**อย่าทำลายสิ่งดีงามที่บอร์ดแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยความคับแค้นใจในเรื่องส่วนตัวเลย**โครงการจัดทำหนังสือ “ยังไงก็ไม่ชิน” เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการเมืองกับสังคมในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางความคิดที่รุนแรงที่สุด และนำเงินรายได้จากการจำหน่ายหนังสือและเงินบริจาคมอบให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาส เป็นความงดงามที่สุดที่บอร์ดแห่งนี้ได้มอบให้กับสังคมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
เราได้มอบเงินให้เด็กด้อยโอกาสไปแล้ว 39,996 บาท
เด็กด้อยโอกาสในสังคมจำนวนหนึ่งได้รับโอกาสที่พวกเรามอบให้ และอีกจำนวนหนึ่งกำลังรอคอยโอกาสนั้นให้ตกมาเป็นของตนเองบ้าง
เรื่องราวดีๆ เช่นนี้ ไม่ค่อยได้พบได้เห็นในเว็บบอร์ดสาธารณะหรอกนะครับ ส่วนใหญ่ขายเสื้อ ขายของที่ระลึกเพื่อสังคมของตนเองกันทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองไปเสิร์ชหาดูได้ครับ
ดังนั้น..
ได้โปรดอย่าให้ใครชักนำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียเลยครับ ..ผมขอร้องล่ะ..
ผมในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการและรับผิดชอบโครงการนี้ก็รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ และยิ่งกังวลใจเพิ่มเมื่อเห็นคณะทำงานชุดใหม่ที่มีผู้สนับสนุนล้นหลาม ยังไม่ได้ทันทำงานก็มีเสียงกระแนะกระแหน บั่นทอนความรู้สึกขึ้นมาเสียแล้ว
บอร์ดสาธารณะก็จริง แต่จะเว้นเรื่องดีงาม เรื่องงานบุญ งานกุศลไว้สักอย่างมิได้เชียวหรือ?
ความดีงามที่ควรเป็นกุศลบุญ สุดท้ายก็จะกลายเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวกันไป อย่าทำเลยดีกว่านะครับ
การอาสาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะทำงาน แม้จะไปกันไม่ตลอดรอดฝั่ง แต่ผมถือว่า ความตั้งใจตั้งแต่ต้นในการอาสาสมัครทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทนนั้น เป็นความงดงามของจิตใจของคนผู้นั้นอยู่แล้ว ผมจึงให้เกียรติผู้ร่วมงานเสมอ ไม่เคยนำเรื่องความขัดแย้งในระหว่างการทำงานมาเปิดประเด็น ผมถือว่า นี่เป็น..
มารยาทแค่ขอรับประกันได้เลยครับว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการทำหนังสือยังไงก็ไม่ชิน ไม่หนักหนาอะไร หากทำใจยอมรับมันและใช้ความอดทนอดกลั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของการทำงาน เป็นการขัดแย้งกันทางความคิดแต่ไม่มีเรื่อง แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝงแน่นอนครับ เว้นแต่จะมีคนคิดกันไปเอง ซึ่งก็คิดกันได้ทุกเรื่องทุกราว ทุกแง่ทุกมุมแหละครับ ถ้าอยากจะคิด มันก็จินตนาการไปได้หมด แม้แต่หนังสือเล่มใหม่ ยังไม่ทันไรก็คาดการณ์กันว่า มีใครอยู่เบื้องหลังคอยฉกฉวยประโยชน์เสียแล้ว
เรื่องผลประโยชน์แอบแฝง ในโครงการดีๆ อย่างนี้ แม้แต่แค่คิด ก็เป็นบาปเป็นกรรมแก่คนผู้นั้นไปตลอดชีวิตแล้วครับการตรวจสอบเป็นเรื่องดีครับ หากทำด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ ผมก็ขอน้อมรับไว้พิจารณาทุกเรื่องราว แต่อย่าใช้คำพูดดูหมิ่น ดูแคลนกัน เพราะอาจทำให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ เข้าใจผิด แต่ผมเชื่อว่า ผู้ที่อยู่ในบอร์ดมานานแล้ว เป็นวิญญูชน มีวิจารณญาณ และปัญญาทัศนะอันบุคคลปกติพึงมี จะเข้าใจ และรู้ถึงเจตนาของผู้ที่ต้องการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น
ซึ่งผมยังมองไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ที่พวกเขาจะได้รับในทางร่มเย็นเป็นสุขเลย นอกจากทำลายความน่าเชื่อถือของคณะทำงาน และบอร์ดแห่งนี้ (สุดท้ายก็..ความน่าเชื่อถือของตัวเอง)
ตอนนี้กองบรรณาธิการก็เหลือ ผมกับน้องเม่ย aiwen^mei แค่สองคนเท่านั้น ซึ่งผมก็เห็นใจน้องเขามาก ตอนนี้ต้องแบกรับภาระทั้งเรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรจิตใจ ในเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง
อีกคนหนึ่งที่ถูกลากมาเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ และอยู่ในสภาวะน่าเห็นใจไม่แพ้กัน คือ คุณอ้อ ซึ่งเราจ้างเขาจัดทำรูปเล่มของหนังสือเล่มนี้และได้ชำระเงินไปให้เธอจนครบถ้วนแล้ว
คุณเธอก็ดีซะเหลือเกิน นำหนังสือไปฝากขายที่ศูนย์หนังสือจุฬา ในบัญชีของตนเอง เพราะทีมงานไม่มีบัญชีผู้ฝากขายเปิดอยู่ เธอรับหน้าที่เคลียร์บัญชีและเงินกับทางศูนย์หนังสือแทนเราแล้วโอนเงินให้ด้วย ส่วนนี้ ทำให้เราฟรีครับ ไม่ได้ตังค์สักบาทเดียว ตอนนี้ผมขอให้เธอเอาบัญชีมาแสดงด้วย เพราะมีผู้ข้องใจว่าไม่โปร่งใส
ได้คุยกับเธอก็เห็นใจครับ เพราะผมเป็นผู้ชักนำเธอให้มาร่วมงานกับเรา เพราะเธอเคยเป็นแฟนประจำกระทู้เก่าของผมที่พันทิป เคยช่วยผมทำหนังสือ ร้อยฝันพันทิปจนโด่งดัง เป็นมืออาชีพทางด้านนี้มายาวนาน
เธอเล่าให้ฟังว่า..
เมื่อได้รับคำขอจากผมและเม่ยให้ปิดบัญชีหนังสือที่ศูนย์หนังสือ เธอก็ได้ทำให้แล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้น เธอป่วยหนัก ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายเดือน ทำงานไม่ได้เลย หลังจากหายดีแล้ว ก็ต้องหางานใหม่ ก็ขายบ้าน ย้ายบ้านใหม่มาอยู่กับแม่ และเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็มาเสียคุณพ่อไปอีก เรียกว่า ทั้งปีที่ผ่านมา มีแต่มรสุมรุมเร้า แทบเอาตัวไม่รอด มาเจอพวกเราเร่งรัดงานซึ่งเธอลงทุนลงแรงทำให้โดยไม่หวังอะไร ก็เล่นเอาควันออกหูไปเหมือนกัน
ส่วนเรื่องหนังสือที่มีผู้ไปสืบค้นว่า ทางศูนย์หนังสือแจ้งว่า
หนังสือหมด ไม่มีขายแล้วนั้น
ข้อเท็จจริง หาได้ขายหนังสือไปจนหมดไม่เราฝากหนังสือไว้กับเขา 110 เล่ม คาดว่า จะขายไปได้ครึ่งเดียว ที่เหลือ เมื่อได้รับการแจ้งว่า “ขอปิดบัญชี” เขาจะสั่งถอนหนังสือกลับจากสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ มายังคลังส่วนกลางเพื่อเคลียร์สต็อกให้เรา ช่วงเวลาดังกล่าว จะไม่มีหนังสือเพื่อขายอีกต่อไป
แล้วจังหวะที่เราขอปิดบัญชีนั้น เป็นช่วงที่ทางศูนย์หนังสือย้ายที่ทำการใหม่อีก จากข้างสนามศุภชลาศัยมาอยู่ที่จามจุรีสแควร์ ก็ยิ่งทำให้เกิดความล่าช้าไปใหญ่
หลังจากเคลียร์บัญชีให้เราได้แล้ว (ซึ่งปกติกินเวลานานมาก ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ทุกเอเย่นต์เหมือนกันหมดครับเพราะเขาจะต้องแน่ใจว่า ไม่มีหนังสือเหลือตกค้างจริงๆ จึงจะจ่ายคืนเรา) เขาจะนัดวันให้ไปรับหนังสือคืนและเคลียร์เงินส่วนต่างให้ หากเราไม่ไปรับหนังสือคืน ปกติที่นี่เขามีโครงการบริจาคประจำปีให้ห้องสมุดต่างๆ อยู่แล้วครับ ดังนั้น..สบายใจได้ว่า เราได้ทำบุญทำกุศลแน่ (ยังไงนโยบายนี้ ขอให้เช็คกับทางศูนย์อีกทีนะครับ เพราะผมเคยฝากขายนานมาแล้ว)
หนังสือที่ค้างและเงินที่ค้างอยู่ก็ไม่เยอะหรอกครับ แต่มันปิดบัญชีไม่ได้ซักทีเพราะอำนาจทั้งหลายในการจัดการมิได้ขึ้นอยู่ที่เราต่างหาก
แต่เอาล่ะ..เมื่อผมได้รับทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว และเห็นว่า การคั่งค้างต่อไปอาจสร้างความลำบากใจให้กับบางคนเป็นอย่างมาก ผมก็ขอประกาศแนวทางการปิดโครงการเอาไว้ เป็นดังนี้..
--เงินที่คงเหลือในสมุดบัญชีของเราทราบว่า มีจำนวนประมาณ 5,660 บาท (ยังไม่ได้หักค่าพาหนะ และค่าไปรษณีย์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า)
--หนังสือตกค้างกับศูนย์หนังสือจุฬา ไม่ทราบจำนวนแน่นอน แต่คะเนได้ครับว่า ประมาณ 50 เล่ม (ผมไม่แน่ใจว่า ทางศูนย์หนังสือมีการกันหนังสือไว้ 10% เป็นโปรโมชั่นหรือเปล่า )
--เงินคงค้างที่ทางศูนย์ยังไม่เคลีรย์ให้ คิดว่าไม่น่าจะเกินหนึ่งพันบาท เพราะเราเคลียร์ยอดใหญ่ในช่วงที่หนังสือพีคไปแล้วสองครั้ง ถ้ายอดหนังสือยังเดินอยู่ ทางเราคงไม่ขอปิดบัญชีหรอกครับ
เพื่อให้เรื่องนี้ไม่ติดขัดและสร้างความล่าช้า ผมจะขอให้น้องเม่ยบริจาคเงินคงเหลือในมือให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาสไปเลย 5,500 บาท ส่วนผมจะเติมเงินส่วนตัวให้เต็มจำนวน 9,999 บาท เท่ากับที่เราบริจาคทุกครั้ง ซึ่งน่าจะมากกว่าเงินที่รอคอยจากศูนย์หนังสือเสียอีกหากมีเงินจากศูนย์หนังสือเข้ามาเมื่อใด ก็ให้น้องเม่ยแจ้งจำนวนแน่ชัดให้สมาชิกทราบผ่านการขุดกระทู้นี้ และอย่าลืมถ่ายหลักฐานการจ่ายเงินของทางศูนย์ให้สมาชิกที่นี่รับทราบด้วย (เช่นเดียวกับที่ผ่านๆ มา ขอร้องคุณอ้อให้ขอหลักฐานมาแสดงด้วย)
--หนังสือในมือของน้องเม่ยที่เหลืออยู่ในสต็อก (ประมาณ 300 เล่ม) มีเท่าไรให้จัดทำรายละเอียดออกมา ตั้งแต่ที่เรามอบให้กับสื่อมวลชนผ่านลุงแคนและมอบให้กับกลุ่มพันธมิตรผ่านตัวแทนแกนนำพันธมิตรด้วย
จำนวนที่เหลือสุทธิให้ดำเนินการส่งมอบให้กับทัณฑสถานเยาวชนทั่วประเทศ เพื่อให้เยาวชนที่หลงผิดมีจิตสำนึกต่อสังคมที่ดีขึ้นกว่าเดิม และทราบมาว่า ขาดแคลนหนังสือในห้องสมุดมากมายด้วย
การส่งมอบให้ทัณฑสถานเยาวชนทั่วประเทศ ซึ่งมีเกือบร้อยแห่ง ไม่จำเป็นต้องส่งไปรษณีย์นะครับ ให้นำหนังสือไปมอบให้กับผู้แทนของกรมราชทัณฑ์ที่ปากเกร็ด เขาจะดำเนินการทุกอย่างให้เราตามวัตถุประสงค์ และอย่าลืมขอใบตอบรับการรับมอบด้วย (ขออภัย ค้นหาชื่อเจ้าหน้าที่และเบอร์ไม่เจอ)
อีกแห่ง คือ ศูนย์ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย ของกระทรวงศึกษาธิการนะครับ เขาจะส่งหนังสือเราไปยังห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ ลองโทร.ไปที่ 02 2829098 ถามหาอาจารย์รุ่งนภา หรือไม่ก็ที่ท่านผอ.คุณ กษมา ยุกตทัศน์ เบอร์โทร.02 6285593 ไม่ทราบว่า ท่านย้ายไปหรือยัง
อีกแห่ง..คือ ห้องสมุดของสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ ผ่านทางคุณพรเพ็ญ ยอดยิ่ง หน้าห้องของท่านปลัดกท.ศึกษาธิการ เบอร์โทร. 02 2816350
ถ้าท่านเหล่านั้นย้ายไปแล้ว ก็ใครก็ได้ครับที่ทำการแทน
ทั้งหมดนี้ ถ้าน้องเม่ยเข้ามารับทราบเมื่อใด ก็ดำเนินการได้เมื่อนั้น และคาดว่า
น่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้หลักฐานและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง น้องเม่ยจะนำมาแปะไว้ในกระทู้เพื่อรับทราบโดยทั่วกัน
น่าจะจบกันได้เสียทีนะครับสำหรับโครงการจัดทำหนังสือครบรอบหนึ่งปีของเสรีไทยเว็บบอร์ด
"ยังไงก็ไม่ชิน"**************************
เรื่องที่สองที่ขอฝากให้คณะผู้จำทำหนังสือเล่มใหม่
อยากจะเรียนว่า ขบวนการเสรีทยเว็บบอร์ด กับ เว็บไซต์ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด เป็นองค์กรที่แยกส่วนกันโดยเด็ดขาดนะครับ
ขบวนการที่ผมเป็นหัวหน้าและผู้ก่อการ ปัจจุบันผมได้ปิดกิจกรรมขององค์กรไปเป็นการชั่วคราว เพราะเราตั้งขึ้นมาต่อต้านระบอบทักษิณ เมื่อเห็นว่า ระบอบนั้นได้ถูกสังคมและการเมืองทำลายล้างจนปัจจุบันง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้ว ไม่อาจลุกขึ้นมาทำร้ายสังคมได้อีก ก็ถือว่า..วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งได้บรรลุไปแล้ว ตามปณิธานที่ให้ไว้แต่ต้น หาอ่านได้จากบทนำในหนังสือยังไงก็ไม่ชิน
ส่วนเว็บบอร์ดแห่งนี้เป็นสื่อกลางที่คนหลากหลายในสังคมใช้ร่วมกัน คนรักทักษิณ หรือ พันธมิตร หรือไม่ฝักใฝ่ใคร ก็มาอยู่ร่วมกันที่นี่ได้ ภายใต้กรอบกติกาที่เว็บมาสเตอร์กำหนด
ดังนั้น..
การนำไปอ้างอิงในหนังสือ ขอให้คำนึงถึงจุดนี้ด้วยนะครับ
และส่วนตัว ขอสนับสนุนกิจกรรมที่ดี มีประโยชน์อย่างนี้ต่อไป
**********************
ในส่วนของผมเอง ห่างหายไปจากหน้าเว็บบอร์ดแห่งนี้ไปนาน แต่ความผูกพันมิได้จืดจางลงไปแต่อย่างใดเลย ยังเป็นเสรีชนเต็มเปี่ยม แต่เห็นว่า สภาวะทางการเมืองขณะนี้ ดำเนินไปตามวิถีทางอันสมควรจะเป็นแล้ว ไม่มีแรงบันดาลใจที่มากพอที่จะทำให้ผมเข้ามาตั้งกระทู้พูดคุยเรื่องการเมืองที่นี่ หรือ ที่ไหนๆ อีก
สู้นำเวลาในการตอบโต้กันในกระทู้ไปใช้เพื่อประโยชน์กับสังคมส่วนรวมในแง่อื่นดีกว่า ซึ่งผมก็ทำงานสำเร็จไปหลายอย่างแล้ว และยังคงมุ่งหน้าทำต่อไปครับตราบใดที่ยังทำไหว
ในเดือนหน้าจะมีหนังสือที่ผมเขียนเองเปิดตัวในงานหนังสือแห่งชาติ ชื่อเรื่อง "ความลับหุบผามังกร" หรือThe Secret of Paragon ใช้นามปากกาว่า ปริณดา
ความลับหุบผามังกร..
เป็นเรื่องราวของพ่อมดน้อยอายุ 17 ที่พลัดหลงเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่ชื่อว่า The Paragon
ซึ่งเป็นดินแดนของชาวมังกรที่ต้องคำสาปของพ่อมดเมอร์ลินมากว่า 1000 ปีแล้ว โดยในพารากอน มังกรจะมีร่างกายเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ถ้าออกไปจากพารากอนก็จะเป็นมังกรตัวสีเขียวๆ
เด็กหนุ่มต้องอาศัยเวทมนตร์พ่อมดที่เรียนรู้มาอย่างกระท่อนกระแท่นช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากข้อกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร และต้องสืบหาตัวฆาตกรตัวจริงอย่างลับๆ ร่วมกับเพื่อนๆ ชาวมังกรของเขา
และแล้วความลับที่ถูกปกปิดมาเป็นเวลาช้านานก็ถูกเปิดเผยออกมา
เป็นนวนิยายสืบสวนสอบสวนที่ต้องอาศัยสติปัญญามาแก้ปัญหาทีละเปลาะๆ มากกว่าใช้เวทมนตร์เสกโน่นเสกนี่ตามแบบฉบับของนวนิยายพ่อมดแฟนตาซีทั่วๆ ไป
ความหนาประมาณ 385 หน้าพ็อกเก็ตบุคครับไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครับ เป็นวรรณกรรมเยาวชน ที่ผมขายลิขสิทธิ์ให้กับสนพ.ประพันธ์สาส์นไปแล้ว เงินที่ได้จากค่าลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ก็พอสมควรแก่ความสามารถอยู่
และจะส่งมอบเงินจำนวนนี้กลับคืนสู่สังคมให้เด็กด้อยโอกาสผ่านองค์กรการกุศลต่างๆ ทุกบาททุกสตางค์โดยไม่หักค่าใช้จายส่วนตัวเช่นเดียวกับงานเขียนของผมทุกชิ้นงานที่ผ่านมาที่ผมเปลี่ยนแนวมาเขียนวรรณกรรมเยาวชน ก็เพราะสามารถเข้าถึงเด็กทุกเพศทุกวัยมากกว่าวรรณกรรมประโลมโลก และ บทความทางการเมือง
(อย่างหนังสือยังไงก็ไม่ชิน ไม่กล้าแจกเด็กนักเรียนในชนบทครับ พวกเขาบริสุทธิ์เกินไป)
ในส่วนของนักเขียนสามารถซื้อหนังสือได้ในราคาลด 25% หากใครสนใจ ก็ขอให้แจ้งผ่านอีเมล์ของผมได้ที่
bonnythai@hotmail.com ราคาปกผมยังไม่รู้เลยครับเพราะไม่มีหน้าที่จัดการตรงนั้น แต่เมื่อหนังสือออกแล้ว ผมจะแจ้งให้ทราบพร้อมกับจัดส่งให้ (หรืออาจให้ประพันธ์สาส์นจัดส่งให้) ทางไปรษณีย์โดยผมจะออกค่าไปรษณีย์ในประเทศให้เอง
ใครที่คิดว่าผมจะหลอกเงิน หรือหลอกขายของก็อย่าสั่งจองเข้ามาเลยนะครับ ผมคงไม่ตอบโต้ใดๆ เพราะขี้เกียจจริงๆ ให้ตายเหอะ
เพื่อนๆ ที่ยังชื่นชอบงานเขียนของผมอยู่ก็ขอให้โปรดรับหนังสือนี้ไว้พิจารณาด้วยก็แล้วกันนะครับ บุญกุศลที่ทำร่วมกับผมในครั้งนี้ก็ขอให้ท่านจงประสบความสุขความเจริญตลอดไปเทอญ