pornchokchai wrote:3. เรื่องที่ว่าประชาชนไม่มีศักยภาพในการตัดสินใจ โดยยกตัวอย่างความเชื่อแต่เดิมว่าโลกแบน ถ้าให้ประชาชนผู้ไม่รู้วิทยาการออกเสียงในสมัยโบราณว่าโลกกลมหรือแบบ ส่วนใหญ่ก็ต้องออกเสียงว่าโลกกลม กรณีศิลปวิทยาการนั้น เราไม่สามารถถามเสียงส่วนใหญ่ เช่นในขณะนี้เราก็คงไม่สามารถถามคนส่วนใหญ่ว่าจะสร้างจรวดไปดวงจันทร์ได้อย่างไร ต้องถามนักวิทยาศาสตร์ต่างหาก แต่ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็นเรื่องของปุถุชน ทุกคนรู้เท่าทันกัน เสียงส่วนใหญ่ย่อมถูกต้องเสมอ <1>
เสียงส่วนใหญ่ถูกต้องเสมอนั้นไม่เป็นความจริง หากปราศจากซึ่งปัญญาจะมีกี่ล้านเสียงก็ยากที่จะมีความถูกต้อง
ตัวปัญญานั่นแหละคือศักยภาพ
- - - - ลองอ่านที่ผมเขียนอีกทีนะครับ
เสียงส่วนใหญ่คือสัจธรรม อย่างผมทำอาชีพการประเมินค่าทรัพย์สิน ผมทราบความจริงอย่างหนึ่งว่า ประชาชนส่วนใหญ่คือเสียงสวรรค์ คือความถูกต้อง ในตลาดเปิดทั่วไป ถ้าคนส่วนใหญ่ซื้อบ้านในราคาหนึ่ง ราคานั้นก็จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ในความเป็นจริงอาจมีข้อมูลที่สูงหรือต่ำผิดปกติ (outliers) อยู่บ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย อย่างไรก็ตาม “กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น” เช่น เสียงส่วนใหญ่ของโจรย่อมใช้ไม่ได้ แต่โจรก็ยังเป็นคนส่วนน้อยในสังคม
บางส่วนได้อธิบายไปแล้วข้างต้น ธรรมะไม่ใช่กฏหากแต่เป็นความจริงตามธรรมชาติ(Fact)
---- เราพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่านี่
อันนี้ท่าทางผมคงเมาเองตอนตอบ หรือผมอาจจะงงกับประเด็นก็ได้
pornchokchai wrote:4. การที่บอกว่าประชาชนไม่มีศักยภาพ ในแง่หนึ่งอาจเป็นการให้ท้ายกับพวกเผด็จการรัฐประหาร ให้มาตัดสินใจแทนประชาชนโดยอ้างว่าประชาชนไม่มีศักยภาพอยู่ร่ำไป และเมื่อเข้ามาแล้ว ก็มาโกงกิน เห็นได้ชัดตั้งแต่สมัยสฤษดิ์ และสามทรราช อาจรวมทั้ง รสช. หรืออาจรวม คมช. ด้วยก็ได้ มีใครเชื่อได้โดยสนิทใจว่ารัฐมนตรีในยุคสุรยุทธ์ใสสะอาดกว่ายุคอื่น
ในเมื่อรู้ว่าประชาชนขาดศักยภาพย่อมต้องแก้ที่ต้นเหตุคือเพิ่มศักยภาพของประชาชน ซึ่งทำได้ทั้งมหภาคและจุลภาค ทั้งหมดเริ่มที่ตัวเองก่อนนั่นแหละไม่ต้องมองไปไหน
----- พูดอย่างนี้มาเกิน 1,000 ปีแล้วมั๊งครับ
คิดว่าคงพูดมาเกินหลายพันปีแล้วล่ะครับ แต่ก็เพราะทำกันไม่ใช่หรือถึงได้วิบัติกันมาถึงทุกวันนี้?
ถ้าตัวเองยังทำไม่ได้ไปสอนคนอื่นเขาจะเชื่อไหม?
pornchokchai wrote:6. การอ้างว่า “Paris Hilton” ที่ได้รับการประกันตัวก็ยังต้องเข้าคุกอีกครั้งเพราะมีเสียงประชาชนไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ศาลสหรัฐอเมริกาคงไม่ได้ตัดสินอะไรตามกระแสของสังคมเช่นที่พระมหาวุฒิชัยให้สัมภาษณ์ จากการค้นหาข้อมูลเบื้องต้น ไม่พบเรื่องการขอประกันตัวดังกล่าว แต่เป็นการขออภัยโทษ และจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วยกับการขออภัยโทษกับผู้ที่เห็นด้วยก็มีจำนวนนับหมื่น ๆ คนพอ ๆ กัน ไม่ใช่มีแต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด <2> อย่างไรก็ตามโดยนัยหนึ่ง การกล่าวอ้างเรื่องนี้ของพระมหาวุฒิชัยเป็นส่งสัญญาณให้รัฐบาลฟังเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กำลังเรียกร้องอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง
กรณีของ“Paris Hilton” ประชาชนเขามาต่อต้านการละเว้นโทษที่พึงได้รับตามกฏหมาย เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งคนทั่วไปและคนที่มีชื่อเสียง
ก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำทุกยุคทุกสมัยใช่หรือไม่?
----- ที่มหาวุฒิชัย อ้างผิดข้อเท็จจริง ตาม link ที่ผมแสดง ท่านไม่เห็นหรือครับ
http://abcnews.go.com/US/story?id=3258489&page=1อาจจะใช้ข้อมูลคนละที่กันหรือเปล่า?
pornchokchai wrote:8. พระมหาวุฒิชัยได้บอกว่าหลักการตัดสินใจนั้นมีอยู่ 3 อย่างคือ อัตตาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยยึดตนเองเป็นใหญ่จะทำให้เป็นทรราชได้ (เป็นการเตือน/ปรามรัฐบาลในขณะนั้น) โลกาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยถือเสียงส่วนใหญ่ (ขณะนั้นรัฐบาลสมัครกุมเสียงส่วนใหญ่อยู่) ซึ่งก็ยังไม่ดีพอ และแนะให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของธรรมาธิปไตย โดยยึดธรรมะเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตามหากไปค้นพระไตรปิฎกในส่วนของ “อธิปไตยสูตร” <3> ตามที่พระมหาวุฒิชัยอ้างถึง กลับปรากฏว่ามีสาระแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพราะพระไตรปิฎกสอนให้พระบรรลุธรรมโดยอาจพิจารณาจากตน จากโลกหรือจากธรรมเป็นสำคัญ ไม่ได้เกี่ยวกับการปกครองในทางโลกเลย
ธรรมะมีหลายระดับสำหรับคนที่อยู่ในสถานะที่แตกต่างกัน ฆราวาสธรรม4 มิใช่สำหรับผู้ครองเรือนกระนั้นหรือ?
----- คุณอ่านดูหรือเปล่าว่ามหาท่านตีความต่างไปจากพระไตรปิฎกน่ะ อ่านพระไตรปิฎกที่ผม link มาให้ดูหรือยังครับ
ข้อนี้ขอกลับไปศึกษาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ครับ