รัฐบาลสื่อกรณี "เอกสารลับ" ให้โลกรู้แล้ว?

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หากรัฐบาลกำลังจะปล่อยให้เรื่องนี้คลุมเครือต่อไป
เพราะวิเทโศบายโบราณที่รัฐคิดเอาเองว่าชาวบ้านชาวเมืองเข้าใจประเทศไทยดีแล้ว ใครอยากพูดอะไรก็ช่าง หรือเข้าใจเลยเถิดไปว่ารัฐบาลสมประสงค์แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในแง่ใดกัน มันหมดยุคไปแล้ว
สังคมวันนี้ ในทุกเวทีของการแข่งขัน ชัยชนะอยู่ทีใครอยู่กับความจริงมากกว่ากัน
แม้แต่ยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ใดๆที่จะสัมฤทธิผลได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกบิดเบือนมาก่อน
ถามว่าวันนี้รัฐรู้ได้อย่างไร หรือมีอะไรที่บอกว่าไทยได้เปรียบกัมพูชาบนเวทีโลก ไม่มีใครตอบเป็นรูปธรรมได้ นอกจากเราพูดกันเอง เออกันเอง ในขณะที่โลกกำลังรับรู้จากฝ่ายตรงข้ามว่าไทยจะไปล้มล้างรัฐบาลกัมพูชา เท็จจริงอย่างไรก็ไม่มีใครจากหน่วยงานของรัฐไทยออกไปชี้แจง ปล่อยให้คำตอบมันล่องลอยไปกับสายลม
จริงอยู่ในเบื้องแรกโลกอาจเพียงรับรู้ แต่เมื่อรัฐไทยใส่เกียร์ว่างตามเคย กัมพูชาก็อาศัยกลยุทธ์เอาความจริงครึ่งเดียวมาโพนทะนาว่าไทยจะก่อสงคราม(อ้างมาตรการทางเลือกข้อสุดท้ายที่ไทยไม่ปรารถนาที่สุด) ส่วนอีกครึ่งคือหลักการ กัมพูชาไม่พูด หลักการที่ว่านี้แสนจะธรรมดาในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประมาณว่า เมื่อตกลงกันทางการทูตไม่ได้ก็ต้องใช้กำลังบังคับ การสงครามแท้จริงก็คือส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของทางการทูตนั่นเอง
เราจึงต้องชี้แจงว่ากัมพูชามีวาระซ่อนเร้นอะไรตั้งแต่ต้น และอย่างต่อเนื่องนับจากสมัยรัฐบาลทักษิณที่ไปทำให้ผู้นำอย่างฮุนเซนได้ใจ มาจนถึงปัจจุบันที่ไม่สบอารมณ์เมื่อต้องประสานความสัมพันธ์กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่มีธรรมาภิบาลและโปร่งใสมากกว่า
ยังมีสาระสำคัญอีกมากที่อารยประเทศต่างๆยังไม่เคยรับรู้อย่างถ่องแท้ในเนื้อหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในรอบทศวรรษที่ผ่านมา
จะให้โลกเข้าใจเอาเองโดยไทยไม่ต้องทำอะไร ก็ไม่ควรมีทูตไทยไปประจำในประชาชาติต่างๆให้เปลืองงบแผ่นดิน
อนึ่ง การทำความจริงให้ปรากฏมิใช่การเต้นตามเกมของใคร แต่หากทำอย่างมีหลักการ เหตุผล มีข้อมูลสนับสนุน นอกจากเป็นการรุกทางการทูตแล้ว ยังเป็นการรักษาเกียรติภูมิของชาติให้สง่างามในสายตาของประชาคมโลก
คนในชาติก็จะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลของตนอย่างเป็นเอกภาพมากขึ้นด้วย
การที่เอกสารลับถูกเปิดเผยแต่ขาดข้อเท็จจริงถึงสาเหตุหรือ “ที่มา” จึงเป็นธรรมดาที่ฝ่ายเอาใจช่วยรัฐบาลจะเกิดการตีความเข้าข้างตัวเองว่าเป็น "ยุทธวิธี" ล่อให้แกนนำเสื้อแดงมา “งับ”
เรื่องอย่างนี้ ถ้าพูดกันเล่นๆก็ชวนหัวดี เพราะจะได้หลับตาไม่มอง “ที่ไป” ซึ่งกำลังเป็นที่งุนงงไม่น้อยในหมู่ผู้นำประชาชาติที่เคยเข้าใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ดีมาก่อน
ดีแล้วที่เมื่อวาน "ปณิธาน" ยอมรับว่า เอกสารลับเจ้าปัญหานั้นเป็นของจริง ไม่ได้ทำปลอมซ้อนเงื่อนเพื่อหวังผลทางยุทธวิธีให้ใครงับ
แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร รัฐบาลก็ไม่พ้นภารกิจที่จะต้องหาช่องทางที่เหมาะสมสื่อกับประชาชนและประชาคมโลกด้วยหลักการและเหตุผลอยู่ดี
ทั้งนี้ เพื่อย้ำความชอบธรรมของฝ่ายไทยจากกรณีที่เกิดขึ้น
ผลดีคือจะได้รับการสนับสนุนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
เพราะวิเทโศบายโบราณที่รัฐคิดเอาเองว่าชาวบ้านชาวเมืองเข้าใจประเทศไทยดีแล้ว ใครอยากพูดอะไรก็ช่าง หรือเข้าใจเลยเถิดไปว่ารัฐบาลสมประสงค์แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในแง่ใดกัน มันหมดยุคไปแล้ว
สังคมวันนี้ ในทุกเวทีของการแข่งขัน ชัยชนะอยู่ทีใครอยู่กับความจริงมากกว่ากัน
แม้แต่ยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ใดๆที่จะสัมฤทธิผลได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกบิดเบือนมาก่อน
ถามว่าวันนี้รัฐรู้ได้อย่างไร หรือมีอะไรที่บอกว่าไทยได้เปรียบกัมพูชาบนเวทีโลก ไม่มีใครตอบเป็นรูปธรรมได้ นอกจากเราพูดกันเอง เออกันเอง ในขณะที่โลกกำลังรับรู้จากฝ่ายตรงข้ามว่าไทยจะไปล้มล้างรัฐบาลกัมพูชา เท็จจริงอย่างไรก็ไม่มีใครจากหน่วยงานของรัฐไทยออกไปชี้แจง ปล่อยให้คำตอบมันล่องลอยไปกับสายลม
จริงอยู่ในเบื้องแรกโลกอาจเพียงรับรู้ แต่เมื่อรัฐไทยใส่เกียร์ว่างตามเคย กัมพูชาก็อาศัยกลยุทธ์เอาความจริงครึ่งเดียวมาโพนทะนาว่าไทยจะก่อสงคราม(อ้างมาตรการทางเลือกข้อสุดท้ายที่ไทยไม่ปรารถนาที่สุด) ส่วนอีกครึ่งคือหลักการ กัมพูชาไม่พูด หลักการที่ว่านี้แสนจะธรรมดาในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประมาณว่า เมื่อตกลงกันทางการทูตไม่ได้ก็ต้องใช้กำลังบังคับ การสงครามแท้จริงก็คือส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของทางการทูตนั่นเอง
เราจึงต้องชี้แจงว่ากัมพูชามีวาระซ่อนเร้นอะไรตั้งแต่ต้น และอย่างต่อเนื่องนับจากสมัยรัฐบาลทักษิณที่ไปทำให้ผู้นำอย่างฮุนเซนได้ใจ มาจนถึงปัจจุบันที่ไม่สบอารมณ์เมื่อต้องประสานความสัมพันธ์กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่มีธรรมาภิบาลและโปร่งใสมากกว่า
ยังมีสาระสำคัญอีกมากที่อารยประเทศต่างๆยังไม่เคยรับรู้อย่างถ่องแท้ในเนื้อหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในรอบทศวรรษที่ผ่านมา
จะให้โลกเข้าใจเอาเองโดยไทยไม่ต้องทำอะไร ก็ไม่ควรมีทูตไทยไปประจำในประชาชาติต่างๆให้เปลืองงบแผ่นดิน
อนึ่ง การทำความจริงให้ปรากฏมิใช่การเต้นตามเกมของใคร แต่หากทำอย่างมีหลักการ เหตุผล มีข้อมูลสนับสนุน นอกจากเป็นการรุกทางการทูตแล้ว ยังเป็นการรักษาเกียรติภูมิของชาติให้สง่างามในสายตาของประชาคมโลก
คนในชาติก็จะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลของตนอย่างเป็นเอกภาพมากขึ้นด้วย
การที่เอกสารลับถูกเปิดเผยแต่ขาดข้อเท็จจริงถึงสาเหตุหรือ “ที่มา” จึงเป็นธรรมดาที่ฝ่ายเอาใจช่วยรัฐบาลจะเกิดการตีความเข้าข้างตัวเองว่าเป็น "ยุทธวิธี" ล่อให้แกนนำเสื้อแดงมา “งับ”
เรื่องอย่างนี้ ถ้าพูดกันเล่นๆก็ชวนหัวดี เพราะจะได้หลับตาไม่มอง “ที่ไป” ซึ่งกำลังเป็นที่งุนงงไม่น้อยในหมู่ผู้นำประชาชาติที่เคยเข้าใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ดีมาก่อน
ดีแล้วที่เมื่อวาน "ปณิธาน" ยอมรับว่า เอกสารลับเจ้าปัญหานั้นเป็นของจริง ไม่ได้ทำปลอมซ้อนเงื่อนเพื่อหวังผลทางยุทธวิธีให้ใครงับ
แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร รัฐบาลก็ไม่พ้นภารกิจที่จะต้องหาช่องทางที่เหมาะสมสื่อกับประชาชนและประชาคมโลกด้วยหลักการและเหตุผลอยู่ดี
ทั้งนี้ เพื่อย้ำความชอบธรรมของฝ่ายไทยจากกรณีที่เกิดขึ้น
ผลดีคือจะได้รับการสนับสนุนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น