soco wrote:การพิมพ์หน้าเว็บ
เราต้องว่าแต่ความจริง
แม้ทนไม่ได้ ก็ต้องทนครับ
หลอกคนอื่นอาจจะได้ แต่ไม่เสมอไป
ปล. อย่าหลอกแม้กระทั่งตัวเอง
soco wrote:หากใครใช้นิสัยหยาบคาย
ในกระทู้นี้อีก ผมเสนอให้
แบน
สถานเดียว กฎถึงเวลาบังคับใช้แล้วครับ
เพราะกระทู้นี้เป็น การกระทำเพื่อการกุศล มิใช่ทำเพื่อเรื่องอื่นแต่ประการใด
ปิดบัญชีให้สังคมรับทราบ ก็แค่นั้น
see-u wrote:* แหม ! หลังจากตั้ง ทู้ นี้ .. แล้ว คุณ บอนนี่ เข้ามาตอบคำถามเพื่อนสมาชิกด้วยข้อความแบบเล่านิยายให้ฟัง จนมีคนมาทักท้วงว่า ที่คุณ บอนนี่ เขียนโม้ตอบมาน่ะมันมีข้อความมันขัดแย้งกันไป - มา นะจ๊ะ ... แล้วคุณก็หายตัวไปจากบอร์ด ผ่านมาเกือบเดือน คุณ บอนนี่ กลับเข้ามาตอบ คห. อีกครั้งหลังจากที่มีคนสมัครใช้ ล็อคอินใหม่ ๆ เข้ามาด่าสมาชิกที่สงสัยในความไม่เคลียร์ของหนังสือเล่มเก่า .. 555 มาครานี้มีอาการตกใจด้วยว่า .. เกิดอะไรขึ้น โอ้โฮ เอากันใหญ่ ละเลงกันจนเละเทะ ... โอย คุณ บอนนี่ ใสซื่อยังกะดาวพระศุกร์เลยนะคะ แบบว่าเข้ามา งง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอตัวเอง ... ง่ะ แถว ๆ บ้าน ดิฉัน เรียกคนที่ออกอาการแบบนี้ว่า fake ค่ะ
เอาหล่ะเรามาคุยกันนะคะ ... ตามหัวข้อที่คุณ บอนนี่ มาเล่านิยาย เอ๊ย มาตอบคำถาม
แต่ ดิฉัน .. ขอโพสเรื่องที่คุณ บอนนี่ เขียนในข้อที่ 21 ก่อนอื่นเลย เนื่องจากอ่านแล้วมันคันมือ... ส่วนข้ออื่น ๆ จะไล่เลียงถามในเรื่องที่ตัวองสงสัยทีละประเด็น นะคะ*bonny wrote:
21) เรื่องบ้านทรงไทย ตกลงมีจริงไหม เป็นของคุณบอนนี่หรือเปล่า?
บ้านทรงไทยที่นำรูปมาลงนั้น เป็นสวนหลังบ้านของผมเองนะนั่น พูดละเลงกันจนจะเป็นบ้านพลาสติกไปแล้ว ถ้าเห็นบ้านหลังหน้าที่ผมอาศัยอยู่ สงสัยมีบางคนกระอักเลือด
* รู้ไหม .. ทำไม ดิฉัน เลือกตอบข้อนี้เป็นข้อแรก
เพราะอ่านข้อความที่คุณเขียนโพสว่า > ถ้าเห็นบ้านหลังหน้าที่ผมอาศัยอยู่ สงสัยมีบางคนกระอักเลือด <
ตอบจากใจจริงว่า ... อ่าน แล้ว จะ อ๊วก ค่ะ !!!
ดิฉัน ... เจอ สมาชิกในบอร์เสรีไทยอย่างต่ำก็เกือบ 40 ล็อคอินในบอร์ดนี้ ทั้ง 2 ฟากความเห็น
เจอคนมาทุกสาขาอาชีพ .. ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนมือรางวัล , นักพูดที่มีชื่อเสียง , สถาปนิก , วิศวกร , หมอ , เอเยนซี่ , เจ้าของท่าเรือสะพานปลาที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดหนึ่งของภาคใต้ , ผู้บริหารตำแหน่งสูงของแบงค์ใหญ่ที่หลาย ๆ คนใช้บริการ , ผู้บริหารบางบริษัทที่เงินเดือนเป็นเลข 6 หลักขึ้นไป , เจ้าของกิจการนำเข้า - ส่งออก ฯลฯ ... โดยเฉพาะคนที่เป็นเจ้าของ กิจการ ในธุรกิจด้านต่าง ๆ สมาชิกเว็บเสรีไทยมีเยอะมากค่ะ... คุณอย่าอวดตัวมากนักเลย ... สมาชิกท่านอื่น ๆ ที่เขามาอ่านเขาจะ อมยิ้ม ในข้อความที่คุณเขียนด้วยความ สมเ _ ช อ่ะ คุณกลับไปดูก่อนว่า ... ทำไมเรื่องบ้านที่คุณเอามาลงถึงมีคนเขียนถาม .... มันไม่ใช่เพราะประโยคที่คุณเขียนโพสตอบกลับมาแบบข้อความที่ขัดแย้งกันเองหรอกเหรอ ?
ปล. เด๋วมาต่อในข้ออื่น ๆ ที่คุณ บอนนี่ โพสมาค่ะ
soco wrote:คิดถึงวันนี้ ผมถือว่า ผมโชคดีจริง ๆ
*bonny wrote:อันนี้..เสรีชนเหยียบจมูกหน้าเหลี่ยม
*bonny wrote:ภาพเหตุการณ์ 19 กย.
soco wrote:เรื่องหน้าสี
ใช้อำนาจอะไรไปใส่จำเพาะ กวี กลอน
ทำไมไม่ถามใคร ?
soco wrote:เรื่องหน้าสี
ใช้อำนาจอะไรไปใส่จำเพาะ กวี กลอน
ทำไมไม่ถามใคร ?
soco wrote:ขนาด บรรณาธิการ ส่งรูปมาลง
ไล่ให้มาโหวตในเว็บ
ว่าไปนั่นจริง ๆ
ถึงว่า หน้าสี อำนาจ โดนยึดเรียบไปตั้งนาน
แง่งๆ แง่วๆ เอ๋ง
แล้วก็จะต่อด้วยลูกหมาแย่งของเล่น
soco wrote:คิดถึงวันนี้ ผมถือว่า ผมโชคดีจริง ๆ
soco wrote:soco wrote:คิดถึงวันนี้ ผมถือว่า ผมโชคดีจริง ๆ
ผมอ่าน พิมพ์ เรียนรู้จิตวิทยาคนมาเย๊อะ พวกนี้ไม่ได้แอ้มผมหร๊อกกกก
ให้ถือว่าเป็นกรณีศึกษา
*bonny wrote:
6) มีคนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมต้องรีบเร่งเรื่องส่งบทความ ในเมื่อบทความไม่พร้อม ทำไมไม่ขยายเวลาออกไป?
จริงๆ เรายืดหยุ่นให้นะครับ
เดิมเราให้เวลาหนึ่งเดือน หรือ 1 ใน 3 ของระยะเวลาโครงการ ไม่ถือว่า เร่งรัดหรอก ถ้ามีสมาชิกเริ่มต้นเขียนแต่ยังเขียนไม่เสร็จ เรายินดีขยายเวลาให้ จะอีกกี่วันก็ว่ามา แต่ครบหนึ่งเดือนแล้ว หากยังไม่ได้เริ่มจดปากกาเขียน แสดงว่า ไม่สนใจส่งบทความแล้ว
เรามีการกระตุ้นให้เริ่มเขียนบทความส่งตลอดทั้งเดือนนะครับ โน้วน้าวแล้วโน้มน้าวอีก กระทู้เก่าเป็นพยานได้
พอครบกำหนด 1 เดือน เราก็ขยายเวลาออกไปอีก 10 กว่าวัน จนแน่ใจจริงๆ ว่า ไม่มีผู้สนใจส่งบทความแน่แล้วเราจึงเดินหน้าต่อ ระยะเวลาที่ขยายออกไปนี้ก็ทำให้หนังสือออกช้ากว่ากำหนด จาก 3 เดือน เป็น 4 และเป็น 5 เดือนในที่สุด
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ผมต้องให้เป็นไปเช่นนั้น..คือ
--หนังสือที่มีสาระเกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจ ต้องสะท้อนภาพการเมืองและเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่หนังสือออกได้ใกล้เคียงที่สุด เรามีกำหนดการ 3 – 4 เดือนในการทำให้จบ ระหว่างนั้น เป็นรัฐบาล นายกสุรยุทธ์ ผมได้แต่ภาวนาทุกคืนวันว่า อย่าเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงขึ้นในฉับพลัน เช่น..ปฏิวัติซ้อนที่มีข่าว หรือ ทักษิณกลับเมืองไทย หรือ มีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้บทความที่เรามีอยู่กลายเป็นเรื่องล้าสมัยในทันที เรียกว่า อาจต้องโละบทความบางบททิ้งก็ได้
--.ผมได้กำชับคุณดอกฟ้าและเม่ยอย่างเด็ดขาดว่า อย่าเพิ่งเปิดกระทู้รับจองหนังสือและเก็บเงินสมาชิกหากงานยังไปไม่ถึงบทสรุป 70-80% เพราะจะทำให้เราถูกบีบเรื่อง ราคาหนังสือ และกำหนดเวลาแล้วเสร็จ
แต่เธอทั้งสองก็ไปตั้งกันเองแล้ว และมีคนจองเข้ามาแล้ว ส่งเงินเข้าบัญชีกันแล้ว มีการคาดการณ์กำหนดวันที่หนังสือจะจัดส่งกันแล้ว
จะให้ผมทำยังไงครับ ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เกมมันไม่ได้กำหนดที่ผมนะครับ ผมแค่เดินตามให้ทันและอย่าสะดุดล้ม
ตอบ : ตอนแรกยอมรับว่าไม่เข้าใจแล้วยังงงๆ
แต่พอเรื่องมันดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว...ตาสว่างเลย
คำพูดของคุณบอนนี่...มันขัดแย้งกันอยู่ในตัว
เกี่ยวกับคำที่กล่าวหาว่า...ดอกฟ้าฯ รวบอำนาจ
แหม....ถ้าเป็นงั้นจิง...คงเห็นควายเดินตามมาตั้งหลายตัวเลย
7) คุณดอกฟ้ากล่าวหาว่า คุณพยายามยัดเยียดบทความเก่าของคุณลงในหนังสือเล่มนี้แบบฉวยโอกาสที่มีคนถอนเรื่องออก ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?
ในสัปดาห์สุดท้ายก่อนส่งบทความและรูปภาพเข้าสู่โรงพิมพ์ จู่ๆ สมาชิกเจ้าของบทความท่านหนึ่งก็เมล์มาขอให้ถอนบทความออก มิเช่นนั้นจะฟ้องหากนำไปลง
ตอนนั้น ทำให้เราขาดบทความไปหนึ่งเรื่อง ไม่สามารถปิดหนังสือได้ตามจำนวนหน้าที่กำหนด และผมเองก็คงไม่เขียนเพิ่มแล้ว มันกระชั้นชิดเกินไปที่จะทำผลงานให้ดี จึงปรึกษาน้องทั้งสองว่า ผมมีบทความอยู่ในบล็อกส่วนตัว 2 เรื่องที่อยากแนะนำให้ไปอ่านดู หากอ่านแล้วชอบใจก็ไปเก็บมาได้ แต่ผมก็บอกก่อนแล้วว่า..เคยลงที่พันทิปมาแล้วนะ นานหลายปีแล้ว สมาชิกหลายท่านคงยังไม่ได้อ่าน (น้องทั้งสองเคยอยู่พันทิปมาก่อนก็คงยังไม่เคยอ่านเช่นกัน)
แต่ดอกฟ้าแย้งว่า ในเมื่อเป็นบทความเก่า ไม่ได้เขียนขึ้นใหม่ตามกติกา ถือว่า ผมทำผิดกฏซะเอง ซึ่งผมก็ไม่ได้โต้แย้งว่ากระไรสักคำเดียวนะครับ ไม่เอาก็คือไม่เอา กรณียัดเยียดนี่คงเป็นไปไม่ได้
ผมจะไปยัดเยียดเพื่ออะไรกันครับ เพราะเรื่องสั้นทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องสั้นที่ยังไม่ได้ส่งให้สำนักพิมพ์ นอกนั้นในบล็อกผมถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือหมดแล้ว เรื่องสั้นทั้งสองเรื่องนี้ก็รอผมเติมให้ครบจำนวนหน้า ส่งให้โรงพิมพ์ขายรวมเล่ม ก็ได้เงินไปแจกเด็กๆ เหมือนกัน (เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งได้เงินประมาณ 5000 บาท ส่วนนิยายได้ 30000 – 50000 บาทต่อเรื่อง ผมจึงไปเขียนนิยายก่อน ใช้เวลาผลิตเท่ากัน)
ผมแค่เสนอทางแก้ในสถานการณ์เข้าตาจนและยังบอกด้วยว่า ถ้าเอือมชื่อ*bonny จะใช้นามปากกา ปริณดา ก็ได้ ไม่ได้บังคับว่าต้องนำไปลง และไม่เคยเถียงหรือคะยั้นคะยอสักคำเดียว แต่ยังบอกให้ตระหนักกันแต่แรกว่า เคยเป็นกระทู้เก่าในพันทิปมาแล้วนะ
ในเมื่อไม่เอาบทความเก่า แทนที่พวกเราจะต้องประชุมหาวิธีอื่นแก้ปัญหา ยังมีอีกตั้งหลายวิธีที่หาทางออกได้ เช่น เลื่อนงานพิมพ์ ..ลดจำนวนหน้าพร้อมลดราคา หรือ เอาบทความที่ได้คะแนนน้อยมาพิจารณาใหม่
แต่ปรากฏว่า น้องทั้งสองได้ใช้โอกาสนี้ ตัดผมออกจากทีมงาน ยึดอำนาจในการพิจารณาร่วมกันของผมไปหมด ไม่ยอมพูดคุย ไม่ติดต่อผมอีกเลย
ผมมารู้เอาภายหลังจากหนังสือออกขายแล้วว่า พวกเธอแอบไปติดต่อนักเขียนที่มีบทความอยูในหนังสือจำนวนหลายเรื่องแต่ใช้ชื่อต่างกันให้เขียนเรื่องเพิ่มเติม แล้วนำส่งให้โรงพิมพ์ไปเลยโดยไม่ต้องให้ผมร่วมรับรู้
ตอบ : ตรงนี้คุณบอนนี่ตอแหลกลางอากาศเลย
บทความสุดท้ายที่ได้ลงในหนังสือเล่มนี้ ของคุณโกย (จน) เจ๊ง เรื่อง ฤทธิืคิดสั้น
ที่ไปขอความกรุณา จากนักเขียนท่านหนึ่ง ที่ช่วยปั่นส่งมาให้ชั่วข้ามคืน
ได้ผ่านการพิจารณา...จากเราทั้งสาม ด้วยเหตุผลที่บอนนี่ ไม่อาจปฎิเสธได้
"คนโกหกมักจำคำพูดของตัวเองไม่ได"้ ตรงนี้พยายามเข้าใจนะ
์ื์
ผมมาได้อ่านเรื่องนี้พร้อมกับเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆ ตอนหนังสือออกแล้วนั่นแหละครับ
นอกจากนี้ ภาพเขียนของผมทั้งหมดก็ถูกตัดออกด้วย แต่ภาพที่คุณดอกฟ้านำเสนอทั้งหมด ได้ปรากฏอยู่ในหนังสือทุกภาพ แม้บางภาพรับปากกันว่า จะหามาใหม่ก็นำมาบรรจุหมด
คุณดอกฟ้าจัดการหมด สั่งการเองหมด ไม่งั้นคุณอ้อจะจัดเรียงภาพเหล่านั้นได้อย่างไรถ้าไม่มีคนส่งภาพให้
จริงๆ แล้ว คุณอ้อ ทำรูปเล่มแล้วจะต้องส่งดราฟท์งานให้ทีมงานกองบก.ตรวจถึงจะถูก แต่ผมไม่เคยได้ตรวจดราฟท์งาน มีแต่งานให้ตรวจบรูฟ
คงกลัวผมจะคัดค้านเรื่องภาพสีที่แอบสอดไส้มั้ง ?
การข้ามขั้นตอนที่ผมจำเป็นต้องมีส่วนร่วมนี่แหละครับ ที่เธอเอาไปคุยในกระทู้ว่า หนังสือเล่มนี้เธอทำเองคนเดียว คุณบอนนี่ไม่เกี่ยว
อย่างนี้ คุณคิดว่า ใครกันแน่ที่ยัดเยียด และใครกันแน่ที่ใช้อำนาจอันมิชอบ
ตอบ : นี่ไง...เห็นชัดๆเลย
เมื่อไม่มีหมาแมวมาช่วย ต้องดิ้นรนขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็ต้องทำ
บทคุณบอนนี่จะหายก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย
ทิ้งอะไรให้ตัดสินใจกันเอง พอเข้ามาก็บอกว่าไม่เห็น
เพราะใช้ล๊อกอินอื่น
อยากดูหลักฐานอีกป่ะ ว่าคุณแก้ตัวว่าไง
8) ทำไมกระทู้ที่แฉเบื้องหลังของคุณดอกฟ้า กับถ้อยแถลงของคุณจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้วจะให้เชื่อใครดี?
ผมตกใจพอสประมาณที่เธอกล้าทำกระทู้แฉเบื้องหลัง ที่สุดท้ายลงเอยด้วยการยกหางตัวเอง แสดงว่า เธอไม่ปกติแล้ว คนจิตปกติไม่ทำเรื่องเช่นนี้หรอกครับ
คุณดอกฟ้ากล้าประกาศในกระทู้เบื้องหลังการทำหนังสือของเธอว่า นี่คือ วีรกรรมที่เธอได้ทำลงไปและสมควรได้รับการยกย่อง ก็แสดงว่า เธอคิดว่า เป็นสิ่งดีงามแล้ว
แต่ผมกลับคิดว่า นี่เป็นความเลวร้ายที่สุดเท่าที่คนทำงานคนหนึ่งจะได้รับจากเพื่อนร่วมงาน..
ถ้านี่เป็นการทำธุรกิจ ผมก็ถูกหักหลังโดยหุ้นส่วน เพราะความไว้วางใจคนที่ผมแทบไม่รู้จักมาดูแลเรื่องเงินให้ผม ก็คงยกให้เป็นความผิดของผมเองด้วยก็แล้วกัน
ความจริงตอนนั้น.. ถ้าพวกเธอมีนักเขียนอยู่ในใจและต้องการเสนอทางออกนี้ ถ้านำเสนอในที่ประชุม คงคิดว่าผมจะคัดค้านหรือไงครับ?
ผมจะตอบรับข้อเสนอด้วยความยินดีด้วยซ้ำไป หรือหากผมไม่เห็นด้วยขึ้นมา ก็เป็นเพียงเสียงเดียวที่แพ้โหวตในที่ประชุมอยู่วันยังค่ำ ใยต้องใช้วิธีต่ำทรามเช่นนี้ ทั้งๆ ที่อ้างกฎระเบียบกับผม แต่คุณทำลายกฏทุกข้อ ยกเว้น กฏแห่งกรรม
เข้าใจว่า เธอคงเกลียดผมและอยากทำอะไรแก้แค้นให้ผมเจ็บใจมากกว่า
ตอบ : ฉันจะเกลียดคุณหรือเม่ยเรื่องอะไร
คิดดูให้ดี...ก่อนจะป้ายสีคนอื่น
ทำหน้าที่แทนที่คุณควรจะทำมันให้แล้วเสร็จ คุณคิดแบบนี้ถือว่าชั่วมากจริงๆ
ผมจะทำอะไรได้ ในเมื่อไม่ใช่คนถือเงินของสมาชิก คุณคิดว่า คุณอ้อและโรงพิมพ์จะฟังผมหรือคนที่จะจ่ายเงินเขาล่ะครับ จะร้องแรกแหกกระเฌอประนามในกระทู้อย่างที่เธอทำอยู่นี้ บอกตามตรงว่า ไม่เคยคิดเลยครับ มันเป็นวิธีการที่อุบาทว์ชนเท่านั้นคิดเรื่องเช่นนี้ได้
ในสังคมของคุณดอกฟ้าอาจเรียกว่า นั่นเป็นวีรกรรม แต่ในสังคมที่ผมสังกัด เราเรียกว่า การทรยศครับ
วิธีการของผมในการตอบโต้ คือ ใช้ขันติธรรม..อดทน อดกลั้น นิ่งเฉย ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมไม่เคยปริปากบอกเรื่องนี้กับใครนะครับ ยังยึดมั่นในทีมสปิริต ยึดมั่นในความถูกต้องที่ผมกระทำ แม้หนังสือออกแล้ว ก็เข้าไปแจมกระทู้ตลอด ทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างกัน
จนกระทั่งวันนี้ หากเธอไม่ทำกระทู้แฉเบื้องหลัง ผมก็คงไม่พูดถึงมันอีก เพราะคิดเสมอว่า มันผ่านไปแล้วๆ ๆ ให้อภัยและลืมมันซะ
ผมใช้เมตตาพรหมวิหารที่ผมภาวนาอยู่เป็นประจำแผ่เมตตาให้เธอเสมอๆ นะครับ
สรรพเพสัตตา อพยาปัชโช โหตุ..ขอให้สัตว์โลกอย่าผูกพยาบาทต่อสัตว์โลกที่ทำไม่ดีต่อเรา
สรรพเพสัตตา อนีโฆ โหตุ..ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายหลุดพ้นจากทุกข์ที่ถือโทษโกรธเคืองรุมเร้าจิตใจด้วยเถิด
ส่วนสมาชิกที่ได้อ่านทั้งสองฝ่ายแล้ว ควรจะเชื่อใครดีนั้น ผมคงตอบแทนสมาชิกไม่ได้หรอก
คนเรามีวินิจฉัยต่อเรื่องราวที่ตนเองกระทำลงไปแตกต่างกันไป คุณดอกฟ้าบอกว่า นี่เป็นวีรกรรมที่งดงาม ก็เพราะเธอเชื่อเช่นนั้นจริงๆ ตามวิสัย และวิถีชีวิตที่เธอได้รับการอบรมมา
ผมขอยกตัวอย่างกรณีหนึ่ง..
นักเรียนช่างกลปทุมวันยิงนักเรียนอุเทนถวายเสียชีวิต ถ้าหากคนยิงไม่ถูกตำรวจจับ เขาก็จะบอกกับเพื่อนๆ ของเขาว่า ที่เขาทำน่ะ เป็นวีรกรรมี่ดีเลิศ น่ายกย่องที่สุดแล้ว “มันเสือกมองหน้าทำไม ถ้าหลบสายตาป่านนี้ก็ไม่ตายหรอก” คือยังไง นักเรียนคนนี้ก็ไม่คิดว่า สิ่งที่ตัวเองทำนั้นผิด เพราะได้รับการบ่มเพาะความเชื่อมาตลอดว่านี่คือ การกอบกู้ศักดิ์ศรีของโรงเรียนและของลูกผู้ชาย
คนที่จะตัดสินว่า เด็กคนนี้ผิดหรือไม่ มีเพียงผู้พิพากษาเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อนฝูง พ่อ-แม่ หรือ ครูอาจารย์
ทุกท่านในที่นี้ก็ต้องตัดสินกันเอาเองโดยใช้วิจารณญาณที่ดี และสติปัญญาที่พวกท่านมีอยู่แล้ว
ตอบ : ขอบคุณมากๆเลย..ที่แผ่เมตตามหากุศลให้
แต่คำพูดที่คุณบอนนี่พล่ามมาทั้งหมดมันขัดแย้งกับความในใจพิกล
มิน่าพักนี้..ถึงรวยๆ แถมสุขกายสบายใจจริงๆ
เลยได้ไปท่องเที่ยวอย่างมีความสุข
9) การออกมาเปิดโปงคนในทีมเช่นนี้ ไม่คิดหรือครับว่า จะเป็นคนทำลายทีมสปิริตเสียเอง?
การยึดมั่นในทีมสปิริตของผมคงทนตลอดไปไม่ได้นะครับ เพราะมีผู้เสียหาย ทั้งผม ..เม่ย และสมาชิกที่จ่ายเงินค่าหนังสือมา รวมทั้งขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดด้วย มีผมคนเดียวเท่านั้นที่จะเรียกคืนความเป็นธรรมให้กับคนเหล่านั้นได้
การพูดในครั้งนี้ จะเป็นบรรทัดฐานในการทำงานของคณะผู้จัดทำหนังสือชุดต่อไปด้วยว่า ต้องทำอย่างไร มีจุดอ่อนในการจัดการอย่างไร
ตอบ : หากต้องออกมาชี้แจงเพราะโดนป้ายสี
จากคำพูดที่เป็นข้อเขียน ที่คุณบอนนี่จั่วหัวกระทู้ ซึ่งน่าจะหมายถึงใคร
เด็กอมมือก็ตีความออก จำเป็นต้องออกมาพูดเพื่อปกป้องตัวเอง
10) ทำไมคุณดอกฟ้ากับเม่ยถึงแตกคอกันได้ล่ะ พวกเขาร่วมมือกันมาตลอดมิใช่หรือ?
หลังจากหนังสือออกแล้ว เธอกับเม่ยก็จัดงานเปิดตัวหนังสือ มีเลี้ยงสังสรรค์กัน โดยไม่มีการปรึกษากับผมใดๆ ทั้งสิ้น
ตอบ : ตรงนี้ก็ตอแหลอีกแล้ว....ไม่เชื่อไปถามเม่ยสิ
เราเชิญคุณบอนนี่ บอกกล่าววันเวลาเบ็ดเสร็จ
บอนนี่ตอบว่า ผมอาจจะไปร่วมงาน โดยอาจผ่านไปแถวนั้น
แล้วโดดรถลงมาแจมด้วย
ดอกฟ้าฯ ตอบว่า ไม่ได้ค่ะ ทุกคนที่เข้าร่วมงาน ต้องมีรหัส ที่เราจัดให้ทุกคน
ไม่มีข้อยกเว้น รวมทั้งทีมงานทุกคนด้วย ใครที่ไม่มีรหัส ไม่สามารถเข้ามาร่วมงานได้
เรื่องนี้ สมาชิกที่มาร่วมงานเปิดตัวหนังสือทราบดี
คุณบอนนี่ก็เลยเงียบไป...จะโกหกหน้าบอร์ด ทำให้เนียนๆหน่อยก็ดีนะ
การอดทนรอ และนิ่งเฉยของผมดำเนินไปตลอดไม่ได้นะครับ เพราะงานของโครงการยังไม่จบนี่ครับ
เงินที่รับจากสมาชิกต้องเคลียร์ที่มาที่ไป และส่งเงินบริจาคให้เด็กด้อยโอกาสเสียก่อน ผมจึงยังต้องเข้ามาสางงานต่อในส่วนนี้ ซึ่งพอจะตั้งลำเคลียร์ คุณดอกฟ้าก็เปิดหมวกลาออกในกระทู้ของผมทันที ไม่ลาออกเปล่าๆ ทราบภายหลังจากเม่ยว่า ชวนเม่ยให้สละเรือพร้อมกับเธอด้วย กะให้*bonny ตายซากอยู่คนเดียวพร้อมกับงานเก็บกวาดขยะที่ต้องทำให้จบ
อืมม์..สุดยอด
น้องเม่ยเอะใจ และเกิดภาวะ ตาสว่างขึ้นมาเมื่อไรไม่ทราบได้ ยินยอมทำงานร่วมกับผมต่อไปและระบายความในใจให้ผมฟังผ่านเมล์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และขอโทษที่ต้องทำเช่นนั้นลงไปเพราะเธอถูกครอบงำอย่างโงหัวไม่ขึ้น
และที่ผมกับเม่ยต้องทำงานกันสองคนตั้งแต่การส่งมอบหนังสือ การบริจาคเงินให้เด็กๆ จนถึงทุกวันนี้ ก็คือ งานเก็บกวาดที่เหลืออยู่ พูดง่ายๆ ก็คือ งานภารโรง ถ้าไม่ทำจะให้ใครทำล่ะครับ แต่ดอกฟ้ากลับบอกว่า ผมและเม่ยกำลังกอบโกยความดีใส่ตัวไปเสียฉิบ อ้าว..เวรกรรม
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในทุกกระทู้ของผมและเม่ยและมีคุณดอกฟ้ามาแจมด้วยการแขวะใส่และหยามน้ำหน้าเสมอมา แต่ก็ลองไปเปิดดูได้ทุกกระทู้นะครับว่า ผมไม่เคยตอบโต้ และไม่เคยนำเรื่องราวของเธอไปเปิดเผยในที่สาธารณะให้เสียหาย เพราะตอนนั้น ผมยังยึดมั่นในทีมสปิริตอยู่
(พักครึ่งนะครับ อีก 10 คำถามจะตามมา)
ริวเซย์ wrote:คุณบอนนี่กับคุณเม่ยชี้แจงได้เคลียร์นะครับ
โดยส่วนตัวผมไม่ติดใจอะไรอีกต่อไป
พวกเราก็น่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้วครับ
เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดี
ปล่อยวางบ้างครับ
ใครจะผิดจะถูก ก็ควรให้อภัยซึ่งกันและกันจะดีกว่าครับ
มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดต้องตามเหยียบย่ำกันจนไม่มีจุดยืนในสังคมเว็บบอร์ด
จริงอย่างที่เขาว่านะครับว่า การที่เราออกมาพูดมากๆมันไม่ส่งผลดีอะไร มีแต่ผลเสียเพราะสุดท้ายคำพูดจะมามัดตัวเราภายหลัง
ดังนั้นปัญหานี้ควรยุติได้แล้วครับ
ด้วยความปรารถนาดีครับ
อธิฏฐาน wrote:พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์แล้วค่ะคุณดอกฟ้า เสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ กรวดน้ำคว่ำขันดีกว่า
ใครทำอะไรก็ได้รับอย่างนั้น เรื่องเงินถึงแม้สมาชิกคนอื่นไม่มีบ้านใหญ่โตคงไม่มีใครติดใจ
ถือว่าเป็นการทำบุญค่ะ อยากให้กระทู้นี้ปิดจริง ๆ เสียที