ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 2:03 pm

เช neverdie wrote:
ต่อกรณีนี้ถ้าผมเอาพระพุทธรูปและบันดาพระเครื่องที่บ้านไปทิ้ง เซียนพระคงได้ยิ้มกันเลย
สำหรับพระเครื่องคนอื่นอาจจะมองเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แต่ผมมองเป็นวัตถุโบราณที่มีน้อยชิ้น
ส่วนพระพุทธรูปก็กราบใหว้เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า



คำถามคือ เหตใดคุณ เช จึงยังกราบไหว้อิฐปูนเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่อีกหรือครับ

ทำไมไม่กราบลงไปที่ใดก็ได้

และพระเกษมทราบได้อย่างไรว่าคนทั้งประเทศกราบไหว้พระพุทธรูปด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างจากคุณเช

ter162525 wrote: ท่านสอนให้เราอย่าไปถือว่าพระพุทธรูปเป็นสิ่งศักสิทธิ์ แต่ถือแค่สิ่งที่ให้ระลึกถึง ถามว่า มีใครคิดได้แบบนี้มากน้อยแค่ไหน ไปตามวัดถ้ามีคนบอกพระพุทธรูปวัดนี้ศักสิทธิ์ จะมีกี่คนที่คิดว่านั้น เป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเท่านั้น



นั่นสิครับ คุณและพระเกษมทราบได้อย่างไรว่ามีกี่คนที่คิดเช่นนั้น มีกี่คนที่กราบไหว้ด้วยวัตถุประสงค์อื่น?

เช neverdie wrote:ผมไม่คิดว่าพระป่าทั้งหลายที่ยังคงกราบไหว้อิฐปูนที่เป็นพระพุทธรูป จะมีเจตนากราบใหว้ให้ชาวบ้านดูเป็นตัวอย่าง แต่ท่านกราบใหว้ของท่านก็เพราะระลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงนำความจริงมาเผยแผ่สั่งสอน แต่ชาวบ้านที่ปัญญาไม่ถึงก็ไปตีความเอาเองว่าพระป่าเหล่านั้นกราบใหว้พระพุทธรูปว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์


คุณเชเอาคำพูดมายัดปากผมอีกแล้ว :)
ใครตีความเอาเองว่าพระป่าเหล่านั้นกราบใหว้พระพุทธรูปว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์?

คุณเชยังตอบคำถามไม่ได้เลยว่าเหตใดพระอริยะหลายท่านที่พุทธะอยู่กลางใจแล้ว เหตใดยังคงกราบไหว้อิฐปูนที่เป็นพระพุทธรูปอยู่

เหดใดท่านเหล่านั้นไม่ลุกขึ้นมาสอนคนให้เลิกไหว้่พระพุทธรูปเหมือนที่พระเกษมทำ หรือพระเกษมเป็นพระอริยะเพียงองค์เดียวที่ประเทศไทยมี?

เช neverdie wrote:[color=#FF0000]3)ตอบไปข้างบนแล้ว แต่จะเพิ่มเติมว่า ผมยังไม่ได้พูดนะครับว่าพระเกษมสอนถูกสอนตรงไปทั้งหมด แต่สิ่งที่ท่านสอนผิดเพี้ยนไปเล็กน้อยนั้น ผิดพระธรรมวินัยถึงขั้นปราชิก สังฆาธิเสสเลยหรือครับ เข้ากฏที่ต้องจับสึกเลยหรือครับ


โทษนะครับคุณเช เห็นคุยว่ามีสมาธิดี แสดงให้ดูหน่อยสิครับว่าผมเคยพูดเรื่องพระเกษมผิดพระธรรมวินัยถึงขั้นปราชิกอะไรอย่างที่คุณเชว่ามาตอนไหนครับ? :)

ผมไม่เคยจำได้ว่าผมมีความรู้เรื่องพระวินัยจนถึงขั้นกล้าไปตัดสินว่าใครผิดจนถึงขั้นปราชิก

คุณเชอย่าเอาคำพูดมายัดปากผมสิครับ มีสมาธิหน่อย :)

และก็เลิกคิดเสียทีว่าคนที่เขาคิดว่าพระเกษมสอนไม่ถูกต้องเพราะพระเกษมไปด่ายิ่งลักษณ์

เรื่องพระเกษมเขาคุยกันมานานกว่า 2 ปีแล้ว ยิ่งลักษณ์เพิ่งเข้ามาเป็นนายกไม่กี่วันมานี้เอง

บังเอิญมันเป็นเรื่องขึ้นมา ผมก็เข้ามาคุยเรื่องที่พระเกษมสอน ไม่เคยไปโยงการเมืองเหมือนที่คุณเช และอีกหลายคนใน serithai ชอบทำ

เลิก paranoid เสียที มันทำให้หลายๆ คนเลิกเข้ามาที่ serithai ไปเลย เพราะเข้ามาพูดไม่ตรงกับใจคุณ คุณก็แปะป้าย red ให้เขาเลย

หลังๆ ที่นี่จึงมีแต่เด็กๆ ที่เข้ามานั่งด่ากัน :D
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby zereza » Fri Oct 07, 2011 2:14 pm

guxkung wrote:
zereza wrote:บอกตามตรงว่าศาสนาพุทธที่ผิดเพี้ยนนี้ส่งผลกระทบต่อพุทธศาสนิกชนอย่างมหาศาล แฟนผมถึงกับเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์เลย(เช่นกัน ไม่ได้ว่าศาสนาคริสต์ไม่ดีนะครับ) กว่าจะดึงกลับมาแนวทางพุทธแท้ได้เล่นเอาหอบ ผมไม่รู้จริงๆว่าอีกเท่าไหร่ที่หันหลังออกไปจากศาสนาพุทธ และเป็นที่น่าแปลกว่าศาสนาพุทธที่เผยแพร่อยู่นอกประเทศไทยกลับสอนได้ตรงเจตนารมณ์ของพระพุทธองค์มากกว่าศาสนาพุทธที่เผยแผ่ในบ้านเราเสียอีก :oops: :oops: :oops:

ด้วยความเคารพนะครับ
เพราะสาเหตุอันใดหรือครับ จึงต้องกล่อมให้แฟนนับถือพุทธแท้ ในเมื่อเค้านับถือคริสต์อยู่
ไม่ได้จะหาเรื่องนะครับ แต่อยากทราบเหตุผลว่า อยู่ร่วมกันไม่ได้หรือว่าอย่างไรถ้าศาสนาไม่เหมือนกัน


หาไม่ครับ ผมเองไม่เคยแบ่งแยกศาสนาอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่แฟนผมเป็นคนนอนหลับยากมาก และในช่วงที่นับถือคริสต์จะด้วยปฏิบัติไม่ถูกหรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่สามารถทำให้เค้าหลับได้ง่ายขึ้นเลย ผมเลยลองเสนอดูว่าให้ลองหันมาศึกษาทางพุทธที่แท้จริงดูบ้างไหมโดยเฉพาะในเรื่องของการปล่อยวางและการฝึกจิต (ตอนที่เค้าหันหลังให้ศาสนาพุทธนั้นเป็นเพราะไปเจอพุทธแบบเทวาวัตถุนิยมเข้าเต็มที่ แล้วเกิดความไม่ชอบ ไม่เข้าใจจึงเลิกนับถือไปครับ) ที่ผมว่ายากลำบากนั้นเป็นเพราะในช่วงแรกๆเค้ายังฝังหัวอยู่ว่าพุทธเป็นแบบที่เค้าเข้าใจครับ

ทุกวันนี้เค้าก็ดีขึ้น รู้จักการปล่อยวาง สามารถนอนหลับได้ดีขึ้นมาก แต่ผมเองกฎไม่ได้ไปอวยว่าเป็นเพราะศาสนาพุทธหรืออะไร และไม่ได้บอกว่าเค้าต้องเป็นพุทธด้วย ทุกวันนี้แฟนผมจึงนับถือพุทธในฐานะที่เป็นสัจจธรรม หรือจะเรียกว่านับถือความเป็นสากลของศาสนาพุทธในเรื่องของการจัดการจิตก็ได้ครับ ที่สำคัญผมบอกแฟนอยู่เสมอว่าไม่มีใครกำหนดว่าเราจะต้องนับถือศาสนาเพียงศาสนาเดียวเท่านั้น อะไรดีก็ศึกษาแล้วปฏิบัติตามก็แค่นั้นครับ

ส่วนเรื่องหัวข้อธรรมะอื่นๆที่ถกเถียงกันนั้นผมก็เห็นว่าน่าสนใจดีครับ มีประโยชน์ แต่ผมต้องขอไม่แสดงความเห็นอะไรเพิ่มเติมแล้วกันครับ ธรรมะเป็นปัจจัจตัง ต้องปฏิบัติเท่านั้น ป่วยการจะมาถกเถียงในแง่ปริยัติครับ :) :) :)
"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง"
"อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"
User avatar
zereza
 
Posts: 1312
Joined: Mon Apr 26, 2010 6:03 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 2:15 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:
ต่อกรณีนี้ถ้าผมเอาพระพุทธรูปและบันดาพระเครื่องที่บ้านไปทิ้ง เซียนพระคงได้ยิ้มกันเลย
สำหรับพระเครื่องคนอื่นอาจจะมองเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แต่ผมมองเป็นวัตถุโบราณที่มีน้อยชิ้น
ส่วนพระพุทธรูปก็กราบใหว้เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า



คำถามคือ เหตใดคุณ เช จึงยังกราบไหว้อิฐปูนเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่อีกหรือครับ

ทำไมไม่กราบลงไปที่ใดก็ได้

และพระเกษมทราบได้อย่างไรว่าคนทั้งประเทศกราบไหว้พระพุทธรูปด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างจากคุณเช

เวลาไปต่างประเทศ หรือไปต่างจังหวัดต้องพักโรงแรม ไม่มีพระพุทธรูปให้กราบ แล้วคุณคิดว่าผมจะกราบอะไรครับ

พระธุดงค์ที่ออกเดินทางปลีกวิเวกไปในชนบทท่านไม่มีพระพุทธรูปให้กราบ แล้วท่านกราบอะไรครับ


ter162525 wrote: ท่านสอนให้เราอย่าไปถือว่าพระพุทธรูปเป็นสิ่งศักสิทธิ์ แต่ถือแค่สิ่งที่ให้ระลึกถึง ถามว่า มีใครคิดได้แบบนี้มากน้อยแค่ไหน ไปตามวัดถ้ามีคนบอกพระพุทธรูปวัดนี้ศักสิทธิ์ จะมีกี่คนที่คิดว่านั้น เป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเท่านั้น



นั่นสิครับ คุณและพระเกษมทราบได้อย่างไรว่ามีกี่คนที่คิดเช่นนั้น มีกี่คนที่กราบไหว้ด้วยวัตถุประสงค์อื่น?

ไม่สำคัญว่ามีกี่คนที่กราบไหว้ด้วยวัตถุประสงค์อื่น แต่ในฐานะพุทมามะกะ มีหน้าที่ต้องสกิดเตือนให้พุทธบริษัทเห็นตรงเห็นชอบในหลักธรรม ธัมทานัง ชินาติ การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง


เช neverdie wrote:ผมไม่คิดว่าพระป่าทั้งหลายที่ยังคงกราบไหว้อิฐปูนที่เป็นพระพุทธรูป จะมีเจตนากราบใหว้ให้ชาวบ้านดูเป็นตัวอย่าง แต่ท่านกราบใหว้ของท่านก็เพราะระลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงนำความจริงมาเผยแผ่สั่งสอน แต่ชาวบ้านที่ปัญญาไม่ถึงก็ไปตีความเอาเองว่าพระป่าเหล่านั้นกราบใหว้พระพุทธรูปว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์


คุณเชเอาคำพูดมายัดปากผมอีกแล้ว :)
ใครตีความเอาเองว่าพระป่าเหล่านั้นกราบใหว้พระพุทธรูปว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์?

คุณเชยังตอบคำถามไม่ได้เลยว่าเหตใดพระอริยะหลายท่านที่พุทธะอยู่กลางใจแล้ว เหตใดยังคงกราบไหว้อิฐปูนที่เป็นพระพุทธรูปอยู่

เหดใดท่านเหล่านั้นไม่ลุกขึ้นมาสอนคนให้เลิกไหว้่พระพุทธรูปเหมือนที่พระเกษมทำ หรือพระเกษมเป็นพระอริยะเพียงองค์เดียวที่ประเทศไทยมี?

กลับไปที่คำถามเดิม แล้วเวลาพระป่าเหล่านี้ท่านออกธุดงค์ ท่านกราบอะไร ในป่ามีพระพุทธรูปให้กราบหรือครับ

เช neverdie wrote:3)ตอบไปข้างบนแล้ว แต่จะเพิ่มเติมว่า ผมยังไม่ได้พูดนะครับว่าพระเกษมสอนถูกสอนตรงไปทั้งหมด แต่สิ่งที่ท่านสอนผิดเพี้ยนไปเล็กน้อยนั้น ผิดพระธรรมวินัยถึงขั้นปราชิก สังฆาธิเสสเลยหรือครับ เข้ากฏที่ต้องจับสึกเลยหรือครับ


โทษนะครับคุณเช เห็นคุยว่ามีสมาธิดี แสดงให้ดูหน่อยสิครับว่าผมเคยพูดเรื่องพระเกษมผิดพระธรรมวินัยถึงขั้นปราชิกอะไรอย่างที่คุณเชว่ามาตอนไหนครับ? :)

ผมไม่เคยจำได้ว่าผมมีความรู้เรื่องพระวินัยจนถึงขั้นกล้าไปตัดสินว่าใครผิดจนถึงขั้นปราชิก

คุณเชอย่าเอาคำพูดมายัดปากผมสิครับ มีสมาธิหน่อย :)

และก็เลิกคิดเสียทีว่าคนที่เขาคิดว่าพระเกษมสอนไม่ถูกต้องเพราะพระเกษมไปด่ายิ่งลักษณ์

เรื่องพระเกษมเขาคุยกันมานานกว่า 2 ปีแล้ว ยิ่งลักษณ์เพิ่งเข้ามาเป็นนายกไม่กี่วันมานี้เอง

บังเอิญมันเป็นเรื่องขึ้นมา ผมก็เข้ามาคุยเรื่องที่พระเกษมสอน ไม่เคยไปโยงการเมืองเหมือนที่คุณเช และอีกหลายคนใน serithai ชอบทำ

เลิก paranoid เสียที มันทำให้หลายๆ คนเลิกเข้ามาที่ serithai ไปเลย เพราะเข้ามาพูดไม่ตรงกับใจคุณ คุณก็แปะป้าย red ให้เขาเลย

หลังๆ ที่นี่จึงมีแต่เด็กๆ ที่เข้ามานั่งด่ากัน :D


[color=#FF0000]คำถามคือ ?

ใจร่มๆนะครับ ;) ;) ;)
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 2:17 pm

Gop wrote:[color=#0000BF]
ขอถามคุณ sleepless เพื่อความชัดเจนหน่อยนะครับ

๑ คุณเห็นว่าการแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะ(ยกเท้าสูง) ของพระเกษมนั้น เป็นเรื่องคอขาดบาดตายถึงกับต้องจับสึกอย่างเป็นข่าวหรือไม่ :?:



ผมเคยคุยเรื่องกิริยาที่ไม่เหมาะของพระเกษมหรือครับ?
อันนั้นเป็นนิสัยของท่าน ผมจำได้ว่าไม่เคยไปวิจารณ์ท่านเรื่องนั้นนะครับ คุณจำสับสนกับคนอื่นหรือเปล่า :)
ผมคุยเรื่องที่ท่านเอาธรรมที่ไม่มีในตัวท่านมาสอนชาวบ้าน
ท่านไปอ่านและจำท่านพุทธทาสมาเรื่องพระพุทธรูปเป็นภูเขาแห่งธรรม
ท่านซาบซึ้งใจมากเหมือนตอนเราอ่านหนังสือเซ็น เว่ยหลาง มันเหมือนกับโอ้โห ใช่เลย
ท่านก็เลยจำเอามาสอนชาวบ้าน
เหมือนเอาแคลคูลัสมาสอนนักเรียน ป 1 ทั้งๆ ที่คนสอนไม่ได้เข้าใจแคลคูลัสเลย
ผมกำลังจะบอกว่าแม้แต่พระอริยะหลายท่านที่เรารู้จัก ก็ยังไม่มีใครเอาแคลคูลัสอย่างนั้นมาสอนนักเรียน ป 1 ครับ
มันทำให้คนทิ้งฟางกลางมหาสมุทรไปคว้าก่อนขี้หมาที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเองเลย
คุณเข้าใจหรือเปล่า?

Gop wrote:[color=#0000BF]
๒ การสั่งสอนไม่ให้กราบไหว้พระพุทธรูปที่พระเกษมทำนั้น คุณ sleepless กังวลอะไรอยู่หรือครับ ตรงนี้ผมงงจริงๆ ดูเหมือนคุณกังวล
แทนชาวบ้าน แทนลูกศิษย์ของพระเกษม เกรงว่าจะมีมิจฉาทิฐิ หรือ กลัวว่าชาวบ้านจะไม่เข้าหาศาสนาหรือครับ :?: :?:


ตอบไปแล้วข้างบนครับ
หรือคุณ Gop คิดว่าหากมีพระที่เอาสิ่งที่ไม่น่าจะถูกต้องมาสอนชาวบ้าน ผมควรหุบปากเสีย อย่างนั้นหรือครับ
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 2:19 pm

เช neverdie wrote:
กลับไปที่คำถามเดิม แล้วเวลาพระป่าเหล่านี้ท่านออกธุดงค์ ท่านกราบอะไร ในป่ามีพระพุทธรูปให้กราบหรือครับ


แล้วคุณเชคิดว่า ชาวบ้านเขากราบลงไปตรงไหนก็ได้เหมือนพระป่าเหล่านั้นหรือครับ
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 2:27 pm

เช neverdie wrote:

[color=#FF0000]เวลาไปต่างประเทศ หรือไปต่างจังหวัดต้องพักโรงแรม ไม่มีพระพุทธรูปให้กราบ แล้วคุณคิดว่าผมจะกราบอะไรครับ


คุณเชไม่ได้กราบพระพุทธรูป แต่คุณเช กราบ "รูปของพระพุทธเจ้า" ที่อยู่ในหัวคุณเชงัย :)
คือแทนที่จะกราบอิฐปูนเหมือนตอนอยู่บ้าน คุณเชก็กราบอากาศที่แทนตัวพระพุทธเจ้า
หรือคุณเชจะบอกว่า พุทธะ อยู่กลางใจคุณแล้ว :D
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 2:32 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:
กลับไปที่คำถามเดิม แล้วเวลาพระป่าเหล่านี้ท่านออกธุดงค์ ท่านกราบอะไร ในป่ามีพระพุทธรูปให้กราบหรือครับ


แล้วคุณเชคิดว่า ชาวบ้านเขากราบลงไปตรงไหนก็ได้เหมือนพระป่าเหล่านั้นหรือครับ


นั่นแหละที่พระเกษมท่านคิดของท่านว่าท่านทำถูก แต่พอไปรวมเข้ากับจริตของท่านด้วยก็เลยเกิดความไม่งาม กลายเป็นโลกวัชชะตามมา
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby -3- » Fri Oct 07, 2011 2:33 pm

เข้าข่าย flame กันหรือยังหว่า

จะได้ lock :lol: :lol:

ปล ยังคงเข้ามาดู..
"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา...ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร ไม่เคยห่างกัน"
User avatar
-3-
Moderator
 
Posts: 6302
Joined: Thu Nov 27, 2008 11:34 am
Location: Gensokyo

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 2:35 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:

[color=#FF0000]เวลาไปต่างประเทศ หรือไปต่างจังหวัดต้องพักโรงแรม ไม่มีพระพุทธรูปให้กราบ แล้วคุณคิดว่าผมจะกราบอะไรครับ


คุณเชไม่ได้กราบพระพุทธรูป แต่คุณเช กราบ "รูปของพระพุทธเจ้า" ที่อยู่ในหัวคุณเชงัย :)
คือแทนที่จะกราบอิฐปูนเหมือนตอนอยู่บ้าน คุณเชก็กราบอากาศที่แทนตัวพระพุทธเจ้า
หรือคุณเชจะบอกว่า พุทธะ อยู่กลางใจคุณแล้ว :D


สิ่งเดียวที่เป็นตัวแทนตถาคตนอกจากพระธรรมแล้ว ไม่มีสิ่งใด ไม่ว่าจะอิฐ หิน ดิน ไม้ หรืออากาศ

"ผู้ไดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" ตถาคต
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 2:40 pm

เช neverdie wrote:"ผู้ไดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" ตถาคต


บทย้อนกลับคือ "ผู้ไดไม่เห็นธรรม ผู้นั้นย่อมไม่เห็นเรา"

คุณเชคิดว่าตนเองเห็นพุทธะอยู่กลางใจเหมือนที่พระอริยะเห็นหรือเปล่า?

คุณเชคิดว่าพระเกษมเห็นพุทธะอยู่กลางใจเหมือนที่พระอริยะเห็นหรือเปล่า?

หากไม่ นั่นคือการเอาธรรมที่ไม่มีอยู่ในตนมาสอนชาวบ้านครับ
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 2:42 pm

-3- wrote:เข้าข่าย flame กันหรือยังหว่า

จะได้ lock :lol: :lol:

ปล ยังคงเข้ามาดู..


อย่าเพิ่งล็อก
เดี๋ยวคุยเสร็จค่อยล็อกนะ :mrgreen:
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 2:50 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:"ผู้ไดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" ตถาคต


บทย้อนกลับคือ "ผู้ไดไม่เห็นธรรม ผู้นั้นย่อมไม่เห็นเรา"

ถูกต้องครับ

คุณเชคิดว่าตนเองเห็นพุทธะอยู่กลางใจเหมือนที่พระอริยะเห็นหรือเปล่า?

อันนี้เป็น ปัจจัตตัง ครับ

คุณเชคิดว่าพระเกษมเห็นพุทธะอยู่กลางใจเหมือนที่พระอริยะเห็นหรือเปล่า?

อันนี้ไม่ทราบ เกินวิสัยที่ปุถุชนธรรมดาอย่างผมจะทราบได้

หากไม่ นั่นคือการเอาธรรมที่ไม่มีอยู่ในตนมาสอนชาวบ้านครับ

แล้วปุถุชนอย่างเราๆท่านๆจะสอนธรรมให้แก่ฆราวาสด้วยกันได้ดีกว่าภิกษุหรือเปล่าครับ
ถ้าคิดว่าทำได้ดีกว่าก็ลงมือทำเลย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของสงค์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าครับ


เจริญพร
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:01 pm

เช neverdie wrote:อันนี้เป็น ปัจจัตตัง ครับ


แปลว่าเห็นหรือไม่เห็นหล่ะครับ :)
ถ้าไม่เห็น ก็แสดงว่าคุณเชไหว้อากาศแทนการไหว้อิฐปูน

เช neverdie wrote:
แล้วปุถุชนอย่างเราๆท่านๆจะสอนธรรมให้แก่ฆราวาสด้วยกันได้ดีกว่าภิกษุหรือเปล่าครับ
ถ้าคิดว่าทำได้ดีกว่าก็ลงมือทำเลย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของสงค์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าครับ



เราไม่ได้มาสอนธรรมให้แก่ฆราวาสด้วยกันนะครับ

เราแค่มาคุยว่าที่ "สมมุติสงฆ์" ท่านหนึ่งเอามาสอนชาวบ้านนั้น มันน่าจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

ผมอาจจะรู้เรื่องอื่นน้อยกว่าพระเกษม เช่น พระไตรปิฏก แต่ผมเชื่อว่าเรื่องไหว้พระพุทธรูปนี่ผมรู้ไม่ได้น้อยกว่าท่าน เพราะอ่านมาจากหลวงพ่อพุทธทาสเล่มเดียวกัน :)

อย่างที่คุณแคนยกมา กาลามสูตรไม่น่าจะยกเว้นเพียงเพราะผู้พูดเป็น "สมมุติสงฆ์" ท่านหนึ่งนะครับ

หรือคุณเชคิดว่าเราควรเชื่อหลวงพ่อเกษมเพราะท่านเป็นสงฆ์ที่มีผู้นนับถือมากมาย?
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:11 pm

คุณเชยังไม่ได้อธิบายอีกอย่างว่าเหตใดคุณเชจึงต้องมีวัตรปฏิบัติสองแบบที่ไม่เหมือนกัน

คือตอนอยู่บ้านกราบพระพุทธรูป แต่ตอนไม่อยู่บ้านกราบโดยไม่มีพระพุทธรูปได้

ในเมื่อมีพุทธะอยู่กลางใจแล้ว เหตใดไม่เอาพระพุทธรูปไปเก็บเสีย แล้วกราบโดยไม่มีพระพุทธรูปตอนอยู่ที่บ้านด้วย

มีเหตผลอะไรหรือครับ???
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 3:18 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:อันนี้เป็น ปัจจัตตัง ครับ


แปลว่าเห็นหรือไม่เห็นหล่ะครับ :)
ถ้าไม่เห็น ก็แสดงว่าคุณเชไหว้อากาศแทนการไหว้อิฐปูน

ปัจจัตตัง สิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ผมเห็นธรรมของพระพุทธองค์ ก็เท่ากับผมมีที่ให้ผมกราบสักการะแล้ว


เช neverdie wrote:
แล้วปุถุชนอย่างเราๆท่านๆจะสอนธรรมให้แก่ฆราวาสด้วยกันได้ดีกว่าภิกษุหรือเปล่าครับ
ถ้าคิดว่าทำได้ดีกว่าก็ลงมือทำเลย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของสงค์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าครับ



เราไม่ได้มาสอนธรรมให้แก่ฆราวาสด้วยกันนะครับ

เราแค่มาคุยว่าที่ "สมมุติสงฆ์" ท่านหนึ่งเอามาสอนชาวบ้านนั้น มันน่าจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

ผมอาจจะรู้เรื่องอื่นน้อยกว่าพระเกษม เช่น พระไตรปิฏก แต่ผมเชื่อว่าเรื่องไหว้พระพุทธรูปนี่ผมรู้ไม่ได้น้อยกว่าท่าน เพราะอ่านมาจากหลวงพ่อพุทธทาสเล่มเดียวกัน :)

อย่างที่คุณแคนยกมา กาลามสูตรไม่น่าจะยกเว้นเพียงเพราะผู้พูดเป็น "สมมุติสงฆ์" ท่านหนึ่งนะครับ

หรือคุณเชคิดว่าเราควรเชื่อหลวงพ่อเกษมเพราะท่านเป็นสงฆ์ที่มีผู้นนับถือมากมาย?

ที่คุณปุจฉามาข้างบน ก็โดนเข้าไปสามข้อข้างล่างนี้แล้วครับ

1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา

พึงพิจารณาด้วย โยนิโสมนัสสิการครับ เมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า..
ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศลหรือมีโทษเมื่อนั้นพึงละเสีย

และเมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า..ธรรมเหล่านั้นเป็นกุศลหรือไม่มีโทษ
เมื่อนั้นพึงถือปฏิบัติ

แต่พึงเข้าใจว่า แม้แต่สิ่งเหล่านี้ซึ่งบางอย่างก็เลือกเอามาแล้วว่า..เป็นสิ่งที่น่าเชื่อที่สุด ท่านก็ยังเตือนไม่ให้ปลงใจเชื่อ
ไม่ให้ด่วนเชื่อ ไม่ให้ถือเป็นเครื่องตัดสินเด็ดขาด
ยังอาจผิดพลาดได้ ต้องใช้ปัญญาคิดพิจารณาให้ดีก่อน เรียกว่าโยนิโสมนัสสิการครับ

ทั้งนี้ก่อนจะเริ่มกระบวนการโยนิโสมนัสสิการ ก็ต้องมีสัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งโลกกธรรมก่อน
ไม่อย่างนั้นธรรมข้ออื่นๆที่จะตามมามันจะกลายเป็นเรื่องของตาบอดคลำช้างกันไปหมดครับ

เจริญพร
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:22 pm

เช neverdie wrote:
sleepless wrote:
เช neverdie wrote:อันนี้เป็น ปัจจัตตัง ครับ


แปลว่าเห็นหรือไม่เห็นหล่ะครับ :)
ถ้าไม่เห็น ก็แสดงว่าคุณเชไหว้อากาศแทนการไหว้อิฐปูน

ปัจจัตตัง สิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ผมเห็นธรรมของพระพุทธองค์ ก็เท่ากับผมมีที่ให้ผมกราบสักการะแล้ว


เช neverdie wrote:
แล้วปุถุชนอย่างเราๆท่านๆจะสอนธรรมให้แก่ฆราวาสด้วยกันได้ดีกว่าภิกษุหรือเปล่าครับ
ถ้าคิดว่าทำได้ดีกว่าก็ลงมือทำเลย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของสงค์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าครับ



เราไม่ได้มาสอนธรรมให้แก่ฆราวาสด้วยกันนะครับ

เราแค่มาคุยว่าที่ "สมมุติสงฆ์" ท่านหนึ่งเอามาสอนชาวบ้านนั้น มันน่าจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

ผมอาจจะรู้เรื่องอื่นน้อยกว่าพระเกษม เช่น พระไตรปิฏก แต่ผมเชื่อว่าเรื่องไหว้พระพุทธรูปนี่ผมรู้ไม่ได้น้อยกว่าท่าน เพราะอ่านมาจากหลวงพ่อพุทธทาสเล่มเดียวกัน :)

อย่างที่คุณแคนยกมา กาลามสูตรไม่น่าจะยกเว้นเพียงเพราะผู้พูดเป็น "สมมุติสงฆ์" ท่านหนึ่งนะครับ

หรือคุณเชคิดว่าเราควรเชื่อหลวงพ่อเกษมเพราะท่านเป็นสงฆ์ที่มีผู้นนับถือมากมาย?

ที่คุณปุจฉามาข้างบน ก็โดนเข้าไปสามข้อข้างล่างนี้แล้วครับ

1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา

พึงพิจารณาด้วย โยนิโสมนัสสิการครับ เมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า..
ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศลหรือมีโทษเมื่อนั้นพึงละเสีย

และเมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า..ธรรมเหล่านั้นเป็นกุศลหรือไม่มีโทษ
เมื่อนั้นพึงถือปฏิบัติ

แต่พึงเข้าใจว่า แม้แต่สิ่งเหล่านี้ซึ่งบางอย่างก็เลือกเอามาแล้วว่า..เป็นสิ่งที่น่าเชื่อที่สุด ท่านก็ยังเตือนไม่ให้ปลงใจเชื่อ
ไม่ให้ด่วนเชื่อ ไม่ให้ถือเป็นเครื่องตัดสินเด็ดขาด
ยังอาจผิดพลาดได้ ต้องใช้ปัญญาคิดพิจารณาให้ดีก่อน เรียกว่าโยนิโสมนัสสิการครับ

ทั้งนี้ก่อนจะเริ่มกระบวนการโยนิโสมนัสสิการ ก็ต้องมีสัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งโลกกธรรมก่อน
ไม่อย่างนั้นธรรมข้ออื่นๆที่จะตามมามันจะกลายเป็นเรื่องของตาบอดคลำช้างกันไปหมดครับ

เจริญพร



คุณเชรู้มั๊ย ที่คุณเขียนมาข้างบนผมไม่รู้เรื่องเลย :D

เอาให้มันง่ายๆ หน่อยสิ แบบว่าอ่านแล้วไม่ต้องแปล ชัดๆ

ที่คุณเชพูดมา สรุปว่า?

เอาแบบตรงๆ ก็ได้ จะ้ด่าผมว่าโง่ หรืองมงาย หรืออะไรก็ได้ ผมไม่ว่า

แต่เอาให้เช้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร อย่ากำกวม
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:27 pm

ผมถามอีกข้อแล้วกัน

กิเลสมีมากมายก่ายกองให้ตัด
บางคน ติดเหล้า ติดการพนัน ติด facebook ติดเว็บบอร์ด ฯลฯ
ทำไมต้องเลือกมาสอนให้เลิกยึดติดกับพระพุทธรูป?

สิ่งสมมุติมันมีทั้งที่นำไปสู่ทางกุศล และอกุศล
มีสิ่งสมมุติมากมายที่ควรตัด แต่ดันทะลึ่งมาให้ตัดสิ่งสมมุติที่นำไปสู่ทางกุศล

มันไม่เรียกว่าเพี้ยนจะให้เรียกว่าไงครับ
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 3:32 pm

sleepless wrote:คุณเชยังไม่ได้อธิบายอีกอย่างว่าเหตใดคุณเชจึงต้องมีวัตรปฏิบัติสองแบบที่ไม่เหมือนกัน

คือตอนอยู่บ้านกราบพระพุทธรูป แต่ตอนไม่อยู่บ้านกราบโดยไม่มีพระพุทธรูปได้

ในเมื่อมีพุทธะอยู่กลางใจแล้ว เหตใดไม่เอาพระพุทธรูปไปเก็บเสีย แล้วกราบโดยไม่มีพระพุทธรูปตอนอยู่ที่บ้านด้วย

มีเหตผลอะไรหรือครับ???


ไม่ว่าจะมีวัตรปฏิบัติกี่แบบ แต่ทุกครั้งที่กราบพระผมจะมีวัตรปฏิบัติแค่แบบเดียวครับนั่นคือกราบเพราะเห็นธรรมของตถาคตเจ้า

ส่วนของพระพุทธรูปนั้นมีอยู่ก็คล้ายๆเครื่องประดับของบ้านชิ้นหนึ่ง เพียงแต่ประดิษฐานในที่อันสมควร นั่นก็คือโต๊ะหมู่บูชาไอ้ที่ร้ายกว่านั้นไปที่ไหนก็มีแต่คนให้พระเป็นของกำนัล จนผนังบ้านเกือบครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยพระ ใต้โต๊ะหมู่บูชาก็มีหีบ-กล่องใบเล็กใบใหญ่เก็บพระเครื่องมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย และก็คงเป็นภาระของลูกชายคนเดียวที่ต้องสืบทอดเก็บมันต่อไป เหตุผลที่เก็บเอาใว้ก็เพราะเค้าเก็บกันมาอย่างนี้ ไม่อยากได้ชื่อว่าอกตัญญูเอาไปทิ้งไปแจกคนอื่นให้เสียน้ำใจบุพการี
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:34 pm

เช neverdie wrote:
sleepless wrote:คุณเชยังไม่ได้อธิบายอีกอย่างว่าเหตใดคุณเชจึงต้องมีวัตรปฏิบัติสองแบบที่ไม่เหมือนกัน

คือตอนอยู่บ้านกราบพระพุทธรูป แต่ตอนไม่อยู่บ้านกราบโดยไม่มีพระพุทธรูปได้

ในเมื่อมีพุทธะอยู่กลางใจแล้ว เหตใดไม่เอาพระพุทธรูปไปเก็บเสีย แล้วกราบโดยไม่มีพระพุทธรูปตอนอยู่ที่บ้านด้วย

มีเหตผลอะไรหรือครับ???


ไม่ว่าจะมีวัตรปฏิบัติกี่แบบ แต่ทุกครั้งที่กราบพระผมจะมีวัตรปฏิบัติแค่แบบเดียวครับนั่นคือกราบเพราะเห็นธรรมของตถาคตเจ้า

ส่วนของพระพุทธรูปนั้นมีอยู่ก็คล้ายๆเครื่องประดับของบ้านชิ้นหนึ่ง เพียงแต่ประดิษฐานในที่อันสมควร นั่นก็คือโต๊ะหมู่บูชาไอ้ที่ร้ายกว่านั้นไปที่ไหนก็มีแต่คนให้พระเป็นของกำนัล จนผนังบ้านเกือบครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยพระ ใต้โต๊ะหมู่บูชาก็มีหีบ-กล่องใบเล็กใบใหญ่เก็บพระเครื่องมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย และก็คงเป็นภาระของลูกชายคนเดียวที่ต้องสืบทอดเก็บมันต่อไป เหตุผลที่เก็บเอาใว้ก็เพราะเค้าเก็บกันมาอย่างนี้ ไม่อยากได้ชื่อว่าอกตัญญูเอาไปทิ้งไปแจกคนอื่นให้เสียน้ำใจบุพการี



ทำไมไม่หันเข้าฝาบ้านแล้วกราบหล่ะครับ? :D
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:38 pm

ok เพื่อลดความตึงเครียดให้คุณ เช
เปลี่ยนเรื่องมาคุยว่าพระพุทธรูปมีการสร้างกันมาตั้งแต่เมื่อใดดีกว่า :D

อันนี้เอามาจากชาดก ไม่แน่ใจว่าแต่งเมื่อใด

--
ในวัฏฏังคุลีชาดก กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล ถวายนมัสการสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วทูลถามว่า “บุรุษสตรีผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากร กระทำรูปเปรียบจำลองพระพุทธองค์ ขึ้นไว้ จะได้ประมาณอานิสงส์เช่นไรพระพุทธเจ้าข้า”

สมเด็จพระบรมศาสดามีพระพุทธดำรัสว่า “ดูกร มหาบพิตร ผู้เป็นมหาราชบุรุษหรือสตรีผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยศรัทธา เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากรไว้ในพระพุทธศาสนา พระพุทธปฏิมากรนั้น บุคคลจะสร้างด้วยดินเหนียว หรือศิลาก็ตามหรือทำด้วยโลหะแลทองแดงก็ตาม จะทำด้วยไม้ แลสังกะสี ดีบุกก็ตาม จะทำด้วยรัตนะ เงินทองก็ตาม ผู้ที่สร้างทำนั้น จักได้อานิสงส์ผลอันมากพ้นที่จะนับประมาณ การที่สร้างพระพุทธปฏิมากร หรือปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปก็ดี เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งยังเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร ครั้งเมื่อตถาคตเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ได้เห็นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรซึ่งทำด้วยดินเหนียวหักขาดไปนิ้วหนึ่ง จึงนำเอาดินเหนียวมาปั้นทำให้เป็นบริบูรณ์เป็นปกติ แล้วทำการสักการบูชาด้วยมาลาแลของหอม ครั้งทำลายเบญจขันธ์ ก็ได้เสวยสมบัติในสวรรค์ ได้เป็นบรมกษัตริย์ในมนุษย์โลก สิ้นกาลนาน ภายหลังเมื่อโพธิสมภารพุทธการกธรรมเต็มบริบูรณ์แล้วก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า” แล้วทรงเทศนาถึงอดีตชาติของพระองค์ ดังนี้

ในอดีตกาล มีพ่อค้าคนหนึ่งชื่อ กุลภัทรกุมาร ไดัชักชวนพ่อค้าทั้งหลายเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ระหว่างทางเขาเห็นพระพุทธปฏิมากรทำด้วยดินเหนียวองค์หนึ่ง ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอาราม ในป่าชัฏ พระพุทธปฏิมากรนั้น มีนิ้วพระหัตถ์หักไปนิ้วหนึ่ง จึงเอาดินเหนียวมาขยำกับน้ำอ้อย ปั้นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรปฏิสังขรณ์ให้เต็มบริบูรณ์ทั้ง ๕ นิ้ว แล้วเอาเงิน ๕ กหาปนะ ให้หญิงทาสีคนหนึ่ง คอยปฏิบัติรักษา พระพุทธปฏิมากรนั้น และให้มูลค่าประทีป เทียน แลมาลา ของหอม สำหรับบูชาพระปฏิมากรนั้นด้วย ครั้นบูชาแล้ว จึงตั้งความปรารถนาด้วยว่า “อานิสงค์ที่ข้าพเจ้าได้ปฏิสังขรณ์นิ้วพระหัตถ์นี้ ขึ้นชื่อว่าข้าศึกศัตรูทั้งปวง อย่าให้มีเฉพาะหน้าข้าพเจ้าเลยอนึ่งขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพระพุทธเจ้าในอนาคตด้วยเถิด”

นับแต่นั้นมา ข้าศึกศัตรูและ ร้ายทั้งหลายทั้งหลาย แม้แต่งู ตะขาบ และแมลงป่อง เป็นต้น ก็มิได้กล้ำกลายกุลภัทรกุมาร เมื่อตายไปได้เกิดเป็นเทพในสวรรค์ พวกอสูรในเทวโลกก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พากันหนีหมด เมื่อปฏิสนธิในครรภ์พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี เทพบุตรซึ่งเป็นบริวารพันหนึ่งก็มาเกิดในครรภ์ของภรรยาพวกอำมาตย์ เมื่อประสูติพระกุมารแล้ว ในกาลนั้น ทั้งหลายมีช้าง แลม้าเป็นต้น แม้จะดื้อเพียงใด เมื่อพระราชกุมารยกนิ้วพระหัตถ์ชี้มาในกาลใด เหล่านั้นก็ซวนเซล้มลงพระราชกุมารจึงได้พระนามว่า “วัฏฏังคุลีราชกุมาร”

เมื่อได้ครองราชย์เป็น “พระเจ้าวัฏฏังคุลีราชโพธิ ” ประกอบด้วยเมตตากรุณา ไม่เคยเบียดเบียนชีวิตใดเลย ตั้งมั่นอยู่ในศีล ในกาลนั้นพระยาร้อยเอ็ดทั้งหลายในชมพูทวีปจึงปรึกษากันจักไปชิงราชสมบัติ ของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช เพราะเห็นว่าพระองค์ไม่ฆ่า เลย คงได้เมืองมาโดยง่ายเมื่อยกทัพมาประชิดเมืองของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช พระองค์เพียงชี้นิ้วพระหัตถ์ พวกพระยาร้อยเอ็ดและเหล่าทหารก็ตกจากยานพาหนะและหกล้มระเนระนาด พระยาร้อยเอ็ดจึงสวามิภักดิ์ยอมเป็นประเทศราชของพระโพธิ สมเด็จพระทศพลจึงตรัสพระคาถาว่า บุคคลผู้สร้างพระพุทธรูปนั้น จะได้เป็นพระอินทร์ ๘ ครั้ง จะได้เป็นสมเด็จบรมจักรพรรดิ ๘๐ ชาติหรือ ๑๐๐ ชาติ จะได้เป็นพระราชานับประมาณไม่ได้ ผลแห่งการปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมพระพุทธรูปนั้น ไม่ควรคิดว่ามีค่าเท่าใดเพราะเป็นอจินไตย ประมาณไม่ได้ บุคคลผู้ก่อสร้างพระพุทธรูปด้วยปีติเลื่อมใสแล้วจะเกิดในสวรรค์สิ้นกาลนาน ผู้ปลูกมหาโพธิ์ นรชนผู้บวชตน นรชนผู้สร้างพระปฏิมากร นรชนสามจำพวกนี้ จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้.....
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 3:42 pm

sleepless wrote:
คุณเชรู้มั๊ย ที่คุณเขียนมาข้างบนผมไม่รู้เรื่องเลย :D

เอาให้มันง่ายๆ หน่อยสิ แบบว่าอ่านแล้วไม่ต้องแปล ชัดๆ

ที่คุณเชพูดมา สรุปว่า?

เอาแบบตรงๆ ก็ได้ จะ้ด่าผมว่าโง่ หรืองมงาย หรืออะไรก็ได้ ผมไม่ว่า

แต่เอาให้เช้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร อย่ากำกวม


ในทางธรรมไม่มีโง่ ไม่มีฉลาดครับ มีแต่ดวงตาเห็นธรรม กับดวงตามืดบอดในธรรมเท่านั้น

ถ้าคำตอบของผมทำให้คุณเข้าใจผิด ก็ขออภัยด้วยครับ

ที่ผมพยายามจะสื่อก็คือ ทั้งคุณทั้งพระเกษมยึดถืองานเขียนของท่านพุทธทาศเป็นสรณะทั้งคู่ นี่คือเชื่อตามตำรา

เพราะเห็นว่าท่านพุทธทาศเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม นี่คือเชื่อเพราะผู้เขียนเป็นอาจารย์

เพราะเหตุว่าใครๆก้บอกว่าท่านพุทธทาศเป็นพระอริยะ นี่คือเชื่อตามที่บอกต่อๆกันมา

ผมว่าทั้งคุณทั้งพระเกษมต้องไปศึกษาธรรมบางข้อมาใหม่ทั้งสองท่าน

อาจเพราะไม่ได้เริ่มจาก ทาน ศีล สมาธิ สัมมาทิฏฐิ มาก่อน อยู่ๆก็โดดไปอยากรู้เรื่องอภิธรรม

ความสับสนขัดแย้งมากมายจึงตามมาครับ นี่คือประเด็นที่ผมตอบในรีพลายด์นั้น

เจริญพร
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 3:44 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:
sleepless wrote:คุณเชยังไม่ได้อธิบายอีกอย่างว่าเหตใดคุณเชจึงต้องมีวัตรปฏิบัติสองแบบที่ไม่เหมือนกัน

คือตอนอยู่บ้านกราบพระพุทธรูป แต่ตอนไม่อยู่บ้านกราบโดยไม่มีพระพุทธรูปได้

ในเมื่อมีพุทธะอยู่กลางใจแล้ว เหตใดไม่เอาพระพุทธรูปไปเก็บเสีย แล้วกราบโดยไม่มีพระพุทธรูปตอนอยู่ที่บ้านด้วย

มีเหตผลอะไรหรือครับ???


ไม่ว่าจะมีวัตรปฏิบัติกี่แบบ แต่ทุกครั้งที่กราบพระผมจะมีวัตรปฏิบัติแค่แบบเดียวครับนั่นคือกราบเพราะเห็นธรรมของตถาคตเจ้า

ส่วนของพระพุทธรูปนั้นมีอยู่ก็คล้ายๆเครื่องประดับของบ้านชิ้นหนึ่ง เพียงแต่ประดิษฐานในที่อันสมควร นั่นก็คือโต๊ะหมู่บูชาไอ้ที่ร้ายกว่านั้นไปที่ไหนก็มีแต่คนให้พระเป็นของกำนัล จนผนังบ้านเกือบครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยพระ ใต้โต๊ะหมู่บูชาก็มีหีบ-กล่องใบเล็กใบใหญ่เก็บพระเครื่องมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย และก็คงเป็นภาระของลูกชายคนเดียวที่ต้องสืบทอดเก็บมันต่อไป เหตุผลที่เก็บเอาใว้ก็เพราะเค้าเก็บกันมาอย่างนี้ ไม่อยากได้ชื่อว่าอกตัญญูเอาไปทิ้งไปแจกคนอื่นให้เสียน้ำใจบุพการี



ทำไมไม่หันเข้าฝาบ้านแล้วกราบหล่ะครับ? :D


คำถามก็คือคำตอบ แล้วทำไมต้องหันเข้าฝาบ้านแล้วกราบละครับ

อีกนิดนึง บนห้องนอนผมก็ไม่มีพระพุทธรูป แต่ก่อนนอนผมก็กราบพระทุกคืน ผมเอาพระที่ไหนมากราบครับ ;) ;) ;)

เจริญพร
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:46 pm

เช neverdie wrote:
เพราะเห็นว่าท่านพุทธทาศเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม นี่คือเชื่อเพราะผู้เขียนเป็นอาจารย์
เพราะเหตุว่าใครๆก้บอกว่าท่านพุทธทาศเป็นพระอริยะ นี่คือเชื่อตามที่บอกต่อๆกันมา


คุณเชครับ
ตรงไหนครับที่ผมอกว่าผมเชื่ออย่างที่คุณเชเขียนข้างบน
แสดงให้ดูหน่อยครับ
ชอบเอาคำพูดมายัดปากผมอยู่เรื่อย :mrgreen:
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:48 pm

เช neverdie wrote:
คำถามก็คือคำตอบ แล้วทำไมต้องหันเข้าฝาบ้านแล้วกราบละครับ


นั่นสิครับ ทำไมไม่หันเข้าฝาบ้านแทนหันเข้าหาพระพุทธรูปหล่ะครับ
ฝาบ้านกับพระพุทธรูปมีอะไรที่ต่างกันหรือ?



เช neverdie wrote:
อีกนิดนึง บนห้องนอนผมก็ไม่มีพระพุทธรูป แต่ก่อนนอนผมก็กราบพระทุกคืน ผมเอาพระที่ไหนมากราบครับ ;)


ผมไม่ได้หมายถึงตอนที่อยู่ในห้องนอนหรืออยู่ต่างประเทศ อย่าเอามาปนกันสิ :D
ผมหมายถึงที่คุณเชบอกว่าตอนอยุ่บ้านกราบพระพุทธรูปหน่ะ
ทำไมไม่หันไปกราบฝาบ้านแทน
ฝาบ้านกับพระพุทธรูปต่างกันอย่างไร?
Last edited by sleepless on Fri Oct 07, 2011 3:51 pm, edited 1 time in total.
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby Anubitz » Fri Oct 07, 2011 3:50 pm

Anubitz wrote:ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณก่อนนะครับ แต่ก็ยังสงสัยต่อหน่ะครับ

sleepless wrote:
พระเกษมสอนให้คนเลิกยึดติดกับรูปธรรมคือพระพุทธรูป ซึ่้งเป็นสรณะของชาวบ้าน

แล้วหันไปยึดติดกับนามธรรมคือ "การไม่ติดยึดกับพระพุทธรูป"


เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วการไม่ยึดติดจริงๆคืออะไรเหรอครับ

sleepless wrote:ส่งผลให้ตัวพระเกษมเองเกิดการกระทำที่สุดโต่งขึ้นมา


สมมตินะครับสมมติ ว่า หา ณ วันนี้พวกเราส่วนใหญ่ในสังคม ต่างไม่ได้กราบไหว้มีพระพุทธรูป(พระพุทธรูปยังไม่เกิดขึ้นบนโลก) แต่ทุกคนต่างยึดหลักตามพระพุทธศาสนากันทุกคน จน อยู่มาวันหนี่ง มีคนสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาเพื่อละลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วกราบไหว ถามว่าคนคนนั้นนับถือพระพุทธศาสนาแบบสุดโต่งหรือเปล่าครับ


ขออนุญาติยกมาถามคุณ sleepless หน่อยครับ ค้างไว้เมื่อคืน
User avatar
Anubitz
 
Posts: 478
Joined: Sat Sep 17, 2011 5:28 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 3:54 pm

sleepless wrote:ok เพื่อลดความตึงเครียดให้คุณ เช
เปลี่ยนเรื่องมาคุยว่าพระพุทธรูปมีการสร้างกันมาตั้งแต่เมื่อใดดีกว่า :D

อันนี้เอามาจากชาดก ไม่แน่ใจว่าแต่งเมื่อใด



ชาดกคือนิทานครับ ชื่อเรียกเต็มๆคือ "นิทานชาดก"

แต่ที่เราคุยกันนี้คือเรื่องธรรมะครับ

ธรรมะ คือ "ธรรมชาติ"

ธรรมชาติคือ ความจริง

ความจริงอันมีอยู่สี่ประการ เรียกว่าอริยสัจสี่

มาจาก อริยะ แปลว่า เจริญ ประเสริฐ, สัจจะ แปลว่าความจริง

นั่นก็คือ "ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ"

อันเป็นหัวใจของศาสนาพุทธครับ

เจริญพร
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:55 pm

Anubitz wrote:ขออนุญาติยกมาถามคุณ sleepless หน่อยครับ ค้างไว้เมื่อคืน


แล้วมันสุดโต่งอย่างไรหล่ะครับ

ปุถุชนอย่างเราต้องอยู่ด้วยสมมุติบัญญัติ

การสร้างสมมุติบัญญัติที่เหมาะสมขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าเป็นสมมุติบัญญัติที่นำไปสู่ความเป็นกุศลมิใช่หรือ?

หากคุณเอาซากหมาตายมาเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า อันนี้สิเรียกว่าสุดโต่ง
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Fri Oct 07, 2011 3:58 pm

เช neverdie wrote:

ธรรมะ คือ "ธรรมชาติ"
ธรรมชาติคือ ความจริง
ความจริงอันมีอยู่สี่ประการ เรียกว่าอริยสัจสี่
มาจาก อริยะ แปลว่า เจริญ ประเสริฐ, สัจจะ แปลว่าความจริง
นั่นก็คือ "ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ"
อันเป็นหัวใจของศาสนาพุทธครับ


ลูกผม ม 1 ท่องได้เหมือนคณ เช เป๊ะเลย :)
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby Gop » Fri Oct 07, 2011 3:58 pm

sleepless wrote:หรือคุณ Gop คิดว่าหากมีพระที่เอาสิ่งที่ไม่น่าจะถูกต้องมาสอนชาวบ้าน ผมควรหุบปากเสีย อย่างนั้นหรือครับ


ตกลงคุณเองก็ยังไม่แน่ใจเลยใช่มั้ยครับ ว่ามันถูกต้องหรือไม่

ผมกำลังคิดว่า คุณ sleepless กำลังกังวลกับสิ่งที่เป็น "เปลือก" ของศาสนาครับ ที่ผมกังวลกว่า คือการสั่งสอน ไม่ใช่การกราบไหว้ครับ
ออกตัวไว้ก่อน ผมเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งนะ อ่านธรรมะบ้าง แต่ไม่ได้ปฏิบัติจริงจังอะไรนัก ผมมองพุทธศาสนาเป็น "ศาสตร์" คือมีหลักวิชา
มีเป้าหมาย และหลักการปฏิบัติ ที่ผู้ปฏิบัติเท่านั้นถึงจะเข้าถึงเป้าหมายนั้นได้ ธรรมมะในแง่คำสอนก็มีมากมาย ครูบาอาจารย์ดีๆ ปัจจุบันก็ยังมี
อยู่ไม่น้อย ผมมองว่าการรักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้ต่างหาก ที่เป็นหน้าที่ของพุทธบริษัท ผมถึงได้บอกว่าผมเฉยๆมาก ที่พระเกษมบอกให้ไม่ไหว้พระ
พุทธรูป แต่ผมกลับกังวลมากกับพระที่เที่ยวสอนว่า ทำบุญอย่างนั้นอย่างนี้ ชาติหน้าจะรวย (ผมเซ็งมากกว่ากังวลนะ เพราะคนส่วนใหญ่ชอบ)
ผมจะตัดสินว่าพระรูปใดดีไม่ดี ก็จากสิ่งที่ท่านสอน รวมถึงวัตรปฏิบัติของท่าน (หมายถึงการปฏิบัติธรรมนะครับ) ถ้าคุณ sleepless เห็นว่าท่าน
สอนแบบงูๆปลาๆ คือสอนสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ก็บอกเล่ากันได้นะครับ ผมพร้อมจะรับฟัง (นอกจากเรื่องไม่ต้องกราบพระพุทธรูป)

เรื่องความศรัทธา และนับถือสิ่งไดนั้น สำหรับผมนั้นรูปเคารพหรือสัญลักษณ์ไดๆไม่มีความจำเป็นเลยครับ ถ้าเราเข้าถึงสิ่งที่ลึกซึ้งขึ้น ความรู้สึก
นับถือจะเกิดขึ้นเองทันทีครับ เอาตัวอย่างง่ายๆที่ผมพอเข้าใจนะครับ นักวิทยาศาสตร์นับถือไอน์สไตน์มากๆ เพราะพวกเค้าเข้าใจทฤษฎีนะครับ
เค้ายกย่องเพราะไอน์สไตน์ชี้ทาง ที่นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆไม่เคยคิดมาก่อน ทำให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจโลกมากกว่าที่เป็นอยู่ นักวิทยาศาสตร์
พวกนี้แทบไม่ให้ความสำคัญกับรูปภาพ หรือหน้าตาอะไรเลย สิ่งที่เค้าสนใจคือเนื้อใน ตัววิชา ที่ไอน์สไตน์เสนอ เมื่อเข้าใจสิ่งนั้น ความนับถือก็
จะเกิดขึ้นเอง ต่อให้ไม่มีรูปไอน์สไดน์ซักไบ นักวิทยาศาสตร์ทุกยุค ทุกสมัยก็ยังนับถือไอน์สไตน์อยู่ดีครับ

User avatar
Gop
 
Posts: 837
Joined: Sun Jun 27, 2010 4:13 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Fri Oct 07, 2011 4:02 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:
คำถามก็คือคำตอบ แล้วทำไมต้องหันเข้าฝาบ้านแล้วกราบละครับ


นั่นสิครับ ทำไมไม่หันเข้าฝาบ้านแทนหันเข้าหาพระพุทธรูปหล่ะครับ
ฝาบ้านกับพระพุทธรูปมีอะไรที่ต่างกันหรือ?


บางทีที่ไม่หันไปกราบฝาบ้าน อาจเป็นเพราะฝาบ้านไม่มีรูปของบรรพบุรุษ-บุพการีที่ล่วงลับไปแล้วแขวนอยู่กระมังครับ
แต่ด้านล่างของโต๊ะหมู่บูชามีรูปของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วแขวนอยู่ ก็เลยกราบไปทางนั้น อาจจะเป็นไปได้

ทีนี้ ขอผมถามกลับบ้าง

ปรกติคุณกราบอิฐ หิน ดิน ทราย ไม้ ทองเหลือง ที่เอามาสร้างเป็นพระพุทธรูปที่อยู่ที่บ้านใช่ไหมครับ
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron