
ผมว่าภาพนี้น่าสนใจมากครับ
ไม่ใช่อะไรระเบิดอยู่ข้างหน้าอย่างที่คุณบอกนะ
แต่ในวงสีเหลือง อะไรหลุดออกมาจากมือครับ

savor wrote:ดูผลสอบของสารวัตรจ๊าบสิครับ
จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้น จึงน่าเชื่อได้ว่า พ.ต.ท.เมธีฯ เสียชีวิตจากระเบิดแสวงเครื่องซึ่งทำงานโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าจากโทรทัศน์มือถือเป็นตัวจุดระเบิด และเกิดระเบิดภายในรถยนต์ดังกล่าว มิได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อย่างใด
อันนี้คือไม่ได้สรุปอะไรเลยนะครับว่า ตกลงใครเป็นคนฆ่ากันแน่ ? ( ไม่ได้ตัดประเด็นจินตนาการของคุณที่บอกว่า " สารวัตรโดนอัดจนน่วมสลบก่อนจับมายัดใส่รถจี๊บ " ไปด้วยซ้ำ)
ตรวจสอบแค่สารเคมี และระบุว่าตายเพราะอะไรเฉยๆ มันก็ใช้ เชื่อว่า อยู่ดีครับ![]()
ผมว่าถ้าไอ้คนเขียนรายงานชุดนี้มันไม่เห็นภาพชัดๆ 100% มันก็ไม่ใช้ สรุปว่า หรอกครับ ต่อให้ 99.999999% มันก็ เชื่อว่า อยู่วันยังค่ำ![]()
อย่าคิดมากครับ
savor wrote:
ผมว่าภาพนี้น่าสนใจมากครับ
ไม่ใช่อะไรระเบิดอยู่ข้างหน้าอย่างที่คุณบอกนะ
แต่ในวงสีเหลือง อะไรหลุดออกมาจากมือครับ
ฝาปิดเลนส์หน้ากล้องครับsavor wrote:
ผมว่าภาพนี้น่าสนใจมากครับ
ไม่ใช่อะไรระเบิดอยู่ข้างหน้าอย่างที่คุณบอกนะ
แต่ในวงสีเหลือง อะไรหลุดออกมาจากมือครับ
savor wrote:jerasak wrote:เรื่องตรวจพิสูจน์กระสุนแก๊สน้ำตาจีนเป็นเรื่องค้างคาใจครับ
เพราะถ้ามั่นใจว่าได้เปรียบตำรวจก็ไม่ได้รีรอที่จะพิสูจน์
กลับกันคือรีบทำทันทีภายใน 48 ชั่วโมง แถมยังมีการ-
เชิญสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยานอีกต่างหาก![]()
ข้ออ้างอิทธิพลมืด หรือมือที่มองไม่เห็น ไม่สอดคล้องกับ
พฤติกรรมที่ผ่านมาของตำรวจเลยครับ![]()
อันนี้รู้สึกจะเข้าใจความหมายของผมผิดนะครับ![]()
ที่ผมต้องการจะสื่อคือ ก็ในเมื่อตำรวจมีผลของหลักฐาน ชั้นต้น ที่ได้จากที่เกิดเหตุมาแล้ว จะไปเสียเวลามาทดสอบเพื่อสร้างหลักฐาน ชั้นรอง ไปทำไมล่ะครับ![]()
เพราะถึงทดสอบแบบนี้ไป แล้วผลออกมาไม่รุนแรง พวกคุณก็มีข้ออ้าง critical hit 1 ในหมื่น เข้าซอกรักแร้ ทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิตอยู่ดีใช่มั้ยล่ะครับ ?![]()
แล้วที่ผมจำได้รู้สึกหมอพรทิพย์จะบ่นว่าได้ตัวอย่างทดสอบจากตำรวจ มาชนิดละ 2 ชิ้นเอง แทบไม่พอทดสอบ แถมแก๊สจากจีนตำรวจก็อ้างว่า หมดแล้วหมดเลย
แล้วอย่างนี้จะให้ตำรวจเอาแก๊สจากจีนจากที่ไหนมาทดสอบล่ะครับ![]()
แต่อย่างไรก็ดี ผมยอมรับว่าผลสอบตำรวจครั้งนี้ ไม่ละเอียด และ คลุมเครือ อยู่หลายอย่างครับ แต่อย่างไรก็ดีผมก็คิดเหมือนเดิมว่า ตำรวจคงไม่ออกมาเผยอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว
ก็คงต้องรอถึงชั้น ปปช. หรือศาล ไม่งั้นก็ต้องขอแรงเหล่าพันธมิตรที่เสียประโยชน์ช่วยจี้ตำรวจแล้วล่ะครับ
jerasak wrote:
หลักฐานจากที่เกิดเหตุถือเ็ป็นหลักฐาน ชั้นต้น ถูกต้องแล้วครับ
แต่ผลการตรวจพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการหรือการทดสอบสาธิต
ไม่ใช่หลักฐาน ชั้นรอง นะครับ เพราะไม่มีอะไรสำคัญน้อยกว่ากัน
ดูเหมือนคุณ savor เข้าใจผิดเกี่ยวกับความหมายของ "หลักฐานชั้นต้น"
ว่ามีความสำคัญที่สุด ทั้งที่ความจริง "หลักฐานชั้นต้น" อาจไม่เพียงพอ
ในการสรุปคดี และต้องอาศัยการตรวจสอบเพิ่มเติมอีกมาก
เรื่อง critical hit จะทำสอบก็ทำไปสิครับ ผมไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
จะมีก็คือตำรวจไม่ยอมทดสอบเท่านั้นเอง![]()
...
เรื่องหมอพรทิพย์บ่น คุณ savor จะนำมาเป็นหลักฐานว่ากระสุนหมด
ไม่ได้หรอกครับ ความจริงน่าจะกลับกันกลายเป็นหลักฐานว่าตำรวจ
ไม่ให้การสนับสนุนการทดสอบอย่างเต็มที่
ยิ่งไปกว่านั้นคือผมเคยผ่านตาว่าตำรวจเรียกคืนกระสุนแก๊สน้ำตาจีน
กลับมาทำลายทิ้ง เท่ากับว่าไม่ใช่ไม่มีของจะทดสอบ แต่ชิงทำลาย
จนไม่เหลือให้ใครสามารถทดสอบได้อีกแล้วต่างหาก
...
ความจริงจะอ้างเรื่องไม่มีกระสุนแก๊สน้ำตาทดสอบ ก็ไม่เกี่ยวด้วยซ้ำ
เพราะตำรวจเป็นคนกล่าวหาพันธมิตรว่าทำระเบิดปิงปองหล่น ทำให้
ผู้ชุมนุมถูกระเบิดจนบาดเจ็บพิการ จึงน่าจะพิสูจน์ได้ง่ายๆ ด้วยการ
ทดสอบระเบิดปิงปองว่าทำแขนขาขาดได้จริงไหม
เรื่องนี้พันธมิตรเป็นคนทดสอบไม่ได้เพราะจะถูกกล่าวหาว่าจงใจ
ทำระเบิดแบบอ่อนๆ มาทดสอบ ต้องให้ตำรวจหรือฝ่ายเสื้อแดง
ที่เป็นผู้กล่าวหาเป็นคนพิสูจน์ครับ
ไม่ทราบว่าจนถึงตอนนี้คุณ savor ได้ไปบอกฝ่ายคนเืสื้อแดง
ให้ลองทดสอบระเบิดปิงปองแล้วหรือยัง?
Solidus wrote:ตกลงคุณ savor หาวิธีหาวิธีตรวจสอบสารตัวอย่างจากเครื่อง spectrometer แล้วสามารถระบุอันไหนเป็น C4 อันไหนเป็น RDX ได้ยังครับ![]()
savor wrote:
ผมว่าภาพนี้น่าสนใจมากครับ
ไม่ใช่อะไรระเบิดอยู่ข้างหน้าอย่างที่คุณบอกนะ
แต่ในวงสีเหลือง อะไรหลุดออกมาจากมือครับ
gotthepower wrote:คุณ jerasak ครับ ผมขอถามนอกเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่ว่า ผู้ชุมนุม ตายเพราะไร แขนขาขาดเพราะไร นะครับ เพราะเท่าที่อ่านเหตุผลของทั้งสองฝ่าย ผมว่า ข้อมูลที่ได้รับ อาจถูกเบียดเบียนความจริงไปเยอะแล้วทั้งสองฝ่าย เรา ก็อ้างข้อมูลเฉพาะที่เข้าข้างพวกตัวเองทั้งนั้น ต่อให้ผลสรุปออกมาแล้ว ไม่ว่าฝ่ายไหนผิด ผมว่า ความจริงก็ไม่ได้ปรากฏอยู่ดี (หลักฐาน ผลตรวจ จะเชื่อได้สักเท่าไหร่) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ ตำรวจบาดเจ็บ ประเทศเสียชื่อเสียง แล้วประโยชน์จากครั้งนี้คืออะไร
ทำไมไม่มีใครถามถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องบ้างครับ ต้องยอมรับนะครับว่า ประเทศแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ไม่ว่าในสังคม ครู ตำรวจ ทหาร นักศึกษา บุคคลทั่วไป ล้วนแล้วมีทั้ง สองสีทั้งนั้น
ในกระทู้ที่ผมตั้งก่อนหน้านี้ คือ สิ่งที่ พธม. ทำผิดกฏหมายหรือไม่ ไม่ได้ถามเพื่อย้ำสิ่งใด เพราะ พธม. ทั้งหลาย ก็บอกเหตุผลในสิ่งที่ทำ เหตุผลทุกเหตุผล ก็แค่รองรับความคิดของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นจริงหรือไม่ครับ เช่น ตอนขอเปิดถนนรับเสด็จ พธม. อ้าง เปิดให้แต่ขอมีแนวรั้วอยู่ เพื่อความปลอดภัยของ พธม. ผมไม่เถียงหรอกครับเพราะเหตุผลของคุณถูกต้องครับ แล้ว คุณคิดไหมหละครับว่า มันเป็นแค่ เหตุผลของคนกลุ่มๆ หนึ่งที่ชุมนุมอยู่ (ไม่ถึง 1% ของคนไทยทั้งประเทศ) ผมไม่ได้บอกว่า ชีวิตคนไม่มีค่านะครับ พวกคุณต้องเข้าใจด้วยว่า สิ่งที่พวกคุณเรียกร้อง มันอาจมองต่างจากคนอื่นอีกมาก เช่น ทำไมไม่ปิด ถนนเส้นอื่นหละ รีบทำก่อนวันที่เขาต้องจัดถนนสิ หรือหยุดชุมนุมสัก 10 วัน แล้วมาเริ่มรวมตัวใหม่ เพื่อแสดงความจงรักภักดี หรือ อืนๆ จริงอยู่มันทำให้สิ่งที่พวกคุณสร้างมา อาจต้องเริ่มสร้างใหม่ มันไม่คุ้มค่า ดังนั้น ถ้าคนส่วนใหญ่จะมองว่า คุณไม่เปิดเส้นทาง ก็ต้องยอมรับหละครับ ว่า พวกคุณเปิดเส้นทางด้วยข้อบังคับทั้งหมดของตำรวจไม่ได้ เพราะเรื่องความปลอดภัย นั่นคือข้อเท็จจริงใช่ไหมหละครับ ทำไมต้องพูดเอาดีเข้าตัวด้วยว่า เปิดแล้ว แต่ตำรวจไม่ทำตามเอง หรือว่าตำรวจต่างๆ นาๆ ว่าหาเรื่อง ใช้เส้นทางอื่นก็ได้
ผมไม่รู้ไงถึงได้ถาม เพราะตำรวจบอกเองว่าใช้เครื่อง spectrometer ตรวจสอบสารตัวอย่างได้ผลออกมาเป็น C-4savor wrote:Solidus wrote:ตกลงคุณ savor หาวิธีหาวิธีตรวจสอบสารตัวอย่างจากเครื่อง spectrometer แล้วสามารถระบุอันไหนเป็น C4 อันไหนเป็น RDX ได้ยังครับ![]()
ผมก็ยังไม่รู้ครับ ว่าแต่คุณรู้ป่าวครับ![]()
แต่ผมก็คิดว่าถ้าเขาเจอ binding agent พร้อมทั้ง rdx อย่างนี้ก็พอกล้อมแกล้มสรุปได้ครับว่ามี c4
รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.สมภพ พุฒศรี นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 กลุ่มงานตรวจเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ได้ตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีการตรวจทางกายภาพ ตรวจทางเคมี ใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ใช้ไอออนสแกนในการตรวจหากลุ่มวัตถุระเบิดเบื้องต้น ใช้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ในการตรวจยืนยันใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปผลการตรวจ ได้ผลการตรวจออกมาว่า ตรวจพบสารเคมีที่เป็นวัตถุระเบิดชนิดซีโฟร์ติดอยู่ที่เสื้อยืดสีเหลืองและ เสื้อชั้นในสีครีมที่ส่งมาตรวจ และตรวจพบสารเคมีชนิด RDX ซึ่งเป็นสารประกอบวัตถุระเบิดติดอยู่ที่กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน
Solidus wrote:รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.สมภพ พุฒศรี นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 กลุ่มงานตรวจเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ได้ตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีการตรวจทางกายภาพ ตรวจทางเคมี ใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ใช้ไอออนสแกนในการตรวจหากลุ่มวัตถุระเบิดเบื้องต้น ใช้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ในการตรวจยืนยันใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปผลการตรวจ ได้ผลการตรวจออกมาว่า ตรวจพบสารเคมีที่เป็นวัตถุระเบิดชนิดซีโฟร์ติดอยู่ที่เสื้อยืดสีเหลืองและ เสื้อชั้นในสีครีมที่ส่งมาตรวจ และตรวจพบสารเคมีชนิด RDX ซึ่งเป็นสารประกอบวัตถุระเบิดติดอยู่ที่กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน
ก็ไอ้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ที่ว่าเนี่ย ไม่ว่าตรวจสอบ C-4 หรือ RDX มันก็ให้ผลอย่างเดียวกัน แล้วกรณีเป็น unknown ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตำรวจใช้เครื่องพวกนั้นตรวจอย่างไรถึงบอกได้ว่าเป็น C-4 หรือ RDX![]()
gotthepower wrote:ผมถามจริงๆ เถอะครับ ว่า การทำผิดกฏหมายของ พธม. มันจำเป็นจริงๆ เหรอครับ ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอครับ (เข้าใจครับว่า พธม. ใช้คำพูดว่า ต้องกดดันให้หนักขึ้น เพื่อความสำเร็จ แต่ถามจริงๆ ครับ ว่าต้องทำผิดกฏหมายเลยเหรอครับ) ด้วยระบบ กฏหมายของไทย รัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาใหม่ หรือ กติกา ของ ระบอบประชาธิปไตย ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลยเหรอครับ ถึง พยายามทำผิดกฏหมาย ไม่เคารพการตัดสินใจของคนทั้งประเทศ (จริงอยู่ คุณบอกว่า เขาโกงการเลือกตั้ง แต่เราก็ไม่อาจทราบได้ว่า โกงคะแนนเสียงทั้งหมดเท่าไหร่ ตัดพวกที่ขายเสียงแล้ว คะแนน ยังจะมากกว่า พธม. หรือ น้อยกว่า ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ไม่ใช่ ดูถูกไปซะทุกคนที่ ลงคะแนนให้ พปช. จริงไหมครับ และก็ไม่มีสิทธิ ที่จะอ้าง ว่า เป็นประชาชนทั้งประเทศ เพราะมันละเมิดสิทธิ ของคนที่เห็นต่างจาก พธม. ไม่ว่า จะมากกว่า หรือ น้อยกว่า ก็ตาม)
ฝากบอก พธม. ด้วยครับ ว่า เหตุผลที่พวกคุณ อ้างมาในการกระทำผิดกฏหมาย (เห็นด้วยกับความรักชาตินะครับ) เป็นแค่เหตุ ผลของคนกลุ่มหนึ่งในประเทศเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ (อาจส่วนใหญ่ของประเทศ หรือ ส่วนน้อยก็ได้) แล้วพวกคุณ ก็ไม่มีสิทธิทำผิดกฏหมาย ไม่มีสิทธิ ดูถูกในคะแนนเสียงของคนอื่น ที่ไม่ตรงกับคุณ ไม่มีสิทธิ ดูถูกในความคิดที่แตกต่าง (โง่บ้าง เห็นแก่เงินบ้าง พ่อเป็นทักษินบ้าง ไม่รักประเทศบ้าง เห็นแก่ตัวบ้าง ลาวบ้าง เขมรบ้าง ควายบ้าง) อย่างลืมนะครับ เสื้อเหลือง เกิดก่อน เสื้อแดง สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกฏหมาย ก่อน เสื้อแดง ดูถูกคนอื่นก่อนว่าโง่เขลา (ตอนนี้คนอื่นนั้นกลายมาเป็นเสื้อแดงเยอะมาก) ผมไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เสื้อแดงทำผิดกฏหมาย แต่ผมก็ไม่พูดว่า ผมเข้าใจว่าทำไมเสื้อแดงถึงทำ
ตกลงคุณเคยใช้เครื่อง spectrometer รึเปล่าเนี่ยถึงได้พูดมาแบบนี้ พูดมาเหมือนไม่เคยใช้เครื่อง spectrometer เลยนะครับ บอกมาเลยครับว่าเคยหรือไม่เคย และไปดูกราฟให้ดีครับ เขาดูว่าเป็นสารตัวไหนจากตำแหน่งที่กราฟมีสูงขึ้นมา ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสารนั้น และผมก็บอกไปแล้วว่าต่อให้เป็นอันเดียวกันแต่วัดต่างครั้งยังให้ผลไม่เท่ากันเลย ขนาดสารมาตรฐานยังต้องวัดหลายครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ยเลย แต่รูปแบบของกราฟเป็นอย่างเดียวกัน ไปดูเลยว่ามันขึ้นตำแหน่งเดียวกันหรือไม่ นี่ขนาดเป็นสารบริสุทธิ์ยังไม่ได้ปนเปื้อนนะครับ แต่กรณีที่ตำรวจตรวจนั้นมีการปนเปื้อนแล้วครับ ฉะนั้นไม่มีทางได้เป็น RDX เพียว ๆsavor wrote:Solidus wrote:รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.สมภพ พุฒศรี นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 กลุ่มงานตรวจเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ได้ตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีการตรวจทางกายภาพ ตรวจทางเคมี ใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ใช้ไอออนสแกนในการตรวจหากลุ่มวัตถุระเบิดเบื้องต้น ใช้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ในการตรวจยืนยันใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปผลการตรวจ ได้ผลการตรวจออกมาว่า ตรวจพบสารเคมีที่เป็นวัตถุระเบิดชนิดซีโฟร์ติดอยู่ที่เสื้อยืดสีเหลืองและ เสื้อชั้นในสีครีมที่ส่งมาตรวจ และตรวจพบสารเคมีชนิด RDX ซึ่งเป็นสารประกอบวัตถุระเบิดติดอยู่ที่กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน
ก็ไอ้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ที่ว่าเนี่ย ไม่ว่าตรวจสอบ C-4 หรือ RDX มันก็ให้ผลอย่างเดียวกัน แล้วกรณีเป็น unknown ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตำรวจใช้เครื่องพวกนั้นตรวจอย่างไรถึงบอกได้ว่าเป็น C-4 หรือ RDX![]()
มันจะให้ผลอย่างเดียวกันได้ไงล่ะครับ คุณก็เป็นคนเอากราฟ spectrum มาลงเองนี่![]()
ถ้าเอากราฟ spectrum ของ rdx มาเทียบก็ต้องบอกได้อยู่แล้วครับ อันไหนเป็น rdx เพียวๆ อันไหนเป็นสารผสมของ rdx
ทีนี้ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของตัวอย่าง แล้วก็มีคำถามว่า " ตำรวจรู้ได้ไงว่าเป็น c4 เพราะ c4 มันเป็นสารผสม ดังนั้นอัตราส่วนของแต่ละสารมันย่อมไม่เท่ากันขึ้นกับคนผสม ไปเจอ peak ตรงไหนถึงคิดว่าเป็น c4 "
อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ และคิดว่าชาวพันธมิตรจะช่วยแก้ข้อข้องใจนี้ได้
Solidus wrote:ตกลงคุณเคยใช้เครื่อง spectrometer รึเปล่าเนี่ยถึงได้พูดมาแบบนี้ พูดมาเหมือนไม่เคยใช้เครื่อง spectrometer เลยนะครับ บอกมาเลยครับว่าเคยหรือไม่เคย และไปดูกราฟให้ดีครับ เขาดูว่าเป็นสารตัวไหนจากตำแหน่งที่กราฟมีสูงขึ้นมา ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสารนั้น และผมก็บอกไปแล้วว่าต่อให้เป็นอันเดียวกันแต่วัดต่างครั้งยังให้ผลไม่เท่ากันเลย ขนาดสารมาตรฐานยังต้องวัดหลายครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ยเลย แต่รูปแบบของกราฟเป็นอย่างเดียวกัน ไปดูเลยว่ามันขึ้นตำแหน่งเดียวกันหรือไม่ นี่ขนาดเป็นสารบริสุทธิ์ยังไม่ได้ปนเปื้อนนะครับ แต่กรณีที่ตำรวจตรวจนั้นมีการปนเปื้อนแล้วครับ ฉะนั้นไม่มีทางได้เป็น RDX เพียว ๆsavor wrote:Solidus wrote:รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.สมภพ พุฒศรี นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 กลุ่มงานตรวจเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ได้ตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีการตรวจทางกายภาพ ตรวจทางเคมี ใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ใช้ไอออนสแกนในการตรวจหากลุ่มวัตถุระเบิดเบื้องต้น ใช้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ในการตรวจยืนยันใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปผลการตรวจ ได้ผลการตรวจออกมาว่า ตรวจพบสารเคมีที่เป็นวัตถุระเบิดชนิดซีโฟร์ติดอยู่ที่เสื้อยืดสีเหลืองและ เสื้อชั้นในสีครีมที่ส่งมาตรวจ และตรวจพบสารเคมีชนิด RDX ซึ่งเป็นสารประกอบวัตถุระเบิดติดอยู่ที่กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน
ก็ไอ้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ที่ว่าเนี่ย ไม่ว่าตรวจสอบ C-4 หรือ RDX มันก็ให้ผลอย่างเดียวกัน แล้วกรณีเป็น unknown ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตำรวจใช้เครื่องพวกนั้นตรวจอย่างไรถึงบอกได้ว่าเป็น C-4 หรือ RDX![]()
มันจะให้ผลอย่างเดียวกันได้ไงล่ะครับ คุณก็เป็นคนเอากราฟ spectrum มาลงเองนี่![]()
ถ้าเอากราฟ spectrum ของ rdx มาเทียบก็ต้องบอกได้อยู่แล้วครับ อันไหนเป็น rdx เพียวๆ อันไหนเป็นสารผสมของ rdx
ทีนี้ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของตัวอย่าง แล้วก็มีคำถามว่า " ตำรวจรู้ได้ไงว่าเป็น c4 เพราะ c4 มันเป็นสารผสม ดังนั้นอัตราส่วนของแต่ละสารมันย่อมไม่เท่ากันขึ้นกับคนผสม ไปเจอ peak ตรงไหนถึงคิดว่าเป็น c4 "
อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ และคิดว่าชาวพันธมิตรจะช่วยแก้ข้อข้องใจนี้ได้
Solidus wrote:แล้ววัตถุทรงกลมที่ว่ามีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีเขียนในรายงานการตรวจพิสูจน์savor wrote:ไม่มีใครบอกได้นอกจากเจ้าหน้าที่นะครับ ว่าไอ้วัตถุทรงกลมเนี่ย มันขนาดเท่าไหร่ อาจจะแค่ 1 มม. ก็ได้ ซึ่งขนาดประมาณนี้อาจติดอยู่กับเสื้อในตลอดเวลาเลยก็ได้
แล้วถ้าเกิดไอ้ก้อนเล็กๆทรงกลมเนี่ยมันพบทั้ง rdx และ binding agent ล่ะครับ...![]()
ปล. อย่างไรก็ดี ตามที่ผมเคยบอก ผลสอบมันออกมาไม่ค่อยละเอียด คงต้องยืมแรงชาวพันธมิตรแล้วล่ะครับ![]()
กรณี rdx กับ c4 นั้นไม่เคยครับ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นนั้นเคยครับ ซึ่งต้องมีสารมาตรฐานไว้ใช้เปรียบเทียบเหมือนกัน กรณี RDX 100% นั้นถือว่าเป็นสารมาตรฐาน (standard) ครับ C-4 จัดเป็นสารตัวอย่าง (unknown) และถ้า RDX มันไปปนสารอื่นมันก็ไม่ใช่สารมาตรฐานแล้วครับ แล้ววัดมันก็ไม่ต่างจากพวกสารตัวอย่างอยุ่ดี แล้วอีกอย่างหนึ่งเครื่องวัดเชิงปริมาณ ใครเขาวัดแค่ครั้งเดียวครับsavor wrote:Solidus wrote:ตกลงคุณเคยใช้เครื่อง spectrometer รึเปล่าเนี่ยถึงได้พูดมาแบบนี้ พูดมาเหมือนไม่เคยใช้เครื่อง spectrometer เลยนะครับ บอกมาเลยครับว่าเคยหรือไม่เคย และไปดูกราฟให้ดีครับ เขาดูว่าเป็นสารตัวไหนจากตำแหน่งที่กราฟมีสูงขึ้นมา ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสารนั้น และผมก็บอกไปแล้วว่าต่อให้เป็นอันเดียวกันแต่วัดต่างครั้งยังให้ผลไม่เท่ากันเลย ขนาดสารมาตรฐานยังต้องวัดหลายครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ยเลย แต่รูปแบบของกราฟเป็นอย่างเดียวกัน ไปดูเลยว่ามันขึ้นตำแหน่งเดียวกันหรือไม่ นี่ขนาดเป็นสารบริสุทธิ์ยังไม่ได้ปนเปื้อนนะครับ แต่กรณีที่ตำรวจตรวจนั้นมีการปนเปื้อนแล้วครับ ฉะนั้นไม่มีทางได้เป็น RDX เพียว ๆsavor wrote:Solidus wrote:รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.สมภพ พุฒศรี นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 กลุ่มงานตรวจเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ได้ตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีการตรวจทางกายภาพ ตรวจทางเคมี ใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ใช้ไอออนสแกนในการตรวจหากลุ่มวัตถุระเบิดเบื้องต้น ใช้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ในการตรวจยืนยันใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสรุปผลการตรวจ ได้ผลการตรวจออกมาว่า ตรวจพบสารเคมีที่เป็นวัตถุระเบิดชนิดซีโฟร์ติดอยู่ที่เสื้อยืดสีเหลืองและ เสื้อชั้นในสีครีมที่ส่งมาตรวจ และตรวจพบสารเคมีชนิด RDX ซึ่งเป็นสารประกอบวัตถุระเบิดติดอยู่ที่กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน
ก็ไอ้เครื่อง FTIR, GC-MS, XRF ที่ว่าเนี่ย ไม่ว่าตรวจสอบ C-4 หรือ RDX มันก็ให้ผลอย่างเดียวกัน แล้วกรณีเป็น unknown ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตำรวจใช้เครื่องพวกนั้นตรวจอย่างไรถึงบอกได้ว่าเป็น C-4 หรือ RDX![]()
มันจะให้ผลอย่างเดียวกันได้ไงล่ะครับ คุณก็เป็นคนเอากราฟ spectrum มาลงเองนี่![]()
ถ้าเอากราฟ spectrum ของ rdx มาเทียบก็ต้องบอกได้อยู่แล้วครับ อันไหนเป็น rdx เพียวๆ อันไหนเป็นสารผสมของ rdx
ทีนี้ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของตัวอย่าง แล้วก็มีคำถามว่า " ตำรวจรู้ได้ไงว่าเป็น c4 เพราะ c4 มันเป็นสารผสม ดังนั้นอัตราส่วนของแต่ละสารมันย่อมไม่เท่ากันขึ้นกับคนผสม ไปเจอ peak ตรงไหนถึงคิดว่าเป็น c4 "
อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ และคิดว่าชาวพันธมิตรจะช่วยแก้ข้อข้องใจนี้ได้
ต้องบอกว่าไม่เคยครับ![]()
แต่ผมได้วัดงานพวก photoluminesence ครับ ซึ่งคิดว่าน่าจะมีหลักการในการแสดงผลคล้ายคลึงกัน![]()
เรื่องที่บอกว่ากราฟ spectrometer ต้องวัดหลายๆครั้งถึงจะได้ผลที่ถูกต้อง อันนี้ต้องขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ![]()
แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ตกลงคุณเคยใช้ spectrometer ในการแยก rdx กับ c4 เหรอครับ ? ถึงรู้ว่า ยังไง๊ ยังไง มันก็แยกไม่ได้น่ะ![]()
คือเท่าที่ผมเห็นกราฟ spectrum ของมันก็มี peak ย่อยที่ต่างกันชัดเจนอยู่หลายจุดนะครับ ตกลงจุดเหล่านี้ไม่สำคัญและใช้แยกแยะไม่ได้เลยใช่มั้ยครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ
ก็ไอ้เครื่องที่ว่านั้นมันไม่ได้ใช้ตรวจ binding agent นี่ครับ แล้วจะเจอได้ไงjerasak wrote:Solidus wrote:แล้ววัตถุทรงกลมที่ว่ามีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีเขียนในรายงานการตรวจพิสูจน์savor wrote:ไม่มีใครบอกได้นอกจากเจ้าหน้าที่นะครับ ว่าไอ้วัตถุทรงกลมเนี่ย มันขนาดเท่าไหร่ อาจจะแค่ 1 มม. ก็ได้ ซึ่งขนาดประมาณนี้อาจติดอยู่กับเสื้อในตลอดเวลาเลยก็ได้
แล้วถ้าเกิดไอ้ก้อนเล็กๆทรงกลมเนี่ยมันพบทั้ง rdx และ binding agent ล่ะครับ...![]()
ปล. อย่างไรก็ดี ตามที่ผมเคยบอก ผลสอบมันออกมาไม่ค่อยละเอียด คงต้องยืมแรงชาวพันธมิตรแล้วล่ะครับ![]()
ความเห็นคุณ savor น่าสนใจนะครับ ที่บอกว่าวัตถุทรงกลมอาจมีขนาดแค่ 1 มม.
ถ้าอย่างนั้นก็ไ่ม่ต้องเสียเวลาตรวจพิสูจน์แล้วครับ แถวนั้นทหารเดินกันขวักไขว่
อาจมี C4 ติดรองเท้ามาหล่นที่พื้นแถวนั้น แล้วปลิวมาติดเสื้อน้องโบว์ก็ได้
ตามรายงานก็น่าสงสัยจริงๆ ครับ ถ้ามีแค่เศษวัสดุที่เจอเพียงชิ้นเดียวในเสื้อผ้า-
โดยไม่มีความสัมพันธ์กับบาดแผล ก็มีโอกาสเป็นแค่สิ่งปนเปื้อนที่ไม่เกี่ยวอะไร
กับสาเหตุการเสียชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งตรงกับที่มีนายตำรวจให้สัมภาษณ์ว่าอาจเป็น
C4 ที่ปนเปื้อนเข้ามาโดยไม่เกี่ยวกับคดีเลยนะครับ
และคำถามที่ว่า...
แล้วถ้าเกิดไอ้ก้อนเล็กๆทรงกลมเนี่ยมันพบทั้ง rdx และ binding agent ล่ะครับ...![]()
ปัญหาอยู่ที่ binding agent สามารถตรวจวัดได้ด้วยหรือเปล่า นะครับ
ถ้าวัดไม่ได้ก็จะเจอแต่ RDX อย่างเดียว เหมือนเรามีเครื่องตรวจน้ำตาล
ที่ตรวจเกลือไม่ได้ แล้วเราเอาน้ำตาลผสมกับเกลือไปเข้าเครื่องตรวจ
ผลที่ได้ออกมาก็คือมีน้ำตาลเท่านั้นเอง
Solidus wrote:กรณี rdx กับ c4 นั้นไม่เคยครับ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นนั้นเคยครับ ซึ่งต้องมีสารมาตรฐานไว้ใช้เปรียบเทียบเหมือนกัน กรณี RDX 100% นั้นถือว่าเป็นสารมาตรฐาน (standard) ครับ C-4 จัดเป็นสารตัวอย่าง (unknown) และถ้า RDX มันไปปนสารอื่นมันก็ไม่ใช่สารมาตรฐานแล้วครับ แล้ววัดมันก็ไม่ต่างจากพวกสารตัวอย่างอยุ่ดี แล้วอีกอย่างหนึ่งเครื่องวัดเชิงปริมาณ ใครเขาวัดแค่ครั้งเดียวครับ
กรณีสารวัตรจ๊าบนั้นเป็นการสันนิษฐานว่าเป็นระเบิดได้ครับ เนื่องได้ได้ผลตรวจสารเคมีแน่นอนแล้วว่ามี TNT กับ RDX เพราะได้ส่วน result แล้วจึงมา discuss แต่ถ้าดูแล้วดมซึ่งเป็นส่วนของ method แล้วข้ามไป discuss มันจะตลกไปหน่อยแล้ว แค่ผลเชิงคุณภาพยังไม่ได้ คงไม่ต้องไปเรื่องผลเชิงปริมาณเลยjerasak wrote:savor wrote:ดูผลสอบของสารวัตรจ๊าบสิครับ
จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้างต้น จึงน่าเชื่อได้ว่า พ.ต.ท.เมธีฯ เสียชีวิตจากระเบิดแสวงเครื่องซึ่งทำงานโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าจากโทรทัศน์มือถือเป็นตัวจุดระเบิด และเกิดระเบิดภายในรถยนต์ดังกล่าว มิได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อย่างใด
อันนี้คือไม่ได้สรุปอะไรเลยนะครับว่า ตกลงใครเป็นคนฆ่ากันแน่ ? ( ไม่ได้ตัดประเด็นจินตนาการของคุณที่บอกว่า " สารวัตรโดนอัดจนน่วมสลบก่อนจับมายัดใส่รถจี๊บ " ไปด้วยซ้ำ)
ตรวจสอบแค่สารเคมี และระบุว่าตายเพราะอะไรเฉยๆ มันก็ใช้ เชื่อว่า อยู่ดีครับ![]()
ผมว่าถ้าไอ้คนเขียนรายงานชุดนี้มันไม่เห็นภาพชัดๆ 100% มันก็ไม่ใช้ สรุปว่า หรอกครับ ต่อให้ 99.999999% มันก็ เชื่อว่า อยู่วันยังค่ำ![]()
อย่าคิดมากครับ
กลับกันเลยครับการตรวจสอบสารเคมีสามารถระบุว่าเป็นอะไร
ไม่ใช่แค่ "เชื่อว่า" เป็นอะไร แต่จะมีข้อจำกัดในระดับหนึ่งครับ
คือจะทราบว่ามีสารเคมีอะไรบ้างในระดับโมเลกุล แต่อาจสรุป-
ไม่ได้ว่ารวมกันแล้วจะเป็นอะไร เช่น เจอน้ำตาล จะสรุปว่าเป็น
โอเลี้ยง มันก็เกินไปครับ
ส่วน "เหตุการณ์" อาจทำได้แค่ "เชื่อได้ว่า" เพราะอาจต้องเดา
นอกจากมีหลักฐานเช่น ภาพถ่าย เทปบันทึกเสียง คลิปวิดีโอ
หรือรอยนิ้วมือ ก็จะสามารถระบุข้อเท็จจริงได้มากขึ้น
*การสรุปผลตรวจพิสูจน์วัตถุพยาน ด้วยวิธีง่ายๆ แค่ "ดูและดม"
ไม่สามารถยอมรับได้ง่ายๆ หรอกครับ*
ตำรวจจะจับคนเมาสุราขับรถยังต้องใช้เครื่องตรวจวัดเลยว่า
เมาเกินกำหนดหรือเปล่า ถ้าแค่ "ดูและดม" ใครจะยอม???
ถ้าเป็นกรณีสารบริสุทธิ์ ทั้ง C-4 และ RDX จะต่างกันเรื่องความสูงของกราฟหลักครับ หรือเอาแค่ RDX ด้วยกันเองวัดแต่ละครั้งก็ได้ผลต่างกัน หรือ RDX 100 กับ 90 ก็ให้ผลต่างกัน เพราะความต่างกันตรงนี้ทำให้บอกไม่ได้ครับว่าเป็น C-4 หรือ RDX แล้วอีกอย่างหนึ่งคือเครื่องนี้ใช้ตรวจหาสารวัตถุระเบิดครับ ถ้าจะหาพวก binding agent มันก็หาไม่เจอ เหมือนเอาที่วัดอุณหภูมิไปวัดความแข็งของวัตถุนะแหละมันจะวัดได้ไหมนั่น แถมตัวอย่างที่ตรวจสอบยังผ่านการระเบิดมาแล้ว ที่วัดได้จึงเป็นส่วนที่ระเบิดไม่สมบูรณ์ คงไม่มี RDX ระเบิดแล้วได้ RDX เหมือนเดิมหรอกนะ ด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่รู้ปริมาณสารตั้งต้นได้ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็น RDX 100 หรือ 90 หลังระเบิดแล้วก็คาดเดาสัดส่วนที่เหลืออีกไม่ได้อยู่ดี แถมยังมีเรื่องการปนเปื้อนอีก จึงวัดเอาแค่เจอหรือไม่เจอก็พอsavor wrote:Solidus wrote:กรณี rdx กับ c4 นั้นไม่เคยครับ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นนั้นเคยครับ ซึ่งต้องมีสารมาตรฐานไว้ใช้เปรียบเทียบเหมือนกัน กรณี RDX 100% นั้นถือว่าเป็นสารมาตรฐาน (standard) ครับ C-4 จัดเป็นสารตัวอย่าง (unknown) และถ้า RDX มันไปปนสารอื่นมันก็ไม่ใช่สารมาตรฐานแล้วครับ แล้ววัดมันก็ไม่ต่างจากพวกสารตัวอย่างอยุ่ดี แล้วอีกอย่างหนึ่งเครื่องวัดเชิงปริมาณ ใครเขาวัดแค่ครั้งเดียวครับ
งั้นตกลงแล้ว c4 กับ rdx สามารถแยกความแตกต่างได้ด้วย spectrometer หรือเปล่าครับ ?![]()
คือผมเข้าใจว่า rdx ที่พบที่กางเกง ส่วนที่เป็นสิ่งปนเปื้อนมันก็จะขึ้น peak ในจุดที่ไม่เกี่ยวกับผลทดสอบนะครับ ( หรือไม่ก็อาจต้องมีการทดสอบด้วยวิธีอื่นประกอบ เพื่อทำการแยก error นั้นออกไป )
ส่วน c4 ถ้ามันขึ้น peak ย่อยในจุดที่เป็น binding agent และมี peak หลักตรงกับที่เป็น rdx จากนั้นเราตรวจสอบที่ peak ย่อยอีกที เราก็จะได้ผลสรุปที่เป็น c4 ได้...
แบบนี้ถูกหรือเปล่าครับ...
savor wrote:มันจะเป็นแค่ ดูสีและดมกลิ่น ได้ไงละครับ ปัดธ่ออออออออออออออออ
3.2.1 เศษคราบเขม่าวัตถุระเบิด สีดำติดอยู่บริเวณเสาและพื้นนที่เกิดเหตุชัดเจน
3.2.2 พบหลุมระเบิดกว้างประมาณ 10 ซ.ม. ลึก 3 ซ.ม.
3.2.3 มีคราบโลหิตอยู่บริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นวงกว้าง
3.4. ชนิดของสาระเบิดที่ตรวจพบ
จากการตรวจสอบทางเคมีและสังเกตจากสีและกลิ่นของเขม่าวัตถุระเบิด ในที่เกิดเหตุเชื่อว่าเป็นสารระเบิดชนิดแรงต่ำ ประเภทดินดำหรือดินเทาน้ำหมึกไม่เกิน 500 กรัม
เนี่ยเน้นไว้ให้ชัดๆเลย![]()
ส่วนที่ผมว่าคุณ หยุมหยิม เนี่ย
มันมาจากที่คุณจับผิดคำว่า เชื่อว่า มากเกินไปหน่อยครับ
ตับเหล็ก. wrote:เอาหลักฐานที่สามารถยอมรับได้ว่าน้องโบว์ตายเพราะแก๊สน้ำตามาแสดงดีกว่า
เขาก็มีหลักฐานมาแล้วว่าน้องโบว์ตายเพราะระเบิด