บุญปลีก wrote:Joystick = แท่งหรรษา
Vihok_Asnii wrote:อืม...ผมว่ามัน absurd ที่จะมากล่าวว่าภาษาบาลี-สันสกฤต raping ภาษา Thai เพราะ root ของความเป็น Thai มีความเป็นมาผูกพันกับศาสนาพุทธมาอย่าง intimate ตั้งแต่ long, long time agoแล้วยังรับอิทธิพลทาง Bhrami มาอีก ทั้งภาษา Thai ที่ชาวสยามชาวสุวรรณภูมิ use guard come ก็เป็นภาษาที่ออกจะ hybrid อยู่แต่แรกแล้ว
การที่เราไม่ค่อย appreciate การใช้ภาษาทางตะวันตกปนกับภาษา Thai เมื่อเทียบกับบาลีสันสกฤต ไม่ได้เป็นการ hypocrite ดังจะเห็นได้จาก proverb ที่ว่า seeing feces better than guts เพราะของมันที่มีรากมาจากคนละ source กัน มันก็ get along กันยากกว่า และเมื่อผสมออกมาก็ดูไม่ค่อย in สูญเสีย aesthetics และ condensed flavour กลายเป็นความน่า bite water bowl ไปซะมากกว่า ...จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับ story city work ที่ต้องการความ SERIOUS และ clear ในการสื่อความหมาย
อ้อ แล้วมันยังดู smith annoying อีกด้วย
Vihok_Asnii wrote:อืม...ผมว่ามัน absurd ที่จะมากล่าวว่าภาษาบาลี-สันสกฤต raping ภาษา Thai เพราะ root ของความเป็น Thai มีความเป็นมาผูกพันกับศาสนาพุทธมาอย่าง intimate ตั้งแต่ long, long time agoแล้วยังรับอิทธิพลทาง Bhrami มาอีก ทั้งภาษา Thai ที่ชาวสยามชาวสุวรรณภูมิ use guard come ก็เป็นภาษาที่ออกจะ hybrid อยู่แต่แรกแล้ว
การที่เราไม่ค่อย appreciate การใช้ภาษาทางตะวันตกปนกับภาษา Thai เมื่อเทียบกับบาลีสันสกฤต ไม่ได้เป็นการ hypocrite ดังจะเห็นได้จาก proverb ที่ว่า seeing feces better than guts เพราะของมันที่มีรากมาจากคนละ source กัน มันก็ get along กันยากกว่า และเมื่อผสมออกมาก็ดูไม่ค่อย in สูญเสีย aesthetics และ condensed flavour กลายเป็นความน่า bite water bowl ไปซะมากกว่า ...จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับ story city work ที่ต้องการความ SERIOUS และ clear ในการสื่อความหมาย
อ้อ แล้วมันยังดู smith annoying อีกด้วย
Vihok_Asnii wrote:อืม...ผมว่ามัน absurd ที่จะมากล่าวว่าภาษาบาลี-สันสกฤต raping ภาษา Thai เพราะ root ของความเป็น Thai มีความเป็นมาผูกพันกับศาสนาพุทธมาอย่าง intimate ตั้งแต่ long, long time agoแล้วยังรับอิทธิพลทาง Bhrami มาอีก ทั้งภาษา Thai ที่ชาวสยามชาวสุวรรณภูมิ use guard come ก็เป็นภาษาที่ออกจะ hybrid อยู่แต่แรกแล้ว
การที่เราไม่ค่อย appreciate การใช้ภาษาทางตะวันตกปนกับภาษา Thai เมื่อเทียบกับบาลีสันสกฤต ไม่ได้เป็นการ hypocrite ดังจะเห็นได้จาก proverb ที่ว่า seeing feces better than guts เพราะของมันที่มีรากมาจากคนละ source กัน มันก็ get along กันยากกว่า และเมื่อผสมออกมาก็ดูไม่ค่อย in สูญเสีย aesthetics และ condensed flavour กลายเป็นความน่า bite water bowl ไปซะมากกว่า ...จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับ story city work ที่ต้องการความ SERIOUS และ clear ในการสื่อความหมาย
อ้อ แล้วมันยังดู smith annoying อีกด้วย
zereza wrote:Vihok_Asnii wrote:อืม...ผมว่ามัน absurd ที่จะมากล่าวว่าภาษาบาลี-สันสกฤต raping ภาษา Thai เพราะ root ของความเป็น Thai มีความเป็นมาผูกพันกับศาสนาพุทธมาอย่าง intimate ตั้งแต่ long, long time agoแล้วยังรับอิทธิพลทาง Bhrami มาอีก ทั้งภาษา Thai ที่ชาวสยามชาวสุวรรณภูมิ use guard come ก็เป็นภาษาที่ออกจะ hybrid อยู่แต่แรกแล้ว
การที่เราไม่ค่อย appreciate การใช้ภาษาทางตะวันตกปนกับภาษา Thai เมื่อเทียบกับบาลีสันสกฤต ไม่ได้เป็นการ hypocrite ดังจะเห็นได้จาก proverb ที่ว่า seeing feces better than guts เพราะของมันที่มีรากมาจากคนละ source กัน มันก็ get along กันยากกว่า และเมื่อผสมออกมาก็ดูไม่ค่อย in สูญเสีย aesthetics และ condensed flavour กลายเป็นความน่า bite water bowl ไปซะมากกว่า ...จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับ story city work ที่ต้องการความ SERIOUS และ clear ในการสื่อความหมาย
อ้อ แล้วมันยังดู smith annoying อีกด้วย
กว่าจะอ่านจบ 555 คิดได้ไง![]()
![]()
ridkun_user wrote:ภาษาเอาไว้สื่อสาร ถ้าเราๆท่านๆ พูดไทยคำอังกฤษคำ แล้วสื่อสารได้ครบถ้วนก็เอาเถิด
แต่ถ้าว่ากันในแง่ของการเมือง ภาษาคือวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ของชนชาติ
นักการเมืองจึงไม่ควรพูดไทยคำอังกฤษคำ เพราะมันเหมือนกับดูถูกภาษาไทย
ว่าภาษาไทยด้อยและหยาบกว่าภาษาอังกฤษ จนไม่สามารถใช้ในการสื่อสารให้เข้าใจกันได้
canola wrote:
มึน..แต่คิดได้งัยนี่
จนป่านนี้ดิฉันก็ยังไม่สามารถใช้ภาษาไทยคำไหนมาแทน appreciate ได้ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
Vihok_Asnii wrote:canola wrote:
มึน..แต่คิดได้งัยนี่
จนป่านนี้ดิฉันก็ยังไม่สามารถใช้ภาษาไทยคำไหนมาแทน appreciate ได้ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
ลองคำว่า "ซาบซึ้ง" มั๊ยครับ
Chenhero wrote:ผมเจอคนพูดไทยคำอังกฤษคำ ผมพูดอังกฤษทั้งประโยคใส่เลย คือผมซื่อน่ะครับ นึกว่าเค้าคล่อง
oh i forgot!!!!
ใน singapore case เนี่ย ถ้ายูจะบอกว่าเขา speak english ได้เพราะเขาพูด mix กัน2language เนี่ย ผมคงต้อง disagree ด้วย really
เพราะ singapore case เนี่ยที่พูดได้เพราะเป็น colony หรืออาณานิคมของ great britain มาก่อน เช่นเดียวกับอินเดีย และโดน force ให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก
ดังนั้นจะเอาอันนี้มาเปรียบเทียบเป็น case study เพื่อ support your theory ไม่ได้นะจ๊ะ
แค่นี้ล่ะ เด๋วต้องไปกินข้าวกับเพื่อนที่มาจากลอนดอนแระ
bye!!!!
yenmanovic wrote:พิมตอบไปในบล็อกว่า...oh i forgot!!!!
ใน singapore case เนี่ย ถ้ายูจะบอกว่าเขา speak english ได้เพราะเขาพูด mix กัน2language เนี่ย ผมคงต้อง disagree ด้วย really
เพราะ singapore case เนี่ยที่พูดได้เพราะเป็น colony หรืออาณานิคมของ great britain มาก่อน เช่นเดียวกับอินเดีย และโดน force ให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก
ดังนั้นจะเอาอันนี้มาเปรียบเทียบเป็น case study เพื่อ support your theory ไม่ได้นะจ๊ะ
แค่นี้ล่ะ เด๋วต้องไปกินข้าวกับเพื่อนที่มาจากลอนดอนแระ
bye!!!!
zereza wrote:
นี่คือเค้าตอบมาเหรอครับ![]()
จริงๆแล้วสิงคโปร์ก็ถูกบังคับให้เรียนภาษาอังกฤษอยู่แล้วครับแต่ปัจจุบันเค้ากลายเป็นเรียนกันสามสี่ภาษา บางคนรู้ทั้งอังกฤษจีนแขกกันเลยทีเดียว แต่สิ่งที่อยากสื่อถึงปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษของคนไทยมากกว่า ในกรณีของสิงคโปร์คือเค้ามีที่ให้ใช้ภาษาอังกฤษกันตลอดเวลาต่างจากไทยที่เรียนมาแล้วบางทีไม่ได้ใช้ก็เลยสุดท้ายก็ลืม แต่อย่างที่หลายๆคนบอกแหละครับทุกภาษามันจะมีระดับความลึกซึ้งในภาษาของตัวเองถ้าต้องใช้ภาษาอย่างเป็นทางการแล้วเอามาปนกันจนมั่วไปหมดนั้นท่าทางคนฟังจะปวดหัวเอาซะก่อน จากข้างบนขนาดอ่านยังมึนเลยนับประสาอะไรกับฟัง
![]()
usa wrote:เหมือนอย่างที่เหลิมพูดใช่ไหม ฟังอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง จริง ๆ
โดยส่วนตัวผม คำบางคำ ใช้ภาษาอังกฤษ อาจจะสื่อความหมายได้ดีกว่าภาษาไทยนะครับ
เช่น software คนจะเข้าใจได้ง่ายกว่า ละมุนพัน เป็นต้น