Modern Trade ภัยเงียบที่คืบคลานเข้าทำลายธุรกิจ ...

เสร็จแล้วครับ บทความนี้ใช้เวลาเขียนประมาณ 3 วัน เหตุที่ใช้เวลานาน
เพราะต้องทำงานควบคู่กันไปด้วยครับ ก็ลองอ่านกันดูเล่นๆ อาจได้แง่
คิดอะไรบางอย่างครับ แต่ถ้า Webmaster เห็นว่าไม่มีสาระและไม่เกี่ยวข้อง
ก็ลบออกได้เลยครับ แค่อย่าแชร์ความรู้ให้เพื่อนๆเท่านั้น
Modern Trade ภัยเงียบที่คืบคลานเข้าทำลายธุรกิจ
ปัจจุบัน ระบบเศรษฐกิจของไทยกำลังอยู่ในเงื้อมือคนต่างชาติอย่างไม่รู้ตัว ธุรกิจรายย่อยค่อยๆถูกทำลาย การประกอบอาชีพแบบเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการพึ่งพาตัวเองกำลังจะหมดไป ทุกวันนี้ท่านเคยถามตัวเองไหมว่าเดือนหนึ่งเข้าแม็คโคร คาร์ฟูร์ โลตัส หรือบิ๊กซี เดือนละกี่ครั้ง ท่านซื้อของจากร้านชำใกล้บ้านหลังหลังสุดเมื่อไหร่ แล้วท่านรู้ไหมว่า การซื้อสินค้าในห้างเหล่านั้น ใครได้? ใครเสีย?
ระบบการจัดจำหน่ายสินค้าสู่มือผู้บริโภคแบ่งเป็นประเภทใหญ่ได้ 3 ประเภท ได้แก่
1.Traditional Trade หรือ ช่องทางกระจายสินค้าแบบการตลาดดั้งเดิม คือ จากผู้ผลิตไปยังยี่ปั๊ว ซาปั๊ว และร้านค้าโชว์ห่วย ซึ่งการจัดการในร้านค้า ไม่ค่อยเป็นระบบ เป็นการขายในรูปแบบเดิมๆ ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ระบบนี้มีข้อดีคือ มีการกระจายรายได้ สร้างงานในชุมชน มีการเกื้อหนุนการแบบ อัฐยายซื้อขนมยาย ทำให้มีเงินหมุนเวียนอยู่ในท้องถิ่นค่อนข้างมาก ข้อเสียคือ ไม่มีการแข่งขันในรูปแบบของบริการ ไม่เกิดการพัฒนาในระบบการจัดจำหน่าย การจัดวางสินค้าไม่เป็นระเบียบ ผู้ซื้อมักไม่สามารถหยิบจับสินค้าได้โดยตรง มักไม่ป้ายราคาบอก ไม่มีโปรโมชั่น ไม่มีของแถม มีประเภทของสินค้าค่อนข้างจำกัด และในบางกรณีมีการผูกขาด เช่น ร้านขายรองเท้าแห่งเดียวในหมู่บ้าน ร้านขายจักรยาน และร้านขายชุดนักเรียน เป็นต้น ระบบนี้อาจไม่ใช่ระบบการค้าที่ดีที่สุด แต่เป็นระบบที่มีการสร้างงานสร้างรายได้ กระจายรายได้ และทำให้คนท้องถิ่นสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ไม่ยากเย็นนัก เพียงแต่ต้องมีมาตราการการควบคุมการค้า ไม่ให้เกิดการผูกขาดในท้องถิ่น ระบบการค้านี้ยังคงอยู่จำนวนมากในต่างจังหวัด และค่อยๆเลือนหายไปจากในเมือง แต่ในปัจจุบันกำลังถูกรุกหนักจากธุรกิจแบบ Modern Trade และคาดว่าระบบการค้าแบบนี้ไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า อาจหายไปจากระบบการขายของเมืองไทย หากไม่ได้รับการปกป้องจากมาตราการของรัฐ ในต่างประเทศในหลายๆประเทศ ได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจประเภทนี้ พยายามที่จะรักษาการค้าแบบดั่งเดิมไว้ โดยการสนับสนุนของภาครัฐ เช่น ออกเงินกู้ให้ปรับปรุงร้านค้า มีเจ้าหน้าที่รัฐคอยให้คำปรึกษาและแนะนำการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจำหน่าย แพ็คเก็จ การจัดชั้นวาง การจัดร้าน การติดป้ายราคา อาทิเช่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสามารถเปลี่ยนโฉมของการค้าแบบ Traditional Trade ให้สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมยุคใหม่ และสามารถแข่งขันได้กับ Modern trade ในแบบยั่งยืน
2.Modern Trade หรือ ช่องทางกระจายสินค้าแบบการตลาดสมัยใหม่ คือ จากผู้ผลิตไปยังศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) และร้านค้าสมัยใหม่ประเภทต่างๆ อาทิเช่น คอนวิเนี่ยนสโตร์อย่างเซเว่นอีเลเว่น หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งมีการจัดการในร้านค้าอย่างเป็นระบบ ซึ่งธุระกิจประเภทนี้เป็นผลมาจากการค้าเสรี ที่รัฐเปิดโอกาสให้ต่างเข้าลงทุน อาทิ เช่น โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี และแม็คโคร เป็นต้น ธุรกิจประเภทนี้กำลังเติบโตเป็นอย่างมากในประเทศไทย อันเป็นผลมาจากการเปิดการค้าเสรีในโลกปัจจุบัน และนโยบายการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาล ถ้ามองในแง่ของผู้บริโภคย่อมมีผลดีมากมาย อาทิ เช่น ได้ซื้อสินค้าปลีกในราคาต่ำกว่าท้องตลาด มีสินค้าหลากหลายให้เลือกไม่ต้องเดินทางไปหลายๆที่ในการซื้อสินค้าหลายชนิด เป็นสถานที่พักผ่อนและนัดพบ เป็นต้น แต่ข้อเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- เป็นการทำลายอาชีพค้าปลีกในท้องถิ่น ธุรกิจรายย่อยจำนวนมากในท้องถิ่นอาจต้องปิดตัวลงหรือลดยอดขายลง ทำให้ไม่เกิดการหมุนเวียนรายได้ในท้องถิ่น อาทิเช่น ร้านชำหรือร้านโชว์ห่วย, ร้านรองเท้า, ร้านอาหาร, ร้านเสื้อผ้า, ร้านเทปซีดี, ร้านขายเครื่องเขียน, ร้านขายจักรยาน ร้านขายหนังสือ และร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
- ลดการสร้างงานสร้างรายได้ในท้องถิ่น การเป็นเจ้าของกิจการในท้องถิ่น ทำให้คนไทยสามารถมีธุรกิจของตนเองได้ ไม่ต้องเป็นลูกจ้าง ไม่ต้องเสี่ยงกับการตกงาน ไม่ต้องเดินหน้าไปหางานในต่างถิ่น เจ้าของธุรกิจสามารถสร้างฐานะ การใช้จ่ายในท้องถิ่นยิ่งมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้เงินหมุนเวียนมากเท่านั้น เป็นธุรกิจแบบพึ่งพาตนเองที่ไม่ต้องอาศัยการลงทุนจากต่างชาติ หากแต่ถ้าธุรกิจ Modern Trade เข้าครอบงำเมื่อไหร่ การสร้างงานและสร้างรายได้จะค่อยๆลดลงไป สุดท้ายทุกคนต่างก็เปลี่ยนทิศทางด้วยการมุ่งเน้นลงทุนในห้างสรรพสินค้าเหล่า นั้น ด้วยราคาค่าเช่าที่มหาโหด จึงจำเป็นที่ต้องขายสินค้าในราคาที่แพงขึ้น และกำไรส่วนใหญ่ก็จะหมดเปลืองไปกับค่าเช่าสถานที่ หากรายได้ไม่สามารถทำกำไรได้มากพอก็ต้องขาดทุนและเลิกกิจการไปในที่สุด
- เสียดุลการค้าระหว่างประเทศ แม้ว่าในระยะสั้นเราอาจได้เงินลงทุนจากต่างชาติอย่างมากในเปิดธุรกิจ Modern Trade ในประเทศ แต่ผลกำไรทั้งหมดของบริษัทเหล่านี้ จะถูกส่งกลับประเทศทั้งหมด ไม่มีธุระกิจใดที่ลงทุนแล้วจะหวังเพียงเพื่อช่วยเหลือสังคม ทุกกิจการย่อมต้องมีเป้าหมายคือทำกำไรสูงสุด
- สร้างนิสัยการใช้จ่ายแบบบริโภคนิยมให้กับคนในประเทศ เนื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าจากทีวี ใบปิดโฆษณา และเอกสารต่างๆที่ส่งถึงมือผู้บริโภค ล้วนเป็นเทคนิคในการเร่งให้คนมาใช้จ่ายเงินในสินค้าที่เกินความจำเป็น ประเทศที่บริโภคนิยมจัดมักล้มละลายทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนขาดการออม ไม่มีวินัยการใช้เงิน ฟุ่งเฟื้อ และการเป็นหนี้เสียในที่สุด(NPL=Non Performance Loan ซึ่งแปลว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ และขณะนี้กำลังรุกลามหนังในสหรัฐอเมริกา อันเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นให้คนออกมาใช้เงินของภาครัฐ รวมทั้งกำลังเป็นแนวโน้มของคนวัยทำงานในประเทศของเรา
- บริษัทข้ามชาติเป็นผู้ควบคุมราคาสินค้าในประเทศ จนรัฐไม่สามารถควบคุมสินค้าต่างๆได้ เนื่องจากผู้ผลิตทุกรายต่างมุ่งเน้นการส่งขายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ Modern trade ภายใต้เงื่อนไขราคาที่ผู้จัดจำหน่ายเป็นคนควบคุม รัฐสามารถทำได้เพียงการขอความร่วมมือเท่านั้น
3.Direct Marketing หรือ ช่องทางการกระจายสินค้าแบบการตลาดทางตรง คือไม่ผ่าน ตัวแทนการจำหน่ายซึ่งมีเครื่องมือหลายเครื่องมือ เช่น การขายตรงโดยพนักงานขาย(Direct self) การใช้จดหมายทางตรง (Direct mail) การขายโดยใช้โทรศัพท์ (Tele-marketing) หรือการขายทางอินเตอร์เน็ต ระบบการขายตรงนี้ เป็นระบบการค้าใหม่ที่พึ่งมีมาไม่นาน เป็นการเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง โดยใช้สื่อต่างๆเป็นตัวแทน เช่น พนักงานขายตรง อินเตอร์เน็ท โทรทัศน์ ข้อความทางโทรศัพท์(Message) และจดหมายเป็นต้น มีข้อดีคือสามารถลดต้นทุนในการโฆษณา เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ไม่ต้องทำสต็อก และกระจายรายได้สู่พนักงานขาย ทำให้ผู้ขายรู้สึกมีส่วนในร่วมในการขาย ตัวอย่างธุรกิจนี้ได้แก่ แอมเวย์, มิสทีน, Giffarin, ประกันชีวิต บัตรเครดิตต่างๆ และTV Direct เป็นต้น ธุรกิจนี้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เนื่องจากทำรายได้ให้ผู้ขายอย่างเป็นกอบเป็นกำและใช้เงินทุนต่ำในการทำ ธุรกิจ บางธุรกิจไม่ต้องใช้เงินทุนเลยแม้แต่บาทเดียว ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ขายเองว่าสามารถที่จะจูงใจผู้ซื้อได้เพียงใด แต่ข้อเสียของธุรกิจนี้ คือมักมีการโน้มน้าวจูงใจผู้ซื้อด้วยการโอ้อวดสินค้าเกินคุณภาพจริง เนื่องจากเป็นการซื้อขายตรง การควบคุมการอวดคุณภาพเกินจริงจึงทำได้ยาก ตรวจจับได้ยาก และในหลายธุรกิจได้นำการนำเนินธุรกิจแบบลูกโซ่ออกมาใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย แต่หลายธุรกิจก็ยังกำกึ่งว่าผิดกฏหมายหรือไม่ ทำให้รัฐไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้ ลักษณะการขายตรงแบบนี้มักมีธุรกิจแฝงที่หลอกลวงประชาชนปะปนเข้ามาด้วยเสมอ โดยมีการถูกจับกุมเป็นระยะ แต่ผู้ประการเหล่านี้ก็มักจะกลับมาทำธุรกิจแบบเดิมอยู่เสมอ เนื่องจากโทษของกฏหมายที่เบาเกินไป ไม่ทันต่อยุคสมัย ธุรกิจหลอกลวงประเภทนี้มักมาในรูปแบบการขายตรงที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูง เน้นการเพิ่มสมาชิก มีค่าสมัครแรกเข้าค่อนข้างสูง เน้นคุณภาพสินค้าสูงเกินกว่าความเป็นจริง และเน้นผลตอบแทนมากกว่าตัวสินค้า บางแห่งมีการตอบแทนด้วยการส่งไปเที่ยวต่างประเทศ มีการอบรมการขายจากนักพูดที่โน้มน้าวจิตใจเก่ง
by vairai2001
http://www.thekop.in.th/modules.php?nam ... 495#746495
เพราะต้องทำงานควบคู่กันไปด้วยครับ ก็ลองอ่านกันดูเล่นๆ อาจได้แง่
คิดอะไรบางอย่างครับ แต่ถ้า Webmaster เห็นว่าไม่มีสาระและไม่เกี่ยวข้อง
ก็ลบออกได้เลยครับ แค่อย่าแชร์ความรู้ให้เพื่อนๆเท่านั้น
Modern Trade ภัยเงียบที่คืบคลานเข้าทำลายธุรกิจ
ปัจจุบัน ระบบเศรษฐกิจของไทยกำลังอยู่ในเงื้อมือคนต่างชาติอย่างไม่รู้ตัว ธุรกิจรายย่อยค่อยๆถูกทำลาย การประกอบอาชีพแบบเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการพึ่งพาตัวเองกำลังจะหมดไป ทุกวันนี้ท่านเคยถามตัวเองไหมว่าเดือนหนึ่งเข้าแม็คโคร คาร์ฟูร์ โลตัส หรือบิ๊กซี เดือนละกี่ครั้ง ท่านซื้อของจากร้านชำใกล้บ้านหลังหลังสุดเมื่อไหร่ แล้วท่านรู้ไหมว่า การซื้อสินค้าในห้างเหล่านั้น ใครได้? ใครเสีย?
ระบบการจัดจำหน่ายสินค้าสู่มือผู้บริโภคแบ่งเป็นประเภทใหญ่ได้ 3 ประเภท ได้แก่
1.Traditional Trade หรือ ช่องทางกระจายสินค้าแบบการตลาดดั้งเดิม คือ จากผู้ผลิตไปยังยี่ปั๊ว ซาปั๊ว และร้านค้าโชว์ห่วย ซึ่งการจัดการในร้านค้า ไม่ค่อยเป็นระบบ เป็นการขายในรูปแบบเดิมๆ ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ระบบนี้มีข้อดีคือ มีการกระจายรายได้ สร้างงานในชุมชน มีการเกื้อหนุนการแบบ อัฐยายซื้อขนมยาย ทำให้มีเงินหมุนเวียนอยู่ในท้องถิ่นค่อนข้างมาก ข้อเสียคือ ไม่มีการแข่งขันในรูปแบบของบริการ ไม่เกิดการพัฒนาในระบบการจัดจำหน่าย การจัดวางสินค้าไม่เป็นระเบียบ ผู้ซื้อมักไม่สามารถหยิบจับสินค้าได้โดยตรง มักไม่ป้ายราคาบอก ไม่มีโปรโมชั่น ไม่มีของแถม มีประเภทของสินค้าค่อนข้างจำกัด และในบางกรณีมีการผูกขาด เช่น ร้านขายรองเท้าแห่งเดียวในหมู่บ้าน ร้านขายจักรยาน และร้านขายชุดนักเรียน เป็นต้น ระบบนี้อาจไม่ใช่ระบบการค้าที่ดีที่สุด แต่เป็นระบบที่มีการสร้างงานสร้างรายได้ กระจายรายได้ และทำให้คนท้องถิ่นสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ไม่ยากเย็นนัก เพียงแต่ต้องมีมาตราการการควบคุมการค้า ไม่ให้เกิดการผูกขาดในท้องถิ่น ระบบการค้านี้ยังคงอยู่จำนวนมากในต่างจังหวัด และค่อยๆเลือนหายไปจากในเมือง แต่ในปัจจุบันกำลังถูกรุกหนักจากธุรกิจแบบ Modern Trade และคาดว่าระบบการค้าแบบนี้ไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า อาจหายไปจากระบบการขายของเมืองไทย หากไม่ได้รับการปกป้องจากมาตราการของรัฐ ในต่างประเทศในหลายๆประเทศ ได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจประเภทนี้ พยายามที่จะรักษาการค้าแบบดั่งเดิมไว้ โดยการสนับสนุนของภาครัฐ เช่น ออกเงินกู้ให้ปรับปรุงร้านค้า มีเจ้าหน้าที่รัฐคอยให้คำปรึกษาและแนะนำการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจำหน่าย แพ็คเก็จ การจัดชั้นวาง การจัดร้าน การติดป้ายราคา อาทิเช่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสามารถเปลี่ยนโฉมของการค้าแบบ Traditional Trade ให้สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมยุคใหม่ และสามารถแข่งขันได้กับ Modern trade ในแบบยั่งยืน
2.Modern Trade หรือ ช่องทางกระจายสินค้าแบบการตลาดสมัยใหม่ คือ จากผู้ผลิตไปยังศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) และร้านค้าสมัยใหม่ประเภทต่างๆ อาทิเช่น คอนวิเนี่ยนสโตร์อย่างเซเว่นอีเลเว่น หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งมีการจัดการในร้านค้าอย่างเป็นระบบ ซึ่งธุระกิจประเภทนี้เป็นผลมาจากการค้าเสรี ที่รัฐเปิดโอกาสให้ต่างเข้าลงทุน อาทิ เช่น โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี และแม็คโคร เป็นต้น ธุรกิจประเภทนี้กำลังเติบโตเป็นอย่างมากในประเทศไทย อันเป็นผลมาจากการเปิดการค้าเสรีในโลกปัจจุบัน และนโยบายการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาล ถ้ามองในแง่ของผู้บริโภคย่อมมีผลดีมากมาย อาทิ เช่น ได้ซื้อสินค้าปลีกในราคาต่ำกว่าท้องตลาด มีสินค้าหลากหลายให้เลือกไม่ต้องเดินทางไปหลายๆที่ในการซื้อสินค้าหลายชนิด เป็นสถานที่พักผ่อนและนัดพบ เป็นต้น แต่ข้อเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- เป็นการทำลายอาชีพค้าปลีกในท้องถิ่น ธุรกิจรายย่อยจำนวนมากในท้องถิ่นอาจต้องปิดตัวลงหรือลดยอดขายลง ทำให้ไม่เกิดการหมุนเวียนรายได้ในท้องถิ่น อาทิเช่น ร้านชำหรือร้านโชว์ห่วย, ร้านรองเท้า, ร้านอาหาร, ร้านเสื้อผ้า, ร้านเทปซีดี, ร้านขายเครื่องเขียน, ร้านขายจักรยาน ร้านขายหนังสือ และร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
- ลดการสร้างงานสร้างรายได้ในท้องถิ่น การเป็นเจ้าของกิจการในท้องถิ่น ทำให้คนไทยสามารถมีธุรกิจของตนเองได้ ไม่ต้องเป็นลูกจ้าง ไม่ต้องเสี่ยงกับการตกงาน ไม่ต้องเดินหน้าไปหางานในต่างถิ่น เจ้าของธุรกิจสามารถสร้างฐานะ การใช้จ่ายในท้องถิ่นยิ่งมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้เงินหมุนเวียนมากเท่านั้น เป็นธุรกิจแบบพึ่งพาตนเองที่ไม่ต้องอาศัยการลงทุนจากต่างชาติ หากแต่ถ้าธุรกิจ Modern Trade เข้าครอบงำเมื่อไหร่ การสร้างงานและสร้างรายได้จะค่อยๆลดลงไป สุดท้ายทุกคนต่างก็เปลี่ยนทิศทางด้วยการมุ่งเน้นลงทุนในห้างสรรพสินค้าเหล่า นั้น ด้วยราคาค่าเช่าที่มหาโหด จึงจำเป็นที่ต้องขายสินค้าในราคาที่แพงขึ้น และกำไรส่วนใหญ่ก็จะหมดเปลืองไปกับค่าเช่าสถานที่ หากรายได้ไม่สามารถทำกำไรได้มากพอก็ต้องขาดทุนและเลิกกิจการไปในที่สุด
- เสียดุลการค้าระหว่างประเทศ แม้ว่าในระยะสั้นเราอาจได้เงินลงทุนจากต่างชาติอย่างมากในเปิดธุรกิจ Modern Trade ในประเทศ แต่ผลกำไรทั้งหมดของบริษัทเหล่านี้ จะถูกส่งกลับประเทศทั้งหมด ไม่มีธุระกิจใดที่ลงทุนแล้วจะหวังเพียงเพื่อช่วยเหลือสังคม ทุกกิจการย่อมต้องมีเป้าหมายคือทำกำไรสูงสุด
- สร้างนิสัยการใช้จ่ายแบบบริโภคนิยมให้กับคนในประเทศ เนื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าจากทีวี ใบปิดโฆษณา และเอกสารต่างๆที่ส่งถึงมือผู้บริโภค ล้วนเป็นเทคนิคในการเร่งให้คนมาใช้จ่ายเงินในสินค้าที่เกินความจำเป็น ประเทศที่บริโภคนิยมจัดมักล้มละลายทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนขาดการออม ไม่มีวินัยการใช้เงิน ฟุ่งเฟื้อ และการเป็นหนี้เสียในที่สุด(NPL=Non Performance Loan ซึ่งแปลว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ และขณะนี้กำลังรุกลามหนังในสหรัฐอเมริกา อันเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นให้คนออกมาใช้เงินของภาครัฐ รวมทั้งกำลังเป็นแนวโน้มของคนวัยทำงานในประเทศของเรา
- บริษัทข้ามชาติเป็นผู้ควบคุมราคาสินค้าในประเทศ จนรัฐไม่สามารถควบคุมสินค้าต่างๆได้ เนื่องจากผู้ผลิตทุกรายต่างมุ่งเน้นการส่งขายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ Modern trade ภายใต้เงื่อนไขราคาที่ผู้จัดจำหน่ายเป็นคนควบคุม รัฐสามารถทำได้เพียงการขอความร่วมมือเท่านั้น
3.Direct Marketing หรือ ช่องทางการกระจายสินค้าแบบการตลาดทางตรง คือไม่ผ่าน ตัวแทนการจำหน่ายซึ่งมีเครื่องมือหลายเครื่องมือ เช่น การขายตรงโดยพนักงานขาย(Direct self) การใช้จดหมายทางตรง (Direct mail) การขายโดยใช้โทรศัพท์ (Tele-marketing) หรือการขายทางอินเตอร์เน็ต ระบบการขายตรงนี้ เป็นระบบการค้าใหม่ที่พึ่งมีมาไม่นาน เป็นการเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง โดยใช้สื่อต่างๆเป็นตัวแทน เช่น พนักงานขายตรง อินเตอร์เน็ท โทรทัศน์ ข้อความทางโทรศัพท์(Message) และจดหมายเป็นต้น มีข้อดีคือสามารถลดต้นทุนในการโฆษณา เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ไม่ต้องทำสต็อก และกระจายรายได้สู่พนักงานขาย ทำให้ผู้ขายรู้สึกมีส่วนในร่วมในการขาย ตัวอย่างธุรกิจนี้ได้แก่ แอมเวย์, มิสทีน, Giffarin, ประกันชีวิต บัตรเครดิตต่างๆ และTV Direct เป็นต้น ธุรกิจนี้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เนื่องจากทำรายได้ให้ผู้ขายอย่างเป็นกอบเป็นกำและใช้เงินทุนต่ำในการทำ ธุรกิจ บางธุรกิจไม่ต้องใช้เงินทุนเลยแม้แต่บาทเดียว ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ขายเองว่าสามารถที่จะจูงใจผู้ซื้อได้เพียงใด แต่ข้อเสียของธุรกิจนี้ คือมักมีการโน้มน้าวจูงใจผู้ซื้อด้วยการโอ้อวดสินค้าเกินคุณภาพจริง เนื่องจากเป็นการซื้อขายตรง การควบคุมการอวดคุณภาพเกินจริงจึงทำได้ยาก ตรวจจับได้ยาก และในหลายธุรกิจได้นำการนำเนินธุรกิจแบบลูกโซ่ออกมาใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย แต่หลายธุรกิจก็ยังกำกึ่งว่าผิดกฏหมายหรือไม่ ทำให้รัฐไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้ ลักษณะการขายตรงแบบนี้มักมีธุรกิจแฝงที่หลอกลวงประชาชนปะปนเข้ามาด้วยเสมอ โดยมีการถูกจับกุมเป็นระยะ แต่ผู้ประการเหล่านี้ก็มักจะกลับมาทำธุรกิจแบบเดิมอยู่เสมอ เนื่องจากโทษของกฏหมายที่เบาเกินไป ไม่ทันต่อยุคสมัย ธุรกิจหลอกลวงประเภทนี้มักมาในรูปแบบการขายตรงที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูง เน้นการเพิ่มสมาชิก มีค่าสมัครแรกเข้าค่อนข้างสูง เน้นคุณภาพสินค้าสูงเกินกว่าความเป็นจริง และเน้นผลตอบแทนมากกว่าตัวสินค้า บางแห่งมีการตอบแทนด้วยการส่งไปเที่ยวต่างประเทศ มีการอบรมการขายจากนักพูดที่โน้มน้าวจิตใจเก่ง
by vairai2001
http://www.thekop.in.th/modules.php?nam ... 495#746495