ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

ไม่มี login ก็โพสได้นะครับ

ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว » Fri Jan 09, 2009 10:37 am

ประชุม ครม นายกอภิสิทธิ์ เบรคเรื่องรถเมล์ ๔,๐๐๐ พันคันแล้ว

http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 5&catid=05

โสภณ ซาเล้ง พรรคเพื่อตาย เสนอโครงการถนนปลอดฝุ่น ๑,๕๐๐๐ หนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาท
อ้างว่า ปรับลดลงจากงบเดิมที่เคยตั้งไว้ ๕,๒๐๐๐ ห้าหมื่อสองพันล้าน งบห่างการสามเท่า
ขนาดนายกมาร์คติง แล้วยังบอกจะเอาเข้า ครม อีก

นี่ไง หลักฐานว่า นโยบายเชิงคอรัปชั่น ชัดๆ เขียนนโยบายเพื่อโกงเงินหลวง
แล้วจริงๆ จะต้องใช้ถึง หนึ่งหมื่นห้าพันล้าน หรือไม่ อาจใช้ ห้าล้านก็ได้ 555555

ไม่สำคัญเท่า สมองเท่าฝ่าตีน เลยคิดเรื่องถนนปลอดฝุ่น สงสัยให้พรรคพวกญาติพี่น้องตั้งบริษัทขายเครื่องดูดฝุ่น
คิดจะโกงเงินหลวงแบบเดียวกับเหรี้ยแม้ว....ระบอชั่วช้า จริง

คนบุรีรัมย์เลือกคนแบบนี้มาเป็น สส ได้ไง ถ้าจะเอาหมื่นห้าพันล้านไปใช้ล่ะก็
เอาไปช่วยชาวอีสานที่ปลูกปาล์มพันธ์ดูใบ ที่มนต์ดำเขมรไปหลอกลวงไว้ ดีกว่ามั่ง
กำจัดระบอบแม้ว
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว » Fri Jan 09, 2009 10:54 am

ถนนปลอดฝุ่น หมายถึง เปลี่ยนถนนลุกรังเป็นถนนลาดยางทั่วประเทศ
เขียนประชดประชันเดี๋ยวคนเข้าใจผิดหมด
จขกท ก็โง่เหมือนกัน 555555
กำจัดระบอบแม้ว
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว » Fri Jan 09, 2009 11:00 am

โครงการของเพื่อนเนวินทั้งนั้นแระ ข่าวเก่า

โปรเจ็กต์พร้อมเสิร์ฟ เพื่อนเนวิน รถไฟฟ้า-ถนนปลอดฝุ่น-รถเมล์ NGV

โดย ประชาชาติธุรกิจ วัน จันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551 00:30 น.
วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4064

ถึงวันนี้แม้โผคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาล อภิสิทธิ์ 1 ยังฝุ่นตลบ แต่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงคมนาคมได้ถูกตีตราจองไว้ให้เป็นโควตาของ ส.ส. ใน กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ยอมลงทุนสลัดทิ้ง นายใหญ่เพื่อชาติ จนทำให้การเมืองสามารถพลิกขั้วได้สำเร็จ จะว่าไปแล้ว กลุ่มเพื่อนเนวิน หมายตาเก้าอี้ใหญ่กระทรวงหูกวางมานานแล้ว หลังมีโอกาสเข้าไปชิมลาง ในช่วงที่ผ่านมา จึงไม่แปลกที่จะติดใจ

ที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่ว่าจะเป็น ทรงศักดิ์ ทองศรี และ โสภณ ซารัมย์ ได้นั่งแค่เก้าอี้ รมช. แต่การ หวนคืนครั้งนี้ได้นั่งเก้าอี้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

โปรเจ็กต์ใหญ่ของคมนาคมที่น่าจับตามองและพร้อมดำเนินการ มีหลายโครงการ เริ่มจากโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศระบบใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (เอ็นจีวี) ของ ขสมก.จำนวน 4,000 คัน วงเงิน 62,598.33 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี ที่ทั้ง ทรงศักดิ์-โสภณ พยายามผลักดันมาโดยตลอด แต่ถูกสกัดกั้นจาก พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ พรรคชาติไทย เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพิเศษระดับรัฐมนตรี แต่สุดท้าย ครม.รัฐบาลพลังประชาชน เมื่อวันที่ 2 กันยายน ยอมไฟเขียว หลังพยายามเสนอมา 4 ครั้ง โดยปรับลดจากเดิม 6,000 คัน วงเงิน 111,690 ล้านบาท

ปัจจุบัน ขสมก.กำลังประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีออกชั่น) หากไม่มีปัญหาและการเมืองยังไม่เปลี่ยน ขสมก.จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ อนุมัติขายเอกสารปลายธันวาคมนี้ และจากนั้นภายในเดือนมกราคม 2552 ให้ยื่นเอกสารประกวดราคา เมื่อได้ตัวผู้ประกอบการแล้วจะลงนามในอีก 30 วัน

ตามด้วยโครงการรถไฟฟ้า 4 สี 7 สาย มูลค่ากว่า 3 แสนล้าน ถึงจะเป็นกลุ่มก๊วนเดิมที่ได้เก้าอี้กระทรวงคมนาคม แต่ภาพรวมการแก้ปัญหาเศรษฐกิจยังขึ้นอยู่กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังต้องลุ้นตัวโก่ง เมกะโปรเจ็กต์รถไฟฟ้าจะถูกรื้อใหม่หรือ กดปุ่มให้เดินหน้าต่อ

ที่ผ่านมา ครม.อนุมัติก่อสร้างไปแล้ว มีสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร วงเงิน 60,465 ล้านบาท ดูแล้วคงไม่มีทบทวนใหม่ เพราะกำลังประกวดราคา ช่วงปลายธันวาคมนี้จะเปิดซองราคางานโยธาทั้ง 3 สัญญา กว่า 3 หมื่นล้านบาท หากไม่มีอะไรพลิก ต้นปีหน้าจะเซ็นสัญญาผู้รับเหมาและเริ่มตอกเสาเข็มภายใต้รัฐบาลใหม่พอดี

สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 27 กิโลเมตร วงเงิน 80,410 ล้านบาท กำลังเจรจาเงินกู้กับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (เจบิก) หรือไจก้าปัจจุบัน ด้านรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กิโลเมตร วงเงิน 8,748 ล้านบาท ได้ตัวผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว คือ กลุ่มยูนิคฯ เริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างกลางเดือนมกราคม 2552 ส่วนช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 36 กิโลเมตร วงเงิน 77,053 ล้านบาท กำลังเจรจาเงินกู้กับเจบิก

สำหรับสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 13 กิโลเมตร วงเงิน 24,512 ล้านบาท และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร วงเงิน 31,009 ล้านบาท ได้เงินกู้แล้วจากธนาคารโลก หรือเวิรลด์แบงก์ ส่วนสาย สีแดง ช่วงบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก ระยะทาง 19 กิโลเมตร วงเงิน 36,924 ล้านบาท กำลังจะเสนอ ครม.อนุมัติก่อสร้าง

แต่ที่น่าลุ้นคือ การจัดสรรงบฯกลางปี 2552 วงเงิน 1 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลใหม่มีนโยบายจะเดินหน้าต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ซึ่งกระทรวงคมนาคมตั้งแท่นรอไว้แล้ว 46,593.57 ล้านบาท โดยเขย่าใหม่ปรับลดจากวงเงินเดิมที่ขอไป 60,419 ล้านบาท แยกไปตามหน่วยงาน มีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) 30,221.57 ล้านบาท เป็นถนนปลอดฝุ่น ระยะที่ 1 3,182.40 กิโลเมตร 15,561.41 ล้านบาท ปรับปรุงถนนประสบอุทกภัย 1,500 ล้านบาท โครงการถนนลาดยาง ถนนคอนกรีต ตามคำขอของประชาชนและท้องถิ่น 13,160.16 ล้านบาท

กรมทางหลวง (ทล.) วงเงิน 14,500 ล้านบาท มีปรับปรุงถนนสาย กทม.-หัวหินและรังสิต-องครักษ์-เขาชะโงก 2,050 ล้านบาท ระบบโครงข่ายทางหลวงเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิด้านใต้ 650 ล้านบาท เพิ่มมาตรฐานทางหลวง ป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนน 11,800 ล้านบาท สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ออกแบบรายละเอียด รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-แจ้งวัฒนะ-มีนบุรี 384 ล้านบาท

กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) วงเงิน 508 ล้านบาท อาทิ งานป้องกันตลิ่งพัง ปรับปรุงท่าเทียบเรือ งานขุดลอกบำรุงร่องน้ำ เป็นต้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 980 ล้านบาท เป็นงานติดตั้งเครื่องกั้นถนน 4 เส้นทาง ปรับปรุงภาพลักษณ์สถานี

เมื่อพลิกดูแต่ละโครงการ ไฮไลต์อยู่ที่ ถนนปลอดฝุ่น ที่จะได้เงินอุดหนุนเต็มที่ ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ กลุ่มเพื่อนเนวิน หมายมั่นมาก ทั้งเคยเกี้ยเซียะกับ สันติ ตั้งคนของตัวเองขึ้นมานั่งเป็นอธิบดีกรมทางหลวงชนบท คุมเม็ดเงินไว้ล่วงหน้าแล้ว

นอกจากนี้มีโครงการใหม่ของกรมทางหลวงที่รอประมูล 48 โครงการ วงเงิน 21,600 ล้านบาท ยังไม่รวมโครงการเก่าที่ตกค้างมาจากปีงบประมาณ 2551 อีกหลาย 1,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปิดประมูลแต่ละครั้ง เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 5-10% สุดท้ายโครงการขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 77,000 ล้านบาท ที่ผ่านมา โสภณ พยายามนำเรื่องเสนอ ครม.อนุมัติก่อสร้าง

แต่ละโครงการพร้อมเสร็จสรรพ รอแค่กดปุ่มสตาร์ตเท่านั้น ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผลประโยชน์มากมหาศาล !!! หน้า 8


รถเมล์เอ็นจีวี ก็ถูกเบรคแล้ว..เหลือโปรเจรถไฟฟ้า ตามข่าวต่อไป ส่วนถนนปลอดฝุ่นปรับลดเสนอเข้า ครม อาทิตย์หน้า
จะดูว่า ปชช จะไล่พวกโกงบ้านกินเมืองได้หรือไม่ ปชป ระวังตัวไว้ ขอเตือน
กำจัดระบอบแม้ว
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว (ทำไมมาหลายคน ชื่อเดียวกัน 5555) » Fri Jan 09, 2009 11:11 am

กรมทางหลวงชนบท เตรียมเดินหน้าก่อสร้างโครงการ “ถนนปลอดฝุ่น” ทั่วประเทศ ระยะทางกว่า 7,200 กม.

กรมทางหลวงชนบท เตรียมเดินหน้าก่อสร้างโครงการ “ถนนปลอดฝุ่น” ทั่วประเทศ ระยะทางกว่า 7,200 กิโลเมตร
นาย วิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ รักษาการอธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการ ”ถนนปลอดฝุ่น “ หรือการปรับปรุงทางหลวงชนบททั่วประเทศ ระยะทางกว่า 7,200 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง กว่า 33,000 ล้านบาท ให้เป็นทางลาดยางขนาด 2 ช่องทางจราจร ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ได้เห็นชอบในหลักการตามที่กรมทางหลวงชนบท เสนอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเห็นชอบเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติระหว่างนี้ กรมทางหลวงชนบทได้เตรียมความพร้อมโครงการทั้งด้านการเตรียมร่างทีโออาร์ใน การจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษา มาออกแบบและการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าหลังจากได้รับการอนุมัติวงเงินกู้ในเดือนมกราคม 2552 จะเริ่มการก่อสร้างได้ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน 2552 โดยใช้เวลาการดำเนินงานและก่อสร้างประมาณ 2 ปีหรือแล้วเสร็จภายในปลายปี 2553
สำหรับแหล่งเงินกู้นั้น ทางกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการจัดหา โดยเบื้องต้นได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น
ค่าออกแบบ 338 ล้านบาท ,ค่าก่อสร้าง 32,784 ล้านบาท, ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน 820 ล้านบาท
รวมเป็นเงิน 33,942 ล้านบาท
ส่วนค่าก่อสร้างกรมทางหลวงชนบท ได้ขยายวงเงินเพิ่มจากเดิมกิโลเมตรละ 3 ล้าน 5 แสนบาท
เป็นกิโลเมตรละ 4 ล้าน 6 แสนบาท เนื่องจากค่าวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น


ที่มา | http://thainews.prd.go.th/view.php?m_ne ... tb=N255110

ถนนปลอดฝุ่น ดูตัวเลข มีตั้งแต่ ๕๒,๐๐๐ ---> ๓๓,๐๐๐------> เข้า ครม เหลือ ๑๕.๐๐๐
ลดกันขนาดนี้ สงสัยว่า จากถนนลาดยางกลายเป็นถนนลาดทราย

ขุดอธิบดีรักษาการคนนี้ แล้วจะรู้ว่า ระบอบทักษิณเป็นไง
กำจัดระบอบแม้ว (ทำไมมาหลายคน ชื่อเดียวกัน 5555)
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว » Fri Jan 09, 2009 11:38 am

ระยะทาง 7,224 กิโลเมตร รวมวัสดุก่อสร้างถนนปลอดฝุ่น ทั่วประเทศแล้ว กรมทางหลวงชนบทในสมัย "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม" เป็นอธิบดี ได้ตั้งงบประมาณไว้ถึง 34,290 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วตกกิโลเมตรละ 4.6 ล้านบาท

การก่อสร้างเปลี่ยน จากดินแดงๆ มาเป็นยางมะตอย แล้วไม่ต้องก่อสร้างคันทางใหม่ด้วย ใช้แต่คันทางเดิม
ที่สำคัญไม่มีการตัดถนนหรือเวนคืนอะไรให้ยุ่งยาก

สันติ พร้อมพัฒน์" เจ้ากระทรวงคมนาคม ที่เคยวิ่งเจรจาขอกู้เงินมาทำ

กรมทางหลวงชนบทได้รับจัดสรรงบประมาณทำถนน เฉลี่ยแค่ปีละ 600 กิโลเมตร
หรือวงเงิน 1,000-2,000 ล้านบาทเท่านั้น ดูแล้วจิ๊บจ๊อย และต้องใช้เวลาปรับปรุงนานถึง 12 ปี หากจะทำทั้งหมด 7,224 กิโลเมตรทั่วประเทศ

วาดแผนกู้เงินไว้แต่เนิ่นๆ ตั้งแต่มิถุนายน 2552 ถึง 31 มีนาคม 2553 รวมระยะเวลา 10 เดือน พร้อมผลักดัน เต็มที่

สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กำลังเจรจากับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) หรือไจก้า
เพื่อปล่อยกู้ให้กับโครงการดังกล่าว

แต่ช่วงระหว่างรอเงินกู้ ในปีงบประมาณ 2552 กรมทางหลวงชนบทขอแปรญัตติของบประมาณเพิ่มเติม และได้รับอนุมัติวงเงินไปเรียบร้อยแล้ว

ก้อนแรกเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท กับระยะทาง 2,408 กิโลเมตร จากที่ได้รับจัดสรรไปแล้ว 3,000 กว่าล้านบาท

ข่าวว่า ตอนนี้กรมเจ้าของโปรเจ็กต์กำลังส่ง "ถนนปลอดฝุ่น" เข้าประกวดชิงงบฯกลางปีอีก 34,290 ล้านบาท

ชื่อถนนปลอดฝุ่น แต่พูดถึง "งบประมาณ" แล้ว กลับฝุ่นตลบ

ที่มา | http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0201

จากข่าวนี้ บอก ได้ตังค์ไปแล้ว ๓,๐๐๐ พันล้าน ข่าวเดือน พย. ๕๑ กำลังไล่สมชายกัน เซ้นเอาเงินกันไปตั้งเยอะแล้ว
ได้เงินกันไปแล้ว คนใหม่เข้ามา ซ้าเล้ง ก็จะหาแดกอีก
กำจัดระบอบแม้ว
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว (ทำไมมาหลายคน ชื่อเดียวกัน 5555) » Fri Jan 09, 2009 11:48 am

สรุปว่า สัน พ้อมพัก โกงกินไป สามพันล้าน
ซาเล้ง จะมาลงต่อ โกงกิน อีก สามพันล้าน

ยึดทรัพย์ สส สองตัวนี้ได้เลย
กำจัดระบอบแม้ว (ทำไมมาหลายคน ชื่อเดียวกัน 5555)
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว ด้วยคน » Fri Jan 09, 2009 11:51 am

ถนนเทวดาเดินหรือไง ตก กิโลเมตรละ 4.6 ล้าน สี่ล้านหกแสน
ถนนลูกรังเป็นถนนลาดยาง
ไปถามชาวบ้านที่ลงขันลาดยางถนน ว่าใช้เท่าไหร่ ได้เลย

โกงกินเงินหลวงชัด ๆๆ ยึดทรัพย์
กำจัดระบอบแม้ว ด้วยคน
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว อีกคน » Fri Jan 09, 2009 12:08 pm

http://www.roiet.go.th/board/index.php?topic=2416.0

ร้อยเอ็ด---------สร้างถนนลาดยาง----คิดตัวเลขกลม ๆ สามกิโลเมตร เจ็ดล้าน ตก กิโลกเมตรละ สองล้านสามแสน
๒.๓ เทียบกับของซาเล้ง ๔.๖ เท่าหนึ่งเลย เหรี้ยจริง พวกจานไรกินบ้านโกงเมือง

ซ่าเล้งกะพวกโกงไปแล้ว
อนุมัติไปแล้ว สามพันล้าน สมัยสัน จะมาเอาอีก หนึ่งหมืนห้าพันล้าน ว่างั้นเถอะ

ถนนปลอดฝุ่น ดูตัวเลข มีตั้งแต่ ๕๒,๐๐๐ ---> ๓๓,๐๐๐------> เข้า ครม เหลือ ๑๕.๐๐๐

ตัวเลขเล่นกล หรือคนมันเหรี้ยหาทางโกงละนี่
กำจัดระบอบแม้ว อีกคน
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว คนอื่นๆ » Fri Jan 09, 2009 12:18 pm

ถนนลาดยางมะตอย กิโลเมตรละ สองล้านกว่า ราคาราชการ ก็ว่าแพงแล้ว
ก็กินกันแล้ว ของซาเล้ง ตกกิโลละสี่ล้านกว่า

ชาวบ้านสร้างมันไม่ถึง สองล้านนี่คงได้หลายกิโลเมตร

พวกนี้เลวจริง ๆ นะ สส นักการเมือเลวชาติจริง ๆ
กำจัดระบอบแม้ว คนอื่นๆ
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby กำจัดระบอบแม้ว สส ขี้โกง » Fri Jan 09, 2009 5:37 pm

http://www.phichit.go.th/data/nov29.1_P.htm

จังหวัดพิจืตร หนักกว่าอีก ตกกิโลเมตรละ สามล้าน โกงกันสนั่นประเทศแน่ ทุกจังหวัด
แต่เป็นราคาปี ๔๘ คงด้วยเหตุนี้มั๊ง ซาเล้งเลยเอามาโกงใหม่เป็น ๔.๖ ล้าน

ของจังหวัดร้อยเอ็ด ลดมาเหลือกิโลเมตรละ ๒ ล้านกว่า

สส หน้าขี้โกง โกงเงินเหลวง ตราหน้ามันทั้งครอบครัวเลย

กิโลเมตร ละล้าน ก็ว่าแพงแล้ว นี่เอากัน สาม-สี่ ล้าน
ถนนราดยางมะตอย เอายางไม่ดีมาทำถนน พอฝนตกก็พังอีก

พวกเนรคุณแผ่นดินจริง ๆ สส หน้าขี้โกงพวกนี้
กำจัดระบอบแม้ว สส ขี้โกง
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby ถนนปลอดฝุ่น 555555 » Sat Jan 10, 2009 7:55 pm

รัฐบาลอนุมัติไปแล้ว ๑๕,๐๐๐ ล้าน ถนนลาดยางกิโล (ประมาณป้ายรถเมล์) ตกกิโลละ สองล้าน

ไม่รู้ถูกชักไปกี่เปอร์เซ็น ซาเล้งกะเพื่อนเนวิน คงได้ทุนไปเลือกตั้ง

ขี้หมูขี้หมาก็แหร๊ก

รอดูรถเมล์ เอ็นจีวี ว่า รบ จะเอาไง
555555 ปชป
ถนนปลอดฝุ่น 555555
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby dddd » Tue Jan 13, 2009 10:42 pm

แหล่งข่าวระบุว่า ระหว่างการหารือ เมื่อทราบว่ากระทรวงคมนาคมได้งบจัดทำโครงการถนนปลอดฝุ่นเพียง 1,500 ล้านบาท จากที่เสนอไป 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่พอใจ และลุกขึ้นท้วงติงในที่ประชุมครม.ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ น่าจะต้องใช้งบมากกว่านี้ นายกฯ ต้องตอบไปว่า จะรับข้อเสนอไปพิจารณา โดยอาจนำงบจากส่วนอื่นมาใช้ในโครงการนี้แทนงบแสนล้านบาท

นายโสภณ กล่าวว่า ครม.เห็นชอบจัดสรรงบกลางปีสำหรับโครงการถนนปลอดฝุ่น จำนวน 1,500 ล้านบาท จากที่ขอไป 30,000 ล้านบาท

สรุป ก้อนแรกเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท กับระยะทาง 2,408 กิโลเมตร จากที่ได้รับจัดสรรไปแล้ว 3,000 กว่าล้านบาท
ข่าวว่า ตอนนี้กรมเจ้าของโปรเจ็กต์กำลังส่ง "ถนนปลอดฝุ่น" เข้าประกวดชิงงบฯกลางปีอีก 34,290 ล้านบาท
สมัยสมชาย อนุมัติไปแล้ว หกพันล้าน -สัน พ้อมพัก

สมัน ครม อภิสิทธิ์ ลดเหลือ หมื่นห้าพันล้าน แต่ ครม อนุมัติ พันห้าร้อยล้าน ซาเล้ง ไมพอใจ
นายก เลยบอกว่าจะหางบมาโปะให้

ตกลงซาเล้งจะทำให้ได้ กิโลเมตรละ สองล้าน กว่า จะได้ถนนลาดยางทั่วประเทศ
ขนาดของบริจาคช่วยน้ำท่วม ภัยหนาว ยังโกงกันเลยกระทรวงพัฒนาสังคม
ถนนในชนบท ก็โกง

ขอแช่งให้ รมต ที่โกงเงินหลวง ครอบครัวชิบหาย ลูกหลานขอให้ตายโหง พิการ
dddd
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby ไม่ดีอะ » Wed Jan 14, 2009 3:47 pm

มีข้อมูลหรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว ถนนลาดยางมะตอย ใช้งบเท่าไหร่ต่อกิโล
แต่ดูยังไง ก็แพง กิโล ละ ล้าน
แพงเน้อ
ไม่ดีอะ
 

Re: ซาเล้ง คิดโครงการถนนปลอดฝุ่น 5555555

Postby samepong » Fri Jan 16, 2009 11:17 pm

ถนนปลอดฝุ่น 555555 wrote:รัฐบาลอนุมัติไปแล้ว ๑๕,๐๐๐ ล้าน ถนนลาดยางกิโล (ประมาณป้ายรถเมล์) ตกกิโลละ สองล้าน

ไม่รู้ถูกชักไปกี่เปอร์เซ็น ซาเล้งกะเพื่อนเนวิน คงได้ทุนไปเลือกตั้ง

ขี้หมูขี้หมาก็แหร๊ก

รอดูรถเมล์ เอ็นจีวี ว่า รบ จะเอาไง
555555 ปชป


. รัฐบาลผสมที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำได้เข้าทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นทางการและจริงจังมาตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2552 ซึ่งนับถึงวันนี้วันที่ 16 มกราคม 2552 ก็ได้ทำงานไปแล้วเป็นเวลา 10 วัน และได้ออกมาตรการในการแก้ไขวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศชาติไปแล้วหลายมาตรการ โดยใช้วงเงินงบประมาณ 160,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งเป็นงบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 2552 ที่จะต้องขออนุมัติต่อสภาเป็นการเร่งด่วนในสมัยประชุมนี้
ณ เวลาเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ของรัฐบาลผสมชุดนี้ ประเทศไทยได้รับมรดกบาปมาจากรัฐบาลก่อน ที่สำคัญคือ

(1) ความขัดแย้งทางการเมืองที่ขยายตัวเป็นความแตกแยกของคนในชาติ จนเป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานกระแสพระราชดำรัสให้นายกรัฐมนตรีทำบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยและประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ได้กล่าวในการให้โอวาทแก่นายกรัฐมนตรีว่าเป็นโจทย์ที่สั้นและชัด แต่อาจต้องใช้เวลานานในการตอบ ซึ่งมั่นใจว่าแม้ยากแต่ไม่ยากเกิน

(2) ภัยคุกคามทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากวิกฤตทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลกที่เริ่มต้นขึ้นจากสหรัฐอเมริกา และแผ่ขยายตัวลุกลามไปทั่วโลก ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างกว้างขวาง หนักหน่วง ซึ่งควรต้องเตรียมรับมือแต่เนิ่น ๆ ด้วยทัศนะเล็งการณ์ไกล แต่รัฐบาลที่ผ่านมากลับไม่ได้เตรียมการใด ๆ เลย เพราะสาละวนอยู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการผลักดันฟอกผิดฟอกโกงให้กับนักการเมือง จนเกิดเป็นวิกฤตที่รุนแรงขึ้น ทำให้รัฐบาลผสมของพรรคประชาธิปัตย์ต้องเร่งรีบ เร่งรัด ด้วยความรวดเร็วและด้วยความแม่นยำในการกอบกู้ฟื้นฟูชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นจากวิกฤต ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมจิตร่วมใจของทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ยอมให้โอกาสและต้องการขัดขวางการทำงานในทุกวิถีทาง

(3) ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการขนาดใหญ่ที่เตรียมการกันไว้ และแทบจะพร้อมขับเคลื่อนทันที เป็นมูลค่านับล้านล้านบาท จนเป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสเตือนว่าให้ระมัดระวังในการใช้จ่ายเงิน หากไม่ระมัดระวังชาติจะล่มจม แต่นักการเมืองละโมบโลภมากและหน้าด้านเหล่านั้นมิได้น้อมนำมาใส่เกล้า ดึงดันขับเคลื่อนโครงการโคตรโกงมหาโกงจำนวนมากมายหลายโครงการต่อไป

2. โดยที่โครงการโคตรโกงมหาโกงที่ล้วนเป็นโครงการผลาญชาติและฉ้อฉลปล้นชาติของนักการเมืองนั้นเป็นโครงการที่ต้องใช้จ่ายเงินแผ่นดินจำนวนมหาศาล ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ไม่มีความจำเป็น ไม่มีความเหมาะสม บ้างก็ชะลอเวลาไว้ก่อนได้ บ้างก็ใช้วิธีการไม่เหมาะสม และทั้งหมดนั้นล้วนเป็นโครงการที่แพงเกินความจริงตั้งแต่ 2-5 เท่าของราคาปกติ หากปล่อยให้นักการเมืองผลักดันโครงการเหล่านี้ให้เดินหน้าต่อไปได้ ก็จะก่อหนี้สินให้กับประเทศชาติจนทำให้ชาติล่มจม ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเตือนไว้ ดังนั้นจึงเป็นภาระหน้าที่อันสำคัญของรัฐบาล ของพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองและประชาชนทุกหมู่เหล่าที่จะต้องร่วมกันหยุดยั้งหรือขว้างทิ้งโครงการมหาประลัยเหล่านี้ ยกเว้นโครงการที่จำเป็นก็ต้องพิจารณาลดวงเงินลงให้เป็นไปตามราคาที่แท้จริง หรือโครงการใดที่สามารถชะลอได้ก็ต้องชะลอออกไปเพื่อไม่ให้ซ้ำเติมวิกฤตของประเทศชาติ

3. สิบวันในการทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลายคนจับจ้องมองแต่มาตรการที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และหลายคนก็พยายามกดดันให้รัฐบาลชนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้เกิดเป็นศึกกระหนาบเหลือง-แดงถล่มรัฐบาลผสมให้ล้มคว่ำไปโดยเร็วที่สุด หลายคนยังคงมุ่งขยายผลความขัดแย้งและเชิดชูบทบาทของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้ง ๆ ที่ยังเหลืออยู่สักเท่าใดก็ยังเป็นที่น่าสงสัย แต่แทบไม่มีใครให้ความสนใจในมาตรการอีกด้านหนึ่งที่ดำเนินไปอย่างประณีต สุขุม ลึกซึ้ง แต่มีผลเป็นการหยุดยั้งโครงการมหาประลัยที่ล้างผลาญชาติเลย

ดังนั้นแม้เวลาผ่านไปแค่ 10 วัน เรากลับเห็นว่าผลงานในการหยุดยั้งโครงการมหาประลัยที่ล้างผลาญชาติของรัฐบาลชุดนี้มีผลที่น่าพอใจ

เรื่องแรก คือการคว่ำโครงการถนนปลอดฝุ่นที่มีวงเงินต้องใช้งบประมาณขั้นต้น 30,000 ล้านบาท และมีการผลักดันนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจไปแล้ว แต่ก็ถูกโยนทิ้งไป เป็นการประหยัดเงินของชาติถึง 30,000 ล้านบาท และหยุดยั้งการโกงชาติครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

ที่เรียกว่าโครงการถนนปลอดฝุ่น ความจริงก็คือโครงการบูรณะถนนลูกรังธรรมดานั่นเอง แต่ใช้สีสันแต้มแต่งสร้างวาทะกรรมหรูเป็นโครงการถนนปลอดฝุ่นด้วยการใช้ยางมะตอยลาดหรือบูรณะถนนลูกรัง ซึ่งความจริงใช้เงินน้อยกว่าที่ตั้งงบประมาณไว้มาก แต่โครงการนี้ก็เป็นที่รู้กันว่าเป็นขนมเค้กชิ้นใหญ่ของนักการเมืองที่บวกราคาไว้เกินจริงถึง 5 เท่า

การโยนทิ้งโครงการนี้จึงมีผลเป็นการประหยัดเงินให้กับประเทศชาติ 30,000 ล้านบาท

เรื่องที่สอง คือโครงการจัดหารถบัสเอ็นจีวีของ ขสมก. ซึ่งหากซื้อรถบัสดังกล่าวก็จะสามารถซื้อได้ด้วยราคาเพียงคันละ 3,800,000 บาท หรือในราคาถูกกว่านั้น แต่จัดทำเป็นโครงการโคตรโกงมหาโกงในรูปแบบของการเช่าที่พิสดารที่สุดของโลก คือเช่าเป็นระยะเวลา 10 ปี ทั้ง ๆ ที่อายุการใช้งานของรถมีเพียง 5 ปีเท่านั้น และคิดเป็นค่าเช่าสิริรวมแล้วถึงคันละ 12 ล้านบาท เดิมตั้งโครงการไว้ 6,000 คัน แต่ในที่สุดก็ไม่อยากเสี่ยงแรงตีนของกลุ่มรถร่วม ขสมก. จึงตัดออกไป 2,000 คัน เหลือ 4,000 คัน แต่ก็ล้างผลาญชาติเป็นจำนวนเงินสูงมากร่วม 50,000 ล้านบาท และโครงการนี้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจก็มีมติให้ทบทวนให้เหมาะสม นั่นคือจำนวนรถที่จัดหาต้องเหมาะสม ซึ่งความจริงไม่เกิน 2,000 คัน วิธีการจัดหาต้องเหมาะสมเช่น ซื้อเครื่องหรือชัชซีเข้ามาต่อตัวถังรถในประเทศไทย ทำให้เกิดการจ้างงานขึ้นในประเทศไทย และเพิ่มธุรกิจให้กับคนไทย และด้วยราคาที่เหมาะสมคือเมื่อรถราคา 3,800,000 บาท ก็ต้องใช้ราคานี้หรือต่ำกว่านี้เพราะเป็นการจัดหาจำนวนมาก ไม่ใช่ตั้งวงเงินใช้เงินถึงคันละ 12 ล้านบาท

การจัดการกับโครงการนี้ทำให้ประหยัดเงินให้กับประเทศชาติถึง 50,000 ล้านบาท

เรื่องที่สาม คือโครงการผันน้ำจากประเทศลาวลอดอุโมงค์ใต้แม่น้ำโขงเข้าสู่ภาคอีสานของไทย ซึ่งตั้งวงเงินงบประมาณไว้ถึง 70,000 ล้านบาท และยังจะต้องมีโครงการต่อเนื่องอีกหลายโครงการ และใช้เงินรวมกันเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท

โครงการนี้เป็นโครงการที่ผลาญชาติที่แท้จริงและชัดเจนที่สุด เพราะประเทศไทยไม่ได้ขาดน้ำ ปัญหาอยู่ที่ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ ปริมาณน้ำในภาคอีสานมีมากพอจนเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมทุกปี ทั้งในภาคอีสานไหลบ่าลงมาท่วมภาคกลางและกรุงเทพมหานคร นั่นคือฤดูฝนน้ำท่วมเพราะไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ พอหน้าแล้งก็ขาดน้ำเพราะไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำอีกเช่นเดียวกัน หากผันน้ำเข้ามาเพิ่ม น้ำก็จะยิ่งท่วม แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาขาดน้ำได้ นอกจากนั้นการผันน้ำจากลาวซึ่งเป็นที่ต่ำขึ้นสู่ที่ราบสูงของภาคอีสานของไทยจะสร้างรายจ่ายประจำให้กับประเทศไทยตลอดไป ทำให้ชาติล่มจม ในขณะที่ประชาชนในภาคอีสาน ภาคกลาง และกรุงเทพฯ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย มีแต่ต้องรับภัยน้ำท่วมเท่านั้น

โครงการนี้นักการเมืองอำนาจเก่าจัดตั้งขึ้นเพื่อหาประโยชน์โดยเฉพาะ มีการเตรียมการให้บริษัทจากประเทศจีนของนายเหยียนปิงเป็นผู้รับเหมา ด้วยราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงถึง 300-400% และถ้าหากโครงการนี้เริ่มต้นขึ้นได้ก็จะต้องมีโครงการสืบเนื่องเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ซึ่งมีการเตรียมการโครงการรองรับไว้โดยต้องใช้วงเงินเพิ่มอีกราว 40,000 ล้านบาท

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาต่อที่ประชุมนักธุรกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 และตอนหนึ่งได้พูดเกี่ยวกับโครงการนี้ว่าไม่มีความจำเป็น จะใช้วิธีการพัฒนาแหล่งน้ำภายในประเทศคือในภาคอีสานดีกว่า ซึ่งหมายความว่าโครงการมหาภัยโครงการนี้ได้ถูกรัฐบาลโยนทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว

การโยนทิ้งโครงการนี้จึงมีผลเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดินรอบแรกถึง 70,000 ล้านบาท และป้องกันมิให้มีการตั้งโครงการโกงชาติขยายออกไปอีก 40,000 ล้านบาทด้วย สิริรวมแล้วกระบวนท่าเดียวนี้ก็สามารถประหยัดเงินแผ่นดินได้ถึง 110,000 ล้านบาท

4. สรุป ดังนั้นในรอบ 10 วันของการเข้าทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้หยุดยั้งโครงการมหาประลัยที่ผลาญชาติไปแล้ว 3 โครงการใหญ่ คือ

4.1 โครงการถนนปลอดฝุ่น ซึ่งประหยัดเงินงบประมาณได้ถึง 30,000 ล้านบาท

4.2 โครงการรถบัสเอ็นจีวี จำนวน 4,000 คัน ซึ่งประหยัดเงินงบประมาณได้ถึง 50,000 ล้านบาท

4.3 โครงการผันน้ำจากลาวลอดอุโมงค์ใต้แม่น้ำโขงสู่ภาคอีสานของไทย ซึ่งประหยัดงบประมาณได้ถึง 110,000 ล้านบาท

สิริรวมแล้ว 3 โครงการมหาประลัย รัฐบาลได้ประหยัดเงินให้กับประเทศชาติถึง 190,000 ล้านบาท นี่คือผลงานที่เราจำเป็นต้องนำมารายงานเพื่อร่วมกันปรบมือให้กับรัฐบาลผสมชุดนี้ว่าคุ้มค่ากับเงินเดือนภาษีที่ ประชาชนจ่ายให้มากมายนัก และบุกเบิกแนวโน้มที่จะหยุดสถานการณ์ที่จะทำให้ชาติล่มจมได้อีกด้วย.



อ่านข่าวมั้ง อย่าอ่านแต่ใบบอก
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm


Return to ห้องสาธารณะ



cron