รวมแหลทักษิณ

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Tue May 24, 2011 8:40 pm

ยกความเลวของแม้วมาชี้แจงเพียงสองข้อ

ข้อแรกคือ โกหกได้ไม่จำกัดขนาด
เครื่องบินระเบิด......ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในเรื่องอุบัติเหตุทางการบินและ FBI ยังต้องใช้เวลาเดือนกว่า จึงบอกได้เพียงว่า ไม่มีร่องรอยของวินาศกรรม และการระเบิดน่าจะมาจากระบบภายใน

แต่เพียงยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ แม้วตีข่าวไปรอบโลกแล้ว ว่า ว้าแดงจะฆ่ากรู

โกหกข้อสองคือ โกหกสามศาล
ลายมือมันเอง มันบอกว่าไม่ใช่ของมัน ทำสัญญาใหม่ที่ห้องทำงานมัน มันบอกว่าวันนั้นลาป่วย ซื้อของเงินเชื่อ มันบอกว่าจ่ายเงินครบแล้ว

ทั้งสองข้อ ไม่ใช่การใส่ความ มีหลักฐานแน่นหนา ไม่มีใครสามารถจะสร้างหลักฐานเท็จอย่างนี้ได้ ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวกับประเด็นว่าแม้วเป็นที่รักของใคร แต่เกี่ยวกับว่าแม้วเป็นนักการเมืองที่ริยำที่สุดคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ของชาวโลก ถูกยกย่องในระดับที่น่าอับอายขายหน้าที่สุด

เพียงเท่านี้ ก็มีแดงปัญญาอ่อนเข้ามาพลีชีพ

ไม่แปลกที่จะมีคนรักแม้ว แต่แปลกที่คนรักแม้ว ไม่สามารถหาคุณงามความดีของแม้วมาแสดงได้ แม้แต่สักข้อเดียว

ยิ่งแปลกยิ่งกว่า ที่เอาแม้วไปเทียบกับพระเจ้าตาก นายปรีดี แม้แต่อองซาน ซูจี หรือเนลสัน แมนเดล่า จัดเป็นความหน้าด้านที่แม้แต่แม้วยังอาย เพราะตัวมันยังไม่เคยพูดอย่างนั้นออกมา แต่มีพวกกากเดน ถ่มถุยคำยกย่องทู่เรดๆ ออกมา ไม่อายนรก

แค่สองข้อที่ยกมานี่ ก็ตบปากคนที่บอกว่า แม้วเป็น "คนดี" ที่ประเทศไทยไม่ต้องการ ได้ทะลุถึงตอหอยแล้ว วิจารณญานในการแยกความดีออกจากความเลวยังไม่มี ยังจะกล้ามาออกความเห็น

ต่อให้แม้วเป็นนายกติดกันสิบสมัย ก็ลบความเลวที่มันทำไม่ได้ ต่อไปในประวัติศาสตร์ จะจดจำแม้วว่า เป็นนายกสาระเลว ที่มีคนหลงยกย่องมากที่สุด


ข้อนี้กล้ารับประกันครับ
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby overtherainbow » Tue May 24, 2011 9:51 pm

ว่างแล้วก็หามาให้ได้มากๆนะคะ

รวบรวมความแหล

เลวกับแหล

ต่างกันตรงไหนคะ
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Tue May 24, 2011 9:58 pm

overtherainbow wrote:เลวกับแหล
ต่างกันตรงไหนคะ


แหลนี่ บางทีเราอาจจะเฉยๆ ได้ แต่เลวนี่ ปล่อยไม่ได้

ปัญหาคือก่อนจะเลว มันมักจะแหลนำมาก่อน


แหล จึงเป็นประตูสู่ความ เลว ครับเจ๊
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am


Re: รวมแหลทักษิณ

Postby หนูอ้อย » Tue May 24, 2011 10:06 pm

เลวอีกเรื่องคือให้พม่าที่เคต่ำมากกู้เงินเอ็กซิมแบงก์มาซื้อมือถือบริษัทเอไอเอสของตัวเอง
ผลประโยชน์ทับซ้อนที่อธิบายให้รากย่าฟังแล้วเก็ทได้ง่ายๆ นั่งฟังกันอ้าปากหวอ
(แบบ งง อะ ไม่เคยฟังไรแบบนี้มาก่อน ได้ยินแต่ว่าผู้ใหญ่บ้านชมแม้วดีงั้น ดีงี้)
พี่แอมถกเรื่องนี้แบบแหลปนเลวได้ยังไงดี ใส่ลูกเล่นด้วย จะได้จำไว้ทำงานมวลชน 55
สู้ถวายหัว
User avatar
หนูอ้อย
 
Posts: 2095
Joined: Sat Mar 21, 2009 10:40 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Tue May 24, 2011 10:12 pm

หนูเล่ามาก่อน

เดี๋ยวพี่บีบมะนาวเติมพริกกะน้ำปลาให้......ฮา
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am


Re: รวมแหลทักษิณ

Postby หนูอ้อย » Tue May 24, 2011 10:28 pm

แหมก็พื้นๆอะ แบบว่ามันให้ลูกชายติดสอยห้อยตามไปแทบทุกทริปเวลาไปพม่า
เอาของไปขาย และก็ฝึกลูกชายให้ช่วยทำมาหากิน

เวลาเล่าก็หยอดว่าเก่งจริงทำไมไม่พาพม่าไปกู้เงินธนาคารของสวิสหรือสิงคโปร์หละ
อย่างงั้นมันแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่ต้องมาเอาอัฐยายซื้อขนมยาย
แล้วเป็นไง พม่ามันจะมีปัญญาใช้ป่าว ใช้ครบเมื่อไหร่

ก็เล่าบ้านๆแบบนี้หละค่ะ คุยกะชาวบ้าน คุยทุกวันหยอดไปเรื่อย สักวันคงจะสำเร็จ

เฮ้อ ยากจัง คงรุ่นหลาน รุ่นเหลน รุ่นโหลนแหละ บ้านเมืองจึงจะเข้ารูปเข้ารอย

ถ้ามีมะนาว พริก น้ำปลาก็ช่วยหยอดเพิ่มหน่อยค่ะ
สู้ถวายหัว
User avatar
หนูอ้อย
 
Posts: 2095
Joined: Sat Mar 21, 2009 10:40 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Tue May 24, 2011 10:35 pm

ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง

อ่านเจออันนี้ ปิดเลย
ครม สั่งลดค่าเช่าสยามสแควร์ได้งัย มันที่ของจุฬาเขา

มันเพี่ยนน่ะ
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby overtherainbow » Tue May 24, 2011 10:40 pm

amplepoor wrote:ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง

อ่านเจออันนี้ ปิดเลย
ครม สั่งลดค่าเช่าสยามสแควร์ได้งัย มันที่ของจุฬาเขา

มันเพี่ยนน่ะ

แอม ไม่ได้คอมเม้นท์ลิ้งค์เจ๊นะ เจ๊ลนลานเช้คแล้วรีเช้คแล้ว
ไม่ใช่ข้อมูลป้านิ
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Tue May 24, 2011 10:42 pm

User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am


Re: รวมแหลทักษิณ

Postby SpikyMoss » Tue May 24, 2011 10:57 pm

จำเรื่องประกาศข่าวจะไปซื้อหุ้นลิเวอร์พูลเพื่อกลบกระแสการอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วง พค.ปี 2547 กันได้ป่าว
ได้ผลอย่างดีซะด้วย สื่อไทยก็หลงกลตลอด ตีข่าวนี้ดังกลบข่าวการไม่ไว้วางใจไปเสียสนิท
และยังส่งผลร้ายให้ประเทศไทยโดนประเทศอื่นโดยเฉพาะอังกฤษดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างไม่ควรเลย
การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้าแต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ - คำสอนพ่อหลวง
User avatar
SpikyMoss
 
Posts: 1754
Joined: Mon Apr 13, 2009 7:43 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby TH_BorderBoy » Wed May 25, 2011 6:52 am

ช่วยรวมความแหล เรื่องนี้หน่อยครับ ..

เรื่องลงทะเบียนคนจน หน่อยครับ คนจนจะหายไปจากประเทศไทยเนี่ย ตอนนี้ถึงไหนแล้ว
ยังมีคนจนอยู่ในประเทศไทยหรือเปล่า ???

มีการดำเนินการอะไรต่อบ้าง คืบหน้าถึงไหน หรือสิ้นสุดแค่การเดินไปลงทะเบียนแค่นั้น
.
ทุกคนมีทฤษฎี แต่ไม่มีข้อเท็จจริง :
User avatar
TH_BorderBoy
 
Posts: 577
Joined: Sun May 16, 2010 5:42 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby ริวมะคุง » Wed May 25, 2011 8:14 am

แม้ว เก่ง แต่ โกง
ประเทศไทยต้องก้าวต่อไป
User avatar
ริวมะคุง
 
Posts: 1906
Joined: Thu Nov 26, 2009 8:28 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby thearth » Wed May 25, 2011 8:20 am

ริวมะคุง wrote:แม้ว เก่งแต่เรื่องโกง



ขออนุญาตดัดแปลง กลัวเดี๋ยวจะมีคนเข้าใจผิด
เกลียดแม้วมาสิบกว่าปี ถึงตอนนี้ก็ดีใจที่เกลียดไม่ผิดคน
User avatar
thearth
 
Posts: 77
Joined: Wed May 19, 2010 11:42 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby dtonNA » Wed May 25, 2011 8:26 am

มาลงทะเบียนดูความชั่วทักษิณ :mrgreen:
เราต้องการคนดีมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น
User avatar
dtonNA
 
Posts: 1493
Joined: Fri Nov 28, 2008 1:28 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Elessar01 » Wed May 25, 2011 8:30 am

ลงชื่อ ตามอ่าน ครับผม !!


:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
User avatar
Elessar01
 
Posts: 163
Joined: Wed May 04, 2011 8:13 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Wed May 25, 2011 8:21 pm

ทักษิณแหลว่าใช้หนี้ IMF แถมใส่ร้าย ปชป ว่าเป็นหนี้ที่รัฐบาลชวนสร้างเอาไว้ แต่ความจริงเป็นแบบนี้..

ปี2540 สมัยรัฐบาล พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ถูก จอร์ช โซลอส โจมตีค่าเงินบาท และรัฐบาลได้ทุ่มเงินกว่า3หมื่นล้านเหรียญต่อสู้ เพื่อพยุงค่าเงินบาทไว้ แต่ผลปรากฏว่าแพ้อย่างราบคาบ จนเงินทุนสำรองเหลือเพียง 800 ล้านเหรียญซึ่งมีผลทำให้เครดิต ของประเทศไม่เป็นที่ยอมรับเพื่อจะทำการค้าระหว่างประเทศ รัฐบาลชวลิต ต้องลอยค่าเงินบาทเป็นผลให้ ค่าของเงินตกต่ำอย่างสุดขีด จากเดิม 25 บาทล่วงไปถึง56บาทต่อ1ดอลล่าร์ และเป็นเหตุให้ รัฐบาล พล.อ.ชวลิต จำเป็นต้องกู้เงินจาก IMFมาเพื่อพยุงสถานะของประเทศเมื่อ 22 กรกฎาคา 2540 จำนวน 17200 ล้านเหรียญ และจากการกู้เงินนี้ ทำให้ประเทศต้องอยู่ในเงินไขของIMF หรือที่เรียกกันว่าLOI ในทุกครั้งที่ไปเบิกเงินกู้ และหลังจากทำสัญญาเงินกู้ได้ 2 วัน ทักษิณ ชินวัตร ก็เข้าร่วมเป็นรองนายกรัฐมนตรีโดยดูแลด้านเศรษฐกิจ
ในช่วงลอยค่าเงินบาท จาก25บาทต่อเหรียญเป็น 56 บาทต่อเหรียญซึ่งตอนนั้น บริษัทต่างๆกู้เงินตราต่างประเทศมาลงทุน ล้มทั้งยืน มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเท่าตัว อาทิเช่น ปูนซีเมนต์ไทย ทีพีไอ เป็นต้น แต่ ไทยคม ของ ทักษิณ ชินวัตร กลับไม่กระทบเลย จนเป็นที่มาของคำพูด นายเสนาะเทียนทอง ที่ว่า คนบางคนยอมเผาบ้านเผาเมืองตนเองเพื่อความร่ำรวย

หลังจากกู้เงินIMFแล้ว รัฐบาล พล.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี พยายามแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่และได้เบิกเงิน จากIMF มา2งวดแล้ว จำนวนเงิน4000ล้านเหรียญ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเสรษฐกิจได้ จนต้องยอม ลาออกไปในปลายปี2540

ปี2541 รัฐบาลชวนเข้ามาบริหารงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อ และได้เบิกเงินกู้เพิ่มอีก9ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวม 10000 ล้านเหรียญ

สรุป รัฐบาล พล.อ. ชวลิต รวมกับ รัฐบาล ชวน กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 4000+10000 = 14000 ล้านเหรียญสหรัฐ (น้อยกว่าที่ทำสัญญากู้กับ IMF 3200 ล้านเหรียญ)

ตั้งแต่ปลายปี 2543-2545 เงินกู้จำนวนดังกล่าวได้ถูกทยอยใช้หนี้มาโดยตลอด จนเหลือหนี้ 4800 ล้านเหรียญ

รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจใช้หนี้ส่วนที่เหลือทั้งหมด ในปี 2546 จำนวนเงิน 4800 ล้านดอลล่าร์ โดยแบ่งจ่ายเป็น 3 งวดๆละ 1600 ล้าน ซึ่งก่อนกำหนดสัญญาไว้ 2 ปี

ประเด็นที่ต้อง วิเคราะห์คือ การที่ ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจใช้หนี้ก่อนถึงกำหนด 2 ปี มีผลดี หรือ ผลเสีย กันแน่ถ้าใช้หลักทางเศรษฐศาสตร์

ในปี 2546 ดอกเบี้ยเงินฝากภายในประเทศเฉลี่ยปีละ 8% ในขณะที่IMF คิดดอกเบี้ยจากเราแค่ 0.25% และอีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ ถ้าจ่ายหนี้ก่อนกำหนด ต้องเสียค่าปรับอีก 2%

ถ้าตอนนั้น เรามีเงิน 4800 ล้านเหรียญ แปลงเป็นเงินไทย อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น 41 บาทต่อดอล่าร์ คิดเป็นเงินไทย 196,800 ล้านบาท เอาฝากธนาคารไว้ 2ปี หักภาษีแล้วจะได้ ดอกเบี้ย ประมาณ 28000 ล้านบาท และ เสียดอกเบี้ยให้ IMF 2ปี จำนวน 984 ล้านบาท คงเหลือกำไร กว่า 27000 ล้านบาท

แต่ ทักษิณ เลือกที่จะใช้หนี้ก่อน ผลคือ เราเสียค่าปรับ 2% จำนวน 3936 ล้านบาท ลดดอกเบี้ย 2ปีลงได้ 984 ล้านบาท ถ้าเอาค่าปรับที่เสีย ลบด้วยดอกเบี้ยที่ไม่ต้องจ่าย จะเหลือ ค่าปรับ 2952ล้านบาท

ถ้าวันนั้น ประเทศเรามีเงินสด 4800 ล้านเหรียญ หรือ 196,800 ล้านบาท เรายังไม่ชำระหนี้ แต่ฝากในธนาคารไว้เราจะได้ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นฟรีๆประมาณ27000 ล้านบาท แต่ถ้าเราชำระหนี้ก่อนกำหนด เราต้องเสียเงินเพิ่มอีก 2952 ล้านบาท

คำถามก็คือ ประเทศได้อะไร จากการตัดสินใจครั้งนี้ จะว่า เพราะทำให้ประเทศพ้นจากหนี้สิน แต่เมื่อไปดูข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย กลับปรากฏว่า เงินจำนวน4800ล้านเหรียญ ที่ ทักษิณ ชำระหนี้นั้น ส่วนหนึ่ง กลับเป็นเงินกู้จาก เอ ดี บี และเมื่อดูหนี้ สาธารณะของประเทศ ปี 2546 หลังจากจ่ายเงินคืน IMF หมดแล้ว กลับเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับหนี้สาธารณะช่วงปลายรัฐบาล ชวน2 ส่งไม้ให้กับ รัฐบาล ทักษิณ1 ถึงกว่า4000ล้าน

ถ้าหนี้สินของประเทศไม่ได้ลดลงจากการใช้หนี้IMF แล้ว ทักษิณ ไปกู้ เอดีบี มาเพื่อใช้หนี้ IMF ทำไม

อีกคำถามหนึ่งคือ ทักษิณ ประกาศให้ชาวบ้านรู้กันทั่วว่า เขาเป็นคนใช้หนี้IMF ทั้งๆ ตอนไปเบิกเงินกู้ก้อนที่1 และก้อนที่2 เขาเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชวลิต และการที่ใช้หนี้ก่อนกำหนด ประเทศต้องเสียค่าปรับตั้ง2%ซึ่งเป็นเงินถึง 3636 ล้านบาท ทั้งยังทำให้หนี้สินประเทศเพิ่มขึ้นจากที่รัฐบาลชวนทำเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่ความจริงเรื่องพวกนี้เขากลับไม่เคยพูดถึงเลย
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Wed May 25, 2011 8:53 pm

ขออีกสักความแหลก็แล้วกันนะคะ พูดถึง LOI 11 ฉบับแล้วพาลนึกไปถึง กฏหมายขายชาติ 11 ฉบับที่ทักษิณใช้โจมตีว่าเป็นผลงานของ ปชป (ทั้งที่ความจริงเกิดขึ้นจากรัฐบาล ชวลิตร ที่ไปกู้ IMF แล้วเขาก็บังคับให้รับกฏหมาย 11 ฉบับนี้ ทักษิณเองรู้ดีที่สุดเพราะเป็นรองนายกฯอยู่กับชวลิตรนั่นแหละ ) ทักษิณโจมตี ปชป แบบไม่อายตัวเอง แล้วยังบอกจะยกเลิกทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล แต่พอได้เป็นจริงไม่เพียงไม่ยกเลิก ทักษิณยังเป็นรัฐบาลเดียวที่ใช้กฎหมายขายชาตินี้ผลงานนั้นก็คือการขาย ปตท นั่นเองค่ะ (ดูความแหลและเลวของมันเถอะ )

นอกจากนังนี่ไม่ยอมยกเลิกกฎหมายขายชาติทั้ง 11 ฉบับที่เคยปาวๆว่าจะยกเลิก แต่ยังแอบไป ร่าง พ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจพิเศษ กฏหมายขายชาติขายแผ่นดิน ฉบับนี้ออกเมือวันที 11 ม.ค. 2548 ลองมาดูเนื้อหาสาระของมันกันดีกว่า

มาตรา 26 ให้ต่างชาติ เช่าที่ดินได้ไม่ต่ำกว่า 50 ปี แต่ไม่เกิน 99 ปี
มาตรา 27 การให้เช่าหรือเช่าช่วงที่ดิน เกิน 100 ไร่ ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมที่ดิน และเงื่อนไขสัญญาจะต้องให้เช่าช่วงได้

มาตรา 29 เศรษฐกิจพิเศษมีอำนาจถมทะเล เพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดิน
มาตรา 30 ผู้ว่าการและเจ้าหน้าที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีอำนาจเข้าไปครอบครองใช้ประโยชน์หรือหาประโยชน์ในป่าสงวนเเห่งชาติ เขตคุ้มครองและรักษาพันธ์สัตว์ป่า และเขตอุทยาน

มาตรา 31ให้ถอนสภาพที่ดินที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินตกเป็นของเขตเศรษฐกิจพิเศษได้โดยไม่ต้องถอนสภาพหรือโอนตามประมวลกฏหมายประมวลที่ดิน

มาตรา 34 บรรดาอสังหาริมทรัพย์ของเศรษฐกิจพิเศษได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิ์ และนิติกรรมทั้งปวงและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ด้วย

มาตรา 50 ให้มีอำนาจ ถมทะเล ได้มีอำนาจจัดให้มีไฟฟ้า ปะปา โทรศัพท์ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยอิสระให้ร่วมลงทุนกับบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศได้

มาตรา 51 ในกรณีที่กฏหมายกำหนดให้ การดำเนินการใด ๆ ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ ให้เขตเศรษฐกิจพิเศษมีอำนาจดำเนินการดังกล่าวได้ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต

มาตรา 52 การดำเนินการใดที่กฏหมายบังคับให้ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน่ของรัฐก่อน เช่น ใบอนุญาตต่าง ๆ หากได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือจดทะเบียน หรือแจ้งกับเศรษฐกิจพิเศษแล้ว ให้ถือเสมือนว่าได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐแล้ว

มาตรา 58 การจัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
เขตเศรษฐกิจพิเศษสามารถดำเนินการจัดตั้งขขึ้นเองได้

มาตรา 62 สิทธิ์ของผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบการหรืออยู่อาศํยของเศรษฐกิจพิเศษคือ
1. สิทธิ์ในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ของคนต่างด้าว
2. สิทธิ์ในการนำคนต่างด้าวเข้ามาอาศัยในราชอาณาจักร
3. สิทธิ์ในการนำเงินหรือส่งเงินไปนอกราชอาณาจักร
4. สิทธิ์ในการได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฏหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
5. สิทธิ์ในการถือครองหรือเปิดบัญชีเงินฝากเป็นเงินตราต่างประเทศกับสถาบันทางการเงิน
6. สิทธิ์ที่จะได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากร

มาตรา 65 คนต่างด้าวที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษได้ไม่จำกัดเวลา
1. ช่างฝีมือ
2. ผู้บริหารหรือผู้ชำนาญการ
3. คู่สมรสหรือบุคคลที่อยู่ในอุปการะตาม (1) และ (2)

มาตรา 66 บุคลลต่างด้าวที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษได้เฉพาะเวลาทำงาน (ถ้าทำตลอดชีวิตก็อยู่ได้ตลอดชีวิต)

มาตรา 69 สิทธิพิเศษของผู้อาศัยในเศรษฐกิจพิเศษ
1. สิทธิในการหักค่าใช้จ่ายก่อนเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ ในประมวลกฏหมายรัชฏากร
2. ได้รับการลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
3. ได้รับการลด หรือยกเว้นอากรนำเข้า ภาษีสรรพสามิต ค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฏหมาย

มาตรา 70 การผลิตสินค้าเพื่อพานิชยกรรมได้รับอากร ขาเข้า - ขาออก ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ

มาตรา 70 วัสดุที่นำเข้าราชอาณาจักร เพื่อผลิตสินค้า ไม่ต้องควบคุมคุณภาพหรือมาตรฐาน ไม่ต้องขอหรือมีใบอนุญาตนำเข้า

มาตรา 76 รายได้ที่เก็บได้ให้ตกเป็นของเศรษฐกิจพิเศษจะส่งคืนรัฐในกรณีที่เหลือ แต่ถ้าหากรายได้ขาดไม่พอบริหาร ต้องใช้เงินภาษีของประชาชนจ่ายให้

มาตรา 78 ทรัพย์สินของเศรษฐกิจพิเศษไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี ยึดทรัพย์ไม่ได้

มาตรา 99 คนไทยเข้าไปเขตเช่าของต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 200,000 บาท

อาจารย์เจิมศักดิ์เคยสับร่างพรบฉบับนี้เละเทะ แต่หลายคนอ่านเนื้อหาแล้วคงอยากเอาเปลือกทุเรียนไปตบรางวัลทักษิณ ก็ไม่แน่นะคะ หลังวันที่ 3 กค หากทักษิณได้จัดตั้งรัฐบาล มันอาจจะกลับมาปัดฝุ่นร่าง พรบ นรกฉบับนี้ขึ้นมาอีกวาระก็เป็นได้ เอ้า พี่น้องที่กาเบอร์ 1 เตรียมตัวเป็นพลเมืองชั้น 3 ในประเทศแม่ตัวเองได้แล้วนะคะ :shock:
Last edited by jaw on Wed May 25, 2011 9:17 pm, edited 1 time in total.
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby jaw » Wed May 25, 2011 9:07 pm

แหลว่า ปชป โกง ปรส แต่ความจริงคือ...

ปรส. หรือ คณะกรรมการปฏิรูปสถาบันการเงิน นั้น จัดตั้งโดย มติคณะรัฐมนตรี 23 ตุลาคม 2540 ในรัฐาล พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ (ทักษิณ เป็นรองนายกฯ)

สาเหตุที่ตั้ง ปรส.ขึ้นมาเพราะ ต้องทำตาม หนังสือแสดงเจตจำนงฉบับที่1หรือที่เรียกกันว่า LOI(letter of intent) หนังสือแสดงเจตจำนงนี้ คือ ข้อกำหนดของ IMFที่บังคับให้ไทยต้องทำอะไรบ้าง เมื่อต้องการไปเบิกงินกู้ในแต่ละงวด ซึ่ง รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ไปเบิกเงินงวดที่1 IMFก็บังคับทำLOI ฉบับที่1 (เบิกเงินงวดแรกเมื่อ 14 สิงหาคม 2540)

ใน LOI ฉบับที่1 นี้ บังคับให้ต้องตั้ง ปรส. และยังมีเงื่อนไขอีกว่า ปรส.นี้ ห้ามกระทรวงการคลังเข้ามาก้าวก่าย นั่นหมายความว่า ปรส.ต้องทำงานอย่างอิสระ ห้ามรัฐบาลเข้ามาแทรกแซง

เรื่อง ปรส. จึงสรุปว่า ตั้งขึ้น สมัย รัฐบาล ชวลิต เมื่อ 23 ตุลาคม2540 เหตุที่ต้องตั้งเพราะ รัฐบาล ชวลิตไปกู้เงิน IMF เขาจึงออก LOI บังคับให้ต้องตั้ง และ ปรส.นี้ รัฐบาลก็ไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ตามเงื่อนไข LOI


ถ้ารัฐบาล ชวน ผิดจริง ลองคิดดูว่า 5 ปีกว่า ที่ ทักษิณ เป็นรัฐบาล และมีอำนาจล้นฟ้าขนาดนั้น ทำไมคดีนี้จึงไม่เดินหน้าไปใหนเลย เหตุผลเพราะ มันไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ดังที่ LOI ฉบับที่1 มีข้อกำหนดไว้ชัดเจนแล้วนั่นเอง

พระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงินพ.ศ. ๒๕๔๐

http://law2.longdo.com/law/173/#

คำชี้แจง ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ "ข้อเท็จจริงในด้านนโยบาย ปรส."

หลังจากมีการร้องเรียนต่อกรมสอบสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการเปิดประมูลสินเชื่อ กลุ่มที่อยู่อาศัยขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ของสถาบันการเงิน 56 แห่งที่ถูกปิดกิจการ ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พาดพิงถึงนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้ ดีเอสไอได้ส่งสำนวนการกล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการ ล่าสุด นายธารินทร์ได้เขียนคำชี้แจง "ข้อเท็จจริงในด้านนโยบายเกี่ยวกับ ปรส." "มติชน" จึงนำเนื้อหาบางส่วนของการชี้แจงมานำเสนอ

ภายหลังพระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน 2540 เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2540 รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้จัดตั้งคณะกรรมการ ปรส. ชุดแรกขึ้น เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2540 โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขฟื้นฟูฐานะ ของบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ เป็นอันดับแรก โดย ปรส. มีฐานะเป็นองค์กรอิสระ มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการดูแลบริษัทเงินทุนที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ ขณะที่บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เป็นองค์กรอิสระที่จัดตั้งเพื่อเตรียมเข้าประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ของสถาบันการเงินที่ไม่สามารถฟื้นฟูฐานะได้

ทั้ง ปรส. และ บบส. ได้จัดตั้งขึ้นเสร็จก่อนที่รัฐบาลชวน 2 จะเข้ามาบริหารประเทศ

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ปรส.นั้น รัฐมนตรีว่การกระทรวงการคลังเป็นเพียงผู้รักษาการตามพระราชกำหนด ไม่มีอำนาจแทรกแซง การดำเนินงานของ ปรส. เนื่องจากพระราชกำหนดให้อำนาจและหน้าที่ในการดำเนินการประมูลทรัพย์สิน เป็นของคณะกรรมการ ปรส. แต่ผู้เดียว ส่วน บบส.นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไป โดยสามารถสั่งให้ บบส. ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น ทำรายงาน ตลอดจนสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการดำเนินงานได้

ความเสียหายและพันธะที่รัฐบาลชวน 2 ต้องแบกรับต่อจากรัฐบาลก่อน

เพื่อให้คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชวน 2 ได้รับทราบสถานการณ์และภาระของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ได้เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จึงได้รายงานตัวเลขข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงแรกๆ ว่า ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 ยอดการช่วยเหลือของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ได้ผูกพันไว้จากที่เคยมีประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2539 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการช่วยเหลือธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) (บีบีซี) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ล้านล้านบาท ในเวลาเพียง 10 เดือนเศษ ประกอบไปด้วย การช่วยเหลือสภาพคล่องธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง สถาบันการเงินที่ยังคงเหลืออีก 10 กว่าแห่ง และโดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนผู้ออมของสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการเป็นการชั่วคราวจำนวน 58 แห่ง

เนื่องจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มีภาระมากในการแก้ไขปัญหาระบบสถาบันการเงินของประเทศ จึงได้อาศัยวิธีการกู้ยืมเงินระยะสั้นในตลาดเงิน เพื่อรองรับภาระของตัวเองเกือบทั้งหมด หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จึงเป็นหนี้สาธารณะ ซึ่งเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นก็จะต้องตกเป็นภาระของรัฐบาล ตามกฎหมายที่ได้ออกไปก่อนหน้าแล้ว

คณะกรรมการ ปรส. ชุดแรกสั่งปิดถาวร56ไฟแนนซ์

ในวันที่ 8 ธันวาคม 2540 หรือประมาณ 3 สัปดาห์หลังจากรัฐบาลชวน 2 เข้าบริหารราชการแผ่นดิน คณะกรรมการ ปรส. ชุดแรก ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลก่อนหน้านั้น ได้สั่งปิดกิจการสถาบันการเงิน 56 แห่ง เป็นการถาวร ส่วนอีก 2 แห่งให้เปิดดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งการสั่งปิดนี้เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของคณะกรรมการ ปรส. ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย โดยคณะกรรมการ ปรส. ได้รายการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อทราบเท่านั้น

เมื่อคณะกรรมการ ปรส. ชุดแรกได้ใช้อำนาจทางกฎหมายสั่งปิดกิจการสถาบันการเงิน 56 แห่งเป็นการถาวรแล้ว ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งทั้งชุดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2540 กระทรวงการคลังจึงได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการ ปรส. ชุดใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2540 เช่นกัน

ดังนั้น การดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.ก.การปฏิรูประบบสถาบันการเงินข้อที่ 1 คือแก้ไขฟื้นฟูฐานะของบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ ถือว่าได้เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 ที่กำหนดให้ช่วยเหลือผู้ฝากเงิน และเจ้าหนี้ที่สุจริตของสถาบันการเงินที่ถูกระงับการดำเนินกิจการนั้น ปรากฏว่าผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ที่สุจริต และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้เข้ามาเป็นเจ้าหนี้แทนเสียเป็นส่วนใหญ่ไปก่อนหน้าแล้ว เพราะฉะนั้นหน้าที่ของคณะกรรมการ ปรส. ชุดใหม่จึงเป็นเรื่องของการชำระบัญชีบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ 56 แห่ง

กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อ ปรส.

กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อ ปรส. เป็นเงิน 769,284.83 ล้านบาท และเจ้าหนี้อื่นยื่นคำขอรับชำระหนี้จำนวน 104,688.98 ล้านบาท รวมเป็น 873,973.81 ล้านบาท นับเป็นสัดส่วนการขอรับชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ร้อยละ 88 และของเจ้าหนี้อื่นร้อยละ 12 เป็นที่น่าสังเกตว่ายอดหนี้ที่เจ้าหนี้ทั้งหมดยื่นขอรับชำระหนี้นี้ มีหนี้เสียอยู่เป็นจำนวนมาก

การสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานของ ปรส.

เนื่องจาก ปรส. โดยผลของกฎหมาย เป็นองค์กรอิสระ มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการดำเนินกิจการโดยผ่านคณะกรรมการของ ปรส.เท่านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปกำหนดนโยบายให้ ปรส. ในการพิจารณาขายสินทรัพย์ของ 56 สถาบันการเงินได้ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ได้มีการแนะนำให้ ปรส. ทำการประเมินผลของการขายสินทรัพย์ว่าจะได้เงินคืนมาในสัดส่วนเท่าไร ซึ่งต่อมาประธานกรรมการ ปรส. ได้ชี้แจงว่าจากการประเมินของที่ปรึกษาเฉพาะกิจและผู้จัดการพิเศษของแต่ละสถาบันการเงิน คาดว่าน่าจะได้รับเงินจากการจัดการสินทรัพย์ประมาณร้อยละ 42 ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดที่ได้รวบรวมไว้

ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ข้อแนะนำแก่ ปรส. ในการดำเนินการว่า

1.ให้ ปรส. ดำเนินการโดยมีเป้าหมายได้รับชำระคืนประมาณร้อยละ 42 ตามที่ ปรส. เองได้ประเมินไว้ตั้งแต่แรก

2.ให้ดำเนินการโดยรวดเร็ว เพราะสินทรัพย์เสื่อมคุณภาพเร็ว และเสื่อมคุณภาพไปมากแล้ว จากการสั่งปิดกิจการโดยไม่ได้มีมาตรการรองรับที่ชัดเจน

3.ราคาประมูลขายสินทรัพย์ไม่ควรต่ำกว่าราคาอ้างอิงภายใน (bench-mark price) ในการประมูลแต่ละครั้ง

4.ในกระบวนการประมูลแต่ละครั้งของ ปรส. ให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส เป็นที่รับทราบในวงกว้าง และให้มีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มแข็ง ที่สำคัญให้ระมัดระวังอย่าให้มีการทุจริตเกิดขึ้นในกระบวนการของ ปรส.

5.ไม่ขัดข้องในการที่ ปรส. จะสร้างกำลังซื้อในการประมูล โดยเปิดโอกาสให้กว้าง มีผู้ประมูลทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งนี้ เพื่อจะให้ได้ราคาดีที่สุด และนำเงินคืนแก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มากที่สุด

6.ไม่ขัดข้องกับการที่คณะกรรมการ ปรส. ห้ามลูกหนี้เข้าประมูลหนี้ของตนเอง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการส่งสัญญาณ ให้ผู้ประกอบกิจการไทยทั้งหมด ซึ่งเป็นลูกหนี้อยู่ในระบบการเงินของประเทศว่า รัฐบาลส่งเสริมวัฒนธรรมให้เลิกชำระหนี้ ล้มบนฟูกได้ อันจะนำไปสู่ความเสียหายใหญ่หลวงที่สุดต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้วางมาตรการตรวจสอบติดตามการดำเนินงานตามกฎหมายของ ปรส. โดยแต่งตั้ง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ จากสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนกระทรวงการคลัง เข้าไปเป็นกรรมการ ตามกฎหมาย ปรส. แทนที่จะตั้งบุคคลภายในกระทรวงการคลังเอง เพื่อที่จะให้ผู้แทนกระทรวงการคลังมีส่วนช่วยคณะกรรมการ ปรส.ในการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย พร้อมทั้งได้ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของ ปรส. และยังได้จัดจ้างผู้ประเมินอิสระเข้ามาตรวจสอบและประเมินการทำงานของ ปรส. จำนวน 2 ครั้ง

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังได้ปรับปรุงกฎหมาย เพื่อส่งเสริมให้มีการแก้ไขปัญหากรณีพิพาททางด้านการเงินอย่างรวดเร็ว และทรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม

ดูแลไม่ให้เสียประโยชน์แก่ต่างชาติที่เกี่ยวข้อง

1.ในการดูแลกิจการของสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการจำนวน 56 แห่งนั้น เดิม ปรส. ภายใต้คณะกรรมการ ปรส.ชุดแรก ได้พิจารณาข้อเสนอของธนาคารโลก ในการที่จะว่าจ้างบริษัทร่วมทุนต่างชาติเข้ามาเป็นผู้จัดการพิเศษ ทำหน้าที่บริหารงานสถาบันการเงินเสมือนผู้จัดการบริษัท เป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานและการชำระบัญชีของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิดกิจการ แต่ปรากฏว่าบริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้ได้เรียกร้องค่าตอบแทนจากคณะกรรมการ ปรส. ชุดต่อมา เป็นจำนวนเงินสูงถึง 1,600 ล้านบาท และยังปฏิเสธไม่รับผิดชอบตามกฎหมายทั่วไปหากมีความเสียหายเกิดขึ้นในการปฏิบัติหน้าที่

ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้ขอให้ประธานกรรมการตามมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงการคลังไปใช้บริษัทของไทย คือ บริษัท สินบัวหลวง คอนซัล-แตนซี่ จำกัด เข้ามาดำเนินการแทน โดยบริษัทไทยดังกล่าวจะขอคิดค่าให้บริการตามต้นทุนที่แท้จริงบวกกำไรปกติ ซึ่งจะรวมเป็นยอดเงินประมาณ 200 กว่าล้านบาท ผลของการดำเนินการตามคำแนะนำนี้ นอกจากจะส่งเสริมให้บริษัทไทยเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการแทนบริษัทต่างชาติแล้ว ยังได้ประหยัดเงินให้กับ ปรส. ไปเป็นจำนวน 1,300 กว่าล้านบาท

2.กรณีที่ประธานกรรมการตามมาตรา 30 ของบริษัทเงินทุนเอกธนกิจ ได้เข้ามาขอคำแนะนำเกี่ยวกับการที่ บริษัทเลแมน บราเธอร์ส ลูกหนี้ของบริษัทเงินทุนเอกธนกิจได้ใช้สิทธิในการหักกลบลบหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ให้คำแนะนำว่า สมควรที่จะดำเนินคดีกับบริษัทเลแมน บราเธอร์ส ในสหรัฐอเมริกา และในส่วนของลูกหนี้ต่างประเทศ หรือในประเทศรายอื่นที่มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับบริษัทเลแมน บราเธอร์ส ก็ควรดำเนินการฟ้องร้องเรียกเงินคืนทุกกรณี

ต่อมา ปรากฏว่าไม่มีสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงใดๆ ในรัฐนิวยอร์ก ยินยอมจะว่าความให้ เนื่องจาก บริษัทเลแมน บราเธอร์ส เป็นกิจการยักษ์ใหญ่ 1 ใน 5 ในวงการวาณิชธนกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ผลจากความพยายามของกระทรวงการคลัง ที่ช่วยหาสำนักงานกฎหมายขนาดเล็กในรัฐนิวยอร์กมาว่าความให้ได้ ทำให้บริษัทเงินทุนเอกธนกิจ สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในรัฐนิวยอร์กได้ ซึ่งหากชนะคดีในท้ายที่สุดก็จะทำให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และเจ้าหนี้อื่นได้รับเงินคืนเพิ่มขึ้น

3.เคยมีผู้เข้าร่วมประมูลที่เป็นต่างชาติ คือ บริษัทจีอี แคปปิตอล ขออนุญาตมาที่กระทรวงการคลัง จะออกตราสารหนี้สินในประเทศเป็นเงินบาท เพื่อลดภาระที่ต้องนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาหากชนะการประมูล แต่เพื่อสนับสนุนการสร้างทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังจึงไม่อนุญาต ซึ่งหากอนุญาตก็เท่ากับว่าบริษัทต่างชาติก็ไม่ต้องนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศในการประกอบกิจการ ทั้งๆ ที่ควรจะนำเงินตราต่างประเทศเข้ามา เพราะเป็นผู้ประกอบการต่างชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ก็จะไม่ได้รับประโยชน์ในด้านการเสริมสร้างทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยในขณะนั้น

ผลการดำเนินการของ ปรส. และ บบส.

กระบวนการของ ปรส. ที่คาดว่าในท้ายที่สุดกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จะได้รับชำระคืนประมาณร้อยละ 39 ของเงินต้นคงค้างหนี้ โดยผู้ที่ชนะการประมูลสินทรัพย์จาก ปรส. เป็นผู้ลงทุนไทยร้อยละ 55.57 ของยอดสินทรัพย์ที่นำมาประมูล เป็นต่างชาติอีกร้อยละ 44.43 ทั้งนี้ บบส. ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ เป็นผู้ประมูลชนะรายใหญ่ที่สุด สามารถซื้อสินทรัพย์จาก ปรส. ไปจำนวน 197,047 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.08% ของสินทรัพย์ที่ ปรส. จำหน่ายได้ทั้งหมด

http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2007q1/2007march13p5.htm
User avatar
jaw
 
Posts: 2796
Joined: Sun Dec 19, 2010 1:09 pm


Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Wed May 25, 2011 9:46 pm

ตอแหลที่ 3 IMF ความตอแหลระดับนรกเบือนหน้า เพราะอายแทน

น้องแจ๋วเอาสาระมาลงแบบวิชาการเนื้อๆ กระผมเป็นชาวบ้านอ่านไม่รู้เรื่อง ขอสรุปความแบบบ้านๆ ดังนี้นะครับ

1 ทักษิณตอแหลว่า รัฐบาลชวนเป็นคนกู้เงินไอเอ็มเอฟ
ข้อเท็จจริงคือ สัญญากู้เงินไอเอ็มเอฟ ลงนามโดยชายตัวสั้นชื่อจิ๋ว สัญญานั้นกำหนดเงื่อนไขอันดิ้นไม่หลุดไว้หลายประการ ประเทศไทยไม่มีทางเลือกก็ต้องยอม หลังจากทำสัญญาแล้ว เบิกเงินมาแล้วสองงวด เป็นเงินประมาณสี่พันล้านเหรียญ (จากวงเงินสิบเจ็ดพันล้านเหรียญ) จิ๋วและคณะก็ยกธงขาว ลาออกจากตำแหน่ง

นายชวนเข้ารับตำแหน่งแทน มีคนวิจารณ์กันมากว่ามารับอุจจาระจิ๋วทำไม ก็ปล่อยให้มันเจ้งไปอย่างนั้น เพื่อเลือกตั้งใหม่ซึ่งนายชวนจะต้องชนะเห็นๆ และได้เริ่มต้นการกู้ซากประเทศไทยขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้องไปแบกถังอาจมของจิ๋ว....การตัดสินใจของนายชวนครั้งนี้ ในทางการเมืองถือว่าไม่ฉลาด แต่ในทางการบ้านแล้ว เราต้องยกนิ้วให้....เพราะนายชวนเห็นแก่บ้านเมืองมากกว่าเห็นแก่การเมือง ปัญหามันเลยเกมส์การเมืองไปแล้ว ตรงนี้ขอจุดธูปไหว้นายชวนด้วยความขอบคุณ

2 ทักษิณตอแหลว่า ตัวเองเป็นคนปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ
ข้อเท็จจริงคือ ตอนที่เขาให้เรากู้นั้น เขาดูฐานะการเงินของเราแล้ว เห็นตัวเลขทั้งหมดจนปรุโปร่ง ค่อยออกใบสั่งยาออกมา สิ่งหนึ่งที่เขาต้องให้ความสำคัญก็คือ เงินที่เขาให้กู้ต้องได้คืน ดังนั้นเมื่อดูบาดแผลแล้ว หมอไอเอ็มเอฟก็สั่งยาว่า ต้องใช้เงินราวๆ สิบเจ็ดพันล้านดอลล่าร์ โดยสองก้อนแรกต้องกินทันที เป็นวงเงินก้อนใหญ่ ราวๆ สี่พันล้าน หรือเทียบกับเงินทั้งหมดก็คือ เดือนเดียวต้องกินยาเท่ากับสี่เดือนในทันที เงินนี้เอามาสำรองเพื่อให้เจ้าหนี้อุ่นใจว่า เมื่อถึงเวลาเรียกหนี้ ประเทศไทยจะต้องมีจ่าย

เท่าที่ผมทราบนั้น เงินที่จำเป็นต้องใช้มากที่สุดคือเงินที่เราเอาไปสู้ค่าเงิน ส่วนเงินกู้อื่นๆ นั้น ก็ต้องจ่ายไปตามงวดที่ตกลง ไม่ได้จำเป็นเร่งด่วน

ปรากฏว่า เมื่อนายชวนมาเป็นนายก ก็เข้าสู่การเบิกเงินงวดที่สามแล้ว และได้เบิกมาใส่คลังหลวงตามเงื่อนไขต่อเนื่อง ดูเหมือนจะแปดงวด ผอาจจะผิดนะครับ) เป็นเงินอีกราวๆ สิบพันล้าน...

หมายความว่า

ชวลิต-ทักษิณ เป็นคนกู้เงินไอเอ็มเอฟ วงเงินสิบเจ็ดพันล้านและเบิกมาแล้วสี่พันล้าน นายชวนมาเบิกต่ออีกสิบพันล้าน เพื่อแก้ปัญหาที่พวกมันกระทำไว้ต่อบ้านเมือง

3 ใครปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ
ข้อเท็จจริงคือ พวกเราทุกคนครับ ที่ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ

คือไอเอ็มเอฟคำนวณแล้วว่า ฐานะของเราสามารถรับยาแรงชุดนี้ได้ และสามารถใช้คืนเงินกู้ด้วย เขามั่นใจก็เพราะถ้าเราไม่มีปัญญา เขาก็จะเอารัฐวิสาหกิจที่ทำเงินแน่ๆ ไปขายเอกชน ได้เงินคืนไม่มีปัญหา แต่ปัญหาก็คือเราจะได้การไฟฟ้าที่ต่างชาติ เช่นสิงค์โปรเป็นเจ้าของ การประปาที่ญี่ปุ่นหรืออินเดียเป็นเจ้าของ อะไรทำนองนี้ แต่เขาก็หวังว่าจะไม่ต้องทำถึงอย่างนั้น ลำพังรัฐบาลตัดค่าใช้จ่ายลง เพิ่มเงินภาษีและเก็บเงินที่เดิมอาจจะปล่อยๆ ไว้เพราะกลัวชาวบ้านเดิอดร้อน ให้มันกระชับขึ้น ก็จะมีเงินใช้คืนแน่ๆ

ดูเหมือนว่า เงื่อนไขอย่างหนึ่งที่ผมรู้มาคือรัฐบาลต้องเลิกอุดหนุนระบบมห่าวิทยาลัย หรือเลิกระบบชดเชยราคาน้ำมันอะไรประมาณนี้ สรุปว่า พวกเราเองนี่แหละ ที่เป็นคนใช้หนี้ ไม่ว่าใครมาเป็นนายก ก็ต้องทำตามตำหรับยาไอเอ็มเอฟ....ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฝีมือ สั ต ว์ น ร ก ชื่อแม้วเลย

4 ทำไมเราจึงเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ
ตอบตรงๆ ก็คือเรามีไส้ศึกครับ

พ่อค้าเงินนั้น จะไม่เสี่ยงทำสงครามค่าเงิน ถ้าไม่กำชัยชนะแล้วตั้งแต่ก่อนโจมตี การโจมตีค่าเงินเริ่มเมื่อนายอำนวยเป็นรัฐมนตรีคลัง เท่าที่ผมทราบ สองครั้งแรก เราชนะ ถึงกับอำนวยและเริงชัยไปเปิดไวน์ฉลองกันทีเดียวคิดว่ายิวโซรอสจะถอดใจยอมแพ้ ที่จริงมันแค่ลองเชิงครับ ครั้งที่สามนี่ มันเล่นหนัก วงเงินเป็นสิบพันล้าน...ถามว่า ทำไมเพิ่งรบแพ้มาสองครั้ง ยังกล้าทุ่มสู้อีก อิอิ ข้อนี้พวกเราตอบได้ทั้งนั้นแหละครับ มันสู้เพราะมันรู้ข้อมูลภายในครับ ฐานะการเงินของแบงค์ชาติเป็นความลับสุดยอด ตามกฏหมายมีแต่ผู้ว่ากับรัฐมนตรีคลังที่รู้ข้อมูล แต่ตามการเมืองแล้ว รัฐมนตรีคลังรู้อะไร นายกก็ต้องรู้อย่างนั้น และตามการเมืองไทย จิ๋วรู้อะไรแม้วก็รู้อย่างนั้น

เอาละ ผมขอจบการสรุปความภาคแรกไว้ตรงนี้ก่อน ด้วยการถามว่า

ถ้าคุณคือไอ้ชั่วที่ขายประเทศไทย คุณจะถอนตัวออกจากการเมืองใหม คุณจะยังเล่นการเมืองเพื่ออยู่ในวังวนของอำนาจ เพื่อจะสกัดภัยที่อาจจะลามมาถึงคุณ....หรือคุณจะถอนตัวออกไปอยู่เงียบๆ รอวันที่ถูกเชือด...จิ๋วและคณะยังเล่นการเมืองอยู่ใช่ใหมครับ แม้แต่ถึงวันนี้ก็ตาม อำนวยไปใหนครับ

อำนวยถอนตัวจากการเมืองมาสิบกว่าปีแล้ว....ผมจึงเชื่อว่า เขาไม่ใช่คนขายชาคิในสงครามค่าเงินครั้งประวัติศาสตร์ อำนวยต้องมั่นใจว่า ไม่มีแผลสันหลังหวะให้ศัตรูจิกกินแน่ๆ จึงกล้าเลิกเล่นการเมือง


พักก่อนครับ
(ขอบคุณน้องแจ๋ว ที่เอาข้อมูลมาแบ่งปันกัน สิ่งใดผมผิด เชิญผู้รู้แก้ไขครับ)
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am


Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Tam-mic-ra » Wed May 25, 2011 10:40 pm

:twisted:

อันนี้หลักฐานชัดเจนกว่าเยอะ
ไม่ต้องอธิบายยืดยาว

ไม่แปลก เพราะเยาวชนและเด็ก ถูกหลอกง่าย
จากโพลออกมา เลยบอกว่าเลือกแมงสาปกันเยอะ

Last edited by Tam-mic-ra on Wed May 25, 2011 10:56 pm, edited 1 time in total.
คำว่า "คนฉลาด" ด้วยเพราะคนอื่นเขายกย่อง มิใช่ ยกหางเน่าๆของตัวเอง โดยการโยนยัดใส่คนอื่นว่า โง่
มาดูกัน นักเรียนตลอดชีพแถว่าสมัยแม้วปล่อยเขมรมาสร้างวัด viewtopic.php?f=2&t=37916&p=708131#p707996
User avatar
Tam-mic-ra
 
Posts: 901
Joined: Mon Mar 02, 2009 4:03 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Wed May 25, 2011 10:45 pm

Tam-mic-ra wrote:[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=sM61cxYQ-Cs[/youtube]




เป็นใบ้เหรอครับ
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Alien007 » Thu May 26, 2011 12:32 am

กระทู้ที่เสื้อแดงแสลงจาย :lol:
นายชูวิทย์ รับงานจากใครมาเพื่อขัดขวางการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน เลียนแบบการเมืองสิงคโปร์แบบไม่มีผิดเพี้ยน
เงินภาษีของเราอย่าให้พวกอันธพาลเผาบ้านเผาเมืองมันเอาไปถลุงเล่น หนีได้เป็นหนี เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงภาษีพี่น้อง
Alien007
 
Posts: 1844
Joined: Thu Nov 25, 2010 6:21 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Thu May 26, 2011 1:35 am

amplepoor wrote:
Tam-mic-ra wrote:[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=sM61cxYQ-Cs[/youtube]




เป็นใบ้เหรอครับ

-----------------------
อ้อ พูดได้แฮะ

อย่าฟังแต่ที่ตัวเองอยากได้ยินสิท่าน
ตรงนาทีที่ 1.10 นักข่าวถามว่า พร้อมเป็นนายกหรือไม่เห็นมีสามพรรคจะเสนอ อภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าสภาเห็นชอบ พร้อมครับ

ตรงนาทีที่ 1.40 นักข่าวถามเรื่องเสนาะเสนอให้ตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย อภิสิทธิ์บอกว่าไม่ใช่หลักการที่ถูกต้อง

ถ้าท่านไม่ใช้สมอง ท่านก็จะบอกว่าสองกรณีแสดงว่าอภิสิทธิ์พูดกลับไปกลับมา แต่ถ้าท่านใช้สมอง ท่านควรจะรู้ว่า สองกรณีมาจากปัจจัยที่ต่างกัน ผมจะยังไม่อธิบายในตอนนี้ รอดูว่า คุณมีความเข้าใจครบถ้วนหรือไม่ และเห็นถึงข้อแตกต่างกันหรือเปล่า


หวังว่าจะมาตอบปมที่ผมทิ้งไว้ให้ชัดกว่าแค่อธิบายว่า



อันนี้หลักฐานชัดเจนกว่าเยอะ
ไม่ต้องอธิบายยืดยาว

ไม่แปลก เพราะเยาวชนและเด็ก ถูกหลอกง่าย
จากโพลออกมา เลยบอกว่าเลือกแมงสาปกันเยอะ
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby Bookmarks » Thu May 26, 2011 1:48 am

ผมแฟนคลับคุณ amplepoor นะครับ ชอบการเขียนและข้อมูลลึกของคุณ amplepoor มากๆ
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: รวมแหลทักษิณ

Postby amplepoor » Thu May 26, 2011 2:05 am

Bookmarks wrote:ผมแฟนคลับคุณ amplepoor นะครับ ชอบการเขียนและข้อมูลลึกของคุณ amplepoor มากๆ

----------
อะจึ๋ยยย์


เด๋วทำบัตรให้ครับ ผมก็ชอบตัวเองเหมือนกัลล์...ฮา
User avatar
amplepoor
 
Posts: 2363
Joined: Wed Apr 06, 2011 2:52 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ