อานันท์ กล่าว กระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมาด้อยพัฒนา
Posted: Sun Oct 02, 2011 7:16 pm
2 ตค. 2554 18:47 น.
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปัจฉิมกถาตอนหนึ่งในงานหาทุนสร้าง “ อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535 ” ที่มูลนิธิพฤษภาประชาธรรมจัดขึ้น ว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่ การเลือกตั้ง พรรคการเมือง นักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงกลไกการเมืองไม่ใช่สาระสำคัญที่จะไปสู่ความก้าวหน้าของอนาคต ส่วนปัญหาใหญ่ในสังคมไทยตามมุมมองของตนคือ การรวบอำนาจศาล , บริหาร และนิติบัญญัติ แบบเบ็ดเสร็จไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวและกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มเดียว นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ” นายอานันท์ กล่าว
นายอานันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตนมองว่ายังด้อยพัฒนา โดยเฉพาะตัวกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสถาบันการศึกษาที่สอนเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังด้อยพัฒนา ความเห็นส่วนตัวมองว่าต้องยุบสำนักงานกฤษฎีกาเพราะในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่การบริหารด้วยกฎหมาย อีกทั้งบุคคลที่นั่งเป็นกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี ซึ่งแก่ไปแล้ว นอกจากนั้นมองว่าตราบใดที่คิดว่าจะให้กระบวนการยุติรรมเกิด ต้องเข้าถึงธรรมและความชอบธรรม ไม่ใช่ยุติด้วยการทำ ที่ผ่านมาไม่มีทางออกที่ไหน การรัฐประหารก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป รัฐประหารมากี่ครั้งไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย นอกจากทหารที่บริหารงานไม่เป็น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียด
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปัจฉิมกถาตอนหนึ่งในงานหาทุนสร้าง “ อนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535 ” ที่มูลนิธิพฤษภาประชาธรรมจัดขึ้น ว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังคงงมงายกับปัญหาเก่า อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรัฐประหารจะเกิดหรือไม่ การเลือกตั้ง พรรคการเมือง นักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงกลไกการเมืองไม่ใช่สาระสำคัญที่จะไปสู่ความก้าวหน้าของอนาคต ส่วนปัญหาใหญ่ในสังคมไทยตามมุมมองของตนคือ การรวบอำนาจศาล , บริหาร และนิติบัญญัติ แบบเบ็ดเสร็จไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียวและกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มเดียว นอกจากนั้นแล้วคนในสังคมไทยไม่มีจิตใจเป็นสาธารณะ คิดแต่รวมกลุ่มเพื่อต่อต้านมากกว่าการเรียกร้องในลักษณะเชิงบวก
“ กระบวนการที่ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ต่อสู้เรื่องเลือกตั้ง การโกงกิน หรือ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการเลือกตั้ง แต่ต้องหาวิธีต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการรวบอำนาจ โดยไม่อาศัยกองกำลัง หรือ กองทัพ” นายอานันท์ กล่าว
นายอานันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตนมองว่ายังด้อยพัฒนา โดยเฉพาะตัวกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสถาบันการศึกษาที่สอนเรื่องกระบวนการยุติธรรมยังด้อยพัฒนา ความเห็นส่วนตัวมองว่าต้องยุบสำนักงานกฤษฎีกาเพราะในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่การบริหารด้วยกฎหมาย อีกทั้งบุคคลที่นั่งเป็นกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี ซึ่งแก่ไปแล้ว นอกจากนั้นมองว่าตราบใดที่คิดว่าจะให้กระบวนการยุติรรมเกิด ต้องเข้าถึงธรรมและความชอบธรรม ไม่ใช่ยุติด้วยการทำ ที่ผ่านมาไม่มีทางออกที่ไหน การรัฐประหารก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป รัฐประหารมากี่ครั้งไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย นอกจากทหารที่บริหารงานไม่เป็น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียด