กำเนิดพระนางตอแหล (การเมืองของมนุษย์)

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

กำเนิดพระนางตอแหล (การเมืองของมนุษย์)

Postby arch_freeman » Tue Feb 09, 2010 7:07 am

พอดีัผมเห็น คุณจีรนุส มาโพสแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี่้ ก็เลยไปค้นหาดูว่า มันมีที่มาที่ไปยังไง

แล้ว หนังสือเล่มนี้ก็เคยเป็นข่าว เมื่อ สส. เชียงใหม่ หัวล้าน สุรพงษ์ แนะนำให้ นายกอภิสิทธิ์ไปอ่าน

หลังจากที่ค้นหาข้อมูลก็พบบทความที่น่าสนใจ จาก นิตยสาร โลกวันนี้ ก็เลยนำมาแชร์ให้เพื่อนสมาชิกที่สนใจได้อ่านกัน

ปล. ถ้าย้ายกระทู้นี้ผมจะประท้วงเอาความถึงที่สุด เพราะ ผมไม่ได้พาดพิงใคร และ ต้องการแชร์ข้อมูลเรื่องราวที่น่าสนใจให้ิเพื่อนสมาชิกอ่าน และ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 5 ฉบับที่ 227 วันที่ 3-9 ตุลาคม พ.ศ. 2552 หน้า 11 คอลัมน์ คิดทวนเข็มนาฬิกา โดย ดร.นิเลอมาน นิตา

การยอมรับกติกา-สำนึกผิด-ยุติธรรมทางออก6ก๊กยุคสมัยรัฐไทยโบราณ


เรื่อง ที่จะเขียนถึงเป็นประวัติศาสตร์เก่าแก่ครั้งรัฐไทยโบราณ เป็นเหตุการณ์ใน พ.ศ. 1129-1215 อันเป็นช่วงปลายของสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ ซึ่งเป็นรัฐไทยที่ครอบคลุมระหว่าง พ.ศ. 753-1224 ก่อนจะเข้าสู่สมัยของสหราชอาณาจักรศรีโพธิ์หรือ “เสียม” ที่เราเข้าใจผิดมาช้านานไปเรียกเป็น “ศรีวิชัย” อ้างอิงไปตามฝรั่งชาติตะวันตก

ข้อมูลเกี่ยวกับสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ ความจริงก็ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่ลึกลับซับซ้อนอะไรนัก ในจดหมายเหตุปโตเลมีก็มีการกล่าวถึงชื่อเมืองต่างๆของสหราชอาณาจักรเทียนสน ที่เชื่อมต่อกับสมัยของสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ โดยมีการระบุที่ตั้งเป็นเส้นรุ้งเส้นแวง ตรวจสอบกันได้

หลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ของกรีกชิ้นนี้เริ่มจากบันทึกเรื่องราวการเดินเรือของพ่อค้า ชื่อ “อเล็กซานเดอร์” ระบุว่าเขาเดินทางเข้ามาค้าขายในดินแดนสุวรรณภูมิของสหราชอาณาจักรเทียนสน ระหว่าง พ.ศ. 693-715 จากนั้นอีก 100 ปีถัดมา ชาวกรีกแห่งเมืองไทร์ชื่อ “มารีนัส” ได้รวบรวมบันทึกของพวกพ่อค้าที่เดินทางค้าขายรอบๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อ่าวเปอร์เซีย ประเทศอินเดีย และดินแดนสุวรรณภูมิ รวบรวมข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกัน รวมทั้งมีการบันทึกเพิ่มเติม จนสุดท้ายชาวกรีกแห่งเมืองอเล็กซานเดรียมีนามว่า “คลอดิอุส ปโตเลมี” ก็เอาข้อมูลทั้งหมดนำมาใช้ประโยชน์สร้างเป็นแผนที่โลกขึ้นจำนวน 8 เล่ม

แต่ ข้อมูลเหล่านี้คงเป็นที่สับสนของนักประวัติศาสตร์ จนทำให้ “ลีโอ บาโกร” ได้ทำการค้นคว้าศึกษา เขียนหนังสือวิเคราะห์ถึงแผนที่ของปโตเลมีเมื่อ พ.ศ. 2488...พบว่าจำนวนหนังสือ 8 เล่ม เป็นการเขียนขึ้นโดยปโตเลมีเพียงเล่มเดียว เป็นเนื้อหากล่าวถึงเรื่องของการทำแผนที่เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ชื่อเมืองของสหราชอาณาจักรคีรีรัฐและเทียนสน (ช่วงเชื่อมต่อกับคีรีรัฐ) ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจในการตรวจสอบ แม้ว่าในขณะนั้นอเล็กซานเดอร์จะเรียกชื่อเมืองภาษาไทยเอาไปเขียนเป็นภาษากรี กโบราณ สำเนียงจึงต้องแปร่งและเพี้ยนไป แล้วยิ่งเพี้ยนหนักขึ้นเมื่อมารีนัสนำไปถ่ายทอดเป็นภาษาละติน จนต่อมากระจายไปสู่ภาษาอังกฤษและอิตาลีเลยเพี้ยนไปเรื่อยๆ

แต่จากการ วิเคราะห์ชื่อ ตำแหน่งที่ตั้ง เอาไปตรวจสอบกับตำนานหลักฐานต่างๆ ชื่อท้องถิ่น ช่วงเวลาการกำเนิดของแต่ละเมืองในดินแดนสุวรรณภูมิ ทำให้สรุปได้ว่าหนังสือที่อเล็กซานเดอร์เขียนบันทึกเอาไว้ล้วนเป็นชื่อเมือง ภายในการปกครองของสหราชอาณาจักรเทียนสนที่เชื่อมโยงกับสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ แทบทั้งสิ้น โดยเขาเรียกดินแดนสุวรรณภูมิที่กล่าวถึงว่า Khrysekhersonesos (แหลมทอง)

ยังมีอีกบันทึกของ “พระถังซำจั๋ง” ที่เดินทางจากจีนไปศึกษา ณ มหาวิทยาลัยนาลันทา ในอินเดีย และเมื่อเดินทางไปถึงเมืองสมตฏะใน พ.ศ. 1148 ท่านได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ กล่าวถึงที่ตั้งของประเทศในดินแดนสุวรรณภูมิ มีการกล่าวไว้ 6 ประเทศด้วยกัน โดยใช้เป็นสำเนียงจีนได้แก่ ชี-ลี-ชา-ตอ-ลอ (สหราชอาณาจักรศรีชาติตาลู), ตุย-ลอ-ปอ-ตี่ (สหราชอาณาจักรทวาราวดี), อี-ขัง-นา-ปู-ลอ (สหราชอาณาจักรอิสานปุระ), กาม-ลัง-กา (สหราชอาณาจักรคามลังกา), มอ-ฮอ-จอม-ปา (สหราชอาณาจักรมหาจามปา) เยี่ยม-วอ-นา-เจา (สหราชอาณาจักรชวาทวีป/สหราชอาณาจักรคีรีรัฐ)

บันทึก ของพระถังซำจั๋งที่ระบุประเทศทั้งหกก็เป็นการสอดคล้องกับหลักฐานอื่นๆ เพราะเมื่อ พ.ศ. 1148 นั้นเองได้เกิดความแตกแยกขัดแย้งขนานหนักในรัฐไทย อันเป็นผลมาจากการแย่งชิงอำนาจภายใน โดยเฉพาะจากเล่ห์กลศึกของพระเจ้าจิตรเสนและพระนางอุษา ที่ระบุได้เป็นสถานการณ์ของสงครามตอแหลในรัฐไทยโบราณยามนั้น เป็นศึกสงครามที่ทำลายล้างกันเอง

ยุคนั้นมีการทำสงครรามระหว่างกัน ต่างก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ ไม่มีใครฝ่ายไหนยินยอมกับใคร เกิดความขัดแย้งแตกแยกขยายตัวออกไปทั่วดินแดนสุวรรณภูมิ

แผ่นดินเต็มไปด้วยวัฒนธรรมใส่ความ กล่าวหา พูดจริงผสมเท็จ เป็นจุดตั้งต้นของวิชาทำตอแหลในรัฐไทยโบราณ?

กว่า จะกอบกู้กลับคืนมาได้ต้องใช้เวลายาวนานมาก โดยตัวละครหลักคือมหาจักรพรรดิท้าวอู่ทอง (พระยาพาน) ซึ่งมหาจักรพรรดิท้าวอู่ทองก็ประสบปัญหาอยู่ไม่น้อย ถูกกลยุทธ์ “ปล่อยข่าวทำลาย” หรือวิชาทำตอแหลจากพระนางอุษาเล่นงานไปพักใหญ่ๆ แทบจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน?

อาจพอสรุปเงื่อนไขต่างๆที่ทำให้สหราช อาณาจักรคีรีรัฐสามารถฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้ กอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองพลิกกลับคืน หันมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง ดินแดนที่แยกประกาศตนเป็นเอกเทศย้อนกลับคืนเข้าสู่ระบบการปกครองแบบดั้งเดิม นับจาก พ.ศ. 1168 ภายหลังพระยาพานก้าวขึ้นครองราชย์เป็นมหาจักรพรรดิของสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ แต่ก็ต้องใช้เวลายาวนานกระทั่ง พ.ศ. 1215 ที่ถือได้ว่าสถานการณ์ค่อนข้างปรกติ เข้ารูปเข้ารอย...เหตุผลที่ทำให้ความขัดแย้งแตกแยกลดลงไปคือ

1) มีความยินยอมพร้อมใจแก้ไขกฎมณเฑียรบาลที่ทุกๆฝ่ายเห็นชอบ ให้เชื้อสายราชวงศ์อื่นๆนอกเหนือเชื้อสายเจ้าอ้ายไตสามารถขึ้นครองราชย์ใน ตำแหน่งมหาจักรพรรดิ จักรพรรดิ และนายกฯได้ถ้าผ่านการพิสูจน์ตัวเองในการทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง

2) ความเข้มแข็งและเป็นธรรมของผู้นำ โดยผู้นำสูงสุดได้แก่ มหาจักรพรรดิท้าวอู่ทอง เป็นผู้เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง มีภาวะผู้นำ สามารถทำสงครามต่างๆได้รับชัยชนะ นอกจากนั้นมีการให้อภัยศัตรูที่เคยทำลายตัวเองในอดีต ยินยอมประสานประโยชน์แม้กระทั่งกับพระนางอุษาซึ่งเคยวางตนเป็นปฏิปักษ์ใช้ วิชาทำตอแหลตลอดมา

3) ตัวปัญหาหลักศัตรูบ้านเมืองเสียชีวิต โดยเฉพาะการสวรรคตในสงครามของพระเจ้าจิตรเสน และท้าวปรารพ (พระยากง) ทำให้ปัญหาต่างๆลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน

4) มีการสำนึกผิด พระนางอุษาผู้ให้กำเนิดวิชาตอแหลได้รู้สึกสำนึกผิดในบั้นปลาย เห็นว่าตัวเองสร้างความแตกแยกและเสียหายให้แก่บ้านเมือง จึงสำนึกผิด หยุดการกระทำของตน

นั่นเป็น 4 ข้อหลักๆที่ทำให้รัฐไทยโบราณคืนสภาพได้ สงสัยแต่ว่ารัฐไทยตอนนี้จะเป็นไงบ้าง? เห็นท่าว่าสักข้อเดียวยังปฏิบัติได้ยาก คือให้รู้จักสำนึกผิด เพราะพวกนี้เห็นว่าตัวทำถูกแล้ว ไปถูกทาง เป็นไปทำนอง “กูถูกหมด แล้วมึงก็ผิดหมด”?
User avatar
arch_freeman
 
Posts: 1254
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:34 am

Re: กำเนิดพระนางตอแหล (การเมืองของมนุษย์)

Postby soco » Tue Feb 09, 2010 11:10 am

ขนาดว่า ผมนอนหลับ

พวกยังบอกว่า กูผิด

จับย้ายเลย หุหุ :lol: :lol: :lol:
.
.
.
.
.
User avatar
soco
 
Posts: 4816
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:03 pm

Re: กำเนิดพระนางตอแหล (การเมืองของมนุษย์)

Postby Moon » Tue Feb 09, 2010 11:17 am

อา .... มี ปล. เช่นนี้ คงจะไม่โดนย้ายหรอกครับ

.................................

เข้าเรื่องดีกั่ว

เวอร์ชั่นนี้ พระนางตอแหล ก็คือ พระนางอุษา นั่นเอง

ส่วน เวอร์ชั่น 2008-2010 Pro Edition ต้องไปอ่านในห้องพักครับ

viewtopic.php?f=14&t=17587

.................................

ไอ้หัวล้านนี่มันก็เลวได้ใจจริงๆ เลยนะ มันคงอยากให้พญานากือกลับมาครองเมืองไวๆ มั้ง
จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง
User avatar
Moon
 
Posts: 6807
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:51 am

Re: กำเนิดพระนางตอแหล (การเมืองของมนุษย์)

Postby soco » Tue Feb 09, 2010 12:35 pm

นั่นซิครับ ทำไมมนุษย์ เป็นเช่นนี้ไปได้ :lol: :lol: :lol:
.
.
.
.
.
User avatar
soco
 
Posts: 4816
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:03 pm

Re: กำเนิดพระนางตอแหล (การเมืองของมนุษย์)

Postby Canthai » Tue Feb 09, 2010 6:07 pm

มันเป็นเรื่องของ สัตว์จะทำ
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: กำเนิดพระนางตอแหล (การเมืองของมนุษย์)

Postby arch_freeman » Tue Feb 09, 2010 6:16 pm

คือต้องอ่าน 4 ข้อหลัง ของบทความนะ

มันสะท้อนอะไรๆ เยอะ

เช่น

พระนางตอแหล ยอมสำนึกผิด

พระเจ้่าอู่ทองรู้จักให้อภัย แม้กระทั้งคนที่เคยตอแหลใส่

ตัวปัญหาหลักของบ้านเมืองเสียชีวิตหมด อะไรทำนองนี้
User avatar
arch_freeman
 
Posts: 1254
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:34 am

Re: กำเนิดพระนางตอแหล (การเมืองของมนุษย์)

Postby Canthai » Tue Feb 09, 2010 6:23 pm

"พระนางตอแหล 2010" มีหรือจะยอมสำนึกผิด อิ อิ

ฝึกเคล็ดวิชาผิด ก็มีแต่สร้างความร้าวฉานไปเรื่อย ๆ
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm


Return to สภากาแฟ



cron