== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล == viewtopic.php?f=14&t=14102 -->
ผมลองเรียงดูนะครับ ขออนุญาต พบว่าเป็นข้อเสนอที่อยู่ในใจของหลายคนบางข้อ และบางคนก็เห็นด้วยเกือบทุกข้อ แต่ไม่ทุกคนที่เห็นด้วยทุกข้อ 1- ชนยูเนสโก้nanase wrote:เรื่องเขมรผมว่าไม่ต้องไปยุ่งกับมันหรอกครับ
1- ชนยูเนสโก้ในทุกกรณี![]()
![]()
2-คัดค้านมติ(กำลังดำเนินการ)
3-ยื่นเรื่องขอถอนจากมรดก(ขั้นตอนต่อไปเมื่อคัดค้านไม่ผ่าน)
4-ถอนตัว(ถอนเลยก็ดีนะ![]()
![]()
![]()
![]()
)
ตามสเต็ป
แต่ที่ไม่เข้าใจจะให้เจ็ดชาติเข้ามายุ่งทำไมยกให้เขมรจัดการไปชาติเดียวเลยก็หมดเรื่อง ทำให้ยุ่งยากส่อพิรุธ108ทำไม
ปล.เดี๋ยวผมรอให้มันขึ้นมรดกโลกได้ก่อน จะลงขันจ้างตะลีบันมาถล่มประสาทพระวิหาร ดูซิแม่งจะเลือกสิ่งสำคัญระดับโลกหรืออธิปไตย
ทีพระพุทธรูปที่อัฟกานิสถานโดนทำลายพวกเอี้ยยูเนสโก้นี้ยังทำอะไรไม่ได้เลย![]()
![]()
![]()
![]()
ขออนุญาตขยายความ:อารยา wrote:(ไทย) มีความชอบธรรมพอที่จะยื่นคำขาดให้กัมพูชาถอยภายใน 7 วัน ...กดดันกัมพูชาอย่างไรให้มีการเจรจาตามที่ประชาคมโลกต้องการโดยที่เราเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นั่นคือโอกาสเดียวที่ไทยจะได้เอาความจริงออกมาพูดกับโลกและให้กัมพูชาฟังว่า เรื่องมรดกโลกนี้มีใครไปทำทุจริต เตรียมการหาประโยชน์ทับซ้อนอะไรไว้บ้าง ไม่เว้นแม้ยูเนสโกเอง ไม่เว้นคนขายชาติฝ่ายไทย ที่มีทักษิณเป็นตัวบงการ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ทางออกของไทยมันปิดตายมานานแล้วครับ และจะหนักขึ้นๆ เขมรมันก็รุกเงียบต่อไปผ่านยุทธศาสตร์เชิงวัฒนธรรม
อารยา Sun Aug 30, 2009 6:43 pm viewtopic.php?f=2&t=11744&start=100 wrote:นายนภดล ปัทมะ ต้องบินไปพบมาดามฟรังซัวส์ ริเวียเร่ ผช. ผอ. ศูนย์มรดกโลกด่วนเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 ที่ปารีส เพื่อทำ Joint Decoration กับนายซกอันของกัมพูชาว่าไทยให้การสนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ตามลำพัง ซึ่งเอกสารนั้นต่อมาเทียบได้กับเป็น “ใบสั่งซื้อดินแดนประเทศไทยด้านเขาพระวิหาร” ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551
และยังทำให้นึกถึงบริษัทรับเหมาบูรณะงานโบราณคดีในยุโรปแห่งหนึ่ง (ANPV: ดู มติชนรายวัน 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11458 “ใกล้วันที่ไทยจะเสียดินแดนด้านกัมพูชาแล้ว”) ที่มาดามฟรังซัวร์ไปคว้ามาแปรรูปเป็น “คณะกรรมการ 7 ชาติ” (ICC) นี้เอง ผลงานไม่โปร่งใสของยูเนสโกครั้งนั้นสามารถเปลี่ยนข้อเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชาจาก The Sacred Site of the Temple of Preah Vihear มาเป็น The Temple of Preah Vihear ซึ่งนอกจากผิดขั้นตอน ยังลดมาตรฐานและคุณค่าของความเป็นมรดกโลกของแหล่งโบราณคดีปราสาทพระวิหาร แต่มาดามฟรังซัวร์กลับอ้างว่าไทยและกัมพูชาต้องการเช่นนั้น
ขั้นตอนสุดท้ายที่กัมพูชาจะได้เป็นเจ้าของมรดกโลกชิ้นนี้ กำลังจะมาถึงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 แล้ว
“คณะกรรมการ 7 ชาติ” ( ICC: International Coordinating Committee (มีเบลเยียม ฝรั่งเศส อินเดีย สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น ไทย) กำลังรอรับมอบแผนอนุรักษ์พื้นที่ทางด้านทิศเหนือและตะวันตกของตัวปราสาทพระวิหาร และทำได้โดยไม่ต้องรออนุมัติจากคณะกรรมการปักปันเขตแดนประเทศร่วมไทย-กัมพูชา (JBC: Joint Boundary Commission) จากนั้น เมื่อคณะกรรมการมรดกโลกรับทราบในกลางปี 2553 ก็เป็นอันเสร็จพิธี
อารยา wrote:............บางคนอาจกำลังปลอบใจตัวเองว่า คงเป็นสัญญาณที่ไทย-กัมพูชาจะเป็นเจ้าของมรดกโลกร่วมกัน
นั่นยิ่งจะเลวร้ายหนักขึ้น เพราะกลายเป็นการเดินเข้าสู่กับดัก จะสูญเสียต่อเนื่องจากกันทรลักษณ์ยาวไปถึงเกาะกูด พื้นที่ทางทะเลอีกเป็นหมื่นๆตารางกิโลเมตร (ไม่ใช่หน่วยเป็นไร่) ในเขตไทยจะถูกปรับเป็นของกัมพูชาทันที
เพราะหน้าเหลี่ยมจอมซุกหุ้นใช้สูตร "คดีเีปิดปาก" ร่วมกับฮุนเซนซุกแถลงการณ์ร่วม 2544 อีกฉบับไว้รอสวมรอย
กระทู้นี้คงเป็นเพียงแจ้งเพื่อทราบเท่านั้นครับ (แม้จะต้องยอมรับว่าตัวเองมือสั่นริกๆขณะคีย์) เพราะอาจไม่มีอะไรตื่นเต้นกันแล้วก็ได้
หลังจากพวกเราถูกบ่มให้ค่อยๆชินชากับเรื่องเสียดินแดนมานาน จนวันนี้มีสภาพที่ทฤษฏ๊กบในหม้อน้ำเดือดอธิบายได้สบาย
กบในหม้อต้มจะค่อยๆปรับตัวเองกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นหลังจากอยู่บนเตาไปเรื่อยๆ แต่กว่าจะรู้สึกว่าตัวว่ากำลังสุกจากจุดเดือด 100 องศาเซลเชี้ยส ก็พอดีเปลี้ยหมดเรี่ยวแรงจนขยับไม่ได้ ตายเรียบครับ
จากนั้นก็แล้วแต่ึว่าจะเอาถึงเปื่อยหรือไม่เท่านั้น!!!
ขอคำตอบเพื่อเป็นวิทยทานหน่อยนะครับnanase wrote:เรื่องรบในสภาวะอย่างนี้มีแต่เสียกับเสียครับ
katindork wrote:เมื่อก่อน ผมเคยฟังเรื่องเล่า เขาทำอาหารต้มลูกกรอก![]()
-ตวงน้ำลงหม้อ ยกขึ้นตั้งเตา
-ปล่อยลูกปลาช่อนผู้น่ารัก ลงแหวกว่ายในหม้อ
-น้ำเริ่มร้อน
-หั่นลำผักบุ้ง เป็นท่อนๆ ใส่ลงไป
-น้ำมันร้อน ลูกกรอกผู้น่ารักหลบในท่อนผักบุ้งดีกว่าเย็นดี
-เดือด ขึ้นเสิร์ฟ
กินแบบ นิ่มๆคลาสสิค ไม่เท พรวดพราด หว่านล้อมด้วยผักบุ้ง
วิ่งเข้าสู่ความตายก็ยังไม่รู้ตัว คนเปิป หัวดำหัวแดง นั่งอมยิ้มรอ
อารยา wrote:ขอคำตอบเพื่อเป็นวิทยทานหน่อยนะครับnanase wrote:เรื่องรบในสภาวะอย่างนี้มีแต่เสียกับเสียครับ
ถ้าเราไม่ได้รบเพื่อหวังชนะในสนามรบ (ไม่รู้ถามแบบนี้จะโดนตบปากหรือเปล่าเอ่ย) คือรบเพื่อกดดันให้เขมรมันยอมเจรจา (บ๊ะ พูดไปพูดมาก็คือ อัดม้วนเดียวจบและเราได้เปรียบ ก็คือชนะนั่นแหละ เพียงแต่เราไม่รอยืดเยื้อ เพราะเราจะลำบาก) เป้าหมายคือ เพื่อจะได้ขึ้นโต๊ะเจรจาหลังจากที่เขมรขอพักรบ แบบนี้พอไปไหวไหมครับ
สรุปคือ ใช้สงครามเป็นยุทธวิธี (องค์ประกอบ) ทางการทูต ฟังดูแปลกๆ แต่จริงๆก็เป็นสูตรเดียวกับการเมืองนำการทหาร เพียงแต่เป็นเวอร์ชั่นซาดิสต์เล็กๆเท่านั้นเองครับ
หรือรบระยะสั้นเราก็เสียกับเสียเหมือนกัน แต่ว!