ขุดประวัติ ชัยสิทธิ์ ชินวัตร แฉ....

ไม่มี login ก็โพสได้นะครับ

ขุดประวัติ ชัยสิทธิ์ ชินวัตร แฉ....

Postby เซียนเหยียบเมฆ » Fri Nov 21, 2008 1:02 pm

ชัยสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ทางทีวีภาคเที่ยงบอกจะเล่นการเมือง นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
บอกน้องชายไม่ได้รับความเป็นธรรม (เหรี้ยมั๊ย)

เอาประวัติมาแฉ....ได้เลย
ข่าวเก่าสมัยแม้วมันโกงทั้งโ ค ต ร

ปชป.ยื่นสตง.สอบซื้อปืนใหญ่ ชัยสิทธิ์ปัดวุ่น-ทำตามขั้นตอน

ปชป.ยื่น สตง.สอบจัดซื้อปืนใหญ่ มั่นใจล็อกสเปคบริษัทฝรั่งเศส จี้ "บิ๊กแอ๊ด" ชี้แจง อย่าเกรงใจใคร เตรียมแฉอีก 2 เรื่อง โคตรโกงแดนลับแล เร็วๆ นี้ ด้าน "ชัยสิทธิ์" ยันไม่มีทุจริตซื้อปืนใหญ่ ทุกอย่างทำตามขั้นตอนผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตของพรรค แถลงว่า ได้เดินทางไปยื่นหลักฐานต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสการจัดซื้อปืนใหญ่อัตตาจร ขนาด 155 มม./52 คาลิเบอร์ งบประมาณ 1,300 ล้านบาท ของกรมสรรพาวุธ กองทัพบก ต่อคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.แล้ว

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า คณะทำงานฯ ยังจะส่งหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายชื่อบริษัทผู้ผลิตปืนใหญ่ขนาดเดียวกัน อีกหลายราย ที่มีสเปคเดียวกันกับบริษัทเกียต อินดัสตรี จากฝรั่งเศส ที่กองทัพบกเซ็นสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง โดยวิธีพิเศษเพียงบริษัทเดียว ซึ่งน่าสงสัยว่า เหตุใดจึงเรียกมาแค่บริษัทจากฝรั่งเศส เหมือนล็อกสเปคไว้

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการ รมว.กลาโหม ถึงไม่ชะลอโครงการนี้ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.ในสมัยนั้น ได้ทำหนังสือท้วงติงว่า กองทัพยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ปืนดังกล่าว

"ดังนั้น ผมขอให้ พล.อ.ธรรมรักษ์ รีบออกมาชี้แจงโดยเร็ว หรือว่าเกรงใจ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. ที่เป็นพี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไรก็ตาม ผมจะนำกรณีทุจริตในกองทัพบกออกมาเปิดเผยอีก 2 กรณีเร็วๆ นี้ เพราะไม่อยากให้กองทัพเป็นดินแดนลับแลอีกต่อไป" นายอลงกรณ์ กล่าว

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวตอบโต้ว่า การจัดซื้อดังกล่าวสมัยตนเป็น ผบ.ทบ.ดำเนินการตามความต้องการของกองทัพ โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับตนเพียงคนเดียว ทั้งนี้ เมื่อผ่านคณะกรรมการแล้วทุกอย่างน่าจะจบ

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เคยทำหนังสือเพื่อขอชะลอโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีงบประมาณสูงและกองทัพยังไม่ต้องการ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ชะลอโครงการได้อย่างไร ไม่ใช่ใครไปสั่งได้ว่าเอาหรือไม่เอา เพราะผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการ และเรื่องนี้ตนไม่เกี่ยวข้อง พ้นสมัยตนไปแล้ว

http://www.komchadluek.com/2006/09/12/k ... s_id=46309

หัวข้อ : ช่อง5ข้าอย่าแตะ ล้างบาง54กุนซือ ชัยสิทธิ์ขู่ปชป.จุ้น วุฒิแฉ'ดงใต้โต๊ะ'
ข้อความ : " ชัยสิทธิ์" หวงหม้อข้าวด่าฝ่ายค้านตัวถ่วงประเทศ กระทบ "อภิสิทธิ์" ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลี่ยงเกณฑ์ทหารด้วยการเป็นอาจารย์ ร.ร.นายร้อย ได้ทุนไปเรียนนอกกลับมาป้อตามหน้าหนังสือพิมพ์

ท้าแน่จริงมาเจอกัน ช่อง 5 ล้างบางปลดที่ปรึกษาเรียบ 54 คน ด้าน "วิษณุ" เปลือยธาตุเนติบริกรป้องช่อง 11 ไม่ผิดกฎหมายให้เอกชนเขมือบสื่อรัฐ "สมเกียรติ" หมูไม่กลัวน้ำร้อนทลายห้างสีเขียวแฉเรียกรับได้โต๊ะประมูลงาน นักกฎหมายมหาชนชี้ ททบ.5 ซุกระเบิดเวลาฆ่าตัวเอง มี กสช.เมื่อไหร่ยุ่งแน่

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผู้บัญชาการทหารบก มีภารกิจเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ด้วยการไปตรวจเยี่ยมการฝึกทหารใหม่ภายในกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน พร้อมกับให้โอวาทว่า กองทัพบกจะสร้างกำลังพลที่มีคุณภาพ มีวินัย มีความรู้หลายสาขาเมื่อจบออกไปแล้วรับใช้ชาติ

"ท่านจะเป็นลูกผู้ชายที่สมบูรณ์ ไม่เหมือนไอ้บางคนที่เป็นนักการเมืองอยู่ปัจจุบัน หนีทหารก็หนีเอาประโยชน์จากทหารก็เยอะ ไปเที่ยวพูดป้ออยู่แถวสภา เราเป็นทหารพูดคำไหนคำนั้น เป็นสุภาพบุรุษ ตนเองก็อึดอัดใจเกี่ยวกับไอ้พวกนักการเมืองทั้งหลายโดยเฉพาะฝ่ายค้าน ที่ค้านมันทุกเรื่อง ประเทศบอบช้ำเจริญช้าก็เพราะไอ้พวกนี้" ผบ.ทบ.กล่าวตอนหนึ่ง

ว่าอภิสิทธิ์เรื่องหนีทหารซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง ตรงนี้ที่ชี้ให้เห็นความเหรี้ยของมัน

ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นกรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์มีคำสั่งปลด พล.อ.ปรีชา เปรมาสวัสดิ์ และ พล.ท.สหชัย ชวนไชยสิทธิ์ ออกจากตำแหน่ง ผอ.ททบ.5 ตามลำดับ เหตุเพราะไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่จะนำ ททบ.5 เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยนายอภิสิทธิ์ขอให้รัฐบาลกำหนดกรอบที่ชัดเจนและเคารพในเจตนารมณ์ของรัฐ ธรรมนูญที่กำหนดให้คลื่นความถี่และสื่อต่างๆ เป็นสมบัติของส่วนรวม จะต้องนำมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคม ไม่ใช่ฉวยโอกาสไปทำข้อผูกมัดโดยเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง กสช. และ กทช.

ภายหลังการให้โอวาท ผู้สื่อข่าวถาม ผบ.ทบ.ว่านักการเมืองที่หนีทหารคือใคร พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวว่า นั่นเป็นอดีต คนหนีทหารมีทุกสมัย แต่ก็ใช้กลยุทธ์กลวิธีแตกต่างกันไป สมัยก่อนหนีทหารเพราะมีอายุความ 20 ปี และมีอภัยโทษให้ กฎหมายไทยนั้นลูกผู้ชายชาวไทยต้องเป็นทหารทุกคน แต่บางคนก็ใช้อภิสิทธิ์ต่างๆ หลีกเลี่ยงการเป็นทหารโดยสมัครเป็นนายสิบบ้าง นายทหารบ้าง มาเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยบ้าง อาศัยพ่อใหญ่มันก็หลบเลี่ยงได้นานาประการ ถือเป็นประเภทหนึ่งเท่านั้นเอง ในอดีตมีหลายประเภท ตนไม่ได้เจาะจง แต่ที่เอาเปรียบคือมาเป็นอาจารย์ ร.ร.นายร้อย และก็ได้เงินไปเรียนเมืองนอกด้วย กลับมาก็มาป้อตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตนพูดถึงบางคน ไม่ได้ว่าใคร

"ถ้าอยากเจอก็มาถามผมโดยตรง คนเราถ้าได้พูดได้จากันแล้วมันจะได้รู้ว่าของจริงอยู่ตรงไหน สังคมไทยต้องแตกแยกถ้าผลัดกันพูดผ่านนักข่าว น่าเป็นห่วง อยากจะให้ใครทะเลาะกับใคร ก็แหย่ตรงโน่นที แหย่ตรงนี้ที จริงๆ ผมอยากเจอกันโดยตรงมากกว่า สงสัยอะไรนักหนาทำไมต้องไปออกข่าวให้กระเทือนไปหมด ไอ้ความวุ่นวายในประเทศยังยุ่งไม่พอหรือ แน่จริงมาพบกัน มาคุยกัน ไม่เข้าใจหรืออยากรู้อะไรบ้าง แต่ว่าควรจะมีมารยาท ก็ของของเค้าจะมายุ่งอะไร ถ้าของคุณ ผมไปยุ่ง ไปเอาไหมยุ่งไปทุกเรื่อง" พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว

ผบ.ทบ.กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวอยากจะถามเรื่องช่อง 5 ก็ว่ามาเลย ความจริงเขามีแผนมานานแล้ว ไม่ใช่ทำในสมัยตน กรรมวิธีคือจะมีบริษัทที่ไปเข้าตลาดหุ้น ในขณะที่ช่อง 5 ก็ยังเป็นสถานีปกติ ทุกคนยังมีงานทำปกติทั้งทหารและพลเรือน เขาตั้งมาสมัยโบราณแล้วมีบริษัทลูกอีก 3-4 บริษัททำงาน เจริญก็อยู่ต่อ ทำงานไม่เจริญก็ยุบไป เขาทำนานแล้วไม่ใช่ทำสมัยตน สมัยก่อนไม่เห็นไปถาม อยากให้เป็นประเด็นที่ตนใช่ไหม

"มีประเด็นอะไรหนักหนา ช่อง 5 ก็เป็นของกองทัพบกซึ่งบรรพบุรุษเขาสร้างไว้ให้เพื่อความมั่นคงในตอนแรก ขณะนี้ก็พัฒนาไปจนเป็นอย่างปัจจุบัน และตอนนี้เขาตั้งบริษัทมานานแล้ว ก่อนที่ผมเข้ามาก็ทำกันมาไม่ได้เรื่อง พอเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์เราก็เหลือหุ้นแค่ 30% มาสมัยผมก็บอกว่าเหลือแค่ 30% แล้วจะอยู่ได้อย่างไรเพราะเราเป็นเจ้าของ อย่างน้อยต้อง 70% เหมือนกรณีของช่อง 3 ทุกอย่างไม่มีอะไรผิด อย่ามาเลือกเป็นประเด็นแบบส่งเดช อย่าเอาประเด็นบ้าๆ บอๆ อย่างนี้มายุ่งกับผม เขาทำมานานแล้วและผมทำจาก 30% เป็น 70% ผมผิดตรงไหน ผมรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมแล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย อยู่ดีไม่ว่าดี" พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าวอย่างมีอารมณ์

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ รักษาการ ผอ.ททบ.5 ได้ลงนามในคำสั่งให้ที่ปรึกษาส่วนต่างๆ ภายใน ททบ.5 จำนวน 54 คนพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ 17 มิ.ย. 47 เป็นต้นไป

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ที่ปรึกษาเหล่านี้จะมีสับเปลี่ยนกันบ้างขึ้นอยู่กับว่าใครจะขึ้นมาเป็น ผอ.ททบ.5 ซึ่งก็จะตั้งคนของตัว โดยตำแหน่งนี้มีเงินเดือนประมาณ 7,00-8,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นนายทหาร แต่คำสั่งปลดของ พล.ท.สุรฤทธิ์เป็นการล้างบางทั้งหมดและยังไม่รู้ว่าจะเลิกตำแหน่งที่ปรึกษา ไปเลยหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีการแต่งตั้งบุคคลใดเข้ามาเป็นแทน

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวันพุธ ผู้บริหารช่อง 11 และช่อง 11/1 ได้เข้าชี้แจงกับตนแล้ว มีหลายข้อที่ตั้งประเด็นสอบถาม และเป็นคำถามที่ประชาชนก็ต้องการคำตอบ ช่อง 11 สามารถชี้แจงได้ครบทุกข้อ ไม่มีเรื่องใดที่บอกว่าไม่รู้กฎหมายหรือชี้แจงไม่ได้ จึงสั่งให้ไปชี้แจงในคณะกรรมาธิการวุฒิสภาก่อนในวันจันทร์หรืออังคารหน้า โดยให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์นำคณะไป สำหรับตนเมื่อฟังคำชี้แจงก็ไม่ได้บอกว่าที่ชี้แจงนั้นต้องถูกทั้งหมด ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ให้เข้าชี้แจงในคณะกรรมาธิการจะได้มีผู้ช่วยตรวจสอบ และหลังจากนั้นจะพาอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แถลงข่าว

นายวิษณุกล่าวว่า ประเด็นที่สอบถามเหตุใดจึงไม่มีการประมูลหาผู้ผลิตช่อง 11/1 และช่อง 11/2 กรมประชาสัมพันธ์ก็มีคำตอบโดยบอกว่าทั้ง 2 บริษัท คือบริษัท พีแอล เทเลวิชั่น (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อาร์เอ็นที นิวส์) ที่ทำช่อง 11/1 และบริษัท เบรฟฮาร์ท ทำช่อง 11/2 ล้วนเป็นบริษัทที่ทำรายการและข่าวให้ช่อง 11 ปัจจุบันอยู่แล้ว ช่อง 11 จึงเลือก 2 บริษัทนี้เลย ส่วนอีก 6 ช่อง คือ 11/3, 11/4, 11/5, 11/6, 11/7 และ 11/8 ก็มีแผนจะยกให้หน่วยงานราชการที่ยินดีจะรับไปผลิต เช่น ช่อง 11/3 กระทรวงการคลังเจรจาว่าจะทำเป็นช่องเศรษฐกิจก็จะยกให้กระทรวงการคลังทำ ช่อง 11/4 หากกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่าควรมีโทรทัศน์เพื่อสุขภาพประชาชนก็ยกให้ทำ โดยที่มีอยู่วันนี้ 11/1 เป็นช่องข่าว 11/2 เป็นช่องกีฬา แต่ทั้งหมดคือช่อง 11 ถ้ามีความผิดหรือหมิ่นประมาทอะไรต้องฟ้องที่ช่อง 11

"กรมประชาสัมพันธ์ชี้แจงว่าไม่ผิดกฎหมายจัดสรรคลื่น ที่ห้ามทำการต่อใบอนุญาต ห้ามออกใบอนุญาตและห้ามขยายใบอนุญาต แต่ในสัญญาเขาเขียนไว้ว่าช่อง 11 เป็นเจ้าของรายการ บริษัทเป็นผู้ผลิตรายการให้ช่อง 11 เท่านั้นจึงไม่ขัดกฎหมาย" นายวิษณุกล่าว และว่า ถ้าชี้แจงเช่นนี้ก็ต้องบอกว่าเขาทำได้ไม่ขัดกฎหมาย

สำหรับประเด็นที่ไม่ส่งเรื่องไปหารือกฤษฎีกา นายวิษณุกล่าวว่า ช่อง 11 ได้นำหลักฐานมาให้ดูว่าเมื่อเดือนมกราคม 2545 เคยส่งไปหารือกับกฤษฎีกาแล้ว ในประเด็นที่ว่าเมื่อมีกฎหมายจัดสรรคลื่นความถี่ กรมประชาสัมพันธ์ยังสามารถออกอากาศวิทยุและโทรทัศน์ได้หรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าทำได้ เพราะพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มาตรา 5 อนุญาตให้กรมประชาสัมพันธ์ทำได้ เมื่อช่อง 11/1 หรือ 11/2 หรืออื่นๆ ก็คือช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ จึงเห็นว่าทำได้และไม่รู้จะต้องส่งให้ตรวจสอบซ้ำอีก ซึ่งตนได้บอกไปว่าให้ส่งไปหารือในประเด็นปัจจุบัน เพราะเป็นโจทย์ที่คล้ายกัน แต่แตกต่างกัน ส่วนสัญญาที่ไม่ได้ส่งให้อัยการตรวจสอบ กรมประชาสัมพันธ์ก็ให้เหตุผลว่าได้ใช้สัญญามาตรฐานที่อัยการเคยตรวจสอบไว้ แล้วมากรองข้อความ ซึ่งก็ถูกแล้ว เพราะอัยการคงไม่ตรวจให้พร่ำเพรื่อทุกวัน

นายวิษณุกล่าวถึงการที่ช่อง 11 อนุญาตให้เอกชนมีโฆษณา ว่าได้รับคำชี้แจงเป็นโฆษณาที่เป็นโลโก้และเป็นโปรดักส์ โดยโฆษณาที่เป็นโปรดักส์ออกจากต่างจังหวัด โฆษณาที่เป็นโลโก้ออกในกรุงเทพฯ และไม่ได้ใช้คลื่น แต่ใช้ดาวเทียมส่ง ทั้งนี้ ในเรื่องการโฆษณาได้หรือไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวกับกฎหมายอะไรเลย แต่เป็นเรื่องระเบียบราชการ กล่าวคือมีมติคณะรัฐมนตรีห้ามช่อง 11 กรุงเทพฯ โฆษณา แต่ไม่เคยห้ามช่อง 11 ภูมิภาค วันนี้ช่อง 11 ต่างจังหวัดมีโฆษณาจึงไม่ขัดกับมติคณะรัฐมนตรี

รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า ช่อง 11 จะมีโฆษณาหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับข้อพิพาทของรัฐกับไอทีวี และตนก็เห็นว่าปัญหาของไอทีวีไม่น่ากลัว จัดการได้ ขณะนี้ได้สั่งให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เร่งทำหลักเกณฑ์ขอใช้เวลาช่อง 11 สำหรับหน่วยราชการเพื่อให้การพิจารณาขอเวลาต่างๆ เป็นตามหลักการและไม่เกิดข้อว่ากล่าวได้ว่ามีการปฏิบัติลักลั่น

เมื่อถามถึงการแปรรูปสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นายวิษณุปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่ายังไม่ทราบข้อเท็จจริง จึงไม่เหมาะสมที่จะวิจารณ์ แต่ไม่ได้เพิกเฉยอยู่ระหว่างหาข้อมูลอยู่ว่าเรื่องเป็นอย่างไร เพื่อจะรายงานคณะรัฐมนตรีได้ ในฐานะของรัฐบาลก็ต้องรู้อยู่ดีในท้ายที่สุด แต่เรื่องช่อง 5 เป็นเรื่องของกองทัพบก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องมีหน้าที่ในการพูดเรื่องนี้เอง

ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับช่อง 5 และช่อง 11 เป็นการเปิดโอกาสให้มีการโอนทรัพย์สมบัติของรัฐให้เอกชนครอบครอง ซึ่งอาจจะขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้ผลประโยชน์ของรัฐเสียหาย และตั้งข้อสังเกตว่าช่อง 5 และช่อง 11 ใช้อำนาจใดในการดำเนินการ โดยเฉพาะในระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุ โทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.)

"ที่ประชุมมีมติว่าให้ทำหนังสือเชิญ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ลงนามปรับเปลี่ยนผู้อำนวยการสถานีช่อง 5 มาชี้แจง เพื่อขอทราบเหตุผลและแนวคิดเกี่ยวกับการดำเนินการแปรรูป ททบ.5 โดยขายหุ้นให้บริษัทเอกชน เชิญนายดุษฎี สินเจิมสิริ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้รับผิดชอบมาชี้แจงการแบ่งสรรคลื่นของช่อง 11 โดยให้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ ในเช้าวันที่ 24 มิ.ย. ส่วนเช้าวันที่ 25 มิ.ย. จะเชิญอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าชี้แจงกรณีสัญญาร่วมการงานของช่อง 5 และช่อง 11 และสิทธิประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวที่บริษัทเอกชนจะได้ไป พร้อมทั้งนำร่างสัญญามาให้กรรมาธิการฯ ศึกษาด้วย" น.พ.นิรันดร์กล่าว และว่ากรรมาธิการยังจะไปคุยในทางลับกับอดีต ผอ.ททบ.5 ทั้ง 2 คนที่ถูกปลด เพราะหากเชิญมาให้ข้อมูลโดยเปิดเผย อาจจะไม่กล้ามาหรือไม่กล้าให้ข้อมูล เพราะเกรงผู้บังคับบัญชา

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กรุงเทพฯ กรรมาธิการการพัฒนาสังคมฯ เปิดเผยว่า ได้เสนอในที่ประชุมถึงประเด็นที่ควรซักถามในกรณีช่อง 5 คือ 1.การตั้งบริษัท RTA ใครเป็นผู้ถือหุ้น และมีวิธีการกระจายหุ้นให้บริษัทเอกชนอย่างไร 2.หนี้สินของบริษัทใหม่มีหนี้ผูกพันกับ ททบ.5 อย่างไร มีความผูกพันกับธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยเงินกู้ และต้องการทำสวอปแลกหนี้อย่างไร 3.ถือเป็นการตั้งหน่วยงานใหม่หรือสถานีใหม่ล่วงหน้าเพื่อเลี่ยง กสช.หรือไม่ เพราะมีการพูดกันว่าต้องรีบตั้งก่อนจะมี กสช.

ส่วนกรณีช่อง 11 ควรตั้งประเด็นถามว่า โดยทางเทคนิคนั้นจริงๆ แล้วเป็นการใช้คลื่นอะไร ที่เลี่ยงไปว่าเป็นการยิงขึ้นดาวเทียม ทำไมไม่พูดตรงๆ ว่าผ่าครึ่งคลื่นเป็น 2 สถานี แต่เลี่ยงไปบอกว่าให้บริษัทของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไปร่วมการงานทำข่าวเป็นช่อง 11/1 และยังมีการแบ่งช่อง 11/2 ให้พรรคพวกครอบครัวชินวัตรได้ไป ถือเป็นการเลี่ยงการประมูลสถานีใหม่หรือไม่

มีรายงานว่า คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยังได้หยิบยกประเด็นอื่น ขึ้นมาหารือเพื่อที่จะติดตามตรวจสอบต่อไป เช่น การแปรรูป อ.ส.ม.ท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ การติดตั้งไมโครโฟนดักฟังในห้องสื่อมวลชนกระทรวงไอซีที

นายสมเกียรติ อ่อนวิมล ส.ว.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ในฐานะที่เคยอยู่วงการสื่อสารมวลชน ทั้งกิจการโทรทัศน์และวิทยุ และประสบการณ์จากการเข้าไปบริหารงานข่าวในสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. หรือการเข้าไปรับจ้างผลิตรายการข่าวในชื่อบริษัท อีเอ็มนิวส์ ให้ ททบ.5 จึงรู้ระบบและเครือข่ายธุรกิจโทรทัศน์เป็นอย่างดี ยืนยันว่าเรื่องนี้กองทัพบกช่อง 5 และกรมประชาสัมพันธ์ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 40 และ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่อย่างชัดแจ้ง

ส.ว.สุพรรณบุรีกล่าวว่า การพิจารณาเรื่องนี้ต้องดูใน 2 ประเด็น คือ รัฐธรรมนูญมาตรา 40 กำหนดให้มีคณะกรรมการ กสช. ซึ่งจะมีบทบาทหน้าที่หลัก 2 ประการ คือ จัดสรรและกำกับกิจการคลื่นความถี่ ซึ่งในส่วนของกองทัพบก การที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ. เร่งรัดให้ช่อง 5 เข้าตลาดหลักทรัพย์โดยตั้งบริษัท อาร์เอ็นที เข้ามาดูแลผลประโยชน์นั้น เป็นเรื่องของธุรกิจที่ต้องการทำมาหากินและฉกฉวยโอกาสก่อนที่จะมีคณะกรรมการ กสช. ที่อย่างช้าที่สุดจะมีการตั้งในต้นปีหน้า เพราะกองทัพบกรู้ดีว่าทันทีที่มีคณกรรมการ กสช. คลื่นความถี่จะถูกยึดคืน ทำให้ผลประโยชน์ที่จะมีหายไปหมด

จากประเด็นดังกล่าว จึงเห็นได้ว่ากองทัพบกมีความผิดในเรื่องการหลีกเลี่ยงกฎหมายการกำกับคลื่น ความถี่ โดยหวังจะให้บริษัทนี้เป็นผู้กำกับกิจการเอง เช่นเดียวกับกรณีช่อง 11 การอนุมัติให้มีช่อง 11/1 และ 11/2 แม้สามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย เพราะยูบีซีเป็นสถานีโทรทัศน์เคเบิลทีวีซึ่งเป็นระบบดิจิตอล จึงไม่ถือว่าเป็นคลื่นความถี่ และการอนุมัติให้มีโทรทัศน์ช่องใหม่ 2 ช่อง ก็ไม่ใช่การจัดสรรคลื่นความถี่ แต่กองทัพบกกับกรมประชาสัมพันธ์ผิดในเรื่องการดูแลกิจการ คือ ทำการจัดการเปลี่ยนแปลงกิจการโทรทัศน์กันเอง ขณะที่ไม่มี กสช. เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 40 เขียนไว้ชัดว่า ในขณะที่ยังไม่มี กสช.ห้ามดำเนินการใดๆ ในการกำกับกิจการคลื่นความถี่และกิจการวิทยุโทรทัศน์

"ทั้งสองหน่วยงานเห็นช่องโหว่และภาวะสุญญากาศที่ไม่มี กสช. จึงรีบฉกฉวยโอกาสเอากิจการวิทุยโทรทัศน์ไปทำมาหากิน และรัฐบาลก็ให้ท้าย โดยเฉพาะกองทัพบกช่อง 5 ยังมีพฤติกรรมไปหลอกผู้ถือหุ้น ที่จะมีการตั้งบริษัท อาร์เอ็นทีเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เสมือนหนึ่งว่าคลื่นความถี่ที่มีอยู่จะอยู่ตลอดไป ทั้งที่ความจริงเมื่อมี กสช. กองทัพบกจะไม่มีคลื่นความถี่นี้อีกแล้ว ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในกองทัพบกช่อง 5 มีนายทหารระดับใหญ่อยู่เบื้องหลัง เพราะผมเคยอยู่ช่อง 5 ทำรายการวิทยุกับกองทัพ จึงรู้เบื้องหลังถึงการหาผลประโยชน์ของกองทัพอย่างดี ว่ามีการเรียกรับเงินใต้โต๊ะกับบริษัทที่มาประมูลงาน พวกนี้ทำมาหากินกันมากว่า 20-30 ปีแล้ว ซึ่งเราจะหวังอะไรกับรัฐบาลนี้ไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ตั้งคนในเครือญาติมาเป็น ผบ.ทบ." นายสมเกียรติกล่าว

นายสมเกียรติเรียกร้องให้สังคมจับตาการแสวงหาผลประโยชน์ในวงการสื่อสาร มวลชนและกิจการโทรคมนาคมให้ดี และไม่ต้องดูอื่นไกลแค่รายชื่อบุคคลที่อยู่ในบริษัท อาร์เอ็นทีก็เห็นชัดว่ามีแต่พวกเดียวกันเอง คนนอกไม่มีสิทธิ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย และยังทำผิดกฎหมาย มีเจตนาจะใช้ช่องโหว่และเลี่ยงกฎหมายเพื่อตักตวงผลประโยชน์เอาคลื่นกองทัพ แสวงหาประโยชน์ตนเอง

ยังมีความเห็นจากนักกฎหมายมหาชนคือนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ หัวหน้าภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มองว่าการที่ช่อง 5 ไปทำสัญญากับเอกชนระยะยาว 30 ปี อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากหากมี กสช.ขึ้นมา เพราะ กสช.จะมีอำนาจจัดสรรคลื่นความถี่ของรัฐเท่านั้น ไม่ก้าวไปถึงเอกชน อย่างไรก็ตาม กสช.มีอำนาจที่จะยกเลิกสัญญาที่มีกับเอกชนได้ ขณะที่ช่อง 5 ก็ต้องรักษาสัญญาที่ทำไว้กับเอกชน ถ้าไปบอกเลิกอย่างนั้นจะทำให้เอกชนเสียหาย ก็ต้องจ่ายค่าชดเชย

นายสมคิดกล่าวว่า การที่บริษัทเอกชนกล้าทำสัญญากับ ททบ.5 เป็นเพราะบริษัทอาจจะประเมินแล้วว่าในขณะนี้ กสช.ยังไม่เกิด แต่ในเร็วๆ นี้จะเกิด และเมื่อมี กสช.เมื่อไหร่ก็เสี่ยงที่จะถูกยึดคลื่นไปจัดสรร พอถึงตรงนั้นก็เรียกร้องค่าเสียหายกรณีที่รัฐไม่รักษาสัญญา ซึ่งอาจจะคุ้มกว่าที่ได้ลงทุนไปหรือได้มากกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนกรณีที่ในอดีตคนไม่ค่อยอยากเวนคืนที่เพราะได้เงินน้อย แต่ปัจจุบันคนอยากจะให้ถูกเวนคืนที่ดินเพราะได้เงินดี

"ผมคิดว่าประเด็นสำคัญที่ต้องคิดขณะนี้คือเหตุใดช่อง 5 จึงเร่งรีบแปรรูปตอนนี้ ทำไมไม่รอให้ กสช.จัดตั้งขึ้นมาเสียก่อน การดำเนินการจะได้ถูกต้องเหมือนกับการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะแปรรูปอีก 10 ปี หรือ 20 ก็ได้ แต่ทำไมต้องทำให้ได้ในปี 2547 มีเหตุจำเป็นอะไรพิเศษหรือไม่ แล้วต่อไปสัญญาสัมปทานระยะยาว 30 ปี ที่ช่อง 5 ไปทำไว้จะมีปัญหากับ กสช.แน่นอน เพราะถึงแม้ตามอำนาจของ กสช.แล้วจะมีสิทธิยกเลิกสัญญาเอกชนได้แต่ก็ไม่ง่าย ยกตัวอย่างในสมัยหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ต้องการลดค่าโทรศัพท์ แต่พอจะทำก็ไปเจอสัญญาของเอไอเอสกับดีแทคที่ทำกับรัฐไว้ก่อนเลยลดไม่ได้ ทั้งที่จริงๆ แล้วรัฐมีอำนาจทำได้ถ้าเป็นประโยชน์ของสาธารณะ แต่ไม่กล้าทำเพราะต้องทะเลาะกันยาว" นายสมคิดกล่าว

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ก็ออกมาระบุว่า ยิ่งฟังนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีช่อง 11 แล้ว ยิ่งเห็นชัดเจนถึงการบิดเบือนเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ. 2543 และรัฐธรรมนูญมาตรา 40

"ผมยืนยันว่านี่ไม่ใช่การออกอากาศแบบปกติของช่อง 11 แต่เป็นกิจกรรมที่ไม่ปกติโดยพยายามหลีกเลี่ยงกฎหมาย ช่อง 11 ถือเป็นฟรีทีวี แต่การปล่อยให้เอกชนไปออกอาการผ่านระบบเคเบิลทีวีหรือดาวเทียมทำให้ประชาชน ทั่วไปรับชมไม่ได้ ซึ่งทำลายปรัชญาของฟรีทีวีหรือการก่อตั้งช่อง 11 คุณวิษณุจะมีเจตนาตีความกฎหมายในลักษณะบิดเบือนหรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องนี้ถือว่าข้อพิพาทเกิดขึ้นแล้ว และต้องให้กระบวนการทางศาลเท่านั้นเป็นข้อยุติ ความเห็นของคุณวิษณุก็เป็นเพียงความเห็นหนึ่งเท่านั้น"

เลขาธิการ ครป.กล่าวว่า วันที่ 18 มิ.ย. เวลา 13.00 น. พวกตนจะไปยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาตรวจสอบเรื่องนี้


ที่โรงแรมเรดิสัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษในหัวข้อ "บทบาทสื่อมวลชนกับการพัฒนาประเทศ" ตอนหนึ่งได้เรียกร้องให้สื่อมวลชนทบทวนบทบาทการทำงานในอดีตและอนาคต เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ตนเห็นว่าสื่อมวลชนจะต้องตระหนักถึงความสำคัญของสื่อต่อการพัฒนาประเทศ สื่อจะต้องมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าว แต่สิทธิเสรีภาพของสื่อต้องอยู่ในขอบเขต เพราะบุคคลหรือมวลชนก็มีสิทธิในชื่อเสียงเกียรติยศ ความเป็นอยู่ส่วนตัว ตามมาตรา 34 การเสนอข่าวสารใดจะเสนอไปในทางที่กระทบต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ การเจริญทางทำมาหากินได้ ส่วนบุคคลไม่ได้เว้นแต่จะเป็นสาธารณประโยชน์

"การที่จะวิจารณ์จับผิด ไล่กลโกงของรัฐมนตรีถือว่าเป็นสาธารณประโยชน์ แต่ถ้าลงลึกไปในเรื่องส่วนตัวอาจจะเป็นสาธารณประโยชน์หรือไม่เป็นสาธารณ ประโยชน์เสียแล้ว และยิ่งถ้าคนนั้นไม่ใช่บุคคลสาธารณะยิ่งทำไม่ได้" นายวิษณุกล่าว

ตอนนั้นทำให้เห็นทาสแม้วเนติบริกรอย่างวิษณุ บวรศักดิ์

(ไทยโพสต์ 18 มิ.ย.47)
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=th ... cat_id=501
เซียนเหยียบเมฆ
 

Re: ขุดประวัติ ชัยสิทธิ์ ชินวัตร แฉ....

Postby Guest » Sat Nov 22, 2008 6:21 pm

มีข่าวเมาท์ว่า มันเป็นพวกไม้ป่าเดียวกัน แบบตรงข้ามกับอีเพ็ญ อะ
Guest
 


Return to ห้องสาธารณะ