สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 11:43 am

cameronDZ wrote:อ้าว อีเปรตนี่เอง

สำส่อนล็อกอิน เป็นว่าเล่น เลยนะเอ็ง



อ้าปากได้ก็งับก้อนเหลืองๆไม่บันยะบันยังเลยน๊ะแก :P
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby loginofu » Tue Oct 21, 2008 11:55 am

เอาแล้วครับ ลามปามปากหมาสันดานเหี้ย
ถึง wm ใจเย็นเป็นน้ำแข็งบนดาวเสาร์ แต่คนอื่นเขาก็แจก foe ให้มรึงได้
อย่าคิดทำมาหากินบนเว็บนี้อีกเลยมรึง

ปล.สัญญาที่จะแจกตีนบนหน้ามรึงกรูยังไม่ลืมนะ
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby Cherub Rock » Tue Oct 21, 2008 11:59 am

ถึงกับเปลี่ยนชื่อเลยเหรอ

ขยันเป็นควายเลยนะ :lol:
:idea: 1 ปีตุลาเลือด ฆาตรกรต้องไม่ลอยนวล
วันข้างหน้า ผู้มีอำนาจ จะไม่บังอาจฆ่าประชาชน
-->
User avatar
Cherub Rock
 
Posts: 2769
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:47 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ลูกนนทรี » Tue Oct 21, 2008 12:52 pm

ramboboy26 wrote:มาอีกแล้ว

เอ้าเพิ่มชื่อๆ :lol:


รูปที่คุณขึ้นskinไว้ผมรู้จักครับ พันธมิตรสาวคนนี้ชื่อโอ๊ต อิอิ น่ารักมากๆๆผมเคยเรียนที่เดียวกับเค้าทีจุฬาล่ะเค้าเรียนครู ตัวจริงน่ารักมากๆ555


ส่วนโลนตัวใหม่ไม่สนใจมันครับมาแพล่มแล้วก็ไป มันมาทำหน้าที่ของมันตามตารางงาน
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby Moon » Tue Oct 21, 2008 1:11 pm

cameronDZ wrote:อ้าว อีเปรตนี่เอง

สำส่อนล็อกอิน เป็นว่าเล่น เลยนะเอ็ง


ไล่อ่านมาตั้งแต่บนลงล่าง พอมาถึงอันนี้ บอกได้คำเดียวเลย จบข่าว

5555555
จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง
User avatar
Moon
 
Posts: 6807
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:51 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ลูกนนทรี » Tue Oct 21, 2008 1:13 pm

cameronDZ wrote:อ้าว อีเปรตนี่เอง

สำส่อนล็อกอิน เป็นว่าเล่น เลยนะเอ็ง



สำส่อนเหมือนนายมันล่ะครับ ไอ้นี่อ่ะ
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ลูกนนทรี » Tue Oct 21, 2008 1:14 pm

ผมหมายถึงไอ้โลนตัวใหม่นะครับ ไม่ใช่คุณcamerondz โทษทีครับตกหล่นไปหน่อย
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ramboboy26 » Tue Oct 21, 2008 1:23 pm

ลูกนนทรี wrote:
ramboboy26 wrote:มาอีกแล้ว

เอ้าเพิ่มชื่อๆ :lol:


รูปที่คุณขึ้นskinไว้ผมรู้จักครับ พันธมิตรสาวคนนี้ชื่อโอ๊ต อิอิ น่ารักมากๆๆผมเคยเรียนที่เดียวกับเค้าทีจุฬาล่ะเค้าเรียนครู ตัวจริงน่ารักมากๆ555


ส่วนโลนตัวใหม่ไม่สนใจมันครับมาแพล่มแล้วก็ไป มันมาทำหน้าที่ของมันตามตารางงาน


Image


ถ้าเจอเค้าฝากบอกด้วยนะครับ ผมปลื้มเค้ามากเลย ทำไมไม่รู้สิ :oops:

ขอเป็นลูกศิษย์ได้ป่าวน้อ :lol:
กูขอปฏิญาณ ต่อหน้าสถูปสถานศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้าอิฐหินดินทราย ขอจองล้างจองผลาญจนตาย ต่อผู้ทำลาย แผ่นดิน...
User avatar
ramboboy26
 
Posts: 3081
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:52 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby O2Mini » Tue Oct 21, 2008 1:31 pm

เคยบอกไปแล้วกระทู้นึง

ถ้าสนธิ คิดการใหญ่ในทางที่ไม่ดี บนศรัทธาของ พันธมิตร

ผมก็พร้อมจะไล่สนธิเหมือนกับไล่นักการเมืองเลวๆ

แต่ตอนนนี้จุดยืนเหมือนกัน

ก็สนับสนุนก่อน

แต่หากจุดยืนต่างกันก็ว่ากันอีกที
ประชาธิปไตย คือ อะไร
User avatar
O2Mini
 
Posts: 443
Joined: Tue Oct 14, 2008 12:11 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ริวเซย์ » Tue Oct 21, 2008 1:32 pm

สนธิจะติดคุกก็เป้นเรื่องส่วนตัว

พันธกิจในการกำจัดระบอบทักษิณจะยังดำเนินต่อไปจนกว่าทักษิณและพรรคพวกจะหมดน้ำยา

เหตุที่ต้องกวาดล้างพวกมันก็เพราะเป็นพวกนักการเมืองชั่ว เป็นปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คดโกง คอรัปชั่นมโหราฬ เศษเดนมนุษย์ที่ได้อำนาจมาด้วยการซื้อเสียง ชูนโยบายประชานิยมฟุ้งเฟ้อ ยัดเยียดระบบทุนนิยมสุดโต่งให้รากหญ้า ส่งเสริมการก่อหนี้โดยไม่เกิดรายได้

พวกมันเห็นแก่ตัวอย่างร้ายแรงจนไม่อาจปล่อยต่อไปได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว

หลังพันธมิตรครองประเทศได้ ประชาชนจะมีโอกาสเสนอความคิดเห็นสร้างประเทศขึ้นใหม่ให้ปลอดจากพวกระบอบทักษิณชั่วช้า การโกงกินคอรัปชั่นจะต้องลดลงและสูญพันธ์ไปในที่สุด เสียงมหาชนที่ไม่อยู่บนหลักแห่งความถูกต้องจะไม่ใช่เสียงที่ชี้นำประเทศอีกต่อไป จรยธรรม คุณธรรม หลักธรรม จะถูกบรรจุเข้าสู่หลักสูตรการศึกษา

ทุกอย่างจะต้องดีกว่าตอนนี้ ขณะนี้ ที่ระบอบทักษิณครองชาติบ้านเมืองอยู่อย่างแน่นอน
หากดอกไม้แย้มบานในใจแห่งผู้คนที่ทุกข์ทน
ความสว่างส่องทางสับสนด้วยความรักที่มอบแก่กัน
ให้ดอกไม้นั้นแทนความงามแห่งน้ำใจ ยิ่งใหญ่
เมฆหมอกก็คงสลาย ด้วยดอกไม้คือความสดใสในแสงตะวัน
คือดอกไม้อันดีงาม คงอยู่ด้วยความสดใส
คือดอกไม้ของน้ำใจ งดงามเพียงใดให้แก่กัน
User avatar
ริวเซย์
Site Admin
 
Posts: 3386
Joined: Fri Oct 17, 2008 12:34 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 1:38 pm

ramboboy26 wrote:
ลูกนนทรี wrote:
ramboboy26 wrote:มาอีกแล้ว

เอ้าเพิ่มชื่อๆ :lol:


รูปที่คุณขึ้นskinไว้ผมรู้จักครับ พันธมิตรสาวคนนี้ชื่อโอ๊ต อิอิ น่ารักมากๆๆผมเคยเรียนที่เดียวกับเค้าทีจุฬาล่ะเค้าเรียนครู ตัวจริงน่ารักมากๆ555


ส่วนโลนตัวใหม่ไม่สนใจมันครับมาแพล่มแล้วก็ไป มันมาทำหน้าที่ของมันตามตารางงาน


Image


ถ้าเจอเค้าฝากบอกด้วยนะครับ ผมปลื้มเค้ามากเลย ทำไมไม่รู้สิ :oops:

ขอเป็นลูกศิษย์ได้ป่าวน้อ :lol:



เรื่องหม้อหล่ะ...พวกสาวกไม่ต่างกับพ่อลิ้มของมันเลยสักคนเดียว พูดก็พูดเถอะ :lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 1:41 pm

loginofu wrote:เอาแล้วครับ ลามปามปากหมาสันดานเหี้ย
ถึง wm ใจเย็นเป็นน้ำแข็งบนดาวเสาร์ แต่คนอื่นเขาก็แจก foe ให้มรึงได้
อย่าคิดทำมาหากินบนเว็บนี้อีกเลยมรึง

ปล.สัญญาที่จะแจกตีนบนหน้ามรึงกรูยังไม่ลืมนะ



"คำชี้แจงถึง Manager on li(n)e :lol: :lol: :lol:


นับเป็นเกียรติอย่างสูงยิ่งสำหรับเวปไซต์น้องใหม่ อย่าง Hi-thaksin.net ที่ได้รับโอกาสให้ขึ้นไปปรากฎชื่ออยู่บนเวปไซต์อันดับหนึ่งของประเทศไทยอย่าง Manager.co.th หรือ ที่ชาว e-Mob รู้จักกันดีในชื่อ Manager on li(n)e เวปไซต์ปลุกระดม โค่นล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีเป้าหมายทางการเมืองและผลประโยชน์ อย่างเปิดเผย

มี 3 ประเด็นที่ Manager on li(n)e เขียนถึง Hi-thaksin ด้วยความเมตตา ในฐานะผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก จึงต้องกระหนาบด้วยไม้เรียวที่แก้มก้น เนื่องเพราะเด็กคนนี้ ค่อนข้างดื้อ ไม่เชื่อตามที่หลอก เอ๊ย ตามที่บอก …แต่ไม่ได้ผลหรอกครับ เพราะเด็กอย่างพวกผม เป็นเด็กมีสมอง เป็นเด็กใช้ “หัว” และ “หู” ควบคู่กันไป ไม่ใช่เด็กที่ใช้แต่ “หู” เหมือนเด็กในคาถาของ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ไม่ใช่ “หัวสมอง” ถนัดแต่ใช้ “หัว” อย่างอื่น อย่าคิดมาก ถนัดแต่ใช้ “หัวเข่า” น่ะครับ สำหรับคุกลงตรงหน้าศาสดาแห่งสำนักถนนพระอาทิตย์

ประเด็นที่หนึ่ง ท่านเขียนกล่าวหาว่า Hi-thaksin มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมีนัยยะสำคัญกับการเคลื่อนไหวของ กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่เป็นแกนนำการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง และ ที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ และ ผู้ดำเนินการสถานีโทรทัศน์ PTV ที่นำโดย นายวีระ มุสกพงศ์ กับ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย จำนวนหนึ่ง

คำชี้แจงประเด็นที่หนึ่ง มีอยู่ว่า ผมและทีมงานอีก 3 ชีวิต รวมเป็น 4 ชีวิต ที่จัดทำเวปไซต์ Hi-thaksin.net ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ รวมไปถึงกลุ่มเคลื่อน ไหวทางการเมืองทุกกลุ่ม พวกผม 4 ชีวิต ไม่ใช่นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และไม่เคยคิดที่จะเป็นด้วย

เราเป็นเพียงแต่คนรักทักษิณ ที่มาร่วมกันทำเวปไซต์นี้ขึ้นมา สำหรับคนรักทักษิณ ทุกคนที่จะมาให้กำลังใจ มาส่งความคิดถึงไปให้คนที่เรารัก ก็เท่านั้นเอง

ส่วนเจตนาอื่นๆ ที่ท่านและอีกหลายท่าน หลายพวก พยายามยัดเยียดให้นั้น เป็นความคิดของผู้อื่นทั้งนั้น พวกผมหาได้มีเจตนาเช่นนั้นไม่ เจตนาเดียวที่เราทำเวปไซต์นี้ขึ้นมา ก็เพื่อ ส่งกำลังใจ และแสดงความคิดถึงครับ (ย้ำ โปรดอ่านอีกครั้งหนึ่ง)

กับ นายวีระ มุสิกพงศ์ และ ทีมงานโทรทัศน์ PTV นั้น ก็ไม่เคยได้รู้จักมักคุ้น ไม่เคยได้พูดคุยกัน ไม่เคยทั้งร่วมงาน ร่วมอุดมการณ์ ร่วมความคิด

ผมจึงขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่หนึ่งของท่าน

แต่ท่านจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นสิทธิของท่าน เพราะปกติ ท่านไม่ชอบที่จะเชื่อใครอยู่แล้ว ท่านถนัดแต่บังคับหว่านล้อมให้คนอื่นเชื่อท่าน

ประเด็นที่สอง ท่านกล่าวหาว่าการเสนอข้อคิดเห็นของประชาชน ที่มีถ้อยคำว่า “กลุ่มศักดินาล้าหลังจะพังทลายลงอย่างรวดเร็ว” เป็นการกล่าวคำอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะคำที่ว่ากลุ่มศักดินาล้าหลังดังกล่าวนี้มีความหมายเฉพาะถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังที่ลิ่วล้อของอำนาจรัฐเก่าเคยรณรงค์ในขณะที่ยังมีอำนาจว่า “ทุนนิยมที่ชั่วช้า ยังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” และท่านก็สรุปเอาเองว่า “เว็บไซต์ Hi-thaksin จึงสานต่อความคิดและความพยายามเก่า ประกาศอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อีกครั้งหนึ่งในยุคสมานฉันท์ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์”

คำชี้แจงประเด็นที่สอง คือ ท่านคิดเอง เออเอง ทั้งนั้น ท่านคิดและพยายามยัดเยียดความคิดอันชั่วร้ายของท่านให้ผมและทีมงาน แต่ ขอประทานโทษครับ ผมไม่รับ และ ขอร้องว่า ท่านควรจะเลิกพฤติกรรมชั่วร้ายเช่นนี้ได้แล้ว ท่านควรจะเลิกพฤติกรรม “หลังพิงวัง” ได้แล้ว ท่านแอบอ้างสถาบันเพื่อทำร้ายผู้อื่นมามากแล้ว ลองย้อนกลับไปดูพฤติกรรมตัวเองก่อนจะดีไหมว่า ท่านได้พฤติกรรมที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทมากี่ครั้งกี่หนแล้ว (ผมนำมาให้ทบทวนแล้วที่นี่)

ประเด็นที่สองนี้ เป็นประเด็นใหญ่ ที่ต้องชี้แจงกันอย่างละเอียดทุกถ้อยคำ คำว่า “กลุ่มศักดินา” ที่เขียนถึงนั้น เป็น การเรียกกลุ่มบุคคลที่เป็นข้าราชการเก่าและข้าราชการใหม่ ซึ่งมีพฤติกรรมแทรกแซงการเมืองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยอ้างว่าเป็นผู้ใกล้ชิดสถาบันเบื้องสูง ซึ่งศัพท์ในทางวิชาการ และ ทางการเมือง เรียกกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ว่าเป็นพวกอำมาตยาธิปไตย

การที่ประชาชนนำเสนอความคิดเห็นว่า กลุ่มศักดินาที่ล้าหลังจะพังทลายอย่างรวดเร็ว นั้น หากได้อ่านข้อเขียนดังกล่าวอย่างละเอียด ใช้สติมากกว่าอคติ อ่านแบบอิงหลักวิชาการ ไม่ใช่หลักวิชามาร ดังที่พวกท่านอ่านและพยายามตีความ ก็ไม่มีส่วนใด ข้อความใดที่เป็นการระบุถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม

การที่ท่านใช้ความพยายามตีความว่าข้อเขียนดังกล่าว “เป็นการกล่าวคำอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะคำที่ว่ากลุ่มศักดินาล้าหลังดังกล่าวนี้มีความหมายเฉพาะถึงสถาบันพระมหากษัตริย์” ก็เพราะจิตใจของท่านและคณะ เป็นจิตใจที่มีแต่ความอาฆาตมาดร้าย และจิตใจใฝ่ต่ำโดยแท้ อีกทั้งใช้รูปแบบเดิมๆ ในการทำร้ายผู้อื่น พยายามลากโยง พยามยามเชื่อมโยง พยายามสร้างตรรกะ ให้ผู้คนหลงเชื่อว่า ผู้ที่ยืนตรงข้ามกับท่าน เป็นผู้ที่มีเจตนาร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาสำคัญที่ท่านใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กรณีทำบุญประเทศไทย กระทั่ง สำนักพระราชวังต้องออกหนังสือชี้แจงว่า กรณีดังกล่าว เป็นการปฏิบัติตามระเบียบที่ถูกต้องทุกประการ ไม่มีความผิด แต่ท่านก็ไม่หยุดการใส่ร้าย จนถึงทุกวันนี้

คำว่า “ศักดินา” ตามพจานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 มีความหมายว่า “ศักดินา (น. (โบ) อำนาจปกครองที่นา คิดเป็นจำนวนไร่ ต่างกันตามศักดิ์ของแต่ละคน เช่น พระโหราธิบดี เจ้ากรมโหรหน้า มีศักดินา 3,000 ไร่ ยาจก วณิพก ทาษ ลูกทาษ มีศักดินา 5 ไร่. (สามดวง) ;(ปาก) คำประชดเรียกชนชั้นสูงหรือผู้ดีมีเงินว่าพวกศักดินา.

ราชบัณฑิตยสถาน ไม่ได้แปลความคำว่า “ศักดินา” ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์

จะมีก็แต่ ท่าน ทีมงาน Manager on li(n)e และ ทีมงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่อยู่ใต้อาณัติปกครองของ สนธิ ลิ้มทองกุล เท่านั้น ที่อุตริบัญญัติศัพท์ “กลุ่มศักดินาล้าหลัง” มีความหมายถึงเฉพาะ “สถาบันพระมหากษัตริย์” เท่านั้น

ดังนั้นการตีความของท่าน โดยมีเจตนาจะยัดเยียดความผิดให้แก่เรา นั้น จึงเป็นการกระทำ เป็นพฤติกรรมที่ท่านต้องย้อนกลับไปดูตัวเองว่า..

ใครกันแน่ที่ กำลังกระทำการ “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”

ใครกันแน่ที่แปลความคำว่า “กลุ่มศักดินาที่ล้าหลัง” คือ “สถาบันพระมหากษัตริย์”

ย่อมเป็นท่าน ทีมงาน Manager on li(n)e และ ทีมงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

ไม่ใช่ผม และ ทีมงาน Hi-thaksin.net

ผมขอชี้แจงว่าผมและทีมงานรวม 4 ชีวิต ไม่มีผู้ใดมีจิตอาฆาตคิดมาดร้ายต่อสถาบันพระมหา กษัตริย์ ทุกคนมีแต่ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

พวกเราทุกคนสำนึกในพระเมตตาที่ทุกพระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยทุกคน รวมทั้งพวกเรา อยู่เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมตลอดทุกลมหายใจเข้าออกของพวกเรา ว่า การที่เราได้อยู่เย็นเป็นสุขบนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองได้ทุกวันนี้ ก็ด้วยพระบุญญาบารมีพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทุกพระองค์

หากท่านคนใดคนหนึ่งในทีมงาน Manager on li(n)e และ ทีมงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ มีหลักฐาน เอกสาร ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว มีความเชื่อถือได้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลที่ไม่เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ต้องถึงขั้นเป็นผู้ที่มีจิตอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเราทั้ง 4 ชีวิต ยินดีที่จะยุติการจัดทำเวปไซต์นี้ทันที และพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกคนในแผ่นดินนี้ นำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาลงโทษทันที

แต่หากท่านมีเพียง ถ้อยคำวาจา และความคิดที่เต็มไปด้วยมโนทุจริต ของท่าน คิดเอง กล่าวหาเอง ตัดสินเอง ว่า คนนั้นไม่จงรักภักดี คนนี้มีจิตอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คนโน้นจะล้มล้าง คนนู้นแอบอ้างหาประโยชน์ โดยปราศจากพยานหลักฐาน ดังเช่นที่ท่านกล่าวหาเรา ระหว่างเรากับท่านก็มีแต่จะยืนกันคนละฝั่ง และ ทำหน้าที่ตรวจสอบซึ่งกันและกันตลอดไป

จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จะถูกประชาชน “จับได้ไล่ทัน” ว่ามีจิตเจตนาไม่บริสุทธิ์ แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อประโยชน์แห่งตนเอง

ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือน ที่เราจัดทำเวปไซต์นี้ขึ้นมา เราไม่เคยแม้แต่จะคิดก้าวล่วงหรือกล่าวหรือเขียนถ้อยคำที่หมิ่นเหม่ไม่เหมาะสม และไม่เคยที่จะแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อประโยชน์แห่งตนเอง หรือ เพื่อทำร้ายใคร

มากที่สุดที่เราทำ ก็คือ การนำภาพกิจกรรมงานเฉลิมฉลองวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ทรงครองราชย์ 60 ปี ซึ่งเป็นกิจกรรมที่รัฐบาล ในนามของคนไทยทั้งชาติร่วมกันจัดถวาย เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีของคนไทยทุกคน มานำเสนอ เพื่อให้เป็นที่ระลึกกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีโอกาสได้แสดงความจงรักภักดี ร่วมกับคนไทยทั้งชาติ ด้วยการนำถวายพระพร “ทรงพระเจริญ”

การกระทำของเรา ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความจงรักภักดีมากกว่าคนไทยคนอื่นๆ เพราะเราเชื่อว่า คนไทยมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสมอกัน นั่นคือ “จงรักภักดีจนกว่าชีวิตจะหาไม่” และไม่เชื่อว่า จะมีใครคนใดคนหนึ่ง ผูกขาด “ความจงรักภักดี” ไว้เฉพาะตนได้

เวปไซต์ของเรา นำคุณธรรม 4 ประการ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คนไทยทุกคน มาเผยแพร่เพื่อเตือนใจ เตือนสติทุกคนในชาติ ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ และจะคงไว้ตลอดไป เพื่อเป็นศิริมงคล และเป็นแนวทางการทำงานแก่ทีมงานทุกคน

พวกเราไม่เคยคิดที่จะแอบอ้าง หรือ มีเจตนาแฝง ที่จะกล่าวหรือเอ่ยอ้างถึงสถาบันพระมหา กษัตริย์ เพื่อมุ่งร้าย ทำลายผู้อื่น หรือ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด คิดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ตรงกันข้าม ทีมงานของท่านต่างหาก ที่มีพฤติกรรมเช่นนั้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้ที่แสดงพฤติกรรมดังกล่าวมากที่สุด

ผมจะใช้พื้นที่ตรงนี้ ทบทวนให้ เท่าที่พอจำได้นะครับ

1. การทำเสื้อยืดขาย โดยใช้สโลแกนว่า “เราจะสู้เพื่อในหลวง” โดยไม่ได้กราบทูลขอพระบรมราชานุญาต และนำรายได้ทั้งหมดไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว เป็นการหาประโยชน์ส่วนตน โดยใช้คำว่า “ในหลวง” ซึ่งหมายความถึง “พระมหากษัตริย์” อย่างไม่สุจริต

2. การกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กรณีทำบุญประเทศไทย ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อข้อเท็จจริง และใช้วาระซ่อนเร้นดังกล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างต่อเนื่อง ยาวนาน เป็นการกล่าวอ้างถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่สุจริตใจ

3. การแนะนำหนังสือ The King never Smile ใน Manager on li(n)e ทั้งที่ ๆ เป็นหนังสือที่สำนักตำรวจแห่งชาติ ห้ามจำหน่ายและเผยแพร่ในประเทศไทย เนื่องจากเป็นหนังสือที่มีข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างชัดแจ้ง อีกทั้งยังกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเขียนและพิมพ์หนังสือเล่มดังกล่าว ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงปรากฎชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่สั่งการให้ตรวจสอบ ประสานงานกับสำนักพิมพ์ เพื่อไม่ให้มีการจัดพิมพ์ และ ห้ามเผยแพร่ในประเทศไทย อย่างเด็ดขาด กระทั่งทุกวันนี้ ก็ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย

4. การกล่าวสวนและโต้แย้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 กรณีที่ทรงไม่เห็นด้วยกับการกราบทูลขอพระราชนายกรัฐมนตรี โดยอาศัย มาตรา7 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และพระองค์ท่านจะไม่ใช้พระราชอำนาจ ตามที่มีการกราบทูลขอ แต่หลังจากรับฟังพระราชดำรัสแล้ว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ให้สัมภาษณ์ตีความพระราชดำรัสทันทีทันควันว่า “มาตรา 7 พระองค์ท่านก็บอกว่าพระองค์ท่านใช้ยาก เพราะพระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ แต่พระองค์ท่านก็ไม่ได้บอกว่าพระองค์ท่านจะไม่ใช้”

5. การถวายฎีกาขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยการอ่านฎีกาต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ลานพระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 ด้วยอาการเกรี้ยวกราด ชี้นิ้ว ชี้หน้า ไม่สำรวม และบังอาจกราบทูลเท็จว่าเป็นฎีกาของประชาชนคนไทยทั้งชาติ ทั้งๆ ที่เป็นฎีกาที่มีผู้ลงนามเพียง 2 คน คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับ นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์

6. การกล่าวอ้างถึงปฏิญญาฟินแลนด์ โดยระบุว่า เป็นความคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ ผู้สนับสนุน แต่ไม่ยอมพิสูจน์ และ ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง มีเพียงแต่ข้อกล่าวหาลอยๆ เพื่อให้ประชาชนเกลียดชังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการจงใจใช้ “สถาบันพระมหา กษัตริย์” ประหนึ่งเครื่องมือทำลายผู้อื่น โดยทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

7. การกล่าวถ้อยคำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กรณี “ให้………………ลาออก” เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2549 มีประชาชนทุกสาขาอาชีพ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ เกษตรกร ทุกจังหวัด แจ้งความดำเนินคดีทั่วประเทศ ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด สั่งฟ้องข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่หลังการรัฐประหาร สำนักงานอัยการสูงสุด ขอถอนฟ้อง โดยอ้างเพื่อความสมานฉันท์ และหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงกรณีนี้อีกต่อไป

กรณีนี้ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ในฐานะผู้รายงานข่าว ต้องขอพระราชทานอภัยโทษ และลงโทษตัวเอง ปิดหนังสือพิมพ์ 5 วัน แต่ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้พูด ยืนกรานว่าไม่ได้พูด และไม่สำนึกใดๆ ทั้งสิ้น ไม่คิดแม้แต่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่เพียงเท่านั้นยังให้ทนายความเปิดเทปซ้ำ ให้ได้ยินประโยคดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก แบบว่า โปรดฟังอีกหลายๆ ครั้ง

8. การกล่าวอ้างของนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2549 ต่อหน้าประชาชน ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 (ในขณะนั้น) ว่าตนอยู่พรรคจักรี “..มีคนเขาถามผมว่า คุณสนธิไม่เล่นการเมืองหรือ ผมบอกว่าผมเล่น ผมอยู่พรรค พรรคผมชื่อ พรรคจักรี จักรีคือราชวงศ์จักรี นั่นแหละ คือพรรคของผม ผมพูดชัดผมไม่เคยแปรเปลี่ยน..” ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด หลงเชื่อว่า ราชวงศ์จักรี เป็นพรรคการเมือง และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นสมาชิกของพรรคราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นถ้อยคำที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และไม่บังควรอย่างยิ่ง

9. การกล่าวถ้อยคำต่อหน้าประชาชนของนายสนธิ ลิ้มทองกุล “…ขอให้รู้ว่าคนๆ นึงเนี่ย ครองราชย์มา 60 ปี เนี่ย ไม่ใช่ครองราชย์มาโดยอุบัติเหตุ หรือว่าโดยโชคช่วย แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ และด้วยความอัจฉริยะของพระองค์ท่าน” และ “พระเจ้าอยู่หัวเนี่ย มีหน้าที่พระราชทานความเมตตาให้ทุกฝ่ายเท่าเทียมกันหมด ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นพระราชกฤษฎีกาส่งขึ้นไป ถ้าไม่ผิดระเบียบ พระองค์ยังไงก็เซ็นอยู่แล้ว ไม่มีหรอกที่พระองค์ไม่เซ็น เป็นหน้าที่ที่พระองค์ท่านต้องเซ็น” เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2549 หลังจากทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปราภิไธย ให้จัดการเลือกตั้ง วันที่ 15 ตุลาคม 2549 นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวถ้อยคำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างร้ายแรง ที่ว่า “..ไม่มีหรอกที่พระองค์ไม่เซ็น เป็นหน้าที่ที่พระองค์ท่านต้องเซ็น”

เป็นที่รับทราบของประชาชนคนไทยโดยทั่วไป ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหา กษัตริย์ที่ทรงพระอัจฉริยภาพ การทรงลงพระปรมาภิไธยทุกกรณี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และความผาสุกของประเทศชาติเป็นสำคัญ และจะทรงลงพระปรมาภิไธย เฉพาะกรณีที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศ ชาติเท่านั้น

วันที่ทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งนั้น เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเข้ารับการรักษาพระวรกาย ที่โรงพยาบาลศิริราช

มีหลายกรณีที่พระองค์ท่านพระราชทานกลับคืนมายังรัฐบาล ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย การกล่าวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล จึงเป็นกล่าวอ้างพล่อยๆ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างร้ายแรง มีเจตนาที่จะให้ร้าย และสร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน

โดยเฉพาะกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยให้จัดการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2549 นั้น พระองค์ท่านทรงพระราชทานพระราชประสงค์ประกอบพระราชกฤษฎีกาอีก 2 ประการด้วยกัน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่าน ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย และทรงลงพระปรมาภิไธย ตามที่ทรงมีพระราชวินิจฉัย ตามกรอบกฎหมาย และเพื่อประโยชน์แห่งส่วนรวมของประชาชนทุกคน ไม่ใช่ “เป็นหน้าที่ที่พระองค์ท่านต้องเซ็น” ดังที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล บังอาจกล่าวดูหมิ่นให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ อย่างร้ายแรง

10. การนำเสนอบทความทางการเมืองในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2550 ที่มีชื่อบทความว่า “หน่ายกษัตริย์-กำหนัดเลือกตั้ง VS หน่ายเลือกตั้ง-คลั่งกษัตริย์” เขียนโดย นายปราโมทย์ นาครทรรพ ซึ่งเป็นข้อความที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

11.การพยายามสร้างสัญญลักษณ์ “เสื้อสีเหลือง” กับ “ผ้าพันคอสีฟ้า” เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด หลงเชื่อว่า ได้รับการสนับสนุนจาก “สถาบัน” ในการโค่นล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อให้เกิดความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท อย่างยิ่ง

12.การบัญญัติศัพท์ “กลุ่มศักดินาล้าหลัง” หมายความถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการกระทำที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างร้ายแรง

เท่าที่จำได้ในเวลาจำกัด เพียง 12 การกระทำของสนธิ ลิ้มทองกุล และ ทีมงาน Manager on li(n)e พร้อมทั้งทีมงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ก็พอจะเห็นภาพว่า ใครกันแน่ ที่แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อประโยชน์ของตนเอง มาโดยตลอด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยหารู้สำนึกไม่ ว่าตนเป็นผู้สร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทมาแล้วกี่ครั้งกี่หน

การที่ท่านบอกว่า เรา “ประกาศอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อีกครั้งหนึ่งในยุคสมานฉันท์ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์” นั้น เราได้แสดงความจริงใจให้เห็นแล้วว่า เราไม่เคยแม้แต่จะคิด อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และได้นำพฤติกรรมของพวกท่านมาย้อนให้เห็นทั่วกันแล้วว่า ใครกันแน่ที่มีความคิดทุจริตต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 หน้า 1 ตีพิมพ์ภาพนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั่งพนมมือรับฟังคำสอนของนายรัก รักพงษ์ หรือ ที่รู้จักในชื่อ “โพธิรักษ์” ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อพระพุทธ ศาสนา และ เป็นผู้ถูกมหาเถรสมาคมลงโทษ ถูกศาลพิพากษามีความผิด ประหนึ่งศิษย์กับอาจารย์ (ซึ่งมีความผิดทั้งทางโลกและทางธรรม) ก็พอจะแสดงให้เห็นว่า นายสนธิ มีความจริงใจกับศาสนาพุทธ เพียงใด

สำหรับ คำว่า “ยุคสมานฉันท์ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์” นั้น มีใครยอมรับบ้างว่า ยุครัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นยุคสมานฉันท์ แม้กระทั่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล ยังนั่งด่าพลเอกสุรยุทธ์ หลายต่อหลายครั้ง ประชาชนในชาติ แตกแยกกันเป็นหลายฝักหลายฝ่าย ก็เพราะ นโยบายของพลเอกสุรยุทธ์ ที่เลือกสมานฉันท์กับผู้สนับสนุนการรัฐประหาร แต่เล่นงานประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย นั่นเอง

ประเด็นที่สาม ท่านกล่าวหาว่าเราเป็นผู้ร่วมขบวนการโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อให้มีผลกระทบไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์

คำชี้แจงประเด็นที่สาม คือ เราไม่มีส่วนร่วมในขบวนการใดๆ ตามที่ท่านกล่าวอ้าง เรามีกันอยู่แค่ 4 คน ทำเวปไซต์เล็กๆ ขึ้นมาเพื่อส่งกำลังใจให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ไม่เคยคิดการใหญ่ดังที่ท่านกล่าวหา

เราไม่มีเจตนาที่จะโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะประธานองคมนตรี หากแต่มีการนำเสนอข้อเขียนที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะบุคคล ซึ่งเราเชื่อโดยสุจริตใจว่าสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไม่เคยมีครั้งใดที่เวปไซต์ของเราวิพากษ์ วิจารณ์พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในขณะปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนพระองค์

สำหรับข้อเขียนที่มีการกล่าวถึงพลเอกเปรม ที่เราเคยนำมาบางส่วนมาเผยแพร่นั้น ก็ไม่ใช่ข้อเขียนที่เผยแพร่ที่เวปไซต์นี้เป็นครั้งแรก และที่แรก ข้อเขียนชุดนั้นเคยนำเสนอในเวปไซต์อื่นๆ อาทิ เวปไซต์ประชาไท เวปไซต์พันธ์ทิพย์ และอีกหลายเวปไซต์ มาหลายครั้งแล้ว ซึ่งท่านไม่เคยกล่าวถึงเลย และไม่เคยกล่าวหาว่าเวปไซต์อื่นๆ ที่เคยนำเสนอ เป็นขบวนการโจมตีพลเอกเปรม เพื่อกระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อเรานำมาเสนอบ้าง ท่านกลับกล่าวหาเรา ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าท่านมีเจตนาที่จะกล่าวหาให้ร้ายเราเป็นการเฉพาะ ซึ่งน่าจะมีเหตุมาจากการตีความของท่าน ว่าเวปไซต์นี้ เป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะมีคำว่า Thaksin เป็นส่วนหนึ่งของชื่อเวปไซต์ ซึ่งเป็นการตีความที่ตื้นเขินมาก

หากผมตั้งชื่อเวปไซต์ ว่า Sondhi ก็แปลว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล มีส่วนร่วมกับเวปไซต์ นั้นด้วยใช่หรือไม่

ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า เวปไซต์นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัวใดๆ กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ พรรคไทยรักไทยเราเป็นเพียงกลุ่มคนที่รักทักษิณ เท่านั้น ข้อมูลจำนวนมากที่เรานำมาเสนอ ได้มาจากกลุ่มคนรักทักษิณ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ไม่ใช่ว่าเรามีความสามารถหรือมีสายสัมพันธ์พิเศษกว่าเวปไซต์อื่นๆ

สำหรับกรณีที่มีผู้ให้ข้อมูลพาดพิงถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งท่านเรียกว่าเป็นการโจมตีให้มีผลกระทบต่อสถานบันพระมหากษัตริย์ นั้น ผมใคร่ขอนำเสนอความเห็น เพื่อร่วมแก้ไขสถานการณ์ที่อาจจะขยายวงกว้างออกไป ดังนี้

1. ท่านต้องไม่ตีความหรือแปลความว่า กณีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คือ กรณีที่ส่งผลกระทบต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังที่ท่านกระทำและมีเจตนาแอบแฝง เนื่องเพราะ พลเอกเปรม ไม่ใช่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงแม้ในฐานะประธานองคมนตรี พลเอกเปรม จะเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยสูงสุดก็ตาม ถึงแม้ พลเอกเปรม จะได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์ ก็เฉพาะโอกาสตามที่ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้ทำหน้าที่เป็นกรณีๆ ไป ไม่ได้หมายความว่าพลเอกเปรม เป็นผู้แทนพระองค์ ตลอดเวลา

พลเอกเปรม ก็คือบุคคล ซึ่งต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเอง เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป การกระทำของพลเอกเปรม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะต้องทรงร่วมรับผิดชอบด้วย

ไม่เป็นธรรมต่อพระมหากษัตริย์ และ สถาบันพระมหากษัตริย์เลย หากว่า พระองค์ท่าน และสถาบัน ต้องทรงร่วมรับผิดและชอบกับการกระทำของบุคคล ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี เสมือนหนึ่งว่าการกระทำของบุคคลนั้น เป็นการกระทำของพระองค์ท่าน และการพาดพิงถึงบุคคลนั้น เป็นการกล่าวพาดพิงถึงพระองค์ท่าน ด้วย

หลายครั้งหลายหนที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พยายามตีความ สื่อความหมายให้ประชาชนเข้าใจว่า การพาดพิงพลเอกเปรมในฐานะบุคคล เท่ากับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือ ทำให้เกิดผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง ผมไม่เห็นด้วย และเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ ก็ไม่เห็นด้วย หากจะมีเว้นก็แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุล และทีมงาน Manager on li(n)e และ ทีมงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เท่านั้น

หากความเชื่อของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ตลอดจนทีมงานผู้จัดการ เป็นความเชื่อโดยสุจริต นายสนธิ ลิ้มทองกุล และทีมงาน ต้องตอบคำถามว่า กรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวพาดพิงพลเอกเปรม ว่าเป็นประหนึ่งปัญหาอุปสรรคในการปรับคณะรัฐมนตรี ครั้งที่เพิ่งผ่านพ้นมา กรณี นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ไม่ยอมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะห่วงกังวลว่าจะกลับไปทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ ไม่ได้ พร้อมกับเปิดเผยว่าพลเอกเปรม กับนายโฆสิต มีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ เนื่องจากนายโฆสิต เป็นประธานธนาคารกรุงเทพ ในขณะที่พลเอกเปรม เป็นที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพ และยังเป็นที่ปรึกษาซีพี อีกด้วย

การกล่าวพาดพิงพลเอกเปรม ของนายสนธิ ในครั้งนั้น นายสนธิ หมายความถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยหรือไม่

การให้สัมภาษณ์ของนายสุริยะใส กตะศิลา ที่ว่า “..วันนี้ก็เห็นโดยพฤตินัยได้อย่างชัดเจนว่า พลเอกเปรมใช้อำนาจนั้น ผ่านคปค. ท่านนั่งบัญชาการอยู่ที่บ้านสี่เสาฯ และไม่มีใครคิดว่าท่านจะกล้าทำ หรือไม่มีใครคิดตอนที่นั่งร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 ว่า การรัฐประหารครั้งนี้องคมนตรีจะมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเปิดเผยขนาดนี้” เป็นการกล่าวถึงโดยมีเป้าหมายให้กระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยหรือไม่ หากเป็นพวกท่านพูดพาดพิงพลเอกเปรม สามารถกระทำได้ แต่หากผู้อื่นพูดพาดพิง เป็นการกระทำที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะกระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่นนั้นหรือ

เราไม่เคยคิดที่จะท้าทายผู้ใด แต่ยังยืนยันความเชื่อของเราว่า การกล่าวถึงพลเอกเปรม ในฐานะบุคคล ไม่น่าจะเป็นการกระทำที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และไม่กระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ใช่เล่ห์กลที่มุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ดังที่ท่านกล่าวหา

ตรงกันข้าม ในบางกรณี น่าจะเป็นการป้องกันสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ได้รับผลกระทบ หรือ ต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ อันเนื่องจากบุคคลหรือขบวนการที่แอบอ้างสถา บันพระมหากษัตริย์ เพื่อประโยชน์ส่วนตน ด้วย

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งของประชาชนจำนวนมาก ที่มีต่อพลเอกเปรม ก็คือ พฤติกรรม การแสดงความคิดเห็น การบรรยาย การปาฐกถาพิเศษ ตลอดจนการกระทำที่มีความเกี่ยวพันกับการเมือง ที่ค่อนข้างมาก และถี่ เมื่อเปรียบเทียบกับองคมนตรีท่านอื่นๆ หรือ ประธานองคมนตรี ฯพณฯ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นต้นแบบของประธานองคมนตรี ที่ประชาชนเชื่อถือ ศรัทธา ในระหว่างที่ ฯพณฯ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นประธานองคมนตรี มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายครั้ง แต่ไม่มีประชาชนคนใดตั้งข้อสังเกตว่า ฯพณฯ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เกี่ยวข้องหรือ อยู่เบื้องหลัง แม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยมีใครข้องใจหรือสงสัยว่า ฯพณฯ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการทหาร ข้าราชการพลเรือน หรือ ข้าราชการยุติธรรม ก็ตาม

แต่เมื่อ พลเอกเปรม เป็นประธานองคมนตรี กลับมีประชาชนข้องใจและสงสัย จำนวนมาก

แน่นอนว่าต้องมีเหตุ มีมูลที่ทำให้ประชาชน ข้องใจ สงสัย ซึ่งในฐานะสื่อมวลชน Manager on li(n)e น่าจะเสาะแสวงหาข้อมูลมานำเสนอต่อประชาชน มากกว่าที่จะมาตั้งคำถามว่าประชาชน ไปโจมตีพลเอกเปรม ทำไม

ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าทำไม ฯพณฯ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ อดีตประธานองคมนตรี ผู้ล่วงลับ จึงไม่เคยถูกกล่าวพาดพิง เช่น พลเอกเปรม หรือ กระทั่ง ฯพณฯ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มาก่อน ก็ไม่เคยถูกตั้งข้อสงสัยหรือพาดพิงเช่นกัน

2. เราขอให้ท่านพิจารณาทบทวนพฤติกรรมในอดีต และยุติการกระทำการใดๆ ก็ตามโดยมีเป้า หมายที่จะดึงพลเอกเปรมมาเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือ การกล่าวหาทางการเมือง เนื่องจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นบุคคลแรก ที่ดึงพลเอกเปรม เข้ามาเกี่ยวกับความขัดแย้ง ระหว่างตนเองกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทั่งลุกลามขยายวงออกไปเป็นปัญหาของชาติ และเป็นเงื่อนไขที่นำสู่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเข้าใจและเชื่อว่าพลเอกเปรม เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร ไม่มากก็น้อย ไม่ใช่ทางตรงก็ทางอ้อม

หากจำกันได้ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำประชาชนที่หลงเชื่อจำนวนหนึ่ง เดินทางไปถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเป็นบ้านพักพลเอกเปรม

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่พลเอกเปรม ถูกลากดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง อย่างเปิดเผย

มีคำถามว่า นายสนธิ คิดว่าพลเอกเปรม มีสถานภาพใด จึงไปถวายฎีกาที่บ้านพักพลเอกเปรม

ทั้งๆ ที่ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายสนธิ ก็ส่งลูกชายไปถวายฎีกาที่สำนักพระราชวัง เหตุใดจึงต้องแยกเป็นสองฎีกา สองสถานที่นายสนธิ คิดอะไรอยู่ ตอบได้หรือไม่

คำสัมภาษณ์ของนายสุริยะใส กตะศิลา ที่บอกว่า …
“พลเอกเปรมเป็นสัญลักษณ์ของระบอบอำมาตยาธิปไตย จริงๆ ระบอบนี้ไม่ได้หายไปจากสังคมไทย แม้จะมีรัฐธรรมนูญปี 2540 ก็ตาม ถ้าเราดูบทบาทของพลเอกเปรมก็จะเห็นชัด เพียงแต่พื้นที่ของระบอบนี้คับแคบลงในระดับหนึ่ง เพราะการเติบโตของพื้นที่ภาคประชาชนที่มากขึ้น ซึ่งเป็นการท้าทายระบอบนี้โดยตรง ขณะเดียวกัน ระบอบอำมาตยาธิปไตยก็ถูกท้าทายจากทุนใหม่ ซึ่งเป็นพลังที่พาคุณทักษิณขึ้นสู่อำนาจ

เราอาจจะพูดว่า ระบอบศักดินายืมพลังจากประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณหรือว่าทุนใหม่ก็เป็น ไปได้ แต่ผมคิดว่า พลเอกเปรมไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของการคงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีพลเอกเปรม แล้วระบอบประชาธิปไตยจะเต็มใบ แต่เป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายอำนาจนิยมหรือระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ยังมีพื้นที่ที่แน่นอนในสังคมการเมืองไทย

วันนี้ก็เห็นโดยพฤตินัยได้อย่างชัดเจนว่า พลเอกเปรมใช้อำนาจนั้นผ่านคปค. ท่านนั่งบัญชาการอยู่ที่บ้านสี่เสาฯ และไม่มีใครคิดว่าท่านจะกล้าทำ หรือไม่มีใครคิดตอนที่นั่งร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 ว่า การรัฐประหารครั้งนี้องคมนตรีจะมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ เปิดเผยขนาดนี้”

นายสนธิ เห็นหรือยังว่าใครกันแน่ ที่ลากดึงพลเอกเปรม เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง และพลเอกเปรม เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือไม่ อย่างไร

ถึงแม้วันนี้ นายสนธิ ทีมงานผู้จัดการ และ นายสุริยะใส จะออกมาเสนอความเห็นว่าไม่ควรดึงพลเอกเปรม มาเกี่ยวโยงกับการเมือง แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะ นายสนธิ นั่นล่ะ คือ ผู้ที่ดึงพลเอกเปรม ออกมาเกี่ยวข้องกับการเมือง และ นายสุริยะใส คือ ผู้ที่เปิดเผยว่าพลเอกเปรม คือผู้อยู่เบื้องหลังคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และขณะนี้ พลเอกเปรม เป็นผู้ใช้อำนาจผ่าน คปค. นั่งบัญชาการที่บ้านสี่เสาเทเวศร์

การเปิดเผยของนายสุริยะใส หนึ่งในผู้ร่วมทีมโค่นล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ตรงกับการรับรู้ และความเชื่อของประชนจำนวนมาก

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชาชนเหล่านั้น จะเดินทางไปชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพราะนายสุริยะใส เป็นผู้เปิดเผยเองว่า บ้านสี่เสาเทเวศร์ คือ กองบัญชาการ ที่พลเอกเปรม ใช้สั่งการคปค. หรือ คมช.ในขณะนี้

ดังนั้น หากการกล่าวพาดพิงพลเอกเปรม คือ การโจมตีพลเอกเปรม และกระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ต้องนับ นายสุริยะใส เป็นหนึ่งในขบวนการโจมตีพลเอกเปรม ด้วย เพราะข้อมูลที่ได้จากนายสุริยะใส คือ พยานเอกสารหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ทำให้ประชาชนเปลี่ยนที่ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร จากสนามหลวงเป็นบ้านสี่เสาเทเวศร์

กรณีที่เกิดขึ้นนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ ทีมงานผู้จัดการ น่าจะเรียกร้องให้พลเอกเปรม ออกมาชี้แจงกับประชาชน ว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร จริงดังที่นายสุริยะ เปิดเผยหรือไม่ มากกว่าที่จะมากล่าวหาให้ร้ายประชาชน ที่ไปชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์

เนื่องเพราะประชาชน ไปตามข้อมูลลายแทงที่นายสุริยะใส กตะศิลา พันธมิตรของนายสนธิลิ้มทองกุล และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เป็นผู้ชี้ทางให้

คำชี้แจงทั้งสามประเด็นนี้ น่าจะทำให้ท่านเข้าใจผมและทีมงานได้ดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ได้หวังว่าท่านจะเชื่อหรือเข้าใจผมและทีมงาน

สิ่งที่ผมหวังจริงๆ ก็คือ หวังว่า ท่านจะกลับไปทบทวนพฤติกรรมในอดีตของท่าน และรู้สำนึกเสียใจต่อการกระทำของตนเองบ้าง และหวังมากขึ้นไปอีกว่า ท่านจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และประชาชน มากกว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ดังที่ท่านกระทำมาโดยตลอด

หยุดเถอะครับ ประเทศไทยของเราเสียหายมากเกินไปแล้ว

หยุดเถอะครับ วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศวางมือทางการเมือง แล้ว

วันใดที่ท่านประกาศหยุดเจตนารมณ์อันชั่วร้าย ผมเชื่อว่าประเทศไทยของเราจะกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย และจะได้เดินหน้ากันอีกครั้ง



ผมไม่ขออะไรจากท่านมาก นอกจากจะขอให้ท่านเห็นแก่ประเทศไทยของเรา ก็เท่านั้น เอง "
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 1:42 pm

ลูกนนทรี wrote:ผมหมายถึงไอ้โลนตัวใหม่นะครับ ไม่ใช่คุณcamerondz โทษทีครับตกหล่นไปหน่อย




แหลเอ๊ย!!
:lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 1:45 pm

Cherub Rock wrote:ถึงกับเปลี่ยนชื่อเลยเหรอ

ขยันเป็นควายเลยนะ :lol:



เข้ามาหย่อนก้อนเหลืองๆให้พวกแกงับกันเต็มคราบ....ก่อนจะตดลากเสียงว่า 'คริ คริ' แล้วเดินจากไป :roll:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ปุถุชน » Tue Oct 21, 2008 1:48 pm

''บัตรเติมเงิน' ตัวใหม่เข้ามาทีไร ตั้งกระทู้ 'ปลาร้าเก่าในไหใหม่'
ขุด'ใบบอก'เก่าๆ มาให้สมาชิกเสรีไทยอ่านก่อนทุกที.......!!!

ทักษิณ จำเลยหนีหมายจับศาลยุติธรรมหลายคดีและบริวารที่รับผิดชอบในการผลิต'ใบบอก'
ไม่สามารถสร้างใบบอกใหม่ทันกาล...

หรือว่า'ใบบอกใหม่' ต้องมี'บัตรเติมเงิน'ใหม่กำกับด้วย.....
แต่คัดลอกจาก'ใบบอก'เก่าๆ ไม่ต้องเสียเงิน แค่ทำชดเชยนามแฝงเก่า....!!!


พวกเราต้องอ่านข้อความจากใบบอกเก่าซ้ำซาก......
โดยเฉพาะข้อความจากเวบบอร์ดประชาไท ราชดำเนิน ฟ้าเดียวกัน มติชน ฯลฯ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 1:53 pm

O2Mini wrote:เคยบอกไปแล้วกระทู้นึง

ถ้าสนธิ คิดการใหญ่ในทางที่ไม่ดี บนศรัทธาของ พันธมิตร

ผมก็พร้อมจะไล่สนธิเหมือนกับไล่นักการเมืองเลวๆ

แต่ตอนนนี้จุดยืนเหมือนกัน

ก็สนับสนุนก่อน

แต่หากจุดยืนต่างกันก็ว่ากันอีกที



เกรงว่าถึงตอนนั้น...พวกที่ถูกสนธิหลอกจะถูกกำจัดไปซะก่อน ประเด็นก็คือ พวกที่เหลือในตอนนั้นจะเอาอะไรไปต่อสู้กับพวกสนธิเอ่ย? ขนาด'มือที่มองไม่เห็น'ยังต้องศิโรราบเลย พวกคุณเป็นใครหล่ะที่จะใหญ่กว่ามือนั้น!?! :!:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ลูกนนทรี » Tue Oct 21, 2008 1:56 pm

อภิสิทธิ์ wrote:
ลูกนนทรี wrote:ผมหมายถึงไอ้โลนตัวใหม่นะครับ ไม่ใช่คุณcamerondz โทษทีครับตกหล่นไปหน่อย




แหลเอ๊ย!!
:lol:



ใครคุยกับเอ็งว่ะ เกรียน
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 2:00 pm

ริวเซย์ wrote:สนธิจะติดคุกก็เป้นเรื่องส่วนตัว

พันธกิจในการกำจัดระบอบทักษิณจะยังดำเนินต่อไปจนกว่าทักษิณและพรรคพวกจะหมดน้ำยา

เหตุที่ต้องกวาดล้างพวกมันก็เพราะเป็นพวกนักการเมืองชั่ว เป็นปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คดโกง คอรัปชั่นมโหราฬ เศษเดนมนุษย์ที่ได้อำนาจมาด้วยการซื้อเสียง ชูนโยบายประชานิยมฟุ้งเฟ้อ ยัดเยียดระบบทุนนิยมสุดโต่งให้รากหญ้า ส่งเสริมการก่อหนี้โดยไม่เกิดรายได้

พวกมันเห็นแก่ตัวอย่างร้ายแรงจนไม่อาจปล่อยต่อไปได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว

หลังพันธมิตรครองประเทศได้ ประชาชนจะมีโอกาสเสนอความคิดเห็นสร้างประเทศขึ้นใหม่ให้ปลอดจากพวกระบอบทักษิณชั่วช้า การโกงกินคอรัปชั่นจะต้องลดลงและสูญพันธ์ไปในที่สุด เสียงมหาชนที่ไม่อยู่บนหลักแห่งความถูกต้องจะไม่ใช่เสียงที่ชี้นำประเทศอีกต่อไป จรยธรรม คุณธรรม หลักธรรม จะถูกบรรจุเข้าสู่หลักสูตรการศึกษา

ทุกอย่างจะต้องดีกว่าตอนนี้ ขณะนี้ ที่ระบอบทักษิณครองชาติบ้านเมืองอยู่อย่างแน่นอน



งั้นก็แสดงว่าประเทศไทยในอนาคตจะถูกปกครองด้วยชนชั้นกลาง+บนของประเทศ...ประเด็นก็คือ หากชนชั้นล่างไม่ยอม สงครามกลางเมืองย่อมปะทุขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ พวกคุณเคยรบเคยยิงปืนสักนัดไหมหล่ะ!?! :?:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby samepong » Tue Oct 21, 2008 2:05 pm

การฆาตกรรมและทำร้ายประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 16 ปี หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กำลังมีการสอบข้อเท็จจริง สอบสวน และดำเนินการกันมากมายหลายคณะ

คณะที่ถูกตั้งข้อกังขามากที่สุดก็คือคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของรัฐบาล ที่แม้ตัวประธานจะมีภาพลักษณ์เป็นขุนนางตงฉิน และมีประวัติการทำงานที่น่าเลื่อมใสศรัทธา แต่ทว่ากระบวนการและเป้าหมายในการแต่งตั้งของรัฐบาลนั้นไม่อาจทำให้ประชาชนไว้วางใจได้เลย

จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องฆาตกรมือเปื้อนเลือดตั้งกรรมการขึ้นเพื่อถ่วงเวลาหรือฟอกความผิดให้กับฆาตกรมือเปื้อนเลือดเท่านั้น

ก็ต้องกล่าวว่านอกจากตัวประธานกรรมการที่พอเชื่อได้ว่ามีคุณธรรมและซื่อตรง แต่นอกจากนั้นแล้วองค์ประกอบอื่น ๆ ได้เผยให้เห็นร่องรอยว่าน่าจะมีที่มาจากการปลุกเสกของนายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีตประธาน คตส. ซึ่งครั้งนั้นมีการตรวจพบข้อสงสัยจึงต้องลาออกก่อนที่กระบวนการตรวจสอบจะเกิดขึ้น

ไม่ว่ากรรมการหรือการตรวจสอบหรือการสอบสวนของชุดไหน ๆ ก็ตาม จะไม่มีความหมายหรือคุณค่าใด ๆ เลย หากว่าละเลยหรือบิดเบือนประเด็นสำคัญอันเป็นปมเงื่อนของการสังหารและทำร้ายประชาชนดังต่อไปนี้

เรื่องแรก การยอมรับหรือไม่ยอมรับความจริงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีคนตายและบาดเจ็บเกือบ 500 คน และการตาย การบาดเจ็บสาหัส การพิการ และบาดเจ็บ ทั้งหมดล้วนเกิดจากฝีมือของตำรวจ ไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนฆ่าฟันหรือทำร้ายกันเอง

ถ้าการสอบสวนหรือตรวจสอบไม่ตั้งต้นด้วยความจริงนี้ การตรวจสอบหรือสอบสวนนั้นก็เป็นเรื่องการเล่นปาหี่ที่ต้องประณามเสียตั้งแต่ต้นเลย

เรื่องที่สอง การยอมรับความจริงว่าการฆ่าและทำร้ายประชาชนในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 นั้น ได้เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 6 นาฬิกาเศษ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 22 นาฬิกา มีเหตุการณ์เกิดขึ้น 4 ครั้ง คือตอนเช้า ตอนบ่าย ตอนค่ำ และหลังค่ำหน่อยหนึ่ง

เป็นการกระทำ 4 กรรม 4 วาระ ซึ่งต่างกรรมต่างวาระกัน ทิ้งช่วงเวลาห่างกัน โดยคนบัญชาการคนเดียวกันหรือชุดเดียวกัน

เรื่องที่สาม การยอมรับความจริงว่าประชุมคณะรัฐมนตรีในกลางดึกของคืนวันที่ 5 ตุลาคม 2551 คือ “ให้สลายการชุมนุมเพื่อเปิดทางให้ ส.ส.เข้าประชุมรัฐสภา” หลังเวลา 2 นาฬิกา ถึงเวลา 4 นาฬิกา ของวันที่ 6 ตุลาคม 2551 ยังมีนักการเมืองบงการหน่วยปฏิบัติการในการสลายการชุมนุม โดยมีไอ้โม่งโทรศัพท์ข้ามทวีปสั่งการตรงมายังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยผู้รับโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ครับท่าน ๆๆๆ”

เรื่องที่สี่ หน่วยตำรวจที่นำมาใช้ปฏิบัติการมี 4 หน่วย คือตำรวจนครบาล ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยอรินทราช ภายใต้การบังคับบัญชาของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและกองปราบปราม ซึ่งตรงจุดนี้สามารถหาตัวคนสั่งทั้ง 4 หน่วยนี้ได้ เพราะเป็นผู้มีตำแหน่งสูงกว่า “ผู้บัญชาการ”

เรื่องที่ห้า ต้องชี้ตรงลงไปให้ชัดว่าตำรวจตระเวนชายแดนและหน่วยอรินทราชไม่ใช่ตำรวจที่ทำหน้าที่ในการสลายการชุมนุม แต่มีหน้าที่เฉพาะและเป็นปมเงื่อนของการฆาตกรรมและทำร้ายประชาชนครั้งนี้โดยตรง คือ

(1) ตำรวจตระเวนชายแดนเป็นหน่วยกึ่งทหาร มีหน้าที่ทำการต่อสู้และพัฒนาในพื้นที่ชายแดน หรือพื้นที่ที่มีการคุกคามของข้าศึก หรือผู้ก่อความไม่สงบ หน้าที่หลักคือฆ่า หน้าที่รองคือพัฒนาพื้นที่ ไม่มีความรู้และความชำนาญในการสลายมวลชน แต่มีอาวุธสงครามทุกชนิดเพื่อทำหน้าที่ฆ่า

(2) หน่วยอรินทราชมีหน้าที่ในการต้านและปราบผู้ก่อการร้าย ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษในการใช้อาวุธพิเศษทุกชนิดเพื่อประโยชน์ในการจู่โจมอย่างรวดเร็วและฆ่าอย่างรวดเร็ว ตลอดจนเพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกผู้ก่อการร้ายควบคุมไว้

การใช้หน่วยงานทั้งสองหน่วยนี้ในการสลายการชุมนุมจึงเป็นการจงใจฆ่าประชาชนโดยตรงที่สุด มีเจตนาที่หวังผลหรือเล็งเห็นผลโดยมีการวางแผนฆ่าแบบจู่โจมด้วยวิธีพิเศษ

ดังนั้นใครก็ตามที่สั่งการและเอาทั้งสองหน่วยนี้เข้ามาทำหน้าที่ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จึงเป็นผู้สั่งการและเป็นฆาตกรตัวสำคัญที่หาตัวได้ไม่ยาก

ใครคนไหนที่ไปประชุมที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนปทุมธานีและวางแผนเรื่องนี้มาอย่างน้อย 4 ครั้ง นั่นแหละคือตัวสำคัญ

เรื่องที่หก ต้องยอมรับความจริงว่าแก๊สน้ำตากับระเบิดน้ำตาหรือระเบิดชนิดอื่นๆ รวมกระทั่งระเบิดที่มีสารพิษผสมกับแก๊สน้ำตานั้นเป็นคนละเรื่องกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการใช้อาวุธสงครามอื่น ๆ ที่ทั้งสองหน่วยงานนี้เอามาใช้

บาดแผลจากผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บคือปมสำคัญที่บอกได้อย่างชัดเจนว่าเกิดจากอาวุธสงครามชนิดใด เพราะแค่จากอาวุธสงครามชนิดไหนก็ชี้ได้แล้วว่าเป็นการใช้อาวุธเพื่อฆ่าหรือแค่ทำให้แสบตา

เรื่องที่เจ็ด จะต้องให้ความสนใจกับระเบิดแก๊สพิษที่ผลิตใช้เป็นพิเศษ และไม่เคยซื้อโดยตรงจากจีน แต่มีการจัดหาพิเศษนอกระบบและมีอยู่เฉพาะคลังอาวุธส่วนตัวของคนบางคนเท่านั้น

ประเทศจีนได้แถลงแล้วว่าแก๊สน้ำตาของจีนไม่เป็นอันตราย ไม่ทำให้ขาขาด แขนขาด และได้ใช้โดยทั่วไปในโลกตลอดจนในประเทศจีน

ระเบิดแก๊สน้ำตาที่ใช้ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เป็นระเบิดแก๊สพิษชนิดพิเศษ เพียงแค่ระคายผิวให้เป็นแผลก็จะเน่าเปื่อยและรักษาโดยทั่วไปไม่ได้ เพื่อเป็นเบาะแสให้ติดตามและจับกุมในภายหลัง เป็นระเบิดพิเศษที่ใช้ในพื้นที่พิเศษบางพื้นที่เท่านั้น แต่คนใจอำมหิตอาจเอาเข้ามาใช้ในครั้งนี้

ทั้งเจ็ดปมเจ็ดเรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าหัวโจกฆาตกรใหญ่เป็นใคร ฆาตกรตัวใหญ่ในประเทศเป็นใคร และใครที่เป็นลูกมือฆาตกรบ้าง คนเหล่านี้มีความผิดฐานฆ่าคนตายอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตโดยมีการวางแผนไว้ก่อน และมีโทษประหารชีวิตสถานเดียวเท่านั้น

แต่เบื้องต้น ต้องรับผิดชอบในทางการเมืองและในราชการประจำเสียก่อน ต้องออกหรือถูกให้ออกจากอำนาจหน้าที่ในปัจจุบันนี้ในทันที มิฉะนั้นความจริงก็จะถูกปกปิดซ่อนเร้นเอาไว้แล้วทำให้คนตายฟรี เจ็บฟรี โดยที่กฎหมายบ้านเมืองทำอะไรฆาตกรไม่ได้!
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 2:07 pm

ปุถุชน wrote:''บัตรเติมเงิน' ตัวใหม่เข้ามาทีไร ตั้งกระทู้ 'ปลาร้าเก่าในไหใหม่'
ขุด'ใบบอก'เก่าๆ มาให้สมาชิกเสรีไทยอ่านก่อนทุกที.......!!!

ทักษิณ จำเลยหนีหมายจับศาลยุติธรรมหลายคดีและบริวารที่รับผิดชอบในการผลิต'ใบบอก'
ไม่สามารถสร้างใบบอกใหม่ทันกาล...

หรือว่า'ใบบอกใหม่' ต้องมี'บัตรเติมเงิน'ใหม่กำกับด้วย.....
แต่คัดลอกจาก'ใบบอก'เก่าๆ ไม่ต้องเสียเงิน แค่ทำชดเชยนามแฝงเก่า....!!!


พวกเราต้องอ่านข้อความจากใบบอกเก่าซ้ำซาก......
โดยเฉพาะข้อความจากเวบบอร์ดประชาไท ราชดำเนิน ฟ้าเดียวกัน มติชน ฯลฯ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




และแล้วคุณปู่ปุก็ถองยาดองแต่หัววันเชียวน๊า ....เอามะขามเปียกม้ายก๊าบปู่ก๊าบ คริ คริ
:lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby Solidus » Tue Oct 21, 2008 2:19 pm

samepong wrote:
เรื่องที่เจ็ด จะต้องให้ความสนใจกับระเบิดแก๊สพิษที่ผลิตใช้เป็นพิเศษ และไม่เคยซื้อโดยตรงจากจีน แต่มีการจัดหาพิเศษนอกระบบและมีอยู่เฉพาะคลังอาวุธส่วนตัวของคนบางคนเท่านั้น

ประเทศจีนได้แถลงแล้วว่าแก๊สน้ำตาของจีนไม่เป็นอันตราย ไม่ทำให้ขาขาด แขนขาด และได้ใช้โดยทั่วไปในโลกตลอดจนในประเทศจีน

ระเบิดแก๊สน้ำตาที่ใช้ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เป็นระเบิดแก๊สพิษชนิดพิเศษ เพียงแค่ระคายผิวให้เป็นแผลก็จะเน่าเปื่อยและรักษาโดยทั่วไปไม่ได้ เพื่อเป็นเบาะแสให้ติดตามและจับกุมในภายหลัง เป็นระเบิดพิเศษที่ใช้ในพื้นที่พิเศษบางพื้นที่เท่านั้น แต่คนใจอำมหิตอาจเอาเข้ามาใช้ในครั้งนี้

ทั้งเจ็ดปมเจ็ดเรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าหัวโจกฆาตกรใหญ่เป็นใคร ฆาตกรตัวใหญ่ในประเทศเป็นใคร และใครที่เป็นลูกมือฆาตกรบ้าง คนเหล่านี้มีความผิดฐานฆ่าคนตายอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตโดยมีการวางแผนไว้ก่อน และมีโทษประหารชีวิตสถานเดียวเท่านั้น

แต่เบื้องต้น ต้องรับผิดชอบในทางการเมืองและในราชการประจำเสียก่อน ต้องออกหรือถูกให้ออกจากอำนาจหน้าที่ในปัจจุบันนี้ในทันที มิฉะนั้นความจริงก็จะถูกปกปิดซ่อนเร้นเอาไว้แล้วทำให้คนตายฟรี เจ็บฟรี โดยที่กฎหมายบ้านเมืองทำอะไรฆาตกรไม่ได้!
เรื่องกระสุนจะว่าไปมันก็มีประเภทที่สามารถเติมสารอะไรลงไปก็ได้อยู่ด้วยนี่
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 2:21 pm

[quote="samepong"]การฆาตกรรมและทำร้ายประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 16 ปี หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กำลังมีการสอบข้อเท็จจริง สอบสวน และดำเนินการกันมากมายหลายคณะ
.............................งquote]


มาดูหลักฐานกันจะจะคาคาตาเลยดีกว่าไหมว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่ทำให้พธม.ตายและบาดเจ็บกันเป็นเบือ นิดนึงครับว่าVDOนี้ไม่เหมาะกับคนใจอ่อนและไม่กล้ายอมรับความจริงเด็ดขาด http://pcc-thai.com/killerpad.htm หรือที่ PAD 2008Oct07.wmv 47.39Mb 31.29นาที 160x120pixel


เห็นไหมครับว่าการฆ่าพวกเดียวกันเองนั้นมันเหี้ยมโหดขนาดไหน :?:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ลูกนนทรี » Tue Oct 21, 2008 2:23 pm

อภิสิทธิ์ wrote:
ปุถุชน wrote:''บัตรเติมเงิน' ตัวใหม่เข้ามาทีไร ตั้งกระทู้ 'ปลาร้าเก่าในไหใหม่'
ขุด'ใบบอก'เก่าๆ มาให้สมาชิกเสรีไทยอ่านก่อนทุกที.......!!!

ทักษิณ จำเลยหนีหมายจับศาลยุติธรรมหลายคดีและบริวารที่รับผิดชอบในการผลิต'ใบบอก'
ไม่สามารถสร้างใบบอกใหม่ทันกาล...

หรือว่า'ใบบอกใหม่' ต้องมี'บัตรเติมเงิน'ใหม่กำกับด้วย.....
แต่คัดลอกจาก'ใบบอก'เก่าๆ ไม่ต้องเสียเงิน แค่ทำชดเชยนามแฝงเก่า....!!!


พวกเราต้องอ่านข้อความจากใบบอกเก่าซ้ำซาก......
โดยเฉพาะข้อความจากเวบบอร์ดประชาไท ราชดำเนิน ฟ้าเดียวกัน มติชน ฯลฯ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




และแล้วคุณปู่ปุก็ถองยาดองแต่หัววันเชียวน๊า ....เอามะขามเปียกม้ายก๊าบปู่ก๊าบ คริ คริ
:lol:



อย่าไปสนใจมันเลยครับชีวิตมันตื่นมา กิน ตอบกระทู้เลียนาย อุจจาระ กิน นอน ตื่น กิน ตอบกระทุ้เลียนาย รอแมสเซจ กิน นอน ไม่ตางกับวัฏจักรยุงลาย ในไฟลัมสัตว์ขั้นต่ำ
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 2:25 pm

Solidus wrote:
samepong wrote:
เรื่องที่เจ็ด จะต้องให้ความสนใจกับระเบิดแก๊สพิษที่ผลิตใช้เป็นพิเศษ และไม่เคยซื้อโดยตรงจากจีน แต่มีการจัดหาพิเศษนอกระบบและมีอยู่เฉพาะคลังอาวุธส่วนตัวของคนบางคนเท่านั้น

ประเทศจีนได้แถลงแล้วว่าแก๊สน้ำตาของจีนไม่เป็นอันตราย ไม่ทำให้ขาขาด แขนขาด และได้ใช้โดยทั่วไปในโลกตลอดจนในประเทศจีน

ระเบิดแก๊สน้ำตาที่ใช้ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เป็นระเบิดแก๊สพิษชนิดพิเศษ เพียงแค่ระคายผิวให้เป็นแผลก็จะเน่าเปื่อยและรักษาโดยทั่วไปไม่ได้ เพื่อเป็นเบาะแสให้ติดตามและจับกุมในภายหลัง เป็นระเบิดพิเศษที่ใช้ในพื้นที่พิเศษบางพื้นที่เท่านั้น แต่คนใจอำมหิตอาจเอาเข้ามาใช้ในครั้งนี้

ทั้งเจ็ดปมเจ็ดเรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าหัวโจกฆาตกรใหญ่เป็นใคร ฆาตกรตัวใหญ่ในประเทศเป็นใคร และใครที่เป็นลูกมือฆาตกรบ้าง คนเหล่านี้มีความผิดฐานฆ่าคนตายอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตโดยมีการวางแผนไว้ก่อน และมีโทษประหารชีวิตสถานเดียวเท่านั้น

แต่เบื้องต้น ต้องรับผิดชอบในทางการเมืองและในราชการประจำเสียก่อน ต้องออกหรือถูกให้ออกจากอำนาจหน้าที่ในปัจจุบันนี้ในทันที มิฉะนั้นความจริงก็จะถูกปกปิดซ่อนเร้นเอาไว้แล้วทำให้คนตายฟรี เจ็บฟรี โดยที่กฎหมายบ้านเมืองทำอะไรฆาตกรไม่ได้!
เรื่องกระสุนจะว่าไปมันก็มีประเภทที่สามารถเติมสารอะไรลงไปก็ได้อยู่ด้วยนี่



ไปดูเองกับตาเลยครับว่าระเบิดปิงปองจากพวกเดียวกันใช่ไหมที่ทำให้คนแขน-ขาขาดกันหลายคน PAD 2008Oct07.wmv 47.39Mb 31.29นาที 160x120pixel
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby LLTK » Tue Oct 21, 2008 2:26 pm

อืมมันมาอีกแล้วครับท่าน กากเดน เมือ่ก่อนเคยคิดนะว่าจะจะตอบหรือเถียงกันด้วยเหตุผล แต่ตอนนี้ ถ้าดุจากการกระทำแล้ว กีอปปี้มาแปะ แล้วก้เถียงๆๆแบบ พวกมนุษย์ชั้นต่ำเขาทำกันพวกเราก็อย่าไปมองว่ามันมีค่าเลยครับ ผ่านๆเลยไปพวกนี้มันไม่ดูตัวเองหรอกครับ
ถ้าคิดว่าประเทศนี้ไม่ดีก้หนีคดีไปอยู่พ่อเมิงที่ลอนดอนก้ได้นะถ้าพ่อเมิงจ่ายให้อะ ไม่ก็รอพ่อเมิงมาติดคุกแล้วก็เอาอาหารที่พ่อเมิงชอบไปให้มันในคุกด้วยนะไม่มีใครว่าเมิงหรอกถ้าเมิงจะชอบทักษิน ก็ไปอยู่ด้วยกันตามสบาย มัวแต่รับเงินแล้วก็โพสแบบโง่ๆโชว์ความไม่มีสติปัญญาในการคิดออกมา ถ้ามีหลักฐานก้โชว์มาอย่ามัวแต่เห่าหอน หรือเลียไข่เจ้านายเพื่อขอเศษเงินไปวันๆถ้าเล่นเน็ทเป็นก็หาความรู้ใส่ตัวเองบ้างก็จะดี
มั่วแต่เข้าเวปโน้นออกเวปนี้ ก๊อปอันนี้ไปโพส์อันนั้นโชว์ว่ากูโง่ทุกเวปให้เขาด่าประจานความโง่เขลาของตัวเองถ้าแน่จริงก้โชว์ความมีสติปัญญาอันน้อยๆปรืออันเบากลวงแแกมาให้ดุบ้างก็ได้ หรือชอบโดนด่าว่าโง่ แอ๊ะหรือว่าไม่รู้ว่านี่เขาด่าหรือเขาชม เพราะไม่รู้ว่ามีเซลล์สมองเอาไว้แยกแยะออกหรือป่าว แต่ก็นะธรรมดาให้เงินเท่าไหร่ก็เท่านั้นได้เงินก็จบแต่ ขอแนะนำว่าไปอยู่กับพ่อในคุกหรือไม่ก็หนีคดีไปซุกตูดพ่อเมิงที่ลอนดอนก็ได้นะขี้เกียจพิมพ์หวะ เหมื่อยหวะยิ่งกว่าสีซออีกนะเนี่ยอย่างนี้สงสัยต้องเปลี่ยนที่กินหญ้าให้แล้วหละเพราะว่าหญ้าที่กินแถว ประชาไทย หรือฟ้าเดียวกัน มันเป้นกากเดนของหญ้าไม่ได้คุณภาพเพราะว่าโดนทักษินแดกไปก่อนแล้วฉลาดหน่อยเลยหนีไปได้พวกที่หนีไม่ได้ก็ก้แดกกากเดนหญ้าหรือขี้ไอ้เหลี่ยใต่อไปนะ พูดแล้วก็สงสารไม่โกรธไม่แค้นเลยนะเนี่ย อิอิอิอิอิอิอิอิอิ :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
~~~~~~~٩(̾●̮̮̃̾•̃̾)۶ ٩(͡๏̯͡๏)۶ ٩(-̮̮̃ -̃)۶ ٩(͡๏̯͡๏)۶~~~~~~~~
User avatar
LLTK
 
Posts: 254
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:55 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 2:29 pm

ลูกนนทรี wrote: อย่าไปสนใจมันเลยครับชีวิตมันตื่นมา กิน ตอบกระทู้เลียนาย อุจจาระ กิน นอน ตื่น กิน ตอบกระทุ้เลียนาย รอแมสเซจ กิน นอน ไม่ตางกับวัฏจักรยุงลาย ในไฟลัมสัตว์ขั้นต่ำ




โถถถถถถถถถ....สงสัยคงหิวจนตาลายซิท่า ม่ะ...อ้าปากเร้วววว มาร์คจะจัดการหย่อนก้อนเหลืองๆให้อิ่มแปร้เชียว มาเร้วววววววววววว :lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ลูกนนทรี » Tue Oct 21, 2008 2:30 pm

อภิสิทธิ์ wrote:
ลูกนนทรี wrote: อย่าไปสนใจมันเลยครับชีวิตมันตื่นมา กิน ตอบกระทู้เลียนาย อุจจาระ กิน นอน ตื่น กิน ตอบกระทุ้เลียนาย รอแมสเซจ กิน นอน ไม่ตางกับวัฏจักรยุงลาย ในไฟลัมสัตว์ขั้นต่ำ




โถถถถถถถถถ....สงสัยคงหิวจนตาลายซิท่า ม่ะ...อ้าปากเร้วววว มาร์คจะจัดการหย่อนก้อนเหลืองๆให้อิ่มแปร้เชียว มาเร้วววววววววววว :lol:



เดี๋ยวก็รู้ล่ะว่าพ่อเหลี่ยมเอ็งเป็นไง
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 2:33 pm

LLTK wrote:อืมมันมาอีกแล้วครับท่าน กากเดน เมือ่ก่อนเคยคิดนะว่าจะจะตอบหรือเถียงกันด้วยเหตุผล แต่ตอนนี้ ถ้าดุจากการกระทำแล้ว กีอปปี้มาแปะ แล้วก้เถียงๆๆแบบ พวกมนุษย์ชั้นต่ำเขาทำกันพวกเราก็อย่าไปมองว่ามันมีค่าเลยครับ ผ่านๆเลยไปพวกนี้มันไม่ดูตัวเองหรอกครับ
ถ้าคิดว่าประเทศนี้ไม่ดีก้หนีคดีไปอยู่พ่อเมิงที่ลอนดอนก้ได้นะถ้าพ่อเมิงจ่ายให้อะ ไม่ก็รอพ่อเมิงมาติดคุกแล้วก็เอาอาหารที่พ่อเมิงชอบไปให้มันในคุกด้วยนะไม่มีใครว่าเมิงหรอกถ้าเมิงจะชอบทักษิน ก็ไปอยู่ด้วยกันตามสบาย มัวแต่รับเงินแล้วก็โพสแบบโง่ๆโชว์ความไม่มีสติปัญญาในการคิดออกมา ถ้ามีหลักฐานก้โชว์มาอย่ามัวแต่เห่าหอน หรือเลียไข่เจ้านายเพื่อขอเศษเงินไปวันๆถ้าเล่นเน็ทเป็นก็หาความรู้ใส่ตัวเองบ้างก็จะดี
มั่วแต่เข้าเวปโน้นออกเวปนี้ ก๊อปอันนี้ไปโพส์อันนั้นโชว์ว่ากูโง่ทุกเวปให้เขาด่าประจานความโง่เขลาของตัวเองถ้าแน่จริงก้โชว์ความมีสติปัญญาอันน้อยๆปรืออันเบากลวงแแกมาให้ดุบ้างก็ได้ หรือชอบโดนด่าว่าโง่ แอ๊ะหรือว่าไม่รู้ว่านี่เขาด่าหรือเขาชม เพราะไม่รู้ว่ามีเซลล์สมองเอาไว้แยกแยะออกหรือป่าว แต่ก็นะธรรมดาให้เงินเท่าไหร่ก็เท่านั้นได้เงินก็จบแต่ ขอแนะนำว่าไปอยู่กับพ่อในคุกหรือไม่ก็หนีคดีไปซุกตูดพ่อเมิงที่ลอนดอนก็ได้นะขี้เกียจพิมพ์หวะ เหมื่อยหวะยิ่งกว่าสีซออีกนะเนี่ยอย่างนี้สงสัยต้องเปลี่ยนที่กินหญ้าให้แล้วหละเพราะว่าหญ้าที่กินแถว ประชาไทย หรือฟ้าเดียวกัน มันเป้นกากเดนของหญ้าไม่ได้คุณภาพเพราะว่าโดนทักษินแดกไปก่อนแล้วฉลาดหน่อยเลยหนีไปได้พวกที่หนีไม่ได้ก็ก้แดกกากเดนหญ้าหรือขี้ไอ้เหลี่ยใต่อไปนะ พูดแล้วก็สงสารไม่โกรธไม่แค้นเลยนะเนี่ย อิอิอิอิอิอิอิอิอิ :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:



เป็นไงไอ้น้อง...ไปดูคลิปมาแล้วซิท่าเลยโมโหใหญ่เชียวที่ไม่น่าถูกแป๊ะลิ้มมันหลอกให้ไปตายเลย โธ่...เวงกำ!! :roll:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby samepong » Tue Oct 21, 2008 2:35 pm

ทันทีที่เห็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกรายการโทรทัศน์ช่อง 3 ผู้คนทั้งหลายในบ้านนี้เมืองนี้ที่ติดตามสถานการณ์การเมืองมาตลอดระยะเวลา 5-6 เดือน ต่างก็คิดว่า สถานการณ์ที่ค่อนข้างจะวิกฤตร้อนแรง คงจะสามารถผ่อนคลายลงได้เสียที

เพราะในรายการโทรทัศน์วันนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พูดชัดถ้อยชัดคำว่า หากท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านจะตัดสินใจลาออก

เหตุที่ท่านผู้บัญชาการทหารบก ปกติเป็นคนพูดน้อย ต้องพูดคำอันหนักแน่นนี้ออกมาก็เนื่องจากเกิดเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สั่งสลายการชุมนุมของประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดล้อมรัฐสภาตั้งแต่คืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 เพื่อขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

ทำไมต้องขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรัฐบาลที่สืบต่อจากรัฐบาลหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงต่างก็รู้ว่า อายุของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ยาวนานเกิน 3 เดือน เพราะนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก้าวขึ้นมาแทนนายสมัคร สุนทรเวช ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เฉดหัวพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะไปจัดรายการทำอาหารแสวงหาประโยชน์ ทั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรี

บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญห้ามไว้

เป็นการก้าวขึ้นมาท่ามกลางความขัดแย้งในพรรคพลังประชาชน แม้พวกเขาจะสามารถประนีประนอมกันได้ภายหลัง แต่รอยร้าวก็ยังดำรงอยู่ระหว่างกลุ่มก๊วนต่างๆ ในพรรคพลังประชาชน นั่นอย่างหนึ่ง

ขณะเดียวกันที่พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย ต่างก็มีปัญหาที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะพิจารณาชี้ขาดยุบหรือไม่ยุบในอีกไม่กี่วันนี้

แถมยังมีกรณีที่วุฒิสมาชิกร้องเรียนผ่านไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาคุณสมบัติของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีก

อนาคตของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จึงไม่น่าจะยืดยาวเกิน 3 เดือน

แต่ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทนไม่ได้ก็คือ การจับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แล้วตามมาด้วยการจับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ข้อหากบฏ ในขณะที่หน้าหนึ่งของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คือการเปิดฉากเจรจากับฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงทำให้ฝ่ายนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอบโต้ด้วยการปิดล้อมรัฐสภา ขัดขวางมิให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แถลงนโยบายได้ง่ายๆ

ใครเลยจะคิดว่า ท่าทางเซื่องๆ สุภาพบุรุษ แถมมีภูมิหลังมาจากการเป็นผู้พิพากษาจะกระหายเลือดได้ขนาดนี้

ตำรวจที่ไปเคลียร์พื้นที่ในเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ไปถึงรัฐสภาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ตั้งแถวแล้วยิงแก๊สน้ำตาตูมเข้าใส่ประชาชน จนกระทั่งขาขาด แขนขาด และล้มตาย เป็นความโหดร้ายที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในประเทศของเรา หลังจากที่มีบทเรียนมาแล้วหลายครั้งทั้ง 14 ตุลาคม 2516 6 ตุลาคม 2519 และพฤษภาคม 2535

กระนั้นก็มีนักสื่อสารมวลชนออกมาให้การรับรองว่า ปฏิบัติภารกิจการสลายการชุมนุมเป็นไปตามหลักการสากล

กระนั้นก็ยังมีวิญญูชนออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติความรุนแรง ทั้งๆ ที่ฝ่ายที่ถูกยิง ถูกฆ่า ถูกทำร้ายคือประชาชน

และนี่เองคือที่มาของคำว่า “ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็ลาออก!”

เชื่อว่ากว่าจะเปล่งคำพูดนี้ออกมาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เต็มไปด้วยความลำบากยากเข็ญ

ไม่ได้ลำบากยากเข็ญสำหรับความรู้สึกนึกคิด ใครก็คิดได้ คิดเป็น หากใครคนนั้นพอจะมีความเป็นคนอยู่บ้าง เพราะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยที่มือเปื้อนเลือดโลกทั้งโลกก็เห็นว่า ตำรวจภายใต้การบังคับบัญชาของตน (ตัวต้องการเข้าประชุมเพื่อแถลงนโยบายในวันรุ่งขึ้น จึงได้สั่งการให้เคลียร์พื้นที่ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาเข้าประชุมให้ได้) เข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยมขนาดนั้น

เข่นฆ่ารอบเช้าเพื่อให้มีการแถลงนโยบายให้ได้แล้วยังไม่พอ ช่วงบ่างและมืดค่ำการเข่นฆ่าก็ยังดำเนินต่อไปด้วยความเมามัน

“อยู่ได้ มึงอยู่ไป”

เสียงสัตว์นรกกระหายเลือดคำราม

นี่คือที่มาของคำว่า “เป็นผมก็ลาออก” ของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

เป็นคำพูดที่ผู้ใต้บังคับบัญชาพูดไปให้ผู้บังคับบัญชา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้คิด

แม้จะเป็นคำพูดด้วยความปรารถนาดีเพื่อให้เกิดการประพฤติปฏิบัติเป็นผู้เป็นคน เป็นมนุษย์มนา หรือมีความเป็นสุภาพบุรุษ ก็เป็นคำพูดที่ค่อนข้างเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจถูกตีความว่า ผู้พูดซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชากระด้างกระเดื่อง ปฏิวัติเงียบ ปฏิวัติหน้าจอ ฯลฯ อย่างที่หลายฝ่ายกำลังตีความกันอย่างสนุกสนาน

ทั้งๆ ที่ผู้พูด พูดด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ พูดแบบซื่อๆ ว่า ถ้าหากเป็นเขา เขาก็ต้องลาออก

ลืมคิดไปว่า วิธีการของสุภาพบุรุษนั้น ใช้กับคนหน้าด้านไม่ได้

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีรู้ไหมว่า การก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของเขา ทำให้พรรคพลังประชาชนที่เขาเป็นรองหัวหน้าพรรคอยู่ร้าว

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีรู้ไหม เมื่อเขาก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีประวัติต่างๆ ที่เขาอยากจะลืม จะต้องมีผู้คนขุดคุ้ยและตีแผ่สู่สาธารณะ เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสาธารณะที่สำคัญที่จะต้องถูกตรวจสอบ ผู้คนเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยาของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เคยวิ่งล็อบบี้ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญช่วยพี่ชาย (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ขณะนี้ก็มีการขุดคุ้ยมาให้สังคมรับรู้ หรือแม้กระทั่งหน้าห้องของข้าราชการผู้ใหญ่คนหนึ่งฆ่าตัวตายทั้งกลม ก็ยังมีการเล่าขานกันอยู่ไม่ขาดปาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รู้ไหมว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้

ขณะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รู้ไหมว่า พรรคพลังประชาชนที่ตัวสังกัด กกต.กำลังจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งลงโทษนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคอีกคนไปแล้ว นี่ก็ย่อมรู้อีก

แล้วนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้ซึ่งคอลัมนิสต์หลายต่อหลายฉบับยกย่องสรรเสริญว่าเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้ที่มีท่าทีอ่อนน้อม ถ่อมตน วาจาไพเราะเพราะพริ้ง

ถึงตอนนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็คงจะประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่า วิธีการของสุภาพบุรุษนั้นใช้ไม่ได้กับคนหน้าด้าน

การจัดการกับคนหน้าด้านนั้น มีแต่การใช้ตัวบทกฎหมายอย่างที่ศาลสถิตยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญเคยใช้กับนายกรัฐมนตรีที่หน้าด้านมาก่อนหน้านี้ให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วเท่านั้น
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 2:44 pm

ลูกนนทรี wrote:
เดี๋ยวก็รู้ล่ะว่าพ่อเหลี่ยมเอ็งเป็นไง


โถถถถถถถถถถถถถถถ....ก้อนเหลืองๆที่งับคงย่อยเร็วไปแหง๋เลยออกอาการเอ๋อแบบนี้ ใครๆก็รู้ดีว่าศารเลวมันไม่เป็นที่น่าเชื่อถือใดๆ ให้มันพล่ามไปหลายๆชั่วโมงไปเถอะ คนไทยส่วนใหญ่เค้าไม่สนใจอาการพล่ามน้ำลายแตกฟองของศารเลวหรอกจ้า คริ คริ :lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron