ผมพูดตอนไหนครับว่า "จะไปเยียวยาเรื่องนี้ทำไม ก็ทำเป็นลืม ๆ หรือ ก็คิดว่าสมน้ำหน้า เป็นคนจน คนอินเดียนแดงเอง ทำไม" มิทราบครับ ผมเน้นเรื่องความเท่าเทียมในสิทธิไม่ใช่หรือครับ แม้จะเยียวยาแต่คนผิวขาวก็ยังสงวนสิทธิ์บางอย่างอยู่ดี แล้วจะเรียกว่าเท่าเทียมได้ไงครับบก.ลายจุด wrote:อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องอภิสิทธิ์ชน แต่นี่คือการเยียวยา จากการที่คนรุ่นก่อนไปกดขี่ และละเมิดหลักการ คนไม่เท่ากับคน
คนอเมริกันชนยุคหลัง เขาคิดว่า คนไม่เท่ากับคน อย่างที่พวกคุณพูดมา จะไปเยียวยาเรื่องนี้ทำไม ก็ทำเป็นลืม ๆ หรือ ก็คิดว่าสมน้ำหน้า เป็นคนจน คนอินเดียนแดงเอง ทำไมล่ะ
Caocao wrote:คนที่รวบรวมประเทศ ปกป้องรักษาประเทศ ควรเท่าเทียมกับคนที่แค่อาศัยในประเทศไหม หากประสิทธฺภาพต่างกัน
ทำไมอินเดียนแดงต้องรอรัฐบาลอเมริกาหยิบยื่นโอกาส ทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้าของประเทศ ส่วนรัฐบาลเป็นผู้รุกราน ไม่ใช่เพราะประสิทธิเรื่องกำลังอาวุธหรอกหรือ
Solidus wrote:แบบไม่พอใจผู้นำประเทศไหน ก็นำกำลังไปยึดประเทศนั้นแม้ว่าผู้นำประเทศนั้นจะมาจากการเลือกตั้งก็ตาม โดยใช้ข้ออ้างว่ามีอาวุธร้ายแรงซ่อนอยู่ จนป่านนี้ยังหาไม่เจอCherub Rock wrote:Solidus wrote:ผมว่าคงต้องกำหนดเรื่อง "สิทธิขั้นพื้นฐาน" ตามหลัก "สากล" ก่อนกระมังครับ อะไรคือสากล ปรพเทศที่ตัดสินโดยใช้จารีตประเพณีของประเทศนั้นจัดเป็นสากลหรือไม่ ชาวอะบอริจินของออสเตรเลีย หรือชาวอินเดียแดงของสหรัฐอเมริกา มีสิทธิพื้นฐานเท่าคนผิวขาวหรือไม่ และเป็นสากลหรือไม่![]()
ผมว่าระดับ "สากล" เค้าไม่ใช้ประชาธิปไตยกันนะครับ
เค้าใช้ นิวเคลียร์ ไม่ก็ เรือรบ ขีปนาวุธ คุยกัน ไม่ค่อยมีหลักการประเภท 1 เสียงเท่ากัน อะไรเทือกนั้นหรอก
ไม่เชื่อไปถามอเมริกา หรือพวกคณะมนตรีความมั่นคง(คมช. ของ UN) ดู
![]()
![]()
แต่ปัญหาจริง ๆ คือผู้ออกกฎหมายมักออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อพวกพ้องของตน เมื่อใช้หลักประชาธิปไตย (บวกอำนาจ) ใครพวกมากก็จะได้กฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อตนมาก และเรื่องสิทธิพื้นฐานเท่าเทียม แม้ประเทศเดียวกันแต่ต่างรัฐก็ยังมีสิทธิพื้นฐานต่างกันตามที่กฎหมายรัฐนั้น ๆ กำหนด หรือคนที่มีเลขประกันสังคมกับไม่มีเลขประกันสังคมสิทธิพื้นฐานก็ต่างกันแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นพลเมืองเหมือนกันCryfreedom wrote:การเหยียดผิว การดูถูก ไม่เกี่ยวกับเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นเรื่องความชอบไม่ชอบ ซึ่งเป็นเรื่องของปัจเจกชน
สังคมอเมริกาเคยมีปัญหานี้อย่างมาก แต่ก็ได้มีความพยายามต่อสู้เรื่องนี้มาตลอดโดยการอ้างสิทธิความเป็นมนุษย์เหมือนๆกัน
ในการต่อสู้ แม้ว่าเรื่องการเหยียดผิวจะยังไม่หมดไป แต่ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้ลดลงไปมาก จากการต่อสู้ของคนผิวดำ
.
.
.
คำว่าสิทธิพื้นฐานเท่าเทียมกันคืออะไร
ในกลุ่มชนของเค้า ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ทุกคนจะได้รับการคุ้มครองและใช้สิทธิตามกฏหมายโดยเท่ากัน
เช่น สมมุติ ถ้าเราจับคนอเมริกันมายืนอยู่ด้วยกันทั้งหมดโดยยังไม่มีใครดำรงตำแหน่งอะไร
ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันนั้น ทุกคนจะได้สิทธิที่เท่าเทียมกัน ได้รับการปฏิบัติตามกฏหมายเท่าเทียมกัน
จะไม่สามารถเขียนกฎหมายให้ใครเป็นอภิสิทธิ์ชนได้ ไม่สามารถเขียนกฏหมายเหยียดผิวได้ เพราะทุกคนคือคนเหมือนกัน
ต่อเมื่อมีการเลือกตั้ง มีการจัดสรรตำแหน่งแล้ว สิทธิพิเศษอื่นๆ จึงมีตามมาภายหลัง เพื่อใช้ในการปกครอง
และเพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ ซึ่งไม่ใช่สิทธิขั้นพื้นฐานแต่อย่างใด เป็นสิทธิทางการเมืองเท่านั้น เมื่ออำนาจหมดลง
คุณก็ต้องกลับมาใช้สิทธิขั้นพื้นฐานเฉกเช่นบุคคลทั่วๆไปทุกคน
บก.ลายจุด wrote:ถึงคุณ jerasak และผู้ร่วมสนทนา
ผมไม่คิดว่า พื้นที่ที่ผมเหยียบอยู่ ณ ขณะนี้ คือ อากาศธาตุ หรือ ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ
ผมมั่นใจว่า ผมยืนอยู่บนแผ่นดินอันเป็นปัจจุบันขณะ ส่วนพวกท่านทั้งหลาย อยู่บนเรือโบราณที่กำลังไหลออกทะเลไปกับอาระยะธรรมเก่าแก่
บนโลกที่เป็นสากล แทบไม่มีใครกล้าเอ่ยคำว่า "คนไม่เท่ากับคน"
โลกที่คุณยืนอยู่นั้น คือโลกเก่า
แต่โลกใหม่ของผมกำลังกำจัดความคิดของคนโลกเก่า ที่บอกว่า "คนไม่เท่ากับคน"
เพราะแท้จริงนั้น "คนเท่ากับคนแน่แท้" เพียงแต่ระบบคิดของคนรุ่นเก่า ทำให้คนนั้นแตกต่างกัน
แล้วช่องว่างที่เป็นชนชั้นก็แคบลงทุกวัน เมื่ออารยธรรมใหม่เกิดขึ้น ทดแทนอาระยะธรรมเก่าแก่ที่กดขี่ แบ่งชนชั้น ลดทอนความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่าย
...
คุณ jerasak ครับ คุณกับผมล้วนมีความเป็นคนเท่ากัน
แต่คุณค่าของเรานั้น คือการยอมรับความเท่าเทียมกันของความเป็นคน หาใช่การยกความเป็นคนของตนให้สูงกว่าผุ้ใด หรือ แม้แต่การก้มหัวให้กับคนอื่น
ผมยืนอยู่บนแผ่นดินแล้ว ส่วนเรือโบราณที่คุณยืนอยู่กำลังลอยไปกับมหาสมุทร
Cryfreedom wrote:ท่านจีครับ ที่ท่านยกมานั้นมันเป็นการแย้งเรื่องระบบและวิธีการได้มาของ ปธน.
แต่สิทธิพื้นฐานของประชาชนเค้าเท่ากันครับ คือ มีสิทธิ ลงคะแนนเท่ากัน ไม่มีใครเป็นเสียงใหญ่สุด
ประชาชนคือผู้เลือกผู้นำด้วยเสียงของตน ส่วนระบบจะคัดกรองอย่างไรนั้น มันก็เป็นธรรมต่อผู้แข่งขันทั้งสิ้น
นี่ตะหากครับคือความเท่าเทียมกัน
บก.ลายจุด wrote:หนึ่ง....กรณีการเลือกตั้งและสัดส่วนของแต่ละรัฐในสหรัฐอเมริกา ไม่เกี่ยวกับคำว่า "คนเท่ากับคน" คุณ jerasak ดูจะพยายามเอามาอธิบายโดยที่มันไม่เกี่ยวกันเลย
บก.ลายจุด wrote:Solidus wrote:นายกออสเตรเลียขอโทษชนพื้นเมืองเมื่อ 13 ก.พ. ปีที่แล้ว ไม่ใช่เดือนที่แล้ว และถึงขอโทษแล้วก็ใช่ว่าสิทธิที่เสียไปจะได้คืนบก.ลายจุด wrote:เมื่อเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรีของออสเตลียเลีย ได้กล่าวคำขอโทษต่อชนกลุ่มน้อยที่ถูกคนขาวกดขี่ในอดีต
ในสหรัฐอเมริกา อินเดียนแดงได้รับสิทธิ์พิเศษในการเป็นการดำเนินกิจการคาสิโน (คนขาวไม่มี) เพื่อเป็นการชดเชยการละเมิดสิทธิ์ต่อคนพื้นเมืองของชนชาติอเมริกันในอดีต
ครั้งหนึ่งในอาฟริกาใต้ ก็ไม่อนุญาตให้คนสีผิวมีสิทธิ์ในการเลือกตั้งเช่นกัน แต่บัดนี้ทุกอย่างก็คลี่คลาย เพราะโลกเราวันนี้กำลังไปสู่อารยะธรรมใหม่
ที่ผมเล่ามานี้ ก็เพื่อจะบอกให้คุณเห็นภาพว่า เมื่อถึงวันหนึ่ง ชนรุ่นหลังได้มองเห็นความจริงแล้วว่า แท้จริง "คนเท่ากับคน" และเขากำลังเยียวยาสิ่งนี้ในอดีต
เรื่องอินเดียนแดงทำไมไม่บอกให้หมดล่ะครับว่าสิทธิ์พิเศษในการเป็นการดำเนินกิจการคาสิโนนั้นอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ที่คนขาวจัดพื้นที่ให้ชาวอินเดียนแดงอยู่ล่ะครับ
เรื่องการขอโทษของนายกออสเตรเลีย ผมพลาดเองครับ เขากล่าวภายหลังการรับตำแหน่ง พร้อม ๆ กับการเซ็นพิธีสารเกียวโต
กรณีชาวอินเดียนแดง เขาได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลฟรี ในนิวแม็กซิโก มีเขตปกครองตนเอง เหมือนประเทศซ้อนอยู่ ผมเคยไปเยี่ยมชมสถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศโดยภาษาเขาเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกเยียวยาโดยรัฐบาลสหรัฐ เพราะเขาสำนึกผิด
Solidus wrote:แล้วทำไมมีสิทธิเฉพาะใน Indian Reservation ทำไมไม่ให้สิทธิเหมือนชาวผิวขาว ผิวดำล่ะครับ เรื่องเหยียดผิวก็ยังเห็นมีอยู่เรื่อย ๆบก.ลายจุด wrote:เรื่องการขอโทษของนายกออสเตรเลีย ผมพลาดเองครับ เขากล่าวภายหลังการรับตำแหน่ง พร้อม ๆ กับการเซ็นพิธีสารเกียวโต
กรณีชาวอินเดียนแดง เขาได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลฟรี ในนิวแม็กซิโก มีเขตปกครองตนเอง เหมือนประเทศซ้อนอยู่ ผมเคยไปเยี่ยมชมสถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศโดยภาษาเขาเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกเยียวยาโดยรัฐบาลสหรัฐ เพราะเขาสำนึกผิด![]()
![]()
บก.ลายจุด wrote:Caocao wrote:อีกซักเรื่อง ปัญหาควายๆ ทำไม่รถเบีนซ์ 1 คัน ราคาไม่เท่ากับ โตโยต้า 1 คัน ทำไมเงินเดือนทักษิณ 1 เดือน ไม่เท่าค่าแรงชาวนา 1 เดือน ตอบไม่ได้เป็นควายเอาไหม
คุยเรื่องคนดี ๆ ไปเป็นควายซะแล้ว เออ...คนเรา
โจทย์ที่คุณตั้งมานั้น มันไม่ใช่เรือ่งคน แต่เป็นเรื่องประสิทธิ์ภาพของคน และ รถยนต์นั้น ๆ
แต่ว่านายก กับ ชาวนา มีความเป็นคนเท่ากันทางกฎหมาย
แต่ไหนก็มาถึงปัญหาควาย ๆ แล้ว
ผมถามเอาสนุก ๆ นะครับ ควาย กับ โตโยต้า ต่างกันยังไง ?
jerasak wrote:โพสต์คราวก่อนคิดว่าแค่หลุดโค้งเข้ารกเข้าพง..
ไม่นึกว่า บก.ลายจุด จะหลุดเข้าอาณาจักรจินตนาการไปแล้ว
มีเห็นภาพเรือโบราณด้วย น่าสนุกดีผมเล่นด้วยแล้วกัน...![]()
jerasak wrote:บก.ลายจุด wrote:Caocao wrote:อีกซักเรื่อง ปัญหาควายๆ ทำไม่รถเบีนซ์ 1 คัน ราคาไม่เท่ากับ โตโยต้า 1 คัน ทำไมเงินเดือนทักษิณ 1 เดือน ไม่เท่าค่าแรงชาวนา 1 เดือน ตอบไม่ได้เป็นควายเอาไหม
คุยเรื่องคนดี ๆ ไปเป็นควายซะแล้ว เออ...คนเรา
โจทย์ที่คุณตั้งมานั้น มันไม่ใช่เรือ่งคน แต่เป็นเรื่องประสิทธิ์ภาพของคน และ รถยนต์นั้น ๆ
แต่ว่านายก กับ ชาวนา มีความเป็นคนเท่ากันทางกฎหมาย
แต่ไหนก็มาถึงปัญหาควาย ๆ แล้ว
ผมถามเอาสนุก ๆ นะครับ ควาย กับ โตโยต้า ต่างกันยังไง ?
มาถึงตอนนี้ผมก็อยากคุยเอาสนุกบ้างเหมือนกัน...![]()
สังเกตว่า บก.ลายจุด ระบุ "นายกกับชาวนา" มีความเป็นคนเท่ากันทางกฎหมาย
ซึ่งก็คือ "สมมุติ" อย่างหนึ่งที่อาจไม่จริงก็ได้ เพราะอาจมีกฎหมายที่ไหนสักแห่ง-
ในเวลาใดเวลาหนึ่งกำหนดให้ นายก กับ ชาวนา มีความเป็นคนไม่เท่ากัน
ถ้าเป็นอย่างนั้น นายกกับชาวนา ก็จะมีความเป็นคนไม่เท่ากันในทางกฎหมายแล้ว![]()
...
ถ้าอย่างนั้นตัดคำว่า "ทางกฎหมาย" ออกไป จะพบว่ามีปัญหาน้อยลงเยอะครับ
นายกก็เป็นคน ชาวนาก็เป็นคน ดังนั้น นายกกับชาวนาเป็นคนเหมือนกัน
เป็นอย่างนี้เพราะเรายังไม่ได้จำแนกแยกแยะความเป็นคนดังกล่าวให้ละเอียด
หากแยกแยะละเีอียด นายกอาจเป็นคนเชียงใหม่ เป็นคนผิวขาว เป็นคนพุทธ
ชาวนาอาจเป็นคนปัตตานี เป็นคนผิวดำ เป็นคนอิสลาม
ดังนั้นนายกกับชาวนาเป็นคนก็จริงแต่ดูดีๆ แล้ว เป็นคนไม่เหมือนกัน![]()
...
เนื่องจากคราวก่อนเราแยกแยะละเอียดเกินไป คราวนี้ทำแบบไม่ต้องละเอียด
มาถึงปัญหาควายๆ เปรียบเทียบ "ควาย กับ นายก"
ควายกับนายก เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนั้นควายกับนายกเป็นสัตว์เหมือนกัน
สรุปอย่างกว้างสุดๆ นอกจาก คนเท่ากับคน แล้ว... คนเท่ากับควาย อีกด้วย
- ถ้าคิดในแนวทางนี้ คน ย่อมเท่ากับ ต้นกล้วย เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน
- ถ้าคิดในแนวทางนี้ คน ย่อมเท่ากับ ก้อนหิน เพราะจับต้องได้เหมือนกัน
- ถ้าคิดในแนวทางนี้ คน ย่อมเท่ากับ สรรพสิ่ง เพราะเราจะหาเรื่องให้มันเหมือนกัน![]()
...
ทำนองเดียวกันมาึถึง "ควาย กับ โตโยต้า" ลองพิจารณาทางภาษาศาสตร์
จะพบว่า ควาย กับ โตโยต้า ต่างเป็น "คำนาม" เหมือนกัน
สรุปอย่างกว้างนอกจาก คนเท่ากับคนและควาย ... คนเท่ากับโตโยต้า อีกด้วย
...
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาทางภาษาศาสตร์คำว่า "คน" เป็นทั้งคำนามและคำกริยา
- คน เมื่อเป็นคำนามหมายถึง มนุษย์
- คน เมื่อเป็นคำกริยาหมายถึง การกวนวนเป็นวง
สรุปไปเรื่อยเปื่อยจะได้ว่าบางครั้ง "คนเท่ากับคน" แต่บางครั้ง "คนไม่เท่ากับคน" !!!![]()
...
ที่ผมเล่นอะไรให้ดูนี้ หวังว่า บก.ลายจุด จะหลุดจากกับดักจินตนาการ
เรื่องบางเรื่องคือความจริง แต่บางเรื่องคือสมมุติ แยกมันให้ออกครับ?
Cryfreedom wrote:ขออภัยท่าน Argus
กระทู้นี้มีประเด็นแอบแฝงหลายอย่างที่น่าสนใจ
ตีกระทบพาดพิงไปถึง ม.112 และสถาบัน
ซึ่งผมเห็นว่า เรายังแย้งเค้าไม่ได้เต็มปากนัก
อีกทั้งเป็นเรื่องหลักความคิด รูปแบบการปกครอง
ที่เห็นแตกต่างกัน
ฝ่ายนึงเห็นว่าควรปกครองแบบไทยๆ อีกฝ่ายอยากให้ปกครองแบบโลกตะวันตกเต็มที่
เลยต้องมานั่งมองกันว่า อะไรดี อะไรไม่ดี ข้อดีข้อด้อยคืออะไร ผลกระทบคืออะไร
จริงๆแล้วผมเองก็เห็นด้วยกับการปกครองแบบตะวันตก
แต่ถ้าว่าเห็นสมควรยกเลิก ม.112 ตอนนี้มั๊ย
ผมไม่เห็นด้วย เพราะสังคมไทยยังไม่พร้อมกับมัน
จริงๆแล้วผมเองก็เห็นด้วยกับการปกครองแบบตะวันตก
แต่ถ้าว่าเห็นสมควรยกเลิก ม.112 ตอนนี้มั๊ย
ผมไม่เห็นด้วย เพราะสังคมไทยยังไม่พร้อมกับมัน
บก.ลายจุด wrote:ถึงคุณ jerasak
การจะดูว่าความคิดชนิดใด เป็นความคิดที่ได้รับการยอมรับและเป็นสากลกว่ากัน
ผมอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ชื่อว่า "เท่าเทียม" จริงหรือไม่นั้น ให้คุณมองออกไปให้กว้างขึ้น ในรอบ 100 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโลก ความเท่าเทียมเป็นสิ่งสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับมนุษย์ ผมแปลกใจที่คุณมองเห็นเพียงแค่ผมกับ อ.สมศักดิ์ ไม่กี่คน แต่ในขณะที่โลกนี้ ความเท่าเทียมเป็นอาวุธของสามัญชนที่ใช้เป็นเครื่องมือในการคุ้มครองตนเองและเป็นโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน
หากคุณมองออกไปจากประเทศนี้ คุณจะเห็น ได้ยิน คำว่า เสมอภาค เต็มไปหมด มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ชนชั้นนำของพวกเขาประกาศขอให้ประชาชนอยู่ในคำสั่งของพวกเขาอย่างเคร่งครัด และห้ามปริปากในการวิจารณ์ผู้นำทางการเมืองเหล่านั้น อย่าง พม่า เกาหลีเหนือ
ผมเป็น NGOs มา 21 ปี เติบโตมาจากฐานความคิดเช่นนี้ ไม่ว่ากระทู้นี้จบลงอย่างไร ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรากฐานทางความคิด เรื่อง คนเท่ากับคนได้
แน่นอนว่า ผมย่อมมองเห็นความเหลื่อมล้ำต่ำสูงของสังคม แต่ผมไม่ได้คิดว่า ความเหลื่อมล้ำนั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือ เคราะห์กรรมในอดีตชาติของคนเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้อธิบายได้ทางสังคมว่าเกิดจากอะไร และ เราจะปลดปล่อยความเหลื่อมล้ำนั้นอย่างไร
ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน ป้ายที่เขาเขียนเพื่อชูคำขวัญ หรือ การรณรงค์ เขาชูคำว่า เสรีภาพ เสมอภาพ
แล้วคุณชูป้ายว่าอะไรครับ ?
บก.ลายจุด wrote:ถึงคุณ jerasak
การจะดูว่าความคิดชนิดใด เป็นความคิดที่ได้รับการยอมรับและเป็นสากลกว่ากัน
ผมอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ชื่อว่า "เท่าเทียม" จริงหรือไม่นั้น ให้คุณมองออกไปให้กว้างขึ้น ในรอบ 100 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโลก ความเท่าเทียมเป็นสิ่งสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับมนุษย์ ผมแปลกใจที่คุณมองเห็นเพียงแค่ผมกับ อ.สมศักดิ์ ไม่กี่คน แต่ในขณะที่โลกนี้ ความเท่าเทียมเป็นอาวุธของสามัญชนที่ใช้เป็นเครื่องมือในการคุ้มครองตนเองและเป็นโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน
หากคุณมองออกไปจากประเทศนี้ คุณจะเห็น ได้ยิน คำว่า เสมอภาค เต็มไปหมด มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ชนชั้นนำของพวกเขาประกาศขอให้ประชาชนอยู่ในคำสั่งของพวกเขาอย่างเคร่งครัด และห้ามปริปากในการวิจารณ์ผู้นำทางการเมืองเหล่านั้น อย่าง พม่า เกาหลีเหนือ
ผมเป็น NGOs มา 21 ปี เติบโตมาจากฐานความคิดเช่นนี้ ไม่ว่ากระทู้นี้จบลงอย่างไร ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรากฐานทางความคิด เรื่อง คนเท่ากับคนได้
แน่นอนว่า ผมย่อมมองเห็นความเหลื่อมล้ำต่ำสูงของสังคม แต่ผมไม่ได้คิดว่า ความเหลื่อมล้ำนั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือ เคราะห์กรรมในอดีตชาติของคนเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้อธิบายได้ทางสังคมว่าเกิดจากอะไร และ เราจะปลดปล่อยความเหลื่อมล้ำนั้นอย่างไร
ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน ป้ายที่เขาเขียนเพื่อชูคำขวัญ หรือ การรณรงค์ เขาชูคำว่า เสรีภาพ เสมอภาพ
แล้วคุณชูป้ายว่าอะไรครับ ?
Economists typically consider a nation’s Gini Index is “fair” when it’s between 25 and 40. Today, the Gini Index of the United States is about 47.
The Gini Coefficient for the United States has risen steadily since 1967. If the current trend continues, the United States will reach a Gini Coefficient of 0.546 in about 37-years, or 2043. This coefficient is equal to the one Mexico had in year 2000. Mexico is not known for having a large prosperous middle class.
http://blog.sustainablemiddleclass.com/?page_id=162
บก.ลายจุด wrote:ถึงคุณ jerasak
การจะดูว่าความคิดชนิดใด เป็นความคิดที่ได้รับการยอมรับและเป็นสากลกว่ากัน
ผมอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ชื่อว่า "เท่าเทียม" จริงหรือไม่นั้น ให้คุณมองออกไปให้กว้างขึ้น ในรอบ 100 ปีของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโลก ความเท่าเทียมเป็นสิ่งสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับมนุษย์ ผมแปลกใจที่คุณมองเห็นเพียงแค่ผมกับ อ.สมศักดิ์ ไม่กี่คน แต่ในขณะที่โลกนี้ ความเท่าเทียมเป็นอาวุธของสามัญชนที่ใช้เป็นเครื่องมือในการคุ้มครองตนเองและเป็นโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน
หากคุณมองออกไปจากประเทศนี้ คุณจะเห็น ได้ยิน คำว่า เสมอภาค เต็มไปหมด มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ชนชั้นนำของพวกเขาประกาศขอให้ประชาชนอยู่ในคำสั่งของพวกเขาอย่างเคร่งครัด และห้ามปริปากในการวิจารณ์ผู้นำทางการเมืองเหล่านั้น อย่าง พม่า เกาหลีเหนือ
ผมเป็น NGOs มา 21 ปี เติบโตมาจากฐานความคิดเช่นนี้ ไม่ว่ากระทู้นี้จบลงอย่างไร ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรากฐานทางความคิด เรื่อง คนเท่ากับคนได้
แน่นอนว่า ผมย่อมมองเห็นความเหลื่อมล้ำต่ำสูงของสังคม แต่ผมไม่ได้คิดว่า ความเหลื่อมล้ำนั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือ เคราะห์กรรมในอดีตชาติของคนเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้อธิบายได้ทางสังคมว่าเกิดจากอะไร และ เราจะปลดปล่อยความเหลื่อมล้ำนั้นอย่างไร
ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน ป้ายที่เขาเขียนเพื่อชูคำขวัญ หรือ การรณรงค์ เขาชูคำว่า เสรีภาพ เสมอภาพ
แล้วคุณชูป้ายว่าอะไรครับ ?