ปรีดี แฮททริค

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sun Oct 02, 2011 2:17 pm

คำอธิบายนี้ไม่เกี่ยวกับปรีดี แต่อาจจะบอกได้ว่าปรีดีมองสังคมสยาม ไม่ครบ 360 องศา

มโนทัศน์เกี่ยวกับอำนาจของศักดินาไทยนั้น ต่างกับฝรั่ง
หนังสือโฉมหน้าศักดินาไทยของจิตร จึงโฟกัสผิดตั้งแต่ต้น เมื่อเขาเอาจำนวนที่ดินมาเป็นหัวใจของการศึกษา

หัวใจของศักดินาไทยนั้น อยู่ที่พลเมือง
รัฐศาสตร์ของพวกเขาจึงเป็นการบริหารและควบคุมพลเมือง ไม่ใช่การตีดินแดนเพื่อเอามาเป็นเมืองขึ้น กรณีที่ชี้ชัดก็คือ ถ้าคุณพาคนเข้ามาเป็นข้าขอบขัณฑสีมา คุณจะได้เป็นขุนนาง ได้อำนาจได้ที่ทำกิน เพื่อกินผลประโยชน์จากคนที่คุณพามา แต่ถ้าคุณยังครองเมืองที่ถูกตีได้ คุณเป็นเมืองขึ้น

ยุทธศาสตร์ที่รัชกาลที่ 1 ใช้ในการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ก็คือการเพิ่มพลเมืองไม่ใช่เำิ่พิ่มอาณาเขต กรุงเทพจึงเป็นที่รวมของประชากรทุกชนชาติ ต่างก็มีหน้าที่อยู่ในระบบราชการชัดเจน การปฏิรูปของรัชกาลที่ 5 ก็คือการขยายระบบราชการที่เคยมีประสิทธิภาพในวงเมืองหลวง ไปเป็นครอบคลุมทั้งประเทศ

ทั้งหมดนี้ เป็นการปกครองโดยมีพลเมืองทั้งจำนวนและคุณภาพ เป็นกลไกพื้นฐาน เรื่องกดขี่ทำนาบนหลังคนจึงเป็นคำกล่าวหา (ก็เหมือนบอกว่าอภิสิทธิ์ไม่ใช่ประชาธิปไตยนั่นแหละ) กล่าวหาเพื่อฆ่า ผมจึงรังเกียจการแก้ตัวแบบตื้นเขิน หยุมหยิมของดอนฝิ่นเกี่ยวกับคำประกาศนี้ มันคือใบสั่งฆ่าที่ปลอมขึ้นมา เพราะระบอบศักดินาไทย ไม่ได้ทำกับพลเมืองไทยเช่นที่ปรีดีตอแหล

บาวริ่งเองยังบอกว่า ทาสสยามมีสถานะดีกว่าคนใช้ในยุโรปเสียอีก (อย่ามาถามหาการอ้างอิงอีกล่ะ ถามชาญวิทย์ดู มันอาจจะรู้ .......มั้ง)

สยามทำสัญญาเบาริงเมื่อปี 2397 แต่พิษของมันจริงๆ มาเกิดตอนร ศ. 112 (หรือพ.ศ. 2436) สรุปว่า ประมาณ 50 ปีก่อนปรีดีกบฎสำเร็จ ภัยคุกคามที่แท้จริงมาจากภายนอก โดยที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชก็รู้จุดอ่อนของตน จึงได้สร้างคนอย่างปรีดีขึ้นมาตั้งร้อยกว่าคนในนามคณะราษฎร เป้าหมายคือจะได้มีคนแบบนี้ มาอุดช่องโหว่ของการล่าอาณานิคม ...ซึ่งสำหรับสยาม พวกมันใช้ระบบกฏหมายเป็นอาวุธ ปรีดีคือขุนพลที่ราชสำนักสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ทำศึกด้านนี้

แต่ปรีดีเอาหอกที่ได้จากเจ้านายเล่มนี้ แทงทะลุหลังทีเดียวถึงตายครับ

--------------
สำนวน "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" หารายละเอียดได้ในอินเตอรเนต รบกวนอ่านและตีความเองครับ

http://www.google.com/search?q=%E0%B9%8 ... 61&bih=288
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am


Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sun Oct 02, 2011 3:26 pm

ผมเข้าใจว่า สมคิด ก็แค่หยิบปรีดีมาในกลุ่มคนทำรัฐประหารไม่ได้อธิบายความว่าดีเลว ชั่วร้าย

แต่จะอยู่ในกลุ่มถนอม ประภาสหรือไม่นั่นไม่สำคัญอะไรเลย เพราะมันเป็นความจริงเช่นนั้น

ที่สมคิดไม่อธิบายต่อ ก็แค่รวมกลุ่มคนรัฐประหารในประเทศไทยเท่านั้น

สมศักดิ์ จะเอาปรีดีไปไว้ไหน ในเมื่ออยู่ในกลุ่มรัฐประหารอยู่โทนโท่

ถ้าตั้งคำถามว่า มีใครบ้างทำรัฐประหารในเมืองไทย ทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ

คำตอบนั้นต้องมีชื่อ ปรีดี อยู่ด้วยแน่นอน

ถ้าจะใช้เหตุผลมาอธิบายความว่า การรัฐประหารไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายเสมอไป เพราะปรีดีไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย (ในสายตานักต่อต้านรัฐประหาร)

ประเด็นต่อต้านรัฐประหารจึงต้องมุ่งมาที่ ใครทำ ทำดีหรือไม่ดี ผลดีผลเสียต่อประเทศชาติคืออะไร

นั่นคือไม่ได้สนใจวิธีการ แต่สนใจผลของการกระทำใช่หรือไม่?
Last edited by คนบาป on Sun Oct 02, 2011 3:36 pm, edited 1 time in total.
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนปลูกต้นไม้ » Sun Oct 02, 2011 3:35 pm

ปักหมุดค่ะ
User avatar
คนปลูกต้นไม้
 
Posts: 244
Joined: Mon Oct 04, 2010 2:50 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sun Oct 02, 2011 3:39 pm

ถ้าฝ่ายต่อต้านรัฐประหารคิดว่า นี่คือสิ่งชั่วร้าย

ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารต้องอธิบายความเรื่องความชอบธรรมในการรัฐประหารทุกครั้ง

อย่าเลือกปฎิเสธการรัฐประหารเป็นครั้งคราว

ถ้าปรีดี ทำรัฐประหารเป็นสิ่งยอมรับได้ ทำไม คณะอื่นๆ ที่ทำรัฐประหารถึงจะยอมรับไม่ได้
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 4:27 pm

amplepoor wrote:คำอธิบายนี้ไม่เกี่ยวกับปรีดี แต่อาจจะบอกได้ว่าปรีดีมองสังคมสยาม ไม่ครบ 360 องศา

มโนทัศน์เกี่ยวกับอำนาจของศักดินาไทยนั้น ต่างกับฝรั่ง
หนังสือโฉมหน้าศักดินาไทยของจิตร จึงโฟกัสผิดตั้งแต่ต้น เมื่อเขาเอาจำนวนที่ดินมาเป็นหัวใจของการศึกษา

หัวใจของศักดินาไทยนั้น อยู่ที่พลเมือง
รัฐศาสตร์ของพวกเขาจึงเป็นการบริหารและควบคุมพลเมือง ไม่ใช่การตีดินแดนเพื่อเอามาเป็นเมืองขึ้น กรณีที่ชี้ชัดก็คือ ถ้าคุณพาคนเข้ามาเป็นข้าขอบขัณฑสีมา คุณจะได้เป็นขุนนาง ได้อำนาจได้ที่ทำกิน เพื่อกินผลประโยชน์จากคนที่คุณพามา แต่ถ้าคุณยังครองเมืองที่ถูกตีได้ คุณเป็นเมืองขึ้น

ยุทธศาสตร์ที่รัชกาลที่ 1 ใช้ในการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ก็คือการเพิ่มพลเมืองไม่ใช่เำิ่พิ่มอาณาเขต กรุงเทพจึงเป็นที่รวมของประชากรทุกชนชาติ ต่างก็มีหน้าที่อยู่ในระบบราชการชัดเจน การปฏิรูปของรัชกาลที่ 5 ก็คือการขยายระบบราชการที่เคยมีประสิทธิภาพในวงเมืองหลวง ไปเป็นครอบคลุมทั้งประเทศ

ทั้งหมดนี้ เป็นการปกครองโดยมีพลเมืองทั้งจำนวนและคุณภาพ เป็นกลไกพื้นฐาน เรื่องกดขี่ทำนาบนหลังคนจึงเป็นคำกล่าวหา (ก็เหมือนบอกว่าอภิสิทธิ์ไม่ใช่ประชาธิปไตยนั่นแหละ) กล่าวหาเพื่อฆ่า ผมจึงรังเกียจการแก้ตัวแบบตื้นเขิน หยุมหยิมของดอนฝิ่นเกี่ยวกับคำประกาศนี้ มันคือใบสั่งฆ่าที่ปลอมขึ้นมา เพราะระบอบศักดินาไทย ไม่ได้ทำกับพลเมืองไทยเช่นที่ปรีดีตอแหล

บาวริ่งเองยังบอกว่า ทาสสยามมีสถานะดีกว่าคนใช้ในยุโรปเสียอีก (อย่ามาถามหาการอ้างอิงอีกล่ะ ถามชาญวิทย์ดู มันอาจจะรู้ .......มั้ง)

สยามทำสัญญาเบาริงเมื่อปี 2397 แต่พิษของมันจริงๆ มาเกิดตอนร ศ. 112 (หรือพ.ศ. 2436) สรุปว่า ประมาณ 50 ปีก่อนปรีดีกบฎสำเร็จ ภัยคุกคามที่แท้จริงมาจากภายนอก โดยที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชก็รู้จุดอ่อนของตน จึงได้สร้างคนอย่างปรีดีขึ้นมาตั้งร้อยกว่าคนในนามคณะราษฎร เป้าหมายคือจะได้มีคนแบบนี้ มาอุดช่องโหว่ของการล่าอาณานิคม ...ซึ่งสำหรับสยาม พวกมันใช้ระบบกฏหมายเป็นอาวุธ ปรีดีคือขุนพลที่ราชสำนักสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ทำศึกด้านนี้

แต่ปรีดีเอาหอกที่ได้จากเจ้านายเล่มนี้ แทงทะลุหลังทีเดียวถึงตายครับ

--------------
สำนวน "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" หารายละเอียดได้ในอินเตอรเนต รบกวนอ่านและตีความเองครับ

http://www.google.com/search?q=%E0%B9%8 ... 61&bih=288


จริงๆว่าจะมาแค่อ่านก็ไปแล้วเพราะว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ไม่ค่อยว่างเท่าไรละ มีหลายประเด็นหน่อยนึง คือ 1. คุณจะบอกว่า ตั้งแต่การปฏิรูประบบราชการสมัยใหม่และการเกิดของ "รัฐชาติสยาม" จนกระทั่งถึง 2475 นั้น สยามยังคงรูปเป็นระบบฟิลดัล อย่างนั้นหรือ??? (สงสัยนะครับ อยากทราบคำตอบ เพราะว่าถามไปก่อนหน้า) 2.จิตรวิเคราะห์ไม่ถูกต้องอย่างถึงที่สุดโดยการกล่าวอ้างถึงระบบจำนวนไร่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีพื้นที่พอสำหรับเจ้านายรวมทั้งไร่สำหรับไพร่ งานหลายชิ้นเขียนยืนยันว่าจิตรวิเคราะห์ได้ผิดซึ่งผมเห็นด้วยกับคุณมากในจุดนี้ นอกจากนี้คุณยังกล่าวได้อย่างถูกต้องถึงมากถึงมากที่สุดว่าก่อนที่สยามจะเปลี่ยนแปลงจากรัฐแบบอาณาจักรเข้าสู่รัฐชาตินั้น รัฐแบบเดิมเน้นปริมาณแรงงานมากกว่าดินแดนเสียอีก ไม่มีรัฐรูปแบบใดนอกจากรัฐชาติที่เน้นการตีแบ่งพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วการแบ่งพื้นที่เขตแดนให้เห็นได้ชัดตามหลักพื้นฐานของรัฐชาติ (อำนาจอธิปไตย ดินแดนที่แบ่งชัด ประชากรถาวร และรัฐบาล) พึ่งจะมาพร้อมกับคลื่นล่าอาณานิคมเท่านั้นเอง ฉะนั้นผมคิดว่าที่คุณกล่าวว่า
การปฏิรูปของรัชกาลที่ 5 ก็คือการขยายระบบราชการที่เคยมีประสิทธิภาพในวงเมืองหลวง ไปเป็นครอบคลุมทั้งประเทศ
อาจจะถูกส่วนหนึ่งผมจึงเสริมเข้าไปด้วยการค้นหาบทความที่สั้นมาก เขียนโดยราชบัณฑิตสาขารัฐศาสตร์ มธ (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000048092 [เราพูดกันในเชิงวิชาการนะครับ ไม่ได้หมายถึงผมมีความเห็นเอนเอียงอย่างไร หรือด้านไหน])เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปอ่านงานเยอะๆยากๆ อย่าเช่นงานของ ธงชัย ที่ชื่อ Siam Mapped (เป็นหนังสือที่ดีมาก นำมาจากงาน PhD ของธงชัย ถ้าใครที่สนใจก็ลองหาอ่านได้เป็นงานที่ใช้กระบวนวิธีที่ชื่อว่า Genealogy สืบหาต้นกำเนิดของ "การปฏิบัตการวาทกรรม" [discursive practices--ไม่ใช่วาทกรรมที่เห็นอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไปนะครับ] ของการสร้างรัฐชาติของสยาม รวมทั้งการวาดแผนที่ จิตสำนึกความเป็นรัฐก่อนที่จะมีรัฐชาติ กล่าวโดยสั้นที่สุดคือธงชัยโต้แย้งโดยชี้แจงว่าคนสมัยปััจจุบันนำสิ่งที่เรียกว่า "จิตสำนึกเรื่องรัฐ" ไปยัดใส่อดีต พูดง่ายๆเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการดำรงอยู่ [ontology] ของ "รัฐชาติ" โดยที่ธงชัยมองว่ารัฐชาติเป็นเพียงแค่ "มายาคติ" [myths ตามที่ Jean Paul Sartre เรียกคือหมายถึงสิ่งที่ดำรงอยู่จนทำให้คนทั่วไปคิดว่าดำรงอยู่มานานตามธรรมชาติ--พยายามประมวล "มายาคติ" ของ sartre ]) อย่างไรก็ตาม ยังมีนักวิชาการที่ออกมาชี้ แจงเกี่ยวกับกระบวนการสร้างรัฐสมัยใหม่ของสยามอีก นั้นก็คืองานของกุลลดา เกษบุญชูมีด ของรัฐศาสตร์จุฬาฯ ในงานของกุลลดา (ที่ผมจะ Quote ลิ้งค์มาเป็นงานย่อ ขาดรายละเอียดปลีกย่อยในเชิง ปวศ) เธอเสริมความคิดของธงชัยในแง่ที่ว่าการปฏิวัติระบบราชการนั้นเป็นการเปลี่ยนผ่านจาก "รัฐศักดินา" มาเป็น "รัฐสมบูรณาญาสิทธิ์" (ตรงส่วนนี้แนะนำผู้สงสัย ต้องเข้าไปอ่านงานชั้นต้นของ กุลลดาด้วยตัวเองว่ากุลดาวิพากษ์ รัฐศักดินา อย่างไร และรัฐดังกล่าวต่างจากรัฐสมบูรณาสิทธิ์อย่างไร [รายละเอียดในหนังสือเล่มนั้นมีส่วนทำให้เธอได้เป็นนักวิจัยยอดเยี่ยมเมื่อปีที่แล้ว] ดูลิงค์ดังกล่าวและเลื่อนลงไปอ่านเฉพาะส่วนที่เขียนว่า "วิวัฒนาการรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไทย" http://www.siamintelligence.com/the-book-save-life-1/)

เมื่อรัฐสมัยใหม่มีแนวโน้มว่าเกิดขึ้นเมื่อรัชสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 (งานของธงชัยไม่ได้แบ่งรูปแบบการจำแนกรัฐเหมือนงานของกุลลดา) นั่นก็หมายความว่าเริ่มมีดินแดนและอาณาเขตที่แน่นอน และ แต่เดิมคำว่า "หัวเมือง" เมื่อกล่าวถึงตรรกะของรัฐสมัยใหม่นั้นก็อันตรธานหายไป การเป็น "จังหวัด" ภายใน "รัฐสยาม" สยามสามารถเรียกเก็บภาษีจาก "จังหวัด" ดังกล่าว และ กระจายภาษีในรูปแบบของงบ ซึ่งแต่เิดิม "หัวเมือง" เช่นเชียงใหม่ นั้น สามารถเก็บภาษีเข้าสู่เจ้าเชียงใหม่ได้ทันที นอกจากนี้ เรายังต้องส่งออกข้าวเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่าการส่งออกข้าวจากสยามไปสู่อาณานิคมอังกฤษและฮอลลันดาในอินโดนิเซียนั้นเพิ่มจาก 990,000 หาบในรัชกาลที่ 4 เป็น 15,220,000 หาบในปลายรัชสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 คือเพิ่มขึ้น 15 เท่า เหล่านี้ถ้ามองจากมุมมองของ "ระบบทุนนิยมโลก" (World Capitalist System) สยามไ้ด้ถูกรวมเข้าไปในระบอบ Pax Britainica ตามที่กุลลดาตั้งข้อสังเกตไว้ ซึ่งเมื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐที่ไม่ใช่รัฐศักดินา "ทำให้ ที่ดิน เป็นหนึ่งในปัจจัยการผลิตที่สำคัญอย่างยิ่งยวด" ดังนั้นจึงเริ่มมีการสะสมที่ดินเป็นการใหญ่สำหรับผู้ที่มีทุน จึงเริ่มมีการเกิดของเจ้าที่ดินขนาดใหญ่ ซึ่งก็ย่อมมีปัญหาชาวนาไร้ที่ดิน ซึ่งจากการสำรวจของนาย Carl Zimmerman นักวิชาการอเมริกัน เขาพบว่า ในภาคกลางนั้น 36 เปอร์เซนต์ของชาวชนบทไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ทำกิน ในบางตำบลชาวชนบทถึง 78 เปอร์เซนต์ไม่มีที่ดินทำกิน (ดูได้จากงานของ James C. Ingram ซึ่งได้นำผลการศึกษาของ Zimmerman มารวมไว้เพิ่มเติม, Economic Changes in Thailand 1850-1970, (Stanford: Stanford University Press), pp. 65-9) นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดคนชั้นกลางขึ้นมาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีอยู่มากที่เป็นเชื้อสายคนจีน จากรัฐ "ศักดินา" มาสู่ "รัฐสมัยใหม่" หรือ "สมบูรณาญาสิทย์" (ตามที่กุลลดาเรียก) รัฐเดิมจะมีเพียงแค่ "เจ้า-ขุนนาง และ ไพร่-ทาส" จึงกลายเป็น "เจ้า-ข้าราชการ-ราษฎร"

ทั้งหมดที่ว่ามานี้เป็นการบรรยายอย่างยืดยาวเพื่อที่จะเสริมการเปลี่ยนผ่านเรื่อง "รัฐ" (หรือถ้ามันตรงข้ามกับที่คุณคิด ก็แย้งมา แ่ต่ต้องท้าวความก่อนว่างานเขียนในด้านรัฐศาสตร์จะจัดการกับประเด็นที่ย้อนความเข้าใจทั่วๆไปของเรื่องต่างๆเยอะแยะมากมาย ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าคุณจะโต้แย้ง มันก็เป็น Burden of proof ของพวกคุณที่ต้องไปพิสูจน์โดยการหาหลักฐานเชิงประจักษ์ตามปีต่างๆ เพื่อไปโต้แย้งกับงานของนักวิชาการสองคนนั้น ซึ่งผมไม่ได้นำรายละเอียดมากมายใส่ลงมา ใช้อาศัยการจับประเด็นสำคัญเสียมากกว่า)

นอกจากนี้ในประเด็นที่กล่าวหาว่าผมแก้ตัวตื้นเขินหรืออะไรต่อมิอะไรนั้น ผมก็ไม่ได้สนใจอย่างที่ได้กล่าวมาหลายครั้ง ผมไม่ได้แก้ตัวให้ปรีดี ใครจะบอกว่ามันเลวก็เรื่องของเขา พ่อผมไม่ได้ชื่อปรีดี แม่ไม่ได้ชื่อ "โดม" เหมือนที่เด็ก มธ หลายๆคนชอบกล่าวด้วยความภูมิใจ (ไม่รู้ทำไม?) คือคุณจะเชื่ออย่างนั้นมันก็เรื่องของคุณ ผมมองของผมอย่างนี้ ไม่ได้ไปแดกดันอะไรคุณเสียหน่อย นอกเสียจากคุณมั่นใจมากว่า ความคิดที่คุณตีความมัน "สุโก้ย" มากๆ และเป็นความจริงแน่แท้ 100 เปอร์เซนต์ ผมก็แนะนำให้คุณ ลองส่งไปที่รัฐศาสตร์สาร หรือ วารสารทางวิชาการเยอะแยะมากมาย ซึ่งแน่นอนมันให้ประโยชน์มากแน่ หรือถ้าคุณเรียนโท หรือเอก และคุณทำวิทยานิพนธ์ทางด้านนี้ ถ้าคุณสามารถค้นคว้าหลักฐานที่มั่นคงแข็งแรงได้แล้วละก็ ผมมั่นใจเลยว่างานคุณจะต้องเขย่าวงการวิชาการ ปวศ การเมืองไทยแน่นอน แต่ถ้าคุณยังไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันการตีความของคุณได้ 100 เปอร์เซนต์ ซ้ำแล้วนี่เป็นประเด็นทาง ปวศ ไม่ใช่สังคมศาสตร์ แล้วคุณยังใช้การพูดแดกดันอย่างนั้นอย่างนี้กับคนที่คิดไม่เหมือนคุณ สุดท้ายแล้วคุณใช้วิธีคิดต่างจาก สมศักดิ์ที่คุณเขียนด่ามายังไง? เพราะใครไม่เห็นด้วยกับมัน มันก็หาว่าเขา "โง่" บ้าง "รู้้น้อย" บ้าง "ตรรกะตื้นเขิน" บ้าง "เขลา" บ้าง "ไม่มีความกล้าทางวิชาการบ้าง" หรือ "ไม่กล้าเถียงบ้าง" ทั้งๆที่ความเป็นจริงในสังคมศาสตร์ หรือ ปวศ (ถ้าไม่ใช่ Facts ที่เห็นได้ชัดจริงๆ) ก็มีการอธิบายได้หลากหลายมากมาย

นอกจากนี้ที่ผมชอบถามแหล่งที่มาก็เพราะอย่างนี้ไงครับ คือการที่มีการนำข้อมูลเข้ามาใช้ในการพูดถึงสิ่งต่างๆ และข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลที่รู้ได้โดยทั่วไปดังเช่นข้อมูลที่ว่า การปฏิวัติเกิดขึ้นปี 2475 อย่างนี้เป็นต้น ผมก็ย่อมต้องสงสัยที่มาเป็นธรรมดา มิฉะนั้นการเขียนบทความวิชาการต่างๆทุกวันนี้ก็มิต้องเขียนที่มาอ้างอิงสิครับ คือพูดขึ้นมาลอยๆก็ได้แล้วคนสงสัย ก็ให้ไปค้นห้องสมุดเอาเองทั้งห้อง อีกอย่างงานของชาญวิทย์มันเยอะมาก ผมไม่ทราบหรอกว่า งานไหนเขามาเขียนเปรียบเทียบไพร่ไทยกับไพร่ฝรั่งบ้่าง เพราะผมเข้าใจว่าในยุโรปก็มีรัฐที่เปลี่ยนเป็น "รัฐชาติ" ไม่พร้อมเพรียงกัน แต่เข้าใจว่าในวงวิชาการนั้นเขายึดถือ Peace Treaty of Westphalia 1648 สืบเนื่องจากประเด็นศาสนาในยุโรปมาใช้
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 4:30 pm

คนบาป wrote:ถ้าฝ่ายต่อต้านรัฐประหารคิดว่า นี่คือสิ่งชั่วร้าย

ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารต้องอธิบายความเรื่องความชอบธรรมในการรัฐประหารทุกครั้ง

อย่าเลือกปฎิเสธการรัฐประหารเป็นครั้งคราว

ถ้าปรีดี ทำรัฐประหารเป็นสิ่งยอมรับได้ ทำไม คณะอื่นๆ ที่ทำรัฐประหารถึงจะยอมรับไม่ได้


เข้าใจว่าในความคิดเขา "เหล่านั้น" จากที่พูดคุยมาคือ รปห ที่ กระทำในนามของ ปชต ก็ Ok ถ้าทำเพื่อล้ม ปชต ก็ไม่โอเค ประมาณนี้ละมั้งจากที่คุยๆกับเพื่อนๆที่ไปเข้าฟัง นิติราษฎร์ บ่อยๆ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sun Oct 02, 2011 4:37 pm

คปค. ก็อ้างประชาธิปไตยทำรัฐประหาร และประชาชนยอมรับ จนออกรัฐธรรมนูญให้ประชาชนลงประชามติ

รัฐประหารแบบนี้ทำไม นิติราษฎร์ ยอมรับไม่ได้
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sun Oct 02, 2011 4:42 pm

ลองตัดประเด็นเรื่องปรีดีเนรคุณรัชกาลที่ 7 ออกไป มาดูกันที่สาระของการกบฏ เราได้เห็นอะไร

หลัก 6 ประการนั่นแหละ คือสาระของการกบฏ ผมจะเรียงให้ดู "เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ การศึกษา"

หลักที่ 0 ทรราช
ผมถือว่าการกล่าวหาที่นำหน้าหลัก 6 ประการ คือหลักที่ 0 ซึ่งมีข้อสรุปว่า กษัตริย์เลว สมควรถูกโค่นล้ม

หลักที่ 1 เอกราช
ปรีดีกล่าวหาว่ารัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราช ไม่สามารถทำให้สยามเป็นเอกราชโดยสมบูรณ์ เพราะยังอยู่ใต้กฏหมายระหว่างประเทศที่กดขี่.....แต่ที่น่าสังเวชคือ ปรีดีขอให้ให้เกียรติคนที่มีผลงานด้านนี้ให้ถูกคน คือต้องยกย่องเวสเตนการ์ด ที่ปรึกษาของรัชกาลที่ 6 ด้วย แปลว่า รัฐบาลสยาม ก็ทำเรื่องนี้มาตั้งแต่รัชกาลก่อนโน่น (และสำเร็จผลในเบื้องต้น เพราะร. 6 เข้าข้างสัมพันธมิตร อันเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด แต่ปรีดีเลือกที่จะหุบปาก)

หลักที่ 2 ปลอดภัย
จะรักษาความปลอดภัยในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
ผมถามคำเดียว ปรีดีที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ เป็นทั้ง RUTH เป็นทั้งผู้สำเร็จ เป็นทั้งนายก เรียกว่า ไม่มีใครใหญ่กว่าอีกแล้ว ทำให้คดีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 กระจ่างได้หรือไม่ ....ถามมาถึงวันที่แกตายด้วย

หลักที่ 3 เศรษฐกิจ
แกสัญญาว่า ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก ถามว่า ที่รัฐบาลปรีดีทำให้เกิดข้าวยากหมากแพงเพราะเอาข้าวไปขายอังกฤษ นี่คือผลงานหรือ (นิธิอ้างว่า ขายเพื่อแก้ปัญหาที่เราจะต้องจ่ายค่าปรับให้อังกฤษ ข้ออ้างนี้ถ้าฟังขึ้น ก็ยึดอำนาจได้ทุกวันแหละ)

หลักที่ 4 เสมอภาค
(ไม่ใช่ให้พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่)
แหมฟังเท่จัง......แล้วทำไมคณะราษฎร ไม่มีสักตัวที่ถอดยศถอดตำแหน่ง เปลี่ยนมาใช้นาย....และนาง เพื่อให้เกิดความเสมอภาคล่ะจ๊ะ ปล่อยให้ตาแปลกมาทำในช่วงรัฐนิยม เหอๆๆๆๆๆ แล้วเมียเธอ ทำไมใช้ท่านผู้หญิง มันเสมอภาคนักหรืองัย

หลักที่ 5 เสรีภาพ
จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก 4 ประการข้างต้น
หลักข้างบนน่ะ เขาจะซื้อที่ดินจากราษฎรทั้งหมด ให้ราษฎรเป็นพนักงานของรัฐ และเลือกอาชีพตามที่รัฐสั่ง โห...เสรีบ้านเมิงอะดิ ข้าไม่อยากขายที่นาที่บรรพบุรุษก่นสร้างมา ข้าไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน และข้าไม่อยากเป็นหนี้การออกพันธบัตรห่าเหวในโครงการนี้ ข้าทำได้ป่าว......นี่หรือวะ เสรีภาพ ฝรั่งเศษประเทศพ่อเมิง ยังไม่ทำอย่างนี้เลย

หลักที่ 6 การศึกษา

ถามสั้นๆ ธรรมศาสตร์ที่เอ็งตั้ง เหนือกว่ามหาวิทยาลัยที่กษัตริย์ตั้งหรือเปล่า ส่วนมหิดลที่ตั้งในปี 2512 โดยรัฐบาลเผด็จการทหาร ..... เขาไปถึงใหนแล้ว ปรีดี

สรุปว่า ในความเห็นของผม ความเลวของปรีดีใน 2475 นี้ แม้จะลบด้วยความดีของเสรีไทย ก็ยังเหลือเกียรติบัติเลวชาติรายัมสุนัขติดในวงศ์ตระกูลอยู่ดี

เพราะเท่าที่เป็นมา รัชกาลที่ 1-7 ทำให้อาณาประชาราษฎร์ได้เกินกว่าหลักเส็งเคร็งของเอ็ง มากมายก่ายกอง ที่เอ็งทำนั้น คือการไล่พญาหงส์ลงจากวอ แล้วเอาคางคกคณะราษฎรขึ้นไปแทน....จบข่าว
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 4:45 pm

คนบาป wrote:คปค. ก็อ้างประชาธิปไตยทำรัฐประหาร และประชาชนยอมรับ จนออกรัฐธรรมนูญให้ประชาชนลงประชามติ

รัฐประหารแบบนี้ทำไม นิติราษฎร์ ยอมรับไม่ได้


อันนี้ข้อถกเถียงจากพวกเขานะ (ไม่ใช่ผม เดี๋ยวเข้าใจผิดละตรูซวยอีก) เขาว่า เพราะ 1.คนส่วนน้อยที่ยอมรับเพราะมีการประกาศกฎอัยกายศึกทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยกลัว 2.ประชามติดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของทหาร (?) 3.เป็นการล้ม รบ ที่มาจากการเลือกตั้ง

ย้ำอีกทีนะ เท่าที่ประมวลดู พวกคุณจะวิจารณ์ยังไงตามสบาย แต่อย่ามาโดนผม ผมไม่เกี่ยวผมก็เก็บข้อมูลไปเรื่อยนั้นละ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sun Oct 02, 2011 5:06 pm

ผลมาจากเหตุ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกระทำผิดรัฐธรรมนูญมากมาย ไม่มีใครจัดการได้

ถ้าคุณเป็นประชาชนที่อยู่ภายใต้รัฐบาลเผด็จการเสียงส่วนใหญ่ คุณจะต้องทำอะไรบ้าง

แม้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ไม่มีสิทธิ์ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญฯ ทุจริต หรือใช้อำนาจเข่นฆ่าประชาชน

โทษยุบพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องของกฎหมายเก่าทั้งนั้น เพียงต่มาเพิ่มเรื่องการตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงรับสมัคร สส. สว. ท่านั้นเอง

การอุดช่องว่างช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญเก่า มันเป็นสิ่งผิดเช่นนั้นหรือ?
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sun Oct 02, 2011 5:09 pm

ถ้าพูดให้ยาวกว่านั้น คนเสื้อแดงบีบบังคับให้รัฐบาลที่มจากการเลือกตั้งต้องยุบสภา ด้วยเหตุผลตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร มันถูกต้องจริงหรือ?

การเลือกนายกรัฐมนตรีกระทำกันในสภาหรือไม่ ทั้งสองฝ่ายเสนอตัวให้เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่?

เสียงส่วนใหญ่มาจากการเลือกตั้งเลือนายกรัฐมนตรีในสภา มันผิดอะไรหรือ ในเมื่อสภาเดียวกันก็เลือกนายสมัคร นายสมชาย

คำถามเหล่านี้ คนที่มีใจเป็นธรรรมย่อมมองออก มันเป็นการแก่งแย่งอำนาจจากผู้สูญเสียอำนาจทั้งนั้น
Last edited by คนบาป on Sun Oct 02, 2011 5:18 pm, edited 1 time in total.
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sun Oct 02, 2011 5:10 pm

อ่านรีพลายยืดยาวของดอนฝิ่นแล้วขำ คือผมรู้แล้วคราบบบ ว่าท่านเป็นนักวิชาการ

แต่ผมไม่ได้เป็น ผมจึงสามารถเขียนสั้นๆ ให้เข้าใจแบบชาวบ้านๆ ได้ว่า คุณโง่ตรงใหน ไม่ได้ตีชลุมแบบสมสัดว่า พวกคุณแม่ ง โง่ .......อย่างที่เขาเข้ามาตั้งกระทู้ชื่อคล้ายๆ นี้ ที่นี่

ผมว่าคุณโง่ เพราะอะไร เพราะคุณยังเวียนมาถามผมเรื่องฟิวดัลอยู่นั่นแหละ ทั้งๆ ที่คำของผมคำเดียวบ่งบอกแนวคิดได้ชัดเจน....ผมบอกว่า

มโนทัศน์เกี่ยวกับอำนาจของศักดินาไทยนั้น ต่างกับฝรั่ง .... หัวใจของศักดินาไทยนั้น อยู่ที่พลเมือง...บาวริ่งเองยังบอกว่า ทาสสยามมีสถานะดีกว่าคนใช้ในยุโรปเสียอีก

เอ้าแถมให้อีกประเด็นก็ได้ เราไม่มีทาสติดที่ดิน เรามีแต่ทาสในเรือนเบี้ย....เก๊ตยังครับ

ในกระดานสนทนานี้ เราคุยกันเหมือนเพื่อนฝูง เราไม่ได้ทำตัวแบบพวกฟ้าเดียวกันที่คุณคุ้นเคย จึงไม่มีความจำเป็นที่คุณจะยกงานแบบธงชัย ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ที่เปรียบเหมือนตำราที่ขาดไปครึ่งเล่ม ซึ่งผมไม่ให่ราคาเลยมาอ้าง รวมทั้งการที่อยากจะให้ผมมีชื่อเสียง จากงานวิชาการเลื่องลืออะไรพวกนั้น....ขอบอกว่า ของพวกนั้น ไม่มีแรงจูงใจสำหรับผมครับ ผมมีชื่อเสียงในระดับโลกไปแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก

ความสุขที่ทำอยู่ตอนนี้ ก็คือให้บริการความคิดบางอย่างกับมิตรสหายในบอร์ดนี้ ในเรื่องความเลวของนักการเมือง อ้อ ได้คุยกับคุณที่ขยันไปหาวิชาการ(ที่คุณคิดว่า) ยากๆ มาเสนอ ก็ทำให้นึกขำ จัดเป็นความสุขได้เหมือนกัน....อิอิ

ธงชัยหรือสมศักดิ์ หรือชาญวิทย์ หรือนิธิ พวกนี้เป็นนักวิชาการบนแผ่นกระดาษ เขียนมาให้แก้คำผิดครับ ไม่ทำให้ปรีชาญาณบังเกิด อ่านแล้วก็สงสาร สาระประโยคเดียว พวกเขียนเป็นบท......เฮ้อ

คุณอย่าไปทำตามเลยนะครับ
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sun Oct 02, 2011 5:10 pm

ต้องขอโทษเจ้าของกระทู้ที่พากระทู้ออกนอกประเด็นนายปรีดี...
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby Huligan » Sun Oct 02, 2011 5:15 pm

sanddolphin wrote:เข้าใจว่าในความคิดเขา "เหล่านั้น" จากที่พูดคุยมาคือ รปห ที่ กระทำในนามของ ปชต ก็ Ok ถ้าทำเพื่อล้ม ปชต ก็ไม่โอเค ประมาณนี้ละมั้งจากที่คุยๆกับเพื่อนๆที่ไปเข้าฟัง นิติราษฎร์ บ่อยๆ


สงสัยว่า พวกนั้นอธิบายได้ไหมว่า ปชต.คืออะไร นิยามอะไรบ้างที่พวกมันยึดไว้?
การเลือกตั้ง? สิทธิเสรีภาพ? ความเห็นชอบและการมีส่วนร่วมของพลเมือง? ความไม่เหลื่อมล้ำในแง่ปัจจัย 4?
หรือแค่สิทธิในการต่อต้านรัฐบาล(ที่พวกเขาคิดว่า)"โฉด" ก็ถือว่าเป็น ปชต.แล้ว?

หรือจะถามมุมกลับ > อะไรที่เป็นปฏิปักษ์กับ ปชต.บ้าง? การรัฐประหาร? การคอรัปชั่น? การคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย?

ถ้าเป็นข้อแรก(การเลือกตั้ง) ปรีดีก็ไม่ตรงกับนิยามนี้ซะทีเดียว เพราะแม้จะเคยสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาเข้าสู่อำนาจจริงๆก็ไม่ใช่การลงสมัครรับเลือกตั้ง (ให้ 0)
ข้อ 2 สิทธิเสรีภาพ > ไม่ใช่แน่นอน เพราะนโยบายเศรษฐกิจฉบับแรกของปรีดี เน้น Equality ไม่ใช่ Freedom (ให้ 0)
ข้อ 3 การมีส่วนร่วม > ในยุคนั้นไม่มีรัฐบาลไหนที่ถามความมีส่วนร่วมจากประชาชน ดังนั้นไม่เข้าข่ายนี้อีกเช่นกัน (ให้ 0)
ข้อ 4 ความไม่เหลื่อมล้ำในแง่ปัจจัย 4 > อาจพอถูๆไถๆได้บ้าง ว่าปรีดีพอจะมีแนวคิดนี้อยู่ในหัวบ้าง แต่เขาก็ไม่สามารถทำมันให้สำเร็จได้ > ซึ่งอาจมีคนมาแก้ต่างให้แกว่าองค์ประกอบอื่นๆมันไม่เอื้อให้แกทำได้ แต่นั่นก็เท่ากับว่าแกก็เคยพูดพล่อยๆโดยไม่ดูความเป็นไปได้ ซึ่งก็ไม่ต่างกับนักการเมืองยุคนี้ (ให้ +1)
ข้อ 5 การต่อต้านหรือโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการ? > อันนี้ก็พอตรงอยู่บางจุด แต่คำถามคือ อำนาจใหม่ที่มาแทนที่นั้น จะพูดได้อย่างไรว่ามันเป็น"ประชาธิปไตย"มากกว่า? หรือต้องกลับไปที่ 4 ข้อแรก ว่าแล้วก็ต้องเปรียบเทียบกลับไปอีกว่า รัฐบาลใหม่ มีลักษณะของ 4 ข้อแรกมากกว่ารัฐบาลเก่าที่ถูกโค่นล้มไปแล้วหรือไม่? หรือในทางกลับกัน ต้องกลับไปดูว่า รัฐบาลเก่าที่ถูกโค่นไป มีลักษณะของ 3 ข้อหลังมากกว่าหรือเปล่า?
1) การรัฐประหาร ข้อนี้ตกไปเพราะของเก่ากับของใหม่มีที่มาเหมือนกัน(รัฐประหารซ้อน)
2) การคอรัปชั่น ผมไม่ค่อยมีข้อมูลว่ารัฐบาลที่ถูกกลุ่มปรีดีโค่นล้มไป(รวมทั้งพยายามจะโค่นล้มแต่ไม่สำเร็จ) นั้นมีปัญหาด้านนี้แค่ไหน แต่อ่านจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ปรีดีไม่เคยมีประวัติคอรัปชั่น(เขาเล่ามาเฉยๆนะ)
3) การคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันนี้พอจะมีข้อมูลว่า รัฐบาลที่กลุ่มปรีดีมีอำนาจอยู่ ไม่ปรากฏข้อมูลด้านนี้ แต่อำนาจรัฐก่อนหน้านั้น 2 ครั้ง(2475-2476)ที่กลุ่มปรีดีเคยร่วมในการโค่นล้ม ก็ไม่มีหลักฐานในด้านนี้เช่นกัน ดังนั้นตรงนี้เจ๊ากัน
จะมีก็แต่รัฐบาลจอมพล ป.2492 ซึ่งมีข้อมูลว่าใช้อำนาจทำนองนี้จริงๆ(ซึ่งกลุ่มปรีดีพยายามโค่นแต่ไม่สำเร็จในฐานะกบฏวังหลวง)
(ข้อ5 ให้ 0)


สรุปคะแนนในมุมมองผม 0+0+0+1+0 = +1
Last edited by Huligan on Sun Oct 02, 2011 10:15 pm, edited 1 time in total.
ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้

การตัดหางลูกอ๊อด ไม่ได้ทำให้ลูกอ๊อดกลายเป็นกบได้!!!
User avatar
Huligan
 
Posts: 1203
Joined: Mon Jan 12, 2009 3:33 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sun Oct 02, 2011 5:22 pm

บทสรุปของชีวิตนายปรีดีคือ มาจากการรัฐประหารและจากไปด้วยการก่อกบฎ
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby Huligan » Sun Oct 02, 2011 5:34 pm

มาดู คมช.และรัฐบาลขิงแก่บ้าง...คมช.ที่อ้างล้างบางระบอบแม้วเพื่อเริ่ม ปชต.ที่ดีกว่า?
1) มาจากการเลือกตั้ง ข้อนี้ไม่ตรง เพราะทำรัฐประหาร(ปรีดีก็ไม่ค่อยตรงนักเช่นกัน)ต่างกันที่ปรีดีโค่นล้มอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ส่วน คมช.โค่นล้มอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง ตรงนี้จะให้คะแนนกลุ่มปรีดีเหนือกว่า คมช.นิดๆก็ได้ > (ให้ -1) 8-)
2) สิทธิเสรีภาพ อันนี้ไม่ชัดเจน แต่ผมก็เคยร่วมเคลื่อนไหวเพื่อวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาได้ ไม่ต่างกับยุคทักษิณ ไอ้คำขู่ว่าไม่ให้ชุมนุมเกิน 5 คนนั่นไม่เป็นความจริง(จะบอกว่าพวกเขาตอแหรก็ได้ ซึ่งพวกปรีดีเองก็เคยตอแหรเช่นกันครับ อันนี้ไม่ต่างกัน :P (ให้ 0)
3) การมีส่วนร่วม ตอนที่เขามีอำนาจอยู่ดูเหมือนไม่ค่อยมีจุดนี้นัก แต่อย่างไรก็ตาม ตอนที่พวกเขาร่าง รธน.50 ก็ระดมความเห็นจากหลายฝ่าย(ยกเว้นพวกทักกี้) แล้วก่อนประกาศใช้ก็มีการทำประชามติจนผ่านแล้วด้วย ทั้งกลุ่มที่ชอบและไม่ชอบทักกี้ (จะว่ามีการโฆษณาชวนเชื่อบ้างมันก็จริง แต่อย่าลืมว่ากลุ่มปรีดีไม่เคยทำแม้แต่การขอประชามติ) ดังนั้นผมให้คะแนน คมช.เหนือกว่าพวกปรีดีตรงจุดนี้ :!: (ให้+1)
4) ความไม่เหลื่อมล้ำในแง่ปัจจัย 4 > นโยบายเก่าสมัยรัฐบาลทักกี้ กับรัฐบาลขิงแก่ไม่ต่างกันตรงจุดนี้นัก 30 บาทก็เปลี่ยนมารักษาฟรี ต่างกันตรงที่รัฐบาลขิงแก่ไม่แจกกองทุนหมู่บ้าน(เท่าที่ผมพอทราบมานะ) > (ให้ 0)
5) การโค่นล้มรัฐบาลโฉด > รัฐบาลทักกี้เข้าข่ายรัฐบาลโฉดจริง เพราะแม้จะไม่ได้มาจากรัฐประหาร แต่มีการคอรัปชั่นที่พิสูจน์ได้(ทั้งที่ถูกตัดสินแล้วและที่ยังรอการตัดสิน) รวมทั้งการคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยประจักษ์เช่นกัน(หาคลิปตากใบมาดูก็ได้ หรือเอากรณีฆ่าตัดตอน 2000 กว่าศพก็ได้) > (ให้+1)


-1+0+0+1+1 = +1
สรุปคะแนน คมช.ในมุมมองผม +1 เท่ากันครับ :ugeek:
Last edited by Huligan on Sun Oct 02, 2011 10:20 pm, edited 4 times in total.
ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้

การตัดหางลูกอ๊อด ไม่ได้ทำให้ลูกอ๊อดกลายเป็นกบได้!!!
User avatar
Huligan
 
Posts: 1203
Joined: Mon Jan 12, 2009 3:33 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 5:39 pm

amplepoor wrote:ลองตัดประเด็นเรื่องปรีดีเนรคุณรัชกาลที่ 7 ออกไป มาดูกันที่สาระของการกบฏ เราได้เห็นอะไร

หลัก 6 ประการนั่นแหละ คือสาระของการกบฏ ผมจะเรียงให้ดู "เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ การศึกษา"

หลักที่ 0 ทรราช
ผมถือว่าการกล่าวหาที่นำหน้าหลัก 6 ประการ คือหลักที่ 0 ซึ่งมีข้อสรุปว่า กษัตริย์เลว สมควรถูกโค่นล้ม

หลักที่ 1 เอกราช
ปรีดีกล่าวหาว่ารัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราช ไม่สามารถทำให้สยามเป็นเอกราชโดยสมบูรณ์ เพราะยังอยู่ใต้กฏหมายระหว่างประเทศที่กดขี่.....แต่ที่น่าสังเวชคือ ปรีดีขอให้ให้เกียรติคนที่มีผลงานด้านนี้ให้ถูกคน คือต้องยกย่องเวสเตนการ์ด ที่ปรึกษาของรัชกาลที่ 6 ด้วย แปลว่า รัฐบาลสยาม ก็ทำเรื่องนี้มาตั้งแต่รัชกาลก่อนโน่น (และสำเร็จผลในเบื้องต้น เพราะร. 6 เข้าข้างสัมพันธมิตร อันเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด แต่ปรีดีเลือกที่จะหุบปาก)

หลักที่ 2 ปลอดภัย
จะรักษาความปลอดภัยในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
ผมถามคำเดียว ปรีดีที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ เป็นทั้ง RUTH เป็นทั้งผู้สำเร็จ เป็นทั้งนายก เรียกว่า ไม่มีใครใหญ่กว่าอีกแล้ว ทำให้คดีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 กระจ่างได้หรือไม่ ....ถามมาถึงวันที่แกตายด้วย

หลักที่ 3 เศรษฐกิจ
แกสัญญาว่า ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก ถามว่า ที่รัฐบาลปรีดีทำให้เกิดข้าวยากหมากแพงเพราะเอาข้าวไปขายอังกฤษ นี่คือผลงานหรือ (นิธิอ้างว่า ขายเพื่อแก้ปัญหาที่เราจะต้องจ่ายค่าปรับให้อังกฤษ ข้ออ้างนี้ถ้าฟังขึ้น ก็ยึดอำนาจได้ทุกวันแหละ)

หลักที่ 4 เสมอภาค
(ไม่ใช่ให้พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่)
แหมฟังเท่จัง......แล้วทำไมคณะราษฎร ไม่มีสักตัวที่ถอดยศถอดตำแหน่ง เปลี่ยนมาใช้นาย....และนาง เพื่อให้เกิดความเสมอภาคล่ะจ๊ะ ปล่อยให้ตาแปลกมาทำในช่วงรัฐนิยม เหอๆๆๆๆๆ แล้วเมียเธอ ทำไมใช้ท่านผู้หญิง มันเสมอภาคนักหรืองัย

หลักที่ 5 เสรีภาพ
จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก 4 ประการข้างต้น
หลักข้างบนน่ะ เขาจะซื้อที่ดินจากราษฎรทั้งหมด ให้ราษฎรเป็นพนักงานของรัฐ และเลือกอาชีพตามที่รัฐสั่ง โห...เสรีบ้านคุณอะดิ ข้าไม่อยากขายที่นาที่บรรพบุรุษก่นสร้างมา ข้าไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน และข้าไม่อยากเป็นหนี้การออกพันธบัตรห่าเหวในโครงการนี้ ข้าทำได้ป่าว......นี่หรือวะ เสรีภาพ ฝรั่งเศษประเทศพ่อคุณ ยังไม่ทำอย่างนี้เลย

หลักที่ 6 การศึกษา

ถามสั้นๆ ธรรมศาสตร์ที่เอ็งตั้ง เหนือกว่ามหาวิทยาลัยที่กษัตริย์ตั้งหรือเปล่า ส่วนมหิดลที่ตั้งในปี 2512 โดยรัฐบาลเผด็จการทหาร ..... เขาไปถึงใหนแล้ว ปรีดี

สรุปว่า ในความเห็นของผม ความเลวของปรีดีใน 2475 นี้ แม้จะลบด้วยความดีของเสรีไทย ก็ยังเหลือเกียรติบัติเลวชาติรายัมสุนัขติดในวงศ์ตระกูลอยู่ดี

เพราะเท่าที่เป็นมา รัชกาลที่ 1-7 ทำให้อาณาประชาราษฎร์ได้เกินกว่าหลักเส็งเคร็งของเอ็ง มากมายก่ายกอง ที่เอ็งทำนั้น คือการไล่พญาหงส์ลงจากวอ แล้วเอาคางคกคณะราษฎรขึ้นไปแทน....จบข่าว


หลักที่ 1 ผมเข้าใจว่าผมไปนำข้อมูลจกากเว็บมาแปะไว้แล้วนี่ฮะ (http://www.pridiinstitute.com/autopage/ ... =2&start=1) และอีกอย่างจะไม่ เป็นการย้ำหรอกหรือว่าเขาตั้งใจไม่พูดถึงความดีต่างๆของสถาบันกษัตริย์เพราะเขากำลังกระทำการล้มรัฐฎาธิปัตย์ไป เขากำลังจะล้ม และจะลดความชอบธรรมของรัฐบาลในหลวงรัชกาลที่ 7 ท่านจะให้เขาออกมาชื่นชมหรือเขียนบทความทางวิชาการงั้นหรือครับ?? ผมบอกไปแล้วไง คุณมองคนละมุมกับผม ผมมองว่าเขาไม่ได้จะล้ม แต่จะให้พระองค์มา "ทรงราชย์" จึงต้องให้พระองค์เลิก "ทรงรัฐ" (ตามที่นครินทร์ใช้คำนี้ในหนังสือ "การปฏิวัติ 2475" ของเขา) คุณจะมองมุมนั้นก็แล้วแต่สิครับ

หลักที่ 2 ก็เป็นธรรมดาของรัฐที่จะต้องให้คนมีความรู้สึกปลอดภัย ตามทฤษฎีสัญญาประชาคมต่างๆเช่น Thomas Hobbes คือ เมื่อคุณไม่สามารถสร้าง "ระเบียบ" ขึ้นมาได้ ไม่สามารถสร้างความ "มั่นคงและมั่นใจ" ระหว่างผู้ใต้ปกครองได้ เมื่อนั้นรัฐจะเริ่มขาดความชอบธรรม เพราะไม่รู้จะมีรัฐอยู่ทำแป๊ะอะไรเมื่อไม่สามารถปกป้องนาย A จากการประทุษร้ายของนาย B หรือไม่สามารถที่จะใช้มาตรการจัดการกับโจรขโมยอย่างเช่นลงโทษอันนำไปสู่ภาวะอนาธิปไตยได้ อีกอย่างในกรณีการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 ถ้าคุณอ้างว่าอำนาจเยอะที่สุดในขณะนั้น (นายกฯ) แล้วต้องรู้ทุกอย่าง มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ สมัยลิ้มโดนยิงอะ อภิสิทธิ์อยู่ในฐานะใดละครับ ยังตอบไม่ได้

หลักที่ 3 นี่ผมไม่ยากจะพูดเลยจริงๆ เพราะไม่แน่ใจว่าคุณหมายถึงหลังสงครามโลกครั้งที่สองหรือไม่ แต่ถ้าใช่ ผมชี้แจงว่า ที่ข้าวยากหมากแพงก็เพราะ 1.เป็นปัญหาการเมืองโลก 2.เป็นปัญหาต่อความเป็น "เอกราช" ของไทย หลักจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ไทยเราได้พลิกแพลงไม่ยอมแพ้แต่กลับมาเป็นผู้ชนะตามที่ มรว เสนีย์มิได้ยื่นจดหมายประกาศสงครามอย่างเป็นทางการต่ออเมริกา แต่ท่วากรณีของไทยกับอังกฤษนั้นแตกต่างกัน อังกฤษได้มองไทย ว่าเป็นผู้เข้าร่วมสงครามและอังกฤษได้เข้าร่วมต่อสู้กับไทยด้วยอย่างจริงๆจังๆ จะเห็นได้จากการเจรจาเพื่อยุติสงครามระหว่างไทยกับอังกฤษรวมทั้งหมด 4 เดือนเต็มๆ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2488 จนถึง ธันวาคมปีเดียวกัน และลงนามในวันที่ 1 มกราคม 2489 ซึ่งเป็นการลงนามใน Formal Agreement ไม่ใช่ Treaty ซึ่งความตกลงนั้นทำให้เราต้องจ่ายค่าปฏิมากรรมสงครามจำนวน 5224220 ปอนด์ คืนดินแดนในพม่าและมลายู อังกฤษควบคุึมการส่งออกยางพาราและดีบุกของไทยไว้ระยะหนึ่ง ไทยตกลงส่งข้าวให้อังกฤษเพื่อเลี้ยงอาณานิยม 1.5 ล้านตั้น และไทยจะไม่ขุดคอคอดกระโดยปราศจากความยินยอมจากอังกฤษ ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วอ่อนมาก เนื่องจากอังกฤษมีความประสงค์ที่จะเข้ามาจัดตั้งกองทหารของตนเพื่อเปลี่ยนแปลงกองทัพไทย ซึ่งดังที่เซอร์ โจไซห์ ครอสบี เอกอัครราชฑูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่า "กรณีของสยามนั้นเป็นเรื่องยกเว้น ในแง่ที่ว่าสยามเป็นประเทศเดียวท่ามกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นรัฐเอกราช พร้อมทั้งเป็นศัตรูของบริเตนใหญ่กับสหรัฐฯ ที่สยามได้ประกาศสงครามอย่างเป็นทางการเมื่อมีการกำหนดข้อตกลงสันติภาพ ก็จำเป็นที่สยามจำต้องถูกลงโทษ" เขายังกล่าวเพิ่มอีกว่า "การจัดตั้งรูปแบบบางอย่างของการควบคุมสยามไว้สักระยะหนึ่งหลังการสิ้นสุดของสงคราม ดูจะเป็นการเพียงพออย่างยิ่งในขณะนั้น" (ดู Sir Josiah Crosby, "observation on a Post War Settlement in Southeast Asia", International Affairs (July 1944), pp.361-2) ยิ่งไปไกลกว่านั้นก็คือ ลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบตตัน ผู้ซึ่งยื่น "21 Demands" ไว้ก่อนหน้าซึ่งรวมมาตรการทั้งหมด ทั้งเข้ามาปลดอาวุธกองทัพไทย และด้านการควบคุมกาค้าการส่งออก ฯลฯ ซึ่งทางสหรัฐฯ เห็นว่าเป็นข้อเรียกร้องที่มากเกินไปเพราะไปละเมิดอธิปไตยของไทย ดังจะเห็นได้จาก นสพ ของสหรัฐฯ ได้ประณามข้อเรียกร้องดังกล่าวซึ่งสามารถสืบค้นได้จาก "New York Herald Tribune, Washington Star และ New York Times" (September 15, 1945) ซึ่งในการประชุมทั้งหมด สามครั้ง นั้นสหรัฐได้มีบทบาทเข้ามาไกล่เกลี่ย นอกจากนี้ ไทยยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก UN ด้วยแต่ก็ด้วยเงื่อนไขของอังกฤษ ต่อมายังต้องคืนดินแดนที่ได้มาจากอินโดจีนให้ฝรั่งเศส ส่วนกรณีของ USSR นั้น เขาเรียกร้องให้ยกเลิก พรบ ว่าด้วยคอมมิวนิสต์ และได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตหลังจากการตัดขาดไปในปี 2460

หลักที่ 4 นั้น เข้าใจว่าหมายถึงความเสมอภาคทางด้านโอกาสโดยการริเริ่มให้มีรัฐธรรมนูญ

หลักที่ 5 นั้น คุณต้องเข้าใจก่อนว่า เสรีภาพที่พูดๆถึงเีนี่ย เรามองตัดสินจากประสบการณ์การล่มสลายของระบบเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์และสังคมนิยมในระยะเวลายาวนานที่เราเห็นมาแล้ว แต่ว่าในสมัยของปรีดีนั้น ความคิดแบบสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์เพิ่งเฟื่องฟูไม่นาน และคิดว่าเป็นหนทางเดียวที่จะปลดแอกคนเพื่อสร้างเสรีภาพในภายภาคหลังได้ ซึ่งในเวลานั้นก็มีการปฏิวัติของรัสเซียในปี 2460 เพียงที่เดียว ซึ่งสั่นสะเทือนความคิดเสรีนิยมมาก ฉะนั้น ถ้าผมตัดสินโดยใช้ Criteria ของปัจจุบันไปตัดสินปรีดี ผมก็มองว่าัมันโง่ก็ได้ถ้ามันคิดจะใช้เค้าโครงฯ ที่ว่านั้นตลอดชีวิต แต่ผมกลับมองว่าสมัยนั้น ความคิดเรื่องเสรีภาพกับสังคมนิยมมันค่อนข้างผูกติดกันอย่างยิ่งยวด ผมถึงไม่ด่าปรีดี หรือหลายประเืืทศที่มีลักษณะสังคมนิยมไงละ

ในส่วนหลักที่ 6 นั้น จุดประสงค์ไม่ได้ตั้งมาเพื่อให้เด็กเก่งเหนือกว่าจุฬาฯ หรือว่ามหิดล แต่ว่าตั้งมาเพื่อให้คนที่ไม่ค่อยมีจะกินได้รับโอกาสทางด้านการศึกษาเท่าๆกัน กล่าวคือ เป็นเป็นตลาดวิชา เป็นมหาวิทยาลัยเปิด ไม่ต้องสอบอยากเรียนก็มาสมัครเอาหนังสือกลับบ้านไปอ่านถึงเวลามาสอบ ซึ่งเมื่อเปิดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองครั้งแรกนั้นมีผู้เข้าสมัคร 7094 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมาก นอกจากนี้สถานที่ๆตั้งมหาวิทยาลัยนั้น ติดแม่น้ำเพื่อการเดินทางสัญจรที่สะดวกสบายของราษฎรในสมัยนั้น ซึ่งต่างจาก "ทุ่งสามย่าน" ที่ๆซึ่งการเ้ดินทางเข้าไปเรียนได้นั้นยากลำบากเพราะเป็นมหาวิทยาลัยในลักษณะ Campus นอกจากนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในขณะนั้นก็ถือว่าเป็นมหาวทิยาลัยในเขตเมืองแห่งแรกอีกด้วยซึ่งเปลี่ยนมาจากโรงเรียนสอนกฎหมายในสมัยนั้น ปรีดีเคยกล่าวว่า "มหาวิทยาลัยย่อมอุปมา ประดุจบ่อน้ำ บำบัดความกระหายของราษฎร ผู้สมัครแสวงหาความรู้ อันเป็นสิทธิและโอกาส ที่เขาควรมีควรได้ ตามหลักเสรีภาพ ของการศึกษา..." คือไม่ได้อยากให้เด็กออกมาเก่งมากมาย ไม่ได้อยากจะแข่งกับมหาวิทยาลัยอย่างเช่นจุฬาฯ แต่ให้โอกาสทางด้านการศึกษามันก็เท่านั้น ถ้าคุณสนใจจะศึกษาเกี่ยวกับธรรมศาสตร์เพิ่มเติม รบกวนเชิญที่ตึกโดม (อีกครั้ง)
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 6:00 pm

amplepoor wrote:อ่านรีพลายยืดยาวของดอนฝิ่นแล้วขำ คือผมรู้แล้วคราบบบ ว่าท่านเป็นนักวิชาการ

แต่ผมไม่ได้เป็น ผมจึงสามารถเขียนสั้นๆ ให้เข้าใจแบบชาวบ้านๆ ได้ว่า คุณโง่ตรงใหน ไม่ได้ตีชลุมแบบสมสัดว่า พวกคุณแม่ ง โง่ .......อย่างที่เขาเข้ามาตั้งกระทู้ชื่อคล้ายๆ นี้ ที่นี่

ผมว่าคุณโง่ เพราะอะไร เพราะคุณยังเวียนมาถามผมเรื่องฟิวดัลอยู่นั่นแหละ ทั้งๆ ที่คำของผมคำเดียวบ่งบอกแนวคิดได้ชัดเจน....ผมบอกว่า

มโนทัศน์เกี่ยวกับอำนาจของศักดินาไทยนั้น ต่างกับฝรั่ง .... หัวใจของศักดินาไทยนั้น อยู่ที่พลเมือง...บาวริ่งเองยังบอกว่า ทาสสยามมีสถานะดีกว่าคนใช้ในยุโรปเสียอีก

เอ้าแถมให้อีกประเด็นก็ได้ เราไม่มีทาสติดที่ดิน เรามีแต่ทาสในเรือนเบี้ย....เก๊ตยังครับ

ในกระดานสนทนานี้ เราคุยกันเหมือนเพื่อนฝูง เราไม่ได้ทำตัวแบบพวกฟ้าเดียวกันที่คุณคุ้นเคย จึงไม่มีความจำเป็นที่คุณจะยกงานแบบธงชัย ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ที่เปรียบเหมือนตำราที่ขาดไปครึ่งเล่ม ซึ่งผมไม่ให่ราคาเลยมาอ้าง รวมทั้งการที่อยากจะให้ผมมีชื่อเสียง จากงานวิชาการเลื่องลืออะไรพวกนั้น....ขอบอกว่า ของพวกนั้น ไม่มีแรงจูงใจสำหรับผมครับ ผมมีชื่อเสียงในระดับโลกไปแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก

ความสุขที่ทำอยู่ตอนนี้ ก็คือให้บริการความคิดบางอย่างกับมิตรสหายในบอร์ดนี้ ในเรื่องความเลวของนักการเมือง อ้อ ได้คุยกับคุณที่ขยันไปหาวิชาการ(ที่คุณคิดว่า) ยากๆ มาเสนอ ก็ทำให้นึกขำ จัดเป็นความสุขได้เหมือนกัน....อิอิ

ธงชัยหรือสมศักดิ์ หรือชาญวิทย์ หรือนิธิ พวกนี้เป็นนักวิชาการบนแผ่นกระดาษ เขียนมาให้แก้คำผิดครับ ไม่ทำให้ปรีชาญาณบังเกิด อ่านแล้วก็สงสาร สาระประโยคเดียว พวกเขียนเป็นบท......เฮ้อ

คุณอย่าไปทำตามเลยนะครับ


บอร์ดนี้ดีจริงๆ เมื่อต้นปีเถียงกับ finder ก็หาว่าผมเป็นข้าราชการกระทรวงต่างประเทศผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ คราวนี้คุยกับคุณก็หาว่าผมเป็นนักวิชาการอีก???!!! มันน่าดีใจหรือเสียใจวะเนี่ย

ผมถามคุณก่อนหน้านี้ให้คุณขยายความประโยคนี้
คือพลเมืองเป็นของมีค่า หรือจะพูดให้ชัดก็ได้ว่า ปรีดีน่ะ ตอแหล ระบอบของเราและของเอเซียไม่ได้มองพลเมืองเหมือนพวกฝรั่งมันมองพวกฟิวดัล

แต่สิ่งที่คุณตอบคือทำนองนี้
มโนทัศน์เกี่ยวกับอำนาจของศักดินาไทยนั้น ต่างกับฝรั่ง .... หัวใจของศักดินาไทยนั้น อยู่ที่พลเมือง...บาวริ่งเองยังบอกว่า ทาสสยามมีสถานะดีกว่าคนใช้ในยุโรปเสียอีก
ถ้าอย่างนั้นเบาว์ริ่งพูดว่า "ทาสสยาม" ดีกว่าคนใช้ในยุโรปเพราะอะไรอย่างไร แล้วถ้าคุณอ่านที่ผมตอบยืดยาวมาเสียให้ดีละก็ ผมบอกไปแล้วว่า "รัฐฟิลดัล" กับ "รัฐสมัยใหม่" มันทำงานต่างกัน สำหรับรัฐฟิลดัล ในยุโรป พวก Serfs ก็เป็นของมีค่าเช่นเดียวกัน (พลเมืองไม่ได้หมายความถึงไพร่) คือชนชั้นขุนนางสมัยฟิลดัลในยุโรปนั้น จำเป็นที่จะต้องพึ่งมาฟิลดัลในแง่ของผลผลิตทางการเกษตรต่างๆเพื่อทีจะแลกกับการปกป้องเหล่า serfs เหล่านั้น ทีนี้ คุณ amplepoor ผู้เปี่ยมด้วยปัญญา ผมมันโง่ไม่รู้อะไร รบกวนขยายความด้วยครับว่า ระบบฟิลดัลของทั้งสองที่ (ไม่นับเรื่องการที่เราแบ่งทาสและไพร่หลายรูปแบบ) ต่างกันอย่าง และ เบาว์ริ่งผู้ซึ่งอยู่ในรัฐที่ไม่ใช่ระบอบฟิลดัล ที่เขากล่าวมานั้นด้วยเหตุอันใดเพราะอะไร? เพราะสมัยที่เบาวร์ริ่งอาศัยนั้น ถ้าผมจำไม่ผิด ยังมีเพียงรัสเซียเท่านั้นที่ยังมีระบอบฟิลดัลหลงเหลืออยู่ นอกจากนี้เพียงแค่เบาว์ริ่งพูดมา ก็อาจจะมีน้ำหนักแต่ผมอยากฟังการจำแนกแจกแจงและวิเคราะห์ข้อแตกต่างเสียหน่อย รบกวนท่านผู้เปี่ยมด้วยสติปัญญาบรรยายนิดนึง

นอกจากนี้สืบเนื่องจากที่คุณบอกไม่ให้ราคาธงชัย ผมไม่สนใจอยู่แล้ว 1.คุณไม่เปิดกว้างทางความคิดเพียงเพราะยึดติดที่ธงชัยไปโปรแดง เลยไม่อ่านงานวิชาการของเขา ก็ตามสบาย 2. คุณก็ไม่ได้ความรู้เพื่อที่จะไปเถียงกับตัวหรืองานธงชัยเพราะคุณไม่ได้อ่านมันด้วยซ้ำ แล้วจะไปโต้แย้งกับธงชัยได้อย่างไร 3. ผมไม่ได้คุ้นเคยกับฟ้าเดียวกัน เพราะว่าผมไม่ได้เน้นการเมืองการปกครองไทยว่ะ :lol: :lol: :lol: 4. ผมไม่เห็นมีชื่อเสียงระดับโลกเลย แล้วก็ไม่เห็นอยากมีด้วย มีแล้วยังไง ไ่ม่มีแล้วยังไง ไม่เห็นต้องคุยโอ้อวดเลย แต่ถ้าคุณมี แต่ผมอาจจะไม่รู้จักก็ได้ว่ะ :lol: :lol: 5.ปิดประตูไม่รับความคิดคนอื่น ไม่อ่าน แต่กลับขำ ต่างอะไรกับกลในกะลา ต่างอะไรกับเสื้อแดงที่ไม่ยอมฟังความคิดฝ่ายตรงข้ามแต่กลับโห่ใส่?? อย่างน้อยการจะเลือกเชื่ออะไรสักอย่าง ควรจะรับข้อมูลทั้งสองด้านเข้ามาพินิจพิเคราะห์เสียก่อนแล้วก็ค่อยๆเลือกมิใช่หรือ?? หน้าที่ของคนบริการความคิด ถ้าเป็นอาจารย์ ก็นับว่าเป็นอาจารย์ที่ "ชุ่ย" มาก (ไม่ได้หมายถึงคุณนะ หมายถึงอาจารย์ที่เป็นอย่างที่ว่ามาดังกล่าว แต่คนดังระดับโลกอย่างคุณผมไม่สนใจหรอกว่ะ :lol: :lol: :lol: )
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sun Oct 02, 2011 6:08 pm

กรรมจริงๆ เป็นนักวิชาการนี่มันเป็นเอดส์หรือ ถึงไม่มีทางรักษา

ผมถามแบบชาวบ้านเลยนะ ว่าปรีดี เอ็งโค่นร.7 แล้วสัญญาจะทำ 6 เรื่อง เอ็งทำได้ใหม คำตอบคือ ทำไม่ได้ว่ะ การถามของผมนั้น สวมวิญญานคนไทยในยุคนั้น เพียงแต่คุณมองไม่ออกเอง

คุณมาแก้ตัวเรื่องอังกฤษมันข่มเหงไทย มันก็คือสิ่งเดียวกับที่ปรีดีกล่าวหาร.7 ว่าทำสยามให้มีเอกราชสมบูรณ์ไม่ได้ ปรีดีก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

ขำที่ยกเรื่องแป๊ะโดนยิงมาแก้เรื่อง ร. 8


คุณยังเด็กมากเลย
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby overtherainbow » Sun Oct 02, 2011 6:15 pm

amplepoor wrote:อ่านรีพลายยืดยาวของดอนฝิ่นแล้วขำ คือผมรู้แล้วคราบบบ ว่าท่านเป็นนักวิชาการ

แต่ผมไม่ได้เป็น ผมจึงสามารถเขียนสั้นๆ ให้เข้าใจแบบชาวบ้านๆ ได้ว่า คุณโง่ตรงใหน ไม่ได้ตีชลุมแบบสมสัดว่า พวกคุณแม่ ง โง่ .......อย่างที่เขาเข้ามาตั้งกระทู้ชื่อคล้ายๆ นี้ ที่นี่

ผมว่าคุณโง่ เพราะอะไร เพราะคุณยังเวียนมาถามผมเรื่องฟิวดัลอยู่นั่นแหละ ทั้งๆ ที่คำของผมคำเดียวบ่งบอกแนวคิดได้ชัดเจน....ผมบอกว่า

มโนทัศน์เกี่ยวกับอำนาจของศักดินาไทยนั้น ต่างกับฝรั่ง .... หัวใจของศักดินาไทยนั้น อยู่ที่พลเมือง...บาวริ่งเองยังบอกว่า ทาสสยามมีสถานะดีกว่าคนใช้ในยุโรปเสียอีก

เอ้าแถมให้อีกประเด็นก็ได้ เราไม่มีทาสติดที่ดิน เรามีแต่ทาสในเรือนเบี้ย....เก๊ตยังครับ

ในกระดานสนทนานี้ เราคุยกันเหมือนเพื่อนฝูง เราไม่ได้ทำตัวแบบพวกฟ้าเดียวกันที่คุณคุ้นเคย จึงไม่มีความจำเป็นที่คุณจะยกงานแบบธงชัย ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ที่เปรียบเหมือนตำราที่ขาดไปครึ่งเล่ม ซึ่งผมไม่ให่ราคาเลยมาอ้าง รวมทั้งการที่อยากจะให้ผมมีชื่อเสียง จากงานวิชาการเลื่องลืออะไรพวกนั้น....ขอบอกว่า ของพวกนั้น ไม่มีแรงจูงใจสำหรับผมครับ ผมมีชื่อเสียงในระดับโลกไปแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก

ความสุขที่ทำอยู่ตอนนี้ ก็คือให้บริการความคิดบางอย่างกับมิตรสหายในบอร์ดนี้ ในเรื่องความเลวของนักการเมือง อ้อ ได้คุยกับคุณที่ขยันไปหาวิชาการ(ที่คุณคิดว่า) ยากๆ มาเสนอ ก็ทำให้นึกขำ จัดเป็นความสุขได้เหมือนกัน....อิอิ

ธงชัยหรือสมศักดิ์ หรือชาญวิทย์ หรือนิธิ พวกนี้เป็นนักวิชาการบนแผ่นกระดาษ เขียนมาให้แก้คำผิดครับ ไม่ทำให้ปรีชาญาณบังเกิด อ่านแล้วก็สงสาร สาระประโยคเดียว พวกเขียนเป็นบท......เฮ้อ

คุณอย่าไปทำตามเลยนะครับ


เป็นแฟนคลับคุณแอมก็เพราะพูดให้ชาวบ้านฟังรู้เรื่องนี่แหล่ะ
ที่สำคัญการจะย่อยมาได้ขนาดนี้ต้องผ่านการคิด วิเคราะห์มาแล้ว
แปลได้ว่าให้ความสำคัญ และปรารถนาดีต่อการเอาความจริงที่คนมักไม่ค่อยให้ความสนใจไปสืบหาอ่าน คิด
มาให้
ตีแผ่กลางกระดาน อันไหนไม่จริงคงมีคนมารุมค้านคุณแอม
ซึ่งก็มีแต่ขาประจำเดิมๆคือฝ่ายที่เลือกข้างแล้ว กลุ่มนั้น
จริงๆเท่าที่อ่านๆมาคนเราทุกคนนั้น ตามวัยและประสบการณ์ ก็มีทั้งการตัดสินใจที่ถูกและผิด ปะปนอยู่ในประว้ติของตัว เรียนรู้ ถูกผิด ไปทั้งชีวิต ถ้าคิดจะประเมินตัวเองกันบ้าง
ไม่มีใครทำดีทั้งร้อยหรือเลวทรามทั้งร้อย เหมือนใครดี เหมือนแม้ว แล้วกัน ขอวกกลับหน่อย ใครคิดยังไงเกี่ยวกับการคิดยิงวัดพระแก้วบ้างคะ
ในชีวิตนี้ คนที่คิดแค้น อาฆาตและจ้องทำลายชาติ บ้านเมืองไม่มีใครเกินแม้ว


คุณปรีดีก็เช่นกัน
เท่าที่อ่านๆมา ท่านก็แค่คนธรรมดาที่บังเอิญมีโอกาสในชีวิตตอนชั่วโมงบินต่ำ
ไม่มีใครอยากกล่าวหาหรือประนามท่านหรอกค่ะ
แค่ยกมาว่าสิ่งที่อาจารย์ทั้งเจ็ดและสมสัก และใครๆมาแอบอ้างแบบผิดๆ
คนที่นี่ไม่ยอมให้ ปล่อยความรู้แบบผิดๆกลับไปด้วยทั้งนั้น ถ้าได้อ่านกระทุ้นี้
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 6:16 pm

amplepoor wrote:กรรมจริงๆ เป็นนักวิชาการนี่มันเป็นเอดส์หรือ ถึงไม่มีทางรักษา

ผมถามแบบชาวบ้านเลยนะ ว่าปรีดี เอ็งโค่นร.7 แล้วสัญญาจะทำ 6 เรื่อง เอ็งทำได้ใหม คำตอบคือ ทำไม่ได้ว่ะ การถามของผมนั้น สวมวิญญานคนไทยในยุคนั้น เพียงแต่คุณมองไม่ออกเอง

คุณมาแก้ตัวเรื่องอังกฤษมันข่มเหงไทย มันก็คือสิ่งเดียวกับที่ปรีดีกล่าวหาร.7 ว่าทำสยามให้มีเอกราชสมบูรณ์ไม่ได้ ปรีดีก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

ขำที่ยกเรื่องแป๊ะโดนยิงมาแก้เรื่อง ร. 8


คุณยังเด็กมากเลย


6 ข้อ ก็แล้วแต่ว่าคุณจะประเมินอย่างไรมิใช่หรือ?? ก็ความเห็นอีกนั่นละ คือผมก็มองว่ามันทำไ่ม่ได้เพราะความจำเป็นของบริบทมัน มันต้องยกให้ ไม่ใช่ ขายให้ ยกให้นะครับ ส่วนคุณจะขำเรื่องอะไรมันก็ตามแต่ ผมแค่ใช้ตรรกะที่คุณอธิบายมา อธิบายมันก็เท่านั้น :lol: :lol:

ผมก็พูดไปแล้วเมื่อกี้ในทำนองที่ว่า "ตรูไม่ใช่นักวิชาการ" แล้วก็ไม่ใช่จริงๆ ขอบคุณที่ชมผมว่าเด็ก ผมโคตรชอบเป็นเด็กอะ ไม่ชอบแก่ คือตอนเป็นเด็กเราเห็นอะไรเราก็สงสัยทุกอย่าง ตั้งคำถามไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้เรื่อง ขอบคุณจริงๆว่ะ งั้นต่อไปนี้ผมเรียกคุณว่า แก่ ละกันนะ คุณนี่มันแก่จริงๆเลยว่ะ (ตรูชอบเป็นเด็ก) เด็กถามคนแก่ตอบไม่ได้ = เด็กมันเป็นเด็ก เลยถามอะไรโง่ๆ บางทีพอคนเราเกลียดไปแล้ว มันก็ทำให้มีอคติบังตาจริงๆนะ เนอะคุณ "คนแก่โด่งดังระดับโลก" :lol: :lol: :lol: อีกอย่างเลิกบังคับให้ชาวบ้านเขาคิดเหมือนคุณไ้ด้แล้ว คุณคนแก่ อย่างเช่นผมค้านคุณเรื่องการก่อตั้งธรรมศาสตร์ ใครอยากจะเลือกเชื่อคุณก็เรื่องของมัน ใครอยากจะเชื่อผมก็เรื่องของเขา ใครอยากจะเชื่อข้อมูลจากทาง มธ ก็เลือกของมันอีกนั่นละ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 6:22 pm

overtherainbow wrote:
amplepoor wrote:อ่านรีพลายยืดยาวของดอนฝิ่นแล้วขำ คือผมรู้แล้วคราบบบ ว่าท่านเป็นนักวิชาการ

แต่ผมไม่ได้เป็น ผมจึงสามารถเขียนสั้นๆ ให้เข้าใจแบบชาวบ้านๆ ได้ว่า คุณโง่ตรงใหน ไม่ได้ตีชลุมแบบสมสัดว่า พวกคุณแม่ ง โง่ .......อย่างที่เขาเข้ามาตั้งกระทู้ชื่อคล้ายๆ นี้ ที่นี่

ผมว่าคุณโง่ เพราะอะไร เพราะคุณยังเวียนมาถามผมเรื่องฟิวดัลอยู่นั่นแหละ ทั้งๆ ที่คำของผมคำเดียวบ่งบอกแนวคิดได้ชัดเจน....ผมบอกว่า

มโนทัศน์เกี่ยวกับอำนาจของศักดินาไทยนั้น ต่างกับฝรั่ง .... หัวใจของศักดินาไทยนั้น อยู่ที่พลเมือง...บาวริ่งเองยังบอกว่า ทาสสยามมีสถานะดีกว่าคนใช้ในยุโรปเสียอีก

เอ้าแถมให้อีกประเด็นก็ได้ เราไม่มีทาสติดที่ดิน เรามีแต่ทาสในเรือนเบี้ย....เก๊ตยังครับ

ในกระดานสนทนานี้ เราคุยกันเหมือนเพื่อนฝูง เราไม่ได้ทำตัวแบบพวกฟ้าเดียวกันที่คุณคุ้นเคย จึงไม่มีความจำเป็นที่คุณจะยกงานแบบธงชัย ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ที่เปรียบเหมือนตำราที่ขาดไปครึ่งเล่ม ซึ่งผมไม่ให่ราคาเลยมาอ้าง รวมทั้งการที่อยากจะให้ผมมีชื่อเสียง จากงานวิชาการเลื่องลืออะไรพวกนั้น....ขอบอกว่า ของพวกนั้น ไม่มีแรงจูงใจสำหรับผมครับ ผมมีชื่อเสียงในระดับโลกไปแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก

ความสุขที่ทำอยู่ตอนนี้ ก็คือให้บริการความคิดบางอย่างกับมิตรสหายในบอร์ดนี้ ในเรื่องความเลวของนักการเมือง อ้อ ได้คุยกับคุณที่ขยันไปหาวิชาการ(ที่คุณคิดว่า) ยากๆ มาเสนอ ก็ทำให้นึกขำ จัดเป็นความสุขได้เหมือนกัน....อิอิ

ธงชัยหรือสมศักดิ์ หรือชาญวิทย์ หรือนิธิ พวกนี้เป็นนักวิชาการบนแผ่นกระดาษ เขียนมาให้แก้คำผิดครับ ไม่ทำให้ปรีชาญาณบังเกิด อ่านแล้วก็สงสาร สาระประโยคเดียว พวกเขียนเป็นบท......เฮ้อ

คุณอย่าไปทำตามเลยนะครับ


เป็นแฟนคลับคุณแอมก็เพราะพูดให้ชาวบ้านฟังรู้เรื่องนี่แหล่ะ
ที่สำคัญการจะย่อยมาได้ขนาดนี้ต้องผ่านการคิด วิเคราะห์มาแล้ว
แปลได้ว่าให้ความสำคัญ และปรารถนาดีต่อการเอาความจริงที่คนมักไม่ค่อยให้ความสนใจไปสืบหาอ่าน คิด
มาให้
ตีแผ่กลางกระดาน อันไหนไม่จริงคงมีคนมารุมค้านคุณแอม
ซึ่งก็มีแต่ขาประจำเดิมๆคือฝ่ายที่เลือกข้างแล้ว กลุ่มนั้น
จริงๆเท่าที่อ่านๆมาคนเราทุกคนนั้น ตามวัยและประสบการณ์ ก็มีทั้งการตัดสินใจที่ถูกและผิด ปะปนอยู่ในประว้ติของตัว เรียนรู้ ถูกผิด ไปทั้งชีวิต ถ้าคิดจะประเมินตัวเองกันบ้าง
ไม่มีใครทำดีทั้งร้อยหรือเลวทรามทั้งร้อย เหมือนใครดี เหมือนแม้ว แล้วกัน ขอวกกลับหน่อย ใครคิดยังไงเกี่ยวกับการคิดยิงวัดพระแก้วบ้างคะ
ในชีวิตนี้ คนที่คิดแค้น อาฆาตและจ้องทำลายชาติ บ้านเมืองไม่มีใครเกินแม้ว


คุณปรีดีก็เช่นกัน
เท่าที่อ่านๆมา ท่านก็แค่คนธรรมดาที่บังเอิญมีโอกาสในชีวิตตอนชั่วโมงบินต่ำ
ไม่มีใครอยากกล่าวหาหรือประนามท่านหรอกค่ะ
แค่ยกมาว่าสิ่งที่อาจารย์ทั้งเจ็ดและสมสัก และใครๆมาแอบอ้างแบบผิดๆ
คนที่นี่ไม่ยอมให้ ปล่อยความรู้แบบผิดๆกลับไปด้วยทั้งนั้น ถ้าได้อ่านกระทุ้นี้


อ้าวผมค้านเขาก็เท่ากับผมเป็นแก๊งแดงหรอเนี่ย เวรกรรมชิืหาย (ล้อเล่นๆ) ผมเห็นด้วยกับคุณนะครับ คือปรีดีตอนนั้นก็ยังหนุ่ม มุทะลุ ได้อำนาจตอนอายุไม่มากเท่าไร คิดว่าไปเรียนนอกมาแล้วจะวิเศษกว่าคนอื่น เปลี่ยนแปลงประเทศได้ แต่มันก็ล้มเหลว ก็เท่านั้น จริงๆประเด็นปรีดีก็มีมานานแต่พึ่งมาปะทุกับเรื่องนิติราษฎรเนี่ยละ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sun Oct 02, 2011 6:25 pm

คุณอ่านหนังสือไม่แตก เลยงุ่นง่านอย่างนี้แหละ

ระบบฟิลดัลของทั้งสองที่ (ไม่นับเรื่องการที่เราแบ่งทาสและไพร่หลายรูปแบบ) ต่างกันอย่างไร
ตอบ ผมไม่เคยบอกว่าไทยเป็นระบอบฟิวดัล ผมไม่โง่ขนาดนั้น

คุณไม่เปิดกว้างทางความคิดเพียงเพราะยึดติดที่ธงชัยไปโปรแดง เลยไม่อ่านงานวิชาการของเขา
ตอบ ผมอ่านงานของธงชัยตั้งแต่เขายังไม่จบปริญญาเอก หรืออาจจะกำลังอยู่ในช่วงขั้นตอนทางธุรการ

เรื่องชื่อเสียงอะไรนั่น คุณเป็นคนเริ่มนะ.....จำไม่ได้หรือ เอาอีกแล้ว เพิ่งผ่านมาแป๊ปเดียวเอง คุณมีสมองปลาทองเหรอ
ถ้าคุณสามารถค้นคว้าหลักฐานที่มั่นคงแข็งแรงได้แล้วละก็ ผมมั่นใจเลยว่างานคุณจะต้องเขย่าวงการวิชาการ ปวศ การเมืองไทยแน่นอน

ผมจึงตอบไปว่า
รวมทั้งการที่อยากจะให้ผมมีชื่อเสียง จากงานวิชาการเลื่องลืออะไรพวกนั้น....ขอบอกว่า ของพวกนั้น ไม่มีแรงจูงใจสำหรับผมครับ ผมมีชื่อเสียงในระดับโลกไปแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก

อันนี้ไม่ได้อวด เพราะเป็นความจริง ถ้าอวดต้องบอกว่าผมชื่ออะไร....จริงปะ
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby Huligan » Sun Oct 02, 2011 6:30 pm

ร่างทรงอาจารย์ภูวดลรึป่าวเนี่ย...อิอิ :P
ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้

การตัดหางลูกอ๊อด ไม่ได้ทำให้ลูกอ๊อดกลายเป็นกบได้!!!
User avatar
Huligan
 
Posts: 1203
Joined: Mon Jan 12, 2009 3:33 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 6:45 pm

amplepoor wrote:คุณอ่านหนังสือไม่แตก เลยงุ่นง่านอย่างนี้แหละ

ระบบฟิลดัลของทั้งสองที่ (ไม่นับเรื่องการที่เราแบ่งทาสและไพร่หลายรูปแบบ) ต่างกันอย่างไร
ตอบ ผมไม่เคยบอกว่าไทยเป็นระบอบฟิวดัล ผมไม่โง่ขนาดนั้น

คุณไม่เปิดกว้างทางความคิดเพียงเพราะยึดติดที่ธงชัยไปโปรแดง เลยไม่อ่านงานวิชาการของเขา
ตอบ ผมอ่านงานของธงชัยตั้งแต่เขายังไม่จบปริญญาเอก หรืออาจจะกำลังอยู่ในช่วงขั้นตอนทางธุรการ

เรื่องชื่อเสียงอะไรนั่น คุณเป็นคนเริ่มนะ.....จำไม่ได้หรือ เอาอีกแล้ว เพิ่งผ่านมาแป๊ปเดียวเอง คุณมีสมองปลาทองเหรอ
ถ้าคุณสามารถค้นคว้าหลักฐานที่มั่นคงแข็งแรงได้แล้วละก็ ผมมั่นใจเลยว่างานคุณจะต้องเขย่าวงการวิชาการ ปวศ การเมืองไทยแน่นอน

ผมจึงตอบไปว่า
รวมทั้งการที่อยากจะให้ผมมีชื่อเสียง จากงานวิชาการเลื่องลืออะไรพวกนั้น....ขอบอกว่า ของพวกนั้น ไม่มีแรงจูงใจสำหรับผมครับ ผมมีชื่อเสียงในระดับโลกไปแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก

อันนี้ไม่ได้อวด เพราะเป็นความจริง ถ้าอวดต้องบอกว่าผมชื่ออะไร....จริงปะ


เหยย ผมขำจริงๆว่ะ พูดตรงๆ ผมอุตส่าห์พยายามไม่พิมพ์นอกเหนือจากเนื้อหานะ แต่ไม่ไหวว่ะฮาจริง :lol: :lol:

คุณจะบอกว่าไทยหรือสยามไม่เคยเป็นระบอบฟิลดัล??? (ศักดินา???) คุณพูดจริงป่าววะเนี่ย แต่คุณบอกว่า
มโนทัศน์เกี่ยวกับอำนาจของศักดินาไทยนั้น ต่างกับฝรั่ง .... หัวใจของศักดินาไทยนั้น อยู่ที่พลเมือง...บาวริ่งเองยังบอกว่า ทาสสยามมีสถานะดีกว่าคนใช้ในยุโรปเสียอีก
ประโยคนี้มิได้กล่าวเป็นนัยๆหรอกหรือว่า ไทยก็มีระบบฟิลดัลของไทย ฝรั่งก็มีของฝรั่ง ฉะนั้นถึงเวลาคนแก่ผู้อ่านหนังสือแตกฉลาดกว่าผมและวิเคราะห์ได้เฉียบแหลมบอกผมได้แล้วครับว่ามันต่างกันอย่างไร หรือคุณจะยอมรับว่าไทยหรือสยามไม่เคยมีระบบศักดินาหรือฟิลดัลก็ได้

ถ้าคุณอ่านงานของธงชัยแล้วจริงๆละก็นะ แสดงว่าคุณไม่เชื่อในเอกสารชั้นต้นหลายๆชิ้นสิ แสดงว่าไม่เชื่อเรื่องแผนที่และอิทธิพลของการเกิดรัฐสิ และทำไมถึงบอกว่ามีการปฏิรูปรัฐของระบบข้าราชกาลของรัชกาลที่ 5 อย่างเดียวละ?
การปฏิรูปของรัชกาลที่ 5 ก็คือการขยายระบบราชการที่เคยมีประสิทธิภาพในวงเมืองหลวง ไปเป็นครอบคลุมทั้ง ประเทศ "
เออแต่ผมเชื่อว่ะว่าคุณอ่าน เพราะมันคงนานจนลืมกระมัง

ส่วนกรณีเรื่องชื่อเสียง ผมก็ไม่ได้บอกนิว่าให้คุณ "โชว์ว่าคุณเป็นคนดังระดับโลก" ถามว่าอวดไหม สำหรับผมมันคือการอวดว่ะ :lol: :lol: ถึงไม่ได้บอกชื่อก็ตามที ตัวอย่างเช่น สมมุติผมก็บอกว่า "ผมเก่งว่า ไอ้ A มันโง่ว่ะ" แต่ผมไม่ได้บอกชื่ออะ มันก็เป็นการโอ้อวดมิใช่หรือ??? คือผมสนับสนุนให้คุณค้นคว้าแล้วไปตีพิมพ์อะไรต่อมิอะไร จุดประสงค์ ไม่ใช่เพื่อให้คุณดังเพราะคุณอยากดัง หรือไม่ใช่เพราะว่าอยากให้คุณดัง (ไม่รู้จะมาบอกทำไมว่า ตัวเองดังระดับโลก) แต่ผมบอกว่า "จะต้องเขย่าวงการวิชาการ ปวศ การเมืองไทยแน่นอน" คือ มันไปจิ้มให้คุณต้องโอ้อวดว่าคุณดังขนาดไหนครับเนี่ย คืองานคุณมันเขย่า โคตรเก๊กซิมเลย อ่านหนังสือให้แตกก็ดีนะ "แก่แล้ว แถมยังดังระดับโลกอีกไม่อายเด็ก" หรอครับ คุณคนแก่ผู้ปราดเปรื่องและมีชื่อเสียงระดับโลก

ผมว่าคุณเริ่มจิกกัดแบบ ไม่รู้สิ คุยนานๆแล้วเบื่ออะครับ แทนที่จะได้มาเพิ่มพูนสติปัญญา แต่คุณจะพิมพ์ต่อก็ไม่ว่านะครับ ผมว่ามันก็เหมือนเสียงหอนตอนกลางคืนอะ พอผมได้ยินผมเปิด ไอพอดฟังแล้วก็นอนเลย อะไรทำนองนั้นอะครับ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 6:53 pm

ปล ถ้าคุณอ่านงานของธงชัยแล้วยังบอกว่าเป็นอะไรแล้วแต่ตามที่คุณว่ามา ผมก็เฉยๆนะ แต่ก็อยากเห็นงานที่ออกมาวิจารณ์งานของธงชัยที่เป็นระบบและผ่านการค้นคว้าทาง ปวศ โดยคุณนะ ผมว่าคงสนุกว่ะเพราะผมชอบเสพย์งานเทือกๆนี้
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby sanddolphin » Sun Oct 02, 2011 6:59 pm

กราบเรียนทุกท่านรวมถึงคุณ amplepoor ด้วยนะครับ

คือผมจะไปละ ไว้จะมาแลกเปลี่ยนปัญหานั่นนี่ถ้ามีโอกาส ผมมีอะไรก็พูดไปหมดแล้ว งานเยอะขึ้นตั้งแต่พรุ่งนี้ไป คงไม่ได้มาอีก แต่ผมจะเซฟเอาไว้อ่านดูคุณด่าผมกัดผมจิกผมเล่นๆ ก็แล้วกัน เล่นมา 3 วันติดละครับ งานการไม่ได้ทำเลย ขอกราบสวัสดี

ปล เรียน amplepoor จะจิกกัดแบบหาว่า หนี หรืออะไรก็ได้นะครับ แต่อย่างน้อยจากกันด้วยดีหน่อยจะเป็นพระคุณ
"The unjust law is no law at all."
User avatar
sanddolphin
 
Posts: 477
Joined: Sun Apr 12, 2009 1:35 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby คนบาป » Sun Oct 02, 2011 7:07 pm

ทุกความเห็นต่างก็อ่าน ต่างก็ศึกษามาไม่น้อย

ห้วงนี้ใช้ความรู้ ประสบการณ์ และเหตุผลเข้าร่วมเสวนา

ทั้งหมดนั้นผมเข้าใจว่าทุกท่านมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

การโต้แย้งในเว็บบอร์ด ก็ไม่อาจขาด "น้ำจิ้ม"
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ปรีดี แฮททริค

Postby amplepoor » Sun Oct 02, 2011 7:13 pm

sanddolphin wrote:ปล ถ้าคุณอ่านงานของธงชัยแล้วยังบอกว่าเป็นอะไรแล้วแต่ตามที่คุณว่ามา ผมก็เฉยๆนะ แต่ก็อยากเห็นงานที่ออกมาวิจารณ์งานของธงชัยที่เป็นระบบและผ่านการค้นคว้าทาง ปวศ โดยคุณนะ ผมว่าคงสนุกว่ะเพราะผมชอบเสพย์งานเทือกๆนี้


อยากฟังก็ยกมา แต่ไปเปิดกระทู้ใหม่นะ ผมไม่ชอบกวนประเด็นของคนอื่น แม้ว่ามันจะเป็นกระทู้ของตัวเอง อ้อ เรื่องเอกสารชั้นต้นอะไรพวกนี้น่ะนะ เอามาใช้ไม่ได้แปลว่าเจ๋ง จนต้องเชื่อนะ พีริยะมันเอาจารึกหลักที่หนึ่งมาใช้ทุกคำเลย ผมไม่เห็นจะเชื่อมันสักคำเลยเหมือนกัน

แล้วผมก็เพิ่งเห็นปมโง่ของคุณตรงนี้เอง เมื่อคุณบอกว่า
ไทยก็มีระบบฟิลดัลของไทย ฝรั่งก็มีของฝรั่ง ......หรือคุณจะยอมรับว่าไทยหรือสยามไม่เคยมีระบบศักดินาหรือฟิลดัลก็ได้

มันเป็นการพูดเองเออเองข้างเดียว คือคุณมีความหยาบในการใช้ภาษา คุณจึงใช้คำว่าฟิวดัลกับระบอบศักดินาโดยคิดว่าใช้แทนกันได้ เหมือนที่คุณใช้คำว่าหน้าที่ตรงประโยตที่ผมใช้ว่าผมมีสิทธิ์ ...... ดังนั้น ที่ลาจากกระทู้นี้ ก็ขอให้ไปดี แต่เวลาสนทนากับคนอื่น ก็ต้องยับยั้งชั่งใจว่า เขาอาจจะใช้เวิร์ดดิ้งถูกกว่าเรา จะได้คุยกับคนอื่นได้ตลอดรอดฝั่ง

แล้วก็ เวลาแสดงความเห็น ควรจะพิมพ์ไปหายใจไป วรรคตอนต้องใช้ หัดย่อหน้าแยกประเด็น การพิมพ์ยาวๆ ไม่ได้ช่วยให้คำพูดน่าเชื่อถือนะครับ ขอให้โชคดี
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron