by ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันที่ง ฉันจึงมาหาความหมาย » Mon Jan 12, 2009 11:48 pm
สุดท้ายขอยกความตอนหนึ่งในปาฐกถาเกียรติยศที่ ศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี แสดงไว้เมื่อเป็นองค์ปาฐกเรื่อง "รอยพระยุคลบาท" ในการประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ ๓ ของชมรมจริยธรรมกระทรวงสาธารณสุข ที่แสดงถึงพระปรีชาญาณและพระอัจฉริยภาพ ในการระงับเหตุขัดแย้งทางความคิดในบ้านเมือง ตลอดจนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความรู้ความเข้าใจในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยลึกซึ้งเพียงใด ความว่าดังนี้
"กรณีวันมหาวิปโยค รวมทั้งเหตุการณ์วันพฤษภาทมิฬ จะเห็นได้ว่าพระองค์ได้เสด็จลงมากู้สถานการณ์ให้พวกเรา อาจจะมีหลายฝ่ายคิดว่าทำไมไม่เสด็จลงมาก่อนหน้านั้น ทำไมต้องรอจนถึงวาระสุดท้าย ขอให้พวกเราลองคิดดู ถ้าหากท่านเสด็จลงมาก่อนหน้านั้น ต่อจากนั้นไปไม่ว่าใครมีเรื่องอันใด แม้เล็ก แม้น้อยเพียงใดก็ต้องถึงท่านทั้งหมด รัฐบาลก็ไม่มีความหมาย ในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ดังนั้น รัฐบาลจะต้องดำเนินการก่อน ต่อเมื่อรัฐบาลหมดความสามารถแล้ว พวกเราจะเห็นพระองค์ท่านลงมา และทุกครั้งจะเห็นว่าเป็นเพราะสุดความสามารถของรัฐบาลแล้ว พระบารมีของพระองค์ทำให้บ้านเมืองรอดมาได้จนทุกวันนี้"
บทสรุปของราชสดุดี ๖๐ ปี ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ในวโรกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ยาวนานยิ่งกว่าอดีตพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ในวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ นี้ ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมอัญเชิญพระบรมราโชวาทที่พระราชทานให้แก่ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร และท่านได้นำมาเล่าไว้ในหนังสือ "ตามรอยพระยุคลบาท" ดังนี้
"...ผมได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่หัวในคืนวันหนึ่งในพ.ศ. ๒๕๑๐ หลังจากที่ได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแล้วในวังไกลกังวล พระเครื่ององค์นั้น คือ พระ "สมเด็จจิตรลดา" หรือพระ "กำลังแผ่นดิน" ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเอง...
...หลังจากที่เรารับพระราชทานพระแล้ว ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทมีความว่า พระที่ทรงพระกรุณาพระราชทานนั้น ก่อนจะเอาไปบูชาให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น
พระราชทานพระบรมราชาธิบายด้วยว่า ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อจะได้เตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว...
...ก่อนจะเสด็จขึ้นคืนนั้น ผมจึงก้มลงกราบบนโต๊ะเสวย แล้วกราบบังคมทูลว่า ใคร่จะขอพระราชทานอะไรสักอย่างหนึ่ง
พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามว่า "จะเอาอะไร?" และผมก็กราบบังคมทูลอย่างกล้าหาญชาญชัยว่า จะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปิดทองบนหน้าพระที่ได้รับพระราชทานไป พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามเหตุผลที่ผมขอปิดทองหน้าพระ
ผมกราบบังคมทูลอย่างตรงไปตรงมาว่า พระสมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินนั้น นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานไปห้อยคอแล้ว ต้องทำงานหนักและเหนื่อยเป็นที่สุด เกือบได้รับอันตรายร้ายแรงก็หลายครั้ง มิหนำซ้ำกรมตำรวจยังไม่ให้เงินเดือนขึ้นแม้แต่บาทเดียวอีกด้วย
พระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล(ยิ้ม) ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ส่อพระเมตตาและพระกรุณาว่า ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง ”
และพระราชดำรัสที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศตั้งหน้าตั้งตารอฟังอย่างใจจรดใจจ่อเมื่อคืนวันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ (เป็นพระราชดำรัสที่ผู้คนที่สนใจติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองและตระหนักถึงพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาสามารถ และพระบารมีเฝ้ารอคอยอย่างใจจรดจ่อ ด้วยเป็นช่วงเริ่มต้นของการก่อตัวเป็นขบวนการภาคประชาชนเพื่อต่อสู้ทางความคิดกับฝ่ายบริหารบ้านเมือง เนื่องจากมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับนโยบายการบริหาร การใช้อำนาจ และพฤติกรรมในการบริหารบ้านเมืองของระบอบทักษิณ-ความเห็นส่วนตัวของผู้คัดลอก-) และด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำประสบการณ์จริงที่พระองค์ทรงประสบด้วยพระองค์เองมาพระราชทานให้เป็นคติเป็นหลักในการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรของพระองค์โดยทั่วกัน ดังนี้
"...เมื่อก่อนนี้ ก่อนที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก่อนที่เป็นคิง ก็เสียใจหลายครั้ง แต่ตอนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วเป็นคิง คิงแบบไทยๆ นี่ ซึ่งฝรั่งเขาบอกว่าเป็นเดอะคิง เข้าใจว่าน้อยครั้งที่จะได้ทำผิด เพราะว่า ระวัง ถ้าไม่ระวัง ป่านนี้ก็คงตายแล้ว เพราะฉะนั้น ต้องระวัง ถ้าไม่ระวังก็ตาย นี่เป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่เรียกว่าการเมือง หรือการที่อยู่ในสายตาของคน สายตาของคนนี่มันฆ่าได้ ถ้าเราไม่ระวัง เราตาย ก็เลยถึงบอกได้ว่า ทำไม การที่บอกว่า THE KING can do no wrong เพราะต้อง do no wrong ถ้า ทำ wrong ตาย ทุกคน ก็มีสถานะอย่างนี้ ไม่ใช่ว่า THE KING เก่ง แต่ว่าทุกคนก็มีส่วนที่เก่ง เพราะมีตำแหน่ง รับ รับตำแหน่งที่สูง ได้รับเหรียญตรา แล้วก็คนก็ชี้คนๆ นี้ สูงมาก มียศศักดิ์ เดอะคิงเป็นยศศักดิ์สูง แต่คนที่อยู่ในที่นี้ ยศศักดิ์ทั้งนั้น ไม่ระวังตัวก็ตายเหมือนกัน ถ้าไม่ระวัง ไม่ใช่คนที่นึกว่า โอ้คนนั้น เขาจะตายแน่ เพราะว่าไม่ระวัง ทุกคนตั้งแต่แถวแรกจนถึงแถวสุดท้ายโน่น จนกระทั่งหลังแถว จนกระทั่งข้างนอก ทุกคนถ้าไม่ระวังก็มีอันตราย เพราะฉะนั้นที่พูดอย่างนี้ก็แปลกๆ หน่อย นี่ก็หาว่าแช่ง ที่จริงไม่แช่ง แต่สงสาร เพราะว่าถ้าไม่ระวัง เมืองไทยตาย ฉะนั้นก็ ถึงต้องขอร้องอย่างเดียวว่า มาวันนี้ให้ระวังๆ ให้ระมัดระวังที่คิด ที่พูด ที่ทำ ถ้านึกว่าทำถูกต้องแล้วทำ...
...โครงการพระราชดำรินี่ เปิดเผยให้ทุกคน ได้ทั้งนั้น แล้วก็ ถ้าปฏิบัติตามโครงการพระราชดำริ หมายความว่าทำอย่างเศรษฐกิจพอเพียง...
...ทำเศรษฐกิจพอเพียง ก็เชื่อว่าประเทศจะมีความประหยัดได้เยอะเหมือนกัน คือ ถ้าไม่ประหยัด ประเทศไปไม่ได้..."
ทั้งนี้เพื่อน้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสข้างต้นนี้ มาเป็นขวัญและกำลังใจ เป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตของชาวไทยทั้งมวล และน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชสักการะในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ พรรษา อันจะยังให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ผาสุก วัฒนาสถาพรแก่ตัวบุคคลที่น้อมนำมาปฏิบัติและประเทศไทยอันเป็นที่รัก ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร์ รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พ่อหลวงของปวงชนชาวไทยทุกคน
หนังสืออ้างอิง
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช "ธ คือรากแก้วของแผ่นดิน", ปาฐกถาพิเศษ คึกฤทธิ์ ปราโมช ณ ห้องประชุม ชั้น 4
อาคารเอนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันอังคารที่ 30 พ.ค. 2543. กรุงเทพฯ.สถาบัน
ไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
คณะบรรณาธิการจัดทำสารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย ราชบัณฑิตยสถาน "ใต้ร่มพระบารมี จักรีนฤบดินทร์
สยามมินทราธิราช", กรุงเทพฯ.: บริษัทด่านสุทธาการพิมพ์จำกัด, 2547
อัจฉรา จิระศักดิ์ระวี "องค์ราชันขวัญราษฎร์ เสด็จสู่ไอศูรย์ศวรรเยศ"
อัครวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ "ในหลวงของเรา บทพระราชทานสัมภาษณ์พิเศษสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิง
สิรินทรเทพรัตนราชสุดา สัมภาษณ์บรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท". พิมพ์ครั้งที่3
ธันวาคม 2545
ศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี "ปาฐกถาเกียรติยศ:รอยพระยุคลบาท" จัดโดยชมรมจริยธรรม
กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพฯ, สามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพฯ) จำกัด, 2542