กรณีแก๊สน้ำตาของอเมริกาหรือสเปนนะต้องเห็นวิธีที่พุ่งมาอยู่แล้วเพราะเป้นแบบค่อย ๆ ปล่อยควัน แต่ถ้าของจีนนี่ตกแล้วค่อยระเบิดครับ บางลูกก็ใช่ว่าจะมีแก๊สน้ำตาออกมาเพราะเสื่อมคุณภาพแล้วsavor wrote:ขอบคุณ คุณ Jerasak สำหรับความช่างสังเกตดีๆครับ![]()
มาที่เรื่องคุณตี๋กันต่อครับ...![]()
คำว่า หย่อนระเบิด กับ แก๊สน้ำตา ผมว่าต่างกันชัดเจนครับ
ถ้ามีการยิงแก๊สน้ำตา คนถูกยิงต้องบอกแล้วครับว่าถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตา ต้องเห็นวิถีที่กระสุนพุ่งมา ต้องมีอาการแสบตาแน่นอน แต่นี่จากคำให้สัมภาษณ์ก็เห็นให้ชัดเจนว่าคุณตี๋ไม่สื่อถึงเลยนะครับ...
แล้วดูที่ข้างผนังด้านขวาของคุณตี๋นะครับ จะเห็นได้ว่ามีเขม่าสีดำแบบชัดเจนมากๆ มาจากไหนกันครับเขม่านี่ ไม่คิดว่าจะใช่เขม่าจากแก๊สน้ำตานะครับ ? ( แล้วจะเห็นอีกว่าหลอดไฟแตกไปหลายดวงเลย )
แล้วมาดูที่อาการบาดเจ็บของคุณตี๋ จะเห็นได้ว่าบาดเจ็บรุนแรงมากที่มือขวา ส่วนที่อื่นน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด สรุปแล้วมันระเบิดตรงไหนกันแน่ครับ ?
3.3 พยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ
3.2.1 เศษคราบเขม่าวัตถุระเบิด สีดำติดอยู่บริเวณเสาและพื้นนที่เกิดเหตุชัดเจน
3.2.2 พบหลุมระเบิดกว้างประมาณ 10 ซ.ม. ลึก 3 ซ.ม.
3.2.3 มีคราบโลหิตอยู่บริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นวงกว้าง
3.4. ชนิดของสาระเบิดที่ตรวจพบ
จากการตรวจสอบทางเคมีและสังเกตจากสีและกลิ่นของเขม่าวัตถุระเบิด ในที่เกิดเหตุเชื่อว่าเป็นสารระเบิดชนิดแรงต่ำ ประเภทดินดำหรือดินเทาน้ำหมึกไม่เกิน 500 กรัม
- ดินดำหรือดินเทาเป็นวัตถุระเบิดแรงต่ำมีคุณสมบัติไวต่อความร้อน การกระทบกระแทกเสียดสี
จากพยานหลักฐานข้างต้นจึงเชื่อได้ว่าการบาดเจ็บของนายบัญชาฯ ซึ่งขาขาดไปหนึ่งข้างนั้นเกิดจากการระเบิดของระเบิดแสวงเครื่องที่ทำขึ้นเองโดยใช้ดินดำหรือดินเทาน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม บรรจุอยู่ในภาชนะที่ห่อหุ้ม แล้วเกิดการกระทบกระแทกเสียดสีอย่างรุนแรงเกิดระเบิดขึ้น จนนายบัญชาฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว กรณีนี้ระเบิดดังกล่าวจะต้องอยู่ชิดติดกับอวัยวะส่วนที่ฉีกขาดของนายบัญชาฯ และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งแก๊สน้ำตามีสารระเบิด R.D.X. เพียง 7 กรัมเท่านั้น
savor wrote:to คุณตับเหล็ก
เขาขาขาดจริงๆครับ เรื่องนี้ก็พิสูจน์กันไปแล้ว...
แต่หลักๆก็คือ ตำรวจเขามีหลักฐานมาแย้งแล้วครับ ว่าไอ้ที่ขาดน่ะ ไม่ได้มาจากแก๊สน้ำตา
ซึ่งผมอ่านดูแล้วก็ค่อนข้างชัดเจนทุกกรณีนะ ยกเว้นของคุณตี๋
ว่าไงดีครับทีนี้...
jerasak wrote:savor wrote:to คุณตับเหล็ก
เขาขาขาดจริงๆครับ เรื่องนี้ก็พิสูจน์กันไปแล้ว...
แต่หลักๆก็คือ ตำรวจเขามีหลักฐานมาแย้งแล้วครับ ว่าไอ้ที่ขาดน่ะ ไม่ได้มาจากแก๊สน้ำตา
ซึ่งผมอ่านดูแล้วก็ค่อนข้างชัดเจนทุกกรณีนะ ยกเว้นของคุณตี๋
ว่าไงดีครับทีนี้...
อย่างน้อย คุณ savor ก็หลุดพ้นจากความเท็จแล้วเรื่องหนึ่ง
หวังว่าสักวัน คุณตับเหล็ก. จะหลุดพ้นด้วยนะครับ
jerasak wrote:savor wrote:to คุณตับเหล็ก
เขาขาขาดจริงๆครับ เรื่องนี้ก็พิสูจน์กันไปแล้ว...
แต่หลักๆก็คือ ตำรวจเขามีหลักฐานมาแย้งแล้วครับ ว่าไอ้ที่ขาดน่ะ ไม่ได้มาจากแก๊สน้ำตา
ซึ่งผมอ่านดูแล้วก็ค่อนข้างชัดเจนทุกกรณีนะ ยกเว้นของคุณตี๋
ว่าไงดีครับทีนี้...
อย่างน้อย คุณ savor ก็หลุดพ้นจากความเท็จแล้วเรื่องหนึ่ง
หวังว่าสักวัน คุณตับเหล็ก. จะหลุดพ้นด้วยนะครับ
savor wrote:กรณีของคุณธัญญา ทางสถาบันนิติวิทยาฯ เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ...![]()
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 1&catid=173.3 พยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ
3.2.1 เศษคราบเขม่าวัตถุระเบิด สีดำติดอยู่บริเวณเสาและพื้นนที่เกิดเหตุชัดเจน
3.2.2 พบหลุมระเบิดกว้างประมาณ 10 ซ.ม. ลึก 3 ซ.ม.
3.2.3 มีคราบโลหิตอยู่บริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นวงกว้าง
3.4. ชนิดของสาระเบิดที่ตรวจพบ
จากการตรวจสอบทางเคมีและสังเกตจากสีและกลิ่นของเขม่าวัตถุระเบิด ในที่เกิดเหตุเชื่อว่าเป็นสารระเบิดชนิดแรงต่ำ ประเภทดินดำหรือดินเทาน้ำหมึกไม่เกิน 500 กรัม
- ดินดำหรือดินเทาเป็นวัตถุระเบิดแรงต่ำมีคุณสมบัติไวต่อความร้อน การกระทบกระแทกเสียดสี
จากพยานหลักฐานข้างต้นจึงเชื่อได้ว่าการบาดเจ็บของนายบัญชาฯ ซึ่งขาขาดไปหนึ่งข้างนั้นเกิดจากการระเบิดของระเบิดแสวงเครื่องที่ทำขึ้นเองโดยใช้ดินดำหรือดินเทาน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม บรรจุอยู่ในภาชนะที่ห่อหุ้ม แล้วเกิดการกระทบกระแทกเสียดสีอย่างรุนแรงเกิดระเบิดขึ้น จนนายบัญชาฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว กรณีนี้ระเบิดดังกล่าวจะต้องอยู่ชิดติดกับอวัยวะส่วนที่ฉีกขาดของนายบัญชาฯ และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งแก๊สน้ำตามีสารระเบิด R.D.X. เพียง 7 กรัมเท่านั้น
สำหรับคุณธัญญา ( หรือบัญชาที่ทางมติชนลงไว้ ) นั้นทางตำรวจได้ตรวจพบดินดำจากเขม่าในภาพครับ ซึ่งดินดำนั้นมีส่วนประกอบต่างจาก RDX แบบชัดเจนมากๆ จนไม่ต้องใช้ Spectrometer ตรวจสอบเลยก็ได้ อันนี้คงรู้กันแล้ว![]()
jerasak wrote:savor wrote:กรณีของคุณธัญญา ทางสถาบันนิติวิทยาฯ เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ...![]()
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 1&catid=173.3 พยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ
3.2.1 เศษคราบเขม่าวัตถุระเบิด สีดำติดอยู่บริเวณเสาและพื้นนที่เกิดเหตุชัดเจน
3.2.2 พบหลุมระเบิดกว้างประมาณ 10 ซ.ม. ลึก 3 ซ.ม.
3.2.3 มีคราบโลหิตอยู่บริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นวงกว้าง
3.4. ชนิดของสาระเบิดที่ตรวจพบ
จากการตรวจสอบทางเคมีและสังเกตจากสีและกลิ่นของเขม่าวัตถุระเบิด ในที่เกิดเหตุเชื่อว่าเป็นสารระเบิดชนิดแรงต่ำ ประเภทดินดำหรือดินเทาน้ำหมึกไม่เกิน 500 กรัม
- ดินดำหรือดินเทาเป็นวัตถุระเบิดแรงต่ำมีคุณสมบัติไวต่อความร้อน การกระทบกระแทกเสียดสี
จากพยานหลักฐานข้างต้นจึงเชื่อได้ว่าการบาดเจ็บของนายบัญชาฯ ซึ่งขาขาดไปหนึ่งข้างนั้นเกิดจากการระเบิดของระเบิดแสวงเครื่องที่ทำขึ้นเองโดยใช้ดินดำหรือดินเทาน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม บรรจุอยู่ในภาชนะที่ห่อหุ้ม แล้วเกิดการกระทบกระแทกเสียดสีอย่างรุนแรงเกิดระเบิดขึ้น จนนายบัญชาฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว กรณีนี้ระเบิดดังกล่าวจะต้องอยู่ชิดติดกับอวัยวะส่วนที่ฉีกขาดของนายบัญชาฯ และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งแก๊สน้ำตามีสารระเบิด R.D.X. เพียง 7 กรัมเท่านั้น
สำหรับคุณธัญญา ( หรือบัญชาที่ทางมติชนลงไว้ ) นั้นทางตำรวจได้ตรวจพบดินดำจากเขม่าในภาพครับ ซึ่งดินดำนั้นมีส่วนประกอบต่างจาก RDX แบบชัดเจนมากๆ จนไม่ต้องใช้ Spectrometer ตรวจสอบเลยก็ได้ อันนี้คงรู้กันแล้ว![]()
ขอบคุณสำหรับ ลิงค์ผลสรุปนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ
ที่ คุณ savor นำมาลงให้ดูนะครับ![]()
สังเกตว่าชื่อ คุณธัญญา ยังสะกดผิดทั้ง ชื่อและนามสกุล
(ผมฝากให้เพื่อนช่วยตรวจสอบทะเบียนบ้านแล้ว ยืนยันว่า
ต้องเป็น "ธัญญา กุลแก้ว" ไม่ใช่ "บัญชา บุญแก้ว")
ผมตั้งข้อสังเกตว่ารายงานของตำรวจนี้อาจทำไว้นานแล้ว
เหมือนกับผลตรวจสอบกรณีของน้องโบว์ และยังไม่มีการ
ทบทวนความถูกต้องของรายงาน![]()
...
เรื่อง หลุมระเบิด เพิ่งทราบว่ามีรายงาน เพราะที่ผมเข้าใจ
คือตำแหน่งการระเบิดจะอยู่บริเวณที่มีคราบเขม่าบนเสาปูน
ใกล้กับขาซ้ายของคุณธัญญา ถ้าจะมีหลุมระเบิดก็ควรอยู่-
ตรงรอยกระเทะของปูนที่กลางเขม่า ซึ่งเท่าที่เห็นก็ไม่ใหญ่
ถึงขนาดกว้าง 10 ซม. ลึก 3 ซม.
* หรือว่ายังมีหลุมระเบิดอื่นอยู่ที่พื้นฟุตบาทที่ผมไม่เห็น *
...
* น่าสังเกตว่าวิธีการตรวจสอบใช้การ "ดูสีและดมกลิ่น"
ซึ่งผมไ่ม่แน่ใจว่า เป็นวิธีพิสูจน์ที่มีมาตรฐานหรือไม่
เพราะจะขึ้นกับความคิดของ "ผู้ดูและผู้ดม" เป็นหลัก
ซึ่งตามปกติจะไม่นำมาอ้างอิงกัน โดยจะใช้ผลทดสอบ
จากห้องปฏิบัติการเพื่อสรุปผลการพิสูจน์วัตถุพยาน
* น่าสังเกตว่าในการสรุปผล ตำรวจมีการใช้คำ "เชื่อว่า"
ซึ่งไม่น่าจะใช้ในการสรุปผลการตรวจพิสูจน์วัตถุพยาน
เพราะจะยืนยันอะไรไม่ได้นอกจาก "ยืนยันความเชื่อ?"
ผมคงไม่อยากรู้ผลสรุปว่า ตำรวจมีความเชื่ออย่างไร
นั่นก็น่าแปลก ถ้ามีการตรวจสอบจริงก็น่าจะสรุปได้ชัดเจนเหมือน C-4 หรือ TNT แต่กลับใช้คำว่า "เชื่อว่า" กรณีนี้สามารถใช้เป็นข้อสันนิษฐานได้แต่ไม่สามารถสรุปเป็นสาเหตุได้ ทำให้สงสัยว่าได้มีการเข้าแลปเพื่อตรวจสอบจริง ๆ หรือเปล่า อีกอย่างก็คือกระสุนแก๊สน้ำตาเองก็ใช้ดินดำเป็นตัวขับเหมือนกันjerasak wrote:
ขอบคุณสำหรับ ลิงค์ผลสรุปนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ
ที่ คุณ savor นำมาลงให้ดูนะครับ![]()
สังเกตว่าชื่อ คุณธัญญา ยังสะกดผิดทั้ง ชื่อและนามสกุล
(ผมฝากให้เพื่อนช่วยตรวจสอบทะเบียนบ้านแล้ว ยืนยันว่า
ต้องเป็น "ธัญญา กุลแก้ว" ไม่ใช่ "บัญชา บุญแก้ว")
ผมตั้งข้อสังเกตว่ารายงานของตำรวจนี้อาจทำไว้นานแล้ว
เหมือนกับผลตรวจสอบกรณีของน้องโบว์ และยังไม่มีการ
ทบทวนความถูกต้องของรายงาน![]()
...
เรื่อง หลุมระเบิด เพิ่งทราบว่ามีรายงาน เพราะที่ผมเข้าใจ
คือตำแหน่งการระเบิดจะอยู่บริเวณที่มีคราบเขม่าบนเสาปูน
ใกล้กับขาซ้ายของคุณธัญญา ถ้าจะมีหลุมระเบิดก็ควรอยู่-
ตรงรอยกระเทะของปูนที่กลางเขม่า ซึ่งเท่าที่เห็นก็ไม่ใหญ่
ถึงขนาดกว้าง 10 ซม. ลึก 3 ซม.
* หรือว่ายังมีหลุมระเบิดอื่นอยู่ที่พื้นฟุตบาทที่ผมไม่เห็น *
...
* น่าสังเกตว่าวิธีการตรวจสอบใช้การ "ดูสีและดมกลิ่น"
ซึ่งผมไ่ม่แน่ใจว่า เป็นวิธีพิสูจน์ที่มีมาตรฐานหรือไม่
เพราะจะขึ้นกับความคิดของ "ผู้ดูและผู้ดม" เป็นหลัก
ซึ่งตามปกติจะไม่นำมาอ้างอิงกัน และจะใช้ผลทดสอบในห้องปฏิบัติการ
เพื่อสรุปผลการพิสูจน์วัตถุพยาน
* น่าสังเกตว่าในการสรุปผล ตำรวจมีการใช้คำ "เชื่อว่า"
ซึ่งไม่น่าจะใช้ในการสรุปผลการตรวจพิสูจน์วัตถุพยาน
เพราะจะยืนยันอะไรไม่ได้นอกจาก "ยืนยันความเชื่อ?"
ผมคงไม่อยากรู้ผลสรุปว่า ตำรวจมีความเชื่ออย่างไร
หมอพรทิพย์ชี้RDXมีทั้งในซีโฟร์และแก๊สน้ำตา ตรวจแค่เสื้อฟันธงไม่ได้
10:42 น.
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยในรายการเก็บตกจากเนชั่น ถึงกรณี พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ แถลงผลตรวจการเสียชีวิตของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ (น้องโบว์) ว่าพบสารซีโฟร์บนเสื้อและชุดชั้นในของน้องโบว์ ว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากให้มีการคาดเคลื่อน อยากจะชี้แจงว่าสารระเบิดซีโฟร์เป็นเหมือนผลิตภัณฑ์วัตถุระเบิดของทางการท หาร โดยมีองค์ประกอบย่อยคืออาร์ดีเอ๊กซ์ผสมกับสารเคมีอีกตัว ซึ่งไม่ใช่สารระเบิด โดยสารดังกล่าวเมื่อนำเข้าเครื่องตรวจอะไรก็ตามจะไม่ออกผลเป็นซีโฟร์ โดยเฉพาะเครื่องไอออน์สแกนที่สถาบันฯใช้ตรวจเหตุการณ์ระเบิดในจังหวัดชายแดน ภาคใต้มา 2 ปี หรือซีเคเมด ก็จะออกมาเป็นอาร์ดีเอ๊กซ์ องค์ประกอบอีกตัวก็จะไม่ปรากฎออกมา
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า ไม่แน่ใจว่าคนที่ออกมาให้สัมภาษณ์มีความเข้าใจได้รู้เรื่องดังกล่าวหรือ เปล่า เพราะเครื่องตรวจอะไรต้องออกมาเป็นตัวย่อยสุดคือ ไนโตรกีร์เซอร์รีน, อาร์ดีเอ็กซ์, ซีอีพีเอ็น, อ๊าคส์ หรือทีเอ็นที แต่ซีโฟร์เป็นตัวบน เพราะเป็นสารใหญ่ ซึ่งประสมกับอะไรแล้วออกเป็นซีโฟร์ที่นำมาใช้ในทางการทหาร ส่วนแก๊สน้ำตาถือเป็นสารเคมี เนื่องจากในตัวของแก๊สน้ำจะมีสารเคมี โดยแก๊สน้ำตาแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยเฉพาะแก๊สน้ำตาซึ่งได้มาจากการทดลองที่เป็นลูกขว้าง ไม่จำเป็นต้องจุดชนวน จึงไม่ต้องใช้สารระเบิด โดยจากการที่เคยทดลองแก๊สน้ำชนิดลูกขว้าง และลูกยิงที่เป็นของจีน พบว่ามีตัวจุดชนวนเพื่อให้มีแรงกระจายไกล ตัวจุดชนวนมีลักษณะเชื้อปะทุ จึงทำให้มีสารอาร์ดีเอ๊กซ์อยู่พร้อมกับแก๊สน้ำตา
ทั้งนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าสารอาร์ดีเอ็กซ์มาจากแก๊สน้ำตาหรือระเบิด พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า จากการทำงานในภาคใต้กว่า 6 ปี ส่วนใหญ่วัตถุระเบิดที่พบจะมีสารอาร์ดีเอ๊กซ์เป็นเชื้อปะทุเล็กๆ เช่นเมื่อขว้างไปและระเบิดตูมแต่ไม่มีสารอาร์ดีเอ๊กซ์ติด จะมีแต่ไนเตรท ในเหตุการณ์ที่มีการยิงแก๊สน้ำตาเป็นร้อยลูก สารอาร์ดีเอ็กซ์น่าจะมาจากแก๊สน้ำตา เรื่องของสารซีโฟร์ไม่น่าจะใช่ เพราะสารซีโฟร์ไม่มีเครื่องมือตรวจหา เนื่องจากเครื่องอะไรตรวจก็จะพบแต่สารอาร์ดีเอ๊กซ์ และสารที่นำมาผสมกับอาร์ดีเอ็กซ์เพื่อเป็นซีโฟร์นั้นเครื่องไม่สามารถตรวจหา ได้
เมื่อถามว่าจากการศพของน้องโบว์พบอะไรบ้าง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า หนึ่งพบแก๊สน้ำตา ที่เสื้อเราก็ตรวจเช่นกัน ซึ่งพบสารอาร์ดีเอ็กซ์
เมื่อถามต่อว่า ในแก๊สน้ำจะมีสารอาร์ดีเอ๊กซ์ ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า เฉพาะแก๊สน้ำตาที่เป็นของจีนที่เป็นลูกยิง และลูกขว้าง โดยการพิสูจน์เบื้องต้นเราอยากจะรู้ว่าน้องโบว์โดนอะไรบ้าง เรื่องนี้ที่ผ่านมามี นพ.วิรัช พงษ์พานิช ส.ว. และ พล.อ.ต.วิชา เสี้ยวนิ่ม เป็นผู้ตรวจพิสูจน์พลิกศพ บาดแผลที่เกิดขึ้นไม่ใช้เกิดจากวัตถุระเบิด ซึ่งจากที่สรุปผลให้คณะกรรมสอบทุกๆ ชุด น่าจะเกิดจากแก๊สน้ำตามากกว่าวัตถุระเบิด เรื่องนี้ต้องแยกแยะกันหลายชั้น เนื่องจากมีนิติวิทยาศาสตร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพื้นที่เกิดเหตุ นิติวิทยาศาสตร์ที่ตรวจศพ และนิติวิทยาศาสตร์ในห้องปฎิบัติการ จึงอยากยืนยันว่าซีโฟร์ไม่มีการตรวจในห้องปฎิบัติการ เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นมาเป็นอาร์ดีเอ๊กซ์ ซีโฟร์ไม่ใช่วัตถุที่หาได้ง่าย เพราะตัวมันจะเป็นห่อ หากนำมาใช้อย่างเหตุการณ์ระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีการลักษณะห่อ เล็กๆ
ทั้งนี้สามารถฟันธงได้หรือไม่ว่าน้องโบว์เสียชีวิตจากแก๊สน้ำตา ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ไม่ขอฟันธง แต่วันนั้นตนเองได้ประมวลและเล่าให้ฟังแล้ว ย้อนดูเทปได้ สิ่งที่จะบอกว่าเป็นคือศพ ตัวหมอที่ตรวจพิสูจน์หลายคนได้เห็นศพแล้วว่าการโดนระเบิดบาดแผลจะไม่เป็น ลักษณะอย่างนี้ ประกอบบริเวณเสื้อผ้านั้น เราพบแก๊สน้ำตา และสารอาร์ดีเอ็กซ์ ซึ่งเราก็ลองไปจำลองสถานการณ์ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาในทุกชนิด ตนเองอยากจะเตือนว่าการแถลงอะไรก็ตามก็ขอให้คิดดีๆ ว่าจะเป็นการทำลายองค์กรตัวเองหรือไม่ เพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ไปให้ข้อมูลชั้นศาลหรือให้กับ ป.ป.ช.ดีกว่า อยู่ๆออกมาแถลงข่าวอาจทำให้เสียเครดิสไปด้วย
http://breakingnews.nationchannel.com/r ... sid=365873
- จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้น จึงน่าเชื่อได้ว่า น.ส.อังคณาฯ หรือน้องโบว์ เสียชีวิตจากสาระเบิดขนาดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กรัม ในระยะชิดติดตัว และระเบิดดังกล่าวมีสะเก็ตเล็กๆ โดยสังเกตจากบาดแผลที่บริเวณตาตุ่มซ้ายและเท้าซ้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีสารระเบิด R.D.X. เพียง 7 กรัม ในแก๊สน้ำตาไม่มีสารระเบิดชนิด C4 และไม่มีสะเก็ด แต่จะเสียชีวิตจากสารระเบิดชนิดใดและของผู้ใดนั้นไม่สามารถยืนยันได้ เพราะพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุถูกทำลาย มีการเคลื่อยย้ายผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุโดยพลการ และมีการตรวจสถานที่เกิดเหตุแล้ว และไม่ได้มาตรฐานตามหลักสากล
จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้น จึงน่าเชื่อได้ว่า พ.ต.ท.เมธีฯ เสียชีวิตจากระเบิดแสวงเครื่องซึ่งทำงานโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าจากโทรทัศน์มือถือเป็นตัวจุดระเบิด และเกิดระเบิดภายในรถยนต์ดังกล่าว มิได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อย่างใด
จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้น จึงน่าเชื่อได้ว่า การบาดเจ็บของนายชิงชัย หรือตี๋ฯ น่าจะเกิดจากการกำวัตถุระเบิดอยู่ในมือจนเกิดระเบิดขึ้น จนได้รับบาดเจ็บดังที่กล่าวแล้วข้างต้น แต่ระเบิดดังกล่าวที่กำไว้ จะเป็นระเบิดชนิดใด แบบไหน ไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากขาดพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และพยานบุคคลมาประกอบการพิจารณา
- ส่วนวัตถุที่อยู่ในมือข้างซ้ายตลอดเวลานั้น ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นวัตถุระเบิดหรือสิ่งใดเนื่องจากมีหลักฐานที่ปรากฏในรูปภาพเท่านั้น
jerasak wrote:* น่าสังเกตว่าวิธีการตรวจสอบใช้การ "ดูสีและดมกลิ่น"
ซึ่งผมไ่ม่แน่ใจว่า เป็นวิธีพิสูจน์ที่มีมาตรฐานหรือไม่ ?
เพราะจะขึ้นกับความคิดของ "ผู้ดูและผู้ดม" เป็นหลัก
ซึ่งตามปกติจะไม่นำมาอ้างอิงกัน โดยจะใช้ผลทดสอบ
จากห้องปฏิบัติการเพื่อสรุปผลการพิสูจน์วัตถุพยาน
* น่าสังเกตว่าในการสรุปผล ตำรวจมีการใช้คำ "เชื่อว่า"
ซึ่งไม่น่าจะใช้ในการสรุปผลการตรวจพิสูจน์วัตถุพยาน
เพราะจะยืนยันอะไรไม่ได้นอกจาก "ยืนยันความเชื่อ?"
ผมคงไม่อยากรู้ผลสรุปว่า ตำรวจมีความเชื่ออย่างไร
ผมตั้งข้อสังเกตว่ารายงานของตำรวจนี้อาจทำไว้นานแล้ว
เหมือนกับผลตรวจสอบกรณีของน้องโบว์ และยังไม่มีการ
ทบทวนความถูกต้องของรายงาน
savor wrote:แล้วจากรูป...
สังเกตทีควันของระเบิดครับ... มีลักษณะแตกต่างจากควันจากแก๊สน้ำตามากๆ ซึ่งถ้าเป็นแก๊สน้ำตาแล้วตามมาตรฐานต้องกระจายแก๊สอย่างสม่ำเสมอกันทุกลูกครับ แล้วควันมาจากอะไรละเนี่ยครับ![]()
ทั้งนี้สามารถฟันธงได้หรือไม่ว่าน้องโบว์เสียชีวิตจากแก๊สน้ำตา ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ไม่ขอฟันธง แต่วันนั้นตนเองได้ประมวลและเล่าให้ฟังแล้ว ย้อนดูเทปได้ สิ่งที่จะบอกว่าเป็นคือศพ ตัวหมอที่ตรวจพิสูจน์หลายคนได้เห็นศพแล้วว่าการโดนระเบิดบาดแผลจะไม่เป็น ลักษณะอย่างนี้ ประกอบบริเวณเสื้อผ้านั้น เราพบแก๊สน้ำตา และสารอาร์ดีเอ็กซ์ ซึ่งเราก็ลองไปจำลองสถานการณ์ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาในทุกชนิด ตนเองอยากจะเตือนว่าการแถลงอะไรก็ตามก็ขอให้คิดดีๆ ว่าจะเป็นการทำลายองค์กรตัวเองหรือไม่ เพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ไปให้ข้อมูลชั้นศาลหรือให้กับ ป.ป.ช.ดีกว่า อยู่ๆออกมาแถลงข่าวอาจทำให้เสียเครดิสไปด้วย
savor wrote:ดูลักษณะของกลุ่มควันก่อนครับ![]()
เนื่องจากจุดประสงค์การใช้งาน ควันจากแก๊สน้ำตาจึงให้มีการกระจายตัวในแนวราบมากกว่า
กล่าวคือที่ฐานจะต้องหนาแน่น และเมื่อเวลาผ่านไปจึงค่อยจางลงเรื่อยๆ
ไม่เหมือนควันที่อยู่ติดกับเสา ซึ่งลอยตัวขึ้นสูง ช่วงบนหนาแน่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ผมคิดว่าคงไม่มีบริษัทแก๊สน้ำตาที่ไหนผลิตแก๊สที่จะลอยตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนะครับ ไม่งั้นคงยากแน่นอนที่จะมีใครหาซื้อมาใช้
เครื่องตรวจสอบไม่ได้มีแต่ Spectrometer ยังมีอย่างอื่นอีก บางอย่างก็ไม่สามารถใช้ Spectrometer ได้ ถึงจะใช้ Spectrometer บางสารก็ต้องตรวจสอบเพื่อยืนยันสารจะเครื่องอย่างอื่นอีก และที่คุณบอกว่ากลิ่นของกำมะถันในกระสุนแก๊สน้ำตาทุกชนิดอย่างแน่นอนนั้นมั่นใจหรือครับ ไม่ทราบว่ากระสุนแก๊สน้ำตาใช้อะไรเป็นตัวขับออกจากลำกล้องปืนครับ คงไม่ใช้ดินปืนแน่เพราะดินปืนมีกำมะถันอยู่ ซึ่งคุณก็บอกเองว่าไม่มีกำมะถันในกระสุนแก๊สน้ำตาทุกชนิดอย่างแน่นอนsavor wrote:
แค่สีและกลิ่นก็ชัดเจนมากๆแล้วครับ อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องถึงขนาด Spectrometer หรอก![]()
เพราะกลิ่นที่ได้คือ กลิ่นของกำมะถัน ครับ ซึ่งไม่มีอยู่ใน RDX และกระสุนแก๊สน้ำตาทุกชนิดอย่างแน่นอน
และเขม่าที่ได้จากแก๊สน้ำตาก็ไม่มีชนิดไหนให้สีดำเลย...
ส่วนที่ใช้คำว่า เชื่อว่า คิดว่าคงเป็นคำที่ใช้สำหรับรายงานขั้นต้นที่ยังไม่ได้ถึงขั้นปิดคดีมากกว่า
อย่าคิดมากครับเรื่องนี้![]()
ส่วนเรื่องที่คุณบอกว่า...ผมตั้งข้อสังเกตว่ารายงานของตำรวจนี้อาจทำไว้นานแล้ว
เหมือนกับผลตรวจสอบกรณีของน้องโบว์ และยังไม่มีการ
ทบทวนความถูกต้องของรายงาน
คงจะตอบแทนปัญหาที่ว่า ทำไมตำรวจไม่ทดสอบการยิงแก๊สน้ำตาเพื่อแย้งหมอพรทิพย์ ? ได้นะครับ
พูดถึงกรณีน้องโบว์ละกันที่ว่า "มีการเคลื่อยย้ายผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุโดยพลการ" ต้องดูก่อนว่าขณะนั้นเป้นผู้ตายหรือผู้บาดเจ้บ ถ้าใช้วิธีอ้างอย่างดีคงไม่ต้องนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้วครับ ต้องรอให้ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานมาถึงก่อน เพราะถ้าเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บแล้วเกิดตายระหว่างการส่งโรงพยาบาลหรือตายขณะรักษาจะกลาบเป็นการเคลื่อยย้ายผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุโดยพลการตับเหล็ก. wrote:http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1235659256&grpid=01&catid=17- จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้น จึงน่าเชื่อได้ว่า น.ส.อังคณาฯ หรือน้องโบว์ เสียชีวิตจากสาระเบิดขนาดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กรัม ในระยะชิดติดตัว และระเบิดดังกล่าวมีสะเก็ตเล็กๆ โดยสังเกตจากบาดแผลที่บริเวณตาตุ่มซ้ายและเท้าซ้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีสารระเบิด R.D.X. เพียง 7 กรัม ในแก๊สน้ำตาไม่มีสารระเบิดชนิด C4 และไม่มีสะเก็ด แต่จะเสียชีวิตจากสารระเบิดชนิดใดและของผู้ใดนั้นไม่สามารถยืนยันได้ เพราะพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุถูกทำลาย มีการเคลื่อยย้ายผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุโดยพลการ และมีการตรวจสถานที่เกิดเหตุแล้ว และไม่ได้มาตรฐานตามหลักสากล
คราวนี้ล่ะ ตำรวจหรือคุณหมอเทวดาจะหน้าแตกกัน
- จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้น จึงน่าเชื่อได้ว่า น.ส.อังคณาฯ หรือน้องโบว์ เสียชีวิตจากสาระเบิดขนาดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กรัม ในระยะชิดติดตัว และระเบิดดังกล่าวมีสะเก็ตเล็กๆ โดยสังเกตจากบาดแผลที่บริเวณตาตุ่มซ้ายและเท้าซ้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีสารระเบิด R.D.X. เพียง 7 กรัม ในแก๊สน้ำตาไม่มีสารระเบิดชนิด C4 และไม่มีสะเก็ด แต่จะเสียชีวิตจากสารระเบิดชนิดใดและของผู้ใดนั้นไม่สามารถยืนยันได้ เพราะพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุถูกทำลาย มีการเคลื่อยย้ายผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุโดยพลการ และมีการตรวจสถานที่เกิดเหตุแล้ว และไม่ได้มาตรฐานตามหลักสากล
savor wrote:ผมขอถามหน่อยครับ...
ไอ้ที่จับได้ตั้งมากมายคาหนังคาเขา ไอ้ที่ตกค้างในทำเนียบเป็นร้อยๆ ไอ้ที่ระเบิดในท่อตอนอภิสิทธิ์กะลังทำงาน ฯลฯ
คุณคิดว่าพันธมิตรไม่มีระเบิดในครอบครองจริงๆน่ะเหรอครับ ???![]()
ถ้าไม่มีแนวโน้ม คนเค้าก็ไม่กล่าวหาหรอกครับ ผมก็เชื่อว่าเสื้อแดงมีพวกเล่นอาวุธเช่นกัน แต่ตอนนี้มันยังไม่โดดเด่นเท่าพันธมิตรใช่มั้ยล่ะครับ