แบบนี้ซินะที่เค้าเรียกว่า "ซึนดะเร๊ะ"

jubcz wrote:อ้า มาตอบซักหน่อย ขอบคุณสำหลับข้อมูลและคำด่าทออิอิ
สรุปว่า แนวคิดล้มเจ้ามีจริง แต่แนวคิดนี้มันถูกคิดขึ่นจากภายนอกประเทศแล้วถึงเข้ามาในประเทศ ถูกไหมครับ
แต่ความคิดผมก็คือผมไม่สนใจพวกแนวคิดล้มเจ้าเท่าไร แต่ผมสนใจเหตุผผลนี้มากกว่า
เหตุใดแนวคิดนี้ถึงขยายตัวได้เร็วขนาดนี้ และวัดถุประสงค์ของแนวคิดนี้มันเกิดขึ่นจากอะไรอะไรที่ทำให้เกิดแนวคิดนี้ จากความโกรดเกลียดหรือการถูกลังแกอะไรที่ทำให้คนไทยคิดเช่นนี้ แล้วอะไรทำให้คนไทยบางกลุ่มที่มีการศึกษาสูงคิดแบบนี้
และอะไรที่ทำให้แนวคิดนี้กระจายไปในพื่นที่ภาคอีสานเหนือ ได้ขนาดนี้ อันนี้น่าคิดมากกว่า
คำถามคือมันเกิดอะไรขึ่นกลับประชาชนไทยและสถาบันของไทย
ผมชอบหาต้นเหตุ ผมไม่ชอบมองหาปลายเหตุ เพราะปลายเหตุไม่สามารแก้ไขปัณหานี้ได้แน่นอน
ส่วนกระทู้นี้ผมตั้งเพราะอยากรู็ว่าความคิดเห็นคนส่วนใหญ่จะมองปัญหานี้แบบไหนมุมมองไหนคนที่ต่างความคิดจะมีความคิดเห็นแบบไหน
นี้เป็นวัดถุประสงค์ของตัวผมเอง ก็แค่อยากรู้ ถ้ากระทู้ผมไปสะดุด เท้าใครก็อย่าไปคิดไรมากตอบตามใจที่คุณคิด
jubcz wrote:อ้า มาตอบซักหน่อย ขอบคุณสำหลับข้อมูลและคำด่าทออิอิ
สรุปว่า แนวคิดล้มเจ้ามีจริง แต่แนวคิดนี้มันถูกคิดขึ่นจากภายนอกประเทศแล้วถึงเข้ามาในประเทศ ถูกไหมครับ
แต่ความคิดผมก็คือผมไม่สนใจพวกแนวคิดล้มเจ้าเท่าไร แต่ผมสนใจเหตุผผลนี้มากกว่า
เหตุใดแนวคิดนี้ถึงขยายตัวได้เร็วขนาดนี้ และวัดถุประสงค์ของแนวคิดนี้มันเกิดขึ่นจากอะไรอะไรที่ทำให้เกิดแนวคิดนี้ จากความโกรดเกลียดหรือการถูกลังแกอะไรที่ทำให้คนไทยคิดเช่นนี้ แล้วอะไรทำให้คนไทยบางกลุ่มที่มีการศึกษาสูงคิดแบบนี้
และอะไรที่ทำให้แนวคิดนี้กระจายไปในพื่นที่ภาคอีสานเหนือ ได้ขนาดนี้ อันนี้น่าคิดมากกว่า
คำถามคือมันเกิดอะไรขึ่นกลับประชาชนไทยและสถาบันของไทย
ผมชอบหาต้นเหตุ ผมไม่ชอบมองหาปลายเหตุ เพราะปลายเหตุไม่สามารแก้ไขปัณหานี้ได้แน่นอน
ส่วนกระทู้นี้ผมตั้งเพราะอยากรู็ว่าความคิดเห็นคนส่วนใหญ่จะมองปัญหานี้แบบไหนมุมมองไหนคนที่ต่างความคิดจะมีความคิดเห็นแบบไหน
นี้เป็นวัดถุประสงค์ของตัวผมเอง ก็แค่อยากรู้ ถ้ากระทู้ผมไปสะดุด เท้าใครก็อย่าไปคิดไรมากตอบตามใจที่คุณคิด
jubcz wrote:อ้า มาตอบซักหน่อย ขอบคุณสำหลับข้อมูลและคำด่าทออิอิ
สรุปว่า แนวคิดล้มเจ้ามีจริง แต่แนวคิดนี้มันถูกคิดขึ่นจากภายนอกประเทศแล้วถึงเข้ามาในประเทศ ถูกไหมครับ
แต่ความคิดผมก็คือผมไม่สนใจพวกแนวคิดล้มเจ้าเท่าไร แต่ผมสนใจเหตุผผลนี้มากกว่า
เหตุใดแนวคิดนี้ถึงขยายตัวได้เร็วขนาดนี้ และวัดถุประสงค์ของแนวคิดนี้มันเกิดขึ่นจากอะไรอะไรที่ทำให้เกิดแนวคิดนี้ จากความโกรดเกลียดหรือการถูกลังแกอะไรที่ทำให้คนไทยคิดเช่นนี้ แล้วอะไรทำให้คนไทยบางกลุ่มที่มีการศึกษาสูงคิดแบบนี้
และอะไรที่ทำให้แนวคิดนี้กระจายไปในพื่นที่ภาคอีสานเหนือ ได้ขนาดนี้ อันนี้น่าคิดมากกว่า
คำถามคือมันเกิดอะไรขึ่นกลับประชาชนไทยและสถาบันของไทย
ผมชอบหาต้นเหตุ ผมไม่ชอบมองหาปลายเหตุ เพราะปลายเหตุไม่สามารแก้ไขปัณหานี้ได้แน่นอน
ส่วนกระทู้นี้ผมตั้งเพราะอยากรู็ว่าความคิดเห็นคนส่วนใหญ่จะมองปัญหานี้แบบไหนมุมมองไหนคนที่ต่างความคิดจะมีความคิดเห็นแบบไหน
นี้เป็นวัดถุประสงค์ของตัวผมเอง ก็แค่อยากรู้ ถ้ากระทู้ผมไปสะดุด เท้าใครก็อย่าไปคิดไรมากตอบตามใจที่คุณคิด
OHM_DGO wrote:ขึ้นต้นเป็นมะลิลา ลงท้ายเป็นบ้องกัญชา
แบบนี้ซินะที่เค้าเรียกว่า "ซึนดะเร๊ะ"
jubcz wrote:OHM_DGO wrote:ขึ้นต้นเป็นมะลิลา ลงท้ายเป็นบ้องกัญชา
แบบนี้ซินะที่เค้าเรียกว่า "ซึนดะเร๊ะ"
มะลิลา ก้หอมดีนะ ส่วน อันหลังถ้าเคริมดีนะครับ อิอิ
กรกช wrote:jubcz wrote:อ้า มาตอบซักหน่อย ขอบคุณสำหลับข้อมูลและคำด่าทออิอิ
สรุปว่า แนวคิดล้มเจ้ามีจริง แต่แนวคิดนี้มันถูกคิดขึ่นจากภายนอกประเทศแล้วถึงเข้ามาในประเทศ ถูกไหมครับ
แต่ความคิดผมก็คือผมไม่สนใจพวกแนวคิดล้มเจ้าเท่าไร แต่ผมสนใจเหตุผผลนี้มากกว่า
เหตุใดแนวคิดนี้ถึงขยายตัวได้เร็วขนาดนี้ และวัดถุประสงค์ของแนวคิดนี้มันเกิดขึ่นจากอะไรอะไรที่ทำให้เกิดแนวคิดนี้ จากความโกรดเกลียดหรือการถูกลังแกอะไรที่ทำให้คนไทยคิดเช่นนี้ แล้วอะไรทำให้คนไทยบางกลุ่มที่มีการศึกษาสูงคิดแบบนี้
และอะไรที่ทำให้แนวคิดนี้กระจายไปในพื่นที่ภาคอีสานเหนือ ได้ขนาดนี้ อันนี้น่าคิดมากกว่า
คำถามคือมันเกิดอะไรขึ่นกลับประชาชนไทยและสถาบันของไทย
ผมชอบหาต้นเหตุ ผมไม่ชอบมองหาปลายเหตุ เพราะปลายเหตุไม่สามารแก้ไขปัณหานี้ได้แน่นอน
ส่วนกระทู้นี้ผมตั้งเพราะอยากรู็ว่าความคิดเห็นคนส่วนใหญ่จะมองปัญหานี้แบบไหนมุมมองไหนคนที่ต่างความคิดจะมีความคิดเห็นแบบไหน
นี้เป็นวัดถุประสงค์ของตัวผมเอง ก็แค่อยากรู้ ถ้ากระทู้ผมไปสะดุด เท้าใครก็อย่าไปคิดไรมากตอบตามใจที่คุณคิด
คนมีการศึกษาสูงที่คิดแบบนั้นน่ะ เชื่อเถอะว่าส่วนใหญ่มีแต่พวกที่ไร้ศีลธรรม
เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน และรักทักษิณแบบหน้ามืดตามัว
ส่วนที่ความคิดแบบนี้ขยายไปอีสานก็เพราะส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านชนบท รากหญ้า มีการศึกษาน้อย
เพราะสภาพสังคม สภาพแวดล้อม หน้าที่การงาน ทำให้ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารได้มากพอ
จากที่รักทักษิณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอฟังข้อมูลบิดเบือนจากฝ่ายตัวเองทุกวันๆ ก็เชื่อแบบงมงาย ไม่ลืมหูลืมตา
คนอีสานซื่อๆง่ายๆจริงใจ ใครดีกับเขาๆก็รัก คิดถึงบุญคุณ
พอเขาเข้าใจว่าคนที่ดีกับเขาถูกรังแก เขาย่อมไม่พอใจ ความเข้าใจผิดๆจึงเกิดขึ้น
คนส่วนนี้ผมไม่อยากไปว่าเขาหรอก แต่ที่น่าผิดหวังก็คนที่มีการศึกษานี่แหละ
แทนที่จะใช้ความรู้ คิดทุกอย่างๆเป็นเหตุ เป็นผล คิดอย่างมีสติ กลับใช้แต่ความเชื่อ ใช้แต่จินตนาการ
ทั้งที่มีเหตุผล องค์ประกอบต่างๆมากมาย ที่จะนำไปคิด พิจารณาเพื่อให้เข้าใจได้ถูกต้อง
ยกตัวอย่างง่ายๆพอ
ถ้าคิดว่ามีมือที่มองไม่เห็น อยู่เบื้องหลัง ปชป. อยู่เบื้องหลังศาลจริง
ก็คงไม่มีคำว่าบกพร่องโดยสุจริตเกิดขึ้น ทักษิณก็คงไม่ได้ผุดได้เกิดเป็นนายกฯหรอก
คงจบเห่ไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
คุณก็ลองเอากรณีที่เข้าใจได้ง่ายแสนง่ายตรงนี้ ไปคิดหาเหุผลที่ดีกว่านี้ก่อน แล้วค่อยไปคิดถึงกรณีอื่นๆ
ถ้าหาเหตุผลได้แล้วลองช่วยตอบตรงนี้ด้วยนะ อยากรู้เหตุผล เพราะผมอาจตาสว่างขึ้นบ้าง
แต่ถ้าจะตอบว่า เพราะตอนนั้นยังดีกันอยู่ แต่ทักษิณทำดีเกินไป จึงอิจฉา ถ้าคิดแบบนี้ไม่ต้องตอบ
เพราะนี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่ละครน้ำเน่า
-3- wrote:อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ตกลง จขกท เชื่อว่า มันมี หรือไม่มี ละครับ?
jubcz wrote:เรื่องการศึกษานี้จิงอย่างที่คุณว่าและครับ เพราะงั้น การศึกษาไม่สามารทำให้คนเป็นคนดีได้แน่นอนแต่พระพุทธศาศหนาทำคนเลวให้เป็นคนดีได้อันนี้คือสิ่งที่ขาดหายไปจาก สังคมไทยๆส่วนใหญ่มือถือสากปากถือศิล อันนี้ต้องมองภาพรวมนะครับ อย่างไปมองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งครับ ทำใจให้เป็นกลางก่อนนะครับแล้วเราถึงจะเห็นปัญหา
ที่ผมมองคนมีการศึกษาเสื้อแดงส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น ผมดูจากความจริง
เพราะคนที่มีการศึกษาส่วนใหญ่ของประเทศ ส่วนมากไม่ใช่เสื้อแดง
มวลชนเสื้อแดงส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดา รากหญ้า การศึกษาน้อย
และที่ผมบอกว่าส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว ไร้ศีลธรรม ผมก็คิดตามเหตุผล
เพราะถ้าคนที่ไม่เห็นแก่ตัว ก็ต้องรู้จักการช่วยเหลือผู้อื่น ต้องเข้าใจในเรื่องคุณงามความดี
ไม่ใช่คิดว่าการทำดี 60 กว่าปี คือการสร้างภาพ อย่างนี้แสดงว่าเขาไม่เข้าใจเรื่องนี้แล้ว
เพราะการทำดี 60 กว่าปี คนที่ทำแบบนั้นได้ ต้องมีศีลธรรมสูง
ถ้าคนมีการศึกษาเสื้อแดงมีพอศีลธรรมบ้าง หรือรู้จักการช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง
เรื่องแบบนี้เข้าใจได้ง่ายมาก ว่าการทำเพื่อคนอื่นนานขนาดนั้นไม่ได้เรียกว่าสร้างภาพ
แต่เรียกว่าการทำดี และคนที่ทำดีได้ยาวนานขนาดนั้น
เรียกว่า คนดี
ส่วนเรื่องของแนวคิดที่ขยายตัวเร็วอันนี้ผมแปลกใจมาก เพราะภาคอีสานเป็นภาคที่พ่ออยู่หัวของเราได้สร้างโครงการมากมายเพื่อช่วยหรือประชาชนและทรงทำมาตลอด
อย่างที่คุณพูดมันก็เป็นเรื่องจิงทั้งหมดและครับ แต่มันหน้าสงสัยอยู่หนึ่งอย่างครับ ประชาชนภาคอีสานส่วนใหญ่ถ้าคุณเคยไปสัมผัสคุณจะรู้ว่าพวกเค้ามีความจิงใจมากๆสื่อสัตว์สุจริตเป็นพื่นฐานสังคมของคนอีสานมาช้านานแล้วพวกเค้าเทิดทูลพ่ออยู่หัวมาช้านานแค่คำยุยงอย่างเดี่ยวไม่น่าทำให้พวกเค้าเปลี่ยนได้ขนาดนี้มันต้องมีองค์ประกอบมากกว่านี้ซิครับผมคิดนะ คือน่าจะเกิดจากความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เร็วเกินไปและข้อเสียต่างๆเช่นการถูกเอาลัดเอาเปรียบจากพวกนายทุนหรือข้าราชกาลบางกลุ่มที่แสวงหาผลประโยค์ ผมว่าปัณหามันมีอยู่ทุกระดับชั้นเลยและครับระดับปรกครองก็มีปัณหาโกงกินแย่งชิงอำนาจกันเองอยู่ก่อนแล้วละหว่างหน่วยงานกันก็น่าจะมีส่วนพวกข้าราชกาลก็ทนกับกิเรที่วิ้งเข้ามาหาไม่ไหวก็ต้องปล่อยเลยตามเลยตัวอย่างตัดไม้พะยุงทั่วประเทศก็พวกตำรวจข้าราชกาลทหารนักการเมืองนายทุนใครใหญ่อยู่ที่ไหนก้คุมดูแลผลประโยชน์ของตัวเองไม่ข้ามถิ่นกันมากนักแบ่งกันทำพวกยาเสพติดก็โครงสร้างเดี่ยวกันกับไม้พะยุงและครับ อันนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบที่ทำให้พวกชาวบ้านเปลี่ยนไปแต่ผมยังเชื่อว่าน่าจะมีองค์ประกอบอื่นๆอีกมากแต่เวลาหมดต้องไปทำงานและเด่มาตอบให้หมดครับ
มวลชนเสื้อแดงส่วนใหญ่เป็นคนจนๆ และก็ต้องยอมรับความจริงว่า
ไม่ค่อยได้รับความจริงใจในการแก้ปัญหาจากหลายๆรัฐบาลก่อนหน้าทักษิณ
พอทักษิณเข้ามา แล้วทำให้เขารู้สึกว่ามีคนสนใจ มีคนที่รัก เป็นห่วงพวกเขา
มีนโยบายเพื่อคนจนๆอย่างพวกเขา เขาจึงรัก เหมือนที่ผมบอกไปแล้ว ว่าคนอีสานซื่อๆ จริงใจ คิดถึงบุญคุณ ใครดีกับเขาๆก็รัก
พอคนที่รักมีอันเป็นไป แล้วได้รับข้อมูลด้านเดียว ที่ผิดๆ บิดเบือน ความเข้าใจผิดจึงเกิดขึ้น
จากที่รู้สึกถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ค่อยมีใครสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
พอมีคนทำเพื่อเขาบ้าง ก็ดันมาถูกรังแก กลั่นแกล้งอีก ก็ย่อมรู้สึกแย่
และเมื่อมาเจอการสร้างเรื่อง การสร้างคำพูดเพื่อให้มวลชนเสื้อแดงรู้สึกต่ำต้อย
ถูกเอารัด เอาเปรียบจากสังคมชั้นสูงซ้ำเข้าไปอีก เช่น อำมาตย์ ไพร่ รากหญ้า ฯลฯ ก็เลยไปกันใหญ่
ทั้งที่พวกที่กดขี่พวกเขา คือกลุ่มการเมืองทั้งสิ้น
ราคาสินค้า ราคาน้ำมันที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แม้แต่เรื่องการศึกษา ก็ยังไปยัดเยียดให้อำมาตย์
ว่าอำมาตย์ไม่อยากให้คนจนมีการศึกษา เพราะจะได้ปกครองง่าย
ทั้งที่ประเทศจะดี หรือไม่ดี ก็อยู่ที่ผู้บริหารบ้านเมือง
นโยบายอะไรดี ไม่ดี ผู้กำหนดนโยบายก็คือผู้บริหาร
แต่ทุกอย่างไม่ดีโยนไปให้กลุ่มอำมาตย์ ซึ่งตรงนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าอำมาตย์สื่อไปถึงใคร
เมื่อโดนยัดข้อมูลแบบนั้นบ่อยๆแล้วจะไปเหลืออะไร
ก็ขนาด วัว 3 ขา หมู 5 ขา ไก่ 3 ขา ยังไหว้หมด
koong wrote:jubcz wrote:คืออยากรู้ว่า ไอ้ขบวนการล้มเจ้านี้มันมีแผนการแบบไหนในการล้มเจ้าคับ
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่เชื่อว่าจะมีขบวนการไหนจะมาล้มได้ครับเพราะ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของสยามประเทศสร้างคุณงานความดีล้นฟ้าล้นแผ่นดินนี้มาช้านาน
แล้วจะมีไอ้อีคนไหนมันจะมาล้มได้
แต่คนในห้องนี้พยามจะบอกคนในประเทศนี้ว่ามีคนพยามจะล้มเจ้าสึงผมไม่คิดว่าทำได้จิงครับ
แต่ผมคิดว่าการกร่าวอ้างสถาบันเพื่อให้ตัวเองชอบทำตั้งหากที่จะเป็นผลร้ายต่อสถาบันของประเทศนี้ครับ
คนในห้องพยามสร้างประเด็นว่าพวกตัวเองนั้นต่อต้านการล้มเจ้าแล้วใช้การกร่าวอ้างนั้นด่าว่าผู้สนับสนุนฝ่ายตรงข้าม
พวกคุณลองคิดดูว่าคนที่คุณด่าว่าเค้าจะมีความคิดยังไงถ้าจะมีขบวนการล้มเจ้าชึ่นมาจิงๆละก็ผมว่า
คนที่สร้างขวบการล้มเจ้าหน้าจะเป็นพรรค ปชป และลิ้วล้ออย่างขบวนการเสรีไทยและครับ
ปชป และลิ้วล้อ อ้างความจงรักพักดีมากระทำกลับฝ่ายตรงข้ามผลที่ออกมาคือแพ้และก็แพ้ๆ
ส่วนขบวนการเสรีไทยเวปบอท ก้ไม่ได้มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ่น แต่ก็ยังจะอ้างความจงรักพักดีเพื่อสร้างกระแสแต่คุณไม่เคยคิดเลยหรือว่าสิ่งที่คุณทำมันมีประโยชน์หรือเสียประโยชน์กันแน่ มีคนสนับสนุนพวกคุณเพิ่มไหมแต่มีคนสนับตรงข้ามกับคุณเพิ่มขึ่นตลอด
ผมอยากให้พวกคุณหยุดสร้างกระแสล้มเจ้าได้แล้วครับเพราะมันไม่เป็นผลดีต่อสถาบันของเราครับ
แต่ยังไงช่วยมาตอบด้วยครับว่าไปขบวนการล้มเจ้ามันมีแผนแบบไหนถึงจะล้มได้
แต่ผมคิดว่ามันหน้าจะเป็นแผนของ ขบวนการแมลงสาบกับเสรีไทยมากกว่าที่จะสร้างความแตกแยกในสังคม
ค่ะ ถ้าจำนวนสมาชิก ลดล็อกอินอย่างคุณไปสัก 1 ชื่อก็คงไม่เดือดร้อน แล้วที่บอกจำนวนสมาชิกไม่เพิ่ม เอาอะไรมาวัดค่ะ ที่นี่ไม่มีลดแลก แจกบัตรเติมเงินนะ คนจะได้แห่เข้ามา ถ้าใครอยากแชร์ มาตอบโต้กันคุณก็สมัครล๊อกอินตามความสมัครใจ ไม่อยากสมัครก็แค่ตามอ่านเฉยๆ ไม่มีใครเดือดร้อน เท่าที่เราสังเกตก็มีหน้าใหม่สมัครมาเรื่อยๆ
งั้นขอตอบเลยละกัน ขบวนการล้มเจ้าไม่ใช่เฉพาะที่นี่ ในเฟส น้องบางคนที่ไม่ใช่สมาชิกที่นี่ เขาก็บ่นอุบเจอไอ้พวกหมิ่น ทำไมแจ้งความก็แล้ว ทำไมไม่เห็นทำอะไร
ไม่มีใครอ้างความจงรักภักดีเพื่อสร้างกระแส
แล้วเลิกอยู่ในกะลาเสียที ไอ้อีที่คุณว่า ที่ฉันเจอมันก็เสื้อแดงที่คิดล้มเจ้า อย่ามา***ดีกว่า ทุเรศว่ะ "ที่ทำเป็นอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง หาความ" ที่แน่ๆ ฉันก็ว่าคุณคนหนึ่งล่ะ ที่มีแนวคิดพอๆกับแกนนำเสื้อแดง ส่องกระจกถามตัวเองดูก่อนว่า ใช่ไหม ถ้าายังโกหกตัวเอง ก็ช่วยไม่ได้ ข้อความคุณส่อมาก
jubcz wrote:ผมคงไปไม่ได้หรอกครับหน้าที่ผมคือต่อต้านพวกคุณให้ถึงที่สุดครับ
ห้าๆไม่มีใครอ้างความจงรักพักดี ถ้าพวกคุรไม่อ้างเจ้ามันจะมีคนที่คิดล้มเจ้าเพิ้มขึ่นมากขนาดนี้หรอครับ รองไปคิดดูซิ
ที่ผมตั้งกระทู้แบบนี้เพราะผมอยากให้พวกคุณได้หยุดดูว่าสิ่งที่พวกคุณทำอยู่มันได้ผลหรือมันไม่ได้ผลและแทนที่ไม่ได้ผลแล้วคุณกับเสียๆมวลชนเสียงชื่อเสียงสถาบันเสียทุกอย่างแต่พวกคุณก็ไม่ยอมหยุดคิดว่ามันเกิดอะไรขึ่นกันแน่ผมมีความเป็นห่วงสถาบันของผมที่ครบนับถือมาช้านานการที่ดึงท่านลงมาไม่ส่งผลดีกับท่านแต่พวกคุณก็ยังจะทำนี้คือความจงรักพักดีของผมต่อสถาบันครับ
jubcz wrote:ตอบ คุณ กรกซ
ถ้าคิดว่ามีมือที่มองไม่เห็น อยู่เบื้องหลัง ปชป. อยู่เบื้องหลังศาลจริง
ก็คงไม่มีคำว่าบกพร่องโดยสุจริตเกิดขึ้น ทักษิณก็คงไม่ได้ผุดได้เกิดเป็นนายกฯหรอก
มาตอบต่ออ่ะครับมะค่อยมีเวลา
คำถามของคุณน่าคิด
ถ้าคิดง่ายๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีมือที่มองไม่เห็นมาช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
โครงสร้างอำนาจในประเทศนี้มันเป็นแบบนี้มานานแล้วและครับ ผมไม่ขอพูดถึงนะครับพูดไปก็มีอะไรครับ
ทักกี้มันมีอำนาจขึ่นมาได้เพราะ จอมพลเสื้อคับ บิ๊กจอส แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักธุระกิจจะวิ้งเข้าหาทหารเพื่อ หาผลประโยชน์ หรือรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
อันนี้มันก็มีสองมุม มุมหนึ่งก็อยากได้โอกาศทางธุระกิจ อีกมุมก็กลัวธุระกิจของตัวเองจะโดนยึด อันนี้ต้องมองอย่างเป็นกลางนะครับ
ที่นี้มาพูดถึงปัญหากันครับ
ผมยกตัวอย่างแบบนี้นะครับ
โครงการพอเพียง ของ พ่อ อยู่หัวนะครับ (ผมชอบโครงการนี้นะครับเพราะมันดี)
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่โครงการแต่มันอยู่ที่ระดับชนชั้นของคน
โครงการนี้มีเพื่อประชาชนรากหญ้าและประชาชนทั่วไปได้นำไปใช้แต่ส่วนใหญ่พลักดันให้รากหญ้าใช้
ปัญหาคือนโยบายนี้ที่ผลักดันไปสู่ประชาชนรากหญ้ามากกว่าส่วนอื่นคือให้พวกรากหญ้าอยู่อย่างพอเพียงมีน้อยกินน้อยมีมากก็กินน้อยมีอะไรก็แบ่งกันกิน
ชีวิตจะได้มีความสุข แต่ประชาชนชนชั้นปกครองมิได้พอเพียงยังคงมีชีวิตฟุ้งเฟิ้ออยู่ในเมืองหลวงและยิ่งบุคลระดับปรกครองยังมีชีวิตที่ฟุ้งเฟิ้อมากมาย
พวกลูกหลานชาวไร่ชาวนา ก็ไม่ค่อยจะมีโอกาศในการแสวงหางานดีๆเมือนลูกหลานชนชั้นปรกครองพวกลูกหลานชนชั้นปรกครองเรียงเก่งไม่เก่งไม่เป็นไรเพราะพ่อแม่พวกเค้าสามารฝากเข้าทำงานดีๆได้ตัวอย่างเช่นรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าการประปาพวกนี้ใครมีลูกหลานสามารเอาลูกเข้าทำงานได้เลยแถมพวกนี้เรียนฟรีรักษาฟรีแต่พวกรากหญ้า สามสิบบาทรักษาทุกโรคยา ห่วยๆบริการห่วยๆแต่ไอ้พวกรัฐวิสาหกิจ***โรงบาลอย่างดี ยาอย่างดี เรียนก็อย่างดี นี้คือความแตกต่าง
คือง่ายถ้าคุณเป็นประชาชนธรรมดาโอกาศของคุณจะน้อยมากแต่ถ้าคุณเป็นข้าราชกาลหรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นหน่วยงานของราชกาลคุณจะมีชีวิตที่ดีมีโอกาศมากว่าคนอื่นทั่ว
ผมยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นนะครับประเทศเค้าประชาชนมีความจงรักพักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินของเค้าแบบสุดชีวิตยอมตายได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
คุณเห็นแนวการปกครองของพระเจ้าแผ่นดินญี่ปุ่นไหมละครับคุณเห็นรถ เบนซ์ รถบีเอ็มดับบิวไหมครับไม่มีสักคันพระเจ้าแผ่นดินญี่ปุ่นทรงใช้รถที่ผลิตในประเทศของตัวเองและถ้าคุณมองไปลึกๆคุณจะเห็นว่าข้าราชกาลญี่ปุ่นหรือรัฐมนตรีญี่ปุ่นไม่ว่ากระทรวงไหนใช้รถเบนซ์บีเอ็มเลยสักกระทรวงพวกเค้าใช้แต่รถที่ผลิตเองในประเทศ
นี้คือบรรทัดฐานของสังคมเค้าและประชาชนก็นำมาปฏิบัติตามเกิดเป็นคำว่าชาตินิยมเกิดความเท่าเทียมทางสังคมเกิดความพอดีทางสังคม
แต่คุณหันมามองประเทศไทย ข้าราชกาลประเทศไทยระดับสูงไม่เบนซ์ก็บีเอ็มและแทบทุกกระทรวงทุกหน่วยงานและยิ่งพวกรัฐมนตรีหรือนักการเมืองมันใช้รถคันหนึ่งราคาหรายล้านบาทคุณดูความฟุ่งเฟิ้อและไหนจะครองครัวมันอีกมันจะใช้กันกี่คันเป็นเงินเท่าไรและเงินที่มันหามาได้ก็มาจากประชาชนรากหญ้าที่พวกมันบอกว่าให้อยู่แบบพอเพียง แต่ชาวไร่ชาวนาก็เป็นคนมีความยากเหมือนกันเค้าเห็นแบบนี้เค้าจะรู้สึกแบบไหนคุรรองคิดดูว่าคนกลุ่มหนึ่งต้องอยู๋แบบพอเพียงคนอีกกลุ่มอยู่แบบฟุ้งเฟิ้อ
พวกคุณเคยคิดถึงใจเค้าหรือป่าวละครับ ผมอ่ะเข้าใจ
แต่คำถามคือ พวกคุณต่อสู้เพื่อพระเจ้าอยู่หัวหรือต่อสู้เพื่อความกินดีอยู่ดีของตัวเอง
ไร้สีไร้กลิ่น wrote:ตกลงคุณเข้าใจหลักพอเพียงจริงๆเหรอครับ
พอเพียงคือต้องใช้รถที่ผลิตในประเทศ ใช้ของถูกๆเหรอครับ
http://www.chaipat.or.th/chaipat/conten ... peing.html
พระราชดำริว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
“...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป...” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗)
“เศรษฐกิจพอเพียง” ... เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ที่สำคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซึ่งจะนำไปสู่ “ความสุข” ในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
...
การพัฒนาที่เน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลักแต่เพียงอย่างเดียวอาจจะเกิดปัญหาได้ จึงทรงเน้นการมีพอกินพอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่ในเบื้องต้นก่อน เมื่อมีพื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควรแล้ว จึงสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น
ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ ดังนี้
๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ
๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
พระมหากษัตริย์ของไทยขัดสนยังไงถึงต้องใช้รถญี่ปุ่นราคาถูกๆ ใครที่ร่ำรวยก็ใช้เงินไปท่านไม่ได้ห้าม เพียงแต่ต้องพอดี ไม่ใช่มีน้อยแต่ดันไปใช้ของแพง หรือรวยแล้วก็ต้องรู้จักพอ ไม่ได้ห้ามไม่ให้รวย แต่ต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยไร้คุณธรรม แต่ถ้าขยันหมั่นเพียรสร้างฐานะร่ำรวยก็ไม่ได้ห้าม
เศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นทางออกในยุคทุนนิยมเสรีที่คนรวยแสวงหาและเอาเปรียบคนจน และก็ไม่ได้สุดโต่งแบบพวกคอมมิวนิสต์ที่ทุกคนต้องเสมอภาคมีรายได้เท่ากัน ต่อให้ขยันแทบตายก็มีเงินเท่ากับคนขี้เกียจ
jubcz wrote:ไร้สีไร้กลิ่น wrote:ตกลงคุณเข้าใจหลักพอเพียงจริงๆเหรอครับ
พอเพียงคือต้องใช้รถที่ผลิตในประเทศ ใช้ของถูกๆเหรอครับ
http://www.chaipat.or.th/chaipat/conten ... peing.html
พระราชดำริว่าด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
“...การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป...” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗)
“เศรษฐกิจพอเพียง” ... เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ที่สำคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซึ่งจะนำไปสู่ “ความสุข” ในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
...
การพัฒนาที่เน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลักแต่เพียงอย่างเดียวอาจจะเกิดปัญหาได้ จึงทรงเน้นการมีพอกินพอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่ในเบื้องต้นก่อน เมื่อมีพื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควรแล้ว จึงสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น
ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ ดังนี้
๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ
๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
พระมหากษัตริย์ของไทยขัดสนยังไงถึงต้องใช้รถญี่ปุ่นราคาถูกๆ ใครที่ร่ำรวยก็ใช้เงินไปท่านไม่ได้ห้าม เพียงแต่ต้องพอดี ไม่ใช่มีน้อยแต่ดันไปใช้ของแพง หรือรวยแล้วก็ต้องรู้จักพอ ไม่ได้ห้ามไม่ให้รวย แต่ต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยไร้คุณธรรม แต่ถ้าขยันหมั่นเพียรสร้างฐานะร่ำรวยก็ไม่ได้ห้าม
เศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นทางออกในยุคทุนนิยมเสรีที่คนรวยแสวงหาและเอาเปรียบคนจน และก็ไม่ได้สุดโต่งแบบพวกคอมมิวนิสต์ที่ทุกคนต้องเสมอภาคมีรายได้เท่ากัน ต่อให้ขยันแทบตายก็มีเงินเท่ากับคนขี้เกียจ
ผมเข้าใจดีครับเรื่องความพอเพียง แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ
ตัวอย่าง ประเทศไทยพอเพียง อยู่ประเทศเดียวแต่เราอยู่รวมกับสังคมโลกที่อีกหรายประเทศและเราก็ใช้วัดถุดิบจากแหล่งเดียวกัน หรือเราใช้แหล่งวัดถุดิบในประเทศ
แต่ถ้าประเทศอื่นไม่พอเพียงละครับกับพูชาไม่พอเพียงพม่าไม่พอเพียงมาเลเซียไม่พอเพียงและอังกฤษ อมเริกา ฝรั่งเษศไม่พอเพียง เราต้องแบ่งให้เค้าไหม
แบ่งทรัพย์ยากรณ์ธรรมชาติให้เค้าไหมเราไม่ให้เค้ากับพวกรวมกันมายึดทรัพย์ยากรณ์ของเราๆจะทำยังในเมื่อประเทศอื่นไม่พอเพียงและใช่กำลังมายึดสิ่งที่เรามีไป
ตัวอย่างทำไมฝรั่งเศษถึงเข้าไปร่วมรบในแอฟริกาก็เพราะความไม่พอเพียงใช่ไหมครับ
ก็เหมือนหลักการพอเพียงที่ใช้กลับประชาชนทั่วไปคุณให้ประชาชนพอเพียงแต่ชนชั้นปกครองไม่เคยพอเพียงยังคงใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์จากประชาชนที่พอเพียงคุณไปดูธุระกิจของพวกนักการเมืองไทยแต่ละคนซิครับทุกคนมีธุระกิจที่เกี่ยวกับโครงการของรัฐเกือบทั้งหมดให้ญาตพี่น้องตัวเองเป็นเจ้าของส่วนตัวเองใช้ตำแหน่งน่าที่เพื่อเปิดโอกาศให้กับญาติเพ่น้องของตัวเองนักการเมื่องทุกพรรคเลยนะครับมีหมดและพวกลูกหลานมันก็ใช้ตำแหน่งของพ่อแม่ปู่หญ่าตายายมันแสวงหาผลประโยชน์แกตัวเองต่อไปไม่เคยเปิดโอกาศให้คนอื่นคนที่พอเพียงก็ต้องพอเพียงต่อไปงั้นหรือส่วนไอ้พวกไม่เคยพอก้ทำกันต่อไปใช่ไหมคุณไร้สีไร้กลิ่น
mmmp wrote:จากเชื่อว่ามีหรือไม่มี>>>>ทำไมคนจึงอยากล้ม>>>>ความแตกต่างด้านสังคม
ชาตินิยม>>>>????
เรื่องมันชักยาวและออกเกินขอบเขตเหมือนพยายามชี้นำ
คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงที่พยายามผลักดันมาใช้นั้น เป้าหมายหลักคือการให้ประชาชนรุ่นหลังๆไม่ฟุ้งเฟ้อ
เช่นการส่งลูกมาเรียนในกทม ทั้งที่จังหวัดของตัวเองก็มี +การใช้สำนึกรักษ์บ้านเกิด เพื่อให้คนที่เรียนจบแล้วกลับไปทำงานในจังหวัดของตัวเอง
เพื่อให้เกิดการพัฒนา แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าส่งลูกเรียนจบในกทม ลูกไม่กลับบ้าน ใช้ชีวิตทำงานในกทม และใช้เงินฟุ้งเฟ้อตะหากเล่า
คนกลุ่มนี้สมควรใช้ชีวิตแบบพอเพียง แต่เท่าที่พบเห็นคนกลุ่มนี้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นหนี้บัตรสารพัด และไม่มีปัญญาใช้คืน
ซึ่งคนกลุ่มนี้มีจำนวนมากในสังคมไทย ตัวคนที่เป็นเกษตรกรเองนั้นใช้ชีวิตพอเพียงกันค่อนข้างเยอะ เพราะเท่าืืั้ที่ไปตจวมา
เค้าก็ปลูกผักกินเอง เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ แทบไม่ต้องใช้เงิน แต่ลูกหลานที่อยู่กทมมากกว่าที่ทิ้งบ้านของตัวเอง มาฟุ้งเฟ้อในกทม
ลองไปดูตามผับตามเทคในกทมดูละกัน มีกี่คนที่เป็นคนกทมแท้ๆ และมีฐานะทางการเงินใช้สบายๆไม่ใช่เดือนชนเดือนแทบไม่พอใช้
มีอยู่น้อยถึงน้อยมาก และอย่าคิดด้วยว่าคนกลุ่มนี้ที่เป็นคนตจวมาทำงานในกทมเป็นกลุ่มน้อย คนกลุ่มนี้ชักจูงง่ายด้วยผลประโยชน์ เพราะตัวเองต้องหาทางรอด
แต่ไม่ได้แก้ไขที่ตยเองก่อน ส่วนเกษตรกรก็เช่นกันรอแต่ความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ไม่ยอมให้ลูกหลานตัวเองกลับมาช่วยเหลือ หรือลูกหลานมันไม่กลับมาช่วยก็ไม่ทราบได้
กรณีที่คุณบอกว่าคนอีสานมีกลุ่มที่เริ่มเปลี่ยนแนวคิดมาต่อต้านมากขึ้น ความคิดนี้ไม่เป็นจริงครับกลุ่มที่รักมีมากกว่าอย่างแน่นอน เพียงแต่มีการใช้สื่อทำให้อีสานกลายเป้นแหล่งชุมโจร
เพื่อให้คนรังเกียจ ทำให้เค้าเหล่านั้นไม่เป็นที่ยอมรับ ตัดสังคมของเค้าออกเพื่อบูชาผู้นำของเค้าเอง วิธีนี้ได้ผลซะด้วยซิ แถมมีคนไทยที่ไม่เอาทักษิณติดกับไปหลายคน กับคำว่าอีสานไม่เอาเจ้า
SACRIFICE wrote:jubcz wrote:ตอบ คุณ กรกซ
ถ้าคิดว่ามีมือที่มองไม่เห็น อยู่เบื้องหลัง ปชป. อยู่เบื้องหลังศาลจริง
ก็คงไม่มีคำว่าบกพร่องโดยสุจริตเกิดขึ้น ทักษิณก็คงไม่ได้ผุดได้เกิดเป็นนายกฯหรอก
มาตอบต่ออ่ะครับมะค่อยมีเวลา
คำถามของคุณน่าคิด
ถ้าคิดง่ายๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีมือที่มองไม่เห็นมาช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
โครงสร้างอำนาจในประเทศนี้มันเป็นแบบนี้มานานแล้วและครับ ผมไม่ขอพูดถึงนะครับพูดไปก็มีอะไรครับ
ทักกี้มันมีอำนาจขึ่นมาได้เพราะ จอมพลเสื้อคับ บิ๊กจอส แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักธุระกิจจะวิ้งเข้าหาทหารเพื่อ หาผลประโยชน์ หรือรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
อันนี้มันก็มีสองมุม มุมหนึ่งก็อยากได้โอกาศทางธุระกิจ อีกมุมก็กลัวธุระกิจของตัวเองจะโดนยึด อันนี้ต้องมองอย่างเป็นกลางนะครับ
ที่นี้มาพูดถึงปัญหากันครับ
ผมยกตัวอย่างแบบนี้นะครับ
โครงการพอเพียง ของ พ่อ อยู่หัวนะครับ (ผมชอบโครงการนี้นะครับเพราะมันดี)
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่โครงการแต่มันอยู่ที่ระดับชนชั้นของคน
โครงการนี้มีเพื่อประชาชนรากหญ้าและประชาชนทั่วไปได้นำไปใช้แต่ส่วนใหญ่พลักดันให้รากหญ้าใช้
ปัญหาคือนโยบายนี้ที่ผลักดันไปสู่ประชาชนรากหญ้ามากกว่าส่วนอื่นคือให้พวกรากหญ้าอยู่อย่างพอเพียงมีน้อยกินน้อยมีมากก็กินน้อยมีอะไรก็แบ่งกันกิน
ชีวิตจะได้มีความสุข แต่ประชาชนชนชั้นปกครองมิได้พอเพียงยังคงมีชีวิตฟุ้งเฟิ้ออยู่ในเมืองหลวงและยิ่งบุคลระดับปรกครองยังมีชีวิตที่ฟุ้งเฟิ้อมากมาย
พวกลูกหลานชาวไร่ชาวนา ก็ไม่ค่อยจะมีโอกาศในการแสวงหางานดีๆเมือนลูกหลานชนชั้นปรกครองพวกลูกหลานชนชั้นปรกครองเรียงเก่งไม่เก่งไม่เป็นไรเพราะพ่อแม่พวกเค้าสามารฝากเข้าทำงานดีๆได้ตัวอย่างเช่นรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าการประปาพวกนี้ใครมีลูกหลานสามารเอาลูกเข้าทำงานได้เลยแถมพวกนี้เรียนฟรีรักษาฟรีแต่พวกรากหญ้า สามสิบบาทรักษาทุกโรคยา ห่วยๆบริการห่วยๆแต่ไอ้พวกรัฐวิสาหกิจ***โรงบาลอย่างดี ยาอย่างดี เรียนก็อย่างดี นี้คือความแตกต่าง
คือง่ายถ้าคุณเป็นประชาชนธรรมดาโอกาศของคุณจะน้อยมากแต่ถ้าคุณเป็นข้าราชกาลหรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นหน่วยงานของราชกาลคุณจะมีชีวิตที่ดีมีโอกาศมากว่าคนอื่นทั่ว
ผมยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นนะครับประเทศเค้าประชาชนมีความจงรักพักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินของเค้าแบบสุดชีวิตยอมตายได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
คุณเห็นแนวการปกครองของพระเจ้าแผ่นดินญี่ปุ่นไหมละครับคุณเห็นรถ เบนซ์ รถบีเอ็มดับบิวไหมครับไม่มีสักคันพระเจ้าแผ่นดินญี่ปุ่นทรงใช้รถที่ผลิตในประเทศของตัวเองและถ้าคุณมองไปลึกๆคุณจะเห็นว่าข้าราชกาลญี่ปุ่นหรือรัฐมนตรีญี่ปุ่นไม่ว่ากระทรวงไหนใช้รถเบนซ์บีเอ็มเลยสักกระทรวงพวกเค้าใช้แต่รถที่ผลิตเองในประเทศ
นี้คือบรรทัดฐานของสังคมเค้าและประชาชนก็นำมาปฏิบัติตามเกิดเป็นคำว่าชาตินิยมเกิดความเท่าเทียมทางสังคมเกิดความพอดีทางสังคม
แต่คุณหันมามองประเทศไทย ข้าราชกาลประเทศไทยระดับสูงไม่เบนซ์ก็บีเอ็มและแทบทุกกระทรวงทุกหน่วยงานและยิ่งพวกรัฐมนตรีหรือนักการเมืองมันใช้รถคันหนึ่งราคาหรายล้านบาทคุณดูความฟุ่งเฟิ้อและไหนจะครองครัวมันอีกมันจะใช้กันกี่คันเป็นเงินเท่าไรและเงินที่มันหามาได้ก็มาจากประชาชนรากหญ้าที่พวกมันบอกว่าให้อยู่แบบพอเพียง แต่ชาวไร่ชาวนาก็เป็นคนมีความยากเหมือนกันเค้าเห็นแบบนี้เค้าจะรู้สึกแบบไหนคุรรองคิดดูว่าคนกลุ่มหนึ่งต้องอยู๋แบบพอเพียงคนอีกกลุ่มอยู่แบบฟุ้งเฟิ้อ
พวกคุณเคยคิดถึงใจเค้าหรือป่าวละครับ ผมอ่ะเข้าใจ
แต่คำถามคือ พวกคุณต่อสู้เพื่อพระเจ้าอยู่หัวหรือต่อสู้เพื่อความกินดีอยู่ดีของตัวเอง
อันนี้เขาเรียกตีโจทย์ไม่แตก
พยายามจะสอนคนอื่นแต่ตัวเองเข้าใจแค่ตื้นๆ
คำว่าพอเพียง คืออย่าเกินตัว พอไม่เกินตัว ก็ไม่เป็นหนี้ พอไม่เป็นหนี้ก็สบาย กินอิ่มนอนหลับ อยากได้อะไรก็อดออมมีเงินพอค่อยไปซื้อ
คนเราันเปรียบเทียบกันได้แค่ในบางเรื่อง แต่ส่วนใหญ่เปรียบเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากพื้นฐานมันไม่เหมือนกัน
อย่าว่าแต่เรื่องระดับโลก ระดับประเทศเลย
พูดถึงระดับหมู่บ้านดีกว่า ในหนึ่งหมู่บ้านยังมีคนมีที่นามากน้อยไม่เท่ากันเลย
บางคนเล่นการพนันเสียก็เอานาไปขาย บางคนอดออมประหยัด ปลูกผักเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ ขายมีเงินซื้อนาก็มี
บางคนเรียนโรงเรียนเดียวกันแต่ติดยาเสพติดเรียนไม่ถึงใหน บางคนเรียนจบจนสอบเข้ามหาลัยได้ จนได้ทำงานดีๆ
บางคนเลือกเพื่อไทยเพราะคิดว่าเขาเงินเยอะ เขาจะเอาเงินมาแจก หมู่บ้านละล้าน
อย่าไปโทษคนอื่นเลยโทษตัวเองเถอะ ตรีนเราเองเดินเองถ้าเหยียบตะปูจะไปโทษโรงงานเหล็กมันถูกใหม?
ไม่มีคนมีวิสัยทัศน์ที่ใหนเลือกปูเป็นนายกหรอกครับ
jubcz wrote:
ผมคงไปไม่ได้หรอกครับหน้าที่ผมคือต่อต้านพวกคุณให้ถึงที่สุดครับ
ห้าๆไม่มีใครอ้างความจงรักพักดี ถ้าพวกคุรไม่อ้างเจ้ามันจะมีคนที่คิดล้มเจ้าเพิ้มขึ่นมากขนาดนี้หรอครับ รองไปคิดดูซิ
ที่ผมตั้งกระทู้แบบนี้เพราะผมอยากให้พวกคุณได้หยุดดูว่าสิ่งที่พวกคุณทำอยู่มันได้ผลหรือมันไม่ได้ผลและแทนที่ไม่ได้ผลแล้วคุณกับเสียๆมวลชนเสียงชื่อเสียงสถาบันเสียทุกอย่างแต่พวกคุณก็ไม่ยอมหยุดคิดว่ามันเกิดอะไรขึ่นกันแน่ผมมีความเป็นห่วงสถาบันของผมที่ครบนับถือมาช้านานการที่ดึงท่านลงมาไม่ส่งผลดีกับท่านแต่พวกคุณก็ยังจะทำนี้คือความจงรักพักดีของผมต่อสถาบันครับ
jubcz wrote:mmmp wrote:จากเชื่อว่ามีหรือไม่มี>>>>ทำไมคนจึงอยากล้ม>>>>ความแตกต่างด้านสังคม
ชาตินิยม>>>>????
เรื่องมันชักยาวและออกเกินขอบเขตเหมือนพยายามชี้นำ
คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงที่พยายามผลักดันมาใช้นั้น เป้าหมายหลักคือการให้ประชาชนรุ่นหลังๆไม่ฟุ้งเฟ้อ
เช่นการส่งลูกมาเรียนในกทม ทั้งที่จังหวัดของตัวเองก็มี +การใช้สำนึกรักษ์บ้านเกิด เพื่อให้คนที่เรียนจบแล้วกลับไปทำงานในจังหวัดของตัวเอง
เพื่อให้เกิดการพัฒนา แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าส่งลูกเรียนจบในกทม ลูกไม่กลับบ้าน ใช้ชีวิตทำงานในกทม และใช้เงินฟุ้งเฟ้อตะหากเล่า
คนกลุ่มนี้สมควรใช้ชีวิตแบบพอเพียง แต่เท่าที่พบเห็นคนกลุ่มนี้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นหนี้บัตรสารพัด และไม่มีปัญญาใช้คืน
ซึ่งคนกลุ่มนี้มีจำนวนมากในสังคมไทย ตัวคนที่เป็นเกษตรกรเองนั้นใช้ชีวิตพอเพียงกันค่อนข้างเยอะ เพราะเท่าืืั้ที่ไปตจวมา
เค้าก็ปลูกผักกินเอง เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ แทบไม่ต้องใช้เงิน แต่ลูกหลานที่อยู่กทมมากกว่าที่ทิ้งบ้านของตัวเอง มาฟุ้งเฟ้อในกทม
ลองไปดูตามผับตามเทคในกทมดูละกัน มีกี่คนที่เป็นคนกทมแท้ๆ และมีฐานะทางการเงินใช้สบายๆไม่ใช่เดือนชนเดือนแทบไม่พอใช้
มีอยู่น้อยถึงน้อยมาก และอย่าคิดด้วยว่าคนกลุ่มนี้ที่เป็นคนตจวมาทำงานในกทมเป็นกลุ่มน้อย คนกลุ่มนี้ชักจูงง่ายด้วยผลประโยชน์ เพราะตัวเองต้องหาทางรอด
แต่ไม่ได้แก้ไขที่ตยเองก่อน ส่วนเกษตรกรก็เช่นกันรอแต่ความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ไม่ยอมให้ลูกหลานตัวเองกลับมาช่วยเหลือ หรือลูกหลานมันไม่กลับมาช่วยก็ไม่ทราบได้
กรณีที่คุณบอกว่าคนอีสานมีกลุ่มที่เริ่มเปลี่ยนแนวคิดมาต่อต้านมากขึ้น ความคิดนี้ไม่เป็นจริงครับกลุ่มที่รักมีมากกว่าอย่างแน่นอน เพียงแต่มีการใช้สื่อทำให้อีสานกลายเป้นแหล่งชุมโจร
เพื่อให้คนรังเกียจ ทำให้เค้าเหล่านั้นไม่เป็นที่ยอมรับ ตัดสังคมของเค้าออกเพื่อบูชาผู้นำของเค้าเอง วิธีนี้ได้ผลซะด้วยซิ แถมมีคนไทยที่ไม่เอาทักษิณติดกับไปหลายคน กับคำว่าอีสานไม่เอาเจ้า
ก็อย่างที่ผมบอกและครับคุรคิดหรือป่าวละว่าทำไม่คนหนุ่มสาวที่เข้ามาทำงานใน กทม ถึงไม่กลับบ้านแล้วยังฟุ้งเฟิ้อมันเกิดจากอะไร อันนี้คุรรองคิดดูซิครับ
ส่วนแนวคิดพอเพียงอ่ะผมชอบเพราะมันดี แต่ปัณหาคือก้อย่างที่ผมบอกอีกและครับคือมีคน 100% ให้คน 70%มีชีวิตพอเพียงอีก30 % มันไม่เคยพอเพียงและที่สำคัญคนที่ไม่เคยพอเพียงดันเป็นคนชั้นปรกครองและความไม่พอเพียงของมันถูกนำมาสร้างคานิยมความฟุ้งเฟิ้อ เด็กสาว จากต่างจังหวัดมาเรียนใน กทม ก้ต้องเอาตัวมาแรกกับไอโฟนกับไอแพท กับกระเป๋าหลุย เพราะอยากจะดูดีมีสกุลกับเค้าบ่างต่ามคานิยมของชนชั้นปรกครอง ผมถึงยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น มาให้คุณดูไงครับ
และไอ้ความไม่พอเพียงของชนชั้นปรกครองยังมาสร้างค่านิยมวัดถุตัวอย่างเช่นนักธุระกิจทำไมต้องขับรถคันละหลายล้านบาทด้วยเพราะมันจะได้สร้างความน่าเชื่อถือทางสังคมและขับเบนซ์ยังไม่พอต้องติดป้ายหน้ารถว่ามา กนมนั้นกรมนี้ เพื่อจะได้ความเป็นอภิสิทย์ชนขับเข้าด่านตำรวจต้องตะเบ้ให้ทั้งที่ข้าราชกาลก้ไม่ได้เป็น
นี้คือบรรทักฐานที่พวกไม่เคยเพียงพอทำไว้แล้วไอ้คนที่พอเพียงมันจะรู้สึกเช่นไรมันก็เป็นคนเหมือนกันมีกิเรตัรหาเหมือนกันๆแล้วเค้าผิดไหมที่เค้าอยากจะได้แบบนั้นบ่างครับ
jubcz wrote:SACRIFICE wrote:jubcz wrote:ตอบ คุณ กรกซ
ถ้าคิดว่ามีมือที่มองไม่เห็น อยู่เบื้องหลัง ปชป. อยู่เบื้องหลังศาลจริง
ก็คงไม่มีคำว่าบกพร่องโดยสุจริตเกิดขึ้น ทักษิณก็คงไม่ได้ผุดได้เกิดเป็นนายกฯหรอก
มาตอบต่ออ่ะครับมะค่อยมีเวลา
คำถามของคุณน่าคิด
ถ้าคิดง่ายๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีมือที่มองไม่เห็นมาช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
โครงสร้างอำนาจในประเทศนี้มันเป็นแบบนี้มานานแล้วและครับ ผมไม่ขอพูดถึงนะครับพูดไปก็มีอะไรครับ
ทักกี้มันมีอำนาจขึ่นมาได้เพราะ จอมพลเสื้อคับ บิ๊กจอส แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักธุระกิจจะวิ้งเข้าหาทหารเพื่อ หาผลประโยชน์ หรือรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
อันนี้มันก็มีสองมุม มุมหนึ่งก็อยากได้โอกาศทางธุระกิจ อีกมุมก็กลัวธุระกิจของตัวเองจะโดนยึด อันนี้ต้องมองอย่างเป็นกลางนะครับ
ที่นี้มาพูดถึงปัญหากันครับ
ผมยกตัวอย่างแบบนี้นะครับ
โครงการพอเพียง ของ พ่อ อยู่หัวนะครับ (ผมชอบโครงการนี้นะครับเพราะมันดี)
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่โครงการแต่มันอยู่ที่ระดับชนชั้นของคน
โครงการนี้มีเพื่อประชาชนรากหญ้าและประชาชนทั่วไปได้นำไปใช้แต่ส่วนใหญ่พลักดันให้รากหญ้าใช้
ปัญหาคือนโยบายนี้ที่ผลักดันไปสู่ประชาชนรากหญ้ามากกว่าส่วนอื่นคือให้พวกรากหญ้าอยู่อย่างพอเพียงมีน้อยกินน้อยมีมากก็กินน้อยมีอะไรก็แบ่งกันกิน
ชีวิตจะได้มีความสุข แต่ประชาชนชนชั้นปกครองมิได้พอเพียงยังคงมีชีวิตฟุ้งเฟิ้ออยู่ในเมืองหลวงและยิ่งบุคลระดับปรกครองยังมีชีวิตที่ฟุ้งเฟิ้อมากมาย
พวกลูกหลานชาวไร่ชาวนา ก็ไม่ค่อยจะมีโอกาศในการแสวงหางานดีๆเมือนลูกหลานชนชั้นปรกครองพวกลูกหลานชนชั้นปรกครองเรียงเก่งไม่เก่งไม่เป็นไรเพราะพ่อแม่พวกเค้าสามารฝากเข้าทำงานดีๆได้ตัวอย่างเช่นรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าการประปาพวกนี้ใครมีลูกหลานสามารเอาลูกเข้าทำงานได้เลยแถมพวกนี้เรียนฟรีรักษาฟรีแต่พวกรากหญ้า สามสิบบาทรักษาทุกโรคยา ห่วยๆบริการห่วยๆแต่ไอ้พวกรัฐวิสาหกิจ***โรงบาลอย่างดี ยาอย่างดี เรียนก็อย่างดี นี้คือความแตกต่าง
คือง่ายถ้าคุณเป็นประชาชนธรรมดาโอกาศของคุณจะน้อยมากแต่ถ้าคุณเป็นข้าราชกาลหรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นหน่วยงานของราชกาลคุณจะมีชีวิตที่ดีมีโอกาศมากว่าคนอื่นทั่ว
ผมยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นนะครับประเทศเค้าประชาชนมีความจงรักพักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินของเค้าแบบสุดชีวิตยอมตายได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
คุณเห็นแนวการปกครองของพระเจ้าแผ่นดินญี่ปุ่นไหมละครับคุณเห็นรถ เบนซ์ รถบีเอ็มดับบิวไหมครับไม่มีสักคันพระเจ้าแผ่นดินญี่ปุ่นทรงใช้รถที่ผลิตในประเทศของตัวเองและถ้าคุณมองไปลึกๆคุณจะเห็นว่าข้าราชกาลญี่ปุ่นหรือรัฐมนตรีญี่ปุ่นไม่ว่ากระทรวงไหนใช้รถเบนซ์บีเอ็มเลยสักกระทรวงพวกเค้าใช้แต่รถที่ผลิตเองในประเทศ
นี้คือบรรทัดฐานของสังคมเค้าและประชาชนก็นำมาปฏิบัติตามเกิดเป็นคำว่าชาตินิยมเกิดความเท่าเทียมทางสังคมเกิดความพอดีทางสังคม
แต่คุณหันมามองประเทศไทย ข้าราชกาลประเทศไทยระดับสูงไม่เบนซ์ก็บีเอ็มและแทบทุกกระทรวงทุกหน่วยงานและยิ่งพวกรัฐมนตรีหรือนักการเมืองมันใช้รถคันหนึ่งราคาหรายล้านบาทคุณดูความฟุ่งเฟิ้อและไหนจะครองครัวมันอีกมันจะใช้กันกี่คันเป็นเงินเท่าไรและเงินที่มันหามาได้ก็มาจากประชาชนรากหญ้าที่พวกมันบอกว่าให้อยู่แบบพอเพียง แต่ชาวไร่ชาวนาก็เป็นคนมีความยากเหมือนกันเค้าเห็นแบบนี้เค้าจะรู้สึกแบบไหนคุรรองคิดดูว่าคนกลุ่มหนึ่งต้องอยู๋แบบพอเพียงคนอีกกลุ่มอยู่แบบฟุ้งเฟิ้อ
พวกคุณเคยคิดถึงใจเค้าหรือป่าวละครับ ผมอ่ะเข้าใจ
แต่คำถามคือ พวกคุณต่อสู้เพื่อพระเจ้าอยู่หัวหรือต่อสู้เพื่อความกินดีอยู่ดีของตัวเอง
อันนี้เขาเรียกตีโจทย์ไม่แตก
พยายามจะสอนคนอื่นแต่ตัวเองเข้าใจแค่ตื้นๆ
คำว่าพอเพียง คืออย่าเกินตัว พอไม่เกินตัว ก็ไม่เป็นหนี้ พอไม่เป็นหนี้ก็สบาย กินอิ่มนอนหลับ อยากได้อะไรก็อดออมมีเงินพอค่อยไปซื้อ
คนเราันเปรียบเทียบกันได้แค่ในบางเรื่อง แต่ส่วนใหญ่เปรียบเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากพื้นฐานมันไม่เหมือนกัน
อย่าว่าแต่เรื่องระดับโลก ระดับประเทศเลย
พูดถึงระดับหมู่บ้านดีกว่า ในหนึ่งหมู่บ้านยังมีคนมีที่นามากน้อยไม่เท่ากันเลย
บางคนเล่นการพนันเสียก็เอานาไปขาย บางคนอดออมประหยัด ปลูกผักเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ ขายมีเงินซื้อนาก็มี
บางคนเรียนโรงเรียนเดียวกันแต่ติดยาเสพติดเรียนไม่ถึงใหน บางคนเรียนจบจนสอบเข้ามหาลัยได้ จนได้ทำงานดีๆ
บางคนเลือกเพื่อไทยเพราะคิดว่าเขาเงินเยอะ เขาจะเอาเงินมาแจก หมู่บ้านละล้าน
อย่าไปโทษคนอื่นเลยโทษตัวเองเถอะ ตรีนเราเองเดินเองถ้าเหยียบตะปูจะไปโทษโรงงานเหล็กมันถูกใหม?
ไม่มีคนมีวิสัยทัศน์ที่ใหนเลือกปูเป็นนายกหรอกครับ
jubcz wrote:mmmp wrote:จากเชื่อว่ามีหรือไม่มี>>>>ทำไมคนจึงอยากล้ม>>>>ความแตกต่างด้านสังคม
ชาตินิยม>>>>????
เรื่องมันชักยาวและออกเกินขอบเขตเหมือนพยายามชี้นำ
คำว่าเศรษฐกิจพอเพียงที่พยายามผลักดันมาใช้นั้น เป้าหมายหลักคือการให้ประชาชนรุ่นหลังๆไม่ฟุ้งเฟ้อ
เช่นการส่งลูกมาเรียนในกทม ทั้งที่จังหวัดของตัวเองก็มี +การใช้สำนึกรักษ์บ้านเกิด เพื่อให้คนที่เรียนจบแล้วกลับไปทำงานในจังหวัดของตัวเอง
เพื่อให้เกิดการพัฒนา แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าส่งลูกเรียนจบในกทม ลูกไม่กลับบ้าน ใช้ชีวิตทำงานในกทม และใช้เงินฟุ้งเฟ้อตะหากเล่า
คนกลุ่มนี้สมควรใช้ชีวิตแบบพอเพียง แต่เท่าที่พบเห็นคนกลุ่มนี้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นหนี้บัตรสารพัด และไม่มีปัญญาใช้คืน
ซึ่งคนกลุ่มนี้มีจำนวนมากในสังคมไทย ตัวคนที่เป็นเกษตรกรเองนั้นใช้ชีวิตพอเพียงกันค่อนข้างเยอะ เพราะเท่าืืั้ที่ไปตจวมา
เค้าก็ปลูกผักกินเอง เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ แทบไม่ต้องใช้เงิน แต่ลูกหลานที่อยู่กทมมากกว่าที่ทิ้งบ้านของตัวเอง มาฟุ้งเฟ้อในกทม
ลองไปดูตามผับตามเทคในกทมดูละกัน มีกี่คนที่เป็นคนกทมแท้ๆ และมีฐานะทางการเงินใช้สบายๆไม่ใช่เดือนชนเดือนแทบไม่พอใช้
มีอยู่น้อยถึงน้อยมาก และอย่าคิดด้วยว่าคนกลุ่มนี้ที่เป็นคนตจวมาทำงานในกทมเป็นกลุ่มน้อย คนกลุ่มนี้ชักจูงง่ายด้วยผลประโยชน์ เพราะตัวเองต้องหาทางรอด
แต่ไม่ได้แก้ไขที่ตยเองก่อน ส่วนเกษตรกรก็เช่นกันรอแต่ความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่ไม่ยอมให้ลูกหลานตัวเองกลับมาช่วยเหลือ หรือลูกหลานมันไม่กลับมาช่วยก็ไม่ทราบได้
กรณีที่คุณบอกว่าคนอีสานมีกลุ่มที่เริ่มเปลี่ยนแนวคิดมาต่อต้านมากขึ้น ความคิดนี้ไม่เป็นจริงครับกลุ่มที่รักมีมากกว่าอย่างแน่นอน เพียงแต่มีการใช้สื่อทำให้อีสานกลายเป้นแหล่งชุมโจร
เพื่อให้คนรังเกียจ ทำให้เค้าเหล่านั้นไม่เป็นที่ยอมรับ ตัดสังคมของเค้าออกเพื่อบูชาผู้นำของเค้าเอง วิธีนี้ได้ผลซะด้วยซิ แถมมีคนไทยที่ไม่เอาทักษิณติดกับไปหลายคน กับคำว่าอีสานไม่เอาเจ้า
ก็อย่างที่ผมบอกและครับคุรคิดหรือป่าวละว่าทำไม่คนหนุ่มสาวที่เข้ามาทำงานใน กทม ถึงไม่กลับบ้านแล้วยังฟุ้งเฟิ้อมันเกิดจากอะไร อันนี้คุรรองคิดดูซิครับ
ส่วนแนวคิดพอเพียงอ่ะผมชอบเพราะมันดี แต่ปัณหาคือก้อย่างที่ผมบอกอีกและครับคือมีคน 100% ให้คน 70%มีชีวิตพอเพียงอีก30 % มันไม่เคยพอเพียงและที่สำคัญคนที่ไม่เคยพอเพียงดันเป็นคนชั้นปรกครองและความไม่พอเพียงของมันถูกนำมาสร้างคานิยมความฟุ้งเฟิ้อ เด็กสาว จากต่างจังหวัดมาเรียนใน กทม ก้ต้องเอาตัวมาแรกกับไอโฟนกับไอแพท กับกระเป๋าหลุย เพราะอยากจะดูดีมีสกุลกับเค้าบ่างต่ามคานิยมของชนชั้นปรกครอง ผมถึงยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น มาให้คุณดูไงครับ
และไอ้ความไม่พอเพียงของชนชั้นปรกครองยังมาสร้างค่านิยมวัดถุตัวอย่างเช่นนักธุระกิจทำไมต้องขับรถคันละหลายล้านบาทด้วยเพราะมันจะได้สร้างความน่าเชื่อถือทางสังคมและขับเบนซ์ยังไม่พอต้องติดป้ายหน้ารถว่ามา กนมนั้นกรมนี้ เพื่อจะได้ความเป็นอภิสิทย์ชนขับเข้าด่านตำรวจต้องตะเบ้ให้ทั้งที่ข้าราชกาลก้ไม่ได้เป็น
นี้คือบรรทักฐานที่พวกไม่เคยเพียงพอทำไว้แล้วไอ้คนที่พอเพียงมันจะรู้สึกเช่นไรมันก็เป็นคนเหมือนกันมีกิเรตัรหาเหมือนกันๆแล้วเค้าผิดไหมที่เค้าอยากจะได้แบบนั้นบ่างครับ