hai people , 29 มีนาคม 2553 18:00
ประวัติ ศาสตร์การเจรจาต่อรอง ขึงพืดเสื้อแดงกลางอากาศ
นับเป็นความ โชคดีของประเทศไทย ในทุกวิกฤติจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีพระสยามเทวาธิราช และมีพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ปกปักษ์รักษาคุ้มครองประเทศไทย
เหตุการณ์การต่อสู้ของลิ้วล้อบริวาร นักโทษหนีคุกตลอดระยะเวลาที่มาผ่านมา เป็นที่ทราบและเข้าใจอย่างชัดเจนเป็นการต่อสู้เพื่อคน ๆ เดียว ซึ่งเป็นนักโทษหนีคุก และถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกงชาติ โกงแผ่นดิน ดังนั้นการต่อสู้ของบรรดาเสื้อแดงลิ่วล้อนักโทษหนีคุกจึงไม่มีโอกาสชนะเลย แม้แต่น้อยนิด เพราะธรรมะ ย่อมชนะ อธรรม เสมอ
จากการเจรจาต่อรอง ระหว่างรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์และพวก กับ หัวหน้าม็อบเสื้แดงโดยนายวีระและพวก เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2553 ภาพที่ออกมาสู่มวลมหาประชาชนคนไทยทั้งประเทศทางทีวีทุกช่อง แสดงในเห็นศักยภาพความสามารถของผู้นำประเทศที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ในขณะเดียวกันก็ได้เห็นภูมิปัญญาของตัวแทนฝ่ายคนเสื้อแดงได้ว่ามีกึ๋นมาก น้อยเพียงใด
การเจรจาต่อรอง เป็นวิชาหนึ่งของหลักสูตรบริหารธุรกจิมหาบัณฑิต ซึ่งจะเน้นการเจรจาต่อรองด้านธุรกิจค้าขาย แต่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับด้านอื่น ๆ เช่นการเจรจาด้านการเมือง ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (28 มีค.) เพราะโดยหลักการเจรจาต่อรองที่ดีและถูกต้องคือ จะต้องชนะด้วยกันทั้งสองฝ่าย (Win – Win Situation) มิใช้ฝ่ายหนึ่งชนะฝ่ายหนึ่งแพ้ ( Win – Lose Situation)
ลักษณะการเจรจาต่อรองของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ แสดงให้เห็นว่ายึดหลักการเจรจาต่อรองแบบ Win – Win คือ คนไทยทั้งประเทศต้องชนะ ซึ่งหมายความรวมถึงพวกมวลชนคนเสื้อแดงที่เป็นคนไทยด้วย แต่ถ้านายกรัฐมนตรียอมรับการเรียกร้องของฝ่ายเสื้อแดง โดยยุบสภาบนเงื่อนไขของม็อบเสื้แดง นั้นคือชัยชนะของนักโทษหนีคุกและพวกแต่เพียงฝ่ายเดียว (Win) ในขณะที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศพ่ายแพ้ (Lose) ซึ่งผิดหลักของการเจรจาต่อรอง
ในขณะที่ตัวแทนฝ่ายเสื้อแดง เจรจาต่อรองมีลักษณะสะเปะสะปะ มุ่งแต่ชนะแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ได้ยึดหลักของการเจรจาต่อรองแบบ Win – Win เพราะไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับการเจรจาต่อรองแต่อย่างใด ภาพที่ได้เห็นจึงเป็นการเจรจาต่อรองแบบมวยวัด เอาแต่ใดเพียงฝ่ายเดียว ด้วยการใช้สำนวนโวหารยกยอปอปั้นนายกรัฐมนตรี เพื่อหวังให้นายกรัฐมนตรีคล้อยตามที่พวกตัวเองต้องการ ซี่งพวกเขาคิดว่าเป็นวิธีการเจรจาต่อรองที่เท่และเยี่ยมยอดที่สุดของพวกเขา แต่ความจริงวิธีการเช่นนั้นไม่มีอยู่ในตำราการเจรจาต่อรองเลย เพราะเป็นการเจรจาต่อรองที่เชยที่สุดด้วยวิธีการเช่นนั้น และไม่เกิดประโยชน์ต่อการเจรจาแต่อย่างใด
ดังเช่น หมอเหว่งและนายวีระพยายามโน้มน้าวชักชวนนายกรัฐมนตรีในฐานะนักการเมือง ช่วยกันล้มรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งพวกฝ่ายแดงถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการปฏิวัติของทหาร ซึ่งมีความหมายว่าให้นักการเมืองช่วยกันแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง (Win) โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนแต่อย่างใด (Lose) นี้คือการเจรจาที่แฝงไปด้วยความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด เพราะตัวเองชั่วแล้วยังชวนคนอื่นให้ทำชั่วด้วย
โดยเฉพาะการเจราจาต่อ รองด้วยวิธีการข่มขู่ และยื่นคำขาด เช่นที่นายจตุพร กระทำซ้ำ ๆ บนโต๊ะเจรจาต่อรอง โดยเฉพาะการพยายามพูดเองเออเอง เพื่อจะได้นำไปหลอกคนม็อบเสื้อแดงว่านายกรัฐมนตรีไม่ยอมยุบสภา ดีแต่ว่ามีการถ่ายถอดสดมุกจึงแป๊ก
ผู้คนทั้งประเทศจึงได้เห็นวุฒิ ภาวะของพวกแกนนำเสื้อแดงปราศจากจิตสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพราะเปิดฉากการเจรจาต่อรองเรียกร้องยุบสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็น หลักเพราะมีวาระซ่อนเร้นช่วยนักโทษหนีคุกและพวกตัวเองกเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่ควรจะเป็นที่ควรจะทำเพื่อประโยชน์คนไทยทั้งประเทศ (Road Map)
ภาพที่ออกมาฝ่ายเสื้อแดงจึงเสมือนถูกขึงพืดกลางอากาศ อย่างน่าสมเพชที่สุด และถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสภาวะการเมืองที่ ร้อนแรง โดยมีปรากฏการณ์การเจรจาต่อรองกันบนโต๊ะแทนการใช้ความรุนแรงด้วยความใจกว้าง ของรัฐบาลในยุคนี้
อนาคตของประเทศไทย จะวิบัติหายนะต่อไปหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับพวกไม่หวังดีต่อประเทศชาติที่จะล้มโต๊ะเจรจา และไม่ยอมยุติการเคลื่อนไหว ด้วยการหันไปใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องและเพิ่มความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ดัง นั้น การเปิดโต๊ะเจรจาของรัฐบาลกับพวกม็อบเสื้อแดง จึงเป็นทางออกเบื้องต้น เพื่อหาความชอบธรรมกับประชาคมโลก และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ก่อนที่จะจัดการกับพวกม็อบเสื้แดงในขั้นตอนต่อไป ถ้าม็อบเสื้อแดงดำเนินการทำร้ายทำลายประเทศไทย ตามการบงการของนักโทษหนีคุก
สุด ท้ายนี้ จึงขออารธนาคุณพระศรีรัตนไตร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราช และพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปกป้องรักษาประเทศชาติและประชาชนให้รอดปลอดภัยจากมารร้ายทั้งปวงด้วยเทอญ
ประชาชน
29 มีนาคม 2553
วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า การเจรจาครั้งนี้ เท่ากับตอกหน้า พวกนักสันติวิธีจอมปลอมทั้งหลาย นักวิชากเกินสายแม้ว พวกนี้สร้างภาพให้เยาวชน
เข้าใจอะไรผิด ๆ ได้เสมอ เมื่อนายกเจรจา เยาวชนรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ที่ไม่ใช่ฮ่ร์ดคอร์การเมือง ตาสว่างมากขึ้น
ไม่หลงไปกับเหล่านักวิชาเกิน ฯลฯ สร้างภาพทั้งหลาย
---------ส่วนพวกแดงสายขวัญชัย ดีเจอ้อม ฯลฯ ชาวบ้านร้านตลาด พูดให้ตายตคงไม่เข้าใจ เพราะต่ำทรามทุกคน
ส่วนสามคนนี้ ...เหลือเดนทางการเมือง แต่เมื่อมาเป็นแกนนำ กำมะลอ ของสายแม้ว ก็ต้องว่ากันไป
เฉลิมยังได้ dog มา แล้ว สามตัว จะเป็น แกนนำ กำมะลอ ไม่ได้เชียวหรือ นี่คือประเทศไทย
แต่เรื่องพวกนี้ เยาวชนรุ้นเล้ก รุ่นใหญ๋ ไม่รู้เรื่อง ยกเว้น รุ่นเก๋า ๆ ทั้งหลาย รู้จักเบื้องหลังพวกสามตัว และพวกนักกินเมืองดี
พวกเราขอนับถือท่านนายกอภิสิทธิ์