนหลังก็เลิกดูมันเลย
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #39 เมื่อ: 28-08-2006, 16:47 »

ปี 40 ล้มละลายกันเป็นแถบๆ ด้วยน้ำมือรองนายกคนไหนก้อไม่รู้  Mr. Green

ปี 40 ยังแทบไม่เกิดผลอะไรนะแค่สะดุดๆ นิดๆ  ไม่อดอยากเท่าไร ไม่รุนแรงเท่าไร

  มันหนักสมัย นายชวนบริหาร  และซ้ำ เอาเงินมิยาซาว่าไปละลายไม่เกิดผล   ตามด้วย ขาย ปรส ในราคาเน่าๆ

เอาความจริงที่เกิดแล้ว ยกมาดีกว่าครับ  ถ้าไม่ชัดเรียกว่าใส่ร้ายครับ/color]






เอาความจริงที่เกิดแล้ว ยกมาดีกว่าครับ ถ้าไม่ชัดเรียกว่าใส่ร้ายครับ

ถ้าคุณรู้สึกตัวว่า คุณหลอกลวง บิดเบือน
ใสร้ายรัฐบาลคุณชวน หลีกภัย เมื่อใด
ผมจะอธิบายให้ฟังอีกเที่ยว
เพื่อให้มีสติปัญญา คิดในสิ่งที่ควร สิ่งที่ถูกต้อง.... Exclamation


ถึงทักษิณ ดร.สมคิด ดร.ทนง จะสามหนา ห้าห่วง อย่างไร  Question
ก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อฯ ต่าง ๆ ด้วยข้อความทำนองนี้ ผ่านเว็บบอร์ด Exclamation

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2006, 16:50 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Tam-mic-ra
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 603


« ตอบ #40 เมื่อ: 31-08-2006, 05:21 »

ถึงทักษิณ ดร.สมคิด ดร.ทนง จะสามหนา ห้าห่วง อย่างไร 
ก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อฯ ต่าง ๆ ด้วยข้อความทำนองนี้ ผ่านเว็บบอร์ด


ท่านปุครับ   ผมเห็นแต่ ทักษิณ ดร.สมคิด ดร.ทนง ที่คุณว่าน่ะ  ฟ้องแจ้งความเลยนะ
สนทิกับพันทะมิดโดนฟ้องเรื่องใส่ร้ายอยู่มะช่ายเหรอ
มันหนักกว่าเยอะ กับที่คุณบอกว่า
พวก ทรท .ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อฯ ต่าง ๆ ด้วยข้อความทำนองนี้ ผ่านเว็บบอร์ด

เอาความจริงที่เกิดแล้ว ยกมาดีกว่าครับ ถ้าไม่ชัดเรียกว่าใส่ร้ายครับ
บันทึกการเข้า
justy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,250



« ตอบ #41 เมื่อ: 31-08-2006, 05:36 »

ไม่ชอบสนธิแต่ไม่เชิงเกลียดเขาเหมือนที่เกลียดเหลี่ยม 

ขอบคุณสนธิ 
บันทึกการเข้า

พรรคไทยรักไทยมิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของสิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง ควรต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นคงกับหลักการที่ว่า กฎหมายต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อบ่งชี้ด้วยว่า พรรคไทยรักไทย มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ นอกเหนือจากครรลองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตลอดจนบทกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่หาอุดมการณ์อันแท้จริงของพรรคให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนโดยรวมว่า เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤติมิชอบหรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อ
ตลก
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 686


ไปมาไร้ร่องรอย


« ตอบ #42 เมื่อ: 31-08-2006, 10:06 »

อ้างถึง
Re: คุณสนธิ ถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลล้มละลาย    จริงหรือที่เขากล่าวมา


แล้วไงครับ?? มันหักล้างกับหน้าเหลี่ยมโกงได้มั้ยล่ะ หรือว่าเพราะว่าทิล้มละลายเลยเชื่อคำพูดไม่ได้  Mr. Green
บันทึกการเข้า

ผ่านฟ้าแล้วเลยไปนรกเลยรึเปล่าครับ.........
กิ๊กบนเรือ บนเครื่องบิน กิ๊กบนรถ ทุกอาชีพกิ๊กกันหมดอนาคตจะเป็นไง?
A-NOY
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 546


« ตอบ #43 เมื่อ: 01-09-2006, 13:57 »

เรื่องของสนธิมันจะล้มละลายหรือไม่  ตรูจะด่าไอ้เหลี่ยมเว้ย แถมจะด่าจขกท.อีกซะด้วยสิ

บันทึกการเข้า

A-NOY
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #44 เมื่อ: 01-09-2006, 14:10 »

ดัดแปลงมาจากบทความของดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์

 

องค์ประกอบของพันธมิตรก็เป็นแนวร่วมของกลุ่มทุนเก่าที่สูญเสียประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล ผู้นำแรงงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มครูบางส่วน นักการเมืองฝ่ายค้าน องค์กรพัฒนาเอกชนที่ต่อต้านทุนนิยม นักวิชาการบางกลุ่ม

ทั้งหมดร้องตะโกนแสดงความ "รักชาติ" คัดค้าน "การขายชาติ" กันอย่างสุดเสียง

กลุ่มคนเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยเคลื่อนไหวกรณีพฤษภาคม 2535 และปัจจุบันก็ยังคงจมอยู่ใน "วาทกรรม" ดั้งเดิม สร้างจินตนาการรวมหมู่ว่า พวกตนเป็นขบวนการรักชาติประชาธิปไตยที่กำลังเคลื่อนไหวโค่นล้ม "เผด็จการทุนขายชาติ" เช่นเดียวกับเมื่อ 14 ปีก่อน ที่เคลื่อนไหวโค่นล้ม "เผด็จการ รสช."

แต่เงื่อนไขประวัติศาสตร์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเคลื่อนไหวในวันนี้เป็นได้เพียง "ละครลอกเลียนแบบ" ของเหตุการณ์พฤษภาคมเท่านั้น

ประการแรก รัฐบาลนี้และผู้นำเป็นผลพวงโดยตรงของรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปการเมือง คือมาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่เกิดจากอำนาจนอกสภาที่ร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อสืบทอดอำนาจในกลุ่มตน

ประการที่สอง ผู้นำรัฐบาลยังคงได้รับความนิยมอย่างเข้มแข็งจากประชาชนในหัวเมืองและชนบท โดยเฉพาะระดับรากหญ้าที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล

ประการที่สาม ความขัดแย้งใหญ่ในอดีตอยู่ที่คำถามว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย หรือจะถอยหลังไปเป็นประเทศกึ่งเผด็จการกึ่งประชาธิปไตยต่อไป แต่ความขัดแย้งใหญ่ในปัจจุบันคือ ประเทศไทยจะก้าวเดินไปบนหนทางทุนนิยมโลกาภิวัตน์หรือจะถอยหลังไปสู่เศรษฐกิจทุนนิยมด้อยพัฒนาในอดีต

ประการที่สี่ การเคลื่อนไหวในวันนี้ ไม่ใช่พลังมวลชนประชาธิปไตยเป็นกำลังหลัก แต่เป็นการผสมผเสของกลุ่มมวลชน เข้ากับนายทุนหนังสือพิมพ์ที่ทุจริตและไม่ได้ประโยชน์จากรัฐบาล รวมกับบรรดากลุ่มการเมืองและธุรกิจนอกสภาที่เสียประโยชน์ ใช้วิธีการทุกอย่างที่อยู่นอกเหนือรัฐธรรมนูญเพื่อ "แก้แค้น" ด้วยการโค่นล้มรัฐบาล

ประการสุดท้าย ฝ่ายต่อต้านมีจุดร่วมประการเดียวคือ โค่นล้มผู้นำรัฐบาลด้วยวิธีการนอกสภาและนอกรัฐธรรมนูญ ไม่มีวิสัยทัศน์ถึงอนาคตของเศรษฐกิจการเมืองไทย บางส่วนชูคำขวัญ "ปฏิรูปการเมืองรอบสอง" ที่คลุมเครือและส่อแววย้อนยุคไปสู่การเมืองที่รัฐบาลอ่อนแอ แต่กลุ่มก๊วนการเมืองเข้มแข็งในอดีต

ส่วนในด้านเศรษฐกิจ ก็มีเพียงอารมณ์คลั่งชาติที่เกลียดกลัวทุนต่างชาติและต่อต้านเปลี่ยนแปลง ไม่มีข้อเสนอรูปธรรมที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจสังคมไทยให้พัฒนาก้าวหน้าและมีความเป็นธรรม ในแง่นี้ ฝ่ายต่อต้านจึงมีลักษณะถอยหลังเข้าคลอง
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #45 เมื่อ: 01-09-2006, 14:17 »

อนึ่ง เพื่อตอบกระทู้ของจขกท.ตรงๆโดยไม่ต้องทำกระมิดกระเมี้ยน รบกวนวิญญูชนอ่านข้อเท็จจริงอันเป็นตัวตนที่แท้จริงของท่านพ่อสนธิ ลิ้มทองกุลดังนี้จ้า


ล้มระรื่น มิใช่ ล้มละลาย

            ท่ามกลางความเลวร้ายอันเป็นผลพวงของวิกฤตที่เศรษฐกิจไทยที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 ได้ก่อคุณูปการอย่างใหญ่หลวงประการหนึ่งขึ้นในวงการธุรกิจไทย นั่นคือ ทำให้ได้รู้เห็นว่าวิธีการปล้นของโจรเสื้อนอก หรือ อาชญากรเศรษฐกิจ ทำกันอย่างไร และได้นำมาสู่การสร้างมาตรการป้องกันการปล้นของโจรเสื้อนอก ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้

วันที่ 11 มีนาคม 2543 หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ บ้างพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง บ้างพาดหัวข่าวหน้าธุรกิจ เหมือนกับราวกับนัดกันไว้

“ศาลสั่ง สนธิ ล้มละลาย”

เป็นข่าวที่ดังเกรียวกราวที่สุดของวงการหนังสือพิมพ์ ในห้วงปีนั้น เนื่องจากความเป็นคนดังที่มีทั้งคนรัก และคนชัง ของสนธิ และความที่สนธิ เป็นกรณีตัวอย่างทั้งด้านบวก และด้านลบ หลายต่อหลายเรื่องให้กับคนในวงการหนังสือพิมพ์ ทำให้ข่าวชิ้นนี้ได้รับความสนใจหยิบยกขึ้นมานำเสนอต่อประชาชน จากเพื่องพ้องน้องพี่ในวงการเดียวกัน มากเป็นพิเศษ

นัยว่าข่าวนี้ถูกเพื่อนๆ ในวงการนำเสนอทั้งด้วยความรัก ความชัง และความหมั่นไส้ ที่มีต่อสนธิ ลิ้มทองกุล

เนื้อหาของข่าวดังกล่าว มีอยู่ว่า .....

 “ศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษากรณีธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ที่ 1 และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ลูกหนี้ที่ 2 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2542 โดยขอให้ศาลสั่งให้ลูกหนี้ทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย

ทั้งนี้ โจทก์ฟ้องว่า ลูกหนี้ที่ 1 ออกหุ้นกู้ประเภทมีหลักประกันทีเอ็มจี และขายหุ้นกู้ตามใบหุ้นลงวันที่ 20 เมษายน 2538 จำนวน 150,000 หุ้น เป็นเงิน 150,000,000 บาท ให้กับบริษัทเงินทุนหลัก ทรัพย์ นครหลวงเครดิต จำกัด ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 19 เมษายน 2540 โดยลูกหนี้ที่ 1 ยอมจ่ายดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์บวกหนึ่ง  ต่อมาโจทก์ซื้อหุ้นกู้จากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ นครหลวงเครดิต จำ กัด โดยสลักหลังโอนหุ้นกู้ของลูกหนี้ที่ 1 ให้กับโจทก์ ทำให้โจทก์รับไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ต่างๆ และเพื่อเป็นหลักประกันหนี้ ลูกหนี้ที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันการชำระของลูกหนี้ที่ 1 โดยยินยอมรับผิดชอบร่วมกัน

ภายหลังหุ้นกู้ดังกล่าวครบกำหนดไถ่ถอน ลูกหนี้ที่ 1 ไม่ไถ่ถอน แม้ทวงถามก็เพิกเฉย โจทก์จึงไปทวงถามลูกหนี้ที่ 2 ก็ยังเพิกเฉย ลูกหนี้ทั้งสองจึงเป็นหนี้โจทก์อยู่ 151,063,013.69 บาท การกระทำของลูกหนี้ทั้งสองเป็นการแสดงพฤติการณ์ให้เห็นชัดเจนว่า เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่สามารถชำระหนี้ได้   ต้องสันนิษฐานตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย

ศาลเห็นว่า เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกันของลูกหนี้ที่ 1 กล่าวคือ เป็นเจ้าหนี้ที่มีสิทธิเหนือหลักทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 ในทางจำนำตามมาตรา 6 เมื่อปรากฏว่า  เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องลูกหนี้ที่ 1 เป็นคดีล้มละลาย โดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 10 (2) คือมิได้กล่าวมาในฟ้องว่า เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยินยอมสละหลักทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 ที่เป็นหลักประกันให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย หรือตีราคาหลักทรัพย์ประกันดังกล่าวมาในฟ้อง คำฟ้องของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับลูกหนี้ที่ 1 จึงไม่ชอบด้วยกฎ หมาย แม้ลูกหนี้ที่ 1 จะไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นมาพิจารณาได้เอง

ส่วนลูกหนี้ที่ 2 ต้องข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่า เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว และตามลูกหนี้ที่ 2 ได้ให้ถ้อยคำตามบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ลูกหนี้ที่ 2 แสดงให้เห็นว่าได้พยา ยามขวนขวายชำระหนี้ให้โจทก์แต่ประการใด กรณีนี้จึงไม่อาจฟังได้ว่า ลูกหนี้ที่ 2 ไม่สม ควรเป็นบุคคลล้มละลายแต่อย่างใด

ศาลจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ลูกหนี้ที่ 2 เด็ดขาด ให้ลูกหนี้ที่ 2 ชดใช้ค่า ธรรมเนียมแทนเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ สำหรับค่าทนายความ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้กำหนดให้ตามที่เห็นสมควรพิพากษายกฟ้องของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์เฉพาะบริษัท เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ที่ 1 ให้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนลูกหนี้ที่ 1 โดยกำหนดค่าทนายความ 2 พันบาท”

คำพิพากษานี้ หากพิจารณาเพียงชั้นเดียว ก็จะเชื่อโดยสุจริตใจว่า สนธิ ลิ้มทองกุล เจ็บปวดกับการต้องเป็นบุคคลล้มละลาย แต่หากมองมากกว่าหนึ่งชั้น ก็จะต้องถือว่าสนธิ โชคดีมาก ที่เขาล้มละลายด้วยมูลหนี้เพียง 151 ล้านบาทเศษ ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ที่ก่อหนี้มากมายนับหมื่นล้านบาท กับการลงทุนสร้างอาณาจักรเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

หาคนเชื่อได้น้อยมากว่าสนธิ เจ็บปวดจริงๆ กับการถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายในวันนั้น เหมือนๆ กับที่สนธิ ก็ไม่เชื่อว่า พร สิทธิอำนวย เจ้านายเก่าของเขา เจ็บปวดจริงๆ กับการล่มสลายของอาณาจักร PSA ในอดีตเมื่อครั้งที่เขายังฟูเฟื่องในฐานะขุนพลคนหนึ่งของตึกดำ

หากแต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าสนธิ ยินดีอย่างยิ่งกับการเป็นบุคคลล้มละลาย ด้วยมูลหนี้เพียง 151 ล้านบาทเศษ ในขณะที่เขาก่อหนี้ไว้มากกว่ามูลหนี้จำนวนนี้นับร้อยเท่า และไม่มีใครบอกได้ว่าสนธิ นำเงินได้จากการก่อหนี้ไปลงทุนในธุรกิจจริงๆ หรือนำไปใช้เพื่อความสุขสบายในชีวิตของตนเอง

คำสั่งศาลให้เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิตของสนธิ ทั้งด้านชีวิตส่วนตัว และการดำเนินธุรกิจสนธิ ยังคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ในคฤหาสน์ 4 หลังงาม ในรั้ว “พีเควิลล่า” บนถนนสุโขทัย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่จัดตั้งรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา และเป็นสวรรค์ชั้นเจ็ดสำหรับเขากับสาวงาม ที่หาซื้อได้ด้วยเงินตรา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

นอกเหนือจากคำสั่งศาลให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว สนธิ ลิ้มทองกุล ยังมีคดีติดตัว และเป็นคดีเศรษฐกิจที่เข้าข่ายการฉ้อโกงบริษัทมหาชน หรือ ฉ้อโกงประชาชน ที่เรียกกันว่าเป็นอาชญากรเศรษฐ กิจ จากกรณีที่ถูกกลต. กล่าวโทษว่ากระทำการทุจริต ปลอมมติผู้ถือหุ้นบริษัทแมเนเจอร์มีเดียกุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MGR ไปค้ำประกันเงินกู้ให้แก่เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)    ซึ่งข่าวนี้ถูกตีแผ่ไปทั่วโลก โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่รายงานว่า ...

ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้เข้าแจ้งความต่อกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ(สศก.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เพื่อกล่าวโทษให้ดำเนินคดี 4 อดีตกรรมการบริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป(MGR)ได้แก่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสุรเดช มุขยางกูร น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ และน.ส.ยุพิน จันทนา กรณีร่วมกันปลอมเอกสารประกอบการทำสัญญาในนามของ MGR เพื่อค้ำประกันเงินกู้ 1,078 ล้านบาท ให้กับบริษัทเดอะ เอ็ม กรุ๊ป(TMG) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MGR โดยที่คณะกรรมการ MGR ไม่ได้รับทราบ จนทำให้ MGR เสียหายอย่างมากในเวลาต่อมา

ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีมีผู้ร้องเรียนก.ล.ต.เมื่อเดือนพฤษภาคม 2542 ว่า บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นจิเนียริ่ง(IEC)ไม่เปิดเผยข้อมูลการค้ำประกันการกู้ยืมเงินให้แก่ TMG ซึ่งก.ล.ต.ได้ตรวจ สอบพบเป็นจริงและกล่าวโทษอดีตผู้บริหาร IEC ไปแล้ว แต่ระหว่างการตรวจสอบกรณี IEC นั่นเองก็พบหลักฐานที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้แก่ TMG ว่า มี MGR ร่วมค้ำประกันเงินกู้ 1,078 ล้านบาทนี้ด้วยเช่นกัน และต่อมา TMG ได้ผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้ MGR ต้องรับภาระเป็นผู้ชำระหนี้แทนถึง 259 ล้านบาท

จากการตรวจสอบสัญญาที่ MGR ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวรวม 6 ฉบับ ระหว่าง 30 เมษายน 2539 ถึง 31 มีนาคม 2540 พบมีการลงนามโดยบุคคลทั้ง 4 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของ MGR โดยคณะกรรมการ MGR ไม่ได้รับทราบด้วย และไม่ได้เปิดเผยให้ถูกต้องในงบการเงินของ MGR จึงเป็นการกระทำผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และประมวลกฎหมายอาญาหลายมาตราด้วยกัน ด้วยเป็นการกระทำโดยทุจริต ใช้อำนาจที่ได้รับมอบหมายไปแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้เพื่อผู้อื่น จนเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินและผลประโยชน์ของ MGR รวมทั้งการปลอมสำเนารายงานประชุมคณะกรรมการ MGR เพื่อลวงให้กรุงไทยหลงเชื่อ และการไม่เปิดเผยข้อมูลการค้ำประกันเงินกู้ ทำให้ผู้ลงทุนได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนตามความจริงจนเสียหายต่อการตัดสินใจลงทุน

หนังสือพิมพ์กระแสหุ้น ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนี้ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 307 และ 311 แห่งพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลอาญากฎหมายอาญา กรณีการกระทำดังกล่าวของบุคคลทั้ง 4 ราย เป็นการกระทำทุจริตโดยใช้อำนาจที่ตนได้รับมอบหมายแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เพื่อผู้อื่น อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินและผลประโยชน์ของ MGR โดยตรง

ทั้งนี้ กรณีความผิดทั้ง 3 ข้อดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 -1,000,000 บาท

พฤติกรรมของสนธิ ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีโดยกลต. นั้น หากกล่าวภาษาชาวบ้าน กล่าวกันง่ายๆ ก็คือ การปล้นบริษัทตัวเอง นั่นเอง เพราะสนธิ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MGR แต่กลับเอา MGE ไปค้ำประกันเงินก็ให้กับเอ็มกรุ๊ป จนเป็นเหตุให้ MGR ต้องรับผิดชอบภาระหนี้ที่เอ็มกรุ๊ป ก่อไว้มากกว่า 1,000 ล้านบาท และเป็นเหตุให้ MGR และผู้ถือหุ้นรายย่อยของ MGR ต้องเสียหาย ขาดทุนย่อยยับจากการกระทำของสนธิ ในครั้งกระนั้น

ทั้งๆ ที่เป็นบุคคลล้มละลาย และเป็นผู้ต้องหาคดีเศรษฐกิจ เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญของ กลต. แต่ สนธิ ไม่ได้มีทีท่าเดือดร้อนกับชะตาชีวิตของเขา และไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเองอีก

สนธิยังทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว และมีความสุขสบายในการทำธุรกิจมากขึ้นอีกด้วย กับการที่ไม่ต้องรับภาระและความรับผิดชอบใดๆ ในทางกฎหมาย เนื่องจากสถานะบุคคลล้มละลายของเขานั่นเอง

ช่วงแรกของการทำธุรกิจในนามของบุคคลล้มละลาย สนธิ ลิ้มทองกุล ใช้ตัวแทนหรือโนมินีหลายคน ซึ่งในจำนวนนั้น มี จิตตนารถ ลิ้มทองกุล ลูกชายของเขา และ พชร สมุทวนิช ลูกชายของ ชัยอนันต์ สมุทวนิช ผู้บังคับการโรงเรียนวชิราวุธ ไปเปิดบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อ แต่ยังคงทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อสารมวลชน เช่นเดิม เช่น บริษัทเวิล์ดไวด์มีเดีย จำกัด     ทำธุรกิจสื่อโทรทัศน์ รายการก่อนจะถึงจันทร์ รายการเมืองไทยรายวัน เมืองไทยรายสัปดาห์ และรายการวิทยุ คลื่นเอฟเอ็ม 97.5   เวปไซต์ manager.co.th

สื่อใหม่ๆ เหล่านี้ เป็นกลไกลทางธุรกิจที่สำคัญของสนธิ ลิ้มทองกุล ในการทำรายได้จากการเวลาและพื้นที่โฆษณาให้กับหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ที่ถูกจัดให้มาเป็นผู้สนับ สนุนรายใหญ่ของสนธิ และผูกปีเป็นขาประจำกันชนิดที่สื่ออื่นๆ ได้แต่มองตาปริบๆ

การทำธุรกิจภายใต้ชื่อบุคคลอื่นของสนธิ เป็นที่สนใจใคร่รู้ของเพื่อนๆ ในวงการว่าการกลับมารอบนี้ เขาจะไปได้สักกี่น้ำ และจากความสนใจก็กลายมาเป็นการจ้องมองเพื่อตรวจสอบว่าสนธิ กำไต๋ อะไรไว้ในมือ จึงกล้าลงทุนมากมาย ขยายกิจการไปทุกด้าน เปิดแนวรบทุกทิศ ทั้ง วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เวปไซต์ และดาวเทียม ซึ่งคาดการณ์กันว่าสนธิ ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนไม่น้อยกว่าหลักพันล้านบาท กับการบุกเบิกกิจการใหม่ๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักสำหรับบุคคลที่อยู่ในภาวะล้มละลาย

แต่สนธิ ในวันนั้นไม่ได้มีสภาพเหมือนบุคคลล้มละลายแต่อย่างใด เขาสามารถหาเงินมาลงทุนได้ หาเงินไปล่าซื้อตัวคนเก่ง คนดีๆ จากทุกค่าย ทุกสำนักข่าวมารวมตัวกันอยู่ในอาณาจักรของเขา อย่างที่ทุกคนได้แต่ยืนมองด้วยความประหลาดใจ

ไม่มีใครรู้ว่าสนธิ มีอยู่ในมือ หรือ ซ่อนไว้ในบัญชีของใครเท่าไร และทำไมทางการจึงตรวจไม่พบทรัพย์สินเหล่านี้

เดอะเนชั่น เป็นสื่อมวลชนรายแรกที่ตรวจสอบสนธิ อย่างเข้มข้น ด้วยการทำสกู๊ป 4 ตอนรวดเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของการลดหนี้กว่า 6 พันล้าน ให้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเอ็มกรุ๊ป ซึ่งเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสถาบันการเงินของรัฐ โดยบรรณาธิการเนชั่นยืนยันเป็นการเสนอข่าวตามปกติ ไม่มีเบื้องหน้าเบื้อหลัง

หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ในหน้าเศรษฐกิจ ฉบับวันอังคารที่ 9 เมษายน 2544 รายงานว่า เจ้าหนี้ของบริษัท เอ็ม กรุ๊ป อาจยอมตัดยอดหนี้ 70% จากทั้งหมด 6,070 ล้านบาท ตามแผนปรับโครงสร้างของบริษัทในไตรมาส 3 ของปีนี้บริษัทเอ็ม กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ประสบปัญหาทางการเงินตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540

          เดอะเนชั่น อ้างแหล่งข่าวในกลุ่มเจ้าหนี้ เปิดเผยว่า เจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัทเอ็ม กรุ๊ป เช่น บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย ลงความเห็นร่วมกันว่า บริษัทดังกล่าวไม่สามารถหารายได้เพียงพอชำระหนี้ที่มีอยู่ และจะเชิญผู้ลงทุนภายนอกจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับเอ็ม กรุ๊ปและซื้ออาคารสำนักงานของบริษัท

"เราเชื่อว่าการปรับลดยอดหนี้จะเป็นทางออกที่ดีกว่าการขายหลักทรัพย์ที่จำนองไว้ การขายหลักทรัพย์ที่จำนองไว้จะสามารถชำระหนี้ได้เพียง 5-10% ของมูลค่าหนี้ทั้งหมด ขณะที่การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยให้เจ้าหนี้ได้รับเงินคืน 20-30%"

นอกจากนี้บรรดาเจ้าหนี้เตรียมจะให้หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเอ็ม กรุ๊ป ที่รับประกันเงินกู้ของบริษัท ชำระหนี้บางส่วน แต่แหล่งข่าวไม่ได้เปิดเผยชื่อของผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือจำนวนเงินกู้ที่ต้องชำระคืน

ทั้งนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในเอ็ม กรุ๊ป ซึ่งถือหุ้น 44.82% ยังคงถูกจัดเป็นบุคคลล้มละลายภายใต้กฎหมายล้มละลาย และจะพ้นสถานะดังกล่าวในวันที่ 18 มีนาคม 2546

เอ็ม กรุ๊ป เป็นบริษัทแม่ที่มีบริษัทในเครือจำนวนมาก รวมทั้ง ผู้จัดการ มีเดีย กรุ๊ป(เอ็มจีอาร์)ที่พิมพ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน เดิมมีหนังสือพิมพ์เอเชีย ไทม์สและเอเชีย อิงค์ รวมทั้งบริการออนไลน์ และการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และการสื่อสารดาวเทียม

เอ็มจีอาร์ และบริษัทในเครือส่วนใหญ่ของเอ็ม กรุ๊ป ซึ่งรวมถึง อีสเทิร์น พรินต์ติง(เอ็ปโค) ปรับโครงสร้างหนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงปี 2543-2544

อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างหนี้เอ็ม กรุ๊ป ดำเนินการล่าช้ากว่าบริษัทในเครืออื่นๆหนึ่งในบรรดาเจ้าหนี้รายใหญ่   กล่าวว่า   สถานะทางการเงินที่มีปัญหาของบริษัททำให้ประกอบธุรกรรมได้น้อยไม่เพียงพอสร้างรายได้ ส่วนรายได้ที่จับต้องได้เพียงอย่างเดียวของเอ็ม กรุ๊ปคือ เงินที่ได้จากบริษัทในเครือ

เดอะเนชั่น อ้างนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทิสโก ให้ความเห็นว่า รายงานแสดงสถานะทางการเงินของเอ็มจีอาร์และเอ็ปโค ยังคงมียอดขาดทุนสุทธิและยอดขาดทุนสะสมสูงขึ้นเมื่อเทียบกับบริษัทสำนักพิมพ์อื่นๆ เอ็มจีอาร์ รายงานว่ายอดรายได้เพิ่มขึ้น 12.5% และมีกำไรในปี 2544 แต่ยังไม่สามารถตัดยอดหนี้และยอดขาดทุนสะสมได้

เมื่อปลายปี 2543 เอ็ม กรุ๊ปรายงานยอดขาดทุนสุทธิ 329.9 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากยอดขาดทุนปี 2542 เป็นจำนวน 162 ล้านบาท

และในปี 2544 เมื่อรัฐบาลใหม่เข้าบริหารประเทศ ฐานะการเงินของเอ็มจีอาร์ ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากได้รับสัญญาทำรายการโทรทัศน์ ได้แก่ รายการ"ก่อนจะถึงวันจันทร์"และรายการข่าวและสัมภาษณ์"เมืองไทยรายวัน"

ทั้งสองรายการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ของภาครัฐและได้รับสปอนเซอร์จากกิจการของรัฐหรือบริษัทที่เคยเป็นกิจการของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย ปตท. และ การบินไทย ฯลฯ

เอ็มจีอาร์ยังได้รับสิทธิจัดรายการวิทยุทางคลื่นเอฟเอ็ม 99.5 ซึ่งมีรายได้จากโฆษณาของรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง

ในตอนท้าย เดอะเนชั่น ยังได้บอกว่า นี่คือ 1 ใน 4 ตอน ที่จะตีพิมพ์เกี่ยวข้องกับเครือเอ็มกรุ๊ป ในยุครัฐบาลภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายพนา จันทรวิโรจน์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น บอกว่า การนำเสนอรายงานดัง กล่าว เป็นการนำเสนอข่าวปรับโครงสร้างตามปกติธรรมดา เหมือนกับการเขียนรายงานทั่วไป ไม่ได้เป็นประเด็นที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นพิเศษ และก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ก็เคยเสนอเรื่องดังกล่าว แต่ไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก ดังนั้น ทางเดอะเนชั่นจึงได้ติดตามหาข้อมูลเพิ่มเติมมานำเสนอ ซึ่งได้ข้อมูลที่คืบหน้าพอสมควร โดยแบ่งเนื้อหานำเสนอทั้งหมด 4 ตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คอลัมน์ "ป้อมพระสุเมรุ" ในเว็บไซต์ www.manager.co.th ที่เขียนโดย รุ่งอรุณ สุริยามณี ได้เขียนถึงความขัดแย้งในกลุ่มเนชั่น ทำให้ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น นำเรื่องการปรับโครงสร้างของเอ็ม กรุ๊ป มานำเสนอบ้าง

สกู๊ปตอนที่ 2 ของ เดอะเนชั่น หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น   ระบุว่า อาณาจักรทางธุรกิจของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้โอกาสต่อลมหายใจอีกครั้ง โดยเบนเข็มจากสิ่งพิมพ์เป็นวงการโทรทัศน์ ความ สัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคไทยรักไทย ทำให้นายสนธิ ได้สัญญาผลิตรายการสถานการณ์ข่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้แก่ รายการ ก่อนจะถึงวันจันทร์ และเมืองไทยรายวัน

รายการก่อนจะถึงวันจันทร์ได้รับสปอนเซอร์จากรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เช่น ธนาคารกรุงไทย การบินไทย และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นต้น และรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ยังให้สปอนเซอร์รายการเมืองไทยรายวันด้วย รายการนี้ผลิตโดยบริษัท ไลฟ์ ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นอีกบริษัทหนึ่งของนายสนธิ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเอ็ม กรุ๊ป เป็นเจ้าของ

เดอะเนชั่น อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดนายสนธิ เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้กับไลฟ์ ไทยแลนด์ จำกัด ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งสองรายการจำนวน 40 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ยังได้สัญญาจัดรายการวิทยุนาน 3 ชั่วโมง ทางสถานีวิทยุคลื่น 99.5 โดยมีธนาคารกรุงไทย การบินไทย และปตท. เป็นสปอนเซอร์

การลงทุนผลิตรายการทางโทรทัศน์มีขึ้น แม้ว่าสองปีที่แล้วเอ็ม กรุ๊ป ปลดพนักงานเกือบ 1,000 คน ในบริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้พิมพ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

ในปี 2540 เอ็ม กรุ๊ปเผชิญ วิกฤติเศรษฐกิจ มีหนี้สินรวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยเฉพาะเอ็ม กรุ๊ป มีหนี้ 6,000 ล้านบาท, แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป 4,700 ล้านบาท และโรงพิมพ์ตะวันออก 2,300 ล้านบาท ขณะที่หนังสือพิมพ์เอเชีย ไทม์ส ขาดทุน 24 ล้านเหรียญสหรัฐ และเอ็ม กรุ๊ป ต้องรับประกันหนี้เงินกู้ 1,200 ล้านบาท ที่ธนาคารกรุงไทย อนุมัติให้บริษัท อินเตอร์แนชั่นแนล เอ็นจิเนียริงพีแอลซี(ไออีซี) ซึ่งนายสนธิ ซื้อกิจการไว้

เมื่อมองถึงภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลและโอกาสสร้างกำไรยากมาก การอนุมัติสปอนเซอร์จากรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ จึงก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเอ็ม กรุ๊ป กับรัฐบาล รวมทั้งทำให้พรรคประชาธิปัตย์ เริ่มตรวจสอบความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างนายสนธิ กับนักการเมืองและนักธุรกิจชั้นนำบางคน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟื้นคืนชีพทางธุรกิจของนายสนธิหรือไม่

ปรากฎการณ์แมลงวันตอมแมลงวัน สื่อตรวจสอบสื่อที่เดอะเนชั่น เปิดเกมขึ้นนั้นได้รับการตอบรับอย่างชื่นชมจากนางอรุณีประภา หอมเศรษฐี คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม   ว่า เป็นเรื่องปกติที่สื่อจะนำเสนอเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องทางธุรกิจและข้อมูลที่สามารถเสนอเป็นข่าวได้ แต่ไม่ทราบว่า การเสนอข่าวดังกล่าวมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ อย่างไร ซึ่งต้องยอมรับว่า การตัดสิน ใจของรัฐที่จะดำเนินการอะไรสักอย่าง จะมีทั้งกลุ่มที่ได้และเสียประโยชน์ เพียงแต่การปรับโครงสร้างครั้งนี้ เป็นกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสื่อ

"การที่สื่อตรวจสอบกันเองเป็นเรื่องดี เพราะคนที่ได้ประโยชน์คือ ประชาชน ประชาชนก็อยาก จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสื่อ สื่อมีความโปร่งใสแค่ไหน เพราะคนที่จะรู้เบื้องหลังเบื้องลึกก็จะมีเพียงคนที่อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนเท่านั้น แมลงวันตอมแมลงวันบ้างก็ดี หากไม่ตอมกันเลยก็คงไม่ต้องตั้งสภาการหนังสือพิมพ์ฯขึ้นมา กลายเป็นสภามาเฟียไป"

สกู๊ปตอนสุดท้ายของ เดอะเนชั่น เป็นตอนที่สำคัญและมีทีเด็ดที่ทุกคนในวงการต้องตกตะลึง เมื่อเดอะเนชั่น เปิดเผยถึงวิธีการที่นายสนธิ ขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และเป็นเจ้าของผ่านการถือหุ้นในบริษัทโฮลดิ้ง ซึ่งล้วนจดทะเบียนในเกาะบริติช เวอร์จิน

เดอะเนชั่น ระบุว่านายสนธิ เริ่มขยายธุรกิจสิ่งพิมพ์ โดยเริ่มจากซื้อกิจการนิตยสารเอเชีย อิงค์ในฮ่องกงนิตยสารบัซในแคลิฟอร์เนีย และเปิดตัวหนังสือพิมพ์เอเชีย ไทม์ส ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังขยายการลงทุนในด้านอื่นๆ เช่น กิจการดาวเทียมในลาว โรงแรมในมณฑลยูนานของจีน และโรงงาน ผลิตปูนซีเมนต์ในเวียดนาม เป็นต้น

การขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วทำให้หลายคนสงสัยว่า เขาหาเงินทุนจำนวนมากได้อย่างไร นายสนธิ เริ่มจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท แมนเนเจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในฮ่องกงเมื่อปี 2533 หลังจากนั้นกิจการก็เริ่มขยายขอบเขตกว้างขวาง สามารถตั้งบริษัทใหม่ 4 แห่งภายในไม่กี่ปี และจนถึงปี 2538 นายสนธิ มีบริษัทจดทะเบียนในฮ่องกงนับสิบแห่ง

นายสนธิ แผ่ขยายกิจการที่มีเครือข่ายซับซ้อนเพื่อทำให้มีอำนาจควบคุมทางอ้อมมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ โดยใช้วิธีการถือหุ้นไขว้ นายสนธิ จะถือหุ้นโดยตรงในแต่ละบริษัทเพียงเล็กน้อย แต่จะมีอำนาจควบคุมจากการเป็นเจ้าของบริษัทโฮลดิ้ง ที่ซื้อหุ้นในบริษัทอื่นในเครือ และบริษัทโฮลดิ้งเหล่านี้รวมทั้งเอ็ม กรุ๊ป จดทะเบียนก่อตั้งที่เกาะบริติช เวอร์จิน

การดำเนินกิจการของหนังสือพิมพ์เอเชีย ไทม์ส เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด นายสนธิและผู้บริหารเอ็ม กรุ๊ป หลายคนถือหุ้นในหนังสือพิมพ์เอเชีย ไทม์ส จำนวนเล็กน้อย แต่บริษัท แมนเนเจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ถือหุ้นใหญ่ในเอเชีย ไทม์ส และเอ็ม กรุ๊ป ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในแมนเนเจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

โครงสร้างดังกล่าวทำให้เสียภาษีน้อยลงและป้องกันการเกิดปัญหาทางการเงินได้มากขึ้น เจ้าหนี้และพนักงานของเอเชีย ไทม์ส ทราบภายหลังว่า โครงสร้างนี้เอื้อประโยชน์ให้นายสนธิ ไม่ต้องรับผิด ชอบเมื่อหนังสือพิมพ์ประสบปัญหาและต้องปิดตัวลง

และในปี 2539 นายสนธิ เริ่มประสบปัญหาทางการเงิน ธุรกิจในต่างประเทศก็ล้มพับแต่ไม่รุนแรงนัก กิจการดาวเทียมในลาวก็ล้มเลิกไป ขายนิตยสารเอเชีย อิงค์ให้พนักงานและผู้ร่วมลงทุนต่างชาติซื้อบริษัทเอเชียน แอดเวอร์ไทซิงและมาร์เก็ตติงไว้

นายสนธิ แสดงจุดยืนแข็งกร้าวเกี่ยวกับหนี้ต่างประเทศ และโน้มน้าวให้ลูกหนี้คนไทยทั้งหลายหยุดชำระหนี้ต่างประเทศ และขณะที่เจ้าหนี้ในหลายประเทศยื่นฟ้องเพื่อเรียกเงินคืน ทรัพย์สินในต่างประเทศบางส่วนของนายสนธิ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการล่มสลายของอาณาจักรธุรกิจของเขา

บริษัทที่จดทะเบียนในฮ่องกงบางแห่งที่นายสนธิ เป็นผู้อำนวยการยังคงดำเนินกิจการและแม้หนังสือพิมพ์เอเชีย ไทม์ส ปิดไปแล้ว เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ยังคงเผยแพร่ข่าวสารตามปกติ

ทั้งนี้ สำหรับเกาะ บริติช เวอร์จิน ได้ถูกกล่าวขานกันไปทั่วโลกว่าเป็นแหล่งใหญ่ของการฟอกเงิน

สกู๊ปตอนที่ 4 ของเดอะเนชั่น จบลงด้วยการไม่ปรักปรำ ใส่ร้ายสนธิ ลิ้มทองกุล หากแต่ให้ประชาชนผู้อ่าน พิจารณากันเองว่าสนธิ เป็นนักธุรกิจประเภทใด และมีกระบวนการภายใต้อำนาจรัฐ โอบอุ้มช่วยเหลือเขาอยู่จริงหรือไม่

ผู้อ่านสกู๊ปทั้ง 4 ตอนของเดอะเนชั่น ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า การเกิดขึ้นของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือ จุดเปลี่ยนที่สำคัญของสนธิ ลิ้มทองกุล และเป็นเหมือนการปลุกผีที่ตายไปแล้ว ให้กลับคืนชีพ เป็นผีดิบ มาสูบเลือดสูบเนื้อสูบทรัพย์สินของประเทศ อีกครั้งหนึ่ง

จากการตรวจสอบเอกสารการซื้อขายเวลาและพื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ หน่วยงานของรัฐ ที่ทำสัญญากับกิจการใหม่ๆ ของสนธิ พบว่ามีรายการจัดซื้อรายการหนึ่งที่น่าสนใจ และคงไม่เกินเลยไปนัก หากจะบอกว่าสัญญาฉบับนี้ มี สนธิ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ และกล้าทำ เช่นเดียวกับสัญญาซื้อโฆษณาของ ปตท. ที่ทำกับ 11 News 1 ด้วยงบประมาณ 60 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่า 11 News 1 จัดตั้งขึ้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และสัญญาการรับชำระหนี้ของธนาคารกรุงไทย ที่ให้สิทธิพิเศษแก่สนธิ ด้วยการรับชำระหนี้ด้วยหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แทนการใช้เงิน ที่ได้เปิดเผยไปแล้ว ในอีกด้านหนึ่งของสนธิ เล่มที่ 1

สัญญาที่ตรวจสอบพบฉบับนี้ ก็เป็นของธนาคารกรุงไทย เช่นเดียวกัน เป็นสัญญาที่ธนาคารกรุงไทย ทำกับบริษัทเวิลด์ไวด์มีเดีย จำกัด ให้มีการปรับเปลี่ยนสัญญาการซื้อสื่อโฆษณา ในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2547 เป็นการโฆษณาบนเวปไซต์ mana ger.co.th แทน  รวมมูลค่า 3,465,000.00 บาท ซึ่งหมายความว่า เฉพาะเวปไซต์ manager.co.th มีรายได้จากการขายแบนเนอร์โฆษณาให้แก่ธนาคากรุงไทย เดือนละ 1,155,000 บาท ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นเวปไซต์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในประเทศไทย หรืออาจจะในโลกด้วยซ้ำ และธนาคารกรุงไทย ก็น่าจะเป็นลูกค้าแบนเนอร์ รายใหญ่ที่สุดเท่าที่เวปไซต์ manager.co.th เปิดมาจนถึงทุกวันนี้

สัญญาฉบับดังกล่าวทำขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 ระหว่างธนาคารกรุงไทย จำกัด กับ บริษัทเวิล์ดไวด์มีเดีย จำกัด ซึ่ง ข้อ 2 ของสัญญาดังกล่าวระบุว่า

2. ชดเชยโฆษณาที่ไม่ได้ออกอากาศในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2547 ดังนี้

2.1 โฆษณาบน WEBSITE : manager.co.th ในลักษณะ Banner 3 ขนาด คือ  ขนาด A1 = 468x60 pixels , A2 = 173x350 pixels และ A3 = 173x95 pixels ดังนี้

- หน้าแรก (Homepage ) ลง Banner ขนาด A1 , A2 และ A3 เฉลี่ยเดือนละ 1,500,000 IMP รวมเป็น 4,500,000 IMP มูลค่ารวม 2,700,000 บาท

- หน้าหมวด (ธุรกิจ) ลง Banner ขนาด A1 เดือนละ 310,000 IMP รวมเป็น 930,000 IMP มูลค่ารวม 465,000 บาท

- หน้าข่าว ลง Banner ขนาด A2 เดือนละ 250,000 IMP รวมเป็น 750,000 IMP มูลค่ารวม 300,000 บาท

- ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการออกแบบและสร้าง Banner ขนาดละ 1 แบบ มูลค่ารวม 75,000 บาท

นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจที่ได้รับการโอบอุ้มด้วยดีจากอำนาจรัฐ ในวันที่ความ สัมพันธ์ระหว่างสนธิ กับรัฐบาล ยังดีเยี่ยม

ไม่เพียงแต่ ธนาคารกรุงไทยเท่านั้น ความมีน้ำใจไมตรีแบบนี้ ยังมีจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่เข้าไปสนับสนุนเวปไซต์ manager.co.th เป็นเงินถึง 1,100,000 บาท โดยได้รับสิทธิประโยชน์เป็น Banner ขนาด A1 และ A2 ที่หน้าแรก และขนาด A1 ที่หน้าหุ้น เป็นเวลา 9 สัปดาห์ หรือประมาณ วันละ 17,460 บาท ซึ่งเป็นราคาที่หอมหวนยิ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจเวปไซต์ทุกคน แต่มีเพียงสนธิ คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้เช่นนี้

การกลับคืนสู่วงการธุรกิจสื่อของสนธิ ด้วยสถานภาพบุคคลล้มละลาย ไม่ได้ยากลำบากเหมือนบุคคลล้มละลายทั่วไป เขาได้รับการตอบรับอย่างดีจากรัฐวิสาหกิจทุกแห่งที่ไปเยือน และไม่เคยผิดหวังกับการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องที่ยื่นไป ไม่ว่าจะเป็นรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ได้รับการสนับ สนุนจากธนาคารกรุงไทย รายเดียว ถึงปีละ 38,000,000 บาท

แม้จะเป็นบุคคลล้มละลาย สนธิ ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีสีสันไม่เปลี่ยนแปลงจากยุคสมัยที่เป็นเศรษฐีมีทรัพย์สินนับหมื่นล้านบาท ไปไหนมาไหนด้วยรถยนต์คันหรู มีบริวารล้อมหน้าล้อมหลัง กินดื่มในโรงแรมชั้นหนึ่ง และซื้อหาความสุขบนเตียง ด้วยเงินทองส่วนที่เก็บไว้ หรือพูดให้ชัดก็คือ ที่ได้ถ่ายไว้ (ถ่ายออกจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหลาย)

สภาพที่สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นอยู่ จึงไม่อาจเรียกได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ “ล้มละลาย” หากแต่น่าจะเป็น “ล้มระรื่น” มากกว่า

เพราะล้มแล้วก็ระรื่นได้ ดังเดิม บางทีอาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #46 เมื่อ: 01-09-2006, 16:41 »

ช่วงหลังหลังที่ทุจริตได้ทุเรศมากก็ที่ IEC จำได้ว่ามี นายสุรเดช ลูกน้องคนสนิทมันเลย
นักแข่งรถใส่แว่น แล้วก็ใครอีกคนก็ไม่รู้ ตอนนี้ไม่รู้คดีไปถึงไหนแล้ว
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #47 เมื่อ: 01-09-2006, 16:49 »

ช่วงหลังหลังที่ทุจริตได้ทุเรศมากก็ที่ IEC จำได้ว่ามี นายสุรเดช ลูกน้องคนสนิทมันเลย
นักแข่งรถใส่แว่น แล้วก็ใครอีกคนก็ไม่รู้ ตอนนี้ไม่รู้คดีไปถึงไหนแล้ว


ดีครับคุณชอบแถ ช่วยๆกันนำความอัปรีย์ของพวกท่านพ่อสนธิมาแฉ สาวกนิกายพันธมิตรจะได้มีปัญญาทดแทนศรัทธาซะที ถือว่าเป็นบุญกุศลแรงกล้าเชียวน๊า  Laughing
บันทึกการเข้า
Ja - Duy
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 36


« ตอบ #48 เมื่อ: 01-09-2006, 16:52 »

ไม่รู้คุณอะไรจ๊ะ จะก๊อปมาให้อ่านทำไม ใครๆ เขาก็รู้ว่า คุณ สนธิเสียผลประโยชน์ เขาไม่ประสบความสำเร็จ แบบเหลี่ยม ... ไม่ได้มีความคิดเหล่เหลี่ยม หลบเลี่ยงภาษี .. ไม่ผิดกฏหมาย แต่ไม่มีสปิริตแห่งความเป็นผู้นำ ...

แต่มันก็คนละเรื่องกับที่ คุณเหลี่ยมๆ ทำไว้กับบ้านเมือง .. ผมว่านะ ถ้าเขารักชาติจริงนะ เขาวางมือทางการเมืองไปแล้ว ...

ตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ ก็บอกว่า ถ้า มีข่าวคราวเกี่ยวกับธุรจิตสักนิดเดียวจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น .. แต่นี้และ คือผลของการมีอำนาจ .. มองไม่เห็นถึงข้อเสียของตัวเอง ..

ทีหลังไม่ต้องก๊อปมานะ หลายๆคนในนี้ไม่ต้องการรู้หรอกว่า คุณสนธิ จะเลวยังไงในอดีต ขอเพียงว่า ปัจจุบันกำลังทำอะไร แล้ว ประเทศชาติ ร่วมทั้ง ตัวเรานั้นได้อะไรมากกว่าเท่านั้นเอง ..

อย่าหลงประเด็นนะครับ รวมทั้งคนตั้งกระทู้ด้วย ...
บันทึกการเข้า
The Last Emperor
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6,714


« ตอบ #49 เมื่อ: 01-09-2006, 17:01 »

ไม่รู้คุณอะไรจ๊ะ จะก๊อปมาให้อ่านทำไม ใครๆ เขาก็รู้ว่า คุณ สนธิเสียผลประโยชน์ เขาไม่ประสบความสำเร็จ แบบเหลี่ยม ... ไม่ได้มีความคิดเหล่เหลี่ยม หลบเลี่ยงภาษี .. ไม่ผิดกฏหมาย แต่ไม่มีสปิริตแห่งความเป็นผู้นำ ...
ก็ในเมื่อรู้เต็มอกว่าสนธิเสียผลประโยชน์และแค้นคุณทักษิณ...น้ำหนักการกล่าวหาของสนธิจักมีความเที่ยงธรรมได้อย่างไรครับ?



แต่มันก็คนละเรื่องกับที่ คุณเหลี่ยมๆ ทำไว้กับบ้านเมือง .. ผมว่านะ ถ้าเขารักชาติจริงนะ เขาวางมือทางการเมืองไปแล้ว ...

ผมว่ามีคนไม่กี่คนในประเทศนี้ที่สับสนแบบคุณJa-Duyครับในเรื่อง คนทำความดีต้องถอย อย่าเอาเรื่องรักชาติมากล่าวอ้างเลยครับ เพราะใครๆก็รักชาติไม่น้อยไปกว่ากัน

 

ตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ ก็บอกว่า ถ้า มีข่าวคราวเกี่ยวกับธุรจิตสักนิดเดียวจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น .. แต่นี้และ คือผลของการมีอำนาจ .. มองไม่เห็นถึงข้อเสียของตัวเอง ..
แล้วมีการกระทำผิดกฎหมายหรือโกงไหมล่ะครับ?



ทีหลังไม่ต้องก๊อปมานะ หลายๆคนในนี้ไม่ต้องการรู้หรอกว่า คุณสนธิ จะเลวยังไงในอดีต ขอเพียงว่า ปัจจุบันกำลังทำอะไร แล้ว ประเทศชาติ ร่วมทั้ง ตัวเรานั้นได้อะไรมากกว่าเท่านั้นเอง ..
ถ้าไม่อยากทราบก็ไม่ต้องอ่านครับ ผมเองยังไม่เคยพูดแทนคนอื่นเลยครับ



อย่าหลงประเด็นนะครับ รวมทั้งคนตั้งกระทู้ด้วย ...
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
    กระโดดไป: