ถ้ามาจากผู้นำที่ผูกขาดไม่ว่าจะเป็นทหารหรือกระทั่งพลเรือนที่ผ่านการเลือกตั้งมา(เช่นทักษิณ)เป็นโดนโค่นทุกรายจับตาอียิปต์ ! หลายขั้วอำนาจชิงจังหวะได้เปรียบสูงสุด หลังมูบารัคออกMon, 2011-01-31 01:22
ที่มา: Siam Intelligence Unit
สถานการณ์ของอียิปต์ในตอนนี้ต้องเรียกว่าชะตาของประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัค กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะถึงจะประกาศตั้งรัฐบาลใหม่ แต่สถานการณ์ก็ยังไม่สงบ ประชาชนต่างเรียกร้องคำตอบสุดท้าย
มูบารัคต้องออกไป !!!
ตอนนี้หน่วยต่อต้านจราจลกึ่งติดอาวุธของ กองกำลังความมั่นคงกลาง (Central Security Forces หรือ CSF) ถอนตัวออกจากการรักษาความปลอดภัยตามท้องถนนกลางกรุงไคโร นี่คือสภาพการณ์ที่อำนาจรัฐ หายไปจากเมืองหลวง ในขณะที่กองกำลังทหารเข้ามารักษาการณ์แทนที่ นั่นทำให้ประชาชนต่างแสดงความยินดีและตอบรับการเข้ามารักษาสถานการณ์ของกองทัพ เพราะยังมองว่ากองทัพเป็นผู้รักษาความสงบและสามารถกดดันให้ประธานาธิบดีมูบารัคถอยลงจากม่านการเมืองได้
แต่ท่ามกลางม่านหมอกของข่าวสารบนเครือข่ายสื่อทางสังคมอย่าง Facebook หรือ Twitter กระบวนการต่อรองและชิงจังหวะทางการเมืองเบื้องหลังกำลังเริ่มก่อตัวขึ้น
หากมูบารัคถอนตัวออกไปจริง นี่จะกลายเป็นโอกาสให้หลายฝ่ายทะยานขึ้นสู่อำนาจ ในจำนวนนี้กลุ่มภราดามุสลิมอียิปต์ (Mulim Brotherhood หรือ MB) ซึ่งเป็นกลุ่มเคร่งศาสนา และว่ากันว่าได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มฟาตาห์ในปาเลสไตน์ อ่านสถานการณ์ขาดว่าหากเร่งรีบทำอะไรไปตอนนี้ รังแต่จะทำให้เงื้อมมือของสหรัฐอเมริกา และอิสราเอล ซึ่งหวังว่าอียิปต์จะเป็นตัวแทนของมุสลิมสายกลาง เพื่อคอยคานอำนาจขั้วมุสลิมเคร่งศาสนาหลายแห่งในตะวันออกกลาง แถมยังเป็นประเทศแกนสำคัญในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอีกด้วย จะเข้ามากระชับสถานการณ์จนกระทั่งทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นคุณกับพวกตน
กลุ่มภารดามุสลิมจึงยังนิ่งเงียบแต่ขยับเครือข่ายทางสังคมซึ่งวางรากฐานไว้เป็นอย่างดี ในการให้ความช่วยเหลืออาหารและการปฐมพยาบาลแก่ผู้ชุมนุมประท้วง
โมเมนตัมทางการเมืองตอนนี้จึงย้ายไปอยู่กับกองทัพ ในฐานะองค์กรที่มีการจัดตั้งแข็งแกร่งที่สุด ติดอาวุธ และมีหน้าที่โดยตรงในการรักษาความสงบ ผู้นำกองทัพอย่างจอมพล โมฮัมหมัด ฮุสเซน ทันทาวี รมว.กลาโหม ผู้ซึ่งดูแลกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐโดยตรง และพลตรี ซามี อันนัน หัวหน้าคณะเสนาธิการกองทัพอียิปต์ (ซึ่งเพิ่งบินกลับมาที่อียิปต์วานนี้ หลังจากหารืออย่างเคร่งเครียดกับตัวแทนของสหรัฐอเมริกา) นี่ขึ้นกับท่าทีของทั้งสองว่าจะเอาอย่างไรต่อไป และกองทัพจะอดทนรอคอยการยอมวางมือของมูบารัคได้นานแค่ไหน ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง
แต่ใช่ว่ากองทัพจะไม่มีความเสี่ยง จริงอยู่แม้ตอนนี้ภาพลักษณ์ของกองทัพจะเป็นบวกกับประชาชนผู้ประท้วงบนท้องถนน แต่หากเกิดการลั่นกระสุนและมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นเพียงรายเดียว ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม เมื่อนั้นกองทัพก็อาจจะอยู่ไม่ได้ และนั่นอาจจะเป็นโอกาสของเหล่าภราดามุสลิมที่จะออกโรงต่อไป
ในโครงสร้างของกองทัพเองก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ ดูภายนอกเสมือนหนึ่งว่ามีความเป็นระบบระเบียบและมีการปฏิบัติตามคำบังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด แต่ประวัติศาสตร์ก็เคยมีร่องรอยความขัดแย้งภายในมาก่อนแล้ว ในสมัยการโค่นกษัตริย์อียิปต์ที่หนุนโดยอังกฤษ เพื่อก่อตั้งสาธารณรัฐอียิปต์สมัยใหม่ในปี 1952 เป็นปฏิบัติการที่นำโดย กามัล อับเดล นัซเซอร์ ซึ่งขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งแค่นายพัน ในขณะที่ อันวาร์ ซาดัต ที่ถือเป็นผู้อยู่ข้างกลุ่มเคร่งศาสนามุสลิม ผู้ซึ่งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากนัสเซอร์ถูกลอบสังหารในปี 1981 นั่นทำให้มูบารักมีโอกาสขึ้นสู่อำนาจ
ทั้งสหรัฐอเมริกาและอิสราเอลคงจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้อยู่หลังฉาก เพื่อนำความสงบกลับมาสู่กรุงไคโรโดยเร็วที่สุด แต่ในตอนนี้กลุ่มอำนาจที่จะกลายเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของอียิปต์อยู่ที่กองทัพเท่านั้น
http://prachatai.com/journal/2011/01/32864แถมหนึ่งความเห็นจาก"คุณลุงบางกอก"ในท้ายบทความ.......
บางกอก wrote:สิ่งที่เมกากับยิวจะทำ น่าจะเป็นการปล่อยข่าวความเละเทะทุจริตของมูบารัคออกมาอย่างลับๆ เร่งเร้าปฏิกริยาจากฝูงชนให้โกรธแค้น ใช้จังหวะบ้านเมืองไร้กฏหมายส่งหน่วยล่าสังหารเข้าไปจัดการฝ่ายมุสลิมหัวรุนแรงที่ต่อต้านอเมริกาและยิว
จากนั้นก็ยุทหารให้ยึดอำนาจ และ แก้ไขรัฐธรรมนูญจำกัดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไว้สัก๒สมัย รวมแปดปีห้ามอยู่เกิน แล้วก็จัดเลือกตั้งใหม่ ผู้นำทหารรุ่นปัจจุบันก็จะชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดี เช่นเคยเสมอมาในอียิปต์.......
มูบารัคนั้นถ้าไม่ตายก็คงลี้ภัยการเมืองไปได้อย่างชิวๆ.........