อธิฏฐาน wrote:รายการนิวส์อาวของคุณเติมศักดิ์และคุณอุษณีย์ ASTV กำลังพูดถึงท่านอารยาจากเสรีไทยอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ท่านเขียนต่อไปค่ะ
ไปฟังแล้วครับ ผมแปลกใจที่มีการตีความจากฝ่ายวิชาการว่า การเสียดินแดนของไทยมีทั้งพฤตินัยที่เกกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่บอกชัด แต่มองว่าไทยจะเสียโดยนิตินัยทันทีที่รัฐสภาผ่านร่างข้อตกลงชั่วคราวให้มีการเจรจา GBC
แถมระบุหนังสือจากกรรมการมรดกโลกที่มีถึงไทยว่าต้องไม่มีทหารแถวปราสาทพระวิหารเพื่อจะขึ้นทะเบียนได้ตามกำหนด เป็นการวางกับดักเชิงนิตินัย เพื่อรัฐสภาจะได้อนุมัติให้ทหารไปเจรจากับกัมพูชา
มันอาจเป็นหมากจากฝ่ายตรงข้ามจริง แต่สถานการณ์วันนี้มันเลยมาถึงขั้นเกลือเป็นหนอนแล้ว คณะกรรมการมรดกโลกพบกันปีละ 7 วันเท่านั้น Director ของ ศูนย์มรดกโลกที่ปารีสก็ต้องทำงาน routine ไปตาม Operation Guideline ของ WHC
รัฐบาลต้องจัดการ วางแผนชิงพื้นที่ปราสาทพระวิหารคืน โดยเริ่มจากหาทางยุติบทบาทไส้ศึกในรัฐบาลเอง
หาเจ้าภาพที่จะทำงานนี้ให้ลุล่วง ปรับวิธีคิดของกระทรวงการต่างประเทศ ที่น่าห่วงตั้งแต่หัวถึงปลายแถว
ไม่หลงประเด็นง่ายๆ อย่าลืม การอนุญาตให้ กต. หรือ กห. ไปเจรจาความเรื่องดินแดนเป็นไปตามรัฐธรรมนูญของเรา มาตรา 190(3) บอกว่าก่อนไปมาขออนุญาตก่อน พอเจรจาเสร็จให้มารายงานตามมาตรา 190(2) มันเป็นเรื่องภายใน ไม่ขออนุญาตก่อนก็เคย ต้องดูเจตนาและสถานการอย่างคุณเตชจากสวีเดนไปเสียมเรียบใน 30 ชั่วโมงมันทำไม่ได้ แต่นพเหล่แบร่งมี 10 วัน ไม่สนรัฐสภาแลัวซุกเอกสารสำคัญเพื่อลงนามแล้วส่งให้นางฟรังซัวส์ไปเข้าแฟ้มยัดไส้แหกตาคณะกรรมการมรดกโลกก่อนประชุมประจำปีไม่ถึงสองอาทิตย์ต้องประหารลูกเดียว เพราะมีเจตนาชัดว่าต้องการขายแผ่นดินแม่
ยอมรับว่าผู้อำนวยการศูนย์มรดกโลกเขียนมาบอกรัฐบาลทั้งไทยและกัมพูชาให้เคลียร์ทหารให้ออกจาก "Property" และ "Buffer Zone" ก่อนขึ้นทะเบียนตาม deadline จริง แต่นั่นมัน "รูตีน" (routine) ไม่ต้องเขียนมันก็ต้องเป็นไปตาม guideline ของ WHC อยู่แล้ว
คุณเติมศักดิ์ถามว่า แล้วถ้าไม่ให้สภาอนุญาตข้อตกลงชั่วคราวก่อนไปเจรจาความเมืองล่ะ จะให้ทำอย่างไร เจ้าของความเห็นนั้นก็บอกว่า ก็ดึง JBC ไม่ให้ทำงานให้เลย 1 กุมภาพันธ์ 2553 และต่อไปให้เลยกลางปีหน้าที่จะมีประชุมมรดกโลก
มันก็ถูกครึ่งเดียว เพราะคุณเตชก็เคยทำได้ 40 วัน ก่อนเผ่นออกจากเป็นเจ้ากระทรวงบัวแก้ว เพราะรู้ว่าทำได้แค่ขายผ้าเอาหน้ารอด
ไม่มีใครถามต่อว่า หลังจากกลางปีหน้าแล้วจะทำอย่างไร
ประเด็นนี้ อารยาพูดมามานานแล้วว่า เขมรมันได้สิทธิ์ "Convene" คือจัดทำแผนอนุรักษ์ จัดหาพื้นที่บริหารจัดการเองได้โดยไม่ต้องมีหรือไม่มีประเทศไทยไปเจรจาด้วยอยู่แล้ว ตามมติกรรมการมรดกโลกที่คานาดาวันที่ 7 กรกฏาคม 2551
จำ deadlines Feb. 1, 2008; Feb.1, 2009 ที่ผ่านมาได้ไหมครับ เขมรกับ ICC ไปไหนไปด้วย ส่งรายงานส่งให้ผู้อำนวยการที่ยักคิ้วหลิ่วตากันมาตั้งแต่กันยายน 2550 ก่อนว่งต่อไปที่ที่ประชุมครั้งที่ 32 คานาดากลางปี 2008 และสเปนกลางปี 2009 เฉยเลย เห็นหรือเปล่าว่าไม่ต้องมีไทย เขมรมันตายรึก็เปล่า มันชอบด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้น ผมยังยืนยันว่าทุกฝ่ายของไทยยังเกาไม่ถูกที่คัน
เราต้องให้ขั้นตอนในแถลงการณ์ร่วมที่พูดกันเพ้อเจ้อว่ายกเลิกแล้วนั้น เป็นง่อยโดยพลัน รออะไรอยู่ มันลงมือได้ตั้งก่อนยูเนสโกประกาศพื้นที่ Buffer Zone แล้วครับ
รัฐบาลต้องตั้งทีมเฉพาะกิจ เดินทางไปพบกับ President, Vice Presidents ที่ริโอเดจาเนโร่ เมลเบิร์น ไคโร ในส่วนของคณะกรรมการมรดกโลก และ World Heritage Centre Director ของศูนย์มรดกโลกของยูเนสโกที่ีปารีส
ด่วน