ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นไม่นาน พิธีทำบุญมหากุศลเจริญพระพุทธมนต์เพื่อกู้วิกฤติชาติก็เริ่มขึ้น แต่ก็เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่รุนแรงเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน บริเวณงานและพื้นที่ใกล้เคียงเกิดท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมพายุฝนพัดแรง ก่อนที่สายฝนจะกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นจนแสบแก้วหูเป็นระยะๆ อยู่กว่าครึ่งชั่วโมง
ผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีรวมถึงพระภิกษุสงฆ์บางส่วนวิ่งกระจัดกระจายกันไปขึ้นรถเมล์บริเวณหน้า บช.น. และวัดเบญจมบพิตรฯ เพื่อเดินทางกลับกันอย่างอลหม่าน ส่วนพระภิกษุสงฆ์และประชาชนผู้นุ่งขาวห่มขาวส่วนใหญ่ที่ประสงค์จะอยู่ร่วมพิธี ต่างวิ่งเข้าไปยืนหลบฝนในเต็นท์อย่างเบียดเสียดกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความรุนแรงของลมฝนในครั้งนี้ ได้พัดฉากผ้าใบข้างเวทีเสียหายฉีกขาดเป็นริ้วๆ ส่วนริมฟุตบาทบริเวณด้านหน้าลานพระบรมรูปก็มีน้ำท่วมขัง
อย่างไรก็ตาม หลังจากลมพายุฝนสงบแล้ว ได้มีการประกอบพิธีกันต่อ แต่ผู้ร่วมงานไม่มากนัก บางส่วนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์อย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่าเป็นอาเพศที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการใช้พิธีทางศาสนาไปบังหน้าการเคลื่อนไหวทางการเมือง
มีภิกษุรูปหนึ่งเดินไปแจ้งกับการ์ดพันธมิตรฯ ว่า เพิ่งจะเดินออกมาจากงานทำบุญบริเวณพระบรมรูปทรงม้า โดยระบุว่าเข้าใจผิดคิดว่าได้รับกิจนิมนต์มาสวดในงานวันปิยมหาราช เนื่องจากได้รับหนังสือเวียนให้พระทั่วประเทศมาร่วมสวดมนต์วัดละ 10 รูป แต่เมื่อมาถึงกลับให้นั่งฟังการปราศรัยของ พล.ต.อ.สล้าง อาตมาจึงเดินออกมา