“คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

“คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Sat Dec 26, 2009 8:13 am

“คดี 258 ล้าน”


ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผอ. สถาบันศึกษาความมั่นคงนานาชาติ จุฬาฯ วิจารณ์ผลงาน 1 ปี รัฐบาลผ่านเอเอฟพีหลายกรณี รวมทั้งเรื่องความสมานฉันท์ที่รัฐบาลสอบตกแบบไร้อคติ ถูกต้อง กล้าหาญ และตรงไปตรงมา

สมเป็นนักวิชาการมืออาชีพซึ่งหาได้ยากในยุคนี้

ดร.ฐิตินันท์ ชี้ว่า ความแตกแยกในสังคมไทยตอนนี้เริ่มกระจายตัวและ เป็นวงกว้าง ทั้งหมดล้วนมีสาเหตุมาจาก บ้านเมืองมี 2 มาตรฐาน และไม่มีความเป็นธรรม อาทิ การดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงรวดเร็วมาก แต่คดีความของกลุ่มคนเสื้อเหลืองกลับไม่มีความคืบหน้า

พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ถูกยุบไปถึง 2 ครั้ง แต่ ปชป. ที่ถูกร้องเรียนเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง เรื่องกลับเงียบหายไป ตรงนี้ล่ะ...

ประเด็นร้อน

ไทยรักไทย ถูกยุบเพราะ กกต. องค์กรที่ คมช. คลอดชี้มูลว่า กก.บริหารทำผิด จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ใช้ รธน. ม.237 กก.บริหารพรรคทำผิด ต้องยุบทั้งพรรคพร้อมตัดสิทธิการเมือง 5 ปี จัดการ ทั้งที่เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังเพื่อเอาผิด (ให้ได้) กลายเป็นตราบาป

แม้จะผ่านไปอีกร้อยปี

พลังประชาชน ที่กลายพันธุ์จาก ไทยรักไทย ถูกยุบพรรคซ้ำ อีกรอบ เพราะ ยงยุทธ ติยะไพรัช ถูกศาล รธน. ตัดสินตามที่ กกต. ชี้มูลว่า ซื้อเสียง ทำให้ได้ ส.ส.เพิ่ม พลังประชาชน เลยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

แต่กรณี วิฑูรย์ นามบุตร กก. บริหาร ปชป. ถูกกล่าวหา แจกตั๋วหนังฟรี กกต. ชี้มูลให้นายวิฑูรย์ได้ใบขาว พ้นผิด ลูกชายได้ใบเหลือง ส.ส.สอบตกได้ใบแดง ซึ่งไม่ส่งผลอะไรเลย ทีมเดียวกัน ทำผิดวาระเดียวกัน ทำไมลงโทษต่างกันราวฟ้ากับเหว นายวิฑูรย์รอดคนเดียว

เพื่อไม่ให้ ปชป. ถูกยุบ ใช่หรือไม่ ???

เหมือนคดี เงินบริจาค 258 ล้าน จาก ทีพีไอ ของ นายประชัย เลี่ยวไพ รัตน์ ที่เจ้าตัวเผลอบอกสื่อว่า บริจาคจริง แต่ให้ในรูปงบโฆษณา ซึ่ง ปชป. ไม่ได้แจ้ง กกต. หลังยื้อเกือบปี ล่าสุด กกต. มีมติสุดพิลึกกึกกือออกมาแล้ว

กกต. เสียงข้างมาก 3 คน ประพันธ์ นัยโกวิท, สดศรี สัตยธรรม, สมชัย จึงประเสริฐ มีมติให้ นายทะเบียนพรรค เป็นผู้ชี้ขาด ส่วนอีก 2 อภิชาต สุขัค คานนท์ ให้ยกคำร้อง

วิสุทธิ์ โพธิแท่น ให้เสนอศาล รธน. ยุบพรรค ปชป.

คดีนี้ อนุ กก.กกต. มีมติ 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้อง อ้างหลักฐานไม่พอ ขณะ ที่ ดีเอสไอ โชว์หลักฐานชัด เช็ค 27 ใบที่ นายประจวบ สังข์ขาว เจ้าของ บริษัท เมซไซอะฯ ได้มาไม่เคยเอาเงิน 258 ล้าน โอนเข้าบัญชีตัวเองเลยแต่กระจายเข้าบัญชี กก.บริหาร ปชป. แทน !!!

เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง ???

มีการจ่ายผ่านธนาคารช่วงใกล้เลือกตั้งใหญ่ถึง 78 ครั้ง ในเวลา 84 วัน (ตัวเลขอาจคลาดเคลื่อนบ้าง) นายประจวบร้องว่า ตัวเองไม่ได้เงินแต่ต้องถูกรีดภาษี (15 ล้าน) จึงโกรธ กลับใจมาเป็นพยานฝ่ายตรงข้าม

นายอภิชาตเป็นนายทะเบียนพรรค และประธาน กกต. ที่ลงมติให้ “ยกคำร้อง” ไปแล้ว เมื่อต้องมาชี้ขาดคงยาก ที่จะชี้เป็นอื่นนอกจาก ให้ยกคำร้อง ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับพลิกลิ้นเท่านั้น

ความไม่ยุติธรรมและใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน นี่แหละชนวนก่อ สงครามกลางเมือง ขอบอก...


ดาวประกายพรึก

(ที่มา เดลินิวส์ , 22 ธันวาคม 2552)
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby จะบ้าตาย » Sat Dec 26, 2009 8:33 am

ลากไป เรื่อยๆ ให้เหล่ากระบืออกแตกตาย

ยังอีกยาววววววววววววววว ไอ้ทิด :mrgreen:
User avatar
จะบ้าตาย
 
Posts: 1317
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:41 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Sat Dec 26, 2009 8:56 am

จะบ้าตาย wrote:ลากไป เรื่อยๆ ให้เหล่ากระบืออกแตกตาย

ยังอีกยาววววววววววววววว ไอ้ทิด :mrgreen:


ไม่รู้ดีรู้ชั่ว รู้ถูกรู้ผิด ขอให้สมใจข้าเป็นพอ ตา..ยสมใจเลยเอง
Attachments
P7794721-6.gif
(16.55 KiB) Downloaded 525 times
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Sat Dec 26, 2009 9:02 am

ลอง panasonic TZ3 หน่อยดิชัดมั๊ย
Attachments
P1070965.jpg
(130.87 KiB) Downloaded 512 times
Last edited by ATOM on Sat Dec 26, 2009 9:12 am, edited 1 time in total.
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby 55555 » Sat Dec 26, 2009 9:09 am

ATOM wrote:
จะบ้าตาย wrote:ลากไป เรื่อยๆ ให้เหล่ากระบืออกแตกตาย

ยังอีกยาววววววววววววววว ไอ้ทิด :mrgreen:


ไม่รู้ดีรู้ชั่ว รู้ถูกรู้ผิด ขอให้สมใจข้าเป็นพอ ตา..ยสมใจเลยเอง


จริงหรือว๊ะ ตอม....

แล้วเอ็ง รู้ดีรู้ชั่ว แล้วหรือไง....


:lol: :lol: :lol:
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby จะบ้าตาย » Sat Dec 26, 2009 9:16 am

ขอถามหน่อย นายทะเบียนจะมีอำนาจสั่งยุบพรรคการเมืองเมื่อไหร่ หือ. ทั่นอะตอม
จะยุบหรือไม่ยุบ ข้าน้อยคงไม่เดือนร้อน เพราะไม่เคยเลือก พวกแมงสาป ว่ะ


ไม่รู้ดีรู้ชั่ว รู้ถูกรู้ผิด ขอให้สมใจข้าเป็นพอ ตา..ยสมใจเลยเอง


ดี ชั่ว ถูก ผิด คงแล้วแต่มุมมองของใครมองที่ใคร
ทั่น อะตอม อย่าด่วนสรุปข้าน้อยเลย
เอ................ข้าน้อยสงสัย ว่า ทั่นอะตอม คงจะเป็นหนึ่งใน เหล่ากระบือ เป็นแน่แท้ แม่นบ่. ไอ้ทิด :mrgreen:
User avatar
จะบ้าตาย
 
Posts: 1317
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:41 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ปุถุชน » Sat Dec 26, 2009 9:19 am

ATOM wrote:
จะบ้าตาย wrote:ลากไป เรื่อยๆ ให้เหล่ากระบืออกแตกตาย

ยังอีกยาววววววววววววววว ไอ้ทิด :mrgreen:


ไม่"รู้ดีรู้ชั่ว รู้ถูกรู้ผิด" ขอให้สมใจข้าเป็นพอ ตา..ยสมใจเลยเอง



ไม่อยากเชื่อว่าATOMเข้าใจความหมาย....!
น่าจะคัดลอกจาก"ใบบอก"โดยไม่เข้าใจความหมาย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ปล."สมแก๊ส"ยังบอกว่า
ไม่เข้าใจความหมายของ"เห็นกงจักรเป็นดอกบัว"เลย....
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Sat Dec 26, 2009 9:33 am

ย่องเข้ามาบางกอก เก็บภาพไว้มากมาย เผื่อได้เอาไว้ใช้ในอนาคต หึหึ..

ขับรถจะกลับบ้านนอก เห็นอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว...ยืนเด่นเป็นสง่า จับหมาติดคุกไม่ได้สักตัว เจริญละประเทศไทย กินกันกลางเมืองหลวงแท้ๆ หลักฐานเห็นๆ ทำเป็นไม่สนใจ

เที่ยวตามหาโครตโกงทั้งที่ ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างในมือ
Attachments
P1070822.jpg
(93.99 KiB) Downloaded 500 times
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby จะบ้าตาย » Sat Dec 26, 2009 11:50 am

ไม่ลองไปถาม น้าชาติ กับ น้ามนตรี ดูล่ะ แกเป็นเจ้าของเรื่องนี้ นี่ :shock:

http://www.naewna.com/news.asp?ID=72469 :mrgreen:
User avatar
จะบ้าตาย
 
Posts: 1317
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:41 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby dekpakdee » Sat Dec 26, 2009 2:38 pm

ATOM wrote:“คดี 258 ล้าน”


ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผอ. สถาบันศึกษาความมั่นคงนานาชาติ จุฬาฯ วิจารณ์ผลงาน 1 ปี รัฐบาลผ่านเอเอฟพีหลายกรณี รวมทั้งเรื่องความสมานฉันท์ที่รัฐบาลสอบตกแบบไร้อคติ ถูกต้อง กล้าหาญ และตรงไปตรงมา

สมเป็นนักวิชาการมืออาชีพซึ่งหาได้ยากในยุคนี้

ดร.ฐิตินันท์ ชี้ว่า ความแตกแยกในสังคมไทยตอนนี้เริ่มกระจายตัวและ เป็นวงกว้าง ทั้งหมดล้วนมีสาเหตุมาจาก บ้านเมืองมี 2 มาตรฐาน และไม่มีความเป็นธรรม อาทิ การดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงรวดเร็วมาก แต่คดีความของกลุ่มคนเสื้อเหลืองกลับไม่มีความคืบหน้า

พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ถูกยุบไปถึง 2 ครั้ง แต่ ปชป. ที่ถูกร้องเรียนเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง เรื่องกลับเงียบหายไป ตรงนี้ล่ะ...

ประเด็นร้อน

ไทยรักไทย ถูกยุบเพราะ กกต. องค์กรที่ คมช. คลอดชี้มูลว่า กก.บริหารทำผิด จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ใช้ รธน. ม.237 กก.บริหารพรรคทำผิด ต้องยุบทั้งพรรคพร้อมตัดสิทธิการเมือง 5 ปี จัดการ ทั้งที่เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังเพื่อเอาผิด (ให้ได้) กลายเป็นตราบาป

แม้จะผ่านไปอีกร้อยปี

พลังประชาชน ที่กลายพันธุ์จาก ไทยรักไทย ถูกยุบพรรคซ้ำ อีกรอบ เพราะ ยงยุทธ ติยะไพรัช ถูกศาล รธน. ตัดสินตามที่ กกต. ชี้มูลว่า ซื้อเสียง ทำให้ได้ ส.ส.เพิ่ม พลังประชาชน เลยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

แต่กรณี วิฑูรย์ นามบุตร กก. บริหาร ปชป. ถูกกล่าวหา แจกตั๋วหนังฟรี กกต. ชี้มูลให้นายวิฑูรย์ได้ใบขาว พ้นผิด ลูกชายได้ใบเหลือง ส.ส.สอบตกได้ใบแดง ซึ่งไม่ส่งผลอะไรเลย ทีมเดียวกัน ทำผิดวาระเดียวกัน ทำไมลงโทษต่างกันราวฟ้ากับเหว นายวิฑูรย์รอดคนเดียว

เพื่อไม่ให้ ปชป. ถูกยุบ ใช่หรือไม่ ???

เหมือนคดี เงินบริจาค 258 ล้าน จาก ทีพีไอ ของ นายประชัย เลี่ยวไพ รัตน์ ที่เจ้าตัวเผลอบอกสื่อว่า บริจาคจริง แต่ให้ในรูปงบโฆษณา ซึ่ง ปชป. ไม่ได้แจ้ง กกต. หลังยื้อเกือบปี ล่าสุด กกต. มีมติสุดพิลึกกึกกือออกมาแล้ว

กกต. เสียงข้างมาก 3 คน ประพันธ์ นัยโกวิท, สดศรี สัตยธรรม, สมชัย จึงประเสริฐ มีมติให้ นายทะเบียนพรรค เป็นผู้ชี้ขาด ส่วนอีก 2 อภิชาต สุขัค คานนท์ ให้ยกคำร้อง

วิสุทธิ์ โพธิแท่น ให้เสนอศาล รธน. ยุบพรรค ปชป.

คดีนี้ อนุ กก.กกต. มีมติ 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้อง อ้างหลักฐานไม่พอ ขณะ ที่ ดีเอสไอ โชว์หลักฐานชัด เช็ค 27 ใบที่ นายประจวบ สังข์ขาว เจ้าของ บริษัท เมซไซอะฯ ได้มาไม่เคยเอาเงิน 258 ล้าน โอนเข้าบัญชีตัวเองเลยแต่กระจายเข้าบัญชี กก.บริหาร ปชป. แทน !!!

เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง ???

มีการจ่ายผ่านธนาคารช่วงใกล้เลือกตั้งใหญ่ถึง 78 ครั้ง ในเวลา 84 วัน (ตัวเลขอาจคลาดเคลื่อนบ้าง) นายประจวบร้องว่า ตัวเองไม่ได้เงินแต่ต้องถูกรีดภาษี (15 ล้าน) จึงโกรธ กลับใจมาเป็นพยานฝ่ายตรงข้าม

นายอภิชาตเป็นนายทะเบียนพรรค และประธาน กกต. ที่ลงมติให้ “ยกคำร้อง” ไปแล้ว เมื่อต้องมาชี้ขาดคงยาก ที่จะชี้เป็นอื่นนอกจาก ให้ยกคำร้อง ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับพลิกลิ้นเท่านั้น

ความไม่ยุติธรรมและใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน นี่แหละชนวนก่อ สงครามกลางเมือง ขอบอก...


ดาวประกายพรึก

(ที่มา เดลินิวส์ , 22 ธันวาคม 2552)


ขยันนะดีแต่โชว์โง่ทุกที มันน่าเบื่อ เว้ยยยยยย อั้ยกะโปกลวงโลก ลิ่วล้ออั้ยกรวุฒิ นึกว่ามีสมองที่แท้ก็ลอกชาวบ้านมา
ถ้าจักตายก็ขอตายในหน้าที่ ถ้าจักพลีก็ขอพลีแด่เหนือหัว ถ้าจักอยู่ก็ขออยู่เพื่อครอบครัว ถ้าจักชั่วก็ขอชั่วแก่ไพรีอัปรีย์แดง
ข้าพระพุทธเจ้าจักพลีชีพสังเวยแผ่นดินเพื่อดำรงไว้ซึ่งพระมหาเศวตฉัตรแห่งจอมกษัตริย์ไทย
User avatar
dekpakdee
 
Posts: 185
Joined: Fri Oct 23, 2009 2:08 pm
Location: THE ADDRESS CHIDLOM ซ.สมคิด ถ.ชิดลม กทม.

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Bookmarks » Sat Dec 26, 2009 11:20 pm

เคยอ่านจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เอามาลงว่า โครงการโฮปเวลล์เป็นผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำล้มเหลว และถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เล่นเอาชาวบ้านชาวช่อง ออกมาด่าประชาธิปัตย์กันขรม เลยเอามาแปะให้ครับ เพื่อเอามาให้พวกเสื้อแดง รู้ว่าเป็นผลงานใคร และที่ยกเลิก เพราะสาเหตุอะไร อะตอม อ่านหนังสือเยอะเยอะนะ จะได้ฉลาด ไม่โดนนายแม้วหลอก เวลามันพูดหาเสียง โยนบาปให้พรรคอื่น

โครงการโฮปเวลล์เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีการเปิดประมูลสัมปทานก่อสร้างทางยกระดับ เพื่อแก้ปัญหาการจราจร โดยผู้รับสัมปทานจะมีรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้า ค่าผ่านทาง และรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ตลอดเส้นทาง ผลการประมูล บริษัทโฮปเวลล์โฮลดิงส์ ของนายกอร์ดอน วู เป็นผู้ชนะเหนือคู่แข่งคือ บริษัทลาวาลิน (SNC-Lavalin) จากแคนาดา มีการลงนามในสัญญาโดยนายมนตรี พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคกิจสังคม กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 [2] อายุของสัมปทาน 30 ปี มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2534 – 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ในระยะแรกใช้ชื่อโครงการว่า Railways Mass Transit (Community Train) and Urban Free System (RAMTUFS)

แผนงานการก่อสร้าง แบ่งเป็น 5 ระยะ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 60.1 กิโลเมตร ประกอบด้วย [3]

ช่วงที่ 1 ยมราช-ดอนเมือง ระยะทาง 18.8 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี มีกำหนดแล้วเสร็จ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2538
ช่วงที่ 2 ยมราช-หัวลำโพง-หัวหมาก และ มักกะสัน-แม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทาง 18.5 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี มีกำหนดแล้วเสร็จ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2539
ช่วงที่ 3 ดอนเมือง-รังสิต ระยะทาง 7 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี มีกำหนดแล้วเสร็จ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2540
ช่วงที่ 4 หัวลำโพง-วงเวียนใหญ่ และ ยมราช-บางกอกน้อย ระยะทาง 6.7 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 7 ปี มีกำหนดแล้วเสร็จ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2541
ช่วงที่ 5 วงเวียนใหญ่-โพธินิมิตร และ ตลิ่งชัน-บางกอกน้อย ระยะทาง 9.1 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้าง 8 ปี มีกำหนดแล้วเสร็จ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542
การก่อสร้างโครงการโฮปเวลล์ เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากประสบปัญหาในการส่งมอบพื้นที่บริเวณริมทางรถไฟ ประกอบกับเศรษฐกิจของไทยไม่เติบโตเท่าที่ควร เหมือนในช่วงแรกของรัฐบาลชาติชาย ทำให้แนวโน้มการลงทุนธุรกิจในอสังหาริมทรัพย์ซบเซาลง ปัญหาเรื่องจุดตัดกับโครงการถนนยกระดับวิภาวดีรังสิต (ดอนเมืองโทลล์เวย์) และการก่อสร้างล่าช้าจนอัตราคืบหน้าของงานไม่เป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้กับรัฐบาล

ภายหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2534 รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ได้เข้ามาตรวจสอบสัญญาสัมปทานทั้งหมดที่มีเงื่อนไขการผูกขาด โครงการโฮปเวลล์ ก็เป็นโครงการหนึ่งที่ถูกตรวจสอบโดยนายนุกูล ประจวบเหมาะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น และได้ประกาศล้มโครงการโฮปเวลล์ พร้อมกับโครงการรถไฟฟ้าลาวาลิน และจัดตั้งองค์การรถไฟฟ้ามหานคร ขึ้นมาดำเนินการแทน เมื่อ พ.ศ. 2535

ในรัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยที่ 1 โครงการโฮปเวลล์ได้รับการผลักดันต่อโดยพันเอกวินัย สมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ยังประสบปัญหาสำคัญ 2 ประการ คือ ปัญหาเรื่องเงินทุน แหล่งเงินกู้ หลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญา และปัญหาเรื่องแบบก่อสร้าง ระยะห่างระหว่างรางรถไฟ กับไหล่ทางมีน้อยเกินไปเพราะข้อจำกัดของพื้นที่ และไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยสากล [ต้องการอ้างอิง] ต่อมาในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ให้ความเห็นชอบบอกเลิกสัญญากับโฮปเวลล์ หลังจากบริษัทโฮปเวลล์หยุดการก่อสร้างอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2540 [4]


เสาตอม่อที่ยังสร้างไม่เสร็จทิ้งร้างอยู่โครงการการก่อสร้างโครงการโฮปเวลล์ สิ้นสุดลงในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย สมัยที่ 2 หลังดำเนินการก่อสร้างเป็นเวลา 7 ปี มีความคืบหน้าเพียง 13.77 % ขณะที่แผนงานกำหนดว่าควรจะมีความคืบหน้า 89.75% กระทรวงคมนาคมได้บอกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2541 โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วย ภายหลังจากบอกเลิกสัญญา การรถไฟแห่งประเทศไทยถือว่าโครงสร้างทุกอย่างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟ และได้มีความพยายามนำโครงสร้างที่สร้างเสร็จแล้วมาพัฒนาต่อ จากผลการศึกษาสรุปว่าจะนำโครงสร้างบางส่วนมาใช้ประโยชน์ในรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-รังสิต

บริษัทโฮปเวลล์โฮลดิ้ง ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญาจากกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นค่าใช้จากการเข้ามาลงทุนเป็นเงิน 56,000 ล้านบาท ในขณะที่การรถไฟฯ ก็เรียกร้องค่าเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากโครงการ เป็นเงินกว่า 200,000 ล้านบาท

คณะอนุญาโตตุลาการประกอบด้วย นายสมศักดิ์ บุญทอง รองอัยการสูงสุด ในฐานะตัวแทนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย, รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ บุญโญภาส อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นตัวแทนจากโฮปเวลล์ฯ และนายถวิล อินทรักษา อดีตผู้พิพากษา เป็นประธานคณะอนุญาโตตุลาการ [5] ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย คืนเงินชดเชยให้โฮปเวลล์โฮลดิงส์ เนื่องจากการบอกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม เป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท เงินค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่บริษัทชำระไปแล้ว 2,850 ล้านบาท และเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38,749,800 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี และคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ให้กับบริษัท [6]

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82% ... 5%E0%B9%8C
Last edited by Bookmarks on Sat Dec 26, 2009 11:48 pm, edited 1 time in total.
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ooo » Sat Dec 26, 2009 11:33 pm

เมื่อนักรัฐศาสตร์ และ นักหนังสือพิมพ์

มาวิจารณ์ในเรื่องของกฎหมาย ผลคือ :lol: :lol: :lol:
User avatar
ooo
 
Posts: 662
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:46 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Caocao » Sun Dec 27, 2009 12:37 am

ATOM wrote:ย่องเข้ามาบางกอก เก็บภาพไว้มากมาย เผื่อได้เอาไว้ใช้ในอนาคต หึหึ..

ขับรถจะกลับบ้านนอก เห็นอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว...ยืนเด่นเป็นสง่า จับหมาติดคุกไม่ได้สักตัว เจริญละประเทศไทย กินกันกลางเมืองหลวงแท้ๆ หลักฐานเห็นๆ ทำเป็นไม่สนใจ

เที่ยวตามหาโครตโกงทั้งที่ ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างในมือ


ตลกละ ไอ้ต่อม โชว์เขาเหรอ อยากจับคนโกง หรือคนก่อหลักฐาน วานให้ไอ้ฟักแม้วตามไปทวงถามน้าเค้าเองแล้วกัน อีกอย่างนะไอ้ต่อมลูกหมาก เสื้อแดงหลังเขา อย่าเที่ยวมาแถเลยว่าบิดาของต่อมไม่ได้โกงกิน ทุกวันนี้เสื้อแดงระดับคุณภาพทั้งหลาย คงไม่แก้ตัวแล้วว่าไม่ได้โกง เห็นประกาศปาวๆว่า โกงแต่มีผลงานเว้ย 555 กลับบ้านปีใหม่แล้วก็อยู่บ้านนานๆก็ได้ กรุงเทพจะได้สูงขึ้นอีกซัก 5 มิล. รำคาญคนอย่าง.....จริงๆ
"เพราะชอบธรรม จึงเป็นธรรม"
User avatar
Caocao
 
Posts: 1748
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:17 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Caocao » Sun Dec 27, 2009 12:40 am

อีกอย่าง นโยบายพรรคใครลักไทย ก็ลอกนโยบายยุคน้ามาเกือบหมด อย่าด่ารากเง่าตัวเองเลย สมเพชตั้งแต่ผู้นำจนถึงทหารเลวจริงๆ
"เพราะชอบธรรม จึงเป็นธรรม"
User avatar
Caocao
 
Posts: 1748
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:17 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Matahari » Sun Dec 27, 2009 1:29 am

ถามนายฟายอะตอม
แล้วนายไม่เอาเทียบกับคดี่ที่โคราช ที่หัวคะแนนเอาเงินติดบัตรและภาพ สส มารับเงินเดินเรียงตัวมารับเงิน แล้วอ้าวว่าค่ารถ
รู้มะก็แค่ใบเหลือง มันต่างกะที่วิทูตร นามบุตรมะ :lol: :lol: :lol:
***********************************************************
User avatar
Matahari
 
Posts: 2405
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:30 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Matahari » Sun Dec 27, 2009 1:39 am

Code: Select all
กฎหมายเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง และการยุบพรรคการเมืองในช่วงวิกฤติการณ์ทางการเมือง
by : ชยพล ธานีวัฒน์
IP : (124.120.146.63) - เมื่อ : 7/11/2006 11:34 AM


ความสำคัญของพรรคการเมือง

พรรคการเมืองถือว่าเป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนเนื่องจากพรรคการเมืองเป็นการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีแนวคิด อุดมการณ์ทางการเมืองร่วมกัน มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางการเมืองเช่นเดียวกันทำให้รวมกันจัดตั้งกลุ่มทางการเมืองขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนเสนอแนวคิดและ นโยบายทางการเมือง และส่งตัวแทนเข้าไปมีบทบาทในสภา องค์ประกอบที่สำคัญของพรรคการเมืองคือ สมาชิกพรรค ที่มาจากบุคคลที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่เหมือนกันและอาจจะมีผลประโยชน์ร่วมกันในบางกรณี โดยการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองที่สำคัญของพรรคการเมืองคือ การส่งสมาชิกพรรคลงรับสมัครเลือกตั้งเพื่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเข้าไปมีบทบาทในการพิจารณาออกกฎหมายที่จำเป็นและมีประโยชน์แก่ประชาชนในประเทศ

พรรคการเมืองจึงเป็นองค์กรทางการเมืองที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ผ่านการเลือกสมาชิกพรรคเพื่อเข้าไปเป็นตัวแทนของประชาชน เพื่อทำหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง พิจารณาร่างกฎหมายต่าง ๆ และให้ความเห็นชอบในกฎหมายที่เห็นว่ามีประโยชน์แก่ประชาชน

เพื่อให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่มีความสำคัญและเป็นกลไกที่สำคัญของการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย จึงได้มีการออกกฎหมาย "พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541" ขึ้นเพื่อกำหนดอำนาจหน้าที่และแนวทางในการดำเนินการทางการเมืองของพรรคการเมือง รวมถึงการควบคุมพรรคการเมืองให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้

หลักเกณฑ์การยุบพรรคการเมือง

















พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองตั้งแต่การจัดตั้งพรรคการเมือง การดำเนินกิจการทางการเมือง และการยุบเลิกพรรคการเมือง ในบทความนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับการยุบเลิกพรรคการเมือง ซึ่งมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องหลายมาตรา อีกทั้งในสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาได้มีความเกี่ยวข้องกับการยุบเลิกพรรคการเมือง โดยการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งในชุดก่อนที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน ได้ยื่นเรื่องให้แก่อัยการสูงสุดเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคการเมือง 5 พรรค และเหตุการณ์ที่สำคัญต่อมาคือ การยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย ตั้งแต่การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และการประกาศยกเลิกกฎหมายบางข้อ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้มีผลกระทบต่อการใช้กฎหมายเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง ซึ่งจะได้กล่าวในรายละเอียดต่อไป

สำหรับการยุบพรรคการเมือง ได้กำหนดให้พรรคการเมืองที่ดำเนินการทางการเมืองสามารถเลิกหรือยุบพรรคการเมืองได้ หากไม่ดำเนินการตามที่ พรบ.พรรคการเมืองกำหนด ซึ่งแบ่งการเลิกหรือยุบพรรคออกเป็น 2 ลักษณะ คือ

ลักษณะแรก (มาตรา65) พรรคการเมืองมีเหตุต้องเลิกหรือยุบพรรคการเมือง เนื่องจากไม่กระทำตามพรบ.พรรคการเมือง เช่น

1. ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในข้อบังคับพรรคการเมือง
2. มีสมาชิกพรรคเหลือไม่ถึง 15 คน
3. ไม่สามารถจัดหาสมาชิกพรรคได้ถึง 5,000 คนภายใน 180 วันหลังจากที่นายทะเบียนรับจดแจ้งพรรคการเมือง
4. ไม่มีดำเนินกิจการทางการเมืองและไม่ส่งรายงานการดำเนินงานกิจการของพรรคการเมือง
5. ไม่ส่งรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนของพรรคการเมือง

นายทะเบียนพรรคการเมือง (ประธานกรรมการการเลือกตั้ง) จะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันพบเหตุดังกล่าว เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นว่ามีเหตุดังกล่าวจริง จะมีคำสั่งให้ยุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญและนายทะเบียนต้องประกาศคำสั่งยุบพรรคลงในราชกิจจานุเบกษา

ลักษณะที่สอง (มาตรา 66) พรรคการเมืองอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคการเมืองได้เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้

1. กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ
2. กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ
3. กระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
4. ในกรณีที่พรรคการเมืองรับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยโดยการเกิดเข้าเป็นสมาชิกหรือยอมให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง และในกรณีที่พรรคการเมืองหรือสมาชิกพรรคการเมืองได้รับเงิน ทรัพย์สินจากผู้อื่นเพื่อกระทำการสนับสนุนการบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันชาติ พระมหากษัตริย์ หรือก่อกวน คุกคามทำให้เกิดความไม่สงบหรือมีผลต่อประชาชนทั้งทางด้านศีลธรรม สุขภาพและทรัพยากรของประเทศ หรือมีการรับเงินสนับสนุนจากบุคคลหรือนิติบุคคลที่มีผู้จัดการ หรือกรรมการเป็นผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย หรือเป็นผู้ถือหุ้นเกินร้อยละยี่สิบห้า และรวมไปถึงนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมายต่างประเทศ

ในกรณีนี้เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนหรือนายทะเบียนได้รับแจ้งจากพรรคการเมืองใดๆ ที่เห็นว่ามีพรรคการเมืองกระทำผิดตามมาตรา 66 ให้นายทะเบียนส่งเรื่องพร้อมหลักฐานให้กับอัยการสูงสุดเพื่อสั่งฟ้องพรรคการเมืองนั้นๆ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในการสั่งยุบพรรคต่อไป หากอัยการสูงสุดไม่ยื่นสั่งฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้จัดให้มีคณะทำงานขึ้นโดยมีตัวแทนจากประธานกรรมการการเลือกตั้งและอัยการสูงสุดร่วมกันรวบรวมข้อมูล หลักฐานเพื่อทำสำนวนส่งให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่ สามารถหาข้อยุติในการพิจารณายื่นคำร้องได้ให้นายทะเบียนมีอำนาจยื่นคำร้องเอง (มาตรา 67)

เมื่อมีการสั่งยุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญแล้วให้นายทะเบียนประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ในช่วงระหว่างของการพิจารณายื่นเรื่องยุบพรรค หากนายทะเบียนต้องการให้พรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาระงับการดำเนินการที่เข้าข่ายมาตรา 66 ก็ให้นายทะเบียนยื่นเรื่องระงับการดำเนินการของพรรคการเมืองต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งระงับการดำเนินการของพรรคการเมืองนั้น ๆ ไว้ชั่วคราว (มาตรา 67)

ศาลรัฐธรรมนูญกับการยุบพรรคการเมือง

ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคการเมือง องค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการวินิจฉัย ตัดสินสั่งยุบพรรคการเมืองคือ ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งประกอบด้วย ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 1 คน กับคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 14 คน โดยอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองได้ถูกบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านนับตั้งแต่มีการตั้งศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ได้มีการพิจารณาตัดสินสั่งยุบพรรคการเมืองต่าง ๆ ตามกฎหมายที่กล่าวมาข้างต้น ดังนี้

1. การยุบพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 (มาตรา 65 วรรคหนึ่ง)

1.1 มีเหตุต้องเลิกตามข้อบังคับพรรค (มาตรา 65(1)) ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปแล้ว เช่น การสั่งให้ยุบพรรครามสยามและพรรคศรัทธาประชาชน ตามคำวินิจฉัย ที่ 24/2544 และที่ 30/2544

1.2 มีจำนวนสมาชิกเหลือไม่ถึงสิบห้าคน (มาตรา 65(2)) กรณียังไม่ปรากฏคำร้องมายังศาลรัฐธรรมนูญ

1.3 มีการยุบพรรคการเมืองไปรวมกับพรรคการเมืองอื่นตามหมวด 5 การรวมพรรคการเมือง มาตรา 70 - 73 (มาตรา 65(3)) มีคำวินิจฉัยไปแล้ว ได้แก่
- กรณีการรวมพรรคมวลชนเข้าเป็นพรรคการเมืองเดียวกับพรรคความหวังใหม่ ตามคำวินิจฉัยที่ 6/2541
- กรณีการรวมพรรคเสรีธรรมเข้ากับพรรคไทยรักไทย ตามคำวินิจฉัย 28/2544
- กรณีการรวมพรรคความหวังใหม่เข้ากับพรรคไทยรักไทย ตามคำวินิจฉัยที่ 12/2545
- กรณีการรวมพรรคชาติพัฒนาเข้ากับพรรคไทยรักไทย
- กรณีการรวมพรรคต้นตระกูลไทยเข้ากับพรรคไทยรักไทย

1.4 ไม่ดำเนินการดังต่อไปนี้ (มาตรา 65(5))

1.4.1 ไม่กระทำโดยที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองในการเปลี่ยนแปลงรายการสำคัญ ได้แก่ นโยบายพรรค ข้อบังคับพรรค และการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคตามบทบัญญัติ มาตรา 25 เช่น การยุบพรรคเกษตรเสรี ตามคำวินิจฉัยที่ 54/2545

1.4.2 องค์ประชุมใหญ่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ตามบทบัญญัติ มาตรา 26 มีคำวินิจฉัยไปแล้ว เช่น พรรคพลังใหม่ ตามคำวินิจฉัยที่ 36/2545

1.4.3 ไม่จัดให้มีสมาชิกครบ 5,000 คนจากทุกภาค (4 ภาค) และไม่มีสาขาพรรคในทุกภาคภายใน 180 วันนับแต่ได้รับจดแจ้งการเป็นพรรคการเมืองจากนายทะเบียนตามบทบัญญัติ มาตรา 29 มีคำวินิจฉัยไปแล้ว เช่น การสั่งให้ยุบพรรคปฏิรูป ตามคำวินิจฉัยที่ 2/2542 เป็นต้น

1.4.4 ไม่จัดทำรายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมาให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตามวิธีการที่นายทะเบียนกำหนด และแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อประกาศให้สาธารณชนทราบตามบทบัญญัติ มาตรา 35 มีคำวินิจฉัยไปแล้ว เช่น การยุบพรรคประชารัฐ ตามคำวินิจฉัยที่ 6/2544 รวมถึงพรรคถิ่นไทยและพรรคเอกภาพ เมื่อต้นปี 2545 เป็นต้น

1.4.5 ไม่ใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ และไม่จัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนของพรรคในรอบปีปฏิทินให้ถูกต้องตามความเป็นจริง และยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ตามบทบัญญัติ มาตรา 62 มีคำวินิจฉัยแล้ว เช่น การยุบพรรคประชารัฐ ตามคำวินิจฉัยที่ 6/2544 เป็นต้น

การจำกัดสิทธิ และการลงโทษแก่หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกอื่น

1. การจำกัดสิทธิมิให้ดำเนินการเกี่ยวกับพรรคการเมือง

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 69 บัญญัติห้ามผู้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคการเมือง (ประกอบด้วย หัวหน้าพรรคการเมือง รองหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง รองเลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง โฆษกพรรคการเมือง และกรรมการบริหารอื่น ซึ่งเลือกตั้งจากสมาชิกซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์) ที่ต้องยุบไปเพราะไม่ดำเนินการตามมาตรา 35 หรือมาตรา 62 หรือกระทำการตามมาตรา 66 มิให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

1) ห้ามขอจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่
2) ห้ามเป็นกรรมการบริหารของพรรคการเมือง
3) ห้ามมีส่วนร่วมในการขอจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่

ทั้งนี้ ภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่พรรคการเมืองนั้นต้องยุบไป

2. บทลงโทษ

1) หัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 35 หรือมาตรา 62 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท (มาตรา 80)
2) กรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือกรรมการสาขาพรรคการเมืองผู้ใดรู้อยู่แล้ว แต่จัดให้พรรคการเมืองกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 23 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี (มาตรา 77)
3) พรรคการเมือง หรือสมาชิกผู้ใดกระทำการฝ่าฝืน มาตรา 52 หรือมาตรา 53 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี (มาตรา 89)

อนึ่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 20 วรรคสอง บัญญัติให้หัวหน้าพรรคการเมืองเป็นผู้แทนของพรรคการเมืองในกิจการอื่นเกี่ยวกับบุคคลภายนอก เพื่อการนี้ หัวหน้าพรรคการเมืองจะมอบหมายเป็นหนังสือให้กรรมการบริหารคนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้

การยุบพรรคการเมืองในช่วงวิกฤติการณ์ทางการเมือง

เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคการเมืองที่สำคัญคือ การยื่นเรื่องยุบพรรคการเมืองโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งให้แก่อัยการสูงสุดเพื่อทำสำนวนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมือง 5 พรรค เนื่องจากมีการกล่าวหาว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 โดยเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ มายื่นคำร้องกรณีอัยการสูงสุดขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคการเมือง รวม 5 พรรค คือ พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย พรรคไทยรักไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้งหมดเข้าข่ายความผิดในมาตรา 66 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ดังนี้

มาตรา 66 เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง

1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ได้แก่ พรรคไทยรักไทย

2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ
ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์

3) กระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ได้แก่ พรรคไทยรักไทย, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคแผ่นดินไทย, พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า และพรรคพัฒนาชาติไทย

ในขณะนั้นเรื่องอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์กรที่จะทำหน้าที่ตัดสินว่าพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ถูกยื่นฟ้องนั้นจะถูกยุบหรือไม่ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญครั้งหนึ่งของการเมืองไทย นั่นคือการรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. ซึ่งได้ทำการเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลและได้มีคำสั่งที่สำคัญหลายฉบับโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับกรณีการยุบพรรคการเมืองคือ การออกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 3 เรื่องการประกาศการยึดอำนาจและการสั่งให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 รวมไปถึงการประกาศยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดคำถามต่อประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องว่าใคร องค์กรใด จะเข้ามาทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งในที่สุดคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ออกประกาศรับรองสถานภาพของพระราชบัญญัติพรรคการเมืองและการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ในประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 27 ซึ่งเป็นประกาศแก้ไขประกาศฉบับที่ 15 เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยให้มีการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ต่อไป จนกว่าจะมีการแก้ไขเพิ่มเติม และหากมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองโดยศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอื่นที่ทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น กำหนด 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งยุบพรรค

องค์กรที่ทำหน้าที่แทนศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกยกเลิกไปในประกาศของคณะปฏิรูปนั้นได้ถูกแต่งตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2549 มาตรา 35 เพื่อทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญโดยเรียกว่า "คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ" ซึ่งประกอบไปด้วย

1. นายปัญญา ถนอมรอด (ประธานศาลฎีกา) ประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
2. นายอักขราทร จุฬารัตน (ประธานศาลปกครองสูงสุด) รองประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
3. หม่อมหลวง ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ
4. นายสมชาย พงษธา ตุลาการรัฐธรรมนูญ
5. นายกิติศักดิ์ กิติคุณไพโรจน์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ
6. นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ
7. นายนุรักษ์ มาประณีต ตุลาการรัฐธรรมนูญ
8. นายจรัญ หัตถกรรม ตุลาการรัฐธรรมนูญ
9. นายวิชัย ชื่นชมพูนุท ตุลาการรัฐธรรมนูญ

การประกาศเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับข้อกฎหมายและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคการเมืองของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขทำให้มีผลต่อการดำเนินการเปลี่ยนแปลงพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งในขณะนี้เรื่องการยุบพรรคอยู่ในช่วงของการพิจารณาของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยการพิจารณาจะช้าหรือเร็วต้องขึ้นอยู่กับการทำงานของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ

แต่ประเด็นสำคัญที่นักกฎหมายมหาชนยังหาข้อสรุปไม่ได้คือ การกำหนดโทษเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฉบับที่ 27 ที่ระบุโทษเพิ่มเติมแก่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบว่าต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี นั่นคือการไม่สามารถลงรับสมัครเลือกตั้ง หรือไม่สามารถเกี่ยวข้องกับการเมืองในทางใด ๆ ได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มบทลงโทษหลังจากที่เรื่องการยุบพรรคการเมืองเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นคณะตุลาการรัฐธรรมนูญในปัจจุบันนั้น จะสามารถนำบทลงโทษนี้มาใช้ลงโทษเพิ่มเติมได้หรือไม่ หรือจะให้พรรคการเมืองที่ถูกยุบรับโทษเดิมที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 เท่านั้น โดยในความเห็นทางกฎหมายของนักกฎหมายบางท่านเสนอว่าน่าจะสามารถนำบทลงโทษเพิ่มเติมมาใช้กับพรรคการเมืองที่ถูกยุบได้ เนื่องจากบทลงโทษของกฎหมายพรรคการเมืองมิได้อยู่ในข่ายของกฎหมายอาญา ซึ่งลักษณะของกฎหมายอาญาจะไม่สามารถลงโทษย้อนหลังได้ การตัดสินลงโทษจะสิ้นสุดเท่าที่กฎหมายที่นำมาบังคับใช้บัญญัติไว้ แต่ในอีกแนวคิดได้เสนอว่าการพิจารณายุบพรรคการเมืองในช่วงเวลานั้นได้นำ พรบ. พรรคการเมืองที่มีอยู่ในขณะนั้นมาใช้ บทลงโทษเพิ่มเติมจึงไม่สามารถที่จะนำมาดำเนินการเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำความผิดได้ ถึงแม้จะไม่ใช่หลักการเดียวกับกฎหมายอาญาก็ตาม

ประเด็นถกเถียงเหล่านี้ยังหาข้อยุติไม่ได้ แต่คาดว่าหากมีการตัดสินออกมาว่าพรรคการเมืองนั้น ๆ มีความผิดจริง คงจะต้องมีการมาพิจารณาต่อถึงบทลงโทษแก่กรรมการบริหารพรรคที่เกี่ยวข้อง โดยอาจมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ (หรือคณะตุลการรัฐธรรมนูญ) ตีความอีกครั้งว่าการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะนี้จะออกมาในรูปแบบใด

อ้างอิง
- กระบวนการยุบพรรคการเมือง : http://www.rakbankerd.com/01_jam/thaiinfor/country _info/index.html?topic_id=3727&db_file=
- ขั้นตอนยุบพรรคการเมือง : http://www.rakbankerd.com/01_jam/thaiinfor/country_ info/index.html?topic_id=3682&db_file=
- ขั้นตอน "ยุบพรรค" กับวิกฤติการเมือง : www.rakbankerd.com/01_jam/thaiinfor/country_info/index.html?topic_id=3668&db_file=
- บทความเรื่อง "ศาลรัฐธรรมนูญไทยกับบทบาทที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง" โดย นายนพดล เฮงเจริญ
**********************

ตอนแรก ก็ไม่เข้าใจ แต่พอฟังนักกม พุด
กรณีปชป การรับเงินที่ไม่นำมาแสดงในรายการ
ถ้าบอกว่า ปชป ผิด
พท ก็ผิด ก็ได้ข่าว่า นัง้อ้อที่คุมเงินที่โกงมา ให้เงินพรรคเพื่อซื้อเสียง
กม พรรค ก็เหมือนกม บริษั่ ทีเป็นนิติบุคคล
ต้องจดหนังสือบริคนณ์สนธิ และข้อบังคับพรรค
ก็เลยไปอ่านข้อบังคับพรรค ถึงบางอ้อ
ว่าทำไม ปชป รอด
การับบริจาคไมผิด แต่ทีผิดคือ การไม่ส่งรายงานและแสดงในงบ
ก็มามองประเด็น
บริษีทและพรรค เขาจะมีการระบุ ว่าคนรับเงินและจ่ายเงินจะต้องได้รับการแต่งตั้งและยินยอมจากพรรค
เงิน258 เข้ามาและไปอยู่บัญชี่ของสส ที่ไม่มีหน้าทีเป็นเหรัญญิก
ก็คือทำให้เข้าใจว่าเหรัญญิกไม่รุ้ และไม่ทราบ เมือไม่รูและไม่ทราบ ก็ต้องไม่มีการลงรายงาน
ก็เลยไม่เข้าม 65 ว่าเป็นไปตามเกณฑ์ข้อบังคับ
ที่เหรัญญิกรับเงินแต่ไม่ทำรายงาน ก็ต้องถุกยุบ
แต่นี้ไม่มีข้อบ่งบอกว่าเหรัญญิกรับเงิน
เขาถึงยกประโยชน์คือทำอะไรต่อพรรคไม่ได้
ผิดก็ผิดบุคคลทีไปรับเงินของบริษีทมหาชนทีกม เขาคุมเข้มเรื่องนี้
***********************************************************
User avatar
Matahari
 
Posts: 2405
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:30 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Sun Dec 27, 2009 1:43 am

Caocao wrote:
ATOM wrote:ย่องเข้ามาบางกอก เก็บภาพไว้มากมาย เผื่อได้เอาไว้ใช้ในอนาคต หึหึ..

ขับรถจะกลับบ้านนอก เห็นอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว...ยืนเด่นเป็นสง่า จับหมาติดคุกไม่ได้สักตัว เจริญละประเทศไทย กินกันกลางเมืองหลวงแท้ๆ หลักฐานเห็นๆ ทำเป็นไม่สนใจ

เที่ยวตามหาโครตโกงทั้งที่ ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างในมือ


ตลกละ ไอ้ต่อม โชว์เขาเหรอ อยากจับคนโกง หรือคนก่อหลักฐาน วานให้ไอ้ฟักแม้วตามไปทวงถามน้าเค้าเองแล้วกัน อีกอย่างนะไอ้ต่อมลูกหมาก เสื้อแดงหลังเขา อย่าเที่ยวมาแถเลยว่าบิดาของต่อมไม่ได้โกงกิน ทุกวันนี้เสื้อแดงระดับคุณภาพทั้งหลาย คงไม่แก้ตัวแล้วว่าไม่ได้โกง เห็นประกาศปาวๆว่า โกงแต่มีผลงานเว้ย 555 กลับบ้านปีใหม่แล้วก็อยู่บ้านนานๆก็ได้ กรุงเทพจะได้สูงขึ้นอีกซัก 5 มิล. รำคาญคนอย่าง.....จริงๆ


เอาอีกแล้ว ...ถามจริงๆอ้ายเทือก เสธหนั่น มันโกงสักบาทมั้ย...
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Sun Dec 27, 2009 2:00 am

Matahari wrote:[code]

ตอนแรก ก็ไม่เข้าใจ แต่พอฟังนักกม พุด
กรณีปชป การรับเงินที่ไม่นำมาแสดงในรายการ
ถ้าบอกว่า ปชป ผิด
พท ก็ผิด ก็ได้ข่าว่า นัง้อ้อที่คุมเงินที่โกงมา ให้เงินพรรคเพื่อซื้อเสียง
กม พรรค ก็เหมือนกม บริษั่ ทีเป็นนิติบุคคล
ต้องจดหนังสือบริคนณ์สนธิ และข้อบังคับพรรค
ก็เลยไปอ่านข้อบังคับพรรค ถึงบางอ้อ
ว่าทำไม ปชป รอด
การับบริจาคไมผิด แต่ทีผิดคือ การไม่ส่งรายงานและแสดงในงบ
ก็มามองประเด็น
บริษีทและพรรค เขาจะมีการระบุ ว่าคนรับเงินและจ่ายเงินจะต้องได้รับการแต่งตั้งและยินยอมจากพรรค
เงิน258 เข้ามาและไปอยู่บัญชี่ของสส ที่ไม่มีหน้าทีเป็นเหรัญญิก
ก็คือทำให้เข้าใจว่าเหรัญญิกไม่รุ้ และไม่ทราบ เมือไม่รูและไม่ทราบ ก็ต้องไม่มีการลงรายงาน
ก็เลยไม่เข้าม 65 ว่าเป็นไปตามเกณฑ์ข้อบังคับ
ที่เหรัญญิกรับเงินแต่ไม่ทำรายงาน ก็ต้องถุกยุบ
แต่นี้ไม่มีข้อบ่งบอกว่าเหรัญญิกรับเงิน
เขาถึงยกประโยชน์คือทำอะไรต่อพรรคไม่ได้
ผิดก็ผิดบุคคลทีไปรับเงินของบริษีทมหาชนทีกม เขาคุมเข้มเรื่องนี้


เองเป็นคนกินข้าวรึเปล่าวะนี้....ข้าไม่ใช่นักกฏหมายแต่ข้าอ่านภาษาไทยออก แปลเป็นด้วย
เงิน 258 ล้านบาท ไม่ใช่ 258 บาทนะ ทีเหรัญญิกจะไม่รู้ และไม่ทราบ เองรู้ได้ไงว่าเหรัญญิกมันไม่รู้ มันบอกเองรึ เองก็เชื่อเพราะมันเป็น ปชป เวรกรรม
ทำไมเอง ไม่เชื่อได้ว่า เหรัญญิกจมันรู้ล่ะ...

กลับไปเรียนวิชาศิลธรรมใหม่เลยเอง...
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Bookmarks » Sun Dec 27, 2009 2:28 am

เงินเข้าพรรค ปชป เยอะขนาดนี้ แล้วเค้าจะรู้มั๊ยล่ะ อะตอม

[size=150]ครั้งสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์จัดงานระดมทุนเข้าพรรค คือ เดือนกรกฎาคม 2550 ณ อาคารไบเทค บางนา ปรากฏว่าเงินทะลักเข้าพรรคกว่า 427 ล้านบาท[/size]
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Sun Dec 27, 2009 2:36 am

Bookmarks wrote:เงินเข้าพรรค ปชป เยอะขนาดนี้ แล้วเค้าจะรู้มั๊ยล่ะ อะตอม

[size=150]ครั้งสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์จัดงานระดมทุนเข้าพรรค คือ เดือนกรกฎาคม 2550 ณ อาคารไบเทค บางนา ปรากฏว่าเงินทะลักเข้าพรรคกว่า 427 ล้านบาท[/size]


พรรคกระยาจก นะนี้ พรรคขอทาน ...เอ้าๆๆ ไม่รู้ก็ไม่รูว่ะ เงินมันเล็กน้อย งึงึ
Attachments
P8697235-1.gif
(86.85 KiB) Downloaded 359 times
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Bookmarks » Sun Dec 27, 2009 2:23 pm

แหม อะตอม กรูจะบ้าตายกับเอ็งจริงจริง ทุกพรรคก็มีเงินบริจาคทั้งนั้น อย่างนี้ไม่เรียกว่า พรรคขอทานทั้งหมดเลยหรือว่ะ ที่แน่แน่ พรรคเพื่อไทยเนี้ย พรรคขอทานตัวเอ้เลยแหละ ขนาดถึงกับ ยกโขยงไปขอทานที่เขมรเชียวนะ ทำประเทศไทยขายหน้าเหลือเกิน เพราะปกติ เขมรมันจะเข้ามาขอทานที่ไทย แต่นี่ สส พรรคเพื่อไทย ไปขอทานที่เขมร อดสูว่ะ

ด้านพรรคพลังประชาชนมียอดบริจาคแค่ 4.5 ล้านบาท ผู้บริจาคคือ นายองอาจ เอื้ออภิญญกุล 2 ล้านบาท นายทรงศักดิ์ วิสุทธิพิทักษ์กุล 2 ล้านบาท และ นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา 5 แสนบาท

ผิดกับยอดบริจาคครึ่งปีแรก หลังชนะการเลือกตั้ง (23 ธ.ค. 2550) พบว่า พรรคพลังประชาชน มียอดการบริจาคสูงที่สุด 34,620,000 บาท

ด้านพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา มียอดบริจาคทั้งสิ้น 8.740 ล้านบาท โดยนายประสงค์ ภัทรประสิทธิ์ น้องชายนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง บริจาค 440,000 บาท นายประพนธ์ ภัทรประสิทธิ์ น้องชายนายประดิษฐ์ บริจาค 150,000 บาท และนางลักขณา นะวิโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป พี่สาวนายประดิษฐ์ บริจาค 4 ล้านบาท

ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินมียอดบริจาค 1,471,962 บาท ผู้บริจาคหนึ่งเดียวคือ นายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรค
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby devotion » Sun Dec 27, 2009 6:24 pm

ATOM wrote:จับหมาติดคุกไม่ได้สักตัว เจริญละประเทศไทย


คดีกล้ายางที่ยังจับหมาไม่ได้ รู้สึกว่ามันจะไปต่างประเทศ
User avatar
devotion
Moderator
 
Posts: 1001
Joined: Tue Apr 28, 2009 7:11 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby devotion » Sun Dec 27, 2009 6:30 pm

ATOM wrote:พรรคกระยาจก นะนี้ พรรคขอทาน ...


เคยมีการประเมินสรุปฐานะทางการเงินของนักการเมือง นักการเมือง ปชป. มีฐานะพื้นฐานส่วนตัวโดยรวมดีกว่าพรรคกลุ่มทักษิณ (ลืมไปแล้ว ว่าตอนนั้นใช้ชื่อพรรคว่าอะไร)
User avatar
devotion
Moderator
 
Posts: 1001
Joined: Tue Apr 28, 2009 7:11 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby darkness_hero » Mon Dec 28, 2009 11:19 am

เข้ามาดูตลกครับ

อยากถามหาอยากจับคนผิดคนโกงใช่ไหมครับ

ไอ้แม้วพ่อมึงไงครับ
"หากโลกนี้ไร้ความมืด มนุษย์ย่อมไม่รู้ค่าของแสงสว่าง"

มองมันตรงๆ คิดมันตรงๆ และ พิมพ์มันตรงๆ
http://www.darknesshero.co.cc
User avatar
darkness_hero
 
Posts: 283
Joined: Mon May 25, 2009 10:20 am
Location: ประเทศไทย

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby จีรนุช » Mon Dec 28, 2009 6:44 pm

ต้องเคารพในการตัดสินของกกต ถ้าทุกคนตัดสินกันตามใจชอบ ก็คงไม่มีที่สิ้นสุดนะ
User avatar
จีรนุช
 
Posts: 5689
Joined: Sun Nov 30, 2008 7:34 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Mon Dec 28, 2009 10:08 pm

Bookmarks wrote:เงินเข้าพรรค ปชป เยอะขนาดนี้ แล้วเค้าจะรู้มั๊ยล่ะ อะตอม

ครั้งสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์จัดงานระดมทุนเข้าพรรค คือ เดือนกรกฎาคม 2550 ณ อาคารไบเทค บางนา ปรากฏว่าเงินทะลักเข้าพรรคกว่า 427 ล้านบาท[/size]


[size=150]หึหึ ....แมงสาปก็ยังคิดแบบ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น สมกับฉายาจริงๆ

เวลาแพ้เลือกตั้ง เราไม่มีเงินซื้อเสียง ไม่มีทุน สู้ ทรท ไม่ได้

พอรับเงินมาจากคนอื่นไม่รู้มันไปตกลงผลประโยชน์อะไรกันไว้ เขาจะยุบพรรค ดันบอว่าเงินมันเยอะ ตรวจสอบไม่ทั่วถึง

อ้าย หอ เอีย ไม้ โท ......ถุy
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Bookmarks » Mon Dec 28, 2009 10:23 pm

ATOM wrote:
Bookmarks wrote:เงินเข้าพรรค ปชป เยอะขนาดนี้ แล้วเค้าจะรู้มั๊ยล่ะ อะตอม

ครั้งสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์จัดงานระดมทุนเข้าพรรค คือ เดือนกรกฎาคม 2550 ณ อาคารไบเทค บางนา ปรากฏว่าเงินทะลักเข้าพรรคกว่า 427 ล้านบาท[/size]


[size=150]หึหึ ....แมงสาปก็ยังคิดแบบ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น สมกับฉายาจริงๆ

เวลาแพ้เลือกตั้ง เราไม่มีเงินซื้อเสียง ไม่มีทุน สู้ ทรท ไม่ได้

พอรับเงินมาจากคนอื่นไม่รู้มันไปตกลงผลประโยชน์อะไรกันไว้ เขาจะยุบพรรค ดันบอว่าเงินมันเยอะ ตรวจสอบไม่ทั่วถึง

อ้าย หอ เอีย ไม้ โท ......ถุy

ควายอะตอม เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น น่ะ พวกมรึง ฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือว่ะ เค้าไม่ได้ซื้อเสียง เค้าถึงได้บอกแบบนั้น แต่มรึงกลับตีความว่า ใช้เงินซื้อเสียงสู้กัน โง่จริงว่ะ ควายแดง สมชื่อ จริงจริง
เอ็งไปหาข้อมูลใหม่ดีกว่าว่ะ เงิน 258 ล้าน มันเป็นความผิดส่วนบุคคล หรือ ความผิดพรรค เอ็งลองหาคำตอบสองข้อนี้มาให้ได้ก่อน หลักฐานมันชัดเจนขนาดไหน เอ็งลองอธิบายมาสิว่ะ อย่ามาใช้กฎกู กรูบอกว่า ผิด มรึงต้องผิด ควายอะตอม
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Mon Dec 28, 2009 10:25 pm

devotion wrote:
ATOM wrote:พรรคกระยาจก นะนี้ พรรคขอทาน ...


เคยมีการประเมินสรุปฐานะทางการเงินของนักการเมือง นักการเมือง ปชป. มีฐานะพื้นฐานส่วนตัวโดยรวมดีกว่าพรรคกลุ่มทักษิณ (ลืมไปแล้ว ว่าตอนนั้นใช้ชื่อพรรคว่าอะไร)



เองคิดดีรึยังที่แสดง แสดงความคิดเห็นแบบนี้

นักการเมือง ปชป. มีฐานะพื้นฐานส่วนตัวโดยรวมดีกว่าพรรคกลุ่มทักษิณ ...แล้วมันประกอบอาชีพ ทำมาหากินอะไรละ อย่างอ้ายเทือก ถาวร บัญญัติ อ้ายเตี้ย อ้ายห้อย มันรวย

จากอะไร

เป็นนักการเมืองอย่างเดียว ทำการเมืองอย่างเดียว แต่มีเงินมีทองมากมาย เงินเดือนอย่างเดียวมันไม่ทำให้มันรวยได้หรอก มันต้องกิน ใต้ดิน บนดีน และตามน้ำ แน่ ..เอาคอเป็น

ประกัน

ระดับการศึกษาของ รมต สมัย ทรท สุงกว่า ระดับการศึกษา รมต ปชป ปัจจุบัน เห็นด้วยมั๊ย..หึหึ :mrgreen:
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby Bookmarks » Mon Dec 28, 2009 10:31 pm

เอ็งกำลังด่า ไอ้แม้ว ว่าจบ ดร. แต่โง่ ภาษาอังกฤษ ใช่หรือเปล่าว่ะ :mrgreen:
User avatar
Bookmarks
 
Posts: 8298
Joined: Sun Feb 22, 2009 5:15 pm

Re: “คดี 258 ล้าน” หลักฐานไม่พอ ขอชัดๆกว่านี้ เอาชัดๆ ..

Postby ATOM » Mon Dec 28, 2009 10:34 pm

Bookmarks wrote:เอ็งกำลังด่า ไอ้แม้ว ว่าจบ ดร. แต่โง่ ภาษาอังกฤษ ใช่หรือเปล่าว่ะ :mrgreen:


ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาพ่อ ว่ะ ไปชีเรียสอะไร สื่อสาร กันได้เป็นพอ
User avatar
ATOM
 
Posts: 2838
Joined: Sun Aug 09, 2009 9:52 am

Next

Return to สภากาแฟ



cron