ไขปริศนาอานุภาพ"แก๊สน้ำตา" หรือว่าตำรวจปฏิบัติผิดหลักสากล!
8 ตุลาคม พ.ศ. 2551 07:54:00
http://suthichaiyoon.com/WS01_A001_news.php?newsid=5532เหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปิดล้อมอาคารรัฐสภา เมื่อเช้าตรู่วานนี้ (7 ต.ค.)
ซึ่งตำรวจใช้วิธียิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่าครึ่งร้อย โดยในจำนวนนั้นมีคนขาขาด 2 ราย
และนิ้วขาดอีก 1 รายนั้น ได้กลายเป็นปริศนาว่า แก๊สน้ำตาที่เป็นเครื่องมือใช้ควบคุมฝูงชน มีอานุภาพทำลายล้างถึงขั้น
ทำให้ขาขาดได้เลยเชียวหรือ?
ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์จากหน่วยงานความมั่นคง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแก๊สน้ำตาที่ทั่วโลกใช้ควบคุมฝูงชนว่า
โดยทั่วไปแก๊สน้ำตามีด้วยกัน 2 ชนิด คือ "ชนิดขว้าง" กับ "ชนิดที่ยิงจากอาวุธปืนเฉพาะ" โดยแก๊สน้ำตาชนิด
ที่ยิงจากอาวุธปืน มีความเร็วต้นประมาณ 50-60 เมตรต่อวินาที
แก๊สน้ำตาทั้ง 2 ชนิดสามารถแยกย่อยได้อีก 2 แบบ คือ แบบปล่อยควันสารระคายเคือง
และแบบมีระเบิดเสียงผสมกับควันสารระคายเคือง!
วัสดุที่ใช้ทำแก๊สน้ำตานั้น คืออะลูมินัม โดยแก๊สน้ำตาแบบระเบิดเสียงผสมกับควันสารระคายเคือง เมื่อถูกยิง
ออกจากอาวุธปืนจะมีลักษณะการระเบิดใกล้เคียงกับ "ระเบิดเสียง" หรือ Stunt bomb มีวัตถุประสงค์เพื่อข่มขวัญ
มีระดับความดังประมาณ 130 เดซิเบล หากเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพ เสียงระเบิดจะใกล้เคียงกับประทัดยักษ์
นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งชนิดสารระคายเคืองของแก๊สน้ำตาได้อีก 2 แบบ ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะของแก๊สน้ำตา
เรียกว่าแบบ CN กับ CS โดยแก๊สน้ำตาแบบ CN นั้น ปัจจุบันองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศห้ามใช้แล้ว
และในยุโรปหรืออเมริกาก็ไม่มีการใช้ ทั้งยังเลิกผลิตแล้วด้วย เนื่องจากเป็นสารระคายเคืองที่มีพิษ ทำให้ผิวพุพอง
และมีสารพิษตกค้าง ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันเจ้าหน้าที่จึงใช้แก๊สน้ำตาแบบ CS เป็นส่วนใหญ่ เพราะจะปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ดี แก๊สน้ำตาแบบ CN ยังมีการผลิตและใช้อยู่หลายประเทศ แต่จะเป็นกลุ่มประเทศค่ายคอมมิวนิสต์
เช่น จีน อิสราเอล และประเทศทางตะวันออกกลาง กระนั้นในแง่ของการตรวจสอบว่าแก๊สน้ำตาที่ใช้เป็นสารต้องห้าม
หรือไม่ สามารถให้ผู้รับผิดชอบเก็บตัวอย่างสารจากพื้นดินที่แก๊สน้ำตาตกอยู่ไปตรวจสอบได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ กล่าวอีกว่า การควบคุมหรือสลายฝูงชนนั้น ตามหลักปฏิบัติสากลจะมีขั้นตอนต่างๆ อยู่
โดยเริ่มจากการใช้เจ้าหน้าที่ถือโล่และกระบองผลักดันฝูงชน หากไม่ได้ผลก็จะใช้รถฉีดน้ำเข้าเสริมการปฏิบัติ ส่วนการ
ใช้แก๊สน้ำตานั้นจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในกรณีที่ฝูงชนบ้าคลั่ง ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว จึงจะสั่งใช้แก๊สน้ำตา
ที่สำคัญการใช้แก๊สน้ำตาแบบยิงด้วยอาวุธปืน จะมีหลักการใช้อาวุธประเภทนี้เป็นพิเศษกำกับอยู่อีก กล่าวคือ
เจ้าหน้าที่ผู้ใช้ต้องได้รับการฝึกฝนมาเป็นการเฉพาะ ไม่ใช่ว่าให้ใครก็ได้มาใช้ และการยิงจะต้องยิงเป็นวิถีโค้งทำมุม
ไม่ต่ำกว่า 45 องศาจากระยะไกล และจุดตกของแก๊สน้ำตานั้นจะต้องเป็นจุดที่ฝูงชนเบาบาง แต่อยู่เหนือลม เพื่อให้
กระแสลมพาสารระคายเคืองเข้าไปยังกลุ่มฝูงชน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องกำหนดจุดตกเป็นจุดที่ฝูงชนเบาบาง ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขว้างแก๊สน้ำตาที่ถูกยิงออกไปแล้ว
กลับมายังเจ้าหน้าที่ เนื่องจากก่อนที่แก๊สน้ำตาจะทำงาน มีระบบหน่วงเวลาหลายวินาที
ส่วนเหตุการณ์ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อช่วงเช้า
วานนี้นั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ วิเคราะห์ว่า จากภาพข่าวที่ปรากฏทางสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่ที่ใช้แก๊สน้ำตา
น่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนมาจนเชี่ยวชาญ และยิงแก๊สน้ำตาด้วยวิธีที่ผิดหลักปฏิบัติสากล คือ เป็นการยิงในระยะใกล้
ไม่ได้ยิงในลักษณะวิถีโค้ง จุดตกแก๊สน้ำตาอยู่กลางฝูงชน ไม่ได้ตกในจุดที่ฝูงชนเบาบาง ส่วนแก๊สน้ำตาที่ใช้นั้น
น่าจะเป็นแก๊สน้ำตาแบบมีระเบิดเสียงผสมกับสารระคายเคือง
สำหรับผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขึ้นขาขาดนั้น ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ เห็นว่า น่าจะถูกแก๊สน้ำตาแบบมีระเบิดเสียงผสมกับสารระคายเคือง เพราะมีอันตรายใกล้เคียงกับประทัดยักษ์ หากจุดตกแก๊สน้ำตาอยู่ในระยะประชิด ก็มีความเป็นไปได้ที่อาการจะสาหัสถึงขั้นขาขาด
“แก๊สน้ำตาแบบที่มีระเบิดเสียงนั้นอานุภาพไม่ต่างจากประทัดยักษ์ หากถือไว้หรืออยู่ใกล้มากก็ทำให้บาดเจ็บสาหัส
ได้เช่นกัน เช่น ถ้าถือประทัดยักษ์ขณะระเบิดก็ทำให้นิ้วขาดได้ และเมื่อบวกกับวิธีการยิงแก๊สน้ำตาซึ่งไม่ถูกวิธีด้วยแล้ว
ก็มีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่ขาขาดนั้นถูกแก๊สน้ำตาชนิดนี้ขณะเกิดระเบิดเสียงในระยะที่ใกล้มาก” ผู้เชี่ยวชาญ ระบุ
เขายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า แก๊สน้ำตาที่นำมาใช้งาน หากเป็นของเก่าที่เสื่อมสภาพก็ทำให้เกิดการระเบิดได้เช่นกัน
นอกจากนี้จุดตกของแก๊สน้ำตาแบบที่มีระเบิดเสียง หากตกในจุดที่มีหิน กรวด หรือเศษวัสดุอยู่แล้วเกิดระเบิดขึ้น แรงดัน
จะทำให้หิน กรวด หรือเศษวัสดุต่างๆ กระเด็นเป็นสะเก็ดคล้ายสะเก็ดระเบิดทำอันตรายแก่ผู้ที่อยู่ในรัศมีได้เช่นกัน ดังนั้น
เมื่อเกิดการยิงแก๊สน้ำตาแบบมีระเบิดเสียงผสมอยู่ด้วย ประชาชนควรอยู่ห่างไม่ต่ำกว่า 5 เมตรถึงจะไม่ได้รับอันตรายสาหัส
แต่ก็อาจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากสะเก็ด อย่างไรก็ดี เสียงระเบิดปริศนาระหว่างสลายการชุมนุมยังจำเป็นต้องค้นหาความจริงกันต่อไป เพราะผู้บาดเจ็บขาขาด
รายหนึ่งบอกกับแพทย์ที่ทำการรักษาว่า เขาเห็นวัตถุทรงกลมที่คาดว่าจะเป็นระเบิดปิงปอง หรือระเบิดน้อยหน่าตกอยู่ข้างตัว
ก่อนที่เสียงระเบิดจะดังขึ้น และทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ไม่ว่าเหยื่อความรุนแรงจากการสลายการชุมนุมจะโดนอานุภาพจากแก๊สน้ำตา หรือระเบิดชนิดอื่นที่ใครแอบพกพาเข้ามา
เจ้าหน้าที่ที่เข้าสลายการชุมนุมแบบข้ามขั้นตอนที่ถูกต้อง ย่อมไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบ!
http://suthichaiyoon.com/WS01_A001_news.php?newsid=5532แงะมาจากบอร์ดเก่า