**กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby 1l7t2 » Wed Feb 18, 2009 7:52 pm

แม่กระจั๊ว น่าจะเป้น แม่ชี เพราะ อิจฉา อิจฉา ความสุขของคนเวปนั้น
หัวหงอก หัวดำ สุมหัวกันอยู่ มีความสุข

คนกระทู้นี้ ไป อิจฉา ไง มีอยุ่คนเดียวที่ชอบคิดว่า คนอื่นเขาอิจฉา นะ

คนเดียวกับ คนปากพล่อย

ฮาาาาาาา :mrgreen: :mrgreen:
1l7t2
 

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby แม่ชีกายสิทธิ์ » Wed Feb 18, 2009 9:10 pm

soco wrote:นมัสการเรียนถามแม่ชีฯ ลูกน้อยยังข้องใจอีกเรื่อง และไม่ใช่เรื่องสุดท้าย

เรื่องฝากเงินไปทำบุญ เมื่อได้ฝากแล้ว และบุญนั้นก็ได้ทำไปแล้ว

ควรจะหมดเรื่องหมดราว หรือว่าต้องทวงยิก ๆ ๆ บอกต้องไปทำอีก ๆ

โดยที่บุญนั้น ก็ได้รับไปแล้ว ยังคาดเค้นให้ผู้นำบุญ ซึ่งผู้นำบุญไปส่งเพียงแต่ต้องการทำกุศล

ผู้ทำบุญแบบหวังแค่บุญลักษณะนี้จะกลายเป็นบาปมั๊ยครับ :?: (ทำบุญนะครับไม่ใช่หาสามีถึงต้องโทรกลับ ) ;)

ส่วนผู้มีจิตศรัทธาท่านอื่นหากมีความประสงค์จะทำบุญอีก ก็คงไม่ได้แล้ว

เพราะพวกคนบาป บอกว่าให้ปิดการทำบุญได้แล้ว ( หากไม่รีบปิด ต่อไปมันก็จะทวง ยิก ๆ ๆ อีก เชื่อเห๊อะ )


พวกเหล่านี้ หากเป็นบาป จะไปตกนรกที่ขุมใดครับท่านแม่ชี ? :?:

เอ่อ หม้ายมนต์ดำ อย่าเสกเถิกธนู มาใส่ผมนา ยิ่งรูปตัวลายดอก ก็อย่าเอามาเพ่นพ่านมากนัก

ไม่ดี ๆ

อนึ่ง หากแม่ชี จะทำผ้ายันต์แจก ก็จะดีไม่ใช่น้อย เพื่อเอาไปปะหน้าผากคน ถือว่าทำกุศล ละกันครับ พวกนี้จะได้หูตาสว่างมาบ้าง :idea:


จาก ซิสเตอร์เมอทิล

เมื่อเช้าแม่ไปสวดมนต์ทำวัตรเช้ากับคนไทยในแคมป์คนงานที่ฟิลิปปินส์
ดีมากเลยโยม กำลังใจของพวกเขานั้นดีมากๆ แม่ไปให้โอวาทเขา
ถ้าเขาไม่เล่นการพนัน ไม่หลงตัวเอง รับรองได้เขามีเงินกลับบ้านเรา
เพื่อเป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูลไปได้อีกนานเลยหละโยม

ดวงจิตของโยมโซโก้นั้น แม่สัมผัสได้ถึงความยุติธรรม แต่ในคราวเดียวกัน
แม่ก็สัมผัสได้ถึงความโกรธขึ้ง เร่าร้อนอยู่บ้าง แม่ก็พอจะเข้าใจว่าทำไม
ถึงเป็นเช่นนั้น แต่ก็จะขอเตือนโยมอีกครั้งก็แล้วกันนะโยมนะ ใจเย็นๆ
ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกโยม

เรื่องบุญกับบาปนั้น เราต้องแยกกันให้ออกนะโยม บุญก็ส่วนบุญ บาปก็
ส่วนบาป เมื่อคนเราได้ทำบุญไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการให้ทานในรูปแบบ
ใดก็ดี ถ้าใจเรามีความปีติ มีความอิ่มเอิบ นั่นก็เท่ากับว่าเราได้เข้าถึงบุญ
แล้วในระดับหนึ่ง (แม่ขออธิบายอย่างหยาบนะลูกนะ อย่างหยาบก็หมายถึง
กายของเราที่หยาบ ใจของเราที่หยาบ ที่เราจับต้องได้ สัมผัสได้ รู้สึกได้
เท่านี้แหละ ยังไม่ต้องไปถึงขั้นสูงๆ หรอกนะ) ความอิ่มเอิบ ความปีตินั้น
จะคงอยู่กับเราไม่มีใครสามารถแย่งชิงมันไปได้หรอกนะโยม นอกจากตัว
ของเรา ใจของเราเอง

ทีนี้เรามาดูกันว่า บาปมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างในกรณีที่โยมยกตัวอย่าง
มานั้น บุญได้เกิดขึ้นไปแล้ว อิ่มเอิบ และปีติไปแล้ว แต่ใจของเรานั่นเอง
ที่มันไม่ดี อาจจะเหลือบไปเห็นอีตอนที่เราทำบุญนั่นแหละ ว่าไม่น่าทำเลย
บาปมันก็เลยเกิดขึ้นตอนนั้นเอง หรือมามองเห็นทีหลังว่าไม่น่าทำไปเลย
บาปมันก็พึ่งเกิดตอนนั้นนั่นเอง แต่ถ้าเราวางเฉย จับให้มั่นอยู่ตรงความ
อิ่มเอิบ กับความปีติ เราก็จะได้บุญนั้นๆ อย่างเต็มที่ ทั้งหมดมันอยู่ที่การ
ฝึกฝนน่ะโยม

แม่เคยสอนเด็กๆ ให้รู้จักการให้ การแบ่งปันกัน แล้วสังคมของเราก็จะ
มีความสุข เมื่อเด็กๆ เหล่านั้นโตขึ้นมา จิตใจของเขาเปลี่ยนไป จิตใจ
ของเขาซับซ้อนมากขึ้น วิเคราะห์ มากขึ้น หยาบมากขึ้น และก็ละเอียด
มากขึ้น หลายคนมาถกปัญหาเรื่องการให้ทานกับแม่ ส่วนใหญ่ก็จะเหมือน
กับโยมโซโก้นั่นแหละ เมื่อเขามาพบทีหลังว่า การให้ของเขานั้น เป็นการให้
ที่เขารู้สึกผิด เช่น

ลูกของแม่คนหนึ่งเปิดประเด็นเรื่องการให้เงินขอทาน เด็กคนนี้ไม่สนใจเลยว่า
เขาจะเอาเงินไปทำอะไร เด็กคนที่ขอทานเอามานั้น จะเป็นเด็กที่ขโมยมาหรือไม่
เขาไม่สน เขาจะให้ เขาก็บอกว่า ขอเก็บแต่บุญอย่างเดียว

ลูกของแม่อีกคนหนึ่งก็แย้งว่า ถ้ารู้อย่างนั้นแล้ว เขาก็จะไม่ให้ แต่ถ้าไม่รู้ไม่เป็นไร
และถ้ารู้แล้วก็จะไม่สบายใจ กลายเป็นบาปไปเปล่าๆ

ลูกอีกคนหนึ่งบอกว่า ไม่เคยให้เลย เพราะได้ดูข่าวจากสื่อต่างๆ เพื่อนๆ เคย
เล่าให้ฟังว่า พวกนี้เขาตั้งเป็นแกงค์กันเลย ยอมไม่ให้ดีกว่า บุญก็ไม่เอา
บาปก็ไม่เอา

จิตของเรา ใจของเรา กายของเรา ไม่มีใครเอาไป หรือทำอะไรได้หรอกโยม
ทุกอย่าง เราเองนั่นแหละ ล้วนเป็นผู้กำหนดมันเอง โลกนี้ก็ไม่ใช่โลกของเรา
วันก่อน แม่ต้องไปคุยกับ จอร์จ บุช แม่ไปขอร้องเขาให้คุยกับอิสราเอลให้
เบาๆ มือหน่อย ความจริงแม่เหาะไปใช้เวลานิดเดียวเอง แต่เผอิญว่า วันนั้น
ยังพอมีเวลาเหลือ ยังไม่ถึงเวลานัด แม่เลยแวะไปนั่งสมาธิบนดาวอังคาร
พอแม่มองลงมายังโลกของเรา แม่มองแทบจะไม่เห็นเลย มหาสมุทรที่เรา
คิดว่ากว้างใหญ่ แม่กลับมองไม่เห็น แม่เลยมองย้อนกลับไปกลับมา ระหว่าง
ตัวเองกับจักรวาลที่เราอยู่ แม่รู้สึกว่า แม่คือผงเล็กๆ ซึ่งเล็กมากๆ เล็กจน
เมื่อเทียบกับห้วงจักรวาลแล้ว มันไม่มีค่าอะไรเลย

แม่ต้องทำว้ตรเย็นแล้ว แล้วจะมาสนทนาธรรมกับโยมโซโก้อีกนะ

อาเมน
User avatar
แม่ชีกายสิทธิ์
 
Posts: 23
Joined: Mon Feb 16, 2009 11:05 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby see-u » Wed Feb 18, 2009 9:46 pm

* เอาตัว กระจ๊วะ ไม่แยกเพศ.. มาเป็นภาพประกอบ คห. คุณ loginofu

Image

แม่ชี .. และลูกกระจ๊อกทั้งหลายจ๋า พยายามอีกนิดนึงนะค่ะ
เผื่อความฝันของแม่ชีจะเป็นจริง เหมือน ๆ กะ ความฝันของ ไอ้ แม้ว ที่คิดจะกลับมาเป็น นายก :lol:
เอ๊า .. เบี่ยงประเด็นมันเข้าไป ให้คนเขาดุถูกไอ้พวกที่ มุดหัว อยุ่ใน รู .. ไม่กล้ามาตอบคำถามเสียที
:lol: :lol: :lol:

ปล. สมเพช จริง ๆ กะคนที่ต้องเปลี่ยนล็อคอินเข้ามาตอบ :lol:
* See - U Never Die *

** ข้ออ้างจากพวกหิวคะแนน..

แมงสาบ : ไม่เลือกเราเขา (แม้ว) มาแน่
ตะกวดแดง : เลือกเรา "แม้ว"จะกลับมา


ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา : ถ้าไม่มีคนดีก็ไม่ต้องเลือก พรรคการเมืองอย่าดูถูกประชาชน
User avatar
see-u
 
Posts: 5073
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:04 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby อธิฏฐาน » Wed Feb 18, 2009 11:24 pm

1l7t2 wrote:แม่กระจั๊ว น่าจะเป้น แม่ชี เพราะ อิจฉา อิจฉา ความสุขของคนเวปนั้น
หัวหงอก หัวดำ สุมหัวกันอยู่ มีความสุข

คนกระทู้นี้ ไป อิจฉา ไง มีอยุ่คนเดียวที่ชอบคิดว่า คนอื่นเขาอิจฉา นะ

คนเดียวกับ คนปากพล่อย

ฮาาาาาาา :mrgreen: :mrgreen:


มีอะไรเลิศเลอถึงกับให้คนอื่นอิจฉาได้หรือคะ
หากใครอยากจะร่วมสนุกกับเขาก็ล็อคอินเข้ามาเลยค่ะ อย่าเป็นอีแอบ

ใครอยากได้การเมืองใหม่มันต้องโปร่งใส
และหัวใจธรรมาภิบาลค่ะ
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby 1e8gxhq » Thu Feb 19, 2009 12:00 am

เห็นแม่กะจั๊ว บอกว่า พวกทู้นี้ เป็นพวกขี้อิจฉา

จาก ซิสเตอร์เมอทิล

ที่แม่เหาะมาโปรดพวกลูกๆ เกือบทุกวัน เพื่อจะจี้ต่อมอิจฉาให้มันฝ่อตัวเหมือน
ต่อมฮอโมนส์ของลูกที่มันฝ่อตามวัยไปแล้ว ลูกๆ กินฮอโมนส์เสริมบ้างนะ
ไม่อย่างนั้นอารมณ์มันจะแปรปรวนแบบนี้แหละลูกๆเอ้ยยย...

ลูกดิ้นรนจะพบกับโยมบอนนี่ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากคุยด้วยเพราะลูกเอ้เป็นคนไร้ราคา
ก็ออกมาด่าเขาไม่เลิก วิ่งเข้าไปเว็บโน้นเว็บนี้สอดสายตาขี้อิจฉาของลูกไป
ทั่วมันบาปนะลูกเอ้ เขาก็บอกแล้วว่าสิ้นเดือนจะแถลงปิดงบลูกเอ้ก็ไปจี้เขาด่าเขาตลอด
เขาไม่ตอบโต้ก็ไปว่าเขาหนีหน้า พวกเขาไปหาความสุขกันคุยกันเฮฮาก็เข้าไปอิจฉาเขา
ถึงเว็บโน้น


viewtopic.php?f=2&t=4436&start=250

:mrgreen: :mrgreen:

มีคนเดียวที่ชอบคิดว่า คนอื่น อิจฉา ......คงเป็น แม่กะจั๊ว

------------------- ล๊อกอินนะ ไม่ยาก กระจั๊ว ยังใช้ชื่ออื่นมา ด่า :mrgreen: :mrgreen:
1e8gxhq
 

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby คนกวาดขยะ » Thu Feb 19, 2009 12:07 am

เรื่องราวก็ไม่ได้ถึงกับคอขาดบาดตาย

แต่ยังทะเลาะกันไม่เลิก เอาแต่สาวไส้ให้กากิน

งานการเมืองใหญ่ก็ใช่ว่านิ่งแล้ว ยังไม่อาจวางใจได้

แต่นี่กลับมาทะเลาะกันจนยับเยินกันทั้งสองฝ่าย

ไม่อายพวกแดงที่เข้าเป็นฝูงในช่วงนี้หรือ

ผมน่ะอายมาก โคตรเซ็งเลยว่ะ

ต้องของยืมคำไอ้เหี้ยแดงมาใช้หน่อย


ถ้าฝ่ายเราเป็นอย่างนี้


"สิ้นชาติสิ้นแผ่นดินแน่นอน"

หยุดกันเสียทีได้มั๊ยยย
คนกวาดขยะ
Moderator
 
Posts: 878
Joined: Mon Oct 20, 2008 12:24 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby (ลุง)ถึก สไลเดอร์ » Thu Feb 19, 2009 12:46 am

จะไปอายทำไม ระหว่างรอเหตุการณ์บ้านเมือง เป็นคนกวาดขยะทั้งที
ก็ต้องทำบ้านเรือนของตัวเองให้สะอาดเสียก่อนใช่เปล่า ขยะบ้านยังไม่สะอาด
แล้วจะไปกวาดขยะเมืองได้อย่างไร......เอิ้กกกกกกก

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ความคิดเสรีเป็นสิ่งที่ดี แต่ความคิดที่ถูกต้องย่อมประเสริฐกว่า
User avatar
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
 
Posts: 355
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:08 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby loginofu » Thu Feb 19, 2009 12:55 am

เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ อิจฉาครับ เอ๊า ก็บอกว่าอิจฉาไง อิจฉาจริงๆ เชื่อกันบ้างเถอะ
ก็แบบว่าเห็นคนที่ชอบบอกคนอื่นว่าคนโน้นคนนี้อิจฉา มักจะเป็นกระจั๊วขี้อิจฉาซะเอง
ไอ้กระผมตัวก็ไม่สูงหรอก แต่ก็ยังไม่เคยมองจากมุมต่ำขนาดนั้นซักที
เลยอยากจะลองดูกระจั๊วอายวิวบ้าง

อืม...ก็ยังไม่เห็นแฮะ สงสัยต่อมอิจฉาผมยังไม่โตพอ
ขอตัวไปฝึกเพิ่มขนาดต่อมขี้อิจฉาใหม่ก่อนนะครับ แล้วจะมาเล่าประสบการณ์ กระจั๊วอายวิวให้ฟัง
เอ...แต่กระจั๊วน้อยกับกระจั๊วอื่นๆคงไม่อยากฟังแล้วมั๊ง ก็เห็นมาจนชินแล้วนี่
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby superager » Thu Feb 19, 2009 2:57 am

เห็นด้วยกับลุงถึกนะครับ บ้านเรายังไงๆก็ต้องกวาดให้สะอาด แต่มาทะเลาะกะพวกล็อกอินผีที่ไม่รู้ว่าใครพวกนี้ ผมว่ามันจะทำให้เลอะเทอะเปล่าๆ พวกเราก็เสียเวลาไปตอบโต้ไปเปล่าปลี้ๆ เอาเวลาไปจัดการขยะที่ลายจุดมันโกยมาดีกว่า

ขออนุโมทนาแม่ชีและบรรดาล็อกแปลกๆด้วยนะครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมีเจตนาอะไร หยุดเถอะครับ ที่คุณทำแบบนี้ไม่ได้มีประโยชน์กับคนที่จะต้องมาชี้แจงครับ มีแต่จะเพิ่มความขัดแย้งระหว่างพวกเค้าอีก ผมว่าคุณก็ไม่มีเจตนาดีสักเท่าไรหรอกนะ

กระทู้นี้ผมก็รอแค่คุณเม่ยมาปิดบัญชีกับยอดหนังสือแล้วก็จะเลิกเข้ามาอ่านแล้ว ก็ไม่น่าจะนานเกินรอ ;) ใจร่มๆไว้ครับ ยอมรับนะว่าแอบเชียร์คุณเม่ยด้วยความว่าสนิทกันมานาน แต่ผิดถูกก็ว่าไปตามนั้น

ผมเชื่อว่าในท้ายที่สุดก็คุณเม่ยน่าจะปิดยอดได้ ตอนนี้พ้นเส้นตายสั่งหนังสือรอบสุดท้ายไปแล้ว อีกสักพักเธอคงจะมาแจ้งยอดที่เหลืออยู่กับตัวเธอหลังจากจัดส่งครั้งสุดท้ายและสรุปยอดที่ขายออกไป แล้วก็จบด้วยยอดของศูนย์หนังสือจุฬาที่เก็บคืนมา ที่เหลือก็ไปบริจาคห้องสมุดต่างๆ ถ้าสรุปได้ดีผมว่าเพื่อนสมาชิกคงไม่ติดใจอะไรนะครับ

ส่วนของคุณบอนนี่ผมคงไม่รอหรอก :lol: :lol:
เสรีไทยพ้นภัย ด้วยใจสามัคคี
User avatar
superager
 
Posts: 2520
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:11 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby see-u » Thu Feb 19, 2009 9:13 am

superager wrote:ส่วนของคุณบอนนี่ผมคงไม่รอหรอก :lol: :lol:


* บอนนี่ ... เข้ามาตอบใน กระทู้ นี้ตั้งนานแล้ว

อ่านข้อความที่มีคนใช้ชื่อว่า " ทองเอก " เขียนดูสิ รวมถึงชื่อล็อคอิน " แม่ชีกายสิทธิ์ " นี่ด้วย


ถึงจะแปลงร่างมาเป็นตัวชะนี ... แต่สำนวนบางคำพูดรวมถึงเนื้อหาที่มาโต้แย้ง

ตัดวิวทิวทัศน์ของการบรรยายตัวหนังสือออกไป ... ก็รู้แล้ว
;)
* See - U Never Die *

** ข้ออ้างจากพวกหิวคะแนน..

แมงสาบ : ไม่เลือกเราเขา (แม้ว) มาแน่
ตะกวดแดง : เลือกเรา "แม้ว"จะกลับมา


ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา : ถ้าไม่มีคนดีก็ไม่ต้องเลือก พรรคการเมืองอย่าดูถูกประชาชน
User avatar
see-u
 
Posts: 5073
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:04 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby จีรนุช » Thu Feb 19, 2009 10:51 am

:D รู้ได้ไงว่าบอนนี้ เราว่าถามพี่ริดกินสุดหล่อชัวสุด เพราะเเม่ชีเข้าข่ายป่วน สามารถดูไอพีได้ ถ้าไม่ใช่มันจะยุ่ง เพราะประเทศเรามีมือที่มองไม่เห้น มากมายนะ
รักเเปะลิ้มมากค่ะ
User avatar
จีรนุช
 
Posts: 5689
Joined: Sun Nov 30, 2008 7:34 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby Canthai » Thu Feb 19, 2009 11:11 am

มารุจัง wrote:ขออนุญาตคุณริดกุน copy กฎของเวบมาลงที่นี่ด้วยนะคะ

อ้างอิงจากบอร์ดเก่าค่ะ
http://oldforum.serithai.net/index.php/ ... 300.0.html

กฎการใช้งานเว็บบอร์ด ออก ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2549

1. ห้ามพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่เหมาะสม
2. ห้ามแสดงความเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคาย หรือส่อไปในทางที่ไม่สุภาพ
3. ห้ามเสนอข้อความ เนื้อหา หรือรูปภาพที่ส่อไปทางลามก อนาจาร หรือล่อแหลม หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมโดยทั่วไป
4. ห้ามโจมตีหรือวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายต่อทุกศาสนา
5. ห้ามวิพากษ์วิจารณ์สมาชิกเว็บบอร์ดคนอื่นๆ ในทางเสียหาย
6. วิธีปฏิบัติสำหรับผู้ดูแล เมื่อมีการทำผิดระเบียบ คือ
6.1 ในกรณีที่เป็นกระทู้ ให้ลบทั้งกระทู้
6.2 ในกรณีที่เป็นความเห็น ให้ลบความเห็น และทุกความเห็นที่อ้างอิงความเห็นที่ผิดกฎนั้น
6.3 แจ้งเตือนผู้ที่กระทำผิดกฎ ผ่านทางข้อความส่วนตัว
7. ผู้ที่ได้รับการเตือนการทำผิดกฎมากกว่า 3 ครั้ง ในครั้งแรกจะถูกแบน 3 วัน และติดทัณฑ์บน 14 วันหลังจากนั้น
8. ในกรณีที่เคยถูกแบนแล้ว และมีการทำผิดกฎมากกว่า 2 ครั้งในช่วงที่ไม่ใช่ทัณฑ์บน ให้ลงโทษด้วยการแบน 7 วัน และทัณฑ์บนอีก 30 วัน
9. หากมีการทำผิดกฎระหว่างทัณฑ์บน จะถูกแบนออกจากระบบทันที
10. admin สามารถแบนสมาชิกที่กระทำผิดกฎอย่างรุนแรงได้ทันทีโดยไม่มีกำหนดเลิกแบนในกรณีดังต่อไปนี้
10.1 ใช้ถ้อยคำจาบจ้วงสถาบัน
10.2 ใช้ถ้อยคำหยาบคายทางเพศ
10.3 โพสต์ภาพลามกอนาจาร
10.4 วิพากษ์วิจารณ์ศาสดา รูปเคารพ หรือความเชื่อทางศาสนาในทางเสื่อมเสีย
10.5 เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาเข้ามาสร้างความวุ่นวาย เช่นการ flood กระทู้ หรือพยายามโพสต์สิ่งผิดกฎหมาย

กฎข้อบังคับสำหรับลายเซ็น
1. ลายเซ็นจะต้องมีความสูงไม่เกิน 120 pixel หากมีข้อความใต้รูปด้วย ให้ใช้การคำนวณตามข้อ 2
2. สำหรับข้อความเฉพาะส่วนที่อยู่ใต้รูป นับเป็น 20 pixel ต่อ 1 บรรทัด
3. ห้ามใช้ font ขนาดเกิน 24px

กฎข้อบังคับ เรื่องรูปประจำตัว
1. รูปประจำตัว ให้มีความสูงไม่เกิน 90px

:D :D :D


5. ห้ามวิพากษ์วิจารณ์สมาชิกเว็บบอร์ดคนอื่นๆ ในทางเสียหาย
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby อธิฏฐาน » Thu Feb 19, 2009 11:59 am

นี่คือบางข้อความของแม่ชีกายสิทธิ์

แม่คิดว่าลูกควรไปพบแพทย์หรือไม่ก็แบ่งเทียนพรรษาที่แม่ฝากไว้กับลูกดอกฯ บำบัดบ้างก็น่าจะดีนะลูกนะ หัวจะได้เบาไม่ต้องออกมาแก้ผ้าร้องเพลงกลางถนนแบบนี้
อ้อ..แต่แม่เตือนเอาไว้อย่างหนึ่งก่อนจะใช้อภิมหาเทียนพรรษาต่อจากลูกดอกฯ ก็ล้างให้ดี
ก่อนนะลูก เรื่องแบบนี้ต้องปลอดภัยไว้ก่อน


10.2 ใช้ถ้อยคำหยาบคายทางเพศ

ลุงแคนมองเห็นหรือเปล่า
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby อธิฏฐาน » Thu Feb 19, 2009 12:03 pm

แม่ชีกายสิทธิ์ wrote:จาก ซิสเตอร์เมอทิล

ที่แม่เหาะมาโปรดพวกลูกๆ เกือบทุกวัน เพื่อจะจี้ต่อมอิจฉาให้มันฝ่อตัวเหมือน
ต่อมฮอโมนส์ของลูกที่มันฝ่อตามวัยไปแล้ว ลูกๆ กินฮอโมนส์เสริมบ้างนะ
ไม่อย่างนั้นอารมณ์มันจะแปรปรวนแบบนี้แหละลูกๆเอ้ยยย...

ลูกเอ้ย...ตอนนี้ลูกยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าพวกลูกกำลังออกมาแก้ผ้ากลางถนน
คนรู้ตัวก็โดดรถหนีลูกกันหลายคนแล้ว ที่อยู่ตอนนี้ก็เหลือแต่คนสองอย่างคือ
โง่กับบ้า และตัวแม่หัวขบวนที่กลับตัวสละเรือไม่ทันเพราะกลัวว่าลูกน้อง
จะหันมาเล่นงาน ใครผ่านไปมาเขาก็ส่ายหัวว่าพวกลูกๆ กำลังเล่นเรื่อส่วนตัว
โดยเอาเรื่องส่วนรวมมาถล่มเขา สวรรค์ทรงเมตาวิญญานบาปของพวกลูกๆ
ด้วยเถิด

แม่เหาะผ่านไปโปรดสัตว์ที่อื่นทีไรพอผ่านหลังคาบ้านลูกๆแม่ต้องเหาะลงมา
ทุกครั้งเพราะรัศมีต่อมอิจฉามันแผ่ซ่านจนแม่อดลงมาโปรดพวกลูกๆ ไม่ได้
ลูกบางคนยังแถไม่เลิก ถ้าลูกย้อนกลับไปอ่านสิ่งที่ลูกเคยเขียนไว้เมื่อเดือน
ที่แล้วมันไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกเขียนไว้วันนี้นะ

วันนี้แม่อยากจะโปรดลูกเอ้ ซียูให้หนักๆ สักหน่อย แม่เพ่งไปในดวงจิตของลูกแล้ว
ต่อมอิจฉาของลูกอักเสบจนบวมขนาดเท่าลูกมะพร้าวเต็มท้องน้อยเหมือนคนอั้นเมนส์
เดือนที่แล้วลูกไปตามไล่จี้เขาในแนวคอรัปชั่นสาดไปหมด แล้วตอนนี้มาบอกว่าไม่ได้
ว่าเขาโกงเปล่าพูดสักหน่อย ไล่จี้เขาเรื่องยอดพิมพ์รายละเอียดต่างๆ ของการพิมพ์
พอรู้ว่าโรงพิมพ์มันเพื่อนของลูกดอกฯ สหายของลูกก็เงียบไป

ลูกดิ้นรนจะพบกับโยมบอนนี่ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากคุยด้วยเพราะลูกเอ้เป็นคนไร้ราคา
ก็ออกมาด่าเขาไม่เลิก วิ่งเข้าไปเว็บโน้นเว็บนี้สอดสายตาขี้อิจฉาของลูกไป
ทั่วมันบาปนะลูกเอ้ เขาก็บอกแล้วว่าสิ้นเดือนจะแถลงปิดงบลูกเอ้ก็ไปจี้เขาด่าเขาตลอด
เขาไม่ตอบโต้ก็ไปว่าเขาหนีหน้า พวกเขาไปหาความสุขกันคุยกันเฮฮาก็เข้าไปอิจฉาเขา
ถึงเว็บโน้น

แม่คิดว่าลูกควรไปพบแพทย์หรือไม่ก็แบ่งเทียนพรรษาที่แม่ฝากไว้กับลูกดอกฯ บำบัดบ้างก็น่าจะดีนะลูกนะ หัวจะได้เบาไม่ต้องออกมาแก้ผ้าร้องเพลงกลางถนนแบบนี้
อ้อ..แต่แม่เตือนเอาไว้อย่างหนึ่งก่อนจะใช้อภิมหาเทียนพรรษาต่อจากลูกดอกฯ ก็ล้างให้ดี
ก่อนนะลูก เรื่องแบบนี้ต้องปลอดภัยไว้ก่อน


ส่วนพวกเห็ดราลูกคู่และคนน่าสงสารที่โดนลูซิเฟอร์สาปให้เป็นกระเทยควาย แม่อยากจะเตือน
ลูกๆ ไว้ว่าถ้าไม่มีสาระก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอก คำหยาบมันไม่ได้เพิ่มน้ำหนัก
ให้คำพูดของลูกหรอก แต่ความจริงคำพูดของลูกเห็ดรากระเทยควายก็ไร้ราคาในเว็บอยู่แล้ว
เพราะพวกลูกๆ ทำตัวเป็นนักตัดแปะคำพูดคนอื่นแล้วหยอดมุขจืดๆ มาหลายปี สร้างจินตนาการ
ของตัวเองบ้างนะลูกแม่อยากจะเตือนเพื่อความเจริญของสมองลูกเอง

ขอให้สวรรค์เมตตาวิญญานบาปของลูกๆทั้งหลาย

อาเมน
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby personal jesus » Thu Feb 19, 2009 12:13 pm

5. ห้ามวิพากษ์วิจารณ์สมาชิกเว็บบอร์ดคนอื่นๆ ในทางเสียหาย

ด่าคนอื่นลอยๆ แบบเวปเอ็งน่ะ น่ารักน่าเอ็นดูเหรอ?

ซ่งติงแน่ะ...

" ขบวนการเสียหมา.. Stop talking rubbish! "
User avatar
personal jesus
 
Posts: 507
Joined: Tue Oct 14, 2008 5:44 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby loginofu » Thu Feb 19, 2009 1:16 pm

ถ้าพูดถึงล็อกอินแปลงร่าง ถึงลุงจะไม่แยกแยะแม้แต่กระทั่งพวกลูกกระแป๋งเหลี่ยม
แต่ผมคงต้องแยกครับ ไม่อยากไปอยู่หว่างขาใคร

ถ้าพูดถึงบอนนี่ จะเรียกว่าพูดในทางเสียหาย ก็คงไม่ถูกเรื่องนัก
หลายๆคห.ก็เป็นการเล่าเรื่อง(แบบที่ลุงทำไง)
หลายๆคห.เรียกร้องให้มาชี้แจง
แม้จะมีการบอกว่าบอนนี่ปลอมมาเป็นใคร
ก็เป็นการสันนิษฐานตามพฤติกรรมของตัวปลอมๆเหล่านั้น
เป็นการพูดถึงล็อกอินเหล่านั้นมากกว่าคุณบอนนี่
หากคุณบอนนี่เข้ามาชี้แจงว่าไม่ใช่ และให้ wm มาช่วยยืนยัน มันก็จบ
หากไม่เข้ามาชี้แจงเอง และยังมีคนมาแสดงตัวแบบนี้
เรื่องที่เป็นประเด็นต้นเรื่องก็ยังค้างคาอยู่ ก็ห้ามไม่ได้ที่จะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณบอนนี่
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby ริวเซย์ » Thu Feb 19, 2009 1:54 pm

เล่นกันแต่พอประมาณก็น่าจะพอได้แล้วนะครับ

ไม่อยากบอกตรงๆเลยว่าระอาเพราะเกรงใจกันอยู่

บรรยากาศในบอร์ดนี้เสียไปเยอะแล้ว

ทั้งจากพวกป่วน พวกหมิ่นฯ แล้วยังมีเรื่องนี้อีก

ตามล้างตามเช็ดกันมาเป็นเดือนแล้ว

น่าจะใจเย็นลงได้บ้างแล้วนะครับ

น่าจะเห็นใจเพื่อนสมาชิกอื่นๆที่ต้องการใช้บอร์ดบ้างครับ

ใครจะผิดจะถูกก็ช่าง แต่มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรที่จะมาเล่นกันไม่เลิกราแบบนี้นะครับ

ผมว่าพวกเราควรหยุดกันค่อนแคะด่าว่าเสียดสีกันแบบนี้ไปสักพักก่อนดีกว่าครับ

รักเพื่อนสมาชิกทุกท่านถึงได้เตือนกันนะครับ ด้วยความหวังดีครับ
หากดอกไม้แย้มบานในใจแห่งผู้คนที่ทุกข์ทน
ความสว่างส่องทางสับสนด้วยความรักที่มอบแก่กัน
ให้ดอกไม้นั้นแทนความงามแห่งน้ำใจ ยิ่งใหญ่
เมฆหมอกก็คงสลาย ด้วยดอกไม้คือความสดใสในแสงตะวัน
คือดอกไม้อันดีงาม คงอยู่ด้วยความสดใส
คือดอกไม้ของน้ำใจ งดงามเพียงใดให้แก่กัน
User avatar
ริวเซย์
Site Admin
 
Posts: 3386
Joined: Fri Oct 17, 2008 12:34 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby Canthai » Thu Feb 19, 2009 2:03 pm

*bonny wrote:**อย่าทำลายสิ่งดีงามที่บอร์ดแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยความคับแค้นใจในเรื่องส่วนตัวเลย**

โครงการจัดทำหนังสือ “ยังไงก็ไม่ชิน” เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการเมืองกับสังคมในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางความคิดที่รุนแรงที่สุด และนำเงินรายได้จากการจำหน่ายหนังสือและเงินบริจาคมอบให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาส เป็นความงดงามที่สุดที่บอร์ดแห่งนี้ได้มอบให้กับสังคมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

เราได้มอบเงินให้เด็กด้อยโอกาสไปแล้ว 39,996 บาท

เด็กด้อยโอกาสในสังคมจำนวนหนึ่งได้รับโอกาสที่พวกเรามอบให้ และอีกจำนวนหนึ่งกำลังรอคอยโอกาสนั้นให้ตกมาเป็นของตนเองบ้าง
เรื่องราวดีๆ เช่นนี้ ไม่ค่อยได้พบได้เห็นในเว็บบอร์ดสาธารณะหรอกนะครับ ส่วนใหญ่ขายเสื้อ ขายของที่ระลึกเพื่อสังคมของตนเองกันทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองไปเสิร์ชหาดูได้ครับ

ดังนั้น..ได้โปรดอย่าให้ใครชักนำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียเลยครับ

..ผมขอร้องล่ะ..

ผมในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการและรับผิดชอบโครงการนี้ก็รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ และยิ่งกังวลใจเพิ่มเมื่อเห็นคณะทำงานชุดใหม่ที่มีผู้สนับสนุนล้นหลาม ยังไม่ได้ทันทำงานก็มีเสียงกระแนะกระแหน บั่นทอนความรู้สึกขึ้นมาเสียแล้ว

บอร์ดสาธารณะก็จริง แต่จะเว้นเรื่องดีงาม เรื่องงานบุญ งานกุศลไว้สักอย่างมิได้เชียวหรือ?

ความดีงามที่ควรเป็นกุศลบุญ สุดท้ายก็จะกลายเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวกันไป อย่าทำเลยดีกว่านะครับ

การอาสาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะทำงาน แม้จะไปกันไม่ตลอดรอดฝั่ง แต่ผมถือว่า ความตั้งใจตั้งแต่ต้นในการอาสาสมัครทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทนนั้น เป็นความงดงามของจิตใจของคนผู้นั้นอยู่แล้ว ผมจึงให้เกียรติผู้ร่วมงานเสมอ ไม่เคยนำเรื่องความขัดแย้งในระหว่างการทำงานมาเปิดประเด็น ผมถือว่า นี่เป็น..มารยาท

แค่ขอรับประกันได้เลยครับว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการทำหนังสือยังไงก็ไม่ชิน ไม่หนักหนาอะไร หากทำใจยอมรับมันและใช้ความอดทนอดกลั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของการทำงาน เป็นการขัดแย้งกันทางความคิดแต่ไม่มีเรื่อง แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝงแน่นอนครับ เว้นแต่จะมีคนคิดกันไปเอง ซึ่งก็คิดกันได้ทุกเรื่องทุกราว ทุกแง่ทุกมุมแหละครับ ถ้าอยากจะคิด มันก็จินตนาการไปได้หมด แม้แต่หนังสือเล่มใหม่ ยังไม่ทันไรก็คาดการณ์กันว่า มีใครอยู่เบื้องหลังคอยฉกฉวยประโยชน์เสียแล้ว

เรื่องผลประโยชน์แอบแฝง ในโครงการดีๆ อย่างนี้ แม้แต่แค่คิด ก็เป็นบาปเป็นกรรมแก่คนผู้นั้นไปตลอดชีวิตแล้วครับ

การตรวจสอบเป็นเรื่องดีครับ หากทำด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ ผมก็ขอน้อมรับไว้พิจารณาทุกเรื่องราว แต่อย่าใช้คำพูดดูหมิ่น ดูแคลนกัน เพราะอาจทำให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ เข้าใจผิด แต่ผมเชื่อว่า ผู้ที่อยู่ในบอร์ดมานานแล้ว เป็นวิญญูชน มีวิจารณญาณ และปัญญาทัศนะอันบุคคลปกติพึงมี จะเข้าใจ และรู้ถึงเจตนาของผู้ที่ต้องการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น

ซึ่งผมยังมองไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ที่พวกเขาจะได้รับในทางร่มเย็นเป็นสุขเลย นอกจากทำลายความน่าเชื่อถือของคณะทำงาน และบอร์ดแห่งนี้ (สุดท้ายก็..ความน่าเชื่อถือของตัวเอง)

ตอนนี้กองบรรณาธิการก็เหลือ ผมกับน้องเม่ย aiwen^mei แค่สองคนเท่านั้น ซึ่งผมก็เห็นใจน้องเขามาก ตอนนี้ต้องแบกรับภาระทั้งเรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรจิตใจ ในเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง

อีกคนหนึ่งที่ถูกลากมาเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ และอยู่ในสภาวะน่าเห็นใจไม่แพ้กัน คือ คุณอ้อ ซึ่งเราจ้างเขาจัดทำรูปเล่มของหนังสือเล่มนี้และได้ชำระเงินไปให้เธอจนครบถ้วนแล้ว

คุณเธอก็ดีซะเหลือเกิน นำหนังสือไปฝากขายที่ศูนย์หนังสือจุฬา ในบัญชีของตนเอง เพราะทีมงานไม่มีบัญชีผู้ฝากขายเปิดอยู่ เธอรับหน้าที่เคลียร์บัญชีและเงินกับทางศูนย์หนังสือแทนเราแล้วโอนเงินให้ด้วย ส่วนนี้ ทำให้เราฟรีครับ ไม่ได้ตังค์สักบาทเดียว ตอนนี้ผมขอให้เธอเอาบัญชีมาแสดงด้วย เพราะมีผู้ข้องใจว่าไม่โปร่งใส

ได้คุยกับเธอก็เห็นใจครับ เพราะผมเป็นผู้ชักนำเธอให้มาร่วมงานกับเรา เพราะเธอเคยเป็นแฟนประจำกระทู้เก่าของผมที่พันทิป เคยช่วยผมทำหนังสือ ร้อยฝันพันทิปจนโด่งดัง เป็นมืออาชีพทางด้านนี้มายาวนาน

เธอเล่าให้ฟังว่า..
เมื่อได้รับคำขอจากผมและเม่ยให้ปิดบัญชีหนังสือที่ศูนย์หนังสือ เธอก็ได้ทำให้แล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้น เธอป่วยหนัก ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายเดือน ทำงานไม่ได้เลย หลังจากหายดีแล้ว ก็ต้องหางานใหม่ ก็ขายบ้าน ย้ายบ้านใหม่มาอยู่กับแม่ และเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็มาเสียคุณพ่อไปอีก เรียกว่า ทั้งปีที่ผ่านมา มีแต่มรสุมรุมเร้า แทบเอาตัวไม่รอด มาเจอพวกเราเร่งรัดงานซึ่งเธอลงทุนลงแรงทำให้โดยไม่หวังอะไร ก็เล่นเอาควันออกหูไปเหมือนกัน

ส่วนเรื่องหนังสือที่มีผู้ไปสืบค้นว่า ทางศูนย์หนังสือแจ้งว่า หนังสือหมด ไม่มีขายแล้วนั้น

ข้อเท็จจริง หาได้ขายหนังสือไปจนหมดไม่

เราฝากหนังสือไว้กับเขา 110 เล่ม คาดว่า จะขายไปได้ครึ่งเดียว ที่เหลือ เมื่อได้รับการแจ้งว่า “ขอปิดบัญชี” เขาจะสั่งถอนหนังสือกลับจากสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ มายังคลังส่วนกลางเพื่อเคลียร์สต็อกให้เรา ช่วงเวลาดังกล่าว จะไม่มีหนังสือเพื่อขายอีกต่อไป

แล้วจังหวะที่เราขอปิดบัญชีนั้น เป็นช่วงที่ทางศูนย์หนังสือย้ายที่ทำการใหม่อีก จากข้างสนามศุภชลาศัยมาอยู่ที่จามจุรีสแควร์ ก็ยิ่งทำให้เกิดความล่าช้าไปใหญ่
หลังจากเคลียร์บัญชีให้เราได้แล้ว (ซึ่งปกติกินเวลานานมาก ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ทุกเอเย่นต์เหมือนกันหมดครับเพราะเขาจะต้องแน่ใจว่า ไม่มีหนังสือเหลือตกค้างจริงๆ จึงจะจ่ายคืนเรา) เขาจะนัดวันให้ไปรับหนังสือคืนและเคลียร์เงินส่วนต่างให้ หากเราไม่ไปรับหนังสือคืน ปกติที่นี่เขามีโครงการบริจาคประจำปีให้ห้องสมุดต่างๆ อยู่แล้วครับ ดังนั้น..สบายใจได้ว่า เราได้ทำบุญทำกุศลแน่ (ยังไงนโยบายนี้ ขอให้เช็คกับทางศูนย์อีกทีนะครับ เพราะผมเคยฝากขายนานมาแล้ว)

หนังสือที่ค้างและเงินที่ค้างอยู่ก็ไม่เยอะหรอกครับ แต่มันปิดบัญชีไม่ได้ซักทีเพราะอำนาจทั้งหลายในการจัดการมิได้ขึ้นอยู่ที่เราต่างหาก

แต่เอาล่ะ..เมื่อผมได้รับทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว และเห็นว่า การคั่งค้างต่อไปอาจสร้างความลำบากใจให้กับบางคนเป็นอย่างมาก ผมก็ขอประกาศแนวทางการปิดโครงการเอาไว้ เป็นดังนี้..

--เงินที่คงเหลือในสมุดบัญชีของเราทราบว่า มีจำนวนประมาณ 5,660 บาท (ยังไม่ได้หักค่าพาหนะ และค่าไปรษณีย์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า)

--หนังสือตกค้างกับศูนย์หนังสือจุฬา ไม่ทราบจำนวนแน่นอน แต่คะเนได้ครับว่า ประมาณ 50 เล่ม (ผมไม่แน่ใจว่า ทางศูนย์หนังสือมีการกันหนังสือไว้ 10% เป็นโปรโมชั่นหรือเปล่า )

--เงินคงค้างที่ทางศูนย์ยังไม่เคลีรย์ให้ คิดว่าไม่น่าจะเกินหนึ่งพันบาท เพราะเราเคลียร์ยอดใหญ่ในช่วงที่หนังสือพีคไปแล้วสองครั้ง ถ้ายอดหนังสือยังเดินอยู่ ทางเราคงไม่ขอปิดบัญชีหรอกครับ

เพื่อให้เรื่องนี้ไม่ติดขัดและสร้างความล่าช้า ผมจะขอให้น้องเม่ยบริจาคเงินคงเหลือในมือให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาสไปเลย 5,500 บาท ส่วนผมจะเติมเงินส่วนตัวให้เต็มจำนวน 9,999 บาท เท่ากับที่เราบริจาคทุกครั้ง ซึ่งน่าจะมากกว่าเงินที่รอคอยจากศูนย์หนังสือเสียอีก

หากมีเงินจากศูนย์หนังสือเข้ามาเมื่อใด ก็ให้น้องเม่ยแจ้งจำนวนแน่ชัดให้สมาชิกทราบผ่านการขุดกระทู้นี้ และอย่าลืมถ่ายหลักฐานการจ่ายเงินของทางศูนย์ให้สมาชิกที่นี่รับทราบด้วย (เช่นเดียวกับที่ผ่านๆ มา ขอร้องคุณอ้อให้ขอหลักฐานมาแสดงด้วย)

--หนังสือในมือของน้องเม่ยที่เหลืออยู่ในสต็อก (ประมาณ 300 เล่ม) มีเท่าไรให้จัดทำรายละเอียดออกมา ตั้งแต่ที่เรามอบให้กับสื่อมวลชนผ่านลุงแคนและมอบให้กับกลุ่มพันธมิตรผ่านตัวแทนแกนนำพันธมิตรด้วย

จำนวนที่เหลือสุทธิให้ดำเนินการส่งมอบให้กับทัณฑสถานเยาวชนทั่วประเทศ เพื่อให้เยาวชนที่หลงผิดมีจิตสำนึกต่อสังคมที่ดีขึ้นกว่าเดิม และทราบมาว่า ขาดแคลนหนังสือในห้องสมุดมากมายด้วย

การส่งมอบให้ทัณฑสถานเยาวชนทั่วประเทศ ซึ่งมีเกือบร้อยแห่ง ไม่จำเป็นต้องส่งไปรษณีย์นะครับ ให้นำหนังสือไปมอบให้กับผู้แทนของกรมราชทัณฑ์ที่ปากเกร็ด เขาจะดำเนินการทุกอย่างให้เราตามวัตถุประสงค์ และอย่าลืมขอใบตอบรับการรับมอบด้วย (ขออภัย ค้นหาชื่อเจ้าหน้าที่และเบอร์ไม่เจอ)

อีกแห่ง คือ ศูนย์ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย ของกระทรวงศึกษาธิการนะครับ เขาจะส่งหนังสือเราไปยังห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ ลองโทร.ไปที่ 02 2829098 ถามหาอาจารย์รุ่งนภา หรือไม่ก็ที่ท่านผอ.คุณ กษมา ยุกตทัศน์ เบอร์โทร.02 6285593 ไม่ทราบว่า ท่านย้ายไปหรือยัง

อีกแห่ง..คือ ห้องสมุดของสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ ผ่านทางคุณพรเพ็ญ ยอดยิ่ง หน้าห้องของท่านปลัดกท.ศึกษาธิการ เบอร์โทร. 02 2816350

ถ้าท่านเหล่านั้นย้ายไปแล้ว ก็ใครก็ได้ครับที่ทำการแทน

ทั้งหมดนี้ ถ้าน้องเม่ยเข้ามารับทราบเมื่อใด ก็ดำเนินการได้เมื่อนั้น และคาดว่า น่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

หลักฐานและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง น้องเม่ยจะนำมาแปะไว้ในกระทู้เพื่อรับทราบโดยทั่วกัน

น่าจะจบกันได้เสียทีนะครับสำหรับโครงการจัดทำหนังสือครบรอบหนึ่งปีของเสรีไทยเว็บบอร์ด

"ยังไงก็ไม่ชิน"

**************************

เรื่องที่สองที่ขอฝากให้คณะผู้จำทำหนังสือเล่มใหม่

อยากจะเรียนว่า ขบวนการเสรีทยเว็บบอร์ด กับ เว็บไซต์ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด เป็นองค์กรที่แยกส่วนกันโดยเด็ดขาดนะครับ

ขบวนการที่ผมเป็นหัวหน้าและผู้ก่อการ ปัจจุบันผมได้ปิดกิจกรรมขององค์กรไปเป็นการชั่วคราว เพราะเราตั้งขึ้นมาต่อต้านระบอบทักษิณ เมื่อเห็นว่า ระบอบนั้นได้ถูกสังคมและการเมืองทำลายล้างจนปัจจุบันง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้ว ไม่อาจลุกขึ้นมาทำร้ายสังคมได้อีก ก็ถือว่า..วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งได้บรรลุไปแล้ว ตามปณิธานที่ให้ไว้แต่ต้น หาอ่านได้จากบทนำในหนังสือยังไงก็ไม่ชิน

ส่วนเว็บบอร์ดแห่งนี้เป็นสื่อกลางที่คนหลากหลายในสังคมใช้ร่วมกัน คนรักทักษิณ หรือ พันธมิตร หรือไม่ฝักใฝ่ใคร ก็มาอยู่ร่วมกันที่นี่ได้ ภายใต้กรอบกติกาที่เว็บมาสเตอร์กำหนด

ดังนั้น..
การนำไปอ้างอิงในหนังสือ ขอให้คำนึงถึงจุดนี้ด้วยนะครับ
และส่วนตัว ขอสนับสนุนกิจกรรมที่ดี มีประโยชน์อย่างนี้ต่อไป

**********************

ในส่วนของผมเอง ห่างหายไปจากหน้าเว็บบอร์ดแห่งนี้ไปนาน แต่ความผูกพันมิได้จืดจางลงไปแต่อย่างใดเลย ยังเป็นเสรีชนเต็มเปี่ยม แต่เห็นว่า สภาวะทางการเมืองขณะนี้ ดำเนินไปตามวิถีทางอันสมควรจะเป็นแล้ว ไม่มีแรงบันดาลใจที่มากพอที่จะทำให้ผมเข้ามาตั้งกระทู้พูดคุยเรื่องการเมืองที่นี่ หรือ ที่ไหนๆ อีก

สู้นำเวลาในการตอบโต้กันในกระทู้ไปใช้เพื่อประโยชน์กับสังคมส่วนรวมในแง่อื่นดีกว่า ซึ่งผมก็ทำงานสำเร็จไปหลายอย่างแล้ว และยังคงมุ่งหน้าทำต่อไปครับตราบใดที่ยังทำไหว

User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby see-u » Thu Feb 19, 2009 2:34 pm

* ขอบคุณลุงแคนค่ะ ... ที่เอาข้อความย้อนหลังมาให้อ่าน

เอ้ ก้มีเหมือนกันค่ะ...... ใน คห. ของ สมาชิกท่านอื่น ๆ


พริกขี้หนู1 wrote:ผมในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการและรับผิดชอบโครงการนี้ก็รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ และยิ่งกังวลใจเพิ่มเมื่อเห็นคณะทำงานชุดใหม่ที่มีผู้สนับสนุนล้นหลาม ยังไม่ได้ทันทำงานก็มีเสียงกระแนะกระแหน บั่นทอนความรู้สึกขึ้นมาเสียแล้ว

บอร์ดสาธารณะก็จริง แต่จะเว้นเรื่องดีงาม เรื่องงานบุญ งานกุศลไว้สักอย่างมิได้เชียวหรือ?

ความดีงามที่ควรเป็นกุศลบุญ สุดท้ายก็จะกลายเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวกันไป อย่าทำเลยดีกว่านะครับ

----------------------------------------------------------------------


วิธีการเขียนหนังสือแบบคลุมเคลือทำให้ผู้อื่นเสียหาย

ตัวเองดี ผมมีคุณธรรม นายบอนนี่ทำบ่อยๆ เลิกเสียเถอะ สมากชิกเก่าๆ เขาอ่านออกคะ

เดี๋ยวนิสัยเหล่านี้จะติดไปถึงเยาวชน ที่อ่านหนังสือของคุณ

ไม่มีใครเขาไปขัดขวางการทำหนังสือเล่มใหม่หรอก

เรื่องที่เขาข้องใจถาม นายบอนนี่ กับ เม่ยมาตอบก็จบค่ะ

1)หนังสือยังไงก็ไม่ชิน

หนังสือการเมืองแบบนี้ ถ้าตั้งใจทำ ออกมาขายเอง โดยทุนของนายบอนนี่เจ๊งแน่นอน

คุณไม่ดังแบบ ลุงเปลว สีเงิน -- ชัชรินทร์ ไชยวัตร -- ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ยากที่คนอยากจะซื้ออ่านโดยเฉพาะ อ่านเรื่องการเมืองในเวปฟรี เยอะแยะ

เรื่องไม่เอา พวกชิน พวกแม้ว เวปผู้จัดการ เขายังมีข้อมูลเยอะกว่านายบอนนี่มากมาย

แต่ขอชมความเก่งของนายบอนนี่ ที่สมามารถ ระดมทุนเงินบริจาค

ของสมาชิกมาทำหนังสือได้ ทุนก็ไม่ต้องลง ไม่เสี่ยงขาดทุน ชื่อเสียงก็ได้

คุ้ม สุดจะ คุ้ม


คนในวงการ wrote:ย้อนไปอ่านความคิดเห็นของหลาย ๆ ท่าน ตั้งแต่หน้าแรก รวมไปจนถึงกระทู้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คิดว่าผมคงจะต้องเคลียร์ตัวเองนิดนึง

ผมเป็นหนึ่งใน บก. หนังสือเล่มนี้ ซึ่งมี บก. ทั้งหมด 7 คน คือ

1..*bonny
2..อังศนา
3..คนในวงการ
4..เก็ดถวา
5..Aloha007
6..ดอกฟ้ากับหมาวัด
7..aiwen^mei

บก. ทั้ง 7 คน คุณอังศนาลาออกเป็นคนแรก ผมลาออกเป็นคนถัดมา คุณเก็ดถวาเป็นรายที่ 3

ตั้งแต่ผมลาออกจากการเป็น บก. ผมแทบจะไม่เข้ามาที่เสรีไทยเลย นาน ๆ ครั้งจะเข้ามาอ่านทีเมื่อมีคนไปบอกว่ามีกระทู้น่าสนใจ และแวะมาตั้งกระทู้เพิ่มอีกครั้งเดียว เรียกได้ว่าผมลาออกจากการเป็น บก. และลาออกจากการเป็นสมาชิกไปพร้อม ๆ กัน

ฟังจากที่คุณดอกฟ้าเล่าว่าสุดท้าย บก. เหลือ 3 คน คือคุณบอนนี่ คุณดอกฟ้า และคุณเม่ย แสดงว่าคุณออฟ อโลฮา ลาออกเป็นรายที่ 4 และในที่สุดหลังจากที่หนังสือเสร็จ งานเปิดตัวจบ คุณดอกฟ้าก็ดูเหมือนว่า จะแยกตัวออกมาจาก บก. (อ้างอิงกระทู้คุณบอนนี่ ที่บอกว่าสุดท้ายเหลือแค่ 2 คน คือคุณบอนนี่กับคุณเม่ย)

ทำไม บก. ถึงได้ค่อย ๆ ทยอยลาออก เป็นความลับที่ดำมืดในเสรีไทยมาถึง 2 ปี สมาชิกส่วนใหญ่แทบไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังกันเลย ไอ้ที่มาอ้างว่ารู้โพสเป็นคุ้งเป็นแควก็ไม่รู้จริงสักราย ปิดทองใส่หน้าตัวเองตามสันดานของคนเก่า ๆ ในเสรีไทย ไม่มีใครรู้จริงเท่ากับคนใน บก. หรอก

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะการดำเนินงานทั้งหมดใน บก. ดำเนินงานผ่าน PM ผมทราบว่าทำไมคุณอังศนาลาออก ทราบว่าทำไมคุณเก็ดถวาลาออก และทราบว่าทำไมตัวเองลาออก แต่ไม่ทราบว่าทำไมคุณอโลฮาลาออก และไม่ทราบว่าทำไมคุณดอกฟ้า แยกตัว (ไม่ใช้คำว่าลาออก เพราะหนังสือเสร็จแล้ว) เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมลาออกไปนาน ผมถูกตัดขาดจาก PM ของ บก.

บก. ที่ลาออกทุกคนดูเหมือนจะปิดปากเงียบ ไม่มีใครอยากจะรื้อฟื้นเอาความในมาปล่อยข้างนอกให้มันเหม็นโฉ่ ให้มันอับอายขายขี้หน้ากันเสียเปล่า ๆ ผมเชื่อว่าถ้าคุณ Moon ไม่ริเริ่มโครงการทำหนังสือครบรอบ 3 ปีเสรีไทย เรื่องนี้ก็คงจะกลายเป็นความลับไปตลอดกาล

แล้วผมเสือกโผล่มาอีกทำไม?

ผมขอออกตัวไว้ตรงนี้เลยว่า ผมไม่ได้เป็นพวกใคร ไม่ได้เป็นพวกคุณบอนนี่ หรือเป็นพวกคุณเม่ย หรือเป็นพวกคุณดอกฟ้า (3 บก. ที่ปรากฏชื่อในหนังสือ) การมาแจมในกระทู้นี้ของผม ไม่ได้มีเจตนาที่จะเติมฟืนลงไปในกองไฟ ทำลายใครคนใดคนหนึ่งใน บก. ทั้งสาม เพียงแต่ผมอยากรู้ความจริง โดยเฉพาะความจริงในส่วนที่เหลือที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมลาออก

ตั้งแต่มีคนบอกผมว่า มีการรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเข้ามาติดตามอ่านตลอด ผมพบว่าไม่มีใครพูดความจริงทั้งหมด ส่วนใหญ่พูดกันแค่ครึ่งเดียว แม้แต่คุณบอนนี่ก็พูดไม่หมด คุณเม่ยก็พูดไม่หมด คุณดอกฟ้าก็พูดไม่หมด ซึ่งมันก็เป็นธรรมดา แต่พอดีคุณดอกฟ้าจั่วหัวไว้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลัง เหมือนกับตัดสินใจแล้วว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง ผมจึงมาปรากฏตัว เพราะอยากรู้ในส่วนที่ผมขาดหายไป และมันก็เป็นเรื่องดีที่ทุกคนจะได้ฟังความจริงจากปากของ บก. คนที่อยู่นานที่สุดก่อนที่มันจะเหลือเพียง 2 คน

ความจริงคืออะไรกันแน่?

เป็นเรื่องที่ทุกคนสงสัย ทำไม บก. ถึงลาออก และไคล์แม็กซ์ของเรื่องคือเกิดอะไรขึ้นระหว่าง บก. ที่เหลือทั้ง 3

คนที่จะบอกความจริงได้มีแต่คนใน บก. เท่านั้น ซึ่งก็เป็นเอกสิทธิของแต่ละคนที่จะเล่าหรือไม่เล่า คุณดอกฟ้าจะเล่าต่อหรือไม่ จะเล่าลึกแค่ไหน คุณเม่ย คุณบอนนี่จะเล่าหรือไม่ ผมบังคับไม่ได้ แต่ผมจะเล่าในส่วนของผมให้ฟังก็แล้วกัน ถือว่าเป็นการเริ่มต้นการพูดความจริงกันเสียที ดีมั้ยครับ

ผมสมัครเป็น บก. เพราะต้องการชิงที่นั่งในกอง บก. จากคน ๆ หนึ่ง ในเสรีไทย เพราะผมไม่ชอบสิ่งที่เค้าทำ ผมไม่ต้องการให้คนแบบนั้นได้เป็น บก. ซึ่งก็สมใจผม มันอดเป็น (555) ผมหมั่นไส้มัน ที่มันพยายามให้คนอื่นเสนอชื่อมันแทนที่จะสมัคร คืออยากเป็นแต่เสือกทำเป็นเล่นตัว การทำงานใน บก. ง่ายมากครับ ไม่มีการโหวตอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่าง Top down ลงมาจากคุณบอนนี่ ไม่ว่าใครเสนออะไรใน บก. คุณบอนนี่คือคน ๆ เดียวที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเอาหรือไม่เอา ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเค้าเป็นหัวหน้า บก. เรียกว่าไม่มีเสียงจากผมสักแอะ ทุกคนเสนอความคิดเห็นได้ แต่คุณบอนนี่คือคน ๆ เดียวที่เป็นผู้ตัดสินใจ ตอนนั้นโชคร้าย ผมป่วยหนัก เป็นงูสวัสดิขึ้นที่ใบหน้า ทำให้ผมหายหน้าไปจาก บก. ประมาณ 1 เดือน แต่ก็ได้รับข่าวสารตลอด และทำหน้าที่เท่าที่จะทำได้ คืออ่าน และกลั่นกรอง บทความที่เพื่อนสมาชิกส่งเข้ามา นอกจากนั้นก็ยังตระเวนไปตามร้านหนังสือ อ่านหนังสือแนวเดียวกันเพื่อหามาตรฐาน เพราะนอกจากเราจะขายในหมู่สมาชิกด้วยกันแล้ว เรายังวางแผนที่จะขายมันในตลาดเปิดอีกด้วย

หลังจากที่ผมหายป่วย ผมติดต่อกับกอง บก. อีกครั้ง พร้อมทั้งเสนอให้ บก. ยืดกำหนดปิดรับบทความออกไป ยืดกำหนดพิมพ์ออกไป เพราะในขณะนั้นก็เลยกำหนดครบรอบ 1 ปีมาแล้ว จะยืดออกไปอีกสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร ด้วยเหตุผลที่ว่า บทความที่สมาชิกส่งมา ยังไม่ได้มาตรฐานที่จะจัดพิมพ์สู่สายตาสาธารณชนได้ ไม่เข้มข้นมากพอ ไม่จริงมากพอ เป็นเรื่องเลยครับ 555 ผมไปเหยียบตาปลาคุณบอนนี่เข้าเต็ม ๆ เพราะคนที่ส่งบทความให้ บก. มากที่สุดคือคุณบอนนี่นั่นเอง

ผลจากการถูกเหยียบตาปลา คุณบอนนี่ส่ง PM มาด่าผมว่า ผมทำอะไรบ้าง ไม่เห็นผมทำอะไรสักอย่าง คุณบอนนี่ต้องเหน็ดเหนื่อยปั่นเรื่องมาลงแทบตาย การที่ผมพูดแบบนั้นนอกจากจะมือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอีกต่างหาก ผมก็ได้อธิบายไปว่าผมป่วยเลยไม่ได้ติดต่อกับ บก. แต่ก็อ่านเรื่องที่ส่งกันเข้ามา และอ่านหนังสือแนวเดียวกันเพื่อหามาตรฐานในการกลั่นกรองผลงาน ซึ่งเป็นงานที่ บก. ควรจะทำ ไม่ใช่ไปปั่นเรื่องมาส่งเสียเอง (555) บก. มีหน้าที่กลั่นกรอง ไม่ได้มีหน้าที่เขียน คุณบอนนี่แกเลยสวนกลับมาว่า ที่แกเขียนก็เพราะไม่ค่อยมีใครส่งเรื่อง แกอยากให้พิมพ์ได้ตามกำหนด เลยลงมือปั่นเอง และผมทำไม่ถูกที่ไม่ติดต่อกอง บก. ก็แปลกดี เพราะน้องอโลฮา ก็ไม่ติดต่อกอง บก. เหมือนกัน ไม่ยักกะผิด (ฮา) อีกทั้งวัตถุประสงค์หลักของหนังสือเล่มนี้คือรวบรวมบทความของเพื่อนสมาชิกตีพิมพ์ออกมาเป็นที่ระลึก และให้ความรู้กับสังคมไปในตัว ไม่ได้มีเพื่อให้มันเสร็จทันตามกำหนดเวลา เอาแจกเป็นของชำร่วย

ในเมื่อมีสมาชิกส่งบทความกันน้อย การยืดเวลาออกไป พร้อมทั้งคัดเลือกบทความดี ๆ จากกระทู้เด่นมาดัดแปลง น่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง มากกว่าคนในกอง บก. จะปั่นให้มันครบ ๆ จะได้พิมพ์ได้ตามกำหนดไม่ใช่หรือครับ แต่ก็นั่นแหละ บังเอิญผมไปเหยียบตาปลาคนที่ส่งบทความมากที่สุด (จนแทบจะเป็นรวมเล่มของคุณบอนนี่) และดันเป็นหัวหน้ากอง บก. อีกต่างหาก ผมก็คงจะอยู่ไม่ได้ (ฮา) และแล้วฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึง นั่นคือคุณบอนนี่แก PM ท้าให้ผมเขียนบทความแข่งกะแก (ฮา) ประมาณว่าปากดีนัก แน่จริงก็เขียนสิโว้ย อยากจะเห็นฝีมือ อยากจะเห็นมาตรฐาน ว่าเขียนได้ดีแค่ไหน ถึงได้มาว่าบทความในหนังสือยังไงก็ไม่ชินไม่ได้มาตรฐาน

ผมจึงลาออกด้วยประการฉะนี้ ด้วยเหตุผลไม่สามารถทำงานร่วมกับ บก. ได้ เนื่องจากแนวความคิดในการทำงานไม่ตรงกัน

ถ้าคุณดอกฟ้าจำได้ คุณดอกฟ้าก็ยังโดนผมสวนเอาหมัดหนึ่งเลย ตอนที่พยายามมาไกล่เกลี่ย ตอนนั้นกับตอนนี้ความรู้สึกของคุณดอกฟ้าคงจะเปลี่ยนไป และคงจะเข้าใจแล้วนะครับ ว่าผมคิดอย่างไร 555



ความจริง รับใช้ตัวมันเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ความจริงไม่เคยลบเลือนหายไป
* See - U Never Die *

** ข้ออ้างจากพวกหิวคะแนน..

แมงสาบ : ไม่เลือกเราเขา (แม้ว) มาแน่
ตะกวดแดง : เลือกเรา "แม้ว"จะกลับมา


ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา : ถ้าไม่มีคนดีก็ไม่ต้องเลือก พรรคการเมืองอย่าดูถูกประชาชน
User avatar
see-u
 
Posts: 5073
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:04 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby see-u » Thu Feb 19, 2009 2:35 pm

มันยังไง ยังไงอยู่นะ wrote:
*bonny wrote:สวัสดีครับทุกท่าน..

ผมใช้ชีวิตอย่างสมถะที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง (ถือศีล 5 เคร่งครัด ไม่สวมใส่เครื่องประดับใดๆ แม้แต่นาฬิกาก็ไม่แขวนครับ
และนอนบนเสื่อแทนเตียงที่มีฟูกหนา) แม้แต่สำนักพิพม์ที่พิมพ์หนังสือของผมหลายแห่งก็ยังไม่เคยเจอตัวตนกันเลย
แต่งานสำเร็จลุล่วงไปได้ทุกงานครับ งานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนฝูงที่คบกันมาหลายสิบปี ผมยังปฏิเสธไปทุกครั้งเลยครับ
แต่งานแต่งงาน งานศพไม่เคยพลาด

ได้ยินได้ฟังอย่างนี้แล้ว ยังคิดว่า ผมจะไปงานมีทติ้งอีกหรือครับ?

*******************************
ถ้าได้จัดงานเลี้ยงกันที่นี่จริงๆ ผมคงอนุญาตให้คุณแสดงฝีมือแค่ยำอะไรสักอย่างที่ถูกปากก็พอ เพราะตั้งใจว่า
จะเป็นปาร์ตี้บาร์บีคิว (+ยำไทย) ตั้งแต่หกโมงเย็นเป็นต้นไปจนถึง 4 ทุ่ม มีเพลงเย็นๆ ของสุนทราภรณ์, สุเทพ, ธานินทร์, ชรินทร์
และนักร้องรุ่นครู คลอเคล้าไปกับเสียงพูดคุยของสมาชิกและคนรู้ใจกัน อากาศที่นี่เย็นฉ่ำแน่นอนครับ
แม้จะอยู่ในกรุงเทพแต่รอบข้างผมเป็นทุ่งโล่ง ลมเย็นทั้งปี

ใครอยากเล่นน้ำก็ยินดีนะครับ มีสปอตไลท์ใต้น้ำ และมีสปาเจ็ทสำหรับนวดตัวด้วย

**********************************


คนอ่านจะรู้สึกขัดแย้งหรือไม่ในข้อเขียน
---- ตั้งชื่อเรื่องว่า ชีวิตสมถะ ที่บ้านทรงไทย หุหุ
ก็เพิ่งรู้ว่าในโลกดิจิตอล คนเขียนหนังสือ กับสำนักพิมพ์ ไม่ต้องเจอตัวกัน คงทำแบบแม้ว ใช้นอมินี
ก็เห็น นอมินี่ หลายคนที่มาทำให้ ทั้งที่ ไม่เคยเจอว่า ทำอะไร
รู้แต่ว่า เขาพูออะไร เขา--ไหน ก็ม่ายรู้ หุหุ :lol: :lol:

*******************************
เขา จะไปงานแต่งที่ไหน หรืองานศพที่ไหน ก็มาบอกกันบ้าง
จะได้ตามไปดูหน้า ดูตาได้ หุหุ
:lol: :lol:




see-u wrote:* คุณ บอนนี่ เขียนตัวหนังสือเก่ง ใช้คำพูดเล่นคำไปมาสมแล้วกะที่เขียนหนังสืออกมาขาย

แต่บังเอิญ เอ้ เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือในระดับหนึ่ง ... นักเขียนมาคุยกะนักอ่านก็สนุกดีค่ะ


*bonny wrote:
ได้ยินได้ฟังอย่างนี้แล้ว ยังคิดว่า ผมจะไปงานมีทติ้งอีกหรือครับ?



*bonny wrote: คุณดอกฟ้า..
ถ้าได้จัดงานเลี้ยงกันที่นี่จริงๆ ผมคงอนุญาตให้คุณแสดงฝีมือแค่ยำอะไรสักอย่างที่ถูกปากก็พอ เพราะตั้งใจว่า จะเป็นปาร์ตี้บาร์บีคิว (+ยำไทย) ตั้งแต่หกโมงเย็นเป็นต้นไปจนถึง 4 ทุ่ม มีเพลงเย็นๆ ของสุนทราภรณ์, สุเทพ, ธานินทร์, ชรินทร์ และนักร้องรุ่นครู คลอเคล้าไปกับเสียงพูดคุยของสมาชิกและคนรู้ใจกัน อากาศที่นี่เย็นฉ่ำแน่นอนครับ แม้จะอยู่ในกรุงเทพแต่รอบข้างผมเป็นทุ่งโล่ง ลมเย็นทั้งปี

ใครอยากเล่นน้ำก็ยินดีนะครับ มีสปอตไลท์ใต้น้ำ และมีสปาเจ็ทสำหรับนวดตัวด้วย

ถ้าจำนวนสมาชิกไม่เกิน 50 คนก็ไม่ต้องลงขันอะไรครับ ผมเป็นเจ้าภาพได้ แต่ขอให้ช่วยกันเรื่องแรงงานเท่านั้น เพราะผมไม่มีคน



คำตอบ .. ที่คุณ บอนนี่ ตอบกลับมาไม่คิดว่ามันขัดแย้งในตัวเองบ้างเหรอค่ะ ?
คุณไม่ได้มีเจตนาที่จะจัด มิตติ้ง อะไรทั้งนั้นแหละ เพราะคุณไม่เคยเปิดตัวกับใคร
อยู่ ๆ ก็จะให้ไปจัดงานที่บ้านคุณ ... แล้วตัวของคุณซึ่งเป็นเจ้าของบ้านจะไปอยู่ที่ไหน ?
การบรรยายฉากต่าง ๆ ของงานว่าจะจัดงานออกมาในรูปแบบไหน อ่านแล้วเพลินดี
แต่ก็หักมุมตอนท้ายว่า ... นั่นเป็นเจตนาเดิมของผม ขำอ่ะ :lol: :lol:

ส่วนเรื่องที่คุณบอกว่าส่งงานเขียนไปให้ สนพ.หลายแห่งแต่ไม่เคยเจอตัวกะทาง สนพ.เลย
นั่นหมายถึงการส่งงานไปในรูปแบบไหนค่ะ..? เขียนเรื่องสั้นส่งไปตามนิตยสารต่าง ๆ
แล้วให้ บก.นิตยสารคัดเลือกเรื่องลงในคอลัมภ์ ถ้าเรื่องที่เขียนผ่านทางหนังสือก็จะส่งค่าตอบแทนมาให้
เอ้ ไม่แน่ใจว่าตรงจุดนี้จะมีการเจอตัวกันกะทางนิตยสารไหม ... ?

แต่ถ้าเป็นการส่งงานไปให้โรงพิมพ์.. ก็ต้องมีคนจัดรูปเล่มของหนังสือ มีคนมารับไฟล์งาน มีการบรูฟงาน ฯลฯ
จนกระทั่งมีการเก็บบิลค่าใช้จ่าย ตรงนี้คุณไม่มีส่วนร่วมในการดูงานของคุณเลยหรือ ?
และถ้าคุณเน้นไปที่ สนพ. โดยตรง คือ เขียนหนังสือให้ สนพ. นั้น ๆ เช่น เขียนให้เคล็ดไทย
คุณติดต่อกะทาง สนพ. ยังไงว่าจะทำหนังสือเล่มหนึ่งออกมาโดยที่คุณไม่เจอตัวใครเลย ? อธิบายให้ฟังหน่อยค่ะ ?

ถามคำถามนี้กับคุณแล้ว .. เด๋ว เอ้ จะโทรไปขอคำอธิบายกะพี่สมาชิกท่านหนึ่งในบอร์ดด้วย
เพราะ บอร์ดเสรีไทย ก็มือนักเขียนมือรางวัลมาเล่นเหมือนกัน ;)

การที่ เอ้ แปลกใจว่าทำไมคุณไม่เปิดตัวเลยสักครั้ง ... !
เพราะคุณเป็นหัวหน้าขบวนการ ... เป็นคนรวบรวมสมาชิกขึ้นมาในนามเสรีไทย
การทำงานบางอย่าง เช่น จัดทำหนังสือเล่มก่อนคุณก็เป็นคนคิดที่จะทำจนมีสมาชิกช่วยบริจาคเงินเยอะแยะ
แต่สุดท้ายการทำหนังสือเหลือสมาชิกแค่ 2 คน คือ คุณ aiwen^mei กับคุณ ดอกฟ้า
ซึ่งถ้าเข้าใจไม่ผิดคุณ ดอกฟ้า เป็นคนรวบเรื่องและดำเนินการประสานงานจนกระทั่งหนังสือเป็นรูปเล่มออกมา
ส่วนคุณ aiwen^mei มีหน้าที่แค่คอยส่งหนังสือให้สมาชิกและเคลียร์บิลหลังจากที่แยกตัวกับคุณดอกฟ้าไปแล้ว
คุณ บอนนี่ มีส่วนตรงไหนในหนังสือเล่มก่อนนอกจากมีชื่อว่าเป็น บก. ตรงนี้ เอ้ ไม่ทราบเหมือนกัน ?

การทำกิจกรรมอื่น ๆ ในบอร์ดคุณ aiwen^mei เป็นสมาชิกท่านเดียวที่สามารถติดต่อไปยังคุณได้ทางโทรศัพท์
และจะมาเขียนรายงานบอกว่า ... คุณ บอนนี่ ทราบเรื่องแล้ว ............ !!!!! :?:
นั่นคือการทำกิจกรรมต้องไปขออนุญาตคุณหรือเปล่า ?


การไม่อยากเปิดตัว ... ไม่แปลกหรอกค่ะ
มีสมาชิกในบอร์ดอีกหลาย ๆ ท่านที่ไม่เปิดตัวเหมือน ๆ กันแต่ก็ไม่มีใครไปถามไถ่อะไร
ถ้าคุณ บอนนี่ อยู่ในฐานะ " สมาชิกคนหนึ่ง " ที่ไม่ใช่หัวหน้าขบวนการที่รวบรวมพวกเราขึ้นมา
ก็คงไม่มีคำถามนี้เกิดขึ้นมาว่า " คุณคือใคร ? " และ " คุณเป็นใครถึงคอยสั่งงานผ่านคนอื่นทางโทรศัพท์ "
การที่ เอ้ ... บอกว่าน่าจะมีใครสักคนมีโอกาสเจอคุณบอนนี่แบบตัวเป็น ๆ สักครั้ง
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า .. คุณต้องมางาน มิตติ้ง เพื่อพบปะเพื่อน สมาชิกทุกคนในบอร์ด
แต่ก็ควรจะมีใครสักคนที่มีโอกาสเจอคุณแบบตัวเป็น ๆ สักครั้ง ... ในฐานะหัวหน้าขบวนการ
เอ้ .. เห็นด้วยกะคุณพริกว่าคุณลองไปเจอไปคุณลุงปุสักครั้งสิค่ะ เจอท่าน 2 ต่อสองก็ได้
แล้วคำถามคาใจของเพื่อนสมาชิกจะหมดไปเอง ............ !!!

* See - U Never Die *

** ข้ออ้างจากพวกหิวคะแนน..

แมงสาบ : ไม่เลือกเราเขา (แม้ว) มาแน่
ตะกวดแดง : เลือกเรา "แม้ว"จะกลับมา


ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา : ถ้าไม่มีคนดีก็ไม่ต้องเลือก พรรคการเมืองอย่าดูถูกประชาชน
User avatar
see-u
 
Posts: 5073
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:04 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby see-u » Thu Feb 19, 2009 2:39 pm

ดอกฟ้ากับหมาวัด wrote:เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า...หนังสือเล่มนี้เกิดจากการที่ใครบางคนที่ทำมาเพื่อสนองความต้องการของตนเอง

แล้วมานำเสนอ...ให้เป็นเหมือนหนังสือครบรอบปีเสรีไทยฯ ยัดเยียดบทความ
ใช้กลวิธีต่างๆนาๆ ที่จะให้สมาชิกที่ต้องการ

ที่จะส่งบทความ มาไม่ทัน เพื่อตนเองจะได้มีบทความประหนึ่ง...เป็นหนังสือรวมเล่ม

กระทั่งพยายามจะยัดเยียดบทความที่เคยเผยแพร่ในพันทิป มาก่อน...ทั้งที่ตัวเองตั้งกฎเกณท์ว่า

บทความใดๆ ที่เคยเผยแพร่..ในเวปไซด์ หรือในที่ใดมาก่อน เราจะไมนำมาพิจารณา

......แต่คุณบอนนี่ทำ ....


ดอกฟ้ากับหมาวัด wrote:หลังจากมีฉันทานุมัติจากสมาชิก...ว่ายินยอมให้นำเงินที่บริจาคไปเป็นทุนทำหนังสือได้

อ๊ะ...มี่เรื่องแปลกๆมาอีก....มี PM ประชุมหลังไมค์จากบอนนี่มาว่า...ได้เขียนหนังสือเรื่องนึง

น่าจะเป็นเรื่องที่โฆษณาขายในกระทู้ที่ปักหมุดไว้....

ปรึกษาว่า...ถ้าเราเอาหนังสือสองเล่มมาขายควบกัน แบบว่าขายกาแฟแล้วแถมไอติม


อยากให้ช่วย ปชส.


ดอกฟ้าฯ ปฎิเสธค่ะ...แค่หนังสือเล่มนี้...คุณบอนนี่ยังไม่มาช่วยอะไร

หนังสือการเมือง....กับนิทานของแกจะเอามาขายควบกันได้ไง

ก็เลยค้านไปว่า....เอาทีล่ะเรื่อง ไว้วันหลังให้เสร็จเป็นเรื่องๆแล้วค่อยว่ากัน...แบบนิ่มๆ สไตล์ของดอกฟ้าฯ


คนในวงการ wrote:
ประเด็นรวมเล่มบอนนี่นั้น ผมก็ไม่ทราบหรอกนะครับ ว่าคุณบอนนี่แกเจตนาอยากรวมเล่มจริง ๆ หรือไม่ ของอย่างนี้มันอยู่ในใจ แต่ที่แน่ ๆ เรื่องที่แกเขียน PM มาท้าผมเขียนแข่งกับแกเพราะไม่พอใจที่ผมบอกว่างานเขียนยังไม่มีคุณภาพมากพอที่จะตีพิมพ์สู่ตลาดเปิด นั้นเป็นเรื่องจริง ถ้ามองในแง่ดี ก็อาจจะตีความได้ว่า แกทุ่มเทอยากให้หนังสือคลอดออกมาให้ได้ เลยลงทุนปั่นเรื่องลงเองเสียครึ่งเล่ม ซึ่งผิดมารยาทของคนที่เป็น บก. อย่างมาก และเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด วัตถุประสงค์ของหนังสือก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมผลงานของสมาชิกในบอร์ด ไม่ใช่รวบรวมผลงานของ บก. ใครที่นึกภาพไม่ออก ลองไปเปิดหนังสือยังไงก็ไม่ชินเปรียบเทียบกับรู้ทันทักษิณของ อ.เจิมสาก ดูได้ คุณภาพมันผิดกันลิบลับครับ

ก่อนเกิดเหตุการณ์ PM ท้าประชันขันแข่ง มันมีเหตุการณ์ก่อนหน้าครับ คือผมได้ PM สอบถามกอง บก. ก่อนว่า กรอบของการคัดเลือกผลงานควรจะอยู่ที่ใด เพราะถ้าเราจะพิมพ์ขายกันเองในหมู่สมาชิก และแจกจ่ายเป็นหนังสือฟรี การพิจารณาคัดเลือกก็จะไม่เข้มงวด ไม่ซีเรียส แต่ถ้าต้องการขายในตลาดเปิด ซึ่งต้องแข่งกับหนังสือแนวเดียวกันอีกหลายเล่ม การพิจารณาก็ต้องเข้มงวด คุณบอนนี่แกก็เลี่ยงไปเลี่ยงมา ไม่ยอมตอบ ไม่ยอมกำหนดกรอบ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ยอมกำหนดกรอบ ผมเลยบอกไปว่า ถ้าไม่กำหนดกรอบการทำงาน ก็จะทำให้พิจารณาผลงานได้ลำบาก เพราะผลงานที่ส่งมาส่วนใหญ่ไม่มีคุณภาพ ไม่เข้มข้น ไม่มีข้อเท็จจริงมากพอที่จะขายในตลาดเปิดได้ ถ้าจะเอาแบบนั้นจริง ๆ เราก็ควรเลื่อนกำหนดปิดรับผลงานออกไป หรือคัดเลือกเอากระทู้เด่น ๆ ของเพื่อนสมาชิกมาดัดแปลงให้เป็นบทความลงตีพิมพ์

ก็แค่นั้นแหละครับ เฮอร์โมนของคุณบอนนี่พุ่งปรี้ดแตก ถึงขนาดส่ง PM มาท้ารบกันเลย ผมถามเพื่อนสมาชิกหน่อยเถอะครับ ว่าพฤติกรรมของคุณบอนนี่เป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่? การตั้งคำถามเรื่องกรอบการพิจารณา และแนวทางในการแก้ไขปัญหาของผมเหมาะสมหรือไม่? การปั่นงานมาลงเองของคุณบอนนี่เหมาะสมหรือไม่?
:



55555 wrote:

ไม่ได้ชอบ หรือ เกลียดคุณบอนนี่ น๊ะครับ...แต่ผมว่ามันตลกอยู่น๊ะครับ

ที่ จู่ ๆ ก็มีคนออกมาพูดว่า " ถ้ารู้ว่า บอนนี่ เป็นใครแล้วจะหนาว "...

ผมว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวเท่าไหร่น๊ะครับ.....ถ้ามั่นใจว่าบอกแล้วจะทำให้คนหนาว ก็ลองบอกมาได้นี่ครับ...

แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่บอนนี่เป็นใคร....

คุณบอนนี่ ก็แค่ออกมาบอกว่า สิ่งที่คุณดอกฟ้า ฯ พูด มันไม่จริง ยังไง ก็น่าจะพอฟังได้น๊ะครับ...

ไม่เช่นนั้นแล้ว หากคนอ่านจะเชื่อว่า คุณดอกฟ้า ฯ พูดความจริง ที่ คุณบอนนี่ ไม่กล้าออกมาปฏิเสธ

ก็คงไม่แปลกน๊ะครับ...

ผมก็เพิ่งกับไปอ่านหนังสืออีกรอบ....ก็พบว่า มันมีบทความของคุณบอนนี่ อย่างที่กล่าวหาจริง ๆ


*** เข้ามาเพิ่มข้อความที่ quote ไว้ค่ะ
Last edited by see-u on Thu Feb 19, 2009 7:13 pm, edited 3 times in total.
* See - U Never Die *

** ข้ออ้างจากพวกหิวคะแนน..

แมงสาบ : ไม่เลือกเราเขา (แม้ว) มาแน่
ตะกวดแดง : เลือกเรา "แม้ว"จะกลับมา


ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา : ถ้าไม่มีคนดีก็ไม่ต้องเลือก พรรคการเมืองอย่าดูถูกประชาชน
User avatar
see-u
 
Posts: 5073
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:04 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby see-u » Thu Feb 19, 2009 2:41 pm

see-u wrote:* เมื่อไหร่จะมีคนมาตอบคำถามนี้เสียที ... ว๊า :lol:
ปล่อยให้คนอื่นออกมาพล่านแทนตัวเองอยู่ได้ ..
:mrgreen:

*** ย้ำ นะคะ ... ว่าที่เขียนถามไปไม่ได้คิดว่ามีการโกงกันเกิดขึ้น แต่มีประเด็นที่สงสัยเลยอยากได้คำอธิบายจากคนที่เกี่ยวข้อง แค่นั้น ! เด๋วจะมีการเข้าใจผิดแล้วตีความกันว่า .. ต้องการชี้นำไปที่เรื่องบัญชี ****

see-u wrote:*
อย่างที่ ดิฉัน ตามอ่านเรื่องนี้จากหลาย ๆ กระทู้ ... เพราะ อยากรู้ว่า

ตกลงตอนนี้ ... มีหนังสือเหลือค้างกี่เล่มกันแน่
เพราะ .. การเอายอดหนังสือที่สั่งจองมาให้ดูแล้วเอามาหารกะยอดที่บริจาค มันดูแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ?

เพราะในความเป็นจริง .. มีสมาชิกหลายท่านที่บริจาคเงินไปแต่ไม่เอาหนังสือ
และมีสมาชิกอีกหลายท่าน ... บริจาคเงินเกินจำนวนหนังสือที่ตัวเองรับไป
อย่างพี่คนที่ ดิฉัน ยกตัวอย่าง ... พี่เค๊าบริจาคไป 2 พันไม่รวมกะที่บริจาคเพิ่มจากการไปงานเปิดตัวหนังสือ
เค๊าก็เอาหนังสือกลับมาแค่ 3 เล่มเอง
:!:
รวมถึงค่าพิมพ์ของหนังสือไม่ชินจากยอดสั่งพิมพ์จำนวน 1 พันเล่มตกอยู่ที่เล่มละ 67 - 68 บาท
ซึ่งรวมค่า ART แล้วด้วย........ !!! เอามาขายเล่มล่ะ 159 - 200 บาทแล้วส่วนต่างมันอยู่ตรงไหน ??

ดิฉัน ... ไม่เก่งเรื่องตัวเลข ถ้ามีใครมาอธิบายให้ฟังก็ดี ..... เผื่อ ดิฉัน จะ สับสน ไปเอง
อ่อ .. บอกไว้ก่อนล่วงหน้าว่าไม่ได้คิดว่ามีการโกงกันเกิดขึ้นนะคะ แค่สงสัยว่ามันเป็นยังไงกันแน่ก็เลยถาม



see-u wrote: * ไม่ได้คิดว่ามีใครโกงหรอกค่ะ .. เขียนไว้ตรงบรรทัดสุดท้ายที่ quote มาให้ดูแล้วอ่านไม่ออกกันเหรอ ?

เอ๊า ! เขียนใหม่อีกทีในเรื่องที่สงสัย


1. มีหนังสือเหลือค้างอยู่กี่เล่มที่อยู่ในความรับผิดชอบ เหตุผลที่ถามเพราะ หลังจากที่มีการแยกตัวออกจากของทีมงานทั้ง 2 คนก็ไม่มีใครทราบจำนวนหนังสือที่เหลือแน่นอนว่ามีอยู่เท่าไหร่ ? เงินที่สมาชิกจ่ายไปเกินจำนวนหนังสือที่ตัวเองรับมา มีหลายท่านมาก พี่ ๆ บางคนเขาบริจาคให้ฟรีๆแบบไม่เอาหนังสือ แล้วมาซื้อเพิ่มเอาทีหลังก็มี เพราะฉะนั้นยอดตัวเลขของหนังสือที่เอามาให้ดูว่ามีการสั่งจองเท่าไหร่แล้วเอามาหารกะยอดบริจาคมันเลยดูแปลก ๆก็เลยทักท้วง


2. สงสัยว่าผ่านมานานเป็นเดือนแล้ว .. ทำไมถึงเช็คยอดหนังสือที่เหลือค้างอยู่กับตัวเองไม่ได้เสียที เป็นเพราะเหตุผลอะไร ?การนั่งนับหนังสือที่กองไว้ตรงหน้ามันต้องใช้เวลานับนานขนาดนั้นเลยหรือ ? ( เอาเท่าที่มีตอนนี้ก่อนก็ได้..ไม่รวมที่จุฬา )


3. การที่สรุปยอดหนังสือไม่ได้เสียที เป็นเพราะคนรับผิดชอบเอาหนังสือไปแจกตามที่ต่าง ๆ หรือเปล่า ? เห็นมีเอามาลงให้ดูอยู่ที่เดียว คือ เวที พธม. ซึ่งตรงนั้นก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร ? (ให้ในนามเว็บเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ)แต่อยากรู้ว่านอกเหนือจากนั้นแล้วเอาไปให้ใครอีก ?


4. มีหนังสืออีกจำนวนหนึ่งที่ถูกเอาไปขายตามงาน มิตติ้ง .. ได้เอามารวมกะรายละเอียดที่เอามาลงให้ดูไหม ?


5. เรื่องการกุศลที่ทำไปไม่ได้มีใครไปแตะตรงนั้น เพราะที่เขาร่วมกันบริจาคเงินให้ก็เพื่อการกุศลนั่นแหละ


6. เม่ย ไปตอบคำถามที่สมาชิกสงสัยเรื่องมันก็จบไปนานแล้ว !!!! ในเมื่อตัวเองมีเวลามาโม้ในเว็บลุงแคนได้เกือบทุกวันแต่กลับไม่มีเวลาไปอธิบายที่เสรีไทย ...ส่วน บอนนี่ นะไม่คาดหวังว่าเขาจะมาอธิบายหรอกเพราะ บอนนี่ ทำงานด้วยการ PM อย่างเดียวซึ่งคนที่ลงมือทำในภาคปฎิษัติจริง ๆ เขาก็มีข้อมูลของเขาอยู่ .. บอนนี่ รับทราบเรื่องแค่ ตะแล๊บแก๊บ จากการโทรไปรายงานของคนที่มีเบอร์เขาอยู่คนเดียว เพราะงั้น บอนนี่ ก็เลยตอบได้แค่ตามที่คน ๆ นั้นเล่าให้ฟัง (ฝ่ายเดียว)




ดอกฟ้ากับหมาวัด wrote:หนังสือ 540 เล่มที่ส่งให้ไปก็ห่อกระดาษน้ำตาลแน่นหนาจากโรงพิมพ์

แพคละ 20 เล่ม ไม่น่าใช้เวลานับนานนะ ครึ่งชั่วโมงก็นับได้แล้ว

เงินกี่บาทกี่สตางค์ เจ้าตัวเธอ อาสามารับผิดชอบ ใช้เครื่องคิดเลข บวกลบคูณหารแป๊บเดียว


ก็เท่านั้นเอง เด็กประถม...ยังทำได้เล๊ยยย
* See - U Never Die *

** ข้ออ้างจากพวกหิวคะแนน..

แมงสาบ : ไม่เลือกเราเขา (แม้ว) มาแน่
ตะกวดแดง : เลือกเรา "แม้ว"จะกลับมา


ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา : ถ้าไม่มีคนดีก็ไม่ต้องเลือก พรรคการเมืองอย่าดูถูกประชาชน
User avatar
see-u
 
Posts: 5073
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:04 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby see-u » Thu Feb 19, 2009 2:51 pm

* นี่เป็นตัวอย่างข้างต้น .. มีอีกหลาย ๆ คห. ของหลาย ๆ ท่านที่แสดงความคิดเห้นแต่คงไม่ quote เอามาทั้งหมดเพราะมันเยอะ ถ้าใครที่ติดตามอ่านมาตลอด .. ก้จะจับประเด็นได้ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่สมาชิกสงสัย

ถ้าคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงมาตอบคำถาม .. มันก้คงไม่ยืดเยื้อกันแบบนี้หรอกและเป็นผลดีกะเจ้าตัวเขาเองด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่ ??? เอาเหอะค่ะ ต่างคนก้ต่างจิตต่างใจ ... ไม่ว่ากัน

ปล. ขอบคุณ คุณ อธิษฐาน มากค่ะที่ช่วยยกเอาตัวอย่างคำพูดเรื่องการผิดกฏข้อ 10.2 ใช้ถ้อยคำหยาบคายทางเพศ มาให้บางท่านอ่าน ทั้ง ๆ ที่เรื่องวิพากษย์สมาชิกมันเริ่มกันมาตั้งแต่หน้าแรก ๆ ของ ทู้ นี้แล้ว ... แต่มีบางคนเพิ่งจะนึกออก


ปล. 2 ขออภัยสมาชิกทุก ๆ ข้อความที่ เอ้ quote ข้อความมาโดยไม่ได้ขออนุญาตค่ะ :)
* See - U Never Die *

** ข้ออ้างจากพวกหิวคะแนน..

แมงสาบ : ไม่เลือกเราเขา (แม้ว) มาแน่
ตะกวดแดง : เลือกเรา "แม้ว"จะกลับมา


ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา : ถ้าไม่มีคนดีก็ไม่ต้องเลือก พรรคการเมืองอย่าดูถูกประชาชน
User avatar
see-u
 
Posts: 5073
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:04 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby loginofu » Thu Feb 19, 2009 4:26 pm

ก็อย่างที่คุณ see-u ว่า
ที่ลุงแคนยกข้อความแรกของคุณบอนนี่มามันก็ไม่ผิดหรอก
เพียงแต่ลุงลืมยกประเด็นปัญหามาด้วย
ซึ่งหากตั้งใจมาปิด และตั้งใจมาชี้แจงจริง กระทู้คงไม่ยาวบานปลายขนาดนี้
ตรงนี้ คุณ see-u ก็มาแย้งและเอาประเด็นปัญหามาให้ดูแล้ว
ก็รอเจ้าตัวจะมาชี้แจง ว่าจะว่ายังไง ถ้าไม่มา หรือชี้แจงข้างๆคูๆ แอบกระทบกระเทียบอีก
ก็ช่วยไม่ได้ที่จะมีคนมาทวงถามคำตอบ และมีใช้สิทธิพาดพิงออกมาแย้ง
กระทู้นี้จะจบมันก็ไม่ยากหรอก ออกมาชี้แจงซะก็เท่านั้น
(คงไม่อ้างว่ายังเคลียไม่เสร็จอีกนะ เพราะน่าจะเตรียมข้อมูลตั้งแต่กระทู้ที่แล้ว
และก็บอกเองว่าที่เหลือจะรอปิดบัญชีในวันที่ 15 ที่ผ่านมา)

ส่วนกรณีว่าแย้งพื้นที่เรื่องอื่นนั้น
จริงๆแล้วก็ยุบจากหลายกระทู้ที่เกี่ยวเนื่องกันมา
จนตอนนี้เหลือกระทู้เดียวกันแล้ว คงจะไม่เป็นการรบกวนเกินไปมั๊งครับ
ถ้าหากเทียบกับกระทู้ป่วนแล้ว กระทู้นี้ยังมีความเคลื่อนไหวน้อยกว่ามาก
แค่มีการตอบต่อเนื่อง จึงดูเหมือนเยอะเท่านั้นเอง
(ด้วยสมาชิกส่วนหนึ่งก็เข้ามาใหม่ยังไม่รู้เรื่อง และสมาชิกส่วนหนึ่งก็ไม่อยากเข้ามาตอบให้ปวดหัว)
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby มันยังไง ยังไงอยู่นะ » Thu Feb 19, 2009 6:34 pm

see-u wrote:* นี่เป็นตัวอย่างข้างต้น .. มีอีกหลาย ๆ คห. ของหลาย ๆ ท่านที่แสดงความคิดเห้นแต่คงไม่ quote เอามาทั้งหมดเพราะมันเยอะ ถ้าใครที่ติดตามอ่านมาตลอด .. ก้จะจับประเด็นได้ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่สมาชิกสงสัย

ถ้าคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงมาตอบคำถาม .. มันก้คงไม่ยืดเยื้อกันแบบนี้หรอกและเป็นผลดีกะเจ้าตัวเขาเองด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่ ??? เอาเหอะค่ะ ต่างคนก้ต่างจิตต่างใจ ... ไม่ว่ากัน

ปล. ขอบคุณ คุณ อธิษฐาน มากค่ะที่ช่วยยกเอาตัวอย่างคำพูดเรื่องการผิดกฏข้อ 10.2 ใช้ถ้อยคำหยาบคายทางเพศ มาให้บางท่านอ่าน ทั้ง ๆ ที่เรื่องวิพากษย์สมาชิกมันเริ่มกันมาตั้งแต่หน้าแรก ๆ ของ ทู้ นี้แล้ว ... แต่มีบางคนเพิ่งจะนึกออก


ปล. 2 ขออภัยสมาชิกทุก ๆ ข้อความที่ เอ้ quote ข้อความมาโดยไม่ได้ขออนุญาตค่ะ :)

----------------------------------------
5555 ไม่ต้องขอหรอก ไม่ได้เป็นคนมีเครดิต อะไรกะใคร :mrgreen: :mrgreen:
พวกคุณทู้นี้ กำลังดิสเครดิต อยู่นะ ห้าๆๆๆๆๆๆ :lol: :lol:

----------------------------
ข้อความนี้ถึงคนที่รู้จัก ใครไม่รู้จัก ไม่เกี่ยว
ถ้าอยากเล่น ก็เล่นที่เสรีไทยนี่แหละ เวปนั้น ไม่เข้ามานานแล้ว เพราะอะไร ทุกคนคงรู้คำตอบแล้วตอนนี้
ข้อมูลทั้งหลาย ก็ไปอ่านจากสำนักพิมพ์ก็ได้

แต่เล่นที่เสรีไทย ก็ดูหน้าดูตา เอ้ยดูชื่อดูเนื้อหาก่อนนะ อย่าไปหาเรื่องใครล่ะ

จะไปปาย สามวัน :D :D
มันยังไง ยังไงอยู่นะ
 

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby Unnamable » Thu Feb 19, 2009 6:43 pm

มันยังไง ยังไงอยู่นะ wrote:...
จะไปปาย สามวัน :D :D


โชคดีครับ ตอนนี้ที่นั่นยังกะตรอกข้าวสาร น่าจะหาเน็ตคาเฟ่ได้ ไงก็เข้ามาแจมจากตรงโน้นก็ได้ครับ
Nothing to say,
see you in the battle.

;)
User avatar
Unnamable
 
Posts: 1289
Joined: Mon Oct 27, 2008 9:08 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby ดอกฟ้ากับหมาวัด » Thu Feb 19, 2009 9:19 pm

(ลุง)ถึก สไลเดอร์ wrote:จะไปอายทำไม ระหว่างรอเหตุการณ์บ้านเมือง เป็นคนกวาดขยะทั้งที
ก็ต้องทำบ้านเรือนของตัวเองให้สะอาดเสียก่อนใช่เปล่า ขยะบ้านยังไม่สะอาด
แล้วจะไปกวาดขยะเมืองได้อย่างไร......เอิ้กกกกกกก

:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:



ถ่ะๆๆๆ.....ถูกต้องนะกร๊าบบบ



Image
มวลมาร แม้นหมูหมา มองเมิน
จาบจ้วง คอยล่วงเกิน ดั่งไพร่
โดดเดียว ไร้ที่พัก พำนักใจ
หางด้วน ไร้ที่พัก พำนักพิง


User avatar
ดอกฟ้ากับหมาวัด
 
Posts: 1817
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:56 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby soco » Thu Feb 19, 2009 9:39 pm

*bonny wrote:**อย่าทำลายสิ่งดีงามที่บอร์ดแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยความคับแค้นใจในเรื่องส่วนตัวเลย**

โครงการจัดทำหนังสือ “ยังไงก็ไม่ชิน” เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการเมืองกับสังคมในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางความคิดที่รุนแรงที่สุด และนำเงินรายได้จากการจำหน่ายหนังสือและเงินบริจาคมอบให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาส เป็นความงดงามที่สุดที่บอร์ดแห่งนี้ได้มอบให้กับสังคมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

เราได้มอบเงินให้เด็กด้อยโอกาสไปแล้ว 39,996 บาท

เด็กด้อยโอกาสในสังคมจำนวนหนึ่งได้รับโอกาสที่พวกเรามอบให้ และอีกจำนวนหนึ่งกำลังรอคอยโอกาสนั้นให้ตกมาเป็นของตนเองบ้าง
เรื่องราวดีๆ เช่นนี้ ไม่ค่อยได้พบได้เห็นในเว็บบอร์ดสาธารณะหรอกนะครับ ส่วนใหญ่ขายเสื้อ ขายของที่ระลึกเพื่อสังคมของตนเองกันทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองไปเสิร์ชหาดูได้ครับ

ดังนั้น..ได้โปรดอย่าให้ใครชักนำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียเลยครับ

..ผมขอร้องล่ะ..

ผมในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการและรับผิดชอบโครงการนี้ก็รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ และยิ่งกังวลใจเพิ่มเมื่อเห็นคณะทำงานชุดใหม่ที่มีผู้สนับสนุนล้นหลาม ยังไม่ได้ทันทำงานก็มีเสียงกระแนะกระแหน บั่นทอนความรู้สึกขึ้นมาเสียแล้ว

บอร์ดสาธารณะก็จริง แต่จะเว้นเรื่องดีงาม เรื่องงานบุญ งานกุศลไว้สักอย่างมิได้เชียวหรือ?

ความดีงามที่ควรเป็นกุศลบุญ สุดท้ายก็จะกลายเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวกันไป อย่าทำเลยดีกว่านะครับ

การอาสาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะทำงาน แม้จะไปกันไม่ตลอดรอดฝั่ง แต่ผมถือว่า ความตั้งใจตั้งแต่ต้นในการอาสาสมัครทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทนนั้น เป็นความงดงามของจิตใจของคนผู้นั้นอยู่แล้ว ผมจึงให้เกียรติผู้ร่วมงานเสมอ ไม่เคยนำเรื่องความขัดแย้งในระหว่างการทำงานมาเปิดประเด็น ผมถือว่า นี่เป็น..มารยาท

แค่ขอรับประกันได้เลยครับว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการทำหนังสือยังไงก็ไม่ชิน ไม่หนักหนาอะไร หากทำใจยอมรับมันและใช้ความอดทนอดกลั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของการทำงาน เป็นการขัดแย้งกันทางความคิดแต่ไม่มีเรื่อง แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝงแน่นอนครับ เว้นแต่จะมีคนคิดกันไปเอง ซึ่งก็คิดกันได้ทุกเรื่องทุกราว ทุกแง่ทุกมุมแหละครับ ถ้าอยากจะคิด มันก็จินตนาการไปได้หมด แม้แต่หนังสือเล่มใหม่ ยังไม่ทันไรก็คาดการณ์กันว่า มีใครอยู่เบื้องหลังคอยฉกฉวยประโยชน์เสียแล้ว

เรื่องผลประโยชน์แอบแฝง ในโครงการดีๆ อย่างนี้ แม้แต่แค่คิด ก็เป็นบาปเป็นกรรมแก่คนผู้นั้นไปตลอดชีวิตแล้วครับ

การตรวจสอบเป็นเรื่องดีครับ หากทำด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ ผมก็ขอน้อมรับไว้พิจารณาทุกเรื่องราว แต่อย่าใช้คำพูดดูหมิ่น ดูแคลนกัน เพราะอาจทำให้ผู้ที่เข้ามาใหม่ เข้าใจผิด แต่ผมเชื่อว่า ผู้ที่อยู่ในบอร์ดมานานแล้ว เป็นวิญญูชน มีวิจารณญาณ และปัญญาทัศนะอันบุคคลปกติพึงมี จะเข้าใจ และรู้ถึงเจตนาของผู้ที่ต้องการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น

ซึ่งผมยังมองไม่เห็นประโยชน์ใดๆ ที่พวกเขาจะได้รับในทางร่มเย็นเป็นสุขเลย นอกจากทำลายความน่าเชื่อถือของคณะทำงาน และบอร์ดแห่งนี้ (สุดท้ายก็..ความน่าเชื่อถือของตัวเอง)

ตอนนี้กองบรรณาธิการก็เหลือ ผมกับน้องเม่ย aiwen^mei แค่สองคนเท่านั้น ซึ่งผมก็เห็นใจน้องเขามาก ตอนนี้ต้องแบกรับภาระทั้งเรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรจิตใจ ในเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง

อีกคนหนึ่งที่ถูกลากมาเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ และอยู่ในสภาวะน่าเห็นใจไม่แพ้กัน คือ คุณอ้อ ซึ่งเราจ้างเขาจัดทำรูปเล่มของหนังสือเล่มนี้และได้ชำระเงินไปให้เธอจนครบถ้วนแล้ว

คุณเธอก็ดีซะเหลือเกิน นำหนังสือไปฝากขายที่ศูนย์หนังสือจุฬา ในบัญชีของตนเอง เพราะทีมงานไม่มีบัญชีผู้ฝากขายเปิดอยู่ เธอรับหน้าที่เคลียร์บัญชีและเงินกับทางศูนย์หนังสือแทนเราแล้วโอนเงินให้ด้วย ส่วนนี้ ทำให้เราฟรีครับ ไม่ได้ตังค์สักบาทเดียว ตอนนี้ผมขอให้เธอเอาบัญชีมาแสดงด้วย เพราะมีผู้ข้องใจว่าไม่โปร่งใส

ได้คุยกับเธอก็เห็นใจครับ เพราะผมเป็นผู้ชักนำเธอให้มาร่วมงานกับเรา เพราะเธอเคยเป็นแฟนประจำกระทู้เก่าของผมที่พันทิป เคยช่วยผมทำหนังสือ ร้อยฝันพันทิปจนโด่งดัง เป็นมืออาชีพทางด้านนี้มายาวนาน

เธอเล่าให้ฟังว่า..
เมื่อได้รับคำขอจากผมและเม่ยให้ปิดบัญชีหนังสือที่ศูนย์หนังสือ เธอก็ได้ทำให้แล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลานั้น เธอป่วยหนัก ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายเดือน ทำงานไม่ได้เลย หลังจากหายดีแล้ว ก็ต้องหางานใหม่ ก็ขายบ้าน ย้ายบ้านใหม่มาอยู่กับแม่ และเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็มาเสียคุณพ่อไปอีก เรียกว่า ทั้งปีที่ผ่านมา มีแต่มรสุมรุมเร้า แทบเอาตัวไม่รอด มาเจอพวกเราเร่งรัดงานซึ่งเธอลงทุนลงแรงทำให้โดยไม่หวังอะไร ก็เล่นเอาควันออกหูไปเหมือนกัน

ส่วนเรื่องหนังสือที่มีผู้ไปสืบค้นว่า ทางศูนย์หนังสือแจ้งว่า หนังสือหมด ไม่มีขายแล้วนั้น

ข้อเท็จจริง หาได้ขายหนังสือไปจนหมดไม่

เราฝากหนังสือไว้กับเขา 110 เล่ม คาดว่า จะขายไปได้ครึ่งเดียว ที่เหลือ เมื่อได้รับการแจ้งว่า “ขอปิดบัญชี” เขาจะสั่งถอนหนังสือกลับจากสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ มายังคลังส่วนกลางเพื่อเคลียร์สต็อกให้เรา ช่วงเวลาดังกล่าว จะไม่มีหนังสือเพื่อขายอีกต่อไป

แล้วจังหวะที่เราขอปิดบัญชีนั้น เป็นช่วงที่ทางศูนย์หนังสือย้ายที่ทำการใหม่อีก จากข้างสนามศุภชลาศัยมาอยู่ที่จามจุรีสแควร์ ก็ยิ่งทำให้เกิดความล่าช้าไปใหญ่
หลังจากเคลียร์บัญชีให้เราได้แล้ว (ซึ่งปกติกินเวลานานมาก ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ทุกเอเย่นต์เหมือนกันหมดครับเพราะเขาจะต้องแน่ใจว่า ไม่มีหนังสือเหลือตกค้างจริงๆ จึงจะจ่ายคืนเรา) เขาจะนัดวันให้ไปรับหนังสือคืนและเคลียร์เงินส่วนต่างให้ หากเราไม่ไปรับหนังสือคืน ปกติที่นี่เขามีโครงการบริจาคประจำปีให้ห้องสมุดต่างๆ อยู่แล้วครับ ดังนั้น..สบายใจได้ว่า เราได้ทำบุญทำกุศลแน่ (ยังไงนโยบายนี้ ขอให้เช็คกับทางศูนย์อีกทีนะครับ เพราะผมเคยฝากขายนานมาแล้ว)

หนังสือที่ค้างและเงินที่ค้างอยู่ก็ไม่เยอะหรอกครับ แต่มันปิดบัญชีไม่ได้ซักทีเพราะอำนาจทั้งหลายในการจัดการมิได้ขึ้นอยู่ที่เราต่างหาก

แต่เอาล่ะ..เมื่อผมได้รับทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว และเห็นว่า การคั่งค้างต่อไปอาจสร้างความลำบากใจให้กับบางคนเป็นอย่างมาก ผมก็ขอประกาศแนวทางการปิดโครงการเอาไว้ เป็นดังนี้..

--เงินที่คงเหลือในสมุดบัญชีของเราทราบว่า มีจำนวนประมาณ 5,660 บาท (ยังไม่ได้หักค่าพาหนะ และค่าไปรษณีย์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า)

--หนังสือตกค้างกับศูนย์หนังสือจุฬา ไม่ทราบจำนวนแน่นอน แต่คะเนได้ครับว่า ประมาณ 50 เล่ม (ผมไม่แน่ใจว่า ทางศูนย์หนังสือมีการกันหนังสือไว้ 10% เป็นโปรโมชั่นหรือเปล่า )

--เงินคงค้างที่ทางศูนย์ยังไม่เคลีรย์ให้ คิดว่าไม่น่าจะเกินหนึ่งพันบาท เพราะเราเคลียร์ยอดใหญ่ในช่วงที่หนังสือพีคไปแล้วสองครั้ง ถ้ายอดหนังสือยังเดินอยู่ ทางเราคงไม่ขอปิดบัญชีหรอกครับ

เพื่อให้เรื่องนี้ไม่ติดขัดและสร้างความล่าช้า ผมจะขอให้น้องเม่ยบริจาคเงินคงเหลือในมือให้กับองค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาสไปเลย 5,500 บาท ส่วนผมจะเติมเงินส่วนตัวให้เต็มจำนวน 9,999 บาท เท่ากับที่เราบริจาคทุกครั้ง ซึ่งน่าจะมากกว่าเงินที่รอคอยจากศูนย์หนังสือเสียอีก

หากมีเงินจากศูนย์หนังสือเข้ามาเมื่อใด ก็ให้น้องเม่ยแจ้งจำนวนแน่ชัดให้สมาชิกทราบผ่านการขุดกระทู้นี้ และอย่าลืมถ่ายหลักฐานการจ่ายเงินของทางศูนย์ให้สมาชิกที่นี่รับทราบด้วย (เช่นเดียวกับที่ผ่านๆ มา ขอร้องคุณอ้อให้ขอหลักฐานมาแสดงด้วย)

--หนังสือในมือของน้องเม่ยที่เหลืออยู่ในสต็อก (ประมาณ 300 เล่ม) มีเท่าไรให้จัดทำรายละเอียดออกมา ตั้งแต่ที่เรามอบให้กับสื่อมวลชนผ่านลุงแคนและมอบให้กับกลุ่มพันธมิตรผ่านตัวแทนแกนนำพันธมิตรด้วย

จำนวนที่เหลือสุทธิให้ดำเนินการส่งมอบให้กับทัณฑสถานเยาวชนทั่วประเทศ เพื่อให้เยาวชนที่หลงผิดมีจิตสำนึกต่อสังคมที่ดีขึ้นกว่าเดิม และทราบมาว่า ขาดแคลนหนังสือในห้องสมุดมากมายด้วย

การส่งมอบให้ทัณฑสถานเยาวชนทั่วประเทศ ซึ่งมีเกือบร้อยแห่ง ไม่จำเป็นต้องส่งไปรษณีย์นะครับ ให้นำหนังสือไปมอบให้กับผู้แทนของกรมราชทัณฑ์ที่ปากเกร็ด เขาจะดำเนินการทุกอย่างให้เราตามวัตถุประสงค์ และอย่าลืมขอใบตอบรับการรับมอบด้วย (ขออภัย ค้นหาชื่อเจ้าหน้าที่และเบอร์ไม่เจอ)

อีกแห่ง คือ ศูนย์ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย ของกระทรวงศึกษาธิการนะครับ เขาจะส่งหนังสือเราไปยังห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ ลองโทร.ไปที่ 02 2829098 ถามหาอาจารย์รุ่งนภา หรือไม่ก็ที่ท่านผอ.คุณ กษมา ยุกตทัศน์ เบอร์โทร.02 6285593 ไม่ทราบว่า ท่านย้ายไปหรือยัง

อีกแห่ง..คือ ห้องสมุดของสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ ผ่านทางคุณพรเพ็ญ ยอดยิ่ง หน้าห้องของท่านปลัดกท.ศึกษาธิการ เบอร์โทร. 02 2816350

ถ้าท่านเหล่านั้นย้ายไปแล้ว ก็ใครก็ได้ครับที่ทำการแทน

ทั้งหมดนี้ ถ้าน้องเม่ยเข้ามารับทราบเมื่อใด ก็ดำเนินการได้เมื่อนั้น และคาดว่า น่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

หลักฐานและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง น้องเม่ยจะนำมาแปะไว้ในกระทู้เพื่อรับทราบโดยทั่วกัน

น่าจะจบกันได้เสียทีนะครับสำหรับโครงการจัดทำหนังสือครบรอบหนึ่งปีของเสรีไทยเว็บบอร์ด

"ยังไงก็ไม่ชิน"

**************************

เรื่องที่สองที่ขอฝากให้คณะผู้จำทำหนังสือเล่มใหม่

อยากจะเรียนว่า ขบวนการเสรีทยเว็บบอร์ด กับ เว็บไซต์ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด เป็นองค์กรที่แยกส่วนกันโดยเด็ดขาดนะครับ

ขบวนการที่ผมเป็นหัวหน้าและผู้ก่อการ ปัจจุบันผมได้ปิดกิจกรรมขององค์กรไปเป็นการชั่วคราว เพราะเราตั้งขึ้นมาต่อต้านระบอบทักษิณ เมื่อเห็นว่า ระบอบนั้นได้ถูกสังคมและการเมืองทำลายล้างจนปัจจุบันง่อยเปลี้ยเสียขาไปแล้ว ไม่อาจลุกขึ้นมาทำร้ายสังคมได้อีก ก็ถือว่า..วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งได้บรรลุไปแล้ว ตามปณิธานที่ให้ไว้แต่ต้น หาอ่านได้จากบทนำในหนังสือยังไงก็ไม่ชิน

ส่วนเว็บบอร์ดแห่งนี้เป็นสื่อกลางที่คนหลากหลายในสังคมใช้ร่วมกัน คนรักทักษิณ หรือ พันธมิตร หรือไม่ฝักใฝ่ใคร ก็มาอยู่ร่วมกันที่นี่ได้ ภายใต้กรอบกติกาที่เว็บมาสเตอร์กำหนด

ดังนั้น..
การนำไปอ้างอิงในหนังสือ ขอให้คำนึงถึงจุดนี้ด้วยนะครับ
และส่วนตัว ขอสนับสนุนกิจกรรมที่ดี มีประโยชน์อย่างนี้ต่อไป

**********************

ในส่วนของผมเอง ห่างหายไปจากหน้าเว็บบอร์ดแห่งนี้ไปนาน แต่ความผูกพันมิได้จืดจางลงไปแต่อย่างใดเลย ยังเป็นเสรีชนเต็มเปี่ยม แต่เห็นว่า สภาวะทางการเมืองขณะนี้ ดำเนินไปตามวิถีทางอันสมควรจะเป็นแล้ว ไม่มีแรงบันดาลใจที่มากพอที่จะทำให้ผมเข้ามาตั้งกระทู้พูดคุยเรื่องการเมืองที่นี่ หรือ ที่ไหนๆ อีก

สู้นำเวลาในการตอบโต้กันในกระทู้ไปใช้เพื่อประโยชน์กับสังคมส่วนรวมในแง่อื่นดีกว่า ซึ่งผมก็ทำงานสำเร็จไปหลายอย่างแล้ว และยังคงมุ่งหน้าทำต่อไปครับตราบใดที่ยังทำไหว

ในเดือนหน้าจะมีหนังสือที่ผมเขียนเองเปิดตัวในงานหนังสือแห่งชาติ ชื่อเรื่อง "ความลับหุบผามังกร" หรือThe Secret of Paragon ใช้นามปากกาว่า ปริณดา

ความลับหุบผามังกร..
เป็นเรื่องราวของพ่อมดน้อยอายุ 17 ที่พลัดหลงเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่ชื่อว่า The Paragon
ซึ่งเป็นดินแดนของชาวมังกรที่ต้องคำสาปของพ่อมดเมอร์ลินมากว่า 1000 ปีแล้ว โดยในพารากอน มังกรจะมีร่างกายเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ถ้าออกไปจากพารากอนก็จะเป็นมังกรตัวสีเขียวๆ

เด็กหนุ่มต้องอาศัยเวทมนตร์พ่อมดที่เรียนรู้มาอย่างกระท่อนกระแท่นช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากข้อกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร และต้องสืบหาตัวฆาตกรตัวจริงอย่างลับๆ ร่วมกับเพื่อนๆ ชาวมังกรของเขา
และแล้วความลับที่ถูกปกปิดมาเป็นเวลาช้านานก็ถูกเปิดเผยออกมา
เป็นนวนิยายสืบสวนสอบสวนที่ต้องอาศัยสติปัญญามาแก้ปัญหาทีละเปลาะๆ มากกว่าใช้เวทมนตร์เสกโน่นเสกนี่ตามแบบฉบับของนวนิยายพ่อมดแฟนตาซีทั่วๆ ไป

ความหนาประมาณ 385 หน้าพ็อกเก็ตบุคครับ


ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครับ เป็นวรรณกรรมเยาวชน ที่ผมขายลิขสิทธิ์ให้กับสนพ.ประพันธ์สาส์นไปแล้ว เงินที่ได้จากค่าลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ก็พอสมควรแก่ความสามารถอยู่ และจะส่งมอบเงินจำนวนนี้กลับคืนสู่สังคมให้เด็กด้อยโอกาสผ่านองค์กรการกุศลต่างๆ ทุกบาททุกสตางค์โดยไม่หักค่าใช้จายส่วนตัวเช่นเดียวกับงานเขียนของผมทุกชิ้นงานที่ผ่านมา

ที่ผมเปลี่ยนแนวมาเขียนวรรณกรรมเยาวชน ก็เพราะสามารถเข้าถึงเด็กทุกเพศทุกวัยมากกว่าวรรณกรรมประโลมโลก และ บทความทางการเมือง
(อย่างหนังสือยังไงก็ไม่ชิน ไม่กล้าแจกเด็กนักเรียนในชนบทครับ พวกเขาบริสุทธิ์เกินไป)


ในส่วนของนักเขียนสามารถซื้อหนังสือได้ในราคาลด 25% หากใครสนใจ ก็ขอให้แจ้งผ่านอีเมล์ของผมได้ที่ bonnythai@hotmail.com ราคาปกผมยังไม่รู้เลยครับเพราะไม่มีหน้าที่จัดการตรงนั้น แต่เมื่อหนังสือออกแล้ว ผมจะแจ้งให้ทราบพร้อมกับจัดส่งให้ (หรืออาจให้ประพันธ์สาส์นจัดส่งให้) ทางไปรษณีย์โดยผมจะออกค่าไปรษณีย์ในประเทศให้เอง

ใครที่คิดว่าผมจะหลอกเงิน หรือหลอกขายของก็อย่าสั่งจองเข้ามาเลยนะครับ ผมคงไม่ตอบโต้ใดๆ เพราะขี้เกียจจริงๆ ให้ตายเหอะ

เพื่อนๆ ที่ยังชื่นชอบงานเขียนของผมอยู่ก็ขอให้โปรดรับหนังสือนี้ไว้พิจารณาด้วยก็แล้วกันนะครับ บุญกุศลที่ทำร่วมกับผมในครั้งนี้ก็ขอให้ท่านจงประสบความสุขความเจริญตลอดไปเทอญ
.
.
.
.
.
User avatar
soco
 
Posts: 4816
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:03 pm

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby Cryfreedom » Thu Feb 19, 2009 11:04 pm

ขออนุญาตเสนอนิดนะครับ
ผมว่าเรื่องราวทั้งหมดก็ต่อว่าท้วงถามกันไปหมดแล้ว
ที่เหลือคือรอคุณเม่ยมาชี้แจงหรือจะรอคุณ Bonny จะมาโต้แย้งก็ตาม

ทางฝ่ายคุณดอกฟ้าฯและเพื่อนๆ ควรให้เวลาบ้างดีกว่านะครับ
เอาเป็น 1 เดือนหลังจากนี้ไปดีมั๊ยครับ เพราะถ้าเป็นตามที่คุณBonnyบอก
ก็คงสรุปได้ภายในเดือนนี้ แต่เพื่อความเป็นธรรมกับคุณเม่ยด้วย
รอเดือน 1 คงไม่นานไปมังครับ เพื่อภาพพจน์ที่ดีและจริงใจ
ของทางฝ่ายคุณดอกฟ้าฯด้วยเช่นกันนะครับ

หยุดกระทู้นี้รอซักเดือน ค่อยว่ากันใหม่ถ้า คุณเม่ย คุณBonny ไม่มาโต้แย้ง
ก็เท่ากับยอมรับสิ่งที่คุณดอกฟ้าฯพูดไปโดยปริยาย สังคมคงมีคำตัดสินให้เองครับ

เรื่องนี้ผมคนวงนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไร ขอบอกตรงๆตามที่อ่านว่า
ท่านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องไม่สามารถโต้แย้งหรือเถียงแทนได้เลยครับ
ยิ่งทำแบบนั้นดูเหมือนจะยิ่งทำให้ภาพพจน์คุณเม่ยและคุณBonnyแย่ลงนะครับ
รอทั้งสองท่านมาชี้แจงเองจะดีที่สุดครับ ยิ่งช่วยยิ่งดูเหมือนจะแย่ลงนะครับ

ส่วนฝ่ายคุณดอกฟ้าฯหากจะทวงถามต่อไปแบบนี้เรื่อยๆมันก็คงไม่มีข้อยุติและ
ไม่สง่างามกับคุณดอกฟ้าฯเองเช่นกันน่ะครับ

อันนี้ผมเพียงเสนอแนะนะครับ ส่วนคิดเห็นเช่นไรก็อยู่ที่ทุกท่านจะพิจารณาครับ[/size]
User avatar
Cryfreedom
 
Posts: 174
Joined: Mon Dec 08, 2008 12:56 am

Re: **กระทู้ปิดบัญชีหนังสือ "ยังไงก็ไม่ชิน"**

Postby ดอกฟ้ากับหมาวัด » Thu Feb 19, 2009 11:16 pm

Cryfreedom wrote:ขออนุญาตเสนอนิดนะครับ
ผมว่าเรื่องราวทั้งหมดก็ต่อว่าท้วงถามกันไปหมดแล้ว
ที่เหลือคือรอคุณเม่ยมาชี้แจงหรือจะรอคุณ Bonny จะมาโต้แย้งก็ตาม

ทางฝ่ายคุณดอกฟ้าฯและเพื่อนๆ ควรให้เวลาบ้างดีกว่านะครับ
เอาเป็น 1 เดือนหลังจากนี้ไปดีมั๊ยครับ เพราะถ้าเป็นตามที่คุณBonnyบอก
ก็คงสรุปได้ภายในเดือนนี้ แต่เพื่อความเป็นธรรมกับคุณเม่ยด้วย
รอเดือน 1 คงไม่นานไปมังครับ เพื่อภาพพจน์ที่ดีและจริงใจ
ของทางฝ่ายคุณดอกฟ้าฯด้วยเช่นกันนะครับ

หยุดกระทู้นี้รอซักเดือน ค่อยว่ากันใหม่ถ้า คุณเม่ย คุณBonny ไม่มาโต้แย้ง
ก็เท่ากับยอมรับสิ่งที่คุณดอกฟ้าฯพูดไปโดยปริยาย สังคมคงมีคำตัดสินให้เองครับ

เรื่องนี้ผมคนวงนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไร ขอบอกตรงๆตามที่อ่านว่า
ท่านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องไม่สามารถโต้แย้งหรือเถียงแทนได้เลยครับ
ยิ่งทำแบบนั้นดูเหมือนจะยิ่งทำให้ภาพพจน์คุณเม่ยและคุณBonnyแย่ลงนะครับ
รอทั้งสองท่านมาชี้แจงเองจะดีที่สุดครับ ยิ่งช่วยยิ่งดูเหมือนจะแย่ลงนะครับ

ส่วนฝ่ายคุณดอกฟ้าฯหากจะทวงถามต่อไปแบบนี้เรื่อยๆมันก็คงไม่มีข้อยุติและ
ไม่สง่างามกับคุณดอกฟ้าฯเองเช่นกันน่ะครับ

อันนี้ผมเพียงเสนอแนะนะครับ ส่วนคิดเห็นเช่นไรก็อยู่ที่ทุกท่านจะพิจารณาครับ[/size]




ขอบคุณ...และรับทราบในเจตนาที่ดีค่ะ


.....ก็คิดว่าจะรอ...นานแค่ไหนก็จะรอ


แต่พวกตัวป่วนมาใช้คำหยาบๆคายๆ ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนร่วม..ทำให้เรื่องนี้มันเละเทะ

กลายเป็นเรื่องส่วนตัวไปน่ะสิคะ


ดอกฟ้าฯ เรียนชี้แจงมาตั้งแต่ต้นแล้ว...ว่าใครสงสัยตรงประเด็นไหน...ก็จะตอบในทุกคำถาม

โดยข้อเท็จจริงทุกประการ


เรื่องนี้เรียนด้วยความเคารพทุกท่านว่า..


ไม่ได้มีสิ่งอื่นใดที่ต้องเจ็บแค้น อิจฉาริษยาใครเลย เพียงแค่ทวงถามสิ่งที่จะเป็นและควรเป็น

ในฐานะที่เคยร่วมรับผิดชอบร่วมกัน


และหวังว่าวิญญชน..ในเวปนี้พึงพิจารณาได้


ด้วยความเคารพทุกท่านค่ะ


ไม่ว่าจะอ่อนอาวุโสกว่า..หรือแก่พรรษากว่า



ดอกฟ้าฯ




ปล. ดอกฟ้าฯ อยากให้คนที่เกี่ยวข้อง มาแจ้งแก่สมาชิกเองว่า


วันไหนที่พร้อม....มากกว่าฝากคนอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องมาพูดบอกกล่าวลอยๆ

ก็เท่านั้นเองค่ะ เพราะเริ่มงง....ว่ามันเกิดไรขึ้น

ปีนี้หรือปีหน้า...ก็จะรอค่ะ
มวลมาร แม้นหมูหมา มองเมิน
จาบจ้วง คอยล่วงเกิน ดั่งไพร่
โดดเดียว ไร้ที่พัก พำนักใจ
หางด้วน ไร้ที่พัก พำนักพิง


User avatar
ดอกฟ้ากับหมาวัด
 
Posts: 1817
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:56 pm

PreviousNext

Return to ประกาศเก่า



cron