สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby Cherub Rock » Tue Oct 21, 2008 2:47 pm

samepong wrote:ทันทีที่เห็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกรายการโทรทัศน์ช่อง 3 ผู้คนทั้งหลายในบ้านนี้เมืองนี้ที่ติดตามสถานการณ์การเมืองมาตลอดระยะเวลา 5-6 เดือน ต่างก็คิดว่า สถานการณ์ที่ค่อนข้างจะวิกฤตร้อนแรง คงจะสามารถผ่อนคลายลงได้เสียที



อันนี้จากคมชัดลึกใช่มั้ยครับ คุ้นๆว่าเพิ่งได้อ่านมา
:idea: 1 ปีตุลาเลือด ฆาตรกรต้องไม่ลอยนวล
วันข้างหน้า ผู้มีอำนาจ จะไม่บังอาจฆ่าประชาชน
-->
User avatar
Cherub Rock
 
Posts: 2769
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:47 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Tue Oct 21, 2008 2:50 pm

samepong wrote:ทันทีที่เห็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ........



มันส์มือใหญ่เชียวน๊าพงษ์เอ๊ย!! ตัดแปะข้อมูลout of dateอย่างไม่อายตัวเองเล๊ย...ตกลงบิ๊กป๊อกเค้าเชื่องแล้วตอนนี้ ไม่ดูบ้างเล๊ย คริ คริ :lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ลูกนนทรี » Tue Oct 21, 2008 2:52 pm

อภิสิทธิ์ wrote:
ลูกนนทรี wrote:
เดี๋ยวก็รู้ล่ะว่าพ่อเหลี่ยมเอ็งเป็นไง


โถถถถถถถถถถถถถถถ....ก้อนเหลืองๆที่งับคงย่อยเร็วไปแหง๋เลยออกอาการเอ๋อแบบนี้ ใครๆก็รู้ดีว่าศารเลวมันไม่เป็นที่น่าเชื่อถือใดๆ ให้มันพล่ามไปหลายๆชั่วโมงไปเถอะ คนไทยส่วนใหญ่เค้าไม่สนใจอาการพล่ามน้ำลายแตกฟองของศารเลวหรอกจ้า คริ คริ :lol:



ศารเลวที่คุณว่าเนี่ยคุณก้รุ้นะว่าใครลงนามแต่งตั้ง พูดไรระวังปากหน่อยนะเดี๋ยวตามอีดาไปกินขี้ในคุก อย่าสักแต่พูด
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby loginofu » Tue Oct 21, 2008 5:37 pm

แจกตีนแปะหน้า (foe) แล้วก็ไม่ต้องไปเถียงกะมันครับ
ปล่อยมันบ้าไปคนเดียว

Do not feed the troll
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby samepong » Tue Oct 21, 2008 5:41 pm

อภิสิทธิ์ wrote:
samepong wrote:ทันทีที่เห็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ........



มันส์มือใหญ่เชียวน๊าพงษ์เอ๊ย!! ตัดแปะข้อมูลout of dateอย่างไม่อายตัวเองเล๊ย...ตกลงบิ๊กป๊อกเค้าเชื่องแล้วตอนนี้ ไม่ดูบ้างเล๊ย คริ คริ :lol:



แล้วผมบอกตรงไหนว่า อัพเดทข่าว คุรตีความเอาเอง ผมแค่ใช้มาตราการตอบโต้ระดับเดียวกัน ผมเห้นคุณชอบตัดแปะ ผมก้ตัดแปะมั้งดิ คุณตัดแปะผมยังไม่ว่าเลย ผมทำมั้งโวยวาย อะไรว้า คนเรา หน้าด้านวะ เค้าเชื่องหรือเปล่าไม่รู้อะ รู้แต่คนขยับเข้าหาชื่อสมหญิงเห้ย สมชายอะ

ประกาสนับจากนี้ ผมจะตัดแปะกระทุ้คุณไปเรื่อยๆๆ เป็นมาตราการตอบโต้ระดับเดียวกัน อิอิ :lol:
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ปุถุชน » Tue Oct 21, 2008 5:46 pm

อภิสิทธิ์ wrote:
ปุถุชน wrote:''บัตรเติมเงิน' ตัวใหม่เข้ามาทีไร ตั้งกระทู้ 'ปลาร้าเก่าในไหใหม่'
ขุด'ใบบอก'เก่าๆ มาให้สมาชิกเสรีไทยอ่านก่อนทุกที.......!!!

ทักษิณ จำเลยหนีหมายจับศาลยุติธรรมหลายคดีและบริวารที่รับผิดชอบในการผลิต'ใบบอก'
ไม่สามารถสร้างใบบอกใหม่ทันกาล...

หรือว่า'ใบบอกใหม่' ต้องมี'บัตรเติมเงิน'ใหม่กำกับด้วย.....
แต่คัดลอกจาก'ใบบอก'เก่าๆ ไม่ต้องเสียเงิน แค่ทำชดเชยนามแฝงเก่า....!!!


พวกเราต้องอ่านข้อความจากใบบอกเก่าซ้ำซาก......
โดยเฉพาะข้อความจากเวบบอร์ดประชาไท ราชดำเนิน ฟ้าเดียวกัน มติชน ฯลฯ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




และแล้วคุณปู่ปุก็ถองยาดองแต่หัววันเชียวน๊า ....เอามะขามเปียกม้ายก๊าบปู่ก๊าบ คริ คริ

:lol:


ฮืมม์ ยอมรับว่าเป็น 'บัตรเติมเงิน'.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Last edited by ปุถุชน on Tue Oct 21, 2008 5:48 pm, edited 1 time in total.
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby samepong » Tue Oct 21, 2008 5:48 pm

อัพเดทข่าวให้ก็ได้ เอาไปเลยไป อิอิ

วันนี้(21 ต.ค.)เวลา 14.00 น.องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษา ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกจำนวน 33 ไร่ มูลค่า 772 ล้านบาท ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฎิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีและเป็นเจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 ม.4 , 100 และ 122 ประมวลกฎหมายอาญา ม.33, 83, 86, 91, 152 และ 157 ขอให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน

โดยหลังศาลได้อ่านคำฟ้อง และผลการไต่สวนฝ่ายโจทก์ และ จำเลยแล้ว โดยจำเลยทั้ง 2 ปฎิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา

สำหรับประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่ จำเลยทั้ง 2 ยกเป็นข้อโต้แย้ง ประกอบด้วย เรื่องอำนาจของ คตส.ขัดหรือแย้ง รัฐธรรมนูญ เรื่อง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย ป.ป.ช.พ.ศ.2542 สิ้นสภาพไปจากการยึดอำนาจของ คปค.รวมทั้งข้อต่อสู้เรื่อง คตส.ไม่มีอำนาจในการสอบสวน อีกทั้ง การสอบสวนไม่ชอบตั้งแต่เริ่มต้น ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า ข้อโต้แย้งทั้งหมด ฟังไม่ขึ้น ส่วนบรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมายต่างๆก็ยังคงมีผลบังคับใช้ ต่อไป

ทั้งนี้ ในการอ่านคำพิพากษาช่วงแรก ศาลได้วินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายที่ จำเลยทั้ง 2 ยกเป็นข้อต่อสู้ โดยศาลฏีกาได้ชี้ว่า คตส. มีอำนาจในการตรวจสอบและยื่นฟ้องในคดีดังกล่าวได้ พร้อมกับชี้ว่า กองทุนฟื้นฟู ฯ เป็นหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ที่จะแจ้งความดำเนินคดี ผู้ที่ทำให้กองทุนฟื้นฟูเสียหายได้ ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยกฎหมาย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 ม.4 มีอำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินร่วมกับ รัฐมนตรี อื่น ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ใช้บังอยู่ ส่วนประเด็นข้อต่อสู้ที่ ทางฝ่ายจำเลยแย้งว่า กรณีที่เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีอำนาจการสั่งการคณะกรรมการกองทุนฟฟื้นฟูได้ ซึ่งมีพยานเบิกความว่า กรรมการแต่ละคนก็อยู่ใต้กำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ซึ่งมีสิทธิให้คุณให้โทษได้ ทั้งนี้ นายกฯ เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล มีอำนาจควบคุมราชการทั้ง ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น มีอำนาจ สั่งยับยั้ง และสั่งสอบสวน มีอำนาจบังคับบัญชา ทุกตำแหน่ง ในสังกัด ทุกกระทรวง ทบวง กรม ศาลจึงมีมติ 6 ต่อ 3 ชี้ว่า นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจกำกับและสั่งการกองทุนฟื้นฟูฯ ข้อต่อสู้ของจำเลย ทั้ง 2 มิอาจรับฟังได้

ประเด็นเรื่องทำให้กองทุนฟื้นฟูได้รับความเสียหายจากการประมูลซื้อขายที่ดินหรือไม่ จำเลยที่ 1 เป็นนายกรัฐมนตรี มีฐานะมั่งคั่ง เป็นบุคคลที่มีอำนาจ บารมี ทางการเมืองสูง การที่มีการประมูลราคาการขายที่ดินดังกล่าวจะได้ราคามากหรือได้น้อย ย่อมมีผลถึงสถานะทางการเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบอยู่ ขณะที่จำเลยที่ 2 เป็นภริยาและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไป โดยก่อนมีการประมูลขายที่ดิน ก็ได้มีข่าวแพร่กระจายไปก่อนแล้วว่า ภริยานายกรัฐมนตรีจะร่วมประมูลราคาด้วย และอาจกล่าวได้ว่าค่านิยมของข้าราชการส่วนใหญ่ มักจำยอมต่อผู้มีอำนาจ กระบวนการจัดการประมูลราคาครั้งที่ 2 ที่มีการกำหนดวงเงินมัดจำขั้นต่ำสูงถึง 100 ล้านบาท ทำให้สามารถกันผู้เข้าประมูลให้น้อยลง จึงมีผู้เสนอราคาเพียง 3 ราย ได้แก่ บริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเบิล เดเวอร์ล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 เสนอราคาสูงสุด แต่ยังต่ำว่าราคาขั้นต่ำที่เคยกำหนดไว้ในการประมูลครั้งแรก

เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร่วมประมูลทั้ง 2 รายรู้ว่ากำลังเสนอราคาแข่งกับจำเลยที่ 2 ซึ่งผู้ประมูลทั้ง 2 รายรู้ดีว่า ไม่สมควรชนะการประมูลครั้งนี้ จำเลยที่ 2 จึงชนะการประมูล จึงเป็นที่เห็นว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่สามารถขายที่ดินทั้ง 4 แปลงได้ประโยชน์เท่าที่ควร จึงถือเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมโดยชัดเจน ซึ่งต้องห้ามไม่กระทำตามมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542

การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดิน จึงถือว่าเป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรค 3 ส่วนที่จำเลยที่ 1 ทำอ้างว่าการลงนามยินยอมให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาซื้อขายเป็นเพียงการปฏิบัติตามระเบียบราชการนั้น เมื่อจำเลยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันพิสูจน์ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย องค์คณะผู้พิพากษจึงมีมติ 5 ต่อ 4 ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำฝ่าฝืน มาตรา 100 อนุ 1 ซึ่งต้องรับโทษตามมาตรา 122 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ข้อต่อสู้ของ จำเลยทั้ง 2 ฟังไม่ขึ้น

สำหรับปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการสุดท้าย ที่ดินพิพาท การที่จำเลยที่ 2 ร่วมประมูลราคา และทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท เนื่องจากสถานภาพของ จำเลยที่ 1ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายกฯซึ่งต้องห้าม ตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ จำเลยที่ 1 มีความผิด ต้องรับโทษ ตาม ม.100 องค์คณะมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าที่ดินพิพาท ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด ที่ดินพิพาทและทรัพย์สิน จึงไม่จำเป็นต้องริบตามกฎหมาย

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ตาม มาตรา 100 โดยองค์คณะผู้พิพากษามีมติ 5 ต่อ 4 ให้จำคุก 2 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นให้ยก สำหรับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 2 องค์คณะผู้พิพากษามีมติ 7 ต่อ 2 ให้ยกฟ้อง และให้เพิกถอนหมายจับ แต่ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 พร้อมประกาศตามพระราชกิจจานุเบกษา ในความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby Solidus » Tue Oct 21, 2008 6:29 pm

ลิ่วล้อ นช ทักษิณ ตัวไหนไม่ชอบ รธน 50 ก็ช่วยบอก นช ทักษิณ ด้วยว่าไม่ต้องอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา นะ :lol:

วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 16:43:35 น. มติชนออนไลน์

พลิกรัฐธรรมนูญ-ระเบียบ เปิดช่อง "แม้ว" อุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา หลังถูกตัดสินจำคุก 2 ปี

"ทักษิณ"มีสิทธิอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาล ฎีกา หลังถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องมีพยานหลักฐานใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฏอยู่ในสำนวนคดีและไม่รวมถึงการกลับ คำให้การของพยานในคดี

หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากาาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี 2 ปี และยกฟ้องคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ สถาบันการเงิน ถนนรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท



มีคำถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะสามารถยื่นอุทธรณ์ได้หรือไม่



คำตอบคือ สามารถยื่นได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา(สำหรับคดีนี้ต้องภายในวันที่ 19 ตุลาคม 2551)ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 278 วรรคสาม ที่กำหนดโดยระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ พ.ศ. 2551 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2551



ทั้งนี้เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ต้องคำพิพากษาต้องมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ



คำว่า "พยานหลักฐานใหม่" ตามระเบียบดังกล่าวหมายความว่า พยาน หลักฐานที่ยังไม่เคยปรากฏอยู่ในสำนวนคดีที่ผู้ต้องคำพิพากษาได้ยื่นอุทธรณ์ ตามระเบียบนี้ แต่ทั้งนี้พยานหลักฐานใหม่ย่อมไม่รวมถึงการกลับคำให้การของพยานในคดี



สำหรับรายละเอียดของระเบียบที่ประชุมใหญ่มี ดังนี้



อาศัยอำนาจตามมาตรา 278 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้ออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาล ฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้



1. พยานหลักฐานใหม่ที่จะยกขึ้นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกานั้นจะต้องเป็น พยานหลักฐานที่สำคัญและผู้ต้องคำพิพากษาไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้ว่า พยานหลักฐานดังกล่าวมีอยู่
และ จะต้องนำมาแสดงเพื่อประโยชน์ของตน ทั้งหากรับฟังพยานหลักฐานใหม่เช่นว่านั้นแล้วจะทำให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้องหรือยกคำร้องได้



2.ในกรณีที่มีพยานหลักฐานใหม่ ผู้ต้องคำพิพากษาอาจยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง



3. การอุทธรณ์ตามระเบียบนี้ให้ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองพร้อมด้วยสำเนา โดยอุทธรณ์จะต้องทำเป็นหนังสือใช้ถ้อยคำสุภาพและอย่างน้อยต้องมี
รายละเอียดดังต่อไปนี้



(๑) รายละเอียดโดยชัดแจ้งเกี่ยวกับพยานหลักฐานใหม่
(๒) สาเหตุที่ไม่อาจนำพยานหลักฐานใหม่มาแสดงต่อศาลในชั้นพิจารณา
(๓) เหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่าหากรับฟังพยานหลักฐานใหม่เช่นว่านั้นแล้วจะทำให้ข้อเท็จจริงใดเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ
(๔) ลายมือชื่อของผู้อุทธรณ์ ผู้เรียง ผู้เขียนหรือพิมพ์อุทธรณ์



4. เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้รับอุทธรณ์แล้วให้ ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์หรือผู้ร้องทราบเพื่อให้แก้อุทธรณ์ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ ถ้าได้รับคำแก้อุทธรณ์หรือพ้นกำหนดดังกล่าวแล้วแต่ไม่มีคำแก้อุทธรณ์ก็ให้ รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต่อไป



5. ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกผู้พิพากษา 5 คนเป็นองค์คณะทำหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์ที่ได้ยื่นต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตาม ระเบียบนี้ แต่ทั้งนี้องค์คณะผู้พิพากษาดังกล่าวจะต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นองค์คณะในการ พิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์ให้องค์คณะที่ได้รับเลือกตามวรรคหนึ่งตกลงกัน ว่า จะให้ผู้พิพากษาคนใดในองค์คณะทำหน้าที่เป็นเจ้าของสำนวน

ถ้าผู้พิพากษาคนใดในองค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ที่ได้รับมอบหมายไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ได้ด้วยเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ตามพระ ธรรมนูญศาลยุติธรรม ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกผู้พิพากษาคนอื่นทำหน้าที่แทนต่อไป



ให้องค์คณะผู้พิพากษาเลือกผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองหนึ่งคนทำหน้าที่เป็นเลขานุการองค์คณะพิจารณาอุทธรณ์



6. องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์มีหน้าที่ทำบันทึกความเห็นสรุปสำนวนเสนอต่อที่ประชุม ใหญ่ศาลฎีกาว่า อุทธรณ์ของผู้ต้องคำพิพากษาเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยระเบียบนี้ ที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่



กรณีที่เป็นการจำเป็น องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์อาจไต่สวนให้ได้ความจริงอย่างหนึ่งอย่างใดในเรื่องที่ เกี่ยวกับอุทธรณ์ของผู้ต้องคำพิพากษาเสียก่อนก็ได้ ในกรณีที่มีการไต่สวนให้แจ้งวันนัดไต่สวนให้ผู้ต้องคำพิพากษาและโจทก์หรือ ผู้ร้องทราบล่วงหน้าก่อนวันนัดไม่น้อยกว่า 15 วัน



7.เมื่อองค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ได้ทำบันทึกความเห็นสรุปสำนวนเสร็จเรียบร้อย แล้วให้เสนอที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อจัดให้มีการลงมติว่าจะรับอุทธรณ์ไว้ พิจารณาหรือไม่ ถ้าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติว่า เป็นอุทธรณ์ที่ชอบก็ให้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณา



8. เมื่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติให้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาแล้ว ให้องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ทำหน้าที่เป็นองค์คณะไต่สวนรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอ ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัย



ถ้าเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอื่น อันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาไต่สวนเพิ่มเติม ให้องค์คณะไต่สวนทำการไต่สวนพยานหลักฐานซึ่งอาจรวมทั้งการที่จะเรียกพยานที่ ไต่สวนมาแล้วมาไต่สวนใหม่ด้วยโดยไม่ต้องมีฝ่ายใดร้องขอ



เมื่อองค์คณะไต่สวนได้รวบรวมข้อเท็จจริงแล้วให้ส่งให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาล่วงหน้าก่อนวันลงมติไม่น้อยกว่า15 วัน



9.ผู้พิพากษาซึ่งเป็นหรือเคยเป็นองค์คณะในการพิจารณาพิพากษาคดีที่ผู้ต้องคำ พิพากษาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในที่ ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
ในเรื่องที่เกี่ยวกับอุทธรณ์ของผู้ต้องคำพิพากษาตามระเบียบนี้



10.ในวันลงมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้ผู้ต้องคำพิพากษาพร้อมทั้งโจทก์หรือผู้ร้องมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง



ในกรณีผู้อุทธรณ์เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้ได้รับโทษทางอาญา เมื่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ลงมติแล้ว ให้แจ้งผลของการลงมติให้ผู้ต้องคำพิพากษา และโจทก์ทราบในวันเดียวกันกับที่ได้มีมติ



ถ้าเป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่มา หากเห็นเป็นการสมควร ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะลงมติโดยโจทก์ไม่อยู่ก็ได้ ในกรณีที่ผู้ต้องคำพิพากษาไม่อยู่โดยไม่มีเหตุสงสัยว่าหลบหนีหรือจงใจไม่มา ฟัง ก็ให้ที่ประชุมใหญ่เลื่อนการประชุมไปจนกว่าผู้ต้องคำ พิพากษาจะมาศาล แต่ถ้ามีเหตุสงสัยว่าผู้ต้องคำพิพากษาหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟัง ให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องคำพิพากษา และเมื่อได้ออกหมายจับแล้วยังไม่ได้ตัวผู้ต้องคำพิพากษาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันออกหมายจับ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาลงมติไปได้และถือว่าผู้ต้องคำพิพากษาได้ทราบมติ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแล้ว



มติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้มีผลเท่ากับเป็นการพิพากษาหรือออกคำสั่ง โดยให้องค์คณะต่สวนเป็นผู้แจ้งหรืออ่านผลของมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้คู่ ความทราบ ส่วนรายละเอียดของมติที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาให้ดำเนินการจัดทำเป็นคำ พิพากษาหรือคำสั่งในภายหลัง แต่ทั้งนี้จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วันนับแต่วันลงมติ



ในกรณีอื่น ถ้าคู่ความทุกฝ่ายไม่มาศาล ในวันลงมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะให้งดการแจ้งหรืออ่านผลมติที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาก็ได้ ให้ผู้พิพากษาประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา มีอำนาจออกหมายหรือคำสั่งใด ๆ ตามที่เห็นสมควรเพื่อบังคับให้เป็นไปตามมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา



11.คำพิพากษาหรือคำสั่งตามมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ หรือองค์คณะไต่สวนเป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้วแต่กรณีให้ ส่งคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ทำให้คดีถึงที่สุดไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา พร้อมทั้งติดประกาศไว้ที่ศาลฎีกา



12.ให้นำข้อบังคับการประชุมใหญ่ศาลฎีกา มาใช้บังคับแก่การพิจารณาอุทธรณ์ตามระเบียบนี้โดยอนุโลม



ประกาศ ณ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิรัช ลิ้มวิชัย
ประธานศาลฎีกา
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby pochi » Tue Oct 21, 2008 8:17 pm

Added :lol:
RT @Cake_NBC: นายกฯแจงเรื่องที่เอาหมวกถุงยางมาสวมหัว อะไรที่ทำแล้วลดปัญหาได้ ก็พร้อมทำ "เป็นศีรษะผม ไม่ใช่ศีรษะของคนอื่น" #NBT
User avatar
pochi
 
Posts: 5035
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:24 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby Ixora » Wed Oct 22, 2008 6:28 am

ไอ้นี่มันก็หน้าด้านเนาะ แทนที่จะไปอยู่บอร์ดพวกคิดแบบเดียวกัน
มาหาเรื่องบอร์ดอื่นที่เขาคิดไม่เหมือน หรือว่าอยู่บอร์ดไหนก็ไม่มีใครเอา
เชิญไปบูชาศาสดาเหลี่ยมของเอ็งในคุกเหอะ จะได้เยี่ยมยัยดาเพื่อนเก่าเอ็งด้วย
อ้อ กลับออกมาแล้วคงใส่เสื้อเหลืองตามปกติสิ ไอ้ตัวมีหลายเขา หลายหัว
...ความชอบธรรมต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม...
User avatar
Ixora
 
Posts: 2103
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:11 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 8:50 am

ลูกนนทรี wrote:
ศารเลวที่คุณว่าเนี่ยคุณก้รุ้นะว่าใครลงนามแต่งตั้ง พูดไรระวังปากหน่อยนะเดี๋ยวตามอีดาไปกินขี้ในคุก อย่าสักแต่พูด



ต้นไม้เป็นพิษย่อมให้ลูกไม้ที่เป็นพิษเช่นเดียวกัน...ฉันใดฉันนั้น หว่ะ55555 :lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 8:54 am

samepong wrote:แล้วผมบอกตรงไหนว่า อัพเดทข่าว คุรตีความเอาเอง ผมแค่ใช้มาตราการตอบโต้ระดับเดียวกัน ผมเห้นคุณชอบตัดแปะ ผมก้ตัดแปะมั้งดิ คุณตัดแปะผมยังไม่ว่าเลย ผมทำมั้งโวยวาย อะไรว้า คนเรา หน้าด้านวะ เค้าเชื่องหรือเปล่าไม่รู้อะ รู้แต่คนขยับเข้าหาชื่อสมหญิงเห้ย สมชายอะ

ประกาสนับจากนี้ ผมจะตัดแปะกระทุ้คุณไปเรื่อยๆๆ เป็นมาตราการตอบโต้ระดับเดียวกัน อิอิ :lol:




ดีค่ะ...สำหรับดิฉันแล้ว ก็ที่มีตัวผู้มาเกาะชายกระโปรงเพื่อแจ้งเกิด ดิฉันถือว่าเป็นเกียรติยศค่ะ คริ คริ
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 8:59 am

Solidus wrote:ลิ่วล้อ นช ทักษิณ ตัวไหนไม่ชอบ รธน 50 ก็ช่วยบอก นช ทักษิณ ด้วยว่าไม่ต้องอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา นะ :lol:

วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 16:43:35 น. มติชนออนไลน์

พลิกรัฐธรรมนูญ-ระเบียบ เปิดช่อง "แม้ว" อุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา หลังถูกตัดสินจำคุก 2 ปี

"ทักษิณ"มีสิทธิอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาล ฎีกา หลังถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องมีพยานหลักฐานใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฏอยู่ในสำนวนคดีและไม่รวมถึงการกลับ คำให้การของพยานในคดี

หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากาาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี 2 ปี และยกฟ้องคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ สถาบันการเงิน ถนนรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท



มีคำถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะสามารถยื่นอุทธรณ์ได้หรือไม่



คำตอบคือ สามารถยื่นได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา(สำหรับคดีนี้ต้องภายในวันที่ 19 ตุลาคม 2551)ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 278 วรรคสาม ที่กำหนดโดยระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ พ.ศ. 2551 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2551



ทั้งนี้เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ต้องคำพิพากษาต้องมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ



คำว่า "พยานหลักฐานใหม่" ตามระเบียบดังกล่าวหมายความว่า พยาน หลักฐานที่ยังไม่เคยปรากฏอยู่ในสำนวนคดีที่ผู้ต้องคำพิพากษาได้ยื่นอุทธรณ์ ตามระเบียบนี้ แต่ทั้งนี้พยานหลักฐานใหม่ย่อมไม่รวมถึงการกลับคำให้การของพยานในคดี



สำหรับรายละเอียดของระเบียบที่ประชุมใหญ่มี ดังนี้



อาศัยอำนาจตามมาตรา 278 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้ออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาล ฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้



1. พยานหลักฐานใหม่ที่จะยกขึ้นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกานั้นจะต้องเป็น พยานหลักฐานที่สำคัญและผู้ต้องคำพิพากษาไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้ว่า พยานหลักฐานดังกล่าวมีอยู่
และ จะต้องนำมาแสดงเพื่อประโยชน์ของตน ทั้งหากรับฟังพยานหลักฐานใหม่เช่นว่านั้นแล้วจะทำให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้องหรือยกคำร้องได้



2.ในกรณีที่มีพยานหลักฐานใหม่ ผู้ต้องคำพิพากษาอาจยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง



3. การอุทธรณ์ตามระเบียบนี้ให้ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองพร้อมด้วยสำเนา โดยอุทธรณ์จะต้องทำเป็นหนังสือใช้ถ้อยคำสุภาพและอย่างน้อยต้องมี
รายละเอียดดังต่อไปนี้



(๑) รายละเอียดโดยชัดแจ้งเกี่ยวกับพยานหลักฐานใหม่
(๒) สาเหตุที่ไม่อาจนำพยานหลักฐานใหม่มาแสดงต่อศาลในชั้นพิจารณา
(๓) เหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่าหากรับฟังพยานหลักฐานใหม่เช่นว่านั้นแล้วจะทำให้ข้อเท็จจริงใดเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ
(๔) ลายมือชื่อของผู้อุทธรณ์ ผู้เรียง ผู้เขียนหรือพิมพ์อุทธรณ์



4. เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้รับอุทธรณ์แล้วให้ ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์หรือผู้ร้องทราบเพื่อให้แก้อุทธรณ์ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ ถ้าได้รับคำแก้อุทธรณ์หรือพ้นกำหนดดังกล่าวแล้วแต่ไม่มีคำแก้อุทธรณ์ก็ให้ รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต่อไป



5. ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกผู้พิพากษา 5 คนเป็นองค์คณะทำหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์ที่ได้ยื่นต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตาม ระเบียบนี้ แต่ทั้งนี้องค์คณะผู้พิพากษาดังกล่าวจะต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นองค์คณะในการ พิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์ให้องค์คณะที่ได้รับเลือกตามวรรคหนึ่งตกลงกัน ว่า จะให้ผู้พิพากษาคนใดในองค์คณะทำหน้าที่เป็นเจ้าของสำนวน

ถ้าผู้พิพากษาคนใดในองค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ที่ได้รับมอบหมายไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ได้ด้วยเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ตามพระ ธรรมนูญศาลยุติธรรม ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกผู้พิพากษาคนอื่นทำหน้าที่แทนต่อไป



ให้องค์คณะผู้พิพากษาเลือกผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมืองหนึ่งคนทำหน้าที่เป็นเลขานุการองค์คณะพิจารณาอุทธรณ์



6. องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์มีหน้าที่ทำบันทึกความเห็นสรุปสำนวนเสนอต่อที่ประชุม ใหญ่ศาลฎีกาว่า อุทธรณ์ของผู้ต้องคำพิพากษาเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยระเบียบนี้ ที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่



กรณีที่เป็นการจำเป็น องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์อาจไต่สวนให้ได้ความจริงอย่างหนึ่งอย่างใดในเรื่องที่ เกี่ยวกับอุทธรณ์ของผู้ต้องคำพิพากษาเสียก่อนก็ได้ ในกรณีที่มีการไต่สวนให้แจ้งวันนัดไต่สวนให้ผู้ต้องคำพิพากษาและโจทก์หรือ ผู้ร้องทราบล่วงหน้าก่อนวันนัดไม่น้อยกว่า 15 วัน



7.เมื่อองค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ได้ทำบันทึกความเห็นสรุปสำนวนเสร็จเรียบร้อย แล้วให้เสนอที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อจัดให้มีการลงมติว่าจะรับอุทธรณ์ไว้ พิจารณาหรือไม่ ถ้าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติว่า เป็นอุทธรณ์ที่ชอบก็ให้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณา



8. เมื่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติให้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาแล้ว ให้องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ทำหน้าที่เป็นองค์คณะไต่สวนรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอ ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัย



ถ้าเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอื่น อันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาไต่สวนเพิ่มเติม ให้องค์คณะไต่สวนทำการไต่สวนพยานหลักฐานซึ่งอาจรวมทั้งการที่จะเรียกพยานที่ ไต่สวนมาแล้วมาไต่สวนใหม่ด้วยโดยไม่ต้องมีฝ่ายใดร้องขอ



เมื่อองค์คณะไต่สวนได้รวบรวมข้อเท็จจริงแล้วให้ส่งให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาล่วงหน้าก่อนวันลงมติไม่น้อยกว่า15 วัน



9.ผู้พิพากษาซึ่งเป็นหรือเคยเป็นองค์คณะในการพิจารณาพิพากษาคดีที่ผู้ต้องคำ พิพากษาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในที่ ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
ในเรื่องที่เกี่ยวกับอุทธรณ์ของผู้ต้องคำพิพากษาตามระเบียบนี้



10.ในวันลงมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้ผู้ต้องคำพิพากษาพร้อมทั้งโจทก์หรือผู้ร้องมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง



ในกรณีผู้อุทธรณ์เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้ได้รับโทษทางอาญา เมื่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ลงมติแล้ว ให้แจ้งผลของการลงมติให้ผู้ต้องคำพิพากษา และโจทก์ทราบในวันเดียวกันกับที่ได้มีมติ



ถ้าเป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่มา หากเห็นเป็นการสมควร ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะลงมติโดยโจทก์ไม่อยู่ก็ได้ ในกรณีที่ผู้ต้องคำพิพากษาไม่อยู่โดยไม่มีเหตุสงสัยว่าหลบหนีหรือจงใจไม่มา ฟัง ก็ให้ที่ประชุมใหญ่เลื่อนการประชุมไปจนกว่าผู้ต้องคำ พิพากษาจะมาศาล แต่ถ้ามีเหตุสงสัยว่าผู้ต้องคำพิพากษาหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟัง ให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องคำพิพากษา และเมื่อได้ออกหมายจับแล้วยังไม่ได้ตัวผู้ต้องคำพิพากษาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันออกหมายจับ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาลงมติไปได้และถือว่าผู้ต้องคำพิพากษาได้ทราบมติ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแล้ว



มติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้มีผลเท่ากับเป็นการพิพากษาหรือออกคำสั่ง โดยให้องค์คณะต่สวนเป็นผู้แจ้งหรืออ่านผลของมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้คู่ ความทราบ ส่วนรายละเอียดของมติที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาให้ดำเนินการจัดทำเป็นคำ พิพากษาหรือคำสั่งในภายหลัง แต่ทั้งนี้จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วันนับแต่วันลงมติ



ในกรณีอื่น ถ้าคู่ความทุกฝ่ายไม่มาศาล ในวันลงมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะให้งดการแจ้งหรืออ่านผลมติที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาก็ได้ ให้ผู้พิพากษาประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา มีอำนาจออกหมายหรือคำสั่งใด ๆ ตามที่เห็นสมควรเพื่อบังคับให้เป็นไปตามมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา



11.คำพิพากษาหรือคำสั่งตามมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ หรือองค์คณะไต่สวนเป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้วแต่กรณีให้ ส่งคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ทำให้คดีถึงที่สุดไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา พร้อมทั้งติดประกาศไว้ที่ศาลฎีกา



12.ให้นำข้อบังคับการประชุมใหญ่ศาลฎีกา มาใช้บังคับแก่การพิจารณาอุทธรณ์ตามระเบียบนี้โดยอนุโลม



ประกาศ ณ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิรัช ลิ้มวิชัย
ประธานศาลฎีกา



"ภาพรอยเตอร์:ทักษิณมีความผิดก็เพราะคนจนรัก



ความผิดมหันต์!-รอยเตอร์นำเสนอภาพผู้พิพากษาตัดสินคดีจำคุกทักษิณ2ปี และภาพผู้สนับสนุนยกป้ายว่า"ทักษิณมีความผิด ก็เพราะว่าคนยากคนจนรัก" :lol: :lol: :lol:

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา รายการความจริงวันนี้ รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ และสำนักข่าวรอยเตอร์
21 ตุลาคม 2551

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ทันทีที่รู้ผลการตัดสินของศาลว่า ผลตัดสินดังกล่าวมีมูลเหตุจูงใจมาจากการเมือง เขาคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรมจากศาลไทย

ทั้งนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาจำคุกเขาเป็นเวลา 2 ปี ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในคดีจัดซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก

"ยังไม่พูด เดี๋ยวจะมีจดหมายลายมือผมออกไป...ทราบแล้ว หวังมาตั้งนานว่าจะเป็นแบบนี้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับ"รอยเตอร์"ภายหลังรับทราบผลคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ

เขาระบุอีกว่า "ไม่ต้องห่วง คดีนี้มันเป็นเรื่องการเมืองคุณก็รู้การเมืองเป็นอย่างไร"

ต่อข้อถามว่า ได้ทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศอังกฤษแล้วหรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ไม่มี ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว"

ดร.ปริญญาชมทักษิณ-นปช.ไม่ก่อเหตุจลาจลตามที่พธม.ปั่นกระแส
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตกุล นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้กับสรยุทธ์ สุทัศนะจินดาว่า เขารู้สึกชื่นชมอดีตนายกฯทักษิณและนปช.ที่ไม่ได้ก่อเหตุวุ่นวายใดๆขึ้น เพราะก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวกันว่าพ.ต.ท.ทักษิณอาจส่งสัญญาณให้นปช.หรือผู้สนับสนุนเขาออกมาก่อหวอดวุ่นวายประท้วงไม่ยอมรับผลตัดสิน

ดร.ปริญญาชี้ว่าเนื่องจากจำเลยอยู่ระหว่างหลบหนี ศาลจึงจะไม่มีการพิจารณาคดีอื่นอีกที่เป็นคดีอาญา เว้นแต่คดีทางแพ่งในคดียึดทรัพย์7.6หมื่นล้านบาท จะมีการดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านเดินทางมาจากนนทบุรีราว100คนเพื่อฟังศาลตัดสินคดีด้วยความสงบ โดยรู้ตั้งแต่ศาลจะขึ้นนั่งบัลลังก์ว่าอดีตนายกฯทักษิณต้องแพ้คดีแน่ พร้อมกับร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนว่าทำไมเสนอแต่ข่าวทำร้ายม็อบ ไม่เสนอข่าวม็อบทำร้ายตำรวจในวันที่7ต.ค.บ้าง

ไข่มุกดำแกนนำนปช.สังเวชพันธมิตร ปั่นข่าวนปช.จะบุกศาลวันนี้เพื่อก่อจลาจลล้มตัดสินคดีทักษิณ เพื่อระดมม็อบเข้าทำเนียบแค่นั้นเอง เหตุเนื่องจากนปช.ไม่เคยนัดหมายชุมนุมวันนี้เลยซักนิด ปล่อยให้ศาลตัดสินไปผลออกมาอย่างไรก็ตามนั้น แต่ขอนัดหมายอย่างเปิดเผยใส่เสื้อแดงไปเจอกันที่รัชมังคลาฯ1พฤศจิกายนนี้โดยสงบและเปิดเผย หยามวีระ สมความคิดจะกลายเป็นไร้ความคิดไม่สมดังคิดแน่ในวันนี้ เพราะไม่มีอะไรในกอไผ่

นายวีระ มุสิกพงษ์ และนายจตุพร พรหมพันธ์ ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ความจริงวันนี้ทางสถานีNBT กล่าวทางรายการเมื่อค่ำวานนี้(20ต.ค.)ด้วยท่าทางขบขันว่า ตอนนี้กลุ่มพันธมิตรกำลังสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกหลอนพวกกันเอง แล้วก็เชื่อกันไปเองว่า ทางกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)จะบุกไปยึดทำเนียบบ้าง จะบุกไปยึดศาลไม่ให้พิพากษาคดีของอดีตนายกฯทักษิณในวันนี้(21ต.ค.)บ้าง หรือหากทราบผลการตัดสินแล้วจะก่อความรุนแรงขึ้นบ้าง ซึ่งนับเป็นเรื่องเหลวไร้สิ้นดี เนื่องจากนปช.ไม่เคยระดมกันว่าจะจัดประชุมหรือชุมนุมอะไรทั้งนั้น เรื่องของศาลตัดสินคดีก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของศาลตัดสินไป ผลการตัดสินออกมาอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น

ด่าวีระ สิ้นความคิดจะเป็นวีระ ไม่สมดังคิด เหตุหลอกตัวเองนปช.จะจลาจลล้มศาลตัดสินคดีแม้ว"
นายวีระ สมความคิดก็ไปพูดจาเอิกเกริกว่านปช.จะก่อการจลาจลล้มศาลไม่ให้ตัดสินบ้าง หรือไม่เคารพศาลบ้าง ส่วนพลตรีจำลองก็ระดมพลที่ทำเนียบให้ควั่กกลัวนปช.จะบุกไปก่อเรื่อง ผมขอบอกผ่านรายการนี้เลยว่านายวีระ สิ้นความคิดคนนี้จะกลายเป็นนายวีระ ไม่สมความคิด เพราะนปช.จะไม่ออกมาซักคนเดียว"นายวีระ มุสิกพงษ์กล่าว

ขณะที่นายจตุพรกล่าวว่านปช.หรือคนเสื้อแดงต่างก็รู้กันว่าได้มีการนัดหมายกันในวันที่1พ.ย.นี้ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถานหัวหมาก จุที่นั่งได้5หมื่นคน เป็นการนัดหมายโดยเปิดเผยผ่านรายการความจริงวันนี้ออกไปทั่วประเทศ ไม่ได้กระทำปิดบัง และนปช.ไม่เคยไม่เคารพศาล สมัยที่ไปชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาปีกลาย แม้เราถูกตำรวจปราบปรามรุนแรง แถมแกนนำโดนจับเข้าคุก ก็เคารพกระบวนการยุติธรรม เคารพศาลตลอด ผิดกับพันธมิตรที่ไม่เคารพศาล โดนออกหมายจับก็เพิกเฉย เอาเด็กสตรีคนชรามาล้อมตัวเองไว้"
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 9:13 am

Ixora wrote:ไอ้นี่มันก็หน้าด้านเนาะ แทนที่จะไปอยู่บอร์ดพวกคิดแบบเดียวกัน
มาหาเรื่องบอร์ดอื่นที่เขาคิดไม่เหมือน หรือว่าอยู่บอร์ดไหนก็ไม่มีใครเอา
เชิญไปบูชาศาสดาเหลี่ยมของเอ็งในคุกเหอะ จะได้เยี่ยมยัยดาเพื่อนเก่าเอ็งด้วย
อ้อ กลับออกมาแล้วคงใส่เสื้อเหลืองตามปกติสิ ไอ้ตัวมีหลายเขา หลายหัว



การถูกความจริงตบหน้ามันย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดาสำหรับสาวกพันธมารระดับปลายแถวเฉกเช่น Ixora :lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby samepong » Wed Oct 22, 2008 9:17 am

ผมไม่รู้อะ ผมรู้แต่ดีใจ ที่ ทักษินติดคุก สำหรับคุณ ผมไม่รู้ก็หลอกตัวเองละกัน ผมขอสะใจกับคำว่า ทักศินติดคุก2ปี ก่อนแหละกัน

อย่างอื่นมันไม่ใช่เรื่องจริงแต่คุกสองปี เรื่องจริงแน่นอน เอิ๊กๆๆ

แล้วผมไปเกาะอะไรใครตอนไหน ผมแค่เห็นสุนัขมาเดิน ผมก็ไล่สุนัขแบบดีๆ เท่านั้นเอง เห็นขี้หมากองนึงผมก้กวาดๆๆ ไป ช่างหลงตัวเองยิ่งกระไร เดี๋ยวก็เจอิ foe หรอก
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby sanskrit_shower » Wed Oct 22, 2008 9:40 am

ฟังข่าวเมื่อเช้านี้ว่าทีมทนายแม้วจะอุทธรณ์

เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 50 เปิดช่องไว้ให้

แต่ของปี 40 ไม่มี

ผมจึงสงสัยว่า นี่คือข้อดีของรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ฝั่งเชียร์ทักษิณไม่พูดถึงหรือไม่

และสงสัยอีกว่า ถ้าหากไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ 50 แล้วจะอุทธรณ์ทำไม
User avatar
sanskrit_shower
 
Posts: 1141
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:52 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 9:47 am

samepong wrote:ผมไม่รู้อะ ผมรู้แต่ดีใจ ที่ ทักษินติดคุก สำหรับคุณ ผมไม่รู้ก็หลอกตัวเองละกัน ผมขอสะใจกับคำว่า ทักศินติดคุก2ปี ก่อนแหละกัน

อย่างอื่นมันไม่ใช่เรื่องจริงแต่คุกสองปี เรื่องจริงแน่นอน เอิ๊กๆๆ

แล้วผมไปเกาะอะไรใครตอนไหน ผมแค่เห็นสุนัขมาเดิน ผมก็ไล่สุนัขแบบดีๆ เท่านั้นเอง เห็นขี้หมากองนึงผมก้กวาดๆๆ ไป ช่างหลงตัวเองยิ่งกระไร เดี๋ยวก็เจอิ foe หรอก


ประเด็นก็คือ ทั่วโลกเค้าตบหน้ากระบวนการยุติธรรมของไทยอย่างชัดเจนโดยพร้อมใจกันยกย่องและให้เกียรติ์คุณทักษิณอย่างที่เป็นข่าว ประเด็นก็คือ คุณทักษิณมิได้รับการติดคุก 2 ปีจริงๆเลย ต่อให้พิพากษาประหารชีวิต...คุณทักษิณก็ยังได้รับการปกป้องจากสังคมโลกไม่ให้กลับมารับโทษมั่วๆในไทยอยู่ดี


ประเด็นก็คือ คิดดูแล้วฝ่ายไหนหนอที่กำลังกลายเป็น 'หมาหัวเน่า' น่าอับอายไปทั่วโลกขณะนี้!?! หว่ะ55555555 :lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 9:52 am

sanskrit_shower wrote:ฟังข่าวเมื่อเช้านี้ว่าทีมทนายแม้วจะอุทธรณ์

เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 50 เปิดช่องไว้ให้

แต่ของปี 40 ไม่มี

ผมจึงสงสัยว่า นี่คือข้อดีของรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ฝั่งเชียร์ทักษิณไม่พูดถึงหรือไม่

และสงสัยอีกว่า ถ้าหากไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ 50 แล้วจะอุทธรณ์ทำไม



ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การหาทางต่อสู้ มิใช่ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นงานฝ่ายเดียว คุณทักษิณพยายามปกป้องเกียรติภูมิของตัวเองทุกวิถีทางผ่านกระบวนการทางกฏหมายที่เปิดช่อง จึงถือได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่นิยมการต่อสู้แบบอหิงสาที่แท้จริง หากเป็นคนอื่นอาจเลือกใช้ความรุนแรงจัดการกับปัญหาไปนานแล้ว

ด้วยเหตุดังกล่าว....คนทั่วโลกจึงยกย่องคุณทักษิณอย่างที่ปรากฏไง
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby samepong » Wed Oct 22, 2008 10:07 am

อภิสิทธิ์ wrote:
sanskrit_shower wrote:ฟังข่าวเมื่อเช้านี้ว่าทีมทนายแม้วจะอุทธรณ์

เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 50 เปิดช่องไว้ให้

แต่ของปี 40 ไม่มี

ผมจึงสงสัยว่า นี่คือข้อดีของรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ฝั่งเชียร์ทักษิณไม่พูดถึงหรือไม่

และสงสัยอีกว่า ถ้าหากไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ 50 แล้วจะอุทธรณ์ทำไม



ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การหาทางต่อสู้ มิใช่ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นงานฝ่ายเดียว คุณทักษิณพยายามปกป้องเกียรติภูมิของตัวเองทุกวิถีทางผ่านกระบวนการทางกฏหมายที่เปิดช่อง จึงถือได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่นิยมการต่อสู้แบบอหิงสาที่แท้จริง หากเป็นคนอื่นอาจเลือกใช้ความรุนแรงจัดการกับปัญหาไปนานแล้ว

ด้วยเหตุดังกล่าว....คนทั่วโลกจึงยกย่องคุณทักษิณอย่างที่ปรากฏไง


ช่างกล้าต่อสู้แต่หนีคดี ตรรกะหลอนตัวเองจริง คุณหนูตัดแปะ

สรุปไปเลยอะไรได้ประโยชน์เงียบๆๆไว้ อะไรไม่ได้ประโยชน์ด่า ว่างั้นใช่ครับ คุณหนูหยาบคาย

แต่คุณจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า คุณไม่ใช่ผู้ดูแลหน่วยงานของรัฐ ในเมื่อคุณเป็นผู้นำประเทศแบบนี้ ฟังคำพิพากษาไหมเนี่ย เค้าระบุว่าคุณทักษินผิดเพราะเป้นผู้มีอำนาจหน้าที่ ไม่สามารถไปทำสัญญากับบุลคลในครอบครัวได้ มันบัญญัติไว้ใน รธน.ปี40 ทั้งสองฉบับเขียนเหมือนกัน 5ก็เขียนแบบนี้ ให้เอาฉบับไหนมาตัดสินมันก็ผิด และที่ผิด ผิดตาม พรบ.ปปช ปี42 ไม่ใช่ของรธน.ปี50 ช่างหลับหูหลับตาโพสจริงๆ คุณหนูหยบคาย คุณหนูตัดแปะ
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby sanskrit_shower » Wed Oct 22, 2008 10:11 am

อภิสิทธิ์ wrote:
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การหาทางต่อสู้ มิใช่ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นงานฝ่ายเดียว คุณทักษิณพยายามปกป้องเกียรติภูมิของตัวเองทุกวิถีทางผ่านกระบวนการทางกฏหมายที่เปิดช่อง จึงถือได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่นิยมการต่อสู้แบบอหิงสาที่แท้จริง หากเป็นคนอื่นอาจเลือกใช้ความรุนแรงจัดการกับปัญหาไปนานแล้ว

ด้วยเหตุดังกล่าว....คนทั่วโลกจึงยกย่องคุณทักษิณอย่างที่ปรากฏไง


ผมสงสัยว่าคุณต้องขึ้นต้นด้วยคำว่าประเด็นทุกครั้ง แล้วประเด็นของคุณมันคืออะไร ผมเห็นคุณตอบกระทู้แล้วใช้ประเด็นนำหน้า ตามนี้

" ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การหาทางต่อสู้
ประเด็นก็คือ ทั่วโลกเค้าตบหน้ากระบวนการยุติธรรมของไทยอย่างชัดเจน
ประเด็นก็คือ คิดดูแล้วฝ่ายไหนหนอที่กำลังกลายเป็น 'หมาหัวเน่า'"

ตกลงกระทู้นี้อะไรคือประเด็นของคุณกันแน่

เอาเถอะครับ ถ้าคุณคิดว่าประเด็นสำคัญของคุณมันอยู่ตรงนั้น แล้วก้พยายามจะให้คนอื่นเห็นว่ามันคือประเด็นสำคัญของคุณ

แต่ประเด็นสำคัญของผมคือ ถ้าไม่ยอมรับแล้วอุทธรณ์ทำไม
User avatar
sanskrit_shower
 
Posts: 1141
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:52 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby samepong » Wed Oct 22, 2008 10:14 am

sanskrit_shower wrote:
อภิสิทธิ์ wrote:
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การหาทางต่อสู้ มิใช่ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นงานฝ่ายเดียว คุณทักษิณพยายามปกป้องเกียรติภูมิของตัวเองทุกวิถีทางผ่านกระบวนการทางกฏหมายที่เปิดช่อง จึงถือได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่นิยมการต่อสู้แบบอหิงสาที่แท้จริง หากเป็นคนอื่นอาจเลือกใช้ความรุนแรงจัดการกับปัญหาไปนานแล้ว

ด้วยเหตุดังกล่าว....คนทั่วโลกจึงยกย่องคุณทักษิณอย่างที่ปรากฏไง


ผมสงสัยว่าคุณต้องขึ้นต้นด้วยคำว่าประเด็นทุกครั้ง แล้วประเด็นของคุณมันคืออะไร ผมเห็นคุณตอบกระทู้แล้วใช้ประเด็นนำหน้า ตามนี้

" ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การหาทางต่อสู้
ประเด็นก็คือ ทั่วโลกเค้าตบหน้ากระบวนการยุติธรรมของไทยอย่างชัดเจน
ประเด็นก็คือ คิดดูแล้วฝ่ายไหนหนอที่กำลังกลายเป็น 'หมาหัวเน่า'"

ตกลงกระทู้นี้อะไรคือประเด็นของคุณกันแน่

เอาเถอะครับ ถ้าคุณคิดว่าประเด็นสำคัญของคุณมันอยู่ตรงนั้น แล้วก้พยายามจะให้คนอื่นเห็นว่ามันคือประเด็นสำคัญของคุณ

แต่ประเด็นสำคัญของผมคือ ถ้าไม่ยอมรับแล้วอุทธรณ์ทำไม


แม้นคุณก็ ให้เค้าดิ้นๆๆ ไปอย่าไปห้าม ยิ่งดิ้นยิ่งแสดงกิริยาหยาบคาย ยิ่งรู้ถึงการอบรม ไปห้ามทำไมครับ เงียบไว้แล้วจากไปดีกว่า กระทู้นี่ไปไกลเกินหัวกระทู้แล้ว ผมจะไม่แวะมาแล้ว (ถ้าไม่เผลดกดเข้ามา)55 กระทู้นี้ออกนอกฝั่งแล้วครับ
User avatar
samepong
 
Posts: 1943
Joined: Mon Oct 13, 2008 4:15 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby sanskrit_shower » Wed Oct 22, 2008 10:26 am

samepong wrote:
แม้นคุณก็ ให้เค้าดิ้นๆๆ ไปอย่าไปห้าม ยิ่งดิ้นยิ่งแสดงกิริยาหยาบคาย ยิ่งรู้ถึงการอบรม ไปห้ามทำไมครับ เงียบไว้แล้วจากไปดีกว่า กระทู้นี่ไปไกลเกินหัวกระทู้แล้ว ผมจะไม่แวะมาแล้ว (ถ้าไม่เผลดกดเข้ามา)55 กระทู้นี้ออกนอกฝั่งแล้วครับ


ขอบคุณครับ แรกๆผมก็ให้ foe กับคุณคนนี้ในหลายๆ login ไป แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากอ่านความเห็นของทุกๆคนมากกว่า จึงพยายามอดทนอ่าน และตอบบ้าง แต่ว่าหลังจากอ่าน ความเห็นของคุณที่ใช้ชื่อ อภิสิทธิ์ ในหลายๆความเห็น ก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ foe ดีกว่า
User avatar
sanskrit_shower
 
Posts: 1141
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:52 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 3:59 pm

samepong wrote:
ช่างกล้าต่อสู้แต่หนีคดี ตรรกะหลอนตัวเองจริง คุณหนูตัดแปะ

สรุปไปเลยอะไรได้ประโยชน์เงียบๆๆไว้ อะไรไม่ได้ประโยชน์ด่า ว่างั้นใช่ครับ คุณหนูหยาบคาย

แต่คุณจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า คุณไม่ใช่ผู้ดูแลหน่วยงานของรัฐ ในเมื่อคุณเป็นผู้นำประเทศแบบนี้ ฟังคำพิพากษาไหมเนี่ย เค้าระบุว่าคุณทักษินผิดเพราะเป้นผู้มีอำนาจหน้าที่ ไม่สามารถไปทำสัญญากับบุลคลในครอบครัวได้ มันบัญญัติไว้ใน รธน.ปี40 ทั้งสองฉบับเขียนเหมือนกัน 5ก็เขียนแบบนี้ ให้เอาฉบับไหนมาตัดสินมันก็ผิด และที่ผิด ผิดตาม พรบ.ปปช ปี42 ไม่ใช่ของรธน.ปี50 ช่างหลับหูหลับตาโพสจริงๆ คุณหนูหยบคาย คุณหนูตัดแปะ



ปุ๊ดโธ่....กระบวนการตัดแต่งพันธุกรรมเน่าๆแบบ คตส. ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มคนที่แสดงความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจนกลับทำหน้าที่สืบสวน-สอบสวน-ชงข้อมูล-ส่งหลักฐานในสิ่งที่จะทำให้ศาลตัดสินออกมาในแนวทางที่สามารถตอบโจทย์เรื่องการยึดอำนาจ 19 ก.ย. 2549 ได้อย่างเนียนๆ ที่ไหนในโลกนี้เค้ายอมรับกระบวนการฮากลิ้งหมากับลิงดังกล่าวอย่างของพี่ไทยบ้างหล่ะ? ไหนลองยกตัวอย่างมาสัก 1 ชิ้นซิสมีพงษ์!! :lol:
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 4:05 pm

[quote="sanskrit_shower"

แต่ประเด็นสำคัญของผมคือ ถ้าไม่ยอมรับแล้วอุทธรณ์ทำไม[/quote]



ถามง่ายจัง...ที่ต้องอุทธรณ์ก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและแสดงให้เห็นว่าคุณทักษิณเลือกวิธีทางกฏหมายจัดการกับข้อกล่าวหาไง ส่วนกระบวนการ-ผลที่ออกมา...มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่ชาวโลกเค้าจะไม่ยอมรับหรือดูแคลนการเล่นปาหี่แบบเมื่อวาน

ต่างกรรม ต่างวาระ....คุณทักษิณมีหน้าที่แสดงตนเป็นผู้ที่เจริญแล้ว ส่วนองค์กรที่มีหน้าที่แสดงความยุติธรรมและโปร่งใสก็ต้องพร้อมที่จะรับคำวิจารณ์จากชาวโลกในผลของการกระทำมิใช่หรือ!?!
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 4:07 pm

sanskrit_shower wrote:
ขอบคุณครับ แรกๆผมก็ให้ foe กับคุณคนนี้ในหลายๆ login ไป แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากอ่านความเห็นของทุกๆคนมากกว่า จึงพยายามอดทนอ่าน และตอบบ้าง แต่ว่าหลังจากอ่าน ความเห็นของคุณที่ใช้ชื่อ อภิสิทธิ์ ในหลายๆความเห็น ก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ foe ดีกว่า



และแล้วก็หายลงรูว๊าบไปอีก 1 ราย...คริ คริ
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby G17 » Wed Oct 22, 2008 4:19 pm

^^ อ่าน มา นาน ได้ สมัคร ซะ ที

เเต่ เอ๊ะ . . จะ สมัคร จะ สม ชาย จะ ทักษิณ ก็ คุ ก ๆ ๆ ๆ ๆ

เเล้ว เกี่ยว กะ สมัคร สมาชิก ตรง ไหน เอิ้กๆๆๆ

เข้า ม า พล่าม นิด หน่อย ไป ดี กว่า


ไป หา ซื้อ ผัด กะ เพรา กะ โอ เลี้ยง

เตรียม ไป เยี่ยม คน ใน คุก :D
User avatar
G17
 
Posts: 3
Joined: Wed Oct 22, 2008 4:06 pm

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 4:50 pm

"แม่ค้า วินมอไซค์ แท็กซี่ ตร.อารยะขัดขืนหมอจุฬาฯ :idea: :idea: :idea:



หมดศรัทธาหมอจุฬาฯ-พ.ต.ต.สาโรจน์ นนทเศรษฐ อดีตนายตำรวจตม. เปิดใจทำเรื่องขอคืนบัตรบริจาคดวงตา และอุทิศร่างกายให้ร.พ.จุฬาฯใช้ศึกษา หลังหมอร.พ.จุฬาฯ ประกาศไม่รักษาตำรวจ ระบุไม่อยากให้เป็นที่รังเกียจของแพทย์และนิสิต (ที่มา: เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ข่าวสด)


แม่ค้าสามย่าน-มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ‘อารยะขัดขืน’ แพทย์-นิสิตแพทย์จุฬา

ผู้สื่อข่าวคมชัดลึกรายงานว่าหลังจากที่แพทย์บางกลุ่มออกมาประณามและปฏิเสธที่จะให้การรักษาตำรวจนั้น ล่าสุดแพทย์โรงพยาลจุฬาลงกรณ์ และนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า พ่อค้าแม่ค้าและร้านค้าหลายแห่งบริเวณสามย่าน กรุงเทพฯ ปฏิเสธขายสินค้าให้ ส่วนคนขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างก็ไม่ยอมให้บริการ สร้างความมึนงงให้แก่แพทย์และนิสิตอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม แพทย์และนิสิตจุฬาฯ แก้ปัญหาดังกล่าวโดยการฝากกันซื้ออาหารมารับประทาน เพราะต้องการลดแรงเสียดทานของสังคม และลดการเผชิญหน้า


ด้านศ.นพ.สมศักดิ์โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงกรณีที่แพทย์ถูกละเมิดสิทธิด้วยการที่ร้านค้าบางแห่งไม่ขายสินค้าให้ว่า เป็นเสรีภาพที่ผู้ประกอบอาชีพต่างๆ จะดำเนินการได้ตามที่ต้องการ เพราะไม่ได้มีจรรยาบรรณวิชาชีพมากำกับเหมือนวิชาชีพแพทย์ ฉะนั้น หากกลุ่มอาชีพใดที่จะไม่ขายสินค้า หรือให้บริการแก่กลุ่มแพทย์ ก็ควรจะมีการเขียนป้ายปิดไว้ที่หน้าร้านหรือสถานประกอบการ เพื่อที่แพทย์จะได้ไม่เข้าไปใช้บริการ ทั้งนี้ แพทย์ที่ออกมาแสดงออกด้วยการปฏิเสธที่จะไม่รับรักษาตำรวจ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีแพทย์คนใดที่ไม่รับรักษาตำรวจจริง และยังไม่มีตำรวจคนใดร้องเรียนมายังแพทยสภาว่าแพทย์ไม่รับรักษา


“ผมมองว่าที่แพทย์ออกมาดำเนินการเช่นนั้นเป็นเพียงต้องการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ที่ต้องการต่อต้านการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้นเพราะแพทย์ส่วนหนึ่งโทรศัพท์มาหาผม แสดงความคับข้องใจที่ในช่วงแรกที่มีการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ กระทั่งช่วงหลังจึงยอมให้แพทย์เข้าไป จนตำรวจสามารถถ่ายภาพเดี่ยวผู้ได้รับบาดเจ็บเก็บไว้ได้ ซึ่งแพทย์ก็ผิดหวังว่าทำไมไม่ให้เข้าไปช่วยคนเจ็บ ปล่อยให้นอนเจ็บปวดและตำรวจเข้าไปถ่ายรูปเดี่ยวเก็บไว้ได้อย่างไร แต่หากมองในแง่ดีตำรวจอาจเกรงแพทย์และพยาบาลจะได้รับอันตราย แต่ในความเป็นจริง ในยามสงครามไม่มีใครทำร้ายแพทย์และพยาบาล” ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าว

ตำรวจทำเรื่องยกเลิกบริจาค ‘อาจารย์ใหญ่’ รพ.จุฬา

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. พ.ต.ต.สาโรจน์ นนทเศรษฐ อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/95 แฟลตการเคหะ ซอยศรีบูรพา 18 ถ.ศรีบูรพา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ข้าราชการบำนาญ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งจดหมายมายังกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด ถึงการส่งคืนบัตรผู้แสดงความจำนงอุทิศดวงตา ของศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย และบัตรอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์ คืนแก่ร.พ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาด ไทย เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของแพทย์ทั้ง 2 สถาบัน ใช้อารมณ์โดยไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ ทำให้รู้สึกเสียใจมาก กับการที่ได้ยอมสละร่างกายและดวงตาเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาของแพทย์ จึงคิดว่าควรจะเปิดเผยให้สาธารณะได้รับทราบอาจเป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง



หนังสือที่ พ.ต.ต.สาโรจน์แจ้งไปยังผอ.ร.พ.จุฬา ลงกรณ์ มีใจความว่า ตามที่ตนได้แจ้งความจำนงอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาของแพทย์ ณ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่ปรากฏตามบัตรอุทิศร่างกายเลขที่ 8254 พร้อมทั้งได้อุทิศดวงตา ตามสำเนาบัตรเลขที่ เอ 018155 ไว้แล้วนั้น บัดนี้ได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนทั้งหลายว่า คณะแพทย์ ร.พ.จุฬาลงกรณ์จะไม่รับตรวจรักษาตำรวจ ทำให้รู้สึกตกใจมาก และเกรงว่าการอุทิศร่างกายเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ หรือแพทย์ที่ทำการศึกษา ตามที่สภากาชาดไทยกล่าวว่า เปรียบเสมือน "อาจารย์ใหญ่" นั้น อาจถูกปฏิเสธหรือรังเกียจจากคณะนักศึกษาและแพทย์ไม่ยอมรับร่างกายของตน ซึ่งเป็นตำรวจไว้ทำการศึกษาก็เป็นได้ ดังนั้นจึงขอถอนตัวออกจากการอุทิศร่างกายและดวงตาให้กับสภา กาชาดไทย เพื่อมิให้เป็นที่รังเกียจของคณะนักศึกษาและแพทย์ร.พ.จุฬาลงกรณ์ต่อไป พร้อมกันนี้ได้ส่งบัตรอุทิศร่างกายและดวงตาคืนไปด้วย



อนึงขอกราบเรียนด้วยความเคารพว่า การปฏิบัติของตนครั้งนี้ มิได้เกี่ยวข้องกับการเป็นสถาบันหรือองค์กรใดๆ ทั้งสิ้น การออกมาประกาศไม่รับรักษาตำรวจก็ดี การเดินขบวนต่อต้านการกระทำของตำรวจก็ดี ตนเห็นว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคณะแพทย์ทั้งจาก ร.พ.จุฬาลงกรณ์ และมหาวิทยาลัย แต่ถึงอย่างไรก็ตามขอกราบเท้าขอบพระคุณคณะแพทย์ทั้งหลายที่ได้ช่วยดูแลรักษาให้มีชีวิตยืนยาวมาถึง 80 ปี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะแพทย์ นิสิต นักศึกษาทั้งหลายจะได้มีจิตสำนึกที่ดีงาม


แทกซี่ไม่รับพันธมิตร ทนายพันธมิตรแจ้งความเล็งเอาผิด

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ต.ค. หลังจากกลุ่มพันธมิตรสลายการชุมนุมดาวกระจายที่ย่านสีลม ที่บริเวณสวนลุมพินี ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุรถแท็กซี่สีแดง เลขทะเบียน ทม.735 กทม. ปฏิเสธรับผู้โดยสารซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มพันธมิตร ภายหลังเกิดเหตุแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับรถหลบหนีมุ่งหน้าไปทางด้านหลังสวนลุมพินี บริเวณแยกหลังสวน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถสกัดจับได้


นายรังสรรค์ บัณฑุกุล อายุ 62 ปี ผู้ประสบเหตุกล่าวว่า ระหว่างที่แกนนำได้ประกาศยกเลิกชุมนุม ได้เรียกแท็กซี่คันดังกล่าว ที่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อจะไปรับประทานอาหารที่สหกรณ์กองทัพบกและเดินทางไปชุมนุมต่อที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่เปิดประตูเพื่อก้าวเข้าไปนั่งบนเบาะหลังของแท๊กซี่ได้ประมาณครึ่งตัว แต่แท็กซี่คันดังกล่าวปฏิเสธที่จะรับและออกรถทันที ทำให้ล้มลง หัวไหล่และข้อศอกได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ทนายความพันธมิตรจะแจ้งความกับตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันและเอาผิดกับแท็กซี่คันดังกล่าวต่อไป


ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกแจ้งว่า แท็กซี่ที่ปฏิเสธรับผู้โดยสารโดยไม่มีเหตุอันควร จะถูกปรับ 1,000 บาท ถูกตัด 20 คะแนน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 15 วัน"
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby Ixora » Wed Oct 22, 2008 4:58 pm

อภิสิทธิ์ wrote:
Ixora wrote:ไอ้นี่มันก็หน้าด้านเนาะ แทนที่จะไปอยู่บอร์ดพวกคิดแบบเดียวกัน
มาหาเรื่องบอร์ดอื่นที่เขาคิดไม่เหมือน หรือว่าอยู่บอร์ดไหนก็ไม่มีใครเอา
เชิญไปบูชาศาสดาเหลี่ยมของเอ็งในคุกเหอะ จะได้เยี่ยมยัยดาเพื่อนเก่าเอ็งด้วย
อ้อ กลับออกมาแล้วคงใส่เสื้อเหลืองตามปกติสิ ไอ้ตัวมีหลายเขา หลายหัว



การถูกความจริงตบหน้ามันย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดาสำหรับสาวกพันธมารระดับปลายแถวเฉกเช่น Ixora :lol:


ความจริงเหรอ

ความจริงก็คือ ทักษิณติดคุก ทักษิณติดคุก ทักษิณติดคุก

CNN ส่งข้อความเข้ามือถือคนทั่วโลกว่า

Exlied former Thai PM Thaksin Shinawatra
sentenced in absentia to two years in jail
after Bangkok court convicts him of corruption.


มันคือความจริงวันนี้ว้อย ทักษิณติดคุก
...ความชอบธรรมต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม...
User avatar
Ixora
 
Posts: 2103
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:11 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby อภิสิทธิ์ » Wed Oct 22, 2008 5:02 pm

Ixora wrote:
ความจริงเหรอ

ความจริงก็คือ ทักษิณติดคุก ทักษิณติดคุก ทักษิณติดคุก

CNN ส่งข้อความเข้ามือถือคนทั่วโลกว่า

Exlied former Thai PM Thaksin Shinawatra
sentenced in absentia to two years in jail
after Bangkok court convicts him of corruption.


มันคือความจริงวันนี้ว้อย ทักษิณติดคุก



กร๊ากกก.....เพ้อเจ้อจริงๆ คงเก็บกดน่าดูแหง๋ๆเพราะต้องไปนอนตากแดดหัวแดงข้างถนนและในทำเนียบซ็ไปซ้ำมาอย่างที่ไม่รู้ชะตากรรมว่าจะชนะเมื่อไหร่ คริ คริ

คุณทักษิณกำลังช๊อปปิ้งสบายในห้างแฮร์รอดเมื่อคืนนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆ
User avatar
อภิสิทธิ์
 
Posts: 485
Joined: Tue Oct 21, 2008 8:42 am

Re: สังคมไทยจะเป็นอย่างไรหลังพันธมิตรครองประเทศ!?!

Postby ลูกนนทรี » Wed Oct 22, 2008 6:28 pm

อภิสิทธิ์ wrote:
ลูกนนทรี wrote:
ศารเลวที่คุณว่าเนี่ยคุณก้รุ้นะว่าใครลงนามแต่งตั้ง พูดไรระวังปากหน่อยนะเดี๋ยวตามอีดาไปกินขี้ในคุก อย่าสักแต่พูด



ต้นไม้เป็นพิษย่อมให้ลูกไม้ที่เป็นพิษเช่นเดียวกัน...ฉันใดฉันนั้น หว่ะ55555 :lol:


หมายถึงแกหรอ?
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Previous

Return to สภากาแฟ



cron