"คำของพ่อ-เด็กชายน้อย"คว้าชนะเลิศ หนังสั้นเฉลิมพระเกียรติ

ห้องสำหรับกระทู้นอกเรื่อง ดูแลโดย Mod 1ktip

"คำของพ่อ-เด็กชายน้อย"คว้าชนะเลิศ หนังสั้นเฉลิมพระเกียรติ

Postby Canthai » Tue Feb 16, 2010 10:45 pm

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 20:15:23 น. มติชนออนไลน์

"คำของพ่อ-เด็กชายน้อย"คว้าชนะเลิศ หนังสั้นเฉลิมพระเกียรติ "คำพ่อสอน"

ที่ศาลาเฉลิมกรุง เมื่อวันที่ 16 ก.พ. มูลนิธิพระดาบสได้จัดให้มีการประกาศผลภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ "คำพ่อสอน" ซึ่งคัดเลือกจากภาพยนตร์สั้นที่ผ่านเข้ารอบ 18 เรื่อง ประกอบด้วย ประเภทเยาวชน 9 เรื่อง และประเภทบุคคลทั่วไป 9 เรื่อง โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิพระดาบส เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล และแถลงข่าวขับเคลื่อนโครงการ "คำพ่อสอน" ปี 2553

สำหรับภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ "คำพ่อสอน" ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทเยาวชน ได้แก่ เรื่อง "คำของพ่อ" ผลงานการกำกับและเขียนบทของ อุทิศ จิตร์อารีย์ เรื่องราวที่ภารโรงคนหนึ่งใช้หนังสือ "คำพ่อสอน" มาอ่านและสอนลูกชายซึ่งเป็นบุคคลออทิสติก เพื่อหวังให้ลูกชายนำคำสอนติดตัวไป และสามารถดูแลตัวเองได้ยามที่เขาไม่อยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาตกหลังคาสลบไป ลูกชายคนเดียวของเขาก็อ่านหนังสือคำพ่อสอนทุกวันจนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อยามที่พ่อนอนแน่นิ่งอยู่ จนสุดท้ายเมื่อลูกชายปฏิบัติกิจกรรมเยี่ยงบุคคลทั่วไปได้แล้วก็พบว่า พ่อนั้นได้ฟื้นขึ้นมาและมองอย่างมีความสุข

ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ เรื่อง หัวหน้าห้องคนใหม่ ผลงานกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ของ เอกลักษณ์ ยิ้มแย้ม ร่วมด้วย ศศิธร เหลืองอ่อน เรื่องราวเกี่ยวกับ มาโนชเด็กผู้ชายที่มีลักษณะเรียบร้อย ถูกเพื่อนๆในห้องเลือกให้เป็นหัวหน้าห้องคนใหม่ เมื่อหัวหน้าห้องคนเก่าต้องย้ายโรงเรียนไป เพื่อหวังให้เขาไม่ต้องจดชื่อเพื่อนๆในชั้นเรียนที่ชอบคุยและเล่นกันจนเสียงดัง สุดท้ายเมื่อเพื่อนๆทำผิดมาโนชก็รับผิดแทนเพื่อนร่วมห้องทุกคน เมื่อเพื่อนเห็นความเสียสละของมาโนชทุกคนจึงคิดได้และยอมรับความผิดในความซุกซนของตัวเองด้วยการยอมถูกครูตี

รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ เรื่อง มิตรภาพ ผลงานการกำกับภาพยนตร์ และเขียนบทของ ศรายุทธ วรรณกูล เรื่องราวของเพื่อนรัก สองคนที่รักและผูกพันกันมากเมื่อวัยเด็ก เมื่อโตขึ้นสมชายได้กลายมาเป็นทหารทำหน้าที่รั้วของชาติรักษาความสงบเรียบร้อย แต่อารีย์กลับกลายเป็นแนวร่วมของกลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ กลายเป็นสองทางเลือกของเพื่อนรักวัยเด็กที่ต้องเลือกระหว่าง"หน้าที่และมิตรภาพ

สำหรับรางวัลชมเชย มีสองรางวัลได้แก่ เรื่อง ความดีในใจ ผลงานของ กิตติภูมิ มุ่งสระกลางที่ทำทั้งหน้าที่เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง คือ ผีเสื้อ ผลงานของ ทินตะวัน บุรวัตร์

ขณะที่รางวัลชนะเลิศ ประเภทบุคคลทั่วไปได้แก่ เรื่อง เด็กชายน้อย เขียนบทและกำกับโดย ธนทัต สกุลคุณาทิพย์ เรื่องราวของ เด็กชายน้อย ที่ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาซึ่งมีอาชีพหลักทำนา แต่อีกคราบก็เป็นสารพัดช่าง ถึงได้ชอบสะสมน้ำใจมากกว่าสะสมเงินทอง จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาและพ่อต้องเดือดร้อนในคืนฝนตกหนัก ชาวบ้านที่พ่อเคยช่วยเหลือก็กลับมาช่วยพวกเขา น้อยใจจึงเข้าใจกับคำสอนของพ่อที่ว่า การแบ่งปันมีน้ำใจกับผู้อื่นสำคัญและมีค่ากว่าการมีเงินทองที่มากมายเสียอีก

รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ เรื่อง ธนาคารมิตรภาพ ผลงานการกำกับภาพยนตร์ เขียนบท และควบคุมการผลิตของ สุมิตร เที่ยงตรงจิตร เรื่องราวของเจ้ยและกลุ่มเพื่อนเด็กต่างจังหวัดที่ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ โดยอาศัยอ่านเรื่องราวจากหนังสือที่เก็บได้ จนพวกเขาได้มาพบกับ การ์ตูนนิยายเรื่อง "แผ่นดินพ่อข้าใครอย่าแตะ" เจ้ยก็สวมวิญญาณเป็นพระเอกหนังการ์ตูนอ่านและออกท่าทางทำเสียงประกอบตัวละครต่างๆ ให้เพื่อนๆฟัง เมื่อเรื่องมาถึงจุดไคลแม็กซ์ ด้วยความเมามันเจ้ยกระโดดถีบพวกผู้ร้ายอย่างสุดแรงสุดท้ายเขาก็ต้องเจ็บตัว เมื่อลืมไปว่า เขากำลังอ่านหนังสืออยู่บนต้นไม้

หนังสั้นเรื่อง เกิบ คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับสอง กำกับภาพยนตร์โดย ทิฆัมพร ภูพันนา เรื่องราวของ คำไส เด็กชายชั้นป.4 ที่พ่ายแพ้ระหว่างวิ่งแข่งกับเพื่อนร่วมชั้นในวิชาพละศึกษา ทั้งที่เขานำมาก่อนแต่ด้วยความที่เขาไม่ได้ใส่รองเท้าจึงทำให้ล้มตรงหน้าเส้นชัยอย่างน่าเสียกาย เมื่อคำไสตามพ่อไปซื้อของเก่าเขาก็เจอเงินสามร้อยบาทซึ่งซ่อนอยู่ในหมอนที่เด็กผู้หญิงคนหนี่งนำมาแลกถ้วย กับความลังเลว่า จะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อรองเท้าใส่ดีหรือไม่ สุดท้ายคำไสก็เลือกที่จะนำไปคืนเจ้าของ พร้อมกับการชื่นชมลุกชายด้วยสีหน้าที่คำไสมีจิตสำนึกแห่งความดี

รางวัลชมเชยในประเภทบุคคลมีสองเรื่อง ได้แก่ กล่องดำ กำกับโดย ประวิตร ตรีเมฆ และบทโดย รัศมิมาน นิ่มตระกูล อีกเรื่องหนึ่งคือ รอยเท้าพ่อ บทและภาพยนตร์โดย โชติกา ดวงจินดา

สำหรับ โครงการประกวดภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ "คำพ่อสอน"เป็นกิจกรรมหนึ่งที่มูลนิธิพระดาบส จัดทำขึ้นเพื่อให้เกิดการน้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากหนังสือ "คำพ่อสอน" มาสู่การประพฤติปฏิบัติและเผยแพร่สู่สาธารณชน ด้วยการส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปนำแรงบันดาลใจที่ได้เรียนรู้จากหนังสือดังกล่าว มาสู่การสร้างสรรค์ในรูปแบบภาพยนตร์สั้น

ทั้งนี้ นพ.เกษม ได้กล่าวระหว่างการเสวนาว่า การทำภาพยนต์สั้น ซึ่งได้รับแนวทางมาจากหนังสือคำพ่อสอน ถือว่าเป็นการเผยแพร่พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็พระเจ้าอยู่หัวสู่ในใจประชาชนได้อย่างมหาศาล และจากการพูดคุยกับผู้ได้รับรางวัลไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ หรือเขียนบท ที่เป็นทั้งนักศึกษา และจากประชาชนทั่วไปหลากหลายอาชีพ ก็พบว่าพวกเขามีความตั้งใจจริงที่จะถ่ายทอด คำพ่อสอน ออกมาอย่างตั้งใจผ่านหนังสั้นเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากให้คนทุกคนยึด คำพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงบอกให้ปิดทองหลังพระ ถ้าทุกคนมัวแต่ปิดหน้าพระ พระก็จะไม่มีทางเป็นองค์ที่งดงามได้ เช่นเดียวกับการทำงานที่ต้องมีทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ดังนั้นการปิดทองหลังพระ ถ้าปิดมากๆเข้า ก็จะล้นมาด้านหน้าเอง ช่างเป็นพระราชดำรัสของพระองค์ท่านที่งดงามยิ่งนักทุกแง่ทุกมุม

ขณะที่ "อังเคิ่ล-อดิเรก วัฏลีลา ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ระบุ อยากฝากให้คนไทยนำซีดีภาพยนตร์สั้นทุกเรื่องที่นำส่งประกวด กว่า สองร้อยเรื่อง และผ่านเข้ารอบ 18 เรื่อง รวมถึงที่ได้รางวัลในครั้งนี้เปลี่ยนรูปแบบมาทำแจกเพื่อเป็นของขวัญแจกจ่ายแก่กัน หรือทำขายแข่งกับซีดีผี เชื่อว่า ยอดขายจะดีมาก และช่วยเผยแพร่พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เข้าสู่ในจิตใจของคนไทยทุกคนอย่างแน่นอน ถ้าจะเปรียบกับหนังสั้นเฉลิมพระเกียรติก็จะเหมือนกับผลไม้ที่สุกงอมกำลังสวยงาม ถ้าไม่มีการบริโภคสุดท้ายก็จะกลายเป็นผลไม้เน่า ตนจึงอยากจะบอกทุกคนว่า "ช่วยเอาไปกินกันหน่อย"
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Return to ห้องพัก



cron