nopantaman_agian wrote:ตอบคุณคลำปมนะครับ
จริงๆ คุณก็ต้องยอมรับความจริงด้วยนะครับว่า ไม่เคยสั่ง ไม่ได้แปลว่าต้องรู้ เช่นกัน
ยอมรับครับ
ผมถึงบอกไงว่าเรื่องนี้มันเถียงกันได้ไม่จบ ผมจึงละประเด็นที่ว่ารู้หรือไม่รู้ออกไป
มีคุณนั่นแหละครับที่พยายามจะอธิบายว่าทักษิณไม่รู้
จริงไหมครับ? ถ้ายอมรับความจริงเราก็คุยกันต่อได้
ถ้าคุณไม่ยอมรับว่าคุณพยายามแก้ให้ทักษิณในเรื่องรู้/ไม่รู้ นี่ก็คงไม่ต้องแลกเปลี่ยนอะไรกันต่อแล้วกระมังครับ?
และคุณก็บอกเองว่าเรื่องปกติคือนายกให้นโยบาย(โดยการเสนอจากรัฐมนตรีคลัง)
อย่าลืมข้อความในวงเล็บด้วยนะครับ ซึ่งตรงนี้บอกได้อย่างชัดแจ้งว่า ถ้าไม่มีเรื่องเสนอ ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
แล้วถามคุณเองเถอะ ถ้าคุณเป็นนายก ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวโดยตรงกับกองทุนเลย (ต้องผ่านคณะกรรมการหลายทอดด้วย)
คุณจะ "รู้" หรือครับว่าคุณมีอำนาจ
คุณจะเอาเหตุผลอะไรมาโต้แย้งน่ะครับ ผมว่ามันไม่เข้าท่าเลย
ความรู้หรือไม่ของมนุษย์มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
การไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกองทุนมันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รู้เสียหน่อย
(ยิ่งคุณมาสมมุติถามผมว่าถ้าเป็นนายกฯจะรู้ไหม มันยิ่งตลกครับ ถ้าผมว่าว่าต้องรู้สิ คุณจะไปยังไงต่อ)
การ"รู้"ว่ามีอำนาจ กับการ"ใช้"อำนาจ มันคนละเรื่องกันนะครับ
คนเรารู้ตั้งหลายอย่างที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจ
ศาลท่านยังทราบเลยว่าทักษิณมีอำนาจ (จึงตัดสินให้ผิด)
ทั้งที่ศาลท่านก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับกองทุนเสียหน่อย ถึงต้องรู้
"เมื่อทนายจำเลยถามว่าในการบริหารกองทุนฯมีคณะกรรมการดูแลอิสระ นายกฯไม่มีอำนาจสั่งการใช่หรือไม่
นายชวน ตอบว่า กองทุนฯอยู่ภายใต้กำกับของ ธปท.มีผู้ว่า ธปท.เป็นผู้ดูแล และมี รมว.คลัง กำกับดูแล ธปท.อีกชั้น
เมื่อถามว่าขณะที่เป็นนายกฯ เคยสั่งการในการบริหารงานกองทุนฯหรือไม่
นายชวนตอบว่า ไม่มี ซึ่งนายกฯจะไม่ได้เป็นผู้สั่งการ ถ้าเรื่องนั้นไม่ได้ถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.
จากคำให้การเหล่านี้ ถามคนทั่วไป มีใครจะคิดว่าคุณชวนและคุณบรรหาร "รู้" บ้างครับ
อีกแล้วครับ คุณแกล้งไม่ทราบหรือว่าทนายจำเลยเขาถามอะไร
ทักษิณถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ
ทนายเขาก็ต้องซักพยานให้เห็นว่าทักษิณไม่ผิด
เขาก็ถามจี้อดีตนายกฯว่าเคยใช้อำนาจแทรกแซงหรือเปล่าฯ (ใครจะไปบ้าตอบว่าเคย)
ทนายทักษิณเขาคงไม่โง่ถามว่า
"ท่านอดีตนายกฯท่านมีอำนาจสั่งการรัฐมนตรีคลังของท่าน หรือเปล่า?" หรอกนะครับ
ที่คุณชวนตอบน่ะชัดที่สุดแล้วครับว่านายกฯจะเป็นผู้ตัดสินใจถ้าเรื่องเข้า ครม.
ถามคนทั่วไปใครเขาก็รู้ครับว่าหัวหน้า ครม.ที่จะตัดสินใจนั้นเป็นใคร หรือจะไม่รู้อีก?
แล้วก็พยานในศาลไม่ใช่มีแต่ 2 คนนี้นะครับ
อดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ทั้ง มรว.ปรีดียาธร , หม่อมเต่า) อีกทั้งอดีตปลัดกระทรวงการคลัง(คุณสมใจนึก)
รวมทั้งคุณไพโรจน์ (อดีตผู้จัดการกองทุน) และอีกหลายท่าน ก็เบิกความในทางเดียวกันว่า
"นายกรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะเข้าไปกำกับดูแลกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน"
ถ้านายกฯยังจะไม่รู้ก็น่าประหลาดใจเพราะผู้ใต้บังคับบัญชายังรู้
แล้วทำไมคุณถึงอนุมานว่าทักษิณต้องรู้ละครับ มันก็ไม่ง่ายไปหรือครับ
จริงๆผมอยากจบเรื่องรู้หรือไม่นะเพราะมันโต้แย้งกันด้วยการอนุมานซึ่งจบยาก
แต่ที่ผมอนุมานว่าทักษิณควรต้องรู้เพราะพฤติกรรมส่วนตัวของทักษิณในอดีตครับ
เป็นอคติโดยส่วนตัวของผมที่เห็นลักษณะนิสัยของทักษิณในการฉ้อฉลหลายเรื่อง ทั้งการซุกหุ้นให้คนสวน คนใช้เพื่อเลี่ยงกฎหมาย
การถ่ายเทหุ้นไปที่บริติชเวอร์ยิ่นทำให้ไม่สามารถตรวจสอบผู้ถือหุ้นที่แท้จริงได้
ทักษิณมีที่ปรึกษากฎหมายคณะใหญ่คอยดูแลให้ตลอด
การที่เขาก้าวเข้ามาในการเมืองทั้งทีมีผลประโยชน์จากสัมปทานติดพันมาด้วย
เขาก็ต้องยอมรับว่ามันจะไปกระทบกับข้อห้าม/ข้อบังคับทางกฎหมายหลายประการ
ผลประโยชน์ของประเทศไทยต้องไปแขวนอยู่กับการตัดสินใจของเขา ทั้งที่มีผลประโยชน์ส่วนตัวของเขาด้วยในเวลาเดียวกัน
ผมไม่มีทางไว้ใจคนชนิดนี้ครับ
ดังนั้นใครมาชักชวนให้ผมไว้ใจคนชนิดนี้ผมถือว่าคุณนำประเทศไปเสี่ยงกับทักษิณ
ซึ่งผมทำไม่ได้ และไม่เคยคิดจะทำ
ผมรักประเทศมากกว่าที่จะเชื่อถือใครด้วยการจินตนาการไปถึงใจทักษิณว่าเขาคิดอะไรไปในทางดี
ประเทศไทยไม่มีทักษิณก็อยู่ได้ คนที่จะมาเป็นนายกฯไม่ควรมีข้อกังขา
"ศาลท่านก็คงพิจารณาแล้วว่าแก้ตัวแค่นี้มันไม่มีน้ำหนัก
จะเอาหลักฐานว่านายกฯคนอื่นไม่เคยสั่งการกองทุนฯมาหักล้าง มันคนละเรื่องกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย"
ศาลท่านไม่ได้พิจารณาตรงนี้เลยครับ ต้องเข้าใจเรื่องข้อกฏหมายนะครับ
ว่า รู้ หรือ ไม่รู้ ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่มีน้ำหนักเลย แต่เมื่อศาลท่านตัดสินว่ามีอำนาจ
ก็แสดงว่าต้องมี และต้องมีความผิดครับ
ครับไม่พิจารณาก็ได้ครับ
และศาลท่านก็ตัดสินแล้วว่ามีอำนาจ มีความผิด ก็ต้องจบ
ไม่เห็นต้องมาโต้แย้งเรื่องรู้หรือไม่รู้เลยจริงไหมครับ?
โต้ไปทำไมเสียเวลาเปล่า? ไร้สาระด้วยครับ
"เพราะนายกฯคนอื่นเขาไม่ได้เซ็นชื่อให้ภรรยาไปซื้อที่ดินของกองทุนเหมือนทักษิณนี่ครับ"
อันนี้คุณออกนอกประเด็น "รู้" กับ "ไม่รู้" แล้วครับ ไม่ว่าทักษิณจะเซ็นชื่อหรือไม่
ไม่เกี่ยวกับรู้หรือไม่รู้เลย เพราะไม่ได้ส่งผลให้การขายที่ดินครั้งนี้รัฐเสียประโยชน์อันใด
(อันนี้ลองดูได้จากคำตัดสินศาลครับ)
ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรนักกับเรื่อง "รู้" "ไม่รู้" เท่าไหร่อยู่แล้วครับ
และผมไม่เคยบอกเสียหน่อยว่าผมจะคุยแค่ประเด็นนี้
ผมพูดว่านายกฯคนอื่นไม่ได้เซ็นชื่อให้ภรรยาไปซื้อที่ดินของกองทุนฯไม่ได้หรือครับ?
ผมงง?
แล้วศาลตัดสินด้วยหรือครับว่า"การขายที่ดินครั้งนี้รัฐไม่ได้เสียประโยชน์อันใด"
จริงหรือครับ? ผมอ่านเจอแต่...
- ที่จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับดูแล ควบคุม ตรวจสอบกองทุน...
ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น- มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การที่จำเลยที่ ๒ เข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายที่ดินตามฟ้องจากกองทุน...
การกำหนดวงเงินมัดจำของผู้เข้าประกวดราคาสูงถึงหนึ่งร้อยล้านบาท ไม่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ การกำหนดเงินมัดจำสูงถึงหนึ่งร้อยล้านบาท
เป็นที่เห็นได้ว่า การกำหนดวงเงินมัดจำสูงมากเพียงใด สามารถกีดกันผู้เข้าประมูลให้น้อยลงตามไปด้วย การที่มีผู้เข้าเสนอราคาประมูลเพียงสามราย
คือ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โนเบิลดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และจำเลยที่ ๒ ...
เห็นได้ว่า จำเลยที่ ๒ ซึ่งเสนอราคาสูงสุดก็ตาม ก็ยังต่ำกว่าราคาขั้นต่ำแปดร้อยเจ็ดสิบล้านบาทที่ตั้งไว้ในการประมูลครั้งแรก...
แม้คณะกรรมการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจะเห็นว่า ราคาที่จำเลยที่ ๒ ประมูลได้ว่าเป็นราคาที่เหมาะสมก็ตาม แต่ยังอาจไม่ใช่ราคาสูงสุดที่ควรจะขายก็ได้
ทั้งเมื่อพิเคราะห์ถึงว่า ผู้เข้าประมูลซื้อที่ดินแข่งกับจำเลยที่ ๒ ทั้งสองรายเป็นบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่
ต่างก็รู้ว่ากำลังเสนอราคาประมูลแข่งกับภริยาของนายกรัฐมนตรี
น่าเชื่อว่า ผู้เข้าประมูลซื้อทั้งสองรายย่อมต้องรู้ว่าไม่สมควรที่จะชนะการประมูลในครั้งนี้ ผลการประมูลจึงออกมาว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด
ดังนั้น จึงเป็นที่เห็นได้ว่า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่สามารถขายที่ดินตามฟ้องทั้งสี่แปลงโดยการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
ทำให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่ได้รับประโยชน์จากการขายที่ดินตามฟ้องทั้งสี่แปลงได้เท่าที่ควร"การขายที่ดินครั้งนี้รัฐไม่ได้เสียประโยชน์อันใด" นี่มาจากศาลไหนครับ?ที่ผมเห็นส่วนที่ทักษิณไม่ผิดก็คือ
- ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๐ (๑) ร่วมกับจำเลยที่ ๑ หรือไม่ เพียงใด ...
การไม่กำหนดราคาขั้นต่ำของที่ดินพิพาทในการประกวดราคา หนังสือชี้ชวนให้ผู้เข้าร่วมประกวดราคามีรายละเอียดไม่ครบถ้วน มีการเพิ่มเงินมัดจำในการยื่นซองประกวดราคาเป็นหนึ่งร้อยล้านบาท และมีการยกเลิกข้อจำกัดเรื่องความสูงในการก่อสร้างอาคารบริเวณที่ดินที่ขายแก่จำเลยที่ ๒ ทำให้ที่ดินพิพาทมีราคาสูงขึ้นกว่าเดิมนั้น
ก็เป็นเพียงการส่อถึงข้อพิรุธในการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินกับจำเลยที่ ๒ เท่านั้น
แต่ไม่พอที่จะรับฟังว่า เป็นการกระทำหรือจำเลยที่ ๑ มีส่วนกระทำหรือเกี่ยวข้อง ในอันที่จะแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่ ๑ ว่า ประสงค์จะมีเจตนาร่วมซื้อที่ดินพิพาทอย่างเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ ๒ ลำพังการที่จำเลยที่ ๑ ลงลายมือชื่อให้ความยินยอมในสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาท ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอถึงขนาดให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ มีเจตนากระทำการในลักษณะเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ ๒ ได้... พูดง่ายๆคือหลักฐานยังไม่บ่งชี้เพียงพอครับ ไม่เช่นนั้นคงติดคุกมากกว่า 2 ปีแน่นอน