benzcl wrote:ถ้าจะมองด้วยใจเป็นธรรม มีอีกกรณีหนึ่ง หลายอาชีพที่ต้องอาศัยตำราต่างประเทศเป็นหลักเช่น
แพทย์ เภสัชกร วิศวกร ล้วนมีศัพทฺ์เทคนิคก็ยังถือว่าถูกกาละเทศะ แต่ต้องใช้ในกลุ่มพวกตนเองเท่านั้น
ถ้าจะนำมาใช้กับบุคคลอื่น และไม่แปลเป็นภาษาไทยแล้ว
หลายคนอาจมองเจตนาได้เพียงอย่างเดียวว่าอวดภูมิ
Jseventh wrote:พึ่งจะใช้มาหมาดๆ เลยที่กระทู้อื่น
บางทีก็เป็นความเ้คยชินด้วยค่ะ ประมาณว่า..เคยใช้พูดกันอยู่ในกลุ่มบ่อยๆ
เป็นคำที่พูดกันสนุกๆ อย่างไม่เป็นทางการ ถ้าเป็นทางการก็คงต้องแปลออกมาใช้ให้เหมาะสม
แต่บางทีเวลาคุยกันออกรสชาด ก็ลืมไปเลย! รวมถึงคุยกันแบบ "พิมพ์คุย" ด้วย
ส่วนตัวก็มีเป็นบางคำและบางครั้ง ส่วนใหญ่ก็ใช้ไทยเกือบหมด หลุดคำอังกฤษมาเป็นบางคำเท่านั้น
ไม่ได้ดัดจริต ไม่เก่งภาษา ไม่เคยไปเรียนเมืองนอก แต่ก็มีหลุดใช้เป็นบางคำ บางครั้ง
คิดว่า..เป็นเพราะติดมาจากกลุ่มคนที่เราติดต่อพูดคุยด้วยมากกว่า เหมือนเป็นโรคติดต่อทางภาษา
บางคำก็เห็นเป็นภาษาสนุก เช่น กำลังจิ้นถึงใครอยู่? (กำลังอิมเมจิ้น-Imagine ถึงใครอยู่?)
^ ยอมรับว่า บางทีก็ออกจะภาษาวิบัตินิดๆ เหมือนกันค่ะ ถ้าคุยกันสนุกๆในกลุ่มคนรู้จัก
เช่น..
- สโคพงานของคุณคืออะไร?.. (scope สโคพ)
- วันนี้ฉันมีอะไรจะเซอร์ไพรส์เธอด้วยล่ะ! (surprise เซอไพรซ')
- ทำไมวันนี้ดูซีเรียสจัง? (serious เซีย'เรียส)
กรณีดิฉันน่าจะเข้าข่าย "ไทยร้อยคำ อังกฤษหนึ่งคำ" มากกว่าค่ะ
จะรอดตัวไม๊เนี่ย?
eAT wrote:ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยุคที่คอมพิวเตอร์เข้ามาแพร่หลายในการใช้งาน เราคงได้เห็นการบัญญัติศัพท์ออกมาหลายคำจากราชบัณฑิตยสถาน แต่คำ (หลาย) บางคำที่ไม่เคยถูกบรรจุอยู่ในพจนานุกรมฉบับใดๆ เลยของราชบัณฑิตยสถาน กลับถูกพูดต่อและแพร่หลายกระจายไปทั่ว
ที่ติดตาติดปากมากที่สุดคง ต้องยกให้คำว่า ละมุนภัณฑ์ ที่มาจากศัพท์ว่า ซอฟต์แวร์ (software) กระด้างภัณฑ์ มาจากศัพท์ว่า ฮาร์ดแวร์ (hardware) เรื่องนี้ เลขาธิการราชบัณฑิตสถาน จินตนา พันธุฟัก บอกว่าเป็นตราบาปที่ราชบัณฑิตยสถานต้องรับมาอย่างไม่รู้เรื่อง เป็นความเสียหายที่แก้ไม่ได้เสียที แล้วยิ่งคำศัพท์ว่า joystick ที่ไปกล่าวกันว่าราชบัณฑิตยสถานบัญญัติว่า แท่งหรรษา นี่ยิ่งไปกันใหญ่ และเป็นเรื่องที่ “น่าเกลียดมากๆ” ราชบัณฑิตยสถานเป็นหน่วยงานที่เต็มไปด้วยผู้ทรงความรู้ การบัญญัติศัพท์ย่อมต้องมีหลักวิชาการ และใช้การพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน...
...“ลองดูจากพจนานุกรมศัพท์บัญญัติ ที่ราชบัณฑิตยสถานได้พิมพ์ไว้ได้เลย
hardware คือ ส่วนเครื่อง ส่วนอุปกรณ์ หรือใช้ทับศัพท์ว่าฮาร์ดแวร์
software บัญญัติว่าส่วนชุดคำสั่ง หรือใช้ทับศัพท์ซอฟต์แวร์
ส่วน joystick บัญญัติไว้ว่า ก้านควบคุม” ...
ทำไมคนไทยหลายๆ คนชอบไส่ร้ายป้ายสี
เกลียดราชบัณฑิตด้วยสาเหตุอะไรก็ิมทราบ ก็ใช้วิชามารใส่ร้ายป้ายสี
เพื่อให้คนดูถูกเยียดหยาม บ้านเมืองเราถึงไม่เจริญสักที เพราะเอาแต่
ทำลายองค์กรที่ให้ความรู้แก่คนไทย
Vihok_Asnii wrote:เรื่องแท่งหฤหรรษ์ หรือละมุนภัณฑ์ ผมว่ามันเริ่มจากเป็นมุขล้อเลียนมากกว่าครับ แต่พอเผยแพร่ต่อๆ กันไปก็ดันเกิดเข้าใจผิดกันว่าเป็นศัพท์บัญญัติจริงๆ ซะงั้น
พูดไปแล้วผมก็แอบเคืองราชบัณฑิตฯ อยู่เรื่องนึงก็คำว่า มุข กับ มุก นี่แหละ
Vihok_Asnii wrote:อืม...ผมว่ามัน absurd ที่จะมากล่าวว่าภาษาบาลี-สันสกฤต raping ภาษา Thai เพราะ root ของความเป็น Thai มีความเป็นมาผูกพันกับศาสนาพุทธมาอย่าง intimate ตั้งแต่ long, long time ago แล้วยังรับอิทธิพลทาง Bhrami มาอีก ทั้งภาษา Thai ที่ชาวสยามชาวสุวรรณภูมิ use guard come ก็เป็นภาษาที่ออกจะ hybrid อยู่แต่แรกแล้ว
การที่เราไม่ค่อย appreciate การใช้ภาษาทางตะวันตกปนกับภาษา Thai เมื่อเทียบกับบาลีสันสกฤต ไม่ได้เป็นการ hypocrite ดังจะเห็นได้จาก proverb ที่ว่า seeing feces better than guts เพราะของมันที่มีรากมาจากคนละ source กัน มันก็ get along กันยากกว่า และเมื่อผสมออกมาก็ดูไม่ค่อย in สูญเสีย aesthetics และ condensed flavour กลายเป็นความน่า bite water bowl ไปซะมากกว่า ...จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับ story city work ที่ต้องการความ SERIOUS และ clear ในการสื่อความหมาย
อ้อ แล้วมันยังดู smith annoying อีกด้วย
รักน้องพิณ wrote:Vihok_Asnii wrote:อืม...ผมว่ามัน absurd ที่จะมากล่าวว่าภาษาบาลี-สันสกฤต raping ภาษา Thai เพราะ root ของความเป็น Thai มีความเป็นมาผูกพันกับศาสนาพุทธมาอย่าง intimate ตั้งแต่ long, long time ago แล้วยังรับอิทธิพลทาง Bhrami มาอีก ทั้งภาษา Thai ที่ชาวสยามชาวสุวรรณภูมิ use guard come ก็เป็นภาษาที่ออกจะ hybrid อยู่แต่แรกแล้ว
การที่เราไม่ค่อย appreciate การใช้ภาษาทางตะวันตกปนกับภาษา Thai เมื่อเทียบกับบาลีสันสกฤต ไม่ได้เป็นการ hypocrite ดังจะเห็นได้จาก proverb ที่ว่า seeing feces better than guts เพราะของมันที่มีรากมาจากคนละ source กัน มันก็ get along กันยากกว่า และเมื่อผสมออกมาก็ดูไม่ค่อย in สูญเสีย aesthetics และ condensed flavour กลายเป็นความน่า bite water bowl ไปซะมากกว่า ...จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับ story city work ที่ต้องการความ SERIOUS และ clear ในการสื่อความหมาย
อ้อ แล้วมันยังดู smith annoying อีกด้วย
ช่วยแปลหน่อยครับ
แล้ว "story city work " ใช่เรื่องการเมือง ?
Vihok_Asnii wrote:
use guard come=ใช้กันมา
bite water bowl=ขบขัน
smith annoying=ช่างน่ารำคาญ
Moon wrote:eAT wrote:ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยุคที่คอมพิวเตอร์เข้ามาแพร่หลายในการใช้งาน เราคงได้เห็นการบัญญัติศัพท์ออกมาหลายคำจากราชบัณฑิตยสถาน แต่คำ (หลาย) บางคำที่ไม่เคยถูกบรรจุอยู่ในพจนานุกรมฉบับใดๆ เลยของราชบัณฑิตยสถาน กลับถูกพูดต่อและแพร่หลายกระจายไปทั่ว
ที่ติดตาติดปากมากที่สุดคง ต้องยกให้คำว่า ละมุนภัณฑ์ ที่มาจากศัพท์ว่า ซอฟต์แวร์ (software) กระด้างภัณฑ์ มาจากศัพท์ว่า ฮาร์ดแวร์ (hardware) เรื่องนี้ เลขาธิการราชบัณฑิตสถาน จินตนา พันธุฟัก บอกว่าเป็นตราบาปที่ราชบัณฑิตยสถานต้องรับมาอย่างไม่รู้เรื่อง เป็นความเสียหายที่แก้ไม่ได้เสียที แล้วยิ่งคำศัพท์ว่า joystick ที่ไปกล่าวกันว่าราชบัณฑิตยสถานบัญญัติว่า แท่งหรรษา นี่ยิ่งไปกันใหญ่ และเป็นเรื่องที่ “น่าเกลียดมากๆ” ราชบัณฑิตยสถานเป็นหน่วยงานที่เต็มไปด้วยผู้ทรงความรู้ การบัญญัติศัพท์ย่อมต้องมีหลักวิชาการ และใช้การพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน...
...“ลองดูจากพจนานุกรมศัพท์บัญญัติ ที่ราชบัณฑิตยสถานได้พิมพ์ไว้ได้เลย
hardware คือ ส่วนเครื่อง ส่วนอุปกรณ์ หรือใช้ทับศัพท์ว่าฮาร์ดแวร์
software บัญญัติว่าส่วนชุดคำสั่ง หรือใช้ทับศัพท์ซอฟต์แวร์
ส่วน joystick บัญญัติไว้ว่า ก้านควบคุม” ...
ทำไมคนไทยหลายๆ คนชอบไส่ร้ายป้ายสี
เกลียดราชบัณฑิตด้วยสาเหตุอะไรก็ิมทราบ ก็ใช้วิชามารใส่ร้ายป้ายสี
เพื่อให้คนดูถูกเยียดหยาม บ้านเมืองเราถึงไม่เจริญสักที เพราะเอาแต่
ทำลายองค์กรที่ให้ความรู้แก่คนไทย
ผมก็พึ่งทราบนะครับเนี่ย ว่าคำพวกนี้ไม่ได้ออกมาจากราชบัณฑิตยสถาน ขอบคุณครับ
แต่พอผมค้นคำต่างๆ เช่น ละมุนภัณฑ์ในกูเกิ้ล ก็ตกใจอย่างแรง หลายๆ คำนั้น
สื่อต่างๆ เอามาใช้กันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่ปี 49 นู้น เลยนะครับ
ถ้าจะให้เดาว่าคนใส่ร้ายป้ายสีเป็นใคร อันนี้เดายาก แต่ถ้าให้บอกว่าคำเหล่านี้แพร่หลาย
ไปได้อย่างไร ผมก็คงจะโทษสื่อต่างๆ นี่แหละครับตัวการแพร่เชื้อชั้นดีเลยทีเดียว
Vihok_Asnii wrote:เรื่องแท่งหฤหรรษ์ หรือละมุนภัณฑ์ ผมว่ามันเริ่มจากเป็นมุขล้อเลียนมากกว่าครับ แต่พอเผยแพร่ต่อๆ กันไปก็ดันเกิดเข้าใจผิดกันว่าเป็นศัพท์บัญญัติจริงๆ ซะงั้น
พูดไปแล้วผมก็แอบเคืองราชบัณฑิตฯ อยู่เรื่องนึงก็คำว่า มุข กับ มุก นี่แหละ