ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby บุคคลทั่วไป » Thu Oct 06, 2011 6:01 pm

ผมมองว่าพระเกษมพอโดนกระแสสังคมเข้าไป ท่านกลับอ่อนไหวถูกพัดไปตามกระแสครับ
ความพึงพอใจของคนโง่คือหายนะ
User avatar
บุคคลทั่วไป
 
Posts: 457
Joined: Fri May 14, 2010 1:21 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby ดราม่า » Thu Oct 06, 2011 6:05 pm

ชาวพุทธสมัยโบราณท่านเข้าถึงธรรมอย่างลึกซึ้งนะครับ

สมัยก่อนยุคแรกจะมีเพียงการสร้างสัญลักษณ์เพื่อแทนเหตุการณ์พุทธประวัติเท่านั้น

จะไม่มีการสลักรูปพระพุทธเจ้าเลย ส่วนเหตุและผลที่มาที่ไปลองเข้าไปอ่านในลิงค์ข้างล่างนี้

http://www.buddhadasa.org/html/life-work/theatre/sculpture/sculpture-pre.html
พุทธทาสภิกขุ รวบรวมและอธิบาย


http://www.buddhadasa.org/html/life-work/theatre/sculpture/sculpture.html
ภาพพุทธประวัติจากหินสลัก


(ส่วนตัวผมก็กราบพระพุทธรูปและระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระบริสุทธิ์คุณ พระมหากรุณาธิคุณ)
Last edited by ดราม่า on Thu Oct 06, 2011 6:08 pm, edited 1 time in total.
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ"
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์


สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก

"กฎหมายภาษีที่ดินเป็นหัวใจของการแก้ปัญหาช่องว่างรายได้"
User avatar
ดราม่า
 
Posts: 1670
Joined: Mon Jan 10, 2011 2:37 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 6:06 pm

เช neverdie wrote:ถ้ามืดบอดในธรรมกันขนาดนี้แล้ว การอ้างตนเป็นพุทธแล้วกราบอิฐ ปูน ไม้ และนาๆวัสดุช่วยที่เอามาปั้นสร้างเป็นพระพุทธรูป จะต่างอะไรกับการเป็นพุทธที่กราบซากลูกหมา บูชาศพลูกควาย จุดธูปเทียนใหว้ต้นไม้พิการ เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตละครับ


ผมเข้าใจครับ คิดว่าไม่มีใครในนี้กราบไหว้ซากลูกหมา หรือบูชาศพลูกควายหรอกครับ อันนั้นมันก็สุดโต่งเกินไป :D

แต่คุณ เช อธิบายให้่ฟังหน่อยสิครับว่าการเหยียบฐานพระพุทธรูปและตบพระพักตร์พระพุทธชินราชจำลอง มันดีกว่าการกราบไหว้พระพุทธรูป หรือแม้กระทั่งกราบไหว้ซากลูกหมา หรือบูชาศพลูกควายอย่างไร?

สำหรับผม มันเป็นการพยายามหลุดออกจากการติดยึดอย่างหนึ่ง ไปเป็นการติดยึดอีกอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง

สำหรับปุถุชนอย่างเรา มันไม่ที่ยึดเหนี่ยวเหมือนอย่างพระอริยะ

พระอริยะท่านกราบลงที่ใด ก็คือกราบลงไปที่พระพุทธเจ้าด้วยใจ พระพุทธรูปอาจจะเป็นภูเขาที่กางกั้นธรรมสำหรับพระอริยะที่เดินไปบนมรรคแล้วอย่างที่ท่านพุทธทาสว่าไว้

แต่มันไม่ใช่สำหรับปุถุชนอย่างเราๆ ปุถุชนอย่างเราๆ ที่ลอยเคว้งคว้างไม่รู้จะไปทางไหน พระพุทธรูปเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีที่ยึดเหนี่ยว ทำให้จิตใจเราสงบเมื่อได้กราบไหว้ ใจที่สงบเป็นฐานของสมาธิ

ถึงจะเป็นเพียงเส้นฟาง ก็ยังดีกว่าการปล่อยมือทิ้งไป แล้วไปคว้าเอาก้อนขี้หมาที่ไม่ได้ดีกว่ากันเลย

ธรรมที่ท่านพุทธทาสแสดงนั้นมันมีหลายระดับสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมในระดับต่างๆ

แต่ท่าน ส. กับท่านเกษมท่านดันไปเลือกเอาธรรมระดับปริญญาเอกมาสอนให้ชาวบ้านที่เพิ่งเริ่มเรียน ก ไก่ ทำตาม

แสดงว่าทั้งสองท่านไม่ได้เข้าใจที่ท่านพุทธทาสกล่าวเลย เพียงแต่ตีความเอาตามตัวอักษรแล้วเอามาให้ชาวบ้านฟัง

ทำให้เกิดความเชื่อสุดโต่งไปว่าไม่ควรกราบไหว้พระพุทธรูป
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 6:12 pm

Anubitz wrote:
ตรงนี้ผมมองว่าเป็นการสอนเพื่อไม่ให้ยึดติดกับสิ่งใดๆมากกว่าครับ แต่ไม่ได้ชี้นำให้ไปยึดติดกับสิ่งอื่น


สำหรับผมแล้ว มันคือการสอนให้ไปติดยึดกับ "การไม่ติดยึดวัตถุ" มันคือ สีลัพพตปรามาส อย่างหนึ่งนั้นแหล่ะครับ

Anubitz wrote:ใช่ครับ ถ้าเปรียบเทียบกับเกาะฟางอยู่กลางทะเลแล้ว ยากที่จะไปถึงฝั่ง ในกรณีพระพุทธรูป ผมว่าทั้งพระเกษมและท่านพุทธทาส ใช้เทคนิคการสอนที่คล้ายกัน ซึ่งทั้งสองคงไม่ได้คิดให้ไปยึดเกาะสิ่งอื่นอย่างแน่นอน เพราะฟางย่อมดีกว่าก้อนขี้หมาอยู่แล้ว แต่ฟางก็ไม่ได้นำทางให้ไปถึงฝั่ง ตรงกันข้ามอาจจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปให้ยิ่งออกห่างจากฝั่งอีกก็เป็นได้

*กระแสน้ำ ในที่นี้หมายถึงกระแสสังคม ณ เวลานั้นๆนะครับ



ใช่ครับ ฟังก็รู้แล้วว่าทั้ง ส. และท่านเกษมอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสที่กล่าวถึงภูเขากางกั้นธรรม แล้วไปหยิบเอามาสอนชาวบ้านเพราะคิดว่าเทห่ดี
:D
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 6:14 pm

บุคคลทั่วไป wrote:ผมมองว่าพระเกษมพอโดนกระแสสังคมเข้าไป ท่านกลับอ่อนไหวถูกพัดไปตามกระแสครับ


ถูก
พอเขาบอกว่าอยากดัง ก็เลยออกมาในทำนองว่าที่ทำไปเพื่อกระตุ้นให้คนหันมาสนใจวงการสงฆ์ว่าเน่าเฟะอย่างไร

เหมือนเด็กที่โดนจับว่าขโมยของในห้างแก้ตัวกับตำรวจว่าอยากทดลองดูประสิทธิภาพของ รปภ :D
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby Anubitz » Thu Oct 06, 2011 6:28 pm

sleepless wrote:

ใช่ครับ ฟังก็รู้แล้วว่าทั้ง ส. และท่านเกษมอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสที่กล่าวถึงภูเขากางกั้นธรรม แล้วไปหยิบเอามาสอนชาวบ้านเพราะคิดว่าเทห่ดี
:D


เท่ดีหรือไม่นั้น อยากให้ดูที่การกระทำทั้งสองท่านเข้าใจได้ลึกซึ้งหรือเปล่า จะกล่าวว่านำมาสอนเพราะฟังแล้วเท่ดีคงจะกระไรอยู่ครับ
โดยส่วนตัวผมได้ยินประโยคเรื่องพระพุทธรูปนี้ครั้งแรกจากคลิปเสียง การเทศนาธรรมของท่านพุทธทาส ครั้งที่สองจาก อาจารย์ ส. ในรายการ พื้นที่ชีวิต ถามว่าเท่ร์มั๊ย บอกได้ว่าสิ่งแรกที่คิดคือ จริงด้วย เหมือนกับเป็นการเปิดโลกทัศน์บางอย่าง (ผมก็ใช้คำไม่ถูกเหมือนกันว่าใช้คำว่าอะไรดีนะ ) แต่ความรู้สึกว่าเท่ร์คงไม่มีเลยครับ หากแต่ มองว่าประโยคนี้ เป็นประโยคที่ง่ายต่อการนำไปพูดให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆมากกว่า ผมมองเช่นนั้นหน่ะครับ
User avatar
Anubitz
 
Posts: 478
Joined: Sat Sep 17, 2011 5:28 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby Alien007 » Thu Oct 06, 2011 8:14 pm

sleepless wrote:ใช่ครับ ฟังก็รู้แล้วว่าทั้ง ส. และท่านเกษมอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสที่กล่าวถึงภูเขากางกั้นธรรม แล้วไปหยิบเอามาสอนชาวบ้านเพราะคิดว่าเทห่ดี
:D


แล้วที่พระเกษมยกพระไตรปิฎกมาอ้างด้วยล่ะ sleeplessก็คงคิดว่า อ้างเพื่อความเท่ด้วยล่ะสิ หึหึ
ไม่มีปัญญาหาเหตุผลที่เข้าท่ากว่านี้มาอธิบายแล้วใช่มั้ย เลยแถใส่ แม่ม ดื้อๆ ว่าพระพูดวิจารณ์เพราะอยากเท่ แถได้ควายจริงๆ

พวกพระอยากเท่น่ะรึ โน่น พระจีวรแดงที่แขวนรูปนางแปตอหลูโชว์ความเป็นอลัชชีหราออกสื่อโน่น เท่ขี้แตกขี้แตนเลยว่ะ
ไม่รู้ว่าตอนนอนพระจีวรแดงยังเก็บนางแปตอหลูไปฝันถึงด้วยรึเปล่า :lol: :lol:
นายชูวิทย์ รับงานจากใครมาเพื่อขัดขวางการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน เลียนแบบการเมืองสิงคโปร์แบบไม่มีผิดเพี้ยน
เงินภาษีของเราอย่าให้พวกอันธพาลเผาบ้านเผาเมืองมันเอาไปถลุงเล่น หนีได้เป็นหนี เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงภาษีพี่น้อง
Alien007
 
Posts: 1844
Joined: Thu Nov 25, 2010 6:21 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby arun sound2545 » Thu Oct 06, 2011 8:18 pm

จีรนุช wrote:เราไม่เห็นด้วยกับใครทั้งนั้นเเหละที่ปกป้องนายคนนี้

คุณศึกษาเรื่องธรรมมากแค่ไหนคุณวรนุช เอ๊ย จีรนุช
พระแบบนี้ คุณกราบไหว้ใด้ไหม
หรือต้องเป็นพระแบบด้านล่าง???
อยากจะทำอะไรก็ทำไป
ภายใต้ระบบประชาธิปไตย
ตราบใดที่ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนและ
ผู้อื่นเดือดร้อน
ประชาธิปไตย คือเสียงส่วนใหญ่
ไม่ใช่เสียงคนบ้าส่วนไหญ่
User avatar
arun sound2545
 
Posts: 115
Joined: Sat Sep 17, 2011 7:36 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 8:28 pm

Anubitz wrote:
sleepless wrote:

ใช่ครับ ฟังก็รู้แล้วว่าทั้ง ส. และท่านเกษมอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสที่กล่าวถึงภูเขากางกั้นธรรม แล้วไปหยิบเอามาสอนชาวบ้านเพราะคิดว่าเทห่ดี
:D


เท่ดีหรือไม่นั้น อยากให้ดูที่การกระทำทั้งสองท่านเข้าใจได้ลึกซึ้งหรือเปล่า จะกล่าวว่านำมาสอนเพราะฟังแล้วเท่ดีคงจะกระไรอยู่ครับ
โดยส่วนตัวผมได้ยินประโยคเรื่องพระพุทธรูปนี้ครั้งแรกจากคลิปเสียง การเทศนาธรรมของท่านพุทธทาส ครั้งที่สองจาก อาจารย์ ส. ในรายการ พื้นที่ชีวิต ถามว่าเท่ร์มั๊ย บอกได้ว่าสิ่งแรกที่คิดคือ จริงด้วย เหมือนกับเป็นการเปิดโลกทัศน์บางอย่าง (ผมก็ใช้คำไม่ถูกเหมือนกันว่าใช้คำว่าอะไรดีนะ ) แต่ความรู้สึกว่าเท่ร์คงไม่มีเลยครับ หากแต่ มองว่าประโยคนี้ เป็นประโยคที่ง่ายต่อการนำไปพูดให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆมากกว่า ผมมองเช่นนั้นหน่ะครับ


ผมอ่านเรื่องนี้จากท่านพุทธทาสเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นก็เข้าใจเอาด้วยความโง่เขลาเหมือนท่านทั้งสองนั่นแหล่ะครับ มันสุดโต่ง ความไม่รู้ทำให้เราหลุดจากอันหนึ่งไปยึดกับอีกอันหนึ่งที่แน่นกว่าเดิม

เอาง่ายๆ ว่าคุณเคยเห็นสายพระป่าตั้งแต่หลวงปู่มั่นลงมามีท่านใดที่เอาพระพุทธรูปโยนทิ้งบ้าง?

มีแต่ยิ่งกราบด้วยความเคารพบูชามากขึ้น

ที่ท่านพุทธทาสให้โยนทิ้งนั้นไม่ใช้พระพุทธรูปที่เป็นปูนเป็นอิฐ แต่เป็นไอ้ที่อยู่ในใจคุณต่างหาก!
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 8:29 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:ถ้ามืดบอดในธรรมกันขนาดนี้แล้ว การอ้างตนเป็นพุทธแล้วกราบอิฐ ปูน ไม้ และนาๆวัสดุช่วยที่เอามาปั้นสร้างเป็นพระพุทธรูป จะต่างอะไรกับการเป็นพุทธที่กราบซากลูกหมา บูชาศพลูกควาย จุดธูปเทียนใหว้ต้นไม้พิการ เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตละครับ


ผมเข้าใจครับ คิดว่าไม่มีใครในนี้กราบไหว้ซากลูกหมา หรือบูชาศพลูกควายหรอกครับ อันนั้นมันก็สุดโต่งเกินไป :D

แต่เพื่อนร่วมสังคมประเทศเรา 99% เชื่อเรื่องผีสาง อีกกว่าครึ่งนิยมรวยทางลัด กว่าครึ่งในนั้นมีการศึกษาระดับปริญญา และเคยขูดต้นไม้ขอหวยหวังรวยทางลัด

แต่คุณ เช อธิบายให้่ฟังหน่อยสิครับว่าการเหยียบฐานพระพุทธรูปและตบพระพักตร์พระพุทธชินราชจำลอง มันดีกว่าการกราบไหว้พระพุทธรูป หรือแม้กระทั่งกราบไหว้ซากลูกหมา หรือบูชาศพลูกควายอย่างไร?

ต้องถามกลับไปว่าคุณมองพระพุทธชินราชจำลองนั้นเป็นอะไร ถ้าคุณมองพระพุทธชินราชจำลองนั้นเป็นตถาคตที่ใครจะล่วงละเมิดมิได้ ก็แปลว่าคุณยังติดอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอก ยังเข้าไม่ถึงแก่นธรรม ยังเข้าไม่ถึงความว่าง ยังเข้าไม่ถึงธรรมของตถาคต ยังมองไม่เห็นตถาคตครับ ก่อนที่ตถาคตจะเสด็จดับขันฑ์ปรินิพพานนั้น ทรงตรัสใว้ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" ธรรมของตถาคตคือ มีอริยสัจสี่ มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับสูญไปเป็นเบื้องต้น ฯลฯ แต่ถ้าคุณมองพระพุทธชินราชจำลองนั้นเป็นก้อนอิฐก้อนดินที่ประกอบกันขึ้นมาด้วยฝีมือช่าง วันนึงก็ต้องแตกหักสลายผุพังไปตามกาลเวลา คุณจะได้คำตอบว่าคุณกำลังกราบใหว้อะไร

สำหรับผม มันเป็นการพยายามหลุดออกจากการติดยึดอย่างหนึ่ง ไปเป็นการติดยึดอีกอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง

สำหรับปุถุชนอย่างเรา มันไม่ที่ยึดเหนี่ยวเหมือนอย่างพระอริยะ

ธรรมของตถาคตยังไม่ใช่ที่ยึดเหนี่ยว โลกนี้ก็ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวจิตใจให้อยู่ในธรรมแล้วครับ

พระอริยะท่านกราบลงที่ใด ก็คือกราบลงไปที่พระพุทธเจ้าด้วยใจ พระพุทธรูปอาจจะเป็นภูเขาที่กางกั้นธรรมสำหรับพระอริยะที่เดินไปบนมรรคแล้วอย่างที่ท่านพุทธทาสว่าไว้

แต่มันไม่ใช่สำหรับปุถุชนอย่างเราๆ ปุถุชนอย่างเราๆ ที่ลอยเคว้งคว้างไม่รู้จะไปทางไหน พระพุทธรูปเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีที่ยึดเหนี่ยว ทำให้จิตใจเราสงบเมื่อได้กราบไหว้ ใจที่สงบเป็นฐานของสมาธิ

แปลว่าใจจะสงบได้ก็ต้องด้วยพระพุทธรูป จะมีหรือไม่มีธรรมของตถาคตก็ไม่สำคัญแล้วว่างั้น ต้องขอมีพระพุทธรูปใว้ก่อน อย่างนั้นก็ไม่แปลกหรอกที่ปราชญ์หลายๆท่านว่าใว้ว่า "พระพุทธรูปคือภูเขาที่กางกั้นธรรมสำหรับปุถุชน"

ที่สำคัญพระพุทธองค์ไม่เคยตรัสเลยว่าใจที่สงบมาจากการกราบใว้พระพุทธรูป แต่พระพุทธองค์ให้เริ่มตรงที่ "ทาน" การสละทรัพย์ออกไป(เพื่อลดความตระหนี่ของจิตใจ) ตามมาด้วย "ศีล" เมื่ออยู่ในศีลได้ตลอดแล้ว(แค่ห้าข้อเอง) "สมาธิ" ก็จะเกิด เมื่อสมาธิเกิดแล้วดังนี้ "ปัญญาก็จะตามมา" นี่คือลำดับของ ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา นี่คือหนทางที่จะทำให้เห็นธรรมของตถาคตครับ ไม่ใช่พระพุทธรูป
Last edited by เช neverdie on Thu Oct 06, 2011 8:39 pm, edited 3 times in total.
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 8:30 pm

Alien007 wrote:
sleepless wrote:ใช่ครับ ฟังก็รู้แล้วว่าทั้ง ส. และท่านเกษมอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสที่กล่าวถึงภูเขากางกั้นธรรม แล้วไปหยิบเอามาสอนชาวบ้านเพราะคิดว่าเทห่ดี
:D


แล้วที่พระเกษมยกพระไตรปิฎกมาอ้างด้วยล่ะ sleeplessก็คงคิดว่า อ้างเพื่อความเท่ด้วยล่ะสิ หึหึ
ไม่มีปัญญาหาเหตุผลที่เข้าท่ากว่านี้มาอธิบายแล้วใช่มั้ย เลยแถใส่ แม่ม ดื้อๆ ว่าพระพูดวิจารณ์เพราะอยากเท่ แถได้ควายจริงๆ


อ้าวๆ ผมแถตรงไหนครับ
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 8:34 pm

เช neverdie wrote:ต้องถามกลับไปว่าคุณมองพระพุทธชินราชจำลองนั้นเป็นอะไร ถ้าคุณมองพระพุทธชินราชจำลองนั้นเป็นตถาคตที่ใครจะล่วงละเมิดมิได้ ก็แปลว่าคุณยังติดอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอก ยังเข้าไม่ถึงแก่นธรรม ยังเข้าไม่ถึงความว่าง ยังเข้าไม่ถึงธรรมของตถาคต ยังมองไม่เห็นตถาคตครับ ก่อนที่ตถาคตจะเสด็จดับขันฑ์ปรินิพพานนั้น ทรงตรัสใว้ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" ธรรมของตถาคตคือ มีอริยสัจสี่ มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับสูญไปเป็นเบื้องต้น ฯลฯ แต่ถ้าคุณมองพระพุทธชินราชจำลองนั้นเป็นก้อนอิฐก้อนดินที่ประกอบกันขึ้นมาด้วยฝีมือช่าง วันนึงก็ต้องแตกหักสลายผุพังไปตามกาลเวลา คุณจะได้คำตอบว่าคุณกำลังกราบใหว้อะไร

แปลว่าใจจะสงบได้ก็ต้องด้วยพระพุทธรูป จะมีหรือไม่มีธรรมของตถาคตก็ไม่สำคัญแล้วว่างั้น ต้องขอมีพระพุทธรูปใว้ก่อน อย่างนั้นก็ไม่แปลกหรอกที่ปราชญ์หลายๆท่านว่าใว้ว่า "พระพุทธรูปคือภูเขาที่กางกั้นธรรมสำหรับปุถุชน"[/color]


ด้วยความเคารพ คุณ เช
ที่คุณพูดมาทั้งหมดนั้น ผมเคยคิดเหมือนคุณมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน
:D
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby มะเขือเทศเน่า » Thu Oct 06, 2011 8:40 pm

นึกถึงคลิป "อยากดัง..." ที่ท่านพูดนี่ก็อัดธรรมกายเต็มๆ
การเมืองทำให้ปวดหัว แต่อย่ากลัวที่จะรับฟัง อิอิ
อย่าปล่อยให้คำว่า "ประชาธิปไตย" และ "ประชาชน"
ถูกใช้เป็นเครื่องมือหากินของนักการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตน
User avatar
มะเขือเทศเน่า
 
Posts: 2525
Joined: Sat May 01, 2010 9:43 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 8:48 pm

สรุปให้ง่ายๆ ตถาคตวางแนวทางง่ายๆสำหรับคนธรรมดา ให้รู้จักให้"ทาน" แล้วรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ แค่นี้"สมาธิ"ก็จะตามมา "ปัญญา"ก็จะเกิด ชีวิตก็จะผ่านพ้นความวุ่นวายไปได้ ไม่ว่าโลกรอบตัวจะวุ่นวายแค่ไหน

แต่ถ้ามีพระพุทธรูปที่บ้านเป็นร้อยองค์ แต่เป็นคนขาดซึ่ง ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ชืวิตก็ต้องวุ่นวายไม่รู้จบ พระพุทธรูปเป็นร้อยที่บ้านก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ ;) ;) ;)
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 8:54 pm

ทั้งนี้พระพุทธองค์ยังวางแนวทางในเรื่องที่เราสงสัยกันอยู่นี้ด้วยหลักกาลมสูตร 10 ประการ

>
หลักธรรมในพระพุทธศาสนานี้พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ ที่อาศัยอยู่
ในเกสปุตตนิคม แคว้นโกศล เนื่องจากในสมัยนั้นมีผู้อวดอ้างตนในคุณวิเศษกันมาก
เชิดชูแต่ลัทธิของตัว พูดจากระทบกระเทียบดูหมิ่นลัทธิอื่น พร้อมทั้งชักจูงมิให้เชื่อ
ลัทธิอื่น เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จถึงเกสปุตตนิคมดินแดนที่เต็มไปด้วยผู้อวดอ้าง
ชาวกาลามะได้ทูลถามด้วยความสงสัยว่าใครพูดจริง ใครพูดเท็จ?

พระพุทธองค์จึงทรงแสดงกาลามสูตร ว่าด้วย วิธีปฏิบัติต่อสิ่งที่ตนสงสัย
หรือหลักความเชื่อ 10 ประการ เป็นหลักตัดสิน คือ

1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา

เมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า..ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศลหรือมีโทษเมื่อนั้นพึงละเสีย
และเมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า..ธรรมเหล่านั้นเป็นกุศลหรือไม่มีโทษ
เมื่อนั้นพึงถือปฏิบัติ

ดังนั้น พระสูตรนี้ท่านมิได้ห้ามมิให้เชื่อ แต่ให้เชื่อด้วยมีปัญญาประกอบด้วย
มิฉะนั้นความเชื่อต่างๆ จะไม่พ้น "ความงมงาย" และไม่พึงแปลความเลยเถิดไป
ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่อสิ่งเหล่านี้ และให้เชื่อสิ่งอื่นนอกจากนี้
แต่พึงเข้าใจว่า แม้แต่สิ่งเหล่านี้ซึ่งบางอย่างก็เลือกเอามาแล้วว่า..
เป็นสิ่งที่น่าเชื่อที่สุด ท่านก็ยังเตือนไม่ให้ปลงใจเชื่อ
ไม่ให้ด่วนเชื่อ ไม่ให้ถือเป็นเครื่องตัดสินเด็ดขาด
ยังอาจผิดพลาดได้ ต้องใช้ปัญญาคิดพิจารณาให้ดีก่อน

.. แล้วสิ่งอื่น คนอื่นเราจะต้องคิดต้องพิจารณา
ระมัดระวังให้มากสักเพียงไหน??
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 8:54 pm

ปัญหาของปัญญาชนคือเราทะนงตนว่ามีความรู้มีการศึกษาสูง มองพระพุทธรูปแล้่วเห็นเป็นอิฐเป็นหินได้ ชาวบ้านมองไม่เห็นอย่างเรา จึงโง่เขลา ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้อย่างเรา

ผมอยากจะบอกว่าไอ้ที่เราเห็นนั้นมันเป็นการคาดเดาเอาด้วยความรู้ในทางโลกของเรา ชาวบ้านทั่วไปเขาก็มองเห็นไม่ต่างจากเราหรอก

แต่หากเฉลียวใจสักนิด ลองมองย้อนกลับไปดูว่าเหตุใดพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยโบราณจึงสร้างพระพุทธรูปเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง และเหตุใดพระป่าสายอาจารย์มั่น ที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ไม่ใช่นั่งอ่านแต่ทฤษฎีเหมือนเรา จึงไม่มีสักท่านที่เอาพระพุทธรูปไปโยนทิ้ง ไม่กราบไหว้บูชา ผมเห็นมีแต่ยิ่งกราบพระพุทธรูปอย่างประนีตบรรจง ซึ้งใจ มากยิ่งขึ้น

และไม่เคยเห็นท่านเหล่านั้นท่านใดบอกมาให้ปุถุชนเลิกกราบไหว้พระพุทธรูป อย่าว่าแต่ตบพระพักต์พระพุทธรูปเลย
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 8:58 pm

เช neverdie wrote:สรุปให้ง่ายๆ ตถาคตวางแนวทางง่ายๆสำหรับคนธรรมดา ให้รู้จักให้"ทาน" แล้วรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ แค่นี้"สมาธิ"ก็จะตามมา "ปัญญา"ก็จะเกิด ชีวิตก็จะผ่านพ้นความวุ่นวายไปได้ ไม่ว่าโลกรอบตัวจะวุ่นวายแค่ไหน

แต่ถ้ามีพระพุทธรูปที่บ้านเป็นร้อยองค์ แต่เป็นคนขาดซึ่ง ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ชืวิตก็ต้องวุ่นวายไม่รู้จบ พระพุทธรูปเป็นร้อยที่บ้านก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ ;) ;) ;)



ผมถามหน่อยว่าหากเลิกกราบไหว้พระพุทธรูปแล้ว จะส่งผลดี และช่วยให้เกิดสมาธิ และปัญญาได้ดีกว่าการกราบไหว้พระพุทธรูปอย่างไร? :D

พระอริยะอย่างหลวงตาบัวท่านกราบลงที่ใด ที่นั้นก็คือพระพุทธเจ้า เพราะท่านเข้าถึงพุทธะ ท่านไม่ต้องการวัตถุสมมุติมาให้กราบไหว้ (แต่ท่านก็ยังกราบพระพุทธรูปอยู่ทุกวัน)

แล้วไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างคุณ อย่างผม อย่าง ส. อย่างพระเกษม เข้าถึึงพุทธะแล้วหรือ จึงไม่ต้องมีสมมุตบัญญัติเลย?
Last edited by sleepless on Thu Oct 06, 2011 9:06 pm, edited 2 times in total.
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 9:05 pm

เคยมีประสพการณ์สอนสมาธิ(meditation)ให้เพื่อนฝรั่ง ต่างกรรมต่างวาระกันไป

จากที่เจอ ถ้าไปบอกฝรั่งว่าทำแล้วจะเข้าฌานอย่างนั้นอย่างนี้ฝรั่งมันขำกันหงายท้อง

แต่ถ้าบอกว่านี่คือวิธีฝึกการควบคุมการหายใจ วิธีการนี้ทำให้สติปัญญาแข็งแรงขึ้น ฝรั่งมันอึ้ง ทึ่ง

เพราะคอสค่าเรียนฝึกหายใจที่ยุโรปคอสนึงคิดกันเป็นพันยูโรสำหรับบริษัทที่เปิดอบรมวิธีหายใจ
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 9:07 pm

เช neverdie wrote:เคยมีประสพการณ์สอนสมาธิ(meditation)ให้เพื่อนฝรั่ง ต่างกรรมต่างวาระกันไป

จากที่เจอ ถ้าไปบอกฝรั่งว่าทำแล้วจะเข้าฌานอย่างนั้นอย่างนี้ฝรั่งมันขำกันหงายท้อง

แต่ถ้าบอกว่านี่คือวิธีฝึกการควบคุมการหายใจ วิธีการนี้ทำให้สติปัญญาแข็งแรงขึ้น ฝรั่งมันอึ้ง ทึ่ง

เพราะคอสค่าเรียนฝึกหายใจที่ยุโรปคอสนึงคิดกันเป็นพันยูโรสำหรับบริษัทที่เปิดอบรมวิธีหายใจ


And your point is? :D
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby คนบาป » Thu Oct 06, 2011 9:14 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:สรุปให้ง่ายๆ ตถาคตวางแนวทางง่ายๆสำหรับคนธรรมดา ให้รู้จักให้"ทาน" แล้วรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ แค่นี้"สมาธิ"ก็จะตามมา "ปัญญา"ก็จะเกิด ชีวิตก็จะผ่านพ้นความวุ่นวายไปได้ ไม่ว่าโลกรอบตัวจะวุ่นวายแค่ไหน

แต่ถ้ามีพระพุทธรูปที่บ้านเป็นร้อยองค์ แต่เป็นคนขาดซึ่ง ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ชืวิตก็ต้องวุ่นวายไม่รู้จบ พระพุทธรูปเป็นร้อยที่บ้านก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ ;) ;) ;)



ผมถามหน่อยว่าหากเลิกกราบไหว้พระพุทธรูปแล้ว จะส่งผลดี และช่วยให้เกิดสมาธิ และปัญญาได้ดีกว่าการกราบไหว้พระพุทธรูปอย่างไร? :D

พระอริยะอย่างหลวงตาบัวท่านกราบลงที่ใด ที่นั้นก็คือพระพุทธเจ้า เพราะท่านเข้าถึงพุทธะ ท่านไม่ต้องการวัตถุสมมุติมาให้กราบไหว้ (แต่ท่านก็ยังกราบพระพุทธรูปอยู่ทุกวัน)

แล้วไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างคุณ อย่างผม อย่าง ส. อย่างพระเกษม เข้าถึึงพุทธะแล้วหรือ จึงไม่ต้องมีสมมุตบัญญัติเลย?


คล้ายๆ จะบอกว่ากราบพระพุทธรูปแล้วจะช่วยให้เกิดสมาธิ

แต่การทำสมาธิหรือวิถีเข้าสู่สมาธิ ไม่มีเรื่องกราบพระพุทธรูปแล้วจะเกิดสมาธินะ
User avatar
คนบาป
 
Posts: 13482
Joined: Fri Nov 19, 2010 3:52 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 9:18 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:สรุปให้ง่ายๆ ตถาคตวางแนวทางง่ายๆสำหรับคนธรรมดา ให้รู้จักให้"ทาน" แล้วรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ แค่นี้"สมาธิ"ก็จะตามมา "ปัญญา"ก็จะเกิด ชีวิตก็จะผ่านพ้นความวุ่นวายไปได้ ไม่ว่าโลกรอบตัวจะวุ่นวายแค่ไหน

แต่ถ้ามีพระพุทธรูปที่บ้านเป็นร้อยองค์ แต่เป็นคนขาดซึ่ง ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ชืวิตก็ต้องวุ่นวายไม่รู้จบ พระพุทธรูปเป็นร้อยที่บ้านก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ ;) ;) ;)



ผมถามหน่อยว่าหากเลิกกราบไหว้พระพุทธรูปแล้ว จะส่งผลดี และช่วยให้เกิดสมาธิ และปัญญาได้ดีกว่าการกราบไหว้พระพุทธรูปอย่างไร? :D

พระอริยะอย่างหลวงตาบัวท่านกราบลงที่ใด ที่นั้นก็คือพระพุทธเจ้า เพราะท่านเข้าถึงพุทธะ ท่านไม่ต้องการวัตถุสมมุติมาให้กราบไหว้ (แต่ท่านก็ยังกราบพระพุทธรูปอยู่ทุกวัน)

แล้วไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างคุณ อย่างผม อย่าง ส. อย่างพระเกษม เข้าถึึงพุทธะแล้วหรือ จึงไม่ต้องมีสมมุตบัญญัติเลย?


อย่าเพิ่งหลงประเด็นครับ จะกราบใหว้หรือไม่กราบใหว้พระพุทธรูปหรือการทำพิธีกรรมต่างๆตามศาสนาอย่างที่ยึดถือกันมา ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า บริจาคทาน รักษาศีลให้ถึงพร้อมหรือยัง เพราะถ้ายังกราบใหว้พระพุทธรูปเช้าค่ำ แต่ไม่รักษาปัญจะศีลให้บริสุทธิ ยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ยิงนกตกปลาเพื่อความสนุกสนาน เบียดเบียนชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นอยู่เสมอๆ ยังลักโขมยคดโกงอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตนอยู่เนืองๆ ยังผิดลูกผิดเมียชาวบ้านเขาอยู่เป็นประจำ ยังโป้ปดมดเท็จ พูดส่อเสียดใส่ร้ายกันอยู่เรื่อยๆ ยังตั้งวงก๊งเหล้าทุกเช้าเย็น ต่อให้กราบใหว้พระพุทธรูปเช้าเย็นเป็นประจำ ชีวิตก็ไม่มีทางหลีกพ้นจากความทุกข์ ความเดือดเนื้อร้อนใจไปได้เลย

;) ;) ;) ;)
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby kainuy555 » Thu Oct 06, 2011 9:19 pm

นายเกษมครับ ไม่ใช่พระเกษม
สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่ปฎิบัติแบบนี้แน่นอน
User avatar
kainuy555
 
Posts: 1462
Joined: Mon May 16, 2011 9:35 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 9:20 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:เคยมีประสพการณ์สอนสมาธิ(meditation)ให้เพื่อนฝรั่ง ต่างกรรมต่างวาระกันไป

จากที่เจอ ถ้าไปบอกฝรั่งว่าทำแล้วจะเข้าฌานอย่างนั้นอย่างนี้ฝรั่งมันขำกันหงายท้อง

แต่ถ้าบอกว่านี่คือวิธีฝึกการควบคุมการหายใจ วิธีการนี้ทำให้สติปัญญาแข็งแรงขึ้น ฝรั่งมันอึ้ง ทึ่ง

เพราะคอสค่าเรียนฝึกหายใจที่ยุโรปคอสนึงคิดกันเป็นพันยูโรสำหรับบริษัทที่เปิดอบรมวิธีหายใจ


And your point is? :D


Free of charge !!! ...

:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 9:24 pm

kainuy555 wrote:นายเกษมครับ ไม่ใช่พระเกษม
สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่ปฎิบัติแบบนี้แน่นอน


แล้วพระสงค์ในพุทธศาสนานิกายมหายาน ที่เวลาสวดมนต์ต้องมีพระฝ่ายที่เล่นเครื่องดนตรี ตีกลอง เล่นตะเข้ ไปพร้อมกับทำนองการสวดเป็นบทเพลง นี่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าไหมครับ

หรือว่าในความเข้าใจของคุณมีแต่พระในนิกายธรรมยุตเท่านั้นที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
Last edited by เช neverdie on Thu Oct 06, 2011 9:27 pm, edited 1 time in total.
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 9:24 pm

คนบาป wrote:คล้ายๆ จะบอกว่ากราบพระพุทธรูปแล้วจะช่วยให้เกิดสมาธิ

แต่การทำสมาธิหรือวิถีเข้าสู่สมาธิ ไม่มีเรื่องกราบพระพุทธรูปแล้วจะเกิดสมาธินะ


ปุถุชนอย่างเรามันยังตัดขาดจากสมมุติบัญญัติไม่ได้หรอกคุณแคน

เราเดินไปแล้วก้มลงกราบพระพุทธเจ้าโดยไม่มีพระพุทธรูปได้หรือยัง

สำหรับบางคน การกราบพระพุทธรูปในห้องพระที่บ้าน ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นวัตรปฏิบัติเหมือนการเริ่มสูดลมหายใจจะเริ่มทำงานสักอย่าง

ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธรูปทำให้เกิดสมาธิ แต่ ถามกลับว่า เลิกกราบไหว้พระพุทธรูปแล้วทำให้เกิดสมาธิสว่างไสวกว่าได้อย่างนั้นหรือ? ก็ไม่
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 9:30 pm

เช neverdie wrote:
อย่าเพิ่งหลงประเด็นครับ จะกราบใหว้หรือไม่กราบใหว้พระพุทธรูปหรือการทำพิธีกรรมต่างๆตามศาสนาอย่างที่ยึดถือกันมา ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า บริจาคทาน รักษาศีลให้ถึงพร้อมหรือยัง เพราะถ้ายังกราบใหว้พระพุทธรูปเช้าค่ำ แต่ไม่รักษาปัญจะศีลให้บริสุทธิ ยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ยิงนกตกปลาเพื่อความสนุกสนาน เบียดเบียนชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นอยู่เสมอๆ ยังลักโขมยคดโกงอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตนอยู่เนืองๆ ยังผิดลูกผิดเมียชาวบ้านเขาอยู่เป็นประจำ ยังโป้ปดมดเท็จ พูดส่อเสียดใส่ร้ายกันอยู่เรื่อยๆ ยังตั้งวงก๊งเหล้าทุกเช้าเย็น ต่อให้กราบใหว้พระพุทธรูปเช้าเย็นเป็นประจำ ชีวิตก็ไม่มีทางหลีกพ้นจากความทุกข์ ความเดือดเนื้อร้อนใจไปได้เลย

;) ;) ;) ;)


ศึลของคุณ เช กับศีลของผมอาจจะไม่เหมือนกัน :)
ผมไม่ทราบว่าศีลของคุณ เช เป็นอย่างไร
แต่ศีลของผมคือ "ใจสงบ" ไม่สั่นไหว
การรักษาศีลคือการรักษาใจให้สงบ
การกราบพระพุทธรูป ระลึกถึงพระรัตนตรัย ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ใจสงบได้

งั้นผมถามกลับด้วยการใช้ตรรกะแบบโลกๆ เรานี่แหล่ะว่า การเลิกกราบไหว้พระพุทธรูปอย่างที่พระเกษมสอน แต่ไม่รักษาศีล (ตามคำนิยามของคุณเชก็ได้) แล้วมันจะช่วยให้พ้นจากความทุกข์ ความเดือดเนื้อร้อนใจได้อย่างไร?
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 9:35 pm

sleepless wrote:
คนบาป wrote:คล้ายๆ จะบอกว่ากราบพระพุทธรูปแล้วจะช่วยให้เกิดสมาธิ

แต่การทำสมาธิหรือวิถีเข้าสู่สมาธิ ไม่มีเรื่องกราบพระพุทธรูปแล้วจะเกิดสมาธินะ


ปุถุชนอย่างเรามันยังตัดขาดจากสมมุติบัญญัติไม่ได้หรอกคุณแคน

เราเดินไปแล้วก้มลงกราบพระพุทธเจ้าโดยไม่มีพระพุทธรูปได้หรือยัง

สำหรับบางคน การกราบพระพุทธรูปในห้องพระที่บ้าน ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นวัตรปฏิบัติเหมือนการเริ่มสูดลมหายใจจะเริ่มทำงานสักอย่าง

ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธรูปทำให้เกิดสมาธิ แต่ ถามกลับว่า เลิกกราบไหว้พระพุทธรูปแล้วทำให้เกิดสมาธิสว่างไสวกว่าได้อย่างนั้นหรือ? ก็ไม่


ออกตัวก่อน ที่บ้านผมก็มีพระพุทธรูป(มีพระเครื่องอีกหลายหีบ สมบัติเก่าไม่เคยเปิดให้ใครดู) และผมก็กราบใหว้พระพุทธรูปทุกวัน แต่ไม่ใช่ในความหมายของพระพุทธรูป แต่เป็นในความหมายของพระธรรมต่างหาก

กลับมาที่ประเด็น ต่อให้กราบพระพุทธรูป แต่ไม่รักษาศีลให้บริสุทธิ ก็ไม่มีทางที่จะเกิดสมาธิได้ครับ แต่ถ้าปัญจะศีลบริสุทธิ แค่กราบหมอนก่อนนอน สมาธิก็เกิดแล้วครับ ลองทำดูสิครับ หรือจะแย้งอะไรก็แย้งมา เดี๋ยวจะจำแนกธรรม เปิดของคว่ำให้เป็นของหงายให้ดู :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby klser » Thu Oct 06, 2011 9:37 pm

สำหรับผม เฒ่า ส. ไม่ค่อยมีเครดิต เรื่องศาสนาเท่าไหร่ คือไม่ให้ราคานั่นแหละ แต่ประเด็นการเมืองบางอย่าง แกมีความคมอยู่บ้าง

ที่คุยกันตอนนี้กำลังหลงประเด็นกันครับ
หลงตรงที่คิดว่าพระที่มาจับสึกนั้น จับสึกเพราะอาบัติปาราชิก อันนี้ไม่ใช่ เข้าใจผิดแล้ว อาบัติปาราชิกไม่ต้องจับสึกครับเพราะขาดจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ ต่อให้ไม่สึกก็เป็นผ้าเหลืองห่มตอ (แต่ก็ยังสามารถปฏิบัติจนบรรลุธรรมในขั้นต้นๆได้นะ ถ้ากลับตัวกลับใจ)

แต่การจับสึกแบบที่พระท่านกระทำต่อกันอยู่ตอนนี้ เป็นการบอกให้สึกเพราะคณะสงฆ์เห็นว่าท่านไม่เข้ากับหมู่พวก ทำให้โลกติเตียน และอาจส่งผลต่อความเสื่อมศรัทธาของศานิกชน คณะสงฆ์ท่านจะสวดเตือนสามครั้ง (ผมจำชื่อการสวดไม่ได้) ถ้ายังไม่ยอมฟังคณะสงฆ์สามารถจับสึกได้เพราะเป็นพระต้องมีสังกัดคือคณะสงฆ์ แต่การจับสึกในกรณีอย่างนี้ พระที่โดนจับสึกสามารถบวชใหม่ได้ถ้าพระอุปปัชฌาย์ยอมให้บวช

ปล. ผมไม่มีความเห็นเรื่องอาจารย์เกษมนะเพราะภูมิธรรมผมไม่ถึง แต่ที่บอกว่าจับสึกเพราะอาบัตินี่หลงประเด็นครับ
User avatar
klser
 
Posts: 171
Joined: Tue Oct 14, 2008 6:18 pm

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby เช neverdie » Thu Oct 06, 2011 9:40 pm

sleepless wrote:
เช neverdie wrote:
อย่าเพิ่งหลงประเด็นครับ จะกราบใหว้หรือไม่กราบใหว้พระพุทธรูปหรือการทำพิธีกรรมต่างๆตามศาสนาอย่างที่ยึดถือกันมา ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า บริจาคทาน รักษาศีลให้ถึงพร้อมหรือยัง เพราะถ้ายังกราบใหว้พระพุทธรูปเช้าค่ำ แต่ไม่รักษาปัญจะศีลให้บริสุทธิ ยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ยิงนกตกปลาเพื่อความสนุกสนาน เบียดเบียนชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นอยู่เสมอๆ ยังลักโขมยคดโกงอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตนอยู่เนืองๆ ยังผิดลูกผิดเมียชาวบ้านเขาอยู่เป็นประจำ ยังโป้ปดมดเท็จ พูดส่อเสียดใส่ร้ายกันอยู่เรื่อยๆ ยังตั้งวงก๊งเหล้าทุกเช้าเย็น ต่อให้กราบใหว้พระพุทธรูปเช้าเย็นเป็นประจำ ชีวิตก็ไม่มีทางหลีกพ้นจากความทุกข์ ความเดือดเนื้อร้อนใจไปได้เลย

;) ;) ;) ;)


ศึลของคุณ เช กับศีลของผมอาจจะไม่เหมือนกัน :)
ผมไม่ทราบว่าศีลของคุณ เช เป็นอย่างไร
แต่ศีลของผมคือ "ใจสงบ" ไม่สั่นไหว
การรักษาศีลคือการรักษาใจให้สงบ
การกราบพระพุทธรูป ระลึกถึงพระรัตนตรัย ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ใจสงบได้

งั้นผมถามกลับด้วยการใช้ตรรกะแบบโลกๆ เรานี่แหล่ะว่า การเลิกกราบไหว้พระพุทธรูปอย่างที่พระเกษมสอน แต่ไม่รักษาศีล (ตามคำนิยามของคุณเชก็ได้) แล้วมันจะช่วยให้พ้นจากความทุกข์ ความเดือดเนื้อร้อนใจได้อย่างไร?


หลงประเด็นแล้วครับ เอาสั้นๆนะครับ ในความหมายของผม ....

กราบพระพุทธรูปทุกวันแต่ไม่รักษาปัญจะศีลให้บริสุทธิ์ ชีวิตต้องพบกับความเดือดร้อนแน่

ไม่กราบพระพุทธรูป แต่รักษาปัญจะศีลได้บริสุทธิบริบูรณ์ ชีวิตจะไม่พบกับความเดือดร้อนเลย

ทีนี้ลองแย้งมาครับ
ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่พี่ๆเสื้อแดงใบ้แดรก เถียงไม่ออกซักคน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องกองทุนน้ำมัน
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องภาษี
คลิ้กเบาๆตรงนี้ --->> เรื่องตลาดทุน
User avatar
เช neverdie
 
Posts: 2632
Joined: Wed Jul 13, 2011 9:39 am

Re: ส.ศิวลักษณ์ ป้องพระเกษม

Postby sleepless » Thu Oct 06, 2011 9:41 pm

ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพนะ

เมื่อเราต้องข้ามฝั่ง เราไม่สามารถก้าวทีเดียวถึงอีกฝั่งหนึ่งได้
เราจำเป็นต้องมีเรือ

เรือสำหรับบางคนเป็นเรือยาง บางคนเป็นเรือไม้ บางคนเป็นเรือหางยาว

พอไปถึงฝั่ง เราก็ทิ้งเรือนั้นไปได้ หากเรายังแบกเรืออยู่ เราก็ขึ้นฝั่งไม่ได้

เราทิ้่งทั้งพระพุทธรูป ทิ้งแม้กระทั้งธรรม

แต่ที่พระเกษมสอนนั้น ท่านบอกให้เราทิ้งเรือเอาไว้ตั้งแต่อยู่ฝั่งนี้เลย

แล้วให้คนข้ามฝั่งไป โดยการเกาะก้่อนขี้หมาไป

คุณเห็นภาพหรือยังว่ามันเพี้ยนขนาดไหน
:D
User avatar
sleepless
 
Posts: 605
Joined: Mon Oct 13, 2008 7:22 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron