Page 1 of 1

ถลกหนังสนธิ....ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 4

PostPosted: Wed Jan 06, 2010 4:13 am
by Canthai
ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 4

"ถึงแม้ว่าในเวลาต่อมารองนายกฯวิษณุ จะชี้แจงว่าด้วยเหตุผลทางข้อกฎหมายและด้วยข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจของ UBC ทาง UBC จึงต้องยกเลิกการถ่ายทอดสัญญาณของ 11News1 ตลอดไป "

แต่เหตุผลนั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีเหตุผลสำหรับสนธิและเครือข่ายผู้จัดการ แต่สนธิก็ยังคง “รอ” ด้วยความอดทนต่อไป เพียงแต่ว่าการ “รอ” ในครั้งหลังนี้เปลี่ยนไปจากเดิม เป็นการ “รอ” เพื่อชำระบัญชีแค้น

เนื่องจากสนธิเข้าใจ และเชื่อมั่นอย่างมีอคติว่า เภทภัยทางธุรกิจที่เกิดขึ้นกับเขามีที่มาจากการที่นายกรัฐมนตรีไม่สนับสนุน ไม่ช่วยเหลือ มิหนำซ้ำยังคิดไปเองอีกว่านายกฯทักษิณเป็นคนสั่งให้กระทำต่อเขา เพราะเชื่อข้อมูลของบริวารคนใกล้ชิด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายกฯทักษิณเลย แต่เป็นเรื่องของ UBC ว่าเขาจะถ่ายทอดสัญญาณของ 11News1 หรือไม่ ในฐานะเอกชนด้วยกัน และอาจจะเกี่ยวไปถึง อ.ส.ม.ท. ในฐานะเจ้าของสัมปทาน หรือหากจะสืบสาวราวเรื่องหาต้นตอคนสั่ง ก็คงจะหยุดเพียง ผู้อำนายการ อ.ส.ม.ท. และรองนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับดูแล อ.ส.ม.ท. เท่านั้นเอง

แต่สนธิไม่เชื่อเช่นนี้ กลับมั่นใจว่าการกระทำกับคนระดับตนเอง เพียงแค่ผู้อำนาจการ อ.ส.ม.ท. หรือรองนายกรัฐมนตรีอย่าง วิษณุ เครืองาม ไม่กล้าลงมือแน่นอน หากไม่ได้รับไฟเขียวจากนายกฯทักษิณ

ต้นรักที่เคยปลูกร่วมกันได้กลายเป็นต้นพันธุ์ความแค้นในวันนั้นเอง

จริงเท็จอย่างไรไม่มีใครยืนยันได้ว่าสนธิ คิดถูกหรือผิด แต่สำหรับสนธิเขามั่นใจว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกกลั่นแกล้ง

เมื่อทางที่เคยเปิด ถูกปิดลงโอกาสจะหวนกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ทั้งในฐานะสื่อสารมวลชนมืออาชีพ และนักธุรกิจสื่อสารมวลชนก็ดับวูบลงทันที แต่กระนั้นก็ตาม สนธิไม่ได้ลดละความพยายามที่จะปั้นฝันของตัวเองต่อไป โดยเลือกแนวทางที่จะสร้างสถานีข่าวโทรทัศน์ดาวเทียมขึ้นมาใหม่ ในนาม ASTV และได้เข้าไปเจรจาให้เครือข่ายเคเบิลทีวีต่างจังหวัดถ่ายทอดสัญญาณให้ประชาชนได้รับชม ซึ่งเป็นการสู้แบบไม่มีทางเลือกของสนธิ

อย่างไรก็ตาม อ.ส.ม.ท. ยังเปิดช่องให้สนธิ ได้หายใจด้วยการให้สนธิได้ทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทุกคืนวันศุกร์อย่างต่อเนื่อง และต้องใช้ความอดทนอย่างสูงต่อการทำรายการในระยะหลังของสนธิ ซึ่งมักจะพาดพิงไปถึงบุคคลที่สามให้เป็นที่น่าหวาดเสียวจะถูกฟ้องของผู้บริหาร อ.ส.ม.ท. เป็นประจำ และแน่นอนว่าการพูดชื่นชมมีถี่ในช่วงต้นของการดำเนินรายการ ก็เริ่มจากหายไป และแปรเปลี่ยนมาเป็นการโจมตี อภิปรายไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาล และรัฐมนตรีบางคนในบางเรื่องอีกด้วย

จุดแตกหักระหว่างสนธิกับช่อง 9 ก็คือ การออกมาตำหนินายกรัฐมนตรีว่ากระทำการอันไม่บังควร มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและบริหารประเทศชาติโดยไม่เคารพเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่เคยมีผู้ดำเนินรายการคนใดเคยพูดเช่นนี้มาก่อนทางสถานีโทรทัศน์ เนื่องจากเป็นข้อความที่ล่อแหลม และทำให้เกิดการแตกแยกในแผ่นดินได้ หากว่ามีการนำไปขยายผล อ.ส.ม.ท. จึงสั่งถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ออกจากผังรายการของช่อง 9 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2548 อันเป็นการยุติการดำเนินธุรกิจของสนธิบนสื่อของรัฐอย่างบริบูรณ์ ทั้งโทรทัศน์และวิทยุ ซึ่งถูก อ.ส.ม.ท. เรียกคลื่นคืนไปตามนโยบายการบริหารงานของ อ.ส.ม.ท. ตั้งแต่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นมา

มีการตั้งคำถามกันค่อนข้างมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับสนธิ ทำไมวันเวลาแห่งความยิ่งใหญ่รอบนี้ช่างสั้นนัก ทั้งๆ ที่มีเพื่อนเป็นนายกรัฐมนตรี และมีผู้คนที่เคยอยู่ใต้อาณัติบัญชา ดำรงตำแหน่งบุคคลสำคัญในรัฐบาลมากมาย

คำเฉลยที่ไม่อาจหาใครยืนยันได้ว่าจริงเท็จมีอยู่กี่ส่วนก็คือ เพราะความต้องการอันไม่จำกัด และความทะเยอทะยานอยากที่จะกลับมา ในอัตราเร่งจนไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากเสี่ยงต่อหน้าที่การงานเป็นอย่างยิ่ง จึงก่อให้เกิดความไม่พอใจและกลายเป็นความบาดหมาง พัฒนาเป็นความโกรธและความแค้น ที่มีต่อกันในที่สุด

เมื่อสภาพการณ์เปลี่ยนแปลงในทางลบเช่นนี้ แนวทางที่อีกฝ่ายหนึ่งจำต้องเลือกดำเนินและกระทำก็คือ การไม่ปล่อยให้ใครมาใช้สื่อของรัฐ จัดรายการด่ารัฐบาล เพราะเป็นการละเมิดกติกาที่ยากจะยอมรับได้ และทุกยุคทุกสมัยก็จะดำเนินการเช่นนี้

หากสนธิจะลองมองย้อนกลับไป ก็จะพบว่าการเข้ามาแผ่อิทธิพลบารมีของตนเองในช่อง 9 นั้น มีเสียงร้องโอดครวญจาก เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เจ้าของหลายรายการในช่อง 9 ในนามบริษัทว๊อชด็อก ว่าต้องถูกยกออกจากผังรายการช่อง 9 ก็เพราะการเข้ามาของสนธิ ซึ่งในวันนั้นสนธิได้กล่าวฝากไปยังเจิมศักดิ์ว่า มีแต่หมาเท่านั้นที่ร้อง เสือไม่เคยร้อง

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเมืองไทยรายสัปดาห์ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับ 11News1 จึงเป็นรายการบ่มเพาะความแค้นในหัวใจของสนธิที่รอวันชำระ แต่คราวนี้เขาไม่สามารถรอได้นาน เพราะแหล่งทุนที่เคยส่งปัจจัยมาให้ เริ่มทยอยปิดเก๊ะ ไม่ให้เขาเข้ามาหยิบมาใช้ได้ตามใจชอบอีกแล้ว และนำมาสู่การสะสาง “แค้นสั่งฟ้า” ภาคสองที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะได้เล่าสู่กันฟังต่อไป

แต่ก่อนที่จะไปถึงรายการ “แค้นสั่งฟ้า” ภาคสอง ต้องไม่ละเลยที่จะพูดถึงปรากฎการณ์หนึ่งที่สนธิ ก่อให้เกิดคุณูปการแก่วงการข้อมูลข่าวสารของประเทศไทย ก็คือเว็บไซต์แมนเนเจอร์ออนไลน์ หรือ http://www.manager.co.th ซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตัวกับนักท่องโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะในแวดวงนักข่าว ผู้อยู่ในวิชาชีพสื่อสารมวลชน เว็บไซต์ manager.co.th ได้รับความนิยมสูงสุดกว่าทุกเว็บข่าว เนื่องจากความฉับไวของข่าวที่นำเสนอ มีความหลากหลายแง่มุมที่น่าอ่าน น่าติดตาม

แต่เชื่อหรือไม่ การบุกตะลุยธุรกิจของเว็บไซต์ manager.co.th กลับมิได้ครองใจแฟนๆ ที่เข้าไปติดตามอ่านข่าวทุกวัน ด้วยข่าวสาระที่นำเสนอ ในรูปลักษณ์เดียวกับสื่ออื่นๆ ของเครือผู้จัดการ หากแตกเป็นข่าวคาวโลกีย์ ที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาดุจดั่งนิยายโดย “ซ้อเจ็ด” คอลัมนสต์ชื่อดังของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเว็บไซต์ผู้จัดการ ซึ่งเป็นบุคคลที่กลุ่มดาราศิลปิน นักร้อง ต้องการพบตัวเป็นอย่างยิ่งถึงกับมีการตั้งค่าหัว ให้กับใครก็ได้ ที่สามารถกระชากหน้ากาก “ซ้อเจ็ด” ออกมาได้

ข่าวคาวโลกีย์ที่ซ้อเจ็ดนำเสนอใน manager.co.th หากเปรียบเทียบกับข่าวฆาตกรรม ข่าวฆ่าข่มขืนที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐนำเสนออยู่เป็นประจำแล้วล่ะก็ ต้องถือว่าไทยรัฐยังห่างชั้นมากนัก

เนื่องเพราะข้อมูลข่าวคาวโลกีย์ นิยายบนเตียง ใต้เตียง ในรถ และกลางแจ้งที่ซ้อเจ็ดนำมารายงานให้กับผู้อ่าน ผู้ชมเว็บไซต์ manager.co.th ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่นั่งเทียนขึ้นมาทั้งสิ้น ด้วยวิธีการนำเสนอแบบเรื่องเล่า ว่าดาราคนไหนไป “เอา” กับคนไหนมาบ้าง แต่ไม่กล้าเปิดเผยชื่อ ใช้วิธีหลบเลี่ยงไปมาด้วยการบอกรูปพรรณสัณฐานของดาราที่กล่าวถึง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการดารานักร้อง และสื่อมวลชนด้วยกัน

วิธีการเช่นนี้ สร้างความเสียหายให้แก่ดารานักร้องที่ถูกกล่าวถึงอย่างมาก และเดือดร้อนกันไปทั่วหน้า แรกๆ ก็ไม่มีใครถือสา เพราะเห็นว่าเขียนแบบนั่งเทียน แต่ในระยะหลัง มีการเฉลยชื่อจริงของดาราที่เขียนถึงในเว็บไซต์ด้วย เพื่อให้คอลัมน์ของซ้อเจ็ดเป็นที่ฮือฮา ฮิตติดลมบนมากขึ้นไปอีก แต่ไม่ได้คำนึงถึงสิทธิและความเสียหายของดาราที่ถูกกล่าวถึงแม้แต่น้อย

ซ้อเจ็ดจึงเป็นคอลัมนีสต์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเว็บไชต์ผู้จัดการหรือ manager.co.th ได้มากกว่าเซี่ยงเส้าหลงหรือพายัพ วนาสุวรรณ และถือว่าเป็นผู้มีคุณูปการต่อเว็บไซต์ manager.co.th อย่างยิ่ง

ด้วยลีลาการเขียนชนิดดิบ เถื่อน ถ่อย ที่ก่อร่างสร้างเว็บไซต์ manager.co.th ขึ้นมาตามนโยบายสนธิ ที่เน้นการสร้างเรตติ้งเพื่อเรียกลูกค้าโฆษณา โดยมิได้คำนึงถึงศีลธรรม และความเดือดร้อนของบุคคลอื่นที่ถูกเขียนถึง พาดพิงถึงแม้แต่น้อย

ทุกวันนี้ซ้อเจ็ดก็ยังคงอยู่สุขสบายดีในผู้จัดการ และได้ดิบได้ดีจากการเขียนเรื่องราวแบบนี้ ด้วยการรับตำแหน่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในเครือผู้จัดการ

เชื่อไหมว่า ด้วยลีลาการเขียนที่บ่งบอกสันดานและสัญชาตญาณดิบแบบนี้ล่ะ ที่ทำให้ manager.co.th ได้รับการสนับสนุนจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย ไปถึง 1,100,000 บาท ด้วยการโฆษณาแบนเนอร์ อัตรา 48,000 บาทต่อสัปดาห์หรือวันละ 6,857 บาท

นี่ไงล่ะ! แหล่งที่มาของรายได้ที่สนธิ เอามาเลี้ยงดูและขับเคลื่อนเว็บไซต์ manager.co.th

นี่ไงล่ะ! พฤติกรรมของสนธิ ที่ประกาศเป็นผู้อาสานำประชาชนสร้างสังคมใหม่โดยใช้ธรรมนำหน้า

นี่ไงล่ะ! พฤติกรรมของสนธิ ที่ประณามการนำเสนอข่าวคาวโลกีย์ของไทยรัฐแต่คนในบ้านของตัวเอง กลับทำในสิ่งที่เลวร้ายยิ่งหลายร้อยพันเท่า


แบบนี้หากจะเรียกว่าใช้ธรรมบังหน้า น่าจะใกล้เคียงกว่าธรรมนำหน้า กระมังท่านโมกุล

เกือบลืมไป สื่อคุณภาพที่มีสาระอีกเล่มในเครือผู้จัดการ ที่ต้องเอามาเชียร์กันให้เห็นว่า การทำธุรกิจค่ายนี้คิดกันอย่างไร ก็คือนิตยสาร CAMPUS นิตยสารที่สนับสนุนค่านิยมเสื้อรัดกระโปรงสั้นของนักศึกษาอย่างเปิดเผย เรียกว่าเอานักศึกษาสาวๆ และชุดนักศึกษามาเป็นสินค้าให้ได้ชมกันอย่างเปิดเผย

**************************************

บทความเกี่ยวเนื่อง

ถลกหนังสนธิ..ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 1 ( มีทั้งหมด 8 บท )
viewtopic.php?f=2&t=16536

ถลกหนังสนธิ..."ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 2"
viewtopic.php?f=2&t=16539

ถลกหนังสนธิ..."ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 3***"
viewtopic.php?f=2&t=16540

ถลกหนังสนธิ....ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 4

viewtopic.php?f=2&t=16541

ถลกหนังสนธิ..."ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 5"

viewtopic.php?f=2&t=16542

ถลกหนังสนธิ..."ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 6"

viewtopic.php?f=2&t=16543

ถลกหนังสนธิ..."ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 7"

viewtopic.php?f=2&t=16544

ถลกหนังสนธิ..."ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 8" (จบภาคแรก)

viewtopic.php?f=2&t=16545