Page 1 of 1

ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 8:49 pm
by YoyoTanya
แบบว่ากะลังถกเถียงกะผู้นิยมทักษินคนนึงอยู่

เขาถามหาหลักฐานเรื่องที่กล่าวหาว่าไปกู้ ADB มาใช้หนี้ IMF บางส่วน ( ไอ้ก้อนสุดท้ายที่เอามาประกาศตนว่าเป็นผู้ปลดหนี้ IMF นั่นแหละ )

ซึ่งอิฉันหาไม่เจออะ oxo ใครพอจะหาได้บ้าง หรือว่ามันเป็นข่าวบิดเบือนจริงๆ จาได้ยอมรับความบกพร่องไป *-*

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 8:52 pm
by โจ๊ยเก๋า
หาต่อไปครับ ความพยายามอยู่ที่ใหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 9:16 pm
by ปุถุชน
กวนน้ำให้ใส

ความลวงเรื่องทักษิณใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ (กวนน้ำให้ใส)



เรื่องลวงโลกในทำนองว่า "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นวีรบุรุษกู้ชาติไทยผู้ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด เป็นเรื่องที่คนไทยถูกหลอกลวงมากที่สุด ฝังหัวที่สุด และทำให้ถูกมอมเมาต่อไปอีกว่า "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นนายกฯ ที่บริหารเศรษฐกิจเก่ง มีบุญคุณต่อประเทศไทย ฯลฯ

นปก. ก็ขึ้นป้าย บอกว่า "เป็นความสามารถของทักษิณที่ทำให้ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้หมด"

อันธพาลที่ช่วยตำรวจของระบอบทักษิณทำร้ายคนแก่ที่ออกมาขับไล่ทักษิณ บริเวณห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ก็ให้การว่า "นายกฯทักษิณ เป็นคนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมด เป็นคนสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ราคายางสูงขึ้น แล้วมาตะโกนขับไล่นายกฯ ทักษิณทำไม"

ทั้งหมด ถูกฝังหัว มอมเมา ลวงหลอก โดยการปั้นแต่งข้อมูลข่าวสารของระบอบทักษิณ เริ่มตั้งแต่ค่ำวันที่ 31 ก.ค. 2546 ทักษิณออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ประกาศว่า วันนี้ ได้ชำระหนี้ก้อนสุดท้ายให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เรียบร้อยแล้ว

"เราใช้หนี้ก่อนเวลา 2 ปี" ทักษิณโอ้อวดว่าเป็นความสำเร็จของตัวเองในวันนั้น...

เมื่อวานนี้ ได้ชี้ชัดไปให้เห็นแล้วว่า หนี้ไอเอ็มเอฟเกิดขึ้นในยุครัฐบาลชวลิต สมัยรัฐมนตรีคลังชื่อ "ทนง พิทยะ" ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีโดยการสนับสนุนของ "ทักษิณ ชินวัตร"

เดือน มี.ค. 2540 สถาบันการเงินในประเทศจำนวนมากอ่อนแอ แต่รัฐบาลในขณะนั้นกลบเกลื่อน เลือกปิดเพียง 16 แห่ง พยายามอุ้มสถาบันการเงินที่มีสายสัมพันธ์กับพรรคพวกตนเอง ต่อมาภายหลัง เดือน มิ.ย. จึงปิดสถาบันการเงินเพิ่มอีก 42 แห่ง เกิดความปั่นป่วน ไม่เชื่อถือไปทั่ว

ในที่สุด เมื่อลดค่าเงินบาท 2 ก.ค. 2540 เงินทุนสำรองร่อยหรอ (แทบไม่เหลือหรอ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยไปเก็งกำไรต่อสู้ค่าเงินบาทจนหมดหน้าตัก) รัฐบาลชวลิตก็ไปขอกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงฉบับที่ 1 (Letter of Intent : LOI) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2540

1) เงินกู้ไอเอ็มเอฟ ทางผู้ให้กู้เขาประเมินและตกลงให้กรอบประเทศไทยเป็นหนี้ได้ทั้งหมด ประมาณ 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อหักลบหนี้ที่รัฐบาลไทยกู้จากต่างประเทศและสถาบันการเงินระหว่างประเทศอื่นๆ แล้ว ปรากฏว่า ประเทศไทยได้กู้จากไอเอ็มเอฟจริงๆ ประมาณ 14,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

2) เงื่อนไขและวิธีการรับเงินกู้ไอเอ็มเอฟ คือ ไอเอ็มเอฟจะทยอยส่งเงินให้เป็นงวดๆ 3 เดือนต่อหนึ่งงวด โดยแต่ละงวด รัฐบาลไทยก็จะต้องลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง หรือ Letter of Intent : LOI เป็นเงื่อนไขพันธะผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตาม

พูดง่ายๆ ว่า ยื่นหมู ยื่นแมว จะเอาเงินจากเขา ก็ต้องทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับเขา

3) หนังสือแสดงเจตจำนง หรือ Letter of Intent : LOI ฉบับที่หนึ่ง ลงนามสมัยรัฐบาลชวลิต เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2540 ตกลงผูกมัดไว้หมดแล้วว่า รัฐบาลไทยจะต้องรัดเข็มขัดอย่างไร ควบคุมนโยบายการเงินอย่างไร ควบคุมนโยบายการคลังอย่างไร ห้ามขึ้นเงินเดือนราชการอย่างไร ต้องมีนโยบายรัฐวิสาหกิจอย่างไร ฯลฯ

และเมื่อจะเอาเงินกู้งวดที่สอง (3 เดือนต่อมา) ก็ต้องยื่นเงื่อนไข LOI ฉบับที่สอง รัฐบาลชวลิตก็ไปตกลงไว้กับไอเอ็มเอฟแล้ว เซ็นต์กันเมื่อวันที่ 14 พ.ย.40

4) เงื่อนไขและวิธีการจ่ายคืนเงินกู้ไอเอ็มเอฟ คือ เงินกู้แต่ละงวดแต่ละก้อน จะต้องจ่ายคืนเมื่อครบกำหนด 3 ปี ยกตัวอย่าง ก้อนที่ได้มา 14 พ.ย. 40 ก็มีกำหนดจ่ายคืน 14 พ.ย. 43 (นับไปอีก 3 ปี) เป็นต้น

ดังนั้น ตามแผนการที่เจรจากรอบการกู้ไอเอ็มเอฟไว้เดิม วางแผนกันว่า ประเทศไทยจะรับเงินกู้จากไอเอ็มเอฟไปอย่างนี้ ทุกๆ 3 เดือน จนครบยอดเงินกู้ทั้งหมด ซึ่งตามแผนเดิม เงินกู้งวดสุดท้ายจะได้รับประมาณกลางปี 2544 ซึ่งทำให้กำหนดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟก้อนสุดท้าย ก็ต้องชำระกลางปี 2547 (นับไปอีก 3 ปี)

เมื่อรัฐบาลชวลิตออกไป รัฐบาลชวนก็เข้ามา (หลัง 14 พ.ย. 2540) หลังจากนี้ คือ ช่วงที่ประเทศไทยจะต้องทำตามเงื่อนไขพันธะที่ไปตกลงไว้กับไอเอ็มเอฟ และเริ่มทยอยใช้หนี้ไอเอ็มเอฟตามกำหนด ระหว่างนี้ ประชาชนคนไทยในประเทศต้องเดือดร้อนกับ "ยาขมหม้อใหญ่" ที่ต้องรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า แต่ในที่สุด เมื่อค่าเงินบาทต่ำลง การส่งออกดีขึ้น ภาคธุรกิจเอกชนในประเทศปรับตัวได้ กลับมาแข่งขันได้ ภาคการเงินในประเทศดีขึ้น ดอกเบี้ยต่ำ การลงทุนเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ทุนสำรองของประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ ฯลฯ

เมื่อสถานการณ์ประเทศไทยดีขึ้น จนถึงช่วงกลางปี 2543 (รัฐบาลชวน) จึงได้ตกลงเลิกกู้จากไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด 1 ปี จากเดิมที่เคยกำหนดว่าจะทยอยรับเงินกู้เรื่อยๆ ไปจนถึงงวดสุดท้าย ณ กลางปี 2544 ที่จะทำให้มีกำหนดชำระหนี้งวดสุดท้าย ณ กลางปี 2547 (กำหนดชำระ 3 ปี)

แต่เมื่อกู้เงินน้อยลง โดยเลิกรับเงินกู้เร็วขึ้น 1 ปี กำหนดการชำระเงินกู้งวดสุดท้ายย่อมเร็วขึ้น 1 ปี ตามไปด้วย เพราะฉะนั้น กำหนดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ งวดสุดท้าย จึงเร็วขึ้น จากกลางปี 2547 เหลือเพียงกลางปี 2546 ประเทศไทยก็จะหมดหนี้ไอเอ็มเอฟ (ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล)

5) กลางปี 2546 เมื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" คุยโอ่ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่าตนเองเป็นผู้ช่วยให้ประเทศไทยปลดหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดถึง 2 ปี และมีการนำไปขยายผลว่าถ้าไม่ใช่ทักษิณประเทศไทยจะไม่มีทางใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้เช่นนี้ จึงเป็นเพียงลูกไม้ เล่ห์เหลี่ยม ปลุกระดม หาเสียงทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง อย่างน่าเวทนา

ประชาชนคนไทยที่ทนทุกข์ตลอดช่วงเวลาวิกฤติต่างหาก คือ วีรบุรุษ ช่วยกันกอบกู้วิกฤติของชาติ ในขณะที่ "ทักษิณ" ซึ่งมีสัมพันธ์เชิงลึกกับรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ประกาศลดค่าเงินบาทนั้น กลับไม่ได้รับผลกระทบเหมือนคนอื่นๆ เพราะได้ล่วงรู้ข้อมูลสำคัญล่วงหน้า

6) ที่ไม่รู้จักอายก็คือ จนถึงบัดนี้ ก็ยังมีการพยายามลวงหลอกประชาชนคนไทยด้วยเรื่องลวงๆ พรรค์อย่างนี้ต่อไปอีก เพียงหวังจะสร้างภาพลวงว่า ทักษิณเก่งกาจ เลอเลิศ ต่างๆ นานา เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวของคนที่หลบหนีคดีทุจริตโกงกินบ้านเมือง

เลิกคิด เลิกคุย เลิกโกหก เพื่อสร้างความสับสนวุ่นวายในประเทศได้แล้ว

ความจริง คือ ไม่มีทักษิณ ประเทศไทยก็รอดพ้นวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 ! และไม่มีทักษิณ ประเทศไทยก็สามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ !

ตรงกันข้าม หากไม่มีทักษิณ ประเทศชาติอาจจะไม่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้เสียด้วยซ้ำ !


สารส้ม



http://www.naewna.com/news.asp?ID=152462

อ่านแล้วไม่จุใจ อยากอ่านเพิ่มเติม เข้าไปอ่านที่นี่...ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=455267

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 9:24 pm
by เหลี่ยมเลียดิ๊
(เอาน้ำจิ้มเหรื้ยจิ้มเหรื้ยไปอ่านเล่น ๆ ก่อน) :mrgreen:

เผยหนี้สาธารณะสิ้นเดือน เม.ย.49 กว่า 3 ล้านล้านบาท
Tue, 2006-06-27 23:53

http://www.prachatai.com/journal/2006/06/8828

ประชาไท—28 มิ.ย. 2549 นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 (ตุลาคม 2548 - พฤษภาคม 2549) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนเมษายน 2549 ว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เมษายน 2549 มีจำนวน 3,208,130 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.39 ของจีดีพี เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,926,935 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 980,334 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 300,862 ล้านบาท

เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลง 15,116 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 11,060 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 10,681 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูลดลง 15,495 ล้านบาท สำหรับหนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 543,887 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.95 และหนี้ในประเทศ 2,664,243 ล้านบาท หรือร้อยละ 83.05 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,626,765 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.88 และหนี้ระยะสั้น 581,365 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.12

ส่วนการบริหารจัดการหนี้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 ภาครัฐได้กู้เงินรวม 105,825 ล้านบาท เป็นการกู้ของรัฐวิสาหกิจตามแผนก่อหนี้จากต่างประเทศ 4,955 ล้านบาท และการกู้เงินในประเทศ 100,870 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 66,167 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 34,703 ล้านบาท ส่วนการคืนเงินกู้ 8 เดือนแรกปีงบประมาณ 2549 กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากงบประมาณรวม 81,678 ล้านบาท และกองทุนชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอน 40,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศ โดยชำระคืนก่อนครบกำหนดวงเงินรวม 198.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 8,013 ล้านบาท Roll Over เงินกู้ ECP วงเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,908 ล้านบาท ซึ่งภายหลังได้กู้เงินในรูปตราสาร FRN วงเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อชำระคืนเงินกู้ ECP Refinance เงินกู้ ADB และ IBRD รวม 154.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 5,900 ล้านบาท และเงินกู้ FRN วงเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการออก ECP และพันธบัตรเงินบาท วงเงิน 24,500 ล้านบาท และแปลงหนี้เงินกู้สกุลเงินเยนเป็นเงินกู้สกุลเงินบาท วงเงิน 15,650 ล้านบาท

ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 8,013 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 4,332 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ชำระคืนหนี้เงินกู้จาก JBIC ก่อนครบกำหนด 14,506 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 4,995 ล้านบาท และ Refinance เงินกู้ JBIC ด้วยเงินบาท 14,754 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 5,000 ล้านบาท และได้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศโดยการทำ Swap เงินกู้ต่างประเทศเป็นเงินบาท วงเงินรวม 24,209 ล้านบาท เพื่อปิดความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 4,995 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,290 ล้านบาท

ส่วนในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ วงเงินรวม 59,327 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินกู้เดิม 3 รายการ คือเงินกู้ FRN วงเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินกู้ ADB และ IBRD วงเงิน 156 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินกู้ JBIC วงเงิน 46,826 ล้านเยน โดย Refinance เงินกู้ 2 รายการแรก ด้วยการออกพันธบัตรเงินบาท วงเงิน 24,500 ล้านบาท และออกตราสาร ECP วงเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 18,863 ล้านบาท พร้อมกับใช้งบชำระหนี้ จำนวน 8.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 314 ล้านบาท

ชำระหนี้ดังกล่าวคืนก่อนครบกำหนด ซึ่งทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้าง 314 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้เป็นเงินรวม 648 ล้านบาท แปลงหนี้เงินกู้ JBIC จากสกุลเงินเยน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 เป็นหนี้เงินกู้สกุลเงินบาท จำนวน 15,650 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.7 สำหรับระยะเงินกู้โดยเฉลี่ย 9 ปี ซึ่งทำให้สามารถปิดความเสี่ยงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยน โดย ณ วันดำเนินการเป็นช่วงที่เงินเยนมีค่าอ่อนตัวลงมากกว่าปกติเมื่อเปรียบเทียบ กับเงินบาท และคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนเงินกู้สุทธิได้เป็นเงิน 1,528 ล้านบาท

นอกจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กู้เงินในประเทศเพื่อ Roll Over หนี้เดิม 1,000 ล้านบาท และกระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 10,000 ล้านบาท พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟู 50,000 ล้านบาท และ Roll Over หนี้ของรัฐวิสาหกิจรวม 22,900 ล้าน บาท ขณะที่กระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการ ฟื้นฟูซึ่งได้รับเงินจากการประมูลพันธบัตรในเดือนนี้ 11,228 ล้านบาท โดยเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ 728 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ 10,500 ล้านบาท ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กู้เงินในประเทศเพื่อลงทุน 1,860 ล้านบาท สำหรับการชำระหนี้ กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณ 9,846 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 1,496 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 8,350 ล้านบาท

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 9:36 pm
by เหลี่ยมเลียดิ๊
ขออนุมัติเพิ่มสัดส่วนวงเงินงบประมาณในการจ่ายค่างานและค่าปรับราคาค่า งาน (ค่า K) เพื่อทดแทนส่วนที่เบิกจ่ายจากเงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB)
มติคณะรัฐมนตรี -- อังคารที่ 6 กรกฎาคม 2004 18:09:26 น.

คณะรัมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กรมทางหลวงเพิ่มสัดส่วนวงเงินงบประมาณ จำนวน 299,665,774.61 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่างานและค่าปรับราคาค่างาน (ค่า K)ของรายการจ้างเหมาก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 331 สายแยกเข้าแหลมฉบัง-บรรจบทางหลวงหมายเลข 344 - บรรจบทางเลี่ยงเมืองพนมสารคาม ตอน 1 และตอน 2 สำหรับในส่วนของการเบิกจ่ายเงินชดยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคา ได้ (ค่า K) ขอให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง

กระทรวงคมนาคมรายงาน ว่า กรมทางหลวงได้ทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างทางตามข้อ 2 โดยเริ่มสัญญาวันที่ 1 ตุลาคม 2545 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 30 กันยายน 2547 เบิกจ่ายค่างานตามสัญญาจากเงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) จำนวนร้อยละ 50 ของค่างานตามสัญญาและเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวนร้อยละ 50 ของค่างานตามสัญญา ดังนี้


เนื่องจากสัญญากู้เงินธนาคารพัฒนาเอเชีย ได้สิ้นสุดระยะเวลาการเบิกจ่ายในวันที่ 31 ธันวาคม 2546 จึงทำให้ค่างานในส่วนที่จะต้องเบิกจ่ายจากเงินกู้ตามข้อ 1. และข้อ 2. ไม่สามารถเบิกจ่ายได้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 149,800,505.15 + 149,865,269.46 = 299,665,774.61 บาท กรมทางหลวงจึงได้ขออนุมัติสำนักงบประมาณเพื่อเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายงบประมาณ จากเงินกู้ ADB เป็นงบประมาณแผ่นดินแทน
สำนักงบประมาณ (สงป.) พิจารณาแล้วอนุมัติในหลักการให้กรมทางหลวงใช้เงินงบประมาณ เพื่อจ่ายเป็นค่าแรงรายการจ้างเหมาก่อสร้างทางสายดังกล่าวทดแทนในส่วนที่ไม่ สามารถเบิกจ่ายจากเงินกู้ได้ภายในวงเงินทั้งสิ้น 299,665,774.61 บาท สำหรับในส่วนของการเบิกจ่ายเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคา ได้ (ค่า K) ขอให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กรกฎาคม 2547

มีอีกเย๊อะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ===> http://www.ryt9.com/s/cabt/143767/ :mrgreen:

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 9:38 pm
by YoyoTanya
อา ส่วนไหนที่เชื่อมโยงได้ว่ามีการกู้ ADB มาใช้หนี้ก้อนสุดท้ายให้กับ IMF ตอนปี 2546 อ่า หาไม่เจอ @__@

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 9:46 pm
by เหลี่ยมเลียดิ๊
ยังมีอีกเย๊อะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ http://talk.mthai.com/topic/57796

Image

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 9:57 pm
by เหลี่ยมเลียดิ๊
รัฐบาลไทยรักไทย ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มียุทธศาสตร์ที่จะบิดเบือนข้อมูลทุกด้านให้เลวร้ายกว่าที่เป็นจริง โดยอ้างว่าเป็นความเสียหายของรัฐบาลก่อนหน้า สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏว่าไม่ได้เลวร้ายเท่าที่ประกาศออกไปแต่แรก กลับกลายเป็นผลงานความดีความชอบของรัฐบาลไทยรักไทย ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการบิดเบือนว่าได้มีการใช้หนี้เงินกู้กองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ หรือ IMF ก่อนกำหนด 1 ปี แท้จริงแล้วภาระหนี้จบก่อนกำหนดเพราะรัฐบาลชวน หลีกภัย (2) ได้ยกเลิกการเบิกจ่ายใช้เงินกู้ของ IMF ก่อนกำหนด 1 ปี ตั้งแต่กลางปี 2543

การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกไปแล้ว ภายหลังปรากฏตัวเลวที่เลวร้ายกว่าตามหลังออกมาตลอดเวลาเช่นนี้ นอกจากทำให้ผู้ประกอบการที่ต้องอาศัยข้อมูลของรัฐบาลประกอบการตัดสินใจต้อง เสียหายแล้ว ยังกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาต่อรัฐบาลด้วย


นสพ.แนวหน้า http://www.naewna.com/news.asp?ID=153241

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 9:57 pm
by ปุถุชน
YoyoTanya wrote:อา ส่วนไหนที่เชื่อมโยงได้ว่ามีการกู้ ADB มาใช้หนี้ก้อนสุดท้ายให้กับ IMF ตอนปี 2546 อ่า หาไม่เจอ @__@


รู้แค่นี้ ก็ไม่โง่งมงายแล้วหล่ะ....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ปล.อ่านข้อมูลข้างบนแล้ว...
ไม่"บิ๊กเซอร์ไพรส์"เท่ารับรู้ว่าเจ้าขี้แม๊วจะเปิดสถานีโทรทัศน์ 100 ช่องใช่ไหม....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 10:01 pm
by Bookmarks
YoyoTanya wrote:อา ส่วนไหนที่เชื่อมโยงได้ว่ามีการกู้ ADB มาใช้หนี้ก้อนสุดท้ายให้กับ IMF ตอนปี 2546 อ่า หาไม่เจอ @__@

คิดว่า คงไม่กู้มาแปะตรงๆ หรอกครับ แต่เมื่อนำเงินออกไปใช้หนี้ IMF แล้วก็ทยอยกู้มาเพิ่มนะครับ มันก็เลยจะไม่ชัดเจน ว่าเป็นก้อนเดียวกัน

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 10:05 pm
by เหลี่ยมเลียดิ๊
อีกเย๊อะ ๆๆๆๆๆๆๆๆ ===> http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=5982&start=200&st=0&sk=t&sd=a :mrgreen:

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 10:09 pm
by YoyoTanya
จริงๆก็อ่านมาจากลิ้งที่แปะๆมาด้านบนนั่นแหละจ้า

อย่างลิ้ง "เจ็บแต่ไม่เคยจำ" เขาบอกไว้ว่า
ข้อมูลเหล่านี้ไปขอได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และสามารถดูรายงานประจำปีของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ว่า แต่ละปี แต่ละรัฐบาลไทยกู้เงินมาเพื่อการสาธารณะเท่าไร ใช้หนี้ไปเท่าไร หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อคณะรัฐมนตรีแต่ละคณะได้เข้ามาบริหารประเทศ

อิฉันเลยนึกว่าเรื่องกู้ ADB มาโปะ IMF นี่มันจะเสิชหาได้จากเวปของ ธ. แห่งประเทศไทย แต่เสิชไม่ค่อยเป็นอ่า เลยหาไม่เจอซักที

ถึงอย่างไรก็ขอบคุณในความช่วยเหลือจ้า

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 10:16 pm
by so what?
กู้เงินเอดีบีต้องมีการทำโครงการพัฒนาครับ แล้วใช้เวลาหลายปีเพราะต้องเริ่มจากโครงการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน แล้วถึงจะไปกู้เงิน ไอ้เหลี่ยมมันคงไม่กู้หรอก เพราะมันใจร้อน

ถ้าจะเป็นไปได้ก็คือมีโครงการที่ศึกษาความเป็นไปได้ของเอดีบีอยู่แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะจำเป็นต้องกู้ตอนก่อสร้าง เพราะมีเงินงบประมาณหรือจากแหล่งอื่นพอทำอยู่แล้ว พอจะแหกตาชาวบ้านว่าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ก็เลยตัดสินใจกู้ แล้วโยกเงินก้อนที่มีอยู่แล้วมาใช้หนี้

แต่เรื่องความเลวความโกหกตอแหลของมัน อันนี้ชัวร์ครับ

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 10:29 pm
by ปุถุชน
so what? wrote: กู้เงินเอดีบีต้องมีการทำโครงการพัฒนาครับ แล้วใช้เวลาหลายปีเพราะต้องเริ่มจากโครงการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน แล้วถึงจะไปกู้เงิน ไอ้เหลี่ยมมันคงไม่กู้หรอก เพราะมันใจร้อน

ถ้าจะเป็นไปได้ก็คือมีโครงการที่ศึกษาความเป็นไปได้ของเอดีบีอยู่แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะจำเป็นต้องกู้ตอนก่อสร้าง เพราะมีเงินงบประมาณหรือจากแหล่งอื่นพอทำอยู่แล้ว พอจะแหกตาชาวบ้านว่าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ก็เลยตัดสินใจกู้ แล้วโยกเงินก้อนที่มีอยู่แล้วมาใช้หนี้

แต่เรื่องความเลวความโกหกตอแหลของมัน อันนี้ชัวร์ครับ



เจ้าขี้แม๊วไม่กู้เงินจากเอดีบี ไม่ใช่เรื่องเวลาหลายปีหรอก เจ้าขี้แม๊วกลัวเอดีบี"กำกับ"ตรวจสอบกระดิกตัวไม่ได้เหมือนไอเอ็มเอฟ....!
คราวนั้นเจ้าขี้แม๊วรีบใช้หนี้เงินไอเอ็มเอฟก่อนWorld Bank ทั้งที่ดอกเบี้ยเงินกู้ไอเอ็มเอฟถูกกว่าWorld Bankก็ตาม เพราะกลัวต้องทำ"รายงาน"และ"ตรวจสอบ"ให้ไอเอ็มเอฟทุกสามเดือน ในขณะที่ธนาคารโลกไม่ต้องทำรายงานส่ง.....
คดโกงฉ้อราษฎร์บังหลวงเงินหลวงได้ถนัดกว่า ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Tue Jul 28, 2009 10:46 pm
by Sweet Chin Music
หมายความว่า นักโทษชาย กู้เงิน world bank ส่วนหนึ่งมาโป๊หนี้ IMF ของไทยใช่ไหมครับลุงปุฯ ?

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 12:14 am
by ปุถุชน
Sweet Chin Music wrote:หมายความว่า นักโทษชาย กู้เงิน world bank ส่วนหนึ่งมาโป๊หนี้ IMF ของไทยใช่ไหมครับลุงปุฯ ?



คือว่าประเทศไทยกู้เงินจากไอเอมเอฟและเวิลด์แบงค์...
แต่ทักษิณเลือกชำระหนี้ไอเอมเอฟก่อน
ทั้งที่ควรจะชำระหนี้เวิลด์แบงค์ที่ดอกเบี้ยแพงกว่า...

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 4:41 am
by Canthai
ปุถุชน wrote:
Sweet Chin Music wrote:หมายความว่า นักโทษชาย กู้เงิน world bank ส่วนหนึ่งมาโป๊หนี้ IMF ของไทยใช่ไหมครับลุงปุฯ ?



คือว่าประเทศไทยกู้เงินจากไอเอมเอฟและเวิลด์แบงค์...
แต่ทักษิณเลือกชำระหนี้ไอเอมเอฟก่อน
ทั้งที่ควรจะชำระหนี้เวิลด์แบงค์ที่ดอกเบี้ยแพงกว่า...


ตอนเค้าอภิปรายกัน คุณวิเชษฐ์ เคยอภิปรายไว้แล้ว ตอนนั้นเงินเราเหลือพอจะโปะหนี้ ไอเอ็มเอฟ

แต่ รัฐบาลชวนเลือกไปใช้หนี้ เวิลด์แบ๊งค์ ที่ดอกเบี้ยสูงกว่า

เพราะได้ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟตามกำหนดอยู่แล้ว ยังไงก็จ่ายได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเร่งรัดอะไร


คนปกติเค้าจะรีบใช้หนี้เจ้าหนี้ที่ดอกเบี้ยสูง แทนที่จะมาจ่ายเจ้าหนี้ดอกเบี้ยต่ำแบบทักษิณ

กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็มาจากสัญญากู้ ไอเอ็มเอฟ

เมื่อทักษิณใช้หนี้ไปหมดแล้ว....ทำไมไม่เลิกกฎหมายเหล่านั้น


แถมจะมาออกกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่รวมเอากฎหมายขายชาติมาใช้หลายฉบับ...

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 8:15 am
by ปุถุชน
Canthai wrote:
ปุถุชน wrote:
Sweet Chin Music wrote:หมายความว่า นักโทษชาย กู้เงิน world bank ส่วนหนึ่งมาโป๊หนี้ IMF ของไทยใช่ไหมครับลุงปุฯ ?



คือว่าประเทศไทยกู้เงินจากไอเอมเอฟและเวิลด์แบงค์...
แต่ทักษิณเลือกชำระหนี้ไอเอมเอฟก่อน
ทั้งที่ควรจะชำระหนี้เวิลด์แบงค์ที่ดอกเบี้ยแพงกว่า...


ตอนเค้าอภิปรายกัน คุณวิเชษฐ์ เคยอภิปรายไว้แล้ว ตอนนั้นเงินเราเหลือพอจะโปะหนี้ ไอเอ็มเอฟ

แต่ รัฐบาลชวนเลือกไปใช้หนี้ เวิลด์แบ๊งค์ ที่ดอกเบี้ยสูงกว่า

เพราะได้ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟตามกำหนดอยู่แล้ว ยังไงก็จ่ายได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเร่งรัดอะไร


คนปกติเค้าจะรีบใช้หนี้เจ้าหนี้ที่ดอกเบี้ยสูง แทนที่จะมาจ่ายเจ้าหนี้ดอกเบี้ยต่ำแบบทักษิณ

กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็มาจากสัญญากู้ ไอเอ็มเอฟ

เมื่อทักษิณใช้หนี้ไปหมดแล้ว....ทำไมไม่เลิกกฎหมายเหล่านั้น


แถมจะมาออกกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่รวมเอากฎหมายขายชาติมาใช้หลายฉบับ...



รัฐบาลทักษิณอยู่และใช้กฏหมายขายชาติ 11 ฉบับจนกระทั่งถูกรัฐประหาร 19 กย.49 โดยไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไข....!!!
เห็บหมาบางคนโมเมออกตัวว่า"เมื่อกฏหมายขายชาติ 11 ฉบับเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลฯ จะยกเลิกเปลี่ยนแปลงไปทำหอก"......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 10:56 am
by จีรนุช
กฎหมายขายชาติ อาจจะมีประโยชน์สำหรับบางคน ...พวกนี้เห้นเเก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประเทศ

ดังนั้นไม่เเปลก ถ้าคนพวกนี้จะไม่สนใจที่จะเเก้ กฎหมายขายชาติ

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 11:14 am
by TypeYourMind
บรรดาสาวกแม้วจะเข้าถึงข้อมูลพวกนี้บ้างหรือไม่ !!!

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 11:20 am
by 55555
ผมจำได้คร่าวว่า ในยุคทักษิณ มีความพยายามจะขอกู้ ADB ครั้งหนึ่ง....

แต่ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายได้กู้มาหรือปล่าว...

ตอนนั้น ก็มีข่าวเรื่องปองพล จะทำเรื่องการจัดสรรแหล่งน้ำ โดยเก็บเงินจากเกษตรกร...

แต่ตอนหลังพับไป....


กฏหมาย 11 ฉบับ..ได้แก่...




1. พระราชบัญญัติเช่าอสังหาริมทรัพย์การพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542


2. พระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542


3. พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2542


4. พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542


5. พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2542


6. พระราชบัญญัติการประกอบกิจการธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542

7. พระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542


8. พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2542


9. พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2542


10. พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2542


11. พระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542



ฉบับที่ 5 เรื่องการประกอบธุรกิจทุนต่างด้าว ถ้าจำไม่ผิด ตัว พรบ.น่าจะมาเสร็จที่ รัฐบาลทักษิณ ก่อน การขายหุ้นชิน เพียงไม่กี่วัน...

ส่วนเรื่อง ข้อหาขายชาติ ตอนนั้น....ก็คงมาจาก เรื่อง พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ...

ทักษิณ โหมกระหน่ำกระแสขายชาติ โดยการนำของ สนธิ ในตอนนั้น...

แต่เข้าใจว่าการแปรรูป รัฐวิหาหกิจ ครั้งใหญ่ เกิดขึ้นที่ ปตท. ในยุคทักษิณ นั่นแหละครับ...

ส่วนการไฟฟ้า ก็พับทิ้งไปด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ฝีมือ สว.เลือกตั้ง...รสนา นั่นแหละ...

ในยุคชวนนั้น บังเอิญโชคดี ที่เราสามารถหาเงินทุนสำรองได้เพียงพอ ที่จะหยุดกู้ IMFได้ก่อนเวลา

เรื่องแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร...เลยพับใส่เก๊ะไว้...

ผมได้เคยสอบถามผู้รู้หลายคน....หลายเรืองในพรบ. รวมทั้งเรื่องการแปรรูปรัฐวิหาสกิจ มันอยู่ในข้อตกลงกับ IMF (LOI ฉบับที่1)

ก็ตอนที่ ทนง พิทยะ ไปกู้ ช่วงรัฐบาลชวลิต นั่นแหละครับ...

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 12:03 pm
by DumpDump
ข้อมูลแบบนี้สาวกแม้วเข้าไม่ค่อยถึงหรอกครับ ถึงเข้าถึงพวกเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ส่วนคนที่เข้าใจก็มักจะเงียบไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 10:27 pm
by จีรนุช
บางคนไม่ใช่ว่าไม่รู้ รู้ดีด้วย เเต่มันได้ มันก็เเกล้งเงียบ หรือเฉไฉหวังผล

Re: ทักษินกู้เงิน ADB ไปใช้หนี้ IMF จริงป่าว

PostPosted: Wed Jul 29, 2009 10:35 pm
by so what?
ปุถุชน wrote: ...
เจ้าขี้แม๊วไม่กู้เงินจากเอดีบี ไม่ใช่เรื่องเวลาหลายปีหรอก เจ้าขี้แม๊วกลัวเอดีบี"กำกับ"ตรวจสอบกระดิกตัวไม่ได้เหมือนไอเอ็มเอฟ....!
คราวนั้นเจ้าขี้แม๊วรีบใช้หนี้เงินไอเอ็มเอฟก่อนWorld Bank ทั้งที่ดอกเบี้ยเงินกู้ไอเอ็มเอฟถูกกว่าWorld Bankก็ตาม เพราะกลัวต้องทำ"รายงาน"และ"ตรวจสอบ"ให้ไอเอ็มเอฟทุกสามเดือน ในขณะที่ธนาคารโลกไม่ต้องทำรายงานส่ง.....
คดโกงฉ้อราษฎร์บังหลวงเงินหลวงได้ถนัดกว่า ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เปล่าครับ ผมแค่ตั้งใจจะบอกว่า การกู้เงินจากองค์กรพวกนี้ต้องทำในนามของรัฐบาล แล้วเค้าก็ไม่มีการให้กู้เอามารีไฟแนนซ์เหมือนการกู้แบงค์พานิชย์แบงค์นึงมาปิดหนี้ ถ้าไปบอกเค้าว่าจะเอามาใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ เค้าก็ไม่ให้กู้แน่ๆครับ

ไอ้เหลี่ยมมันคงพยายามกู้เอาเงินมาละเลงอะไรซักอย่างแน่นอนครับ แต่เจอข้อจำกัดเงื่อนไขเข้าไปมันก็เลยถอย แล้วหันไปงาบเงินหวยบนดินแทน :lol: