อีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลยครับ

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby G Elite » Thu Aug 18, 2011 11:47 pm

wisary wrote:- พอบอกได้ไหมครับรายรับของโครงการนี้ได้มาจากแหล่งใดบ้าง รายจ่ายแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ เท่าไร
และปัจจุบันมีสมาชิกทั้ง 2 ประเภทกี่รายครับ และบริษัทตั้งเป้าว่าจะต้องได้สมาชิกเท่าใด

รายรับตั่งแต่เริ่มโครงการหลักๆก็มี
ค่าบัตร
แล้วนำเงินค่าบัตรไปลงทุนตราสาร ดอกเบี้ย
ค่าให้บริการกับทาง TCEPT ในการตอนรับ คนที่เข้าประชุม ในประเทศไทย
โครงการ สุวรรณภูมิพรีเมี่ยม ที่ บางคน ปันสิทธิประโยชน์บริษัท เข้ากระเป๋า คนบางคน.... (บริษัทเสียหาย ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่)
รายจ่ายก็จะเป็นด้าน vendor การให้บริการสมาชิก ค่า admin ทั่วไป ค่าพนักงาน ราว 10 ล้าน / เดือน
สมาชิกมี 2ประเภท บุคคล และ นิติบุคคล
เรื่องการตั้งเป้า ณ ตอน แรก ทักษิณ บอก 1 ล้าน หาก ได้ 1 ล้านล้านๆ บาท
พอเอาเข้าจริงทำไม่ได้ เพราะเอาลูกคุณหนูมาขายของ จะเหลือหรอ?
ต่อมาก็ลดเป้า แล้วก็ ล้มพับไป
หากผมมอง ในฐานะที่เป็น sale มาก่อน ผมบอกได้เลยครับว่า "เน่ามากกับการบริหาร"
แต่หาก จัดการดีๆ เป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศแน่ๆ คือ ถ้า โครงการไม่ดีจริง มาเล และ ประเทศ ท่องเที่ยวอื่นๆ หลายๆประเทศ คงไม่ apply นำไปใช้ ครับ

ปล. ขออภัยด้วยที่ ต้องพิมพ์ ภาษาอังกฤษ ควบคู่ไป มันติด ผมจบราม ครับแต่ก็ คิดว่าภาษาอังกฤษ เราหนี้ไม่พ้น ที่จะต้องใช้ หาก ไม่ถูกใจประการใดขออภัย ด้วยความไม่ตั้งใจมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
User avatar
G Elite
 
Posts: 21
Joined: Thu Aug 18, 2011 10:24 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby dutchout » Thu Aug 18, 2011 11:49 pm

G Elite wrote:
Gop wrote:อธิบายตรงนี้หน่อยได้มั้ยครับ
วี อีลิท wrote:Image



จากที่คุณเอามาลงเนี่ย ตั้งแต่หมดยุคทักษิณ การขาดทุนก็ลดลงเรื่อยๆ จนสุท้ายปี ๕๓ ถึงเริ่มมีผลกำไร แล้วทำไมคุณถึงบอกว่า
ช่วงที่หยุดดดำเนินการ ๒๘ เดิอนคือช่วงที่เกิดความเสียหายมากที่สุด ทำไมถึงได้เป็นช่วงเวลาที่ผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยๆ จน
เปลี่ยนจากตัวแดงเป็นตัวเขียวได้ล่ะครับ :?: :?:

อย่างงี้นะครับ การที่บริษัทเป็น การรับสมาชิก เงินที่ได้รับมาจากสมาชิก จะต้อง "ทยอยรับรู้รายได้" คือ ได้ค่าสมาชิกมา 1 ล้านจะลง บันทึกทางบัญชี 1 ล้านเลยไม่ต้อง ต้องทยอยรับ
ที่นี้ที่ถามว่า28 เดือนที่หยุด และ เสียหายมากที่สุด กับผลประกอบการที่ขึ้นก็เพราะ
การทยอยรับรู้รายได้ จะเห็นกำไร(ทางบัญชี) ประมาณ 5 ปีให้หลัง ซึ่งก็คือช่วงปีดังกล่าว
แต่ในปีดังกล่าว บริษัทไม่ได้รับ สมาชิกเพิ่มเลย
จึงทำให้ "ตัวเลขทางบัญชี" กำไรอย่างเห็นได้ชัด
กรณี นี้ หากผู้รู้ท่านใด รับทราบเกี่ยวกับ "การรับรู้รายได้" ขอ้ให้ช่วยชี้แจงด้วยครับ
เดี๋ยวผมขอไปค้นข้อมูล แบบ เปะ ๆ เพื่อนำเสนออีกทีดีกว่า
ปล. ไม่รู้ว่าอธิบายทำให้เข้าใจหรือเปล่า เดี๋ยวจะหาข้อมูลมาให้ทราบอีกทีหนึ่งครับ



งง ครับ ได้สมาชิกเพิ่ม 1 คน ได้ 1 ล้าน แต่พอหยุดรับสมาชิกเงินไม่เข้า แต่ตัวเลขทางบัญชีแสดงว่ากำไร

ถ้างั้น ถ้าเปิดโครงการนี้ ก็เสมือนว่า ผมสมมุติตัวเลขนะครับ ทุกสมาชิก 1 คน ที่เข้ามาโครงนี้ 1 คน จะทำให้โครงการนี้ขาดทุน 10% หรือเปล่า เพราะตามหลักแล้ว รับเงินเข้ามาในโครงการ นั้นก็น่าจะคือทุนและกำไรเข้าบริษัท มิช่ายทำให้มันขาดทุนไปเรื่อยๆ ต่อสมาชิก 1 คน ที่เข้าร่วมโครงการนี้
User avatar
dutchout
 
Posts: 2194
Joined: Tue Apr 14, 2009 10:53 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby Bookmarks » Thu Aug 18, 2011 11:52 pm

G Elite wrote:ต้องขอลำดับความตามเวลาดังนี้ครับ
แม้วเค้า promote โดยบอกว่า ให้ชาวต่างชาติ ถือที่ดินไทยได้ (ทางคุณบอกว่า สิทธิถือครองที่ดิน 10 ปี อันนี้ผิดไปจากข้อเท็จจริงครับ) ทำให้คนแห่มาซื้อ พอมาตอนหลังตรวจสอบพบว่าการที่คนต่างชาติจะซื้อที่ดินไทยจะต้อง (อันนี้ผมไม่แม่นนะครับผิดพลาดอย่างไร แจงให้ด้วย) เอาเงิน มาฝาก 5-10ล้าน / 1 ไร่ เป็นระยะเวลา เท่านี้ๆ ปี ซึ่ง ประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่โดนโจมตีเป็นอย่างมาก
ประเด็นต่อมา ที่เอา พื้นที่ของทหารที่สนามก๊อฟ
เกิดจากที่ บริษัทจะต้อง จ่ายเงิน ค่า ใช้บริการ การออกรอบของสนามก๊อฟ ในกทม.และ ปริมณฑล เพื่อให้สมาชิกใช้บริการ ก็เลยมีการคิดต่อว่าหากนำเงินของสมาชิกที่ได้มาจากค่าบัตร นำมาลงทุนโดยใช้ พื้นที่ของทาง ทหารที่ว่างอยู่นำมาพัฒนาเป็นสนามก๊อฟ แล้วทำการบริหารจัดการเอง ย่อมเป็นการ ลงทุนที่ลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย และ นำพื้นที่ ไปก่อให้เกิดประโยชน์ แต่ โครงการนี้ก็พับไป เพราะ... อะไรอันนี้ผมไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า ต่อมา ก็ เปลี่ยนเป็น จ่ายเงินก้อนให้ สนามก๊อฟเอกชน แล้วก็ ให้สามารถใช้ได้ระยะยาว

คุณ G กรุณาเขียนให้ละเอียดครับ
- เรื่องมีสิทธิ์ถือครองที่ดิน 10 ปี ทางสื่อลงข่าวไม่ถูกต้อง หรือสมาชิกอีลิทการ์ด ได้รับข้อมูลเกินจริงจากปากแม้ว
- ใครโจมตี ทีพีซี ทางกลุ่มสมาชิก หรือสื่อโจมตี
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby G Elite » Fri Aug 19, 2011 12:01 am

dutchout wrote:
G Elite wrote:
Bookmarks wrote:
วี อีลิท wrote:ตอบคุณ Bookmarks ที่ว่า
นี่ถ้า อีลิทการ์ด กำไร พวกลิ่วล้อแดง คงออกมาสรรเสริญแม้ว บอกว่า ฉลาด แต่พอขาดทุน บอกว่า แม้วไม่เกี่ยว
ไปอ่านใน ไทยวีซ่า ฝรั่งออกมาด่า ไอ้แม้วกันตรึม

เกี่ยวกับ อีลิท การ์ด เท่าที่ทราบ เสื้อแดง ไม่เคย ชม เลยเคยไปถาม ไปคุย ก็ รู้ว่า อีลิท ทักษิณ ตั้ง (ดูเหมือนจะเป็น message ที่ ฝั่งหัวมาก) แต่ไม่ทราบเลยว่า ปลาไหลทำเจ็ง
ส่วน ไทยวีซ่า ฝรั่งออกมาด่า แม้น อันนี้ ผมไม่ทราบเหมือนกัน ไม่เคยเข้าไปดู
ชาวต่างชาติที่เข้ามา เป็นสมาชิก ส่วน มาก "มีระดับ" นักลงทุน และ อื่นๆ แบบ ที่ผมดูแล้ว คิดว่า โครงการนี้ มีประโยชน์
ไว้ส่งสัยประเด็นไหน บอกมานะครับจะ ค้นหาข้อมูลแล้วนำเสนอ

เสื้อแดงเค้าไม่กล้าเล่นเรื่อง อีลิทการ์ดหรอกคุณ เพราะใครๆ ก็รู้ว่ามันเจ๊งมาตั้งแต่แม้วเริ่มทำแล้ว และก็ต้องการให้เรื่องเงียบไป คนจะได้ไม่เห็นความล้มเหลวของแม้วไง ส่วนว่าจะชมคงไม่กล้าชมหรอกครับ อ่านในลากดำนา ขนาดขาดทุน ยังไม่ด่าแม้วเลย แต่กลับมาโทษ ปชป ว่า ไม่สามารถทำให้กำไรขึ้นมาได้
ว่าแต่คุณมองเห็นอนาคตหรือยังครับ ว่าคุณจะทำให้มันกำไรได้หรือเปล่า ผ่านมาเกือบ 8 ปี แล้ว ยังขาดทุนสะสมอยู่เรื่อยๆ

ประเด็นนี้ ผมขอตอบอย่างนี้อีกครั้งนะครับ ผมไม่ใช่เสื้อแดง แต่เป็นคนทำงานที่นี้และเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี
เป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้ขอเงินภาษีประชาชน แต่สามารถนำเงินเข้าประเทศได้ต่างจากรัฐวิสาหกิจ อื่นๆที่ขอเงินเพื่อใช้จ่ายโดยไม่มี impact ของระบบเศรษฐกิจโดยแท้จริง หากคุณลองตรวจสอบ รัฐวิสาหกิจบางแห่ง ที่"ไม่แสวงหารายได้" จะพบว่าเม็ดเงินที่ "จ่ายไป" คือภาษีของคุณ ที่ไม่คุ้มต่อการลงทุน แต่ของเราคือนำเงินค่าบัตรมาอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติ และ เอื้อให้เค้าทำการลงทุน และ พักผ่อน ช่วงระยะเวลาที่อยุ่ไทย นั้นคือ เป็นการส่งเสริมการลงทุนและท่องเที่ยวครับ



ช่วยอ่านบทความนี้อะครับ

http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... =&catid=02

ภายหลังที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตรขึ้นมาบริหารประเทศได้สองปีเศษ คือเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม2003 ได้จัดสรรงบประมาณ 1,000 ล้านบาท สำหรับจัดตั้งบริษัทไทยแลนด์พริวิเลจการ์ด จำกัด(Thailand Privilege Card Co.Ltd. เรียกชื่อย่อว่า “TPC”) โดยให้บริษัทนี้เป็นบริษัทลูกขององค์การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินธุรกิจขายบัตรที่เรียกว่า Thailand Elite Card (เรียกเป็นภาษาไทยว่า “อีลิทการ์ด” หรือ “บัตรอีลิท”) ให้คนต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย บัตรละ1,000,000 บาท หรือ 25,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับเอกชน และ 2,000,000 บาท หรือ 50,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับบรรษัทหรือนิติบุคคล...


คำถาม งบประมาณ 1000 ล้านบาท เงินของใครครับ เงินส่วนตัวของแม้ว หรือภาษีของประชาชนครับ


แต่ความจริงโครงการนี้ส่อให้เห็นถึงความไม่บริสุทธิ์มาแต่ต้น กล่าวโดยย่อคือ

ประการแรก ผู้ริเริ่มโครงการนี้ คิดหาทางรวยทางลัด ถึงแม้บริษัท TPC ยังตั้งตัวไม่ติด พวกเขาก็คิดจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาหากินกับโครงการนี้กันแล้ว นั่นคือ จัดตั้งบริษัท Thailand Elite Assets และThailand Elite Property ขึ้นมา เพื่อเตรียมตัวทำธุรกิจเกี่ยวกับการถือครองที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์แทนสมาชิกอีลิทการ์ด

ประการที่สอง การตั้งตัวแทนจำหน่ายบัตรอีลิทในต่างประเทศนั้น (ซึ่งมีประมาณ 18 บริษัทเมื่อปลายปี 2006 เช่น Aktiv, King Power, Grand Elite, ET Card, Elite Plus, Patco, Uni Quness - - - ดูในผู้จัดการรายสัปดาห์ 19 มกราคม 2552)

ปรากฏว่าหลายบริษัทที่เจ้าของเป็นเครือญาติหรือสหายสนิทของทักษิณ ตัวแทนจำหน่ายบัตรอีลิทเหล่านั้น มีรายได้จากการขายบัตรรายละ 300,000 บาท นั่นเป็นเครื่องล่อใจที่มีน้ำหนักมากพอที่พวกเขาจะหาวิธีฉ้อฉลหรือหลอกลวงให้คนซื้อบัตร โดยการพูดจาหว่านล้อมหรือขยายความเกินความจริงเกี่ยวกับคุณค่าของบัตร ตลอดจนขายบัตรให้ผู้มีอิทธิพล หรืคนที่มีธุรกิจสีเทาในประเทศไทย

ประการที่สาม โครงการนี้มีแผนงานสร้างเครือข่ายบริการสมาชิกต่างชาติทั่วประเทศ ทั้งในอาณาบริเวณกรุงเทพฯ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในต่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ โรงแรมสนามกอล์ฟ สปา โรงพยาบาล ฯลฯ เป็นเครือข่ายที่บริษัท TPC จะต้องเอามาเป็นพันธมิตรหรือภาคีในการทำธุรกิจบริการ การคิดค่าบริการ การจ่ายเป็นค่าบริการล่วงหน้า การทำสัญญาให้ใครได้ประโยชน์เป็นพิเศษต่างๆ นาๆ เหล่านี้ มีหรือที่นักธุรกิจพันธุ์ทักษิณจะตาไม่โตหรือมองไม่เห็นผลประโยชน์ส่วนตัว




3 ประการข้างต้น จริงเท็จประการใด สรุปคนได้ประโยชน์จากโครงการนี้คือแม้วหรือเปล่า เอาเงินจากไหนไปตั้งโครงการ แล้วทำให้โครงการขาดทุน แต่สุดท้ายบริษัทลูกๆ ที่มาต่อยอดจากโครงการนี้ได้กำไร จริงหรือเปล่า

3ประการข้างต้น เป็นจริงทั้งหมด โดยเฉพา AKTIV ตัวแสบเลย แต่ อยากบอกว่าบริษัทลูกเลยครับน่าจะเรียกว่าบริษัทที่ ได้สิทธิรับงานต่อ คำว่าบริษัทลูกจะทำให้รู้สึก ว่า บริษัทแม่ อย่างอีลิท เป็นเจ้าของ จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยตอนนี้บริษัทลูก(หรือเรียกว่าคนรับงานต่อก็ได้)ไม่ได้ทำกับเราแล้ว พอเห็นว่าเงินจะหมด ก็ หนีจากกำไรจากบริษัทลูกอยู่ในรูปแบบของ % ที่ ทาง บริษัทลูกหากได้เช่น 10-30 % จากค่าบัตร แล้วบริษัทต้องเอา เงินไปสนับสนุนค่าการทำการตลาด ให้มัน “***”ด้วย กรณีกการก่อตั้ง คือตั้งงบให้ 1000 ล้าน เป็น เงินสำรอง จัดสรรให้ แต่ ทาง ททท. ชำระแค่ 500 ยังขาดอีก 500
แต่ประเด็นที่จะบอกอยู่ตรงนี้ครับ “แนวคิดดี” บริหาร “ฮ่วย”
คนก่อตั้ง ฉลาด แต่ ปฏิบัติ ไม่ทั่วถึง
ณ ปัจจุบัน คือ บริษัทฯ / ประเทศ มีภาระผูกพันกับ สมาชิก แล คู่ค้าอยู่
การล้มเลิกง่ายครับเพียงสั่งการ (แต่เค้าไม่กล้า เพราะรู้ว่า สั่งปุ๊ปถูกฟ้องแน่)
แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ต่อประเทศประเมิณ ค่าไม่ได้
ณ ปัจจุบัน ต้องทำต่อ แต่ต้อง ปรับสิทธิประโยชน์ และ ปรับการบริหาร ให้โปร่ใส
ที่ผ่านมา ทำผิดอะไร เค้าก็ส่ง สตง. มาตรวจสอบเรียบร้อย สตง. มีคำสั่งบางเรื่อง ตรวจสอบบางประเด็นทางเราก็กำลังดำเนินการอยู่ คือ เอกสารหลักฐานมี เพียงแต่ “หนักแน่น และ หนาแน่น” พอที่จะเอาผิดหรือไม่ นี้คือประเด็นที่ต้องคิดกันต่อว่าจะฟ้องเค้า หรือ จับเขา ต้องแน่ใจว่าเอาชนะได้ นี้แหละครับที่ยาก
User avatar
G Elite
 
Posts: 21
Joined: Thu Aug 18, 2011 10:24 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby G Elite » Fri Aug 19, 2011 12:08 am

Bookmarks wrote:ที่ขาดทุน เพราะตั้งเป้าไว้สูง สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เสียไปมากมาย แต่เป้าไม่ถึง ก็ขาดทุน เพราะค่าใช้จ่ายไม่คุ้มกับรายได้

รายงานผลประกอบการตั้งแต่ ปี 2546 ที่เริ่มโครงการนี้ มีสมาชิกเริ่มต้น 249 ราย แต่ขาดทุนสะสม 134 ล้านบาท ปี2547 สมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 466 ราย ขาดทุนสะสม 384 ล้านบาท ปี 2548 สมาชิกเพิ่มขึ้น 251 ราย ขาดทุนสะสมเป็น 843 ล้านบาท และปี 2549 ขาดทุนถึง 1,142 ล้านบาท

ผลงานพลาดเป้ามาโดยตลอด
บริษัทไทยแลนด์พริวิเลจ คาร์ด ก่อตั้งจากมติคณะรัฐมนตรีในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยแรกเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา โดยให้ทุนประเดิมจัดตั้งบริษัท 1,000 ล้านบาท จุดประสงค์ เพื่อเจาะนักท่องเที่ยวระดับบนที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน เพื่อดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาประเทศไทย ด้วยบริการและสิทธิประโยชน์ที่จูงใจเป็นพิเศษ ตั้งเป้ายอดขายปีแรกที่ตั้งบริษัท ไว้ 1 ล้านใบ ในราคาสมาชิกรายละ 1 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่สามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ ยอดขายไม่ถึงเป้าหมาย และ มีการปรับลดเป้าจำหน่ายสมาชิกลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2551 ที่ผ่านมาตั้งเป้าสมาชิกใหม่เพียง 200 ใบ จากต้นปีที่ตั้งเป้า 600 ใบ และ 400 ใบ ตามลำดับ โดยปรับลดมาเรื่อยๆ ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย และ ตลอดเวลาที่ดำเนินธุรกิจมา องค์กรได้มีการปรับแผนการทำงานมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อมีผู้บริหารรายใหม่เข้ามารับผิดชอบ

โดยสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (บอร์ด ทีพีซี) คนปัจจุบัน ได้เคยออกมายอมรับภายหลังการรับตำแหน่งเมื่อกลางปี 2551 ว่าการจัดตั้งอีลิทการ์ด มีระยะเวลาการเตรียมการณ์ที่รวดเร็วเกิดไป ไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขให้ถี่ถ้วน จึงทำให้ที่ผ่านมา บริษัทไม่สามาถดำเนินการได้ตามแผน เพราะมั่วแต่ยุ่งกับเรื่องของการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งกับตัวแทนจำหน่าย และเงื่อนไขสมาชิก ประกอบกับการปรับขึ้นราคาสมาชิกเป็นใบละ 1.5 ล้านบาท แต่ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทำให้ราคาบัตรในต่างประเทศปรับขึ้นมากกว่าเท่าตัว ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวยให้คนต้องจับจ่าย ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ พร้อมกับแผนบริหารความเสี่ยง ล่าสุดจำนวนสมาชิกบัตรปัจจุบันมีประมาณ 2,600 ใบ

โครงการบัตรอีลิทการ์ด เปิดตัวอย่างอลังการเมื่อปี 2546 ด้วยการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำทุ่มงบโฆษณาผ่านสื่ออินเตอร์อย่าง CNN กว่า 140 ล้านบาท โดยรัฐบาลทักษิณ จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการนี้สูงถึง 1,000 ล้านบาท ด้วยความคิดฝันเฟื่องว่า จะขายบัตรให้กับบรรดา “อีลิท” ทั่วโลก ในราคา 1 ล้านบาท สำหรับรายบุคคล และ 2 ล้านบาท สำหรับนิติบุคคล พร้อมตั้งเป้าตัวเลขลูกค้าในปีแรก 1 แสนใบ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านใบภายใน 5 ปี ดูดเม็ดเงินเข้าประเทศมากกว่า 1 ล้านล้านบาท!!

คำโฆษณาสิทธิประโยชน์และสิทธิพิเศษสุดๆ ไม่เพียงแต่สิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยว แต่ยังรวมถึงอภิสิทธิ์ในการเดินทางเข้าออกประเทศด้วยการยกเลิกวีซ่าเป็นเวลา 5 ปี การทำธุรกรรมร่วมกับภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสิทธิ์การครอบครองที่ดินได้ถึง 10 ไร่ ชวนให้เชื่อว่าโครงการนี้มีแต่ความสำเร็จอย่างงดงามรออยู่เบื้องหน้า

แต่เมื่อถึงเวลาเอาจริงกลับกลายเป็นว่า สิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับนั้นไม่ได้เป็นไปดังคำโฆษณา ลูกค้าที่ซื้อบัตรไปแล้วไม่สามารถใช้บริการตามสิทธิ์ที่แจ้งไว้ ไม่สามารถซื้อหรือถือครองที่ดินได้เพราะติดปัญหาข้อกฎหมาย ฯลฯ แม้กระทั่งค่าโฆษณาก็ยังติดหนี้ CNN จนเป็นเรื่องฉาวโฉ่ทั่วโลก


ทีซีพี เลือกที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้ลงทุนแข่งขันกับเอกชนที่ทำธุรกิจอยู่แต่เดิม เช่น การทำบันทึกข้อตกลงกับกองทัพบก กองทัพเรือ กรมธนารักษ์ เพื่อขอใช้ที่ดินที่เชียงใหม่ หัวหิน พังงา ภูเก็ต สร้างสนามกอล์ฟเพื่อรองรับลูกค้า ก่อนที่จะพับแผนไปเพราะต้องลงทุนสูง และอาจรู้ตัวว่าไม่ได้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ จึงหันมาเช่าสนามกอล์ฟเอกชนแทน

ส่วนการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายบัตรทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีมากกว่า 10 ราย ก็มีข้อครหาว่าเอเย่นต์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบริษัทที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทักษิณ ขณะนั้น

ตัวแทนจำหน่ายที่เข้ามาได้เพราะอาศัยสายสัมพันธ์ จึงน่าสงสัยในฝีมือการขายว่า เจ๋งจริงหรือไม่

ไม่ว่าจะเป็นบริษัท แอคทีฟ จำกัด ที่มีนางสุนทรี จันทร์ประสิทธิ์ ซึ่งมารดามีศักดิ์เป็นน้าของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือ คิงส์ พาวเวอร์ ของนายวิชัย ศรีอักษร ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าแนบแน่นกับรัฐบาลทักษิณแค่ไหน เช่นเดียวกับบริษัทแกรนด์ อีลิท ในเครือของนายเหยียน ปิน นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ที่สนิทชิดเชื้อกับทักษิณเป็นพิเศษ

ขณะที่พันธมิตรกับคู่ค้า โรงแรม รีสอร์ต สถานพยาบาล สปา ฯลฯ แม้เอกชนจะให้ความร่วมมือ แต่ผู้บริหารโครงการอีลิทการ์ด ก็ไม่สามารถทำให้คู่ค้ายกระดับบริการให้ได้มาตรฐานเดียวกันในระดับพรีเมี่ยม ให้สมกับฐานะของผู้ใช้บัตรซึ่งเป็นระดับอีลิทหรือชนชั้นนำ

ที่สำคัญ ความคิดให้ต่างชาติเข้ามาถือครองแผ่นดินในไทย ไม่มีทางที่สังคมไทยจะรับได้ กระแสต่อต้านในประเด็นนี้ ทำให้บัตรอีลิทการ์ด ขาดแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการตัดสินใจซื้อบัตรอีลิทการ์ดหรือไม่ หาใช่สิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยวแต่อย่างใด
ผลการตรวจสอบโครงการบัตรอีลิทการ์ดจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า ททท.ไม่ศึกษาโครงการให้ดีก่อนลงทุน ทำให้ต้องปรับเป้าขายบัตรถึง 6 ครั้ง และขายได้แค่พันกว่าใบ เจ๊งเข้าเนื้อทุกปี แถมมีค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้องเพียบ เช่น จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไปดูงานที่ประเทศอังกฤษให้ ส.ส. พรรคไทยรักไทย

ประเด็นนี้ขอชี้แจงดังนี้นะครับ
การที่เราเป็นรัฐวิสาหกิจ “ไม่ได้หวังผลกำไร” นะครับ
แต่หวังว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ
ประโยชน์กับประเทศ อย่างไร?
เกิดจากการที่สมาชิกซึ่งเป็น high end จริงๆ ที่เป็น ผู้บริหารและ นักลงทุน ได้รับสิทธิการเข้าออกประเทศ และ ส่งเสริมให้เขาใช้จ่าย รวมไปถึงการลงทุนซึ่งมี ตัวอย่าง เยอะมากครับที่เป็นผลวิจัย และ ตัวเลข (หากต้องการดูร้องขอได้ครับ)
ดังนั้น บริษัทฯ อีลิท ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้การกำกับของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พึงจะแสวงหา กำไร เป็นกอบเป็นกำ หรือ ทำ เช่นรัฐวิสาหกิจ ที่ ส่งเสริม กิจกรรม บางอย่างในประเทศ
นี้คือสิ่งที่ ผู้บริหาร นักข่าว ภาคประชาชน ต้องมองกลับมาที่ โครงการว่า อยากให้ โครงการนี้ ทำกำไรจริงๆ ใช่ไหมจะได้หมดข้อครหาว่า บริษัทไม่กำไร
หรือ จะดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อ เป็น องค์กรหนึ่ง ที่เปิดตลาด การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ที่รักประเทศไทย อยากเที่ยวไทยแบบ มีระดับ เพื่อเป็นการขยายตลาดการท่องเที่ยวแบบ high end ของไทย จริงๆแทนที่จะเป็นการท่องเที่ยวไทยแบบ “คุ้มที่สุดในโลก”
User avatar
G Elite
 
Posts: 21
Joined: Thu Aug 18, 2011 10:24 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby dutchout » Fri Aug 19, 2011 12:09 am

G Elite wrote:
dutchout wrote:
G Elite wrote:
Bookmarks wrote:
วี อีลิท wrote:ตอบคุณ Bookmarks ที่ว่า
นี่ถ้า อีลิทการ์ด กำไร พวกลิ่วล้อแดง คงออกมาสรรเสริญแม้ว บอกว่า ฉลาด แต่พอขาดทุน บอกว่า แม้วไม่เกี่ยว
ไปอ่านใน ไทยวีซ่า ฝรั่งออกมาด่า ไอ้แม้วกันตรึม

เกี่ยวกับ อีลิท การ์ด เท่าที่ทราบ เสื้อแดง ไม่เคย ชม เลยเคยไปถาม ไปคุย ก็ รู้ว่า อีลิท ทักษิณ ตั้ง (ดูเหมือนจะเป็น message ที่ ฝั่งหัวมาก) แต่ไม่ทราบเลยว่า ปลาไหลทำเจ็ง
ส่วน ไทยวีซ่า ฝรั่งออกมาด่า แม้น อันนี้ ผมไม่ทราบเหมือนกัน ไม่เคยเข้าไปดู
ชาวต่างชาติที่เข้ามา เป็นสมาชิก ส่วน มาก "มีระดับ" นักลงทุน และ อื่นๆ แบบ ที่ผมดูแล้ว คิดว่า โครงการนี้ มีประโยชน์
ไว้ส่งสัยประเด็นไหน บอกมานะครับจะ ค้นหาข้อมูลแล้วนำเสนอ

เสื้อแดงเค้าไม่กล้าเล่นเรื่อง อีลิทการ์ดหรอกคุณ เพราะใครๆ ก็รู้ว่ามันเจ๊งมาตั้งแต่แม้วเริ่มทำแล้ว และก็ต้องการให้เรื่องเงียบไป คนจะได้ไม่เห็นความล้มเหลวของแม้วไง ส่วนว่าจะชมคงไม่กล้าชมหรอกครับ อ่านในลากดำนา ขนาดขาดทุน ยังไม่ด่าแม้วเลย แต่กลับมาโทษ ปชป ว่า ไม่สามารถทำให้กำไรขึ้นมาได้
ว่าแต่คุณมองเห็นอนาคตหรือยังครับ ว่าคุณจะทำให้มันกำไรได้หรือเปล่า ผ่านมาเกือบ 8 ปี แล้ว ยังขาดทุนสะสมอยู่เรื่อยๆ

ประเด็นนี้ ผมขอตอบอย่างนี้อีกครั้งนะครับ ผมไม่ใช่เสื้อแดง แต่เป็นคนทำงานที่นี้และเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี
เป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้ขอเงินภาษีประชาชน แต่สามารถนำเงินเข้าประเทศได้ต่างจากรัฐวิสาหกิจ อื่นๆที่ขอเงินเพื่อใช้จ่ายโดยไม่มี impact ของระบบเศรษฐกิจโดยแท้จริง หากคุณลองตรวจสอบ รัฐวิสาหกิจบางแห่ง ที่"ไม่แสวงหารายได้" จะพบว่าเม็ดเงินที่ "จ่ายไป" คือภาษีของคุณ ที่ไม่คุ้มต่อการลงทุน แต่ของเราคือนำเงินค่าบัตรมาอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติ และ เอื้อให้เค้าทำการลงทุน และ พักผ่อน ช่วงระยะเวลาที่อยุ่ไทย นั้นคือ เป็นการส่งเสริมการลงทุนและท่องเที่ยวครับ



ช่วยอ่านบทความนี้อะครับ

http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... =&catid=02

ภายหลังที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตรขึ้นมาบริหารประเทศได้สองปีเศษ คือเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม2003 ได้จัดสรรงบประมาณ 1,000 ล้านบาท สำหรับจัดตั้งบริษัทไทยแลนด์พริวิเลจการ์ด จำกัด(Thailand Privilege Card Co.Ltd. เรียกชื่อย่อว่า “TPC”) โดยให้บริษัทนี้เป็นบริษัทลูกขององค์การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินธุรกิจขายบัตรที่เรียกว่า Thailand Elite Card (เรียกเป็นภาษาไทยว่า “อีลิทการ์ด” หรือ “บัตรอีลิท”) ให้คนต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย บัตรละ1,000,000 บาท หรือ 25,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับเอกชน และ 2,000,000 บาท หรือ 50,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับบรรษัทหรือนิติบุคคล...


คำถาม งบประมาณ 1000 ล้านบาท เงินของใครครับ เงินส่วนตัวของแม้ว หรือภาษีของประชาชนครับ


แต่ความจริงโครงการนี้ส่อให้เห็นถึงความไม่บริสุทธิ์มาแต่ต้น กล่าวโดยย่อคือ

ประการแรก ผู้ริเริ่มโครงการนี้ คิดหาทางรวยทางลัด ถึงแม้บริษัท TPC ยังตั้งตัวไม่ติด พวกเขาก็คิดจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาหากินกับโครงการนี้กันแล้ว นั่นคือ จัดตั้งบริษัท Thailand Elite Assets และThailand Elite Property ขึ้นมา เพื่อเตรียมตัวทำธุรกิจเกี่ยวกับการถือครองที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์แทนสมาชิกอีลิทการ์ด

ประการที่สอง การตั้งตัวแทนจำหน่ายบัตรอีลิทในต่างประเทศนั้น (ซึ่งมีประมาณ 18 บริษัทเมื่อปลายปี 2006 เช่น Aktiv, King Power, Grand Elite, ET Card, Elite Plus, Patco, Uni Quness - - - ดูในผู้จัดการรายสัปดาห์ 19 มกราคม 2552)

ปรากฏว่าหลายบริษัทที่เจ้าของเป็นเครือญาติหรือสหายสนิทของทักษิณ ตัวแทนจำหน่ายบัตรอีลิทเหล่านั้น มีรายได้จากการขายบัตรรายละ 300,000 บาท นั่นเป็นเครื่องล่อใจที่มีน้ำหนักมากพอที่พวกเขาจะหาวิธีฉ้อฉลหรือหลอกลวงให้คนซื้อบัตร โดยการพูดจาหว่านล้อมหรือขยายความเกินความจริงเกี่ยวกับคุณค่าของบัตร ตลอดจนขายบัตรให้ผู้มีอิทธิพล หรืคนที่มีธุรกิจสีเทาในประเทศไทย

ประการที่สาม โครงการนี้มีแผนงานสร้างเครือข่ายบริการสมาชิกต่างชาติทั่วประเทศ ทั้งในอาณาบริเวณกรุงเทพฯ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในต่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ โรงแรมสนามกอล์ฟ สปา โรงพยาบาล ฯลฯ เป็นเครือข่ายที่บริษัท TPC จะต้องเอามาเป็นพันธมิตรหรือภาคีในการทำธุรกิจบริการ การคิดค่าบริการ การจ่ายเป็นค่าบริการล่วงหน้า การทำสัญญาให้ใครได้ประโยชน์เป็นพิเศษต่างๆ นาๆ เหล่านี้ มีหรือที่นักธุรกิจพันธุ์ทักษิณจะตาไม่โตหรือมองไม่เห็นผลประโยชน์ส่วนตัว




3 ประการข้างต้น จริงเท็จประการใด สรุปคนได้ประโยชน์จากโครงการนี้คือแม้วหรือเปล่า เอาเงินจากไหนไปตั้งโครงการ แล้วทำให้โครงการขาดทุน แต่สุดท้ายบริษัทลูกๆ ที่มาต่อยอดจากโครงการนี้ได้กำไร จริงหรือเปล่า

3ประการข้างต้น เป็นจริงทั้งหมด โดยเฉพา AKTIV ตัวแสบเลย แต่ อยากบอกว่าบริษัทลูกเลยครับน่าจะเรียกว่าบริษัทที่ ได้สิทธิรับงานต่อ คำว่าบริษัทลูกจะทำให้รู้สึก ว่า บริษัทแม่ อย่างอีลิท เป็นเจ้าของ จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยตอนนี้บริษัทลูก(หรือเรียกว่าคนรับงานต่อก็ได้)ไม่ได้ทำกับเราแล้ว พอเห็นว่าเงินจะหมด ก็ หนีจากกำไรจากบริษัทลูกอยู่ในรูปแบบของ % ที่ ทาง บริษัทลูกหากได้เช่น 10-30 % จากค่าบัตร แล้วบริษัทต้องเอา เงินไปสนับสนุนค่าการทำการตลาด ให้มัน “***”ด้วย กรณีกการก่อตั้ง คือตั้งงบให้ 1000 ล้าน เป็น เงินสำรอง จัดสรรให้ แต่ ทาง ททท. ชำระแค่ 500 ยังขาดอีก 500
แต่ประเด็นที่จะบอกอยู่ตรงนี้ครับ “แนวคิดดี” บริหาร “ฮ่วย”
คนก่อตั้ง ฉลาด แต่ ปฏิบัติ ไม่ทั่วถึง
ณ ปัจจุบัน คือ บริษัทฯ / ประเทศ มีภาระผูกพันกับ สมาชิก แล คู่ค้าอยู่
การล้มเลิกง่ายครับเพียงสั่งการ (แต่เค้าไม่กล้า เพราะรู้ว่า สั่งปุ๊ปถูกฟ้องแน่)
แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ต่อประเทศประเมิณ ค่าไม่ได้
ณ ปัจจุบัน ต้องทำต่อ แต่ต้อง ปรับสิทธิประโยชน์ และ ปรับการบริหาร ให้โปร่ใส
ที่ผ่านมา ทำผิดอะไร เค้าก็ส่ง สตง. มาตรวจสอบเรียบร้อย สตง. มีคำสั่งบางเรื่อง ตรวจสอบบางประเด็นทางเราก็กำลังดำเนินการอยู่ คือ เอกสารหลักฐานมี เพียงแต่ “หนักแน่น และ หนาแน่น” พอที่จะเอาผิดหรือไม่ นี้คือประเด็นที่ต้องคิดกันต่อว่าจะฟ้องเค้า หรือ จับเขา ต้องแน่ใจว่าเอาชนะได้ นี้แหละครับที่ยาก



อีกเรื่องครับ ที่คุณบอกว่า

G Elite wrote:ประเด็นนี้ ผมขอตอบอย่างนี้อีกครั้งนะครับ ผมไม่ใช่เสื้อแดง แต่เป็นคนทำงานที่นี้และเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี
เป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้ขอเงินภาษีประชาชน


แต่ที่ผมอ่านมา

ภายหลังที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตรขึ้นมาบริหารประเทศได้สองปีเศษ คือเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม2003 ได้จัดสรรงบประมาณ 1,000 ล้านบาท สำหรับจัดตั้งบริษัทไทยแลนด์พริวิเลจการ์ด จำกัด(Thailand Privilege Card Co.Ltd. เรียกชื่อย่อว่า “TPC”) โดยให้บริษัทนี้เป็นบริษัทลูกขององค์การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)


และ

1.4.2 โครงการนี้มีปัญหาว่าจัดตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การจัดตั้งโครงการพิเศษหรือบริษัทเอกชนโดยใช้งบประมาณของ ททท. (ซึ่งเป็นเงินของประชาชน)


สรุปได้ยังว่า โครงการนี้ ขอเงินภาษีประชาชนมาจัดตั้ง

ซึ่งจัดตั้งเอาเงินภาษีประชาชนมาจัดตั้ง ทำแล้วโครงการก็ขาดทุน ที่ได้กำไรก็บริษัทลูก

ก็เลยจะถามต่อ เงินเดือนที่พวกคุณรับในทุกๆ เดือน เงินเดือนจากภาษีประชาชน หรือจากรายได้ของโครงการ
User avatar
dutchout
 
Posts: 2194
Joined: Tue Apr 14, 2009 10:53 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby nithiphat » Fri Aug 19, 2011 12:10 am

G Elite wrote:
wisary wrote:- พอบอกได้ไหมครับรายรับของโครงการนี้ได้มาจากแหล่งใดบ้าง รายจ่ายแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ เท่าไร
และปัจจุบันมีสมาชิกทั้ง 2 ประเภทกี่รายครับ และบริษัทตั้งเป้าว่าจะต้องได้สมาชิกเท่าใด

รายรับตั่งแต่เริ่มโครงการหลักๆก็มี
ค่าบัตร
แล้วนำเงินค่าบัตรไปลงทุนตราสาร ดอกเบี้ย
ค่าให้บริการกับทาง TCEPT ในการตอนรับ คนที่เข้าประชุม ในประเทศไทย
โครงการ สุวรรณภูมิพรีเมี่ยม ที่ บางคน ปันสิทธิประโยชน์บริษัท เข้ากระเป๋า คนบางคน.... (บริษัทเสียหาย ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่)
รายจ่ายก็จะเป็นด้าน vendor การให้บริการสมาชิก ค่า admin ทั่วไป ค่าพนักงาน ราว 10 ล้าน / เดือน
สมาชิกมี 2ประเภท บุคคล และ นิติบุคคล
เรื่องการตั้งเป้า ณ ตอน แรก ทักษิณ บอก 1 ล้าน หาก ได้ 1 ล้านล้านๆ บาท
พอเอาเข้าจริงทำไม่ได้ เพราะเอาลูกคุณหนูมาขายของ จะเหลือหรอ?
ต่อมาก็ลดเป้า แล้วก็ ล้มพับไป
หากผมมอง ในฐานะที่เป็น sale มาก่อน ผมบอกได้เลยครับว่า "เน่ามากกับการบริหาร"
แต่หาก จัดการดีๆ เป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศแน่ๆ คือ ถ้า โครงการไม่ดีจริง มาเล และ ประเทศ ท่องเที่ยวอื่นๆ หลายๆประเทศ คงไม่ apply นำไปใช้ ครับ

ปล. ขออภัยด้วยที่ ต้องพิมพ์ ภาษาอังกฤษ ควบคู่ไป มันติด ผมจบราม ครับแต่ก็ คิดว่าภาษาอังกฤษ เราหนี้ไม่พ้น ที่จะต้องใช้ หาก ไม่ถูกใจประการใดขออภัย ด้วยความไม่ตั้งใจมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


ปัจจุบันมีสมาชิกทั้ง 2 ประเภทกี่รายครับ
User avatar
nithiphat
 
Posts: 660
Joined: Sat Apr 24, 2010 7:33 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby dutchout » Fri Aug 19, 2011 12:16 am

G Elite wrote:
Bookmarks wrote:ที่ขาดทุน เพราะตั้งเป้าไว้สูง สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เสียไปมากมาย แต่เป้าไม่ถึง ก็ขาดทุน เพราะค่าใช้จ่ายไม่คุ้มกับรายได้

รายงานผลประกอบการตั้งแต่ ปี 2546 ที่เริ่มโครงการนี้ มีสมาชิกเริ่มต้น 249 ราย แต่ขาดทุนสะสม 134 ล้านบาท ปี2547 สมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 466 ราย ขาดทุนสะสม 384 ล้านบาท ปี 2548 สมาชิกเพิ่มขึ้น 251 ราย ขาดทุนสะสมเป็น 843 ล้านบาท และปี 2549 ขาดทุนถึง 1,142 ล้านบาท

ผลงานพลาดเป้ามาโดยตลอด
บริษัทไทยแลนด์พริวิเลจ คาร์ด ก่อตั้งจากมติคณะรัฐมนตรีในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยแรกเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา โดยให้ทุนประเดิมจัดตั้งบริษัท 1,000 ล้านบาท จุดประสงค์ เพื่อเจาะนักท่องเที่ยวระดับบนที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน เพื่อดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาประเทศไทย ด้วยบริการและสิทธิประโยชน์ที่จูงใจเป็นพิเศษ ตั้งเป้ายอดขายปีแรกที่ตั้งบริษัท ไว้ 1 ล้านใบ ในราคาสมาชิกรายละ 1 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่สามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ ยอดขายไม่ถึงเป้าหมาย และ มีการปรับลดเป้าจำหน่ายสมาชิกลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2551 ที่ผ่านมาตั้งเป้าสมาชิกใหม่เพียง 200 ใบ จากต้นปีที่ตั้งเป้า 600 ใบ และ 400 ใบ ตามลำดับ โดยปรับลดมาเรื่อยๆ ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย และ ตลอดเวลาที่ดำเนินธุรกิจมา องค์กรได้มีการปรับแผนการทำงานมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อมีผู้บริหารรายใหม่เข้ามารับผิดชอบ

โดยสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (บอร์ด ทีพีซี) คนปัจจุบัน ได้เคยออกมายอมรับภายหลังการรับตำแหน่งเมื่อกลางปี 2551 ว่าการจัดตั้งอีลิทการ์ด มีระยะเวลาการเตรียมการณ์ที่รวดเร็วเกิดไป ไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขให้ถี่ถ้วน จึงทำให้ที่ผ่านมา บริษัทไม่สามาถดำเนินการได้ตามแผน เพราะมั่วแต่ยุ่งกับเรื่องของการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งกับตัวแทนจำหน่าย และเงื่อนไขสมาชิก ประกอบกับการปรับขึ้นราคาสมาชิกเป็นใบละ 1.5 ล้านบาท แต่ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทำให้ราคาบัตรในต่างประเทศปรับขึ้นมากกว่าเท่าตัว ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวยให้คนต้องจับจ่าย ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ พร้อมกับแผนบริหารความเสี่ยง ล่าสุดจำนวนสมาชิกบัตรปัจจุบันมีประมาณ 2,600 ใบ

โครงการบัตรอีลิทการ์ด เปิดตัวอย่างอลังการเมื่อปี 2546 ด้วยการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำทุ่มงบโฆษณาผ่านสื่ออินเตอร์อย่าง CNN กว่า 140 ล้านบาท โดยรัฐบาลทักษิณ จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการนี้สูงถึง 1,000 ล้านบาท ด้วยความคิดฝันเฟื่องว่า จะขายบัตรให้กับบรรดา “อีลิท” ทั่วโลก ในราคา 1 ล้านบาท สำหรับรายบุคคล และ 2 ล้านบาท สำหรับนิติบุคคล พร้อมตั้งเป้าตัวเลขลูกค้าในปีแรก 1 แสนใบ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านใบภายใน 5 ปี ดูดเม็ดเงินเข้าประเทศมากกว่า 1 ล้านล้านบาท!!

คำโฆษณาสิทธิประโยชน์และสิทธิพิเศษสุดๆ ไม่เพียงแต่สิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยว แต่ยังรวมถึงอภิสิทธิ์ในการเดินทางเข้าออกประเทศด้วยการยกเลิกวีซ่าเป็นเวลา 5 ปี การทำธุรกรรมร่วมกับภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสิทธิ์การครอบครองที่ดินได้ถึง 10 ไร่ ชวนให้เชื่อว่าโครงการนี้มีแต่ความสำเร็จอย่างงดงามรออยู่เบื้องหน้า

แต่เมื่อถึงเวลาเอาจริงกลับกลายเป็นว่า สิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับนั้นไม่ได้เป็นไปดังคำโฆษณา ลูกค้าที่ซื้อบัตรไปแล้วไม่สามารถใช้บริการตามสิทธิ์ที่แจ้งไว้ ไม่สามารถซื้อหรือถือครองที่ดินได้เพราะติดปัญหาข้อกฎหมาย ฯลฯ แม้กระทั่งค่าโฆษณาก็ยังติดหนี้ CNN จนเป็นเรื่องฉาวโฉ่ทั่วโลก


ทีซีพี เลือกที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้ลงทุนแข่งขันกับเอกชนที่ทำธุรกิจอยู่แต่เดิม เช่น การทำบันทึกข้อตกลงกับกองทัพบก กองทัพเรือ กรมธนารักษ์ เพื่อขอใช้ที่ดินที่เชียงใหม่ หัวหิน พังงา ภูเก็ต สร้างสนามกอล์ฟเพื่อรองรับลูกค้า ก่อนที่จะพับแผนไปเพราะต้องลงทุนสูง และอาจรู้ตัวว่าไม่ได้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ จึงหันมาเช่าสนามกอล์ฟเอกชนแทน

ส่วนการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายบัตรทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีมากกว่า 10 ราย ก็มีข้อครหาว่าเอเย่นต์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบริษัทที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทักษิณ ขณะนั้น

ตัวแทนจำหน่ายที่เข้ามาได้เพราะอาศัยสายสัมพันธ์ จึงน่าสงสัยในฝีมือการขายว่า เจ๋งจริงหรือไม่

ไม่ว่าจะเป็นบริษัท แอคทีฟ จำกัด ที่มีนางสุนทรี จันทร์ประสิทธิ์ ซึ่งมารดามีศักดิ์เป็นน้าของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือ คิงส์ พาวเวอร์ ของนายวิชัย ศรีอักษร ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าแนบแน่นกับรัฐบาลทักษิณแค่ไหน เช่นเดียวกับบริษัทแกรนด์ อีลิท ในเครือของนายเหยียน ปิน นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ที่สนิทชิดเชื้อกับทักษิณเป็นพิเศษ

ขณะที่พันธมิตรกับคู่ค้า โรงแรม รีสอร์ต สถานพยาบาล สปา ฯลฯ แม้เอกชนจะให้ความร่วมมือ แต่ผู้บริหารโครงการอีลิทการ์ด ก็ไม่สามารถทำให้คู่ค้ายกระดับบริการให้ได้มาตรฐานเดียวกันในระดับพรีเมี่ยม ให้สมกับฐานะของผู้ใช้บัตรซึ่งเป็นระดับอีลิทหรือชนชั้นนำ

ที่สำคัญ ความคิดให้ต่างชาติเข้ามาถือครองแผ่นดินในไทย ไม่มีทางที่สังคมไทยจะรับได้ กระแสต่อต้านในประเด็นนี้ ทำให้บัตรอีลิทการ์ด ขาดแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการตัดสินใจซื้อบัตรอีลิทการ์ดหรือไม่ หาใช่สิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยวแต่อย่างใด
ผลการตรวจสอบโครงการบัตรอีลิทการ์ดจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า ททท.ไม่ศึกษาโครงการให้ดีก่อนลงทุน ทำให้ต้องปรับเป้าขายบัตรถึง 6 ครั้ง และขายได้แค่พันกว่าใบ เจ๊งเข้าเนื้อทุกปี แถมมีค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้องเพียบ เช่น จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไปดูงานที่ประเทศอังกฤษให้ ส.ส. พรรคไทยรักไทย

ประเด็นนี้ขอชี้แจงดังนี้นะครับ
การที่เราเป็นรัฐวิสาหกิจ “ไม่ได้หวังผลกำไร” นะครับ
แต่หวังว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ
ประโยชน์กับประเทศ อย่างไร?
เกิดจากการที่สมาชิกซึ่งเป็น high end จริงๆ ที่เป็น ผู้บริหารและ นักลงทุน ได้รับสิทธิการเข้าออกประเทศ และ ส่งเสริมให้เขาใช้จ่าย รวมไปถึงการลงทุนซึ่งมี ตัวอย่าง เยอะมากครับที่เป็นผลวิจัย และ ตัวเลข (หากต้องการดูร้องขอได้ครับ)
ดังนั้น บริษัทฯ อีลิท ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้การกำกับของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พึงจะแสวงหา กำไร เป็นกอบเป็นกำ หรือ ทำ เช่นรัฐวิสาหกิจ ที่ ส่งเสริม กิจกรรม บางอย่างในประเทศ
นี้คือสิ่งที่ ผู้บริหาร นักข่าว ภาคประชาชน ต้องมองกลับมาที่ โครงการว่า อยากให้ โครงการนี้ ทำกำไรจริงๆ ใช่ไหมจะได้หมดข้อครหาว่า บริษัทไม่กำไร
หรือ จะดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อ เป็น องค์กรหนึ่ง ที่เปิดตลาด การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ที่รักประเทศไทย อยากเที่ยวไทยแบบ มีระดับ เพื่อเป็นการขยายตลาดการท่องเที่ยวแบบ high end ของไทย จริงๆแทนที่จะเป็นการท่องเที่ยวไทยแบบ “คุ้มที่สุดในโลก”



ถ้าพูดกันตามตรง ความคิดผม โครงการนี้คือ เอาเงินภาษีประชาชน มาทำให้โครงการให้ขาดทุน เพื่อให้ บริษัทลูกได้กำไร โดยที่คนทั้งประเทศไม่ได้กำไรไปกับบริษัทลูกเหล่านี้ด้วย

1. คนรวยๆ มาท่องเที่ยวในไทย ใครได้ประโยชน์ ก็พวกโรงแรมใหญ่ๆดังๆ คิดหรือว่า แม่ค้าหาบเร่ แพงลอย ร้านอาหารธรรมดา จะได้ประโยค คนได้ที่ประโยชน์คือกลุ่มทุน นายทุน และบริษัทลูกที่ต่อกับโครงการนี้ เงินเข้ากระเป๋าใคร จะพูดได้ไหม โครงการนี้ทำเพื่อคนกลุ่มนี้

2. ระดับกลาง ถึงระดับล่าง ในประเทศไทยที่จะได้ประโยชน์ ก็คือนักท่องเที่ยวที่ back page มาประเทศไทยครับ กลุ่มนี้มีเยอะครับ ฝรั่งส่วนใหญ่ ฐานะไม่รวยมาก แต่ทำงานหลายปี ก็มีเงินเก็บมาเที่ยวได้ พวกนี้เที่ยวแบบประหยัด ไปซื้อตั๋วตามร้านตั๋ว มาเที่ยวกันเอง กางแผนที่

ซึ่งมันก็ไม่ต่างกับ 30 บาท รักษาทุกโรคของไอ้แม้วหรอกครับ แนวคิดดี แต่ทำจริงห่วย ทำให้เป็นภาระ กับ รพ รัฐ พวกรวย ก็ไป โรงบาลเอกชน ที่มีแม้ว และพรรคพวกเป็นเจ้าของ เหมือนกันเลย โครงการนี้ตั้งให้นักท่องเที่ยวรวยๆ เอาเงินไปป่อนให้บริษัทลูกที่มีแม้ว และพรรรคพวกเป็นเจ้าของ
Last edited by dutchout on Fri Aug 19, 2011 12:18 am, edited 1 time in total.
User avatar
dutchout
 
Posts: 2194
Joined: Tue Apr 14, 2009 10:53 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby G Elite » Fri Aug 19, 2011 12:17 am

dutchout wrote:
G Elite wrote:
saopao wrote:แปลว่าถ้า รมต. คนนั้นกลับไปคุมกระทรวงเดิมอีกครั้ง
อีลีทการ์ด ก็ต้องปิดในไม่ช้าสิฮะ

แล้วตอนนี้เค้ากลับไปคุมกระทรวงเดิมรึยัง

ก่อนที่จะได้ รายชื่อ รมต. ที่แท้จริง มีการ ยื้อกันระหว่าง พรรคปลาไหล กับ พลังชล
อยู่พักใหญ่ ท้ายที่สุด ปลาไหลได้ รมต. พร้อม รองนายกฯ
พลังชล ถอย ไปเอา กระทรวงอื่น
ถามว่า จะปิดไหม
ตอนนี้ เค้าเป็น รมต. แล้ว จะทำอะไรก็ได้ เหมือนเช่นเคย



ผมว่าไม่ปิดครับโครงการนี้
1. ปิดไป อาจโดนฟ้องได้ เพราะลูกค้าที่จ่ายเงินแล้วให้ทำอย่างไร
2. ตัวโครงการถึงจะขาดทุน แต่ที่ได้ประโยชน์คือ บริษัทลูกๆ ที่รับงานจากโครงการนี้ ยกตัวอย่าง ก็พวกสนามกอลฟ์ โรงแรม บริษัทนู้นนั้นนี้ ก็ต้องไปไล่เช็คแล้วละว่า บริษัทของใครบ้าง รมต หรือ สส คนไหน มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า

พูดตรงๆ นะครับ
ผมทำงาน เหนือยมาก บางทีก็ท้อ จนนึกในใจ พักหลังนี้ ว่า “ปิดๆไปเถอะ บริษัทฯ ก็ไม่ใช่ของกู”ฃ
แฟนก็บอให้เปลี่ยนงาน ทำที่อื่นได้เยอะกว่า (บางคนนั่งเฉยๆ เงินเดือน 1.8 แสน แถมมีคดีทุจริตค้าง ผมนั่งทำงาน แล้วรู้สึก รังเกียดมาก)
แต่หาก ดำเนินการต่อ ขอให้โปร่งใส ขอคนดี มีฝีมือเข้ามาทำงาน
ต่อให้เงินเดือนน้อย กว่าทำให้เอกชน แต่ เราก็รู้สึกว่า ประเทศไทยได้อะไรจาก โครงการที่ใครไม่รู้คิดไว้ คิดดี แต่ ไม่ใส่ใจ เหมือน ทำผู้หญิงท้องแล้วคลอดลูกออกมาก็ทิ้งไว้บ้านเมียหลวง แล้วก็เมียหลวงก็จิกหัวด่า(ททท.) พอไม่ได้รับอบรม ดูแล ใส่ใจ ด้วยเพราะเป็นเด็ก(ขาดการบริหารจัดการที่โปร่งใส) ไปทำเรื่องไว้ก่อเรื่องไว้ ชาวบ้านก็ด่า กลับมาผู้ปรกครอง(ททท.)ก็ด่าอีก บอกว่า “ไปก่อเรื่องไว้อีกแล้ว เด็กเหลือขอจริงๆ”
คำถามคือ คุณไม่ได้ดูแลลูกเลย ปล่อยให้ไป อดๆ ยากๆ ไปขโมยของชาวบ้าน (ไปทุจริตเชิงนโยบาย) แล้วก็มาว่าเขา
พ่อ ก็หนีไปอยู่ที่อื่น (ดูไบ) ไม่ใยดี อะไรเลย พอมีคนถามว่า ลูกคนนี้ลูกใครก็ อั้มอึ้ง ตอบไม่ถูก บอกว่า ให้ เมียหลวง(ททท.)ดูแลแล้ว ทำไมดูแล ไม่ดี
สรุป นี้คือ ชีวติ ลูกเมียน้อย (อีลิท)
ปล. อธิบายให้เห็นภาพแบบชาวบ้าน เข้าใจง่าย นี้คือเรื่องจริง ทำงานที่นี้แล้วเป็นอย่างนี้จริงๆ
User avatar
G Elite
 
Posts: 21
Joined: Thu Aug 18, 2011 10:24 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby G Elite » Fri Aug 19, 2011 12:18 am

dutchout wrote:
G Elite wrote:
Gop wrote:อธิบายตรงนี้หน่อยได้มั้ยครับ
วี อีลิท wrote:Image



จากที่คุณเอามาลงเนี่ย ตั้งแต่หมดยุคทักษิณ การขาดทุนก็ลดลงเรื่อยๆ จนสุท้ายปี ๕๓ ถึงเริ่มมีผลกำไร แล้วทำไมคุณถึงบอกว่า
ช่วงที่หยุดดดำเนินการ ๒๘ เดิอนคือช่วงที่เกิดความเสียหายมากที่สุด ทำไมถึงได้เป็นช่วงเวลาที่ผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยๆ จน
เปลี่ยนจากตัวแดงเป็นตัวเขียวได้ล่ะครับ :?: :?:

อย่างงี้นะครับ การที่บริษัทเป็น การรับสมาชิก เงินที่ได้รับมาจากสมาชิก จะต้อง "ทยอยรับรู้รายได้" คือ ได้ค่าสมาชิกมา 1 ล้านจะลง บันทึกทางบัญชี 1 ล้านเลยไม่ต้อง ต้องทยอยรับ
ที่นี้ที่ถามว่า28 เดือนที่หยุด และ เสียหายมากที่สุด กับผลประกอบการที่ขึ้นก็เพราะ
การทยอยรับรู้รายได้ จะเห็นกำไร(ทางบัญชี) ประมาณ 5 ปีให้หลัง ซึ่งก็คือช่วงปีดังกล่าว
แต่ในปีดังกล่าว บริษัทไม่ได้รับ สมาชิกเพิ่มเลย
จึงทำให้ "ตัวเลขทางบัญชี" กำไรอย่างเห็นได้ชัด
กรณี นี้ หากผู้รู้ท่านใด รับทราบเกี่ยวกับ "การรับรู้รายได้" ขอ้ให้ช่วยชี้แจงด้วยครับ
เดี๋ยวผมขอไปค้นข้อมูล แบบ เปะ ๆ เพื่อนำเสนออีกทีดีกว่า
ปล. ไม่รู้ว่าอธิบายทำให้เข้าใจหรือเปล่า เดี๋ยวจะหาข้อมูลมาให้ทราบอีกทีหนึ่งครับ



งง ครับ ได้สมาชิกเพิ่ม 1 คน ได้ 1 ล้าน แต่พอหยุดรับสมาชิกเงินไม่เข้า แต่ตัวเลขทางบัญชีแสดงว่ากำไร

ถ้างั้น ถ้าเปิดโครงการนี้ ก็เสมือนว่า ผมสมมุติตัวเลขนะครับ ทุกสมาชิก 1 คน ที่เข้ามาโครงนี้ 1 คน จะทำให้โครงการนี้ขาดทุน 10% หรือเปล่า เพราะตามหลักแล้ว รับเงินเข้ามาในโครงการ นั้นก็น่าจะคือทุนและกำไรเข้าบริษัท มิช่ายทำให้มันขาดทุนไปเรื่อยๆ ต่อสมาชิก 1 คน ที่เข้าร่วมโครงการนี้

ถูกต้องครับ ยิ่งทำยิ่งขาดทุน(ทางบัญชี คือขาดทุนทางตัวเลขแต่เงินมี) แต่ทำไปเรื่อยจะกำไรเพราะจะรับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้น
User avatar
G Elite
 
Posts: 21
Joined: Thu Aug 18, 2011 10:24 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby G Elite » Fri Aug 19, 2011 12:23 am

Bookmarks wrote:
G Elite wrote:ต้องขอลำดับความตามเวลาดังนี้ครับ
แม้วเค้า promote โดยบอกว่า ให้ชาวต่างชาติ ถือที่ดินไทยได้ (ทางคุณบอกว่า สิทธิถือครองที่ดิน 10 ปี อันนี้ผิดไปจากข้อเท็จจริงครับ) ทำให้คนแห่มาซื้อ พอมาตอนหลังตรวจสอบพบว่าการที่คนต่างชาติจะซื้อที่ดินไทยจะต้อง (อันนี้ผมไม่แม่นนะครับผิดพลาดอย่างไร แจงให้ด้วย) เอาเงิน มาฝาก 5-10ล้าน / 1 ไร่ เป็นระยะเวลา เท่านี้ๆ ปี ซึ่ง ประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่โดนโจมตีเป็นอย่างมาก
ประเด็นต่อมา ที่เอา พื้นที่ของทหารที่สนามก๊อฟ
เกิดจากที่ บริษัทจะต้อง จ่ายเงิน ค่า ใช้บริการ การออกรอบของสนามก๊อฟ ในกทม.และ ปริมณฑล เพื่อให้สมาชิกใช้บริการ ก็เลยมีการคิดต่อว่าหากนำเงินของสมาชิกที่ได้มาจากค่าบัตร นำมาลงทุนโดยใช้ พื้นที่ของทาง ทหารที่ว่างอยู่นำมาพัฒนาเป็นสนามก๊อฟ แล้วทำการบริหารจัดการเอง ย่อมเป็นการ ลงทุนที่ลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย และ นำพื้นที่ ไปก่อให้เกิดประโยชน์ แต่ โครงการนี้ก็พับไป เพราะ... อะไรอันนี้ผมไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า ต่อมา ก็ เปลี่ยนเป็น จ่ายเงินก้อนให้ สนามก๊อฟเอกชน แล้วก็ ให้สามารถใช้ได้ระยะยาว

คุณ G กรุณาเขียนให้ละเอียดครับ
- เรื่องมีสิทธิ์ถือครองที่ดิน 10 ปี ทางสื่อลงข่าวไม่ถูกต้อง หรือสมาชิกอีลิทการ์ด ได้รับข้อมูลเกินจริงจากปากแม้ว
- ใครโจมตี ทีพีซี ทางกลุ่มสมาชิก หรือสื่อโจมตี

เรื่องที่ดิน ที่ผมอธิบายไปข้างต้นตามนั้นเลยครับ ส่วนเรืองการโจมตี บริษทฯ น่าจะเป็น เรื่งอที่ นักข่าว หรือ นักคอลัมนิส เขียน ด้วยความไม่รู้ (มีเยอะครับผมอ่านแล้ว อยากจะเชิญเขามารับเอกสารข้อมูลของบริษัทไปอ่านจริงๆ) แล้วเขียน อย่างเมามันส์ ให้ รู้สึกว่า อีลิท = ทักษิณ คิด , แล้ว ขาดทุน= ทักษิณ ทำ ไม่เก่งจริงนี่หว่า นี้คือ อารมณ์ ประมาณนั้นที่ออกมา โดยขาด ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่หนังสือพิมพ์ที่มาบริษัทฯ รับข้อมูลโดยตรงจะ ออกข่าวถูกต้องตามที่ได้ให้ไปครับ
User avatar
G Elite
 
Posts: 21
Joined: Thu Aug 18, 2011 10:24 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby G Elite » Fri Aug 19, 2011 12:28 am

nithiphat wrote:
G Elite wrote:
wisary wrote:- พอบอกได้ไหมครับรายรับของโครงการนี้ได้มาจากแหล่งใดบ้าง รายจ่ายแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ เท่าไร
และปัจจุบันมีสมาชิกทั้ง 2 ประเภทกี่รายครับ และบริษัทตั้งเป้าว่าจะต้องได้สมาชิกเท่าใด

รายรับตั่งแต่เริ่มโครงการหลักๆก็มี
ค่าบัตร
แล้วนำเงินค่าบัตรไปลงทุนตราสาร ดอกเบี้ย
ค่าให้บริการกับทาง TCEPT ในการตอนรับ คนที่เข้าประชุม ในประเทศไทย
โครงการ สุวรรณภูมิพรีเมี่ยม ที่ บางคน ปันสิทธิประโยชน์บริษัท เข้ากระเป๋า คนบางคน.... (บริษัทเสียหาย ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่)
รายจ่ายก็จะเป็นด้าน vendor การให้บริการสมาชิก ค่า admin ทั่วไป ค่าพนักงาน ราว 10 ล้าน / เดือน
สมาชิกมี 2ประเภท บุคคล และ นิติบุคคล
เรื่องการตั้งเป้า ณ ตอน แรก ทักษิณ บอก 1 ล้าน หาก ได้ 1 ล้านล้านๆ บาท
พอเอาเข้าจริงทำไม่ได้ เพราะเอาลูกคุณหนูมาขายของ จะเหลือหรอ?
ต่อมาก็ลดเป้า แล้วก็ ล้มพับไป
หากผมมอง ในฐานะที่เป็น sale มาก่อน ผมบอกได้เลยครับว่า "เน่ามากกับการบริหาร"
แต่หาก จัดการดีๆ เป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศแน่ๆ คือ ถ้า โครงการไม่ดีจริง มาเล และ ประเทศ ท่องเที่ยวอื่นๆ หลายๆประเทศ คงไม่ apply นำไปใช้ ครับ

ปล. ขออภัยด้วยที่ ต้องพิมพ์ ภาษาอังกฤษ ควบคู่ไป มันติด ผมจบราม ครับแต่ก็ คิดว่าภาษาอังกฤษ เราหนี้ไม่พ้น ที่จะต้องใช้ หาก ไม่ถูกใจประการใดขออภัย ด้วยความไม่ตั้งใจมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


ปัจจุบันมีสมาชิกทั้ง 2 ประเภทกี่รายครับ

Image
User avatar
G Elite
 
Posts: 21
Joined: Thu Aug 18, 2011 10:24 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby G Elite » Fri Aug 19, 2011 12:30 am

ผมขอพักผ่อนก่อนนะครับ
เดี๋ยวไว้ตอบ กระทู้ที่เหลือในวันพรุ่งนี้
ขอบคุณครับ
User avatar
G Elite
 
Posts: 21
Joined: Thu Aug 18, 2011 10:24 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby Bookmarks » Fri Aug 19, 2011 1:57 am

G Elite wrote:
Bookmarks wrote:
G Elite wrote:ต้องขอลำดับความตามเวลาดังนี้ครับ
แม้วเค้า promote โดยบอกว่า ให้ชาวต่างชาติ ถือที่ดินไทยได้ (ทางคุณบอกว่า สิทธิถือครองที่ดิน 10 ปี อันนี้ผิดไปจากข้อเท็จจริงครับ) ทำให้คนแห่มาซื้อ พอมาตอนหลังตรวจสอบพบว่าการที่คนต่างชาติจะซื้อที่ดินไทยจะต้อง (อันนี้ผมไม่แม่นนะครับผิดพลาดอย่างไร แจงให้ด้วย) เอาเงิน มาฝาก 5-10ล้าน / 1 ไร่ เป็นระยะเวลา เท่านี้ๆ ปี ซึ่ง ประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่โดนโจมตีเป็นอย่างมาก
ประเด็นต่อมา ที่เอา พื้นที่ของทหารที่สนามก๊อฟ
เกิดจากที่ บริษัทจะต้อง จ่ายเงิน ค่า ใช้บริการ การออกรอบของสนามก๊อฟ ในกทม.และ ปริมณฑล เพื่อให้สมาชิกใช้บริการ ก็เลยมีการคิดต่อว่าหากนำเงินของสมาชิกที่ได้มาจากค่าบัตร นำมาลงทุนโดยใช้ พื้นที่ของทาง ทหารที่ว่างอยู่นำมาพัฒนาเป็นสนามก๊อฟ แล้วทำการบริหารจัดการเอง ย่อมเป็นการ ลงทุนที่ลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย และ นำพื้นที่ ไปก่อให้เกิดประโยชน์ แต่ โครงการนี้ก็พับไป เพราะ... อะไรอันนี้ผมไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า ต่อมา ก็ เปลี่ยนเป็น จ่ายเงินก้อนให้ สนามก๊อฟเอกชน แล้วก็ ให้สามารถใช้ได้ระยะยาว

คุณ G กรุณาเขียนให้ละเอียดครับ
- เรื่องมีสิทธิ์ถือครองที่ดิน 10 ปี ทางสื่อลงข่าวไม่ถูกต้อง หรือสมาชิกอีลิทการ์ด ได้รับข้อมูลเกินจริงจากปากแม้ว
- ใครโจมตี ทีพีซี ทางกลุ่มสมาชิก หรือสื่อโจมตี

เรื่องที่ดิน ที่ผมอธิบายไปข้างต้นตามนั้นเลยครับ ส่วนเรืองการโจมตี บริษทฯ น่าจะเป็น เรื่งอที่ นักข่าว หรือ นักคอลัมนิส เขียน ด้วยความไม่รู้ (มีเยอะครับผมอ่านแล้ว อยากจะเชิญเขามารับเอกสารข้อมูลของบริษัทไปอ่านจริงๆ) แล้วเขียน อย่างเมามันส์ ให้ รู้สึกว่า อีลิท = ทักษิณ คิด , แล้ว ขาดทุน= ทักษิณ ทำ ไม่เก่งจริงนี่หว่า นี้คือ อารมณ์ ประมาณนั้นที่ออกมา โดยขาด ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่หนังสือพิมพ์ที่มาบริษัทฯ รับข้อมูลโดยตรงจะ ออกข่าวถูกต้องตามที่ได้ให้ไปครับ

เอาเข้าประเด็นเลยครับ ตอบไม่ตรงคำถาม ผม งง
ผมถามว่า สมาชิกมีสิทธิ์ ถือครองที่ดินได้ 10 ปี หรือเปล่า ถ้าเค้าทำตามเงื่อนไขของ ทีพีซี ตอบให้ตรงประเด็นเลยครับ
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby Bookmarks » Fri Aug 19, 2011 2:01 am

G Elite wrote:
Bookmarks wrote:
G Elite wrote:ต้องขอลำดับความตามเวลาดังนี้ครับ
แม้วเค้า promote โดยบอกว่า ให้ชาวต่างชาติ ถือที่ดินไทยได้ (ทางคุณบอกว่า สิทธิถือครองที่ดิน 10 ปี อันนี้ผิดไปจากข้อเท็จจริงครับ) ทำให้คนแห่มาซื้อ พอมาตอนหลังตรวจสอบพบว่าการที่คนต่างชาติจะซื้อที่ดินไทยจะต้อง (อันนี้ผมไม่แม่นนะครับผิดพลาดอย่างไร แจงให้ด้วย) เอาเงิน มาฝาก 5-10ล้าน / 1 ไร่ เป็นระยะเวลา เท่านี้ๆ ปี ซึ่ง ประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่โดนโจมตีเป็นอย่างมาก
ประเด็นต่อมา ที่เอา พื้นที่ของทหารที่สนามก๊อฟ
เกิดจากที่ บริษัทจะต้อง จ่ายเงิน ค่า ใช้บริการ การออกรอบของสนามก๊อฟ ในกทม.และ ปริมณฑล เพื่อให้สมาชิกใช้บริการ ก็เลยมีการคิดต่อว่าหากนำเงินของสมาชิกที่ได้มาจากค่าบัตร นำมาลงทุนโดยใช้ พื้นที่ของทาง ทหารที่ว่างอยู่นำมาพัฒนาเป็นสนามก๊อฟ แล้วทำการบริหารจัดการเอง ย่อมเป็นการ ลงทุนที่ลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย และ นำพื้นที่ ไปก่อให้เกิดประโยชน์ แต่ โครงการนี้ก็พับไป เพราะ... อะไรอันนี้ผมไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า ต่อมา ก็ เปลี่ยนเป็น จ่ายเงินก้อนให้ สนามก๊อฟเอกชน แล้วก็ ให้สามารถใช้ได้ระยะยาว

คุณ G กรุณาเขียนให้ละเอียดครับ
- เรื่องมีสิทธิ์ถือครองที่ดิน 10 ปี ทางสื่อลงข่าวไม่ถูกต้อง หรือสมาชิกอีลิทการ์ด ได้รับข้อมูลเกินจริงจากปากแม้ว
- ใครโจมตี ทีพีซี ทางกลุ่มสมาชิก หรือสื่อโจมตี

เรื่องที่ดิน ที่ผมอธิบายไปข้างต้นตามนั้นเลยครับ ส่วนเรืองการโจมตี บริษทฯ น่าจะเป็น เรื่งอที่ นักข่าว หรือ นักคอลัมนิส เขียน ด้วยความไม่รู้ (มีเยอะครับผมอ่านแล้ว อยากจะเชิญเขามารับเอกสารข้อมูลของบริษัทไปอ่านจริงๆ) แล้วเขียน อย่างเมามันส์ ให้ รู้สึกว่า อีลิท = ทักษิณ คิด , แล้ว ขาดทุน= ทักษิณ ทำ ไม่เก่งจริงนี่หว่า นี้คือ อารมณ์ ประมาณนั้นที่ออกมา โดยขาด ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่หนังสือพิมพ์ที่มาบริษัทฯ รับข้อมูลโดยตรงจะ ออกข่าวถูกต้องตามที่ได้ให้ไปครับ

คนนี้เป็นใครครับ ถึงบอกว่า สื่อเขียนด้วยความไม่รู้
สรจักร เกษมสุวรรณ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (บอร์ด ทีพีซี) คนปัจจุบัน ได้เคยออกมายอมรับภายหลังการรับตำแหน่งเมื่อกลางปี 2551 ว่าการจัดตั้งอีลิทการ์ด มีระยะเวลาการเตรียมการณ์ที่รวดเร็วเกิดไป ไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขให้ถี่ถ้วน จึงทำให้ที่ผ่านมา บริษัทไม่สามาถดำเนินการได้ตามแผน เพราะมั่วแต่ยุ่งกับเรื่องของการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งกับตัวแทนจำหน่าย และเงื่อนไขสมาชิก ประกอบกับการปรับขึ้นราคาสมาชิกเป็นใบละ 1.5 ล้านบาท แต่ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทำให้ราคาบัตรในต่างประเทศปรับขึ้นมากกว่าเท่าตัว ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวยให้คนต้องจับจ่าย ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ พร้อมกับแผนบริหารความเสี่ยง ล่าสุดจำนวนสมาชิกบัตรปัจจุบันมีประมาณ 2,600 ใบ
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby nithiphat » Fri Aug 19, 2011 4:34 am

G Elite wrote:Image


แล้วจุดคืนทุนของโครงการต้องมีสมาชิกอย่างน้อยกี่คนภายในกี่ปีครับ เนื่องจากว่าโครงการนี้ไม่ใช่สาธารณูปโภคพื้นฐานที่รัฐจำเป็นต้องลงทุนและแบกค่าใช้จ่ายเอาไว้เอง มีเป้าหมายเพื่อหาเงินเป็นหลัก ไม่ใช่แค่การส่งเสริมการท่องเที่ยว ดังนั้นถ้ามันไม่ถึงจุดคุ้มทุนซักที มันจะมีประโยชน์อะไร
User avatar
nithiphat
 
Posts: 660
Joined: Sat Apr 24, 2010 7:33 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby คลำปม » Fri Aug 19, 2011 5:56 am

โครงการณ์อีลิทการ์ดมันห่วยตั้งแต่โครงสร้างเลยครับ มันเน่าในมาแต่แรก

รายละเอียดไม่ดี ไม่ชัด สร้างภาพแต่ไม่มีประสิทธิภาพ โกงกันตั้งแต่แรก

อย่ามาบอกว่าแนวคิดดีเลย แนวคิดทุกนโยบายพูดให้ดีมันก็ดีทั้งนั้นแหละครับ

คุณเปลี่ยนงานได้ก็เปลี่ยนงานไปเถอะ มีประสบการณ์ที่นี่หาช่องไปอยู่ที่อื่นน่าจะยังพอได้ครับก่อนที่มันจะส่งกลิ่นออกมามากกว่านี้


คุณคิดดูนะการท่องเที่ยวประเทศไทยนี่รายได้มโหฬารขนาดไหน

2 ปีมานี้เป็นอะไรที่รุ่งเรืองสุดๆ ธุรกิจโรงแรมโบนัสกันงามๆทั้งนั้น

แต่อีลิทการ์ดซึ่งมีนักท่องเที่ยวระดับเฟิร์สคลาสสุดยอดหัวกระทิจากทั่วโลกอยู่ในมือทำกันยังไงครับกำไรหยุมหยิม

อย่ามาอ้างรอบบัญชีของการรับรู้รายได้อะไรเลยครับที่จริงมันต้องกำไรมโหฬารเพราะการท่องเที่ยวมันเติบโตมากจริงๆ

ขายสิทธิให้เอกชนไปทำเถอะครับ รัฐคอยกำกับอยู่ห่างๆก็พอ
ถ้าอยากให้คนยอมรับเสียงส่วนใหญ่ เสียงส่วนใหญ่ก็ต้องรู้จักมารยาท รู้จักแสดงออกอย่างมีคุณภาพครับ...
User avatar
คลำปม
 
Posts: 1791
Joined: Sat Jan 08, 2011 6:58 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby AtheNa » Fri Aug 19, 2011 9:32 am

555+++

ขอหัวเราะหน่อยนะคะ...วีซ่าห้าปี...คุณรู้จักที่นั่นจริงป่าว?...ถ้ามีอีลิทการ์ดน่ะ เค้าไม่ได้มองวีซ่าด้วยซ้ำเพราะบัตรนี้ขอวีซ่าง่ายจะตาย (ทุกวันนี้วีซ่าไทยก็ของ่ายอยู่แล้ว)...เค้ามองที่ตัวบัตร ที่ไม่มีการกำหนดวันหมดอายุ และยังสามารถถ่ายโอนสิทธิได้อีก สัญญาที่วันหมดอายุเปิดกว้างเป็นสัญญาที่บกพร่อง...อีกเยอะ กับโครงการนี้
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้ชัยชนะ นั่นก็คือ การที่คนดีๆ นิ่งดูดาย

" The only thing necessary for the Triumph of Evil is for Good Men to do Nothing "


(Edmund Burke)
User avatar
AtheNa
 
Posts: 403
Joined: Fri Nov 13, 2009 10:08 pm
Location: Bkk

Re: อีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลยครับ

Postby ห่วยแมน » Fri Aug 19, 2011 10:21 am

คนคิดโครงกิน เอ้ย โครงการนี้จะไม่คิดกลับมาแก้ปัญหานี้หน่อยเหรอครับ ถ้ารักประเทศไทยจริงก็ควรจะช่วยกู้ภาพให้กลับมาดูดีบ้าง ก่อนหน้านี้เห็นแต่โฟนอินหลอกชาวบ้านไปวันๆ พอมาวันนี้จะไปประเทศนั้นประเทศนี้ จะคิดโครงการใหญ่โตเอานักลงทุนต่างชาติเข้ามาในประเทศ จะมีคนเสนอให้เป็นฑูตการค้า... ผมว่าแก้ของเดิมก่อนแล้วค่อยคิดโครงกิน เอ้ย โครงการอื่นจะดีกว่าไหม

เรื่องตัวเลขมันก็เป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่าโครงการนี้ล้มเหลวในทางธุรกิจ ผมเห็นด้วยในส่วนที่ว่าแนวคิดโครงการดี ตรงที่จะดึงดูดให้ชาวต่างชาติคลาสเอ เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าล้มเหลวครับ ล้มเหลวตั้งแต่การทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหายแล้วด้วยซ้ำ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ออกไปก่อนโดยไม่มีการวางแผนว่าทำได้หรือทำไม่ได้ แค่นี้ก็ผิดแล้ว ยกตัวอย่างเรื่องที่ดิน เรื่องนี้ถามสมาชิกดูได้ครับ เค้าสมัครเพราะอยากซื้อที่ดิน แล้วเป็นไง พอสมัครแล้วไอ้โน่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แถมสิทธิ์ต่างๆที่เคยได้ก็ลดลงเรื่อยๆ เค้าด่ากันเสียหาย เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ชื่อ ทักษิณ เป็นคนหลอกชาวต่างชาติให้เสียเงิน

แล้วมันจะผิดตรงไหนที่จะบอกว่าโครงการนี้คือหนึ่งในความล้มเหลวของทักษิณ??? หรือจะล้อฟรีบอกว่า ทักษิณคิด คนอื่นเอาไปทำแล้วเจ๊ง ก็ให้ไปรับผิดชอบกันเองอย่างนั้นหรือ??? โครงการอีลิทการ์ดเป็นเพียงหนึ่งในโครงการผักชีโรยหน้าทั้งหลายที่"ทำได" แต่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของทักษิณ
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ = ประเทศไทย
User avatar
ห่วยแมน
 
Posts: 113
Joined: Thu Jun 30, 2011 12:28 pm

Re: อีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลยครับ

Postby ประเทศไทย » Fri Aug 19, 2011 10:29 am

ขอบคุณคุณ จี อีลิท สำหรับการแบ่งปันข้อมูล
User avatar
ประเทศไทย
 
Posts: 283
Joined: Mon Apr 26, 2010 4:09 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby Bookmarks » Fri Aug 19, 2011 2:01 pm

G Elite wrote:
Bookmarks wrote:
G Elite wrote:ต้องขอลำดับความตามเวลาดังนี้ครับ
แม้วเค้า promote โดยบอกว่า ให้ชาวต่างชาติ ถือที่ดินไทยได้ (ทางคุณบอกว่า สิทธิถือครองที่ดิน 10 ปี อันนี้ผิดไปจากข้อเท็จจริงครับ) ทำให้คนแห่มาซื้อ พอมาตอนหลังตรวจสอบพบว่าการที่คนต่างชาติจะซื้อที่ดินไทยจะต้อง (อันนี้ผมไม่แม่นนะครับผิดพลาดอย่างไร แจงให้ด้วย) เอาเงิน มาฝาก 5-10ล้าน / 1 ไร่ เป็นระยะเวลา เท่านี้ๆ ปี ซึ่ง ประเด็นนี้ เป็นเรื่องที่โดนโจมตีเป็นอย่างมาก
ประเด็นต่อมา ที่เอา พื้นที่ของทหารที่สนามก๊อฟ
เกิดจากที่ บริษัทจะต้อง จ่ายเงิน ค่า ใช้บริการ การออกรอบของสนามก๊อฟ ในกทม.และ ปริมณฑล เพื่อให้สมาชิกใช้บริการ ก็เลยมีการคิดต่อว่าหากนำเงินของสมาชิกที่ได้มาจากค่าบัตร นำมาลงทุนโดยใช้ พื้นที่ของทาง ทหารที่ว่างอยู่นำมาพัฒนาเป็นสนามก๊อฟ แล้วทำการบริหารจัดการเอง ย่อมเป็นการ ลงทุนที่ลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย และ นำพื้นที่ ไปก่อให้เกิดประโยชน์ แต่ โครงการนี้ก็พับไป เพราะ... อะไรอันนี้ผมไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า ต่อมา ก็ เปลี่ยนเป็น จ่ายเงินก้อนให้ สนามก๊อฟเอกชน แล้วก็ ให้สามารถใช้ได้ระยะยาว

คุณ G กรุณาเขียนให้ละเอียดครับ
- เรื่องมีสิทธิ์ถือครองที่ดิน 10 ปี ทางสื่อลงข่าวไม่ถูกต้อง หรือสมาชิกอีลิทการ์ด ได้รับข้อมูลเกินจริงจากปากแม้ว
- ใครโจมตี ทีพีซี ทางกลุ่มสมาชิก หรือสื่อโจมตี

เรื่องที่ดิน ที่ผมอธิบายไปข้างต้นตามนั้นเลยครับ ส่วนเรืองการโจมตี บริษทฯ น่าจะเป็น เรื่งอที่ นักข่าว หรือ นักคอลัมนิส เขียน ด้วยความไม่รู้ (มีเยอะครับผมอ่านแล้ว อยากจะเชิญเขามารับเอกสารข้อมูลของบริษัทไปอ่านจริงๆ) แล้วเขียน อย่างเมามันส์ ให้ รู้สึกว่า อีลิท = ทักษิณ คิด , แล้ว ขาดทุน= ทักษิณ ทำ ไม่เก่งจริงนี่หว่า นี้คือ อารมณ์ ประมาณนั้นที่ออกมา โดยขาด ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่หนังสือพิมพ์ที่มาบริษัทฯ รับข้อมูลโดยตรงจะ ออกข่าวถูกต้องตามที่ได้ให้ไปครับ

ที่คุณบอกว่า นักข่าวเขียนโดยไม่รู้ ถ้าคุณอ่านข่าว เค้าก็ถามจากผู้บริหารและพนักงานใน อีลิทการ์ด แล้วคุณไปอยู่ไหนหรือครับ ตอนนักข่าวไปสัมภาษณ์ ทำไมคุณถึงคิดว่า ข้อมูลของคุณถูกต้องกว่าผู้บริหารของอีลิทการ์ด แล้วคุณทำงานระดับไหนหรือครับ
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: อีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลยครับ

Postby Eyey » Fri Aug 19, 2011 5:51 pm

อยากจะบอกว่า อ่านแล้วเข้าใจคุณ G นะคะ เราทำงานในองค์กร เราย่อมรักและผูกพันในองค์กรเป็นธรรมดา เราคิดว่าใครที่ด่าสาดเสียเทเสียองค์กรตัวเองนี่สิคบไม่ได้

คุณตอบกระทู้ได้สุภา น่าชื่นชมมากค่ะ เข้าใจว่าต้องมีความอดทนและเป็นผู้ใหญ่มากพอทีเดียวถึงตอบด้วยความใจเย็นแบบนี้ได้

แต่เราจับใจความได้ว่า คุณคิดว่าทักกี้ไม่ผิด แต่ปลาไหลผิดเพราะมาบริหารผิดพลาด

เราอยากให้คุณมองว่า คนที่มาตอบในกระทู้นี้เค้ามองว่าทักกี้ผิดเพราะอะไร

เราไม่เถียงว่าแนวคิดมันดีค่ะ มันเลิศหรู แต่...คนที่เค้าคิดแนวคิดนี้ขึ้นมา เค้ามองไม่เห็นปัญหาเลยจริงๆเหรอคะ ตั้งแต่ที่คุณบอกว่าทักกี้ตั้งเป้า สมาชิก 1 ล้านคนแล้ว มันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ "เพ้อเจ้อ" ไม่ใช่เพ้อฝัน

ที่มันตลกก็คือ มีคนเชื่อว่าเค้าจะทำได้ด้วย เพราะจริงๆแล้วมันไม่มีอะไรมารองรับความคิดของเค้าเลยว่า จะหาสมาชิก 1 ล้านคน ได้อย่างไร

ไม่ว่าแนวคิดของโครงการมันจะดีแค่ไหน แต่ถ้ามันมีปัญหาขึ้นมาแล้ว คนคิดโครงการจะไม่มีส่วนรับผิดชอบเลยจริงๆเหรอคะ เอาง่ายๆค่ะ บริษัทเอกชน คิดโปรเจก A ขึ้นมา โดย CEO คราวนี้ CEO สั่งให้ลูกน้องคือผู้บริหารระดับล่างลงมาให้ไปทำ และต่อมาโครงการล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แน่นอนค่ะที่โดนเด้งมันคงเป็นลูกน้อง แต่ถามหน่อยว่า CEO ไม่ผิดเลยเหรอคะ เพียงเพราะคุณบอกว่า CEO คิด ลูกน้องทำ ลูกน้องทำไม่ได้ดังที่ CEO คิด ดังนั้นลูกน้องผิด CEO ไม่ต้องรับผิดชอบ เรากลับมองว่าคุณเป็นระดับ CEO แล้ว คุณไม่ได้คิดทางแก้ปัญหา หรือมองปัญหาล่วงหน้า ไม่สมควรมาเป็น CEO หรอกค่ะ

คราวนี้มันเป็นเรื่องของประเทศค่ะ ถ้าโครงการนั้นๆ ทำขึ้นมาแล้วต้องล้มไป โดยขาดทุนขนาดนี้ และยิ่งรับรู้ว่ามีบริษัทของนักการเมืองเข้ามากินจนอิ่มแบบนี้ และไม่ใช่โครงการเพื่อประชาชนคนไทยซักนิด แต่เพื่อคนต่างชาติ (ถึงจะบอกว่ามันกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่มีความเห็นบนๆได้อธิบายไปแล้วว่าที่รับประโยชน์จริงๆคือนายทุน ไม่ใช่คนชั้นรากหญ้า) เรายิ่งต้องบอกค่ะว่า โครงการนี้ทักกี้ผิดเต็มๆ และยิ่งเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะได้เห็นว่า แต่ละโครงการที่ทักกี้คิดนั้น ไม่ใช่เพื่อประชาชนรากหญ้าที่เป็นฐานเสียงสักนิด แต่เพื่อตัวเองและพวกพ้องอย่างเดียวเลยค่ะ
"In politics, stupidity is not a handicap." - Napoleon Bonaparte

ในทางการเมือง ความโง่บัดซบ ไม่ใช่แต้มต่อแต่อย่างใด
User avatar
Eyey
 
Posts: 287
Joined: Thu Aug 18, 2011 8:46 pm

Re: คุณ "วี อีลิท" อยากแฉอะไรเรื่องอีลิทการ์ด เชิญกระทู้นี้เลย

Postby หนูอ้อย » Tue Aug 23, 2011 9:15 am

G Elite wrote:ผมขอพักผ่อนก่อนนะครับ
เดี๋ยวไว้ตอบ กระทู้ที่เหลือในวันพรุ่งนี้
ขอบคุณครับ


นี่ก็อีกล็อกอินนึง

รอหาย รอหาย ได้แต่ชะเง้อรอ

เข้ามาให้ความรู้สึกว่า อาจจะดี แล้วก็ชิ่งหนีไป......
สู้ถวายหัว
User avatar
หนูอ้อย
 
Posts: 2095
Joined: Sat Mar 21, 2009 10:40 pm

Previous

Return to สภากาแฟ



cron