ไทยหลอกไทย: อีเมล์อ้าง ‘นิติภูมิ’ ต้านต่างชาติเพื่อนายทุนไทย

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

ไทยหลอกไทย: อีเมล์อ้าง ‘นิติภูมิ’ ต้านต่างชาติเพื่อนายทุนไทย

Postby pornchokchai » Mon Oct 20, 2008 4:18 am

ไทยหลอกไทย: อีเมล์อ้าง ‘นิติภูมิ’ ต้านต่างชาติเพื่อนายทุนไทย
.
ดร.โสภณ พรโชคชัย <1>
.
หลายท่านคงเคยอ่านอีเมล์ลูกโซ่ที่ว่า “ปี 2553 จุดจบประเทศไทย . . . ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย . . .” เนื้อหาของอีเมล์นี้แอบอ้างคุณนิติภูมิแล้วมุ่งโจมตีพวกต่างชาติว่าจะมาฮุบประเทศไทย โดยยกตัวอย่างห้างสรรพสินค้าต่างชาติ เป็นต้น
.
ผมเองก็ต่อต้านการซื้อที่ดินของต่างชาติ <2> แต่ผมอ่านอีเมล์นี้แล้วคิดว่า เรากำลังถูกคนไทยด้วยกันที่เป็นนายทุนใหญ่หลอกให้ร่วมสู้กับคู่แข่งต่างชาติของเขา เช่นบอกว่า “ถ้าซื้อจากห้าง (ต่างชาติ) 1,000 บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900 บาท ที่เหลือ 100 บาท”
.
ผมมั่นใจว่าการอธิบายอย่างนี้ผิด เพราะซื้อของ 1,000 บาท เป็นค่าของ ค่าดำเนินการสารพัด ที่เป็นกำไรแท้ ๆ คงประมาณ 10-20% เขาก็เอาไปขยายสาขาในไทยต่อไปเรื่อย ๆ ที่ได้กำไรส่งไปต่างประเทศคงเป็นส่วนน้อย และถ้าเขาจะส่งกำไรกลับบ้านบ้าง จะไม่ได้เลยหรือ ถ้าเราไปลงทุนต่างประเทศ แล้วเจอบ้านป่าเมืองเถื่อนไหนบอกว่า เราเอาเงินกลับบ้านไม่ได้ มันจะเป็นธรรมหรือครับ
.
ประเทศไทยเราเจริญขึ้นมาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะการลงทุนของต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น มาลงทุนจนประเทศไทยทุกวันนี้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม <3> จนคนส่วนใหญ่พ้นไปจากความยากจนแล้ว <4>
.
ที่ผ่านมานายทุนไทยรายใหญ่เคยตั้งราคาขายสินค้าตามใจชอบ แต่ตอนนี้ทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะไทยมีห้างสรรพสินค้าต่างชาติมาช่วยต่อรองราคาแทนคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าคิดในมุมกลับ หากไม่มีห้างเหล่านี้ ป่านนี้คนไทยคงกินบะหมี่สำเร็จรูปซองละ 10 บาทแทนซองละ 5 บาทไปแล้ว
.
ผมเชื่อว่านายทุนไทยรายใหญ่คงโกรธแค้นชิงชังพวกนายทุนต่างชาติที่ก้าวหน้ากว่าพวกตนมาก พวกนายทุนไทยรายใหญ่ร้องแรกแหกกระเชอว่า ห้างสรรพสินค้าต่างชาติรังแกผู้ผลิตคนไทย แต่พวกเขาไม่เคยคิดที่จะทำห้างสรรพสินค้าแบบเดียวกันขึ้นมาต่อกรกับต่างชาติบ้างเลย ไม่เคยคิดจะลำบากลงทุนระยะยาว ขยายสาขาให้มั่นคงแบบนายทุนต่างชาติ หรือไม่เคยคิดจะทำร้าน Fast Food ของคนไทยขึ้นมาอย่างญี่ปุ่นหรือชาติอื่นทำบ้างเลย
.
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในหัวของพวกเขาคงไม่เคยคิดที่จะขายของให้ถูกลงหรือไม่คิดจะค้าขายอย่างบริสุทธิ์ใจต่อลูกค้าคนไทยเอง ผมเชื่อว่า หากนายทุนไทยรายใหญ่จะเรียกร้องให้คนไทยด้วยกันใช้ของไทยแบบ “เราคนไทย ใช้บางจาก” พวกเขาก็ต้องสามารถผลิตสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพทัดเทียมกับต่างชาติ แต่ขายได้ในราคาที่ถูกกว่า ไม่เช่นนั้นพวกเขาไม่มีหน้า “****” มาขอให้คนไทยใช้สินค้าไทย เพราะกำไรที่ได้ ก็เข้ากระเป๋านายทุนไทย ไม่ใช่เข้ากระเป๋าคนไทยสักหน่อย
.
ถ้านายทุนไทยรายใหญ่ยอมขาดทุนกำไรหรือยอมกำไรแต่น้อย ๆ ให้เป็นแบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสู้กับต่างชาติก็ย่อมชนะใจพี่น้องร่วมชาติได้ แต่พวกเขาไม่ทำเช่นนั้นเพราะพวกเขาเห็นคนไทยเป็นแค่เบี้ย แค่ไพร่ หรือแค่ข้าทาสที่ตนจะสูบเลือดเอากำไรมาก ๆ การเรียกร้องให้คนไทยตาดำ ๆ ต้องยอมซื้อของแพงกว่าเพื่อพวกนายทุนไทยรายใหญ่เอง เป็นการเรียกร้องที่น่าละอาย เป็นการปล้นเพื่อนร่วมชาติ
.
อย่างไรก็ตาม แม้วันหนึ่งนายทุนไทยจะทำดีแล้ว ด้วยการขายสินค้าคุณภาพทัดเทียมต่างชาติในราคาถูกกว่า แต่ก็อาจยังมีคนไทยใจทาส ที่ยังพยายามใช้ของต่างชาติ เข้าทำนอง “เห็นขี้ฝรั่งหอม” อยู่ เรื่องนี้นายทุนไทยก็ยังต้องใช้ความอดทนเอาชนะใจคนไทยเหล่านี้ให้ได้ในระยะยาว ด้วยคุณภาพของสินค้าหรือบริการของเรานั่นเอง
.
ในอีกแง่หนึ่งนายทุนไทยรายใหญ่ทั้งหลายนั้นมักชอบทำดีก็ด้วยการลูบหน้าปะจมูก หรือบางทีพวกเขาทำดีด้วยการทำตัวผูกพันกับสถาบันอันเป็นที่เคารพของคนไทย กิจกรรมทำดีมีคุณธรรมของนายทุนไทยรายใหญ่ก็ได้แก่ การแจกของแบบคุณหญิง คุณนาย ช่วยพัฒนา หรือการปลูกป่า ซึ่งไม่ได้ผลอะไร เพราะปีหนึ่ง ๆ ไทยเราปลูกป่าได้เพียงหมื่นไร่ แต่ป่าถูกทำลายไปนับแสน ๆ ไร่ แถมที่ปลูกไป ตายเสียเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ การโหมโฆษณาให้คนปลูกป่า ก็เท่ากับเรา “ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ” ไม่ให้คนไทยได้เห็นความจริงของการบุกรุกทำลายป่า ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล <5>
.
การส่งเสริมให้สำลักความดีกันอย่างเป็นบ้าเป็นหลังนั้นอาจถือเป็นการมอมเมาทางหนึ่ง อย่าลืมว่า ปัญหาสังคมทุกวันนี้ ไม่ได้อยู่ที่คนทำดีน้อยไป แต่อยู่ที่คนทำผิดกฎหมายจำนวนน้อยนิด ก่อปัญหาให้กับสังคมโดยไม่ได้ถูกกำราบต่างหาก <6>
.
ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่คนไทยต้องระวังนายทุนไทยรายใหญ่ก็คือ หากพวกเขาสู้ต่างชาติไม่ได้ พวกเขาอาจไปสมคบกับต่างชาติ ทำตัวเป็นนายทุนนายหน้า คือแทนที่จะส่งเสริมตราสินค้าไทยเอง ก็กลับไป “สวมหนังสือ” เอายี่ห้อต่างชาติมาแปะ หรือยอมศิโรราบกับต่างชาติมาปล้นคนไทยด้วยกันเอง
.
รักชาติคือ รักประชาชน เห็นหัวประชาชน ไม่ใช่เห็นประชาชนเป็นแค่เบี้ย
.
.
.
หมายเหตุ
.
<1> ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย Email: sopon@thaiappraisal.org
.
<2> โปรดอ่านบทความของผู้เขียน “ต่างชาติกับที่ดินไทย: ไม่ให้ซื้อ” อาคารที่ดินอัพเกรด 12-19 มีนาคม 2550 หน้า 63-64 และโพสต์ทูเดย์ 28 กุมภาพันธ์ 2550 หน้า A13 ได้ที่ http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market147.htm
.
<3> โปรดอ่านบทความของผู้เขียนเรื่อง “วงจรชีวิตตลาดที่อยู่อาศัยไทย” วารสารธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปีที่ 9 ฉบับที่ 47 ตุลาคม-ธันวาคม 2549
.
<4> โปรดอ่านบทความของผู้เขียนเรื่อง “คนจนในไทยมีเพียง 10%” ThaiAppraisal กรกฎาคม-สิงหาคม 2551 ได้ที่ http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market180.htm
.
<5> โปรดอ่านบทความของผู้เขียน “อย่าปล่อยให้ "สืบ นาคะเสถียร" ตายฟรี” ที่ http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market203.htm
.
<6> โปรดอ่านบทความของผู้เขียน “CSR, ทำดีเพื่อปกปิดความชั่ว?!?” กรุงเทพธุรกิจ : จุดประกาย วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2551 หน้า 4 ที่ http://www.thaiappraisal.org/Thai/Market/Market175.htm
.
.
.
ภาคผนวก: อีเมล์ “ปี 2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย”
.
เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้ .....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา .....ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน . . . ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล
.
(อ่านรายละเอียดอีเมล์ ฉบับดังกล่าวได้ที่: http://researchers.in.th/blog/006/1104)
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Return to สภากาแฟ



cron