ultra wrote:จบจุฬาใช่มั้ยครับ
จำเกียรตืภูมิจุฬาได้อยู่หรือเปล่า
pigdevil wrote:รั่วมากกว่า
sanskrit_shower wrote:ultra wrote:จบจุฬาใช่มั้ยครับ
จำเกียรตืภูมิจุฬาได้อยู่หรือเปล่า
ถามพี่ตู้หรือถามวราวุธ ฐานังกรณ์ครับpigdevil wrote:รั่วมากกว่า
เอ๊ะ ชื่อ pig คุ้นๆนะครับ ใช่ pig army ที่เคยแพ้พนันแล้วบอกว่าจะไม่โพสที่เสรีไทยบอร์ดเก่าหรือปล่าว
silance mobius wrote:sanskrit_shower wrote:ultra wrote:จบจุฬาใช่มั้ยครับ
จำเกียรตืภูมิจุฬาได้อยู่หรือเปล่า
ถามพี่ตู้หรือถามวราวุธ ฐานังกรณ์ครับpigdevil wrote:รั่วมากกว่า
เอ๊ะ ชื่อ pig คุ้นๆนะครับ ใช่ pig army ที่เคยแพ้พนันแล้วบอกว่าจะไม่โพสที่เสรีไทยบอร์ดเก่าหรือปล่าว
ถ้าใช่เดี๋ยวเค้าก็แก้ตัวว่านี่บอร์ดใหม่นะ
ที่พูดน่ะ พูดไว้ใน Board เก่า
ไล่‘ซูโม่ตู้’เช็กประสาท สวนทาง ปชต.
24 ต.ค. 2008
ไล่ “จรัสพงษ์ สุรัสวดี” ไปเช็กประสาทเพราะทำท่าจะเพี้ยนไปกันใหญ่ เสนอความคิดแบ่งแยกคนไทย ไม่ให้คนจบต่ำกว่าปริญญาตรีมีสิทธิเลือกตั้ง แถมยังด่าคนรากหญ้าเสียหาย ราวกับพวกศักดินาเป็นเจ้าของประเทศไทย กล่าวหาคนจนถ่วงความเจริญบ้านเมือง พร้อมประกาศออกหน้าออกตาหนุน “พันธมิตร-ประชาธิปัตย์” นักวิชาการดาหน้าถล่ม คนจบปริญญาตรีไถนาเป็นหรือเปล่า แถมที่ออกมาพูดยังไม่มีภูมิรู้เรื่องประชาธิปไตย ที่อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทยเท่าเทียมกัน ขณะเดียวกันข่าวลือปฏิวัติหึ่ง ห่วงทหารฉวยโอกาส “สมชาย” ไปนอกย้อนรอยยึดอำนาจอีกครั้ง
ฉะ“จรัสพงษ์ สุรัสวดี”หมิ่นศักดิ์ศรีคนจน
จากกรณี นายจรัสพงษ์ สุรัสวดี หรือที่รู้จักกันในนาม “ซูโม่ตู้” ได้อ้างตัวใกล้ชิดสถาบัน และอ้างความเป็นบุคคลชั้นสูง อยู่ในตระกูลที่มีนามสกุลพระราชทาน มีพ่อเป็นอดีตนายทหารใหญ่ และยังบอกเล่าความใหญ่โตด้วยการบอกว่าตัวเองพกปืนตลอดเวลา
รวมทั้งออกหน้าหนุนพันธมิตรฯ และประกาศเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน ได้ออกมาดูหมิ่นเหยียดหยามประชาชนคนรากหญ้าและกำลังจะเดินสายเปิดทอล์กโชว์ แบ่งแยกว่าเป็นคนอีกวรรณะหนึ่ง เป็นคนถ่วงความเจริญของประเทศชาติ แบบเดียวกับท่าทีของม็อบและพรรคการเมืองเก่าแก่ พร้อมทั้งเสนอให้คนที่เรียนหนังสือไม่ถึงระดับปริญญาตรี ไม่ให้มีสิทธิเลือกตั้งนั้น
ประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมหลาย ประการ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าขาดภูมิความรู้ในเรื่องระบอบประชาธิปไตย เป็นแนวคิดย้อนยุคแล้ว ยังเป็นแนวคิดศักดินาที่มุ่งแบ่งคนในชาติออกเป็นชนชั้น เป็นการดูถูกความเป็นคนของเพื่อนร่วมชาติ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมไทย
ไล่ “ซูโม่ตู้” ไปเช็กประสาท
รศ.ดร.ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าแนวความคิดดังกล่าวขัดกับหลักการของประชาธิปไตย การเป็นประชาธิปไตยจะต้องมีความทั่วถึง การเลือกตั้งคือความเสมอภาคของประชาชนในประเทศ และความเสมอภาคถือว่าเป็นแก่นของประชาธิปไตย จะรวย จะจน จะโง่ จะฉลาด ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน ไม่ทราบว่า นายจรัสพงษ์ไม่เข้าใจเรื่องนี้หรืออย่างไร
อย่างในสมัยก่อนก็มีการเรียกร้องถึงสิทธิสตรีให้มีสิทธิเลือกตั้ง จนในปัจจุบันก็เป็นที่ยอมรับเรื่องความเสมอภาค
“ผมว่าให้เขาเป็นเช็กประสาทดีกว่า รู้ได้ไงว่าคนรากหญ้าคิดไม่เป็น เขามีเรื่องประสบการณ์ชีวิต ถ้าเอาถึงที่สุดว่าเขาโง่ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิไปตัดสินเขาว่าเขาไม่ดี คุณพูดอย่างนี้ แสดงว่าคุณไม่รู้หลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย อย่าไปให้ราคาเรื่องที่เขาพูดเลย”
รศ.ดร.ประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม ว่าในประเทศแถบยุโรป ที่มีการเลือกตั้งแรกๆ ก็จำกัดให้ชนชั้นสูงมีสิทธิเท่านั้น แต่สุดท้ายก็มีการเรียกร้องให้คนทุกชนชั้นได้มีสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้นประเทศต้องมีวิวัฒนาการ ทำไมนายจรัสพงษ์ถึงคิดจะย้อนยุคไปอีก ไม่ทราบหลักสิทธิมนุษยชนหรืออย่างไร จึงแสดงท่าทีเป็นคนทวนโลก
รู้หรือเปล่าปชต.เป็นของทุกคน
ด้าน รศ.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าการเสนอแนวคิดเช่นนี้ ประชาธิปไตยก็จะเป็นเรื่องของผู้ที่จบปริญญาตรีเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ประชาธิปไตยเป็นของปวงชน นายจรัสพงษ์จะไปจำกัดได้อย่างไร
เรื่องการเรียกร้องการจำกัดสิทธิของประชาชนมีมาโดยตลอด ตั้งแต่ไม่ให้ผู้หญิงเลือกตั้ง จนเรียกร้องสิทธิสตรี สามารถเลือกตั้งได้ ต่อมาก็จำกัดให้บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปเลือกตั้ง จากที่เคยตั้งไว้อายุ 20 ปี
“เพี้ยน เป็นความคิดที่เพี้ยน แล้วปริญญาตรีของเขาก็ทำให้เขาเพี้ยน ปริญญาตรีโง่ก็มี ถามหน่อยว่าปริญญาตรีไถนาเป็นไหมล่ะ เขาไม่รู้จักสิทธิทางการเมือง สิทธิการปกครองหรืออย่างไร คนที่จบปริญญาตรีบางคนยังไม่รู้เรื่องการเมืองเท่ากับคนที่ไม่จบเลย แล้วอย่างนี้มันวัดกันได้หรือเปล่า”
คิดย้อนยุค-ดูถูกประชาชน
ผศ.จรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวว่า คนที่มีความคิดลักษณะนี้เป็นการดูถูกประชาชน มีความคิดเหมือนคน 100 ปีก่อนอย่างพวกอังกฤษ ที่มีการยอมรับคนชั้นสูง คนที่เสียภาษีมีสิทธิเลือกตั้ง
“มันไม่มีข้อพิสูจน์อะไรที่ชัดเจนว่าคนที่มีการศึกษาสูงกว่า หรือมีการศึกษาต่ำ จะตัดสินใจเลือกส.ส.ได้ดีกว่ากัน คนภาคใต้จะเรียนสูงเรียนต่ำก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีหลักไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเพราะว่าไปสนับสนุนพวกเผด็จการ”
ผศ.จรัล กล่าวต่อไปว่า การนำเสนอแนวคิดแบบนี้มันเข้าข่ายผิดหลักของระบอบประชาธิปไตยคือ 1.อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ไม่ควรมีการมาเสนอข้อจำกัดในการแบ่งแยกสิทธิดังกล่าว 2.การนำเสนอแนวคิดแบบนั้นเป็นการผิดหลักการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ที่ทุกคนต้องมีเสรี มีสิทธิเท่าเทียมกัน 3.ตอนนี้สภาพของประเทศไทยคนชั้นสูงที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปอาจจะ เลือกผิดก็ได้
“คนที่มีความคิดลักษณะนี้เป็นอันตรายมาก เพราะว่าไม่เชื่อในอำนาจของประชาธิปไตย ถูกแล้วที่ยอมรับว่าตนเองเป็นอำมาตยาธิปไตย” ผศ.จรัล กล่าว
ไม่ควรแยกคนด้วยการศึกษา
ทางด้านนพ.เหวง โตจิราการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า ทุกวันนี้เป็นที่ยอมรับกันในหลักสากลแล้วว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือมีการศึกษาสูงต่ำก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน
“ในบ้านเราจะเห็นว่าคนที่จบการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีมีมากที่สุดและถือได้ ว่าเป็นกำลังที่ไปประกอบในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมาดูถูกและมาทำการแบ่งแยกด้วยบรรทัดฐานเรื่องการศึกษา”
นพ.เหวง กล่าวต่อไปว่า ไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าบุคคลที่มีการศึกษา จะมีความคิดเห็นดีกว่าคนที่มีการศึกษาน้อยกว่าเสมอไป คนที่มีความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ท่าทีของนายจรัสพงษ์ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และด่าทออย่างกว้างขวางโดยเฉพาะทางสื่อวิทยุหลายรายการ โดยต่างก็มองกันว่านายจรัสพงษ์ดูถูกเหยียดหยามคนจน คนรากหญ้าที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นสิทธิในฐานะคนไทย การศึกษาไม่สามารถแบ่งแยกหรือกีดกันความเป็นคนไทยได้
นอกจากนี้ รศ.ดร.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า ขอให้นายจรัสพงษ์เดินสายทอล์กโชว์อย่างที่พูด เพราะจะได้ทราบว่ามีประชาชนที่คิดอย่างนี้จำนวนมากแค่ไหน จะได้ทราบว่าใครเป็นใคร ใครที่สนับสนุนการเมืองแนวคิดนี้ สังคมจะได้เห็นคนเหล่านี้แสดงตัวกันชัดๆ
ทั้งนี้ ต้องการทราบเช่นเดียวกันว่านายจรัสพงษ์มีแนวความคิดนี้ได้อย่างไร เกิดจากตรรกะ หรือมีเหตุผลอื่นสนับสนุน นักวิชาการเองก็จะได้ถกเกียงกันได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวคิดดัง กล่าว
Cherub Rock wrote:ไล่‘ซูโม่ตู้’เช็กประสาท สวนทาง ปชต.
24 ต.ค. 2008
ไล่ “จรัสพงษ์ สุรัสวดี” ไปเช็กประสาทเพราะทำท่าจะเพี้ยนไปกันใหญ่ เสนอความคิดแบ่งแยกคนไทย ไม่ให้คนจบต่ำกว่าปริญญาตรีมีสิทธิเลือกตั้ง แถมยังด่าคนรากหญ้าเสียหาย ราวกับพวกศักดินาเป็นเจ้าของประเทศไทย กล่าวหาคนจนถ่วงความเจริญบ้านเมือง พร้อมประกาศออกหน้าออกตาหนุน “พันธมิตร-ประชาธิปัตย์” นักวิชาการดาหน้าถล่ม คนจบปริญญาตรีไถนาเป็นหรือเปล่า แถมที่ออกมาพูดยังไม่มีภูมิรู้เรื่องประชาธิปไตย ที่อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทยเท่าเทียมกัน ขณะเดียวกันข่าวลือปฏิวัติหึ่ง ห่วงทหารฉวยโอกาส “สมชาย” ไปนอกย้อนรอยยึดอำนาจอีกครั้ง
ฉะ“จรัสพงษ์ สุรัสวดี”หมิ่นศักดิ์ศรีคนจน
จากกรณี นายจรัสพงษ์ สุรัสวดี หรือที่รู้จักกันในนาม “ซูโม่ตู้” ได้อ้างตัวใกล้ชิดสถาบัน และอ้างความเป็นบุคคลชั้นสูง อยู่ในตระกูลที่มีนามสกุลพระราชทาน มีพ่อเป็นอดีตนายทหารใหญ่ และยังบอกเล่าความใหญ่โตด้วยการบอกว่าตัวเองพกปืนตลอดเวลา
รวมทั้งออกหน้าหนุนพันธมิตรฯ และประกาศเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน ได้ออกมาดูหมิ่นเหยียดหยามประชาชนคนรากหญ้าและกำลังจะเดินสายเปิดทอล์กโชว์ แบ่งแยกว่าเป็นคนอีกวรรณะหนึ่ง เป็นคนถ่วงความเจริญของประเทศชาติ แบบเดียวกับท่าทีของม็อบและพรรคการเมืองเก่าแก่ พร้อมทั้งเสนอให้คนที่เรียนหนังสือไม่ถึงระดับปริญญาตรี ไม่ให้มีสิทธิเลือกตั้งนั้น
ประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมหลาย ประการ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าขาดภูมิความรู้ในเรื่องระบอบประชาธิปไตย เป็นแนวคิดย้อนยุคแล้ว ยังเป็นแนวคิดศักดินาที่มุ่งแบ่งคนในชาติออกเป็นชนชั้น เป็นการดูถูกความเป็นคนของเพื่อนร่วมชาติ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมไทย
ไล่ “ซูโม่ตู้” ไปเช็กประสาท
รศ.ดร.ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าแนวความคิดดังกล่าวขัดกับหลักการของประชาธิปไตย การเป็นประชาธิปไตยจะต้องมีความทั่วถึง การเลือกตั้งคือความเสมอภาคของประชาชนในประเทศ และความเสมอภาคถือว่าเป็นแก่นของประชาธิปไตย จะรวย จะจน จะโง่ จะฉลาด ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน ไม่ทราบว่า นายจรัสพงษ์ไม่เข้าใจเรื่องนี้หรืออย่างไร
อย่างในสมัยก่อนก็มีการเรียกร้องถึงสิทธิสตรีให้มีสิทธิเลือกตั้ง จนในปัจจุบันก็เป็นที่ยอมรับเรื่องความเสมอภาค
“ผมว่าให้เขาเป็นเช็กประสาทดีกว่า รู้ได้ไงว่าคนรากหญ้าคิดไม่เป็น เขามีเรื่องประสบการณ์ชีวิต ถ้าเอาถึงที่สุดว่าเขาโง่ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิไปตัดสินเขาว่าเขาไม่ดี คุณพูดอย่างนี้ แสดงว่าคุณไม่รู้หลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย อย่าไปให้ราคาเรื่องที่เขาพูดเลย”
รศ.ดร.ประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม ว่าในประเทศแถบยุโรป ที่มีการเลือกตั้งแรกๆ ก็จำกัดให้ชนชั้นสูงมีสิทธิเท่านั้น แต่สุดท้ายก็มีการเรียกร้องให้คนทุกชนชั้นได้มีสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้นประเทศต้องมีวิวัฒนาการ ทำไมนายจรัสพงษ์ถึงคิดจะย้อนยุคไปอีก ไม่ทราบหลักสิทธิมนุษยชนหรืออย่างไร จึงแสดงท่าทีเป็นคนทวนโลก
รู้หรือเปล่าปชต.เป็นของทุกคน
ด้าน รศ.ตระกูล มีชัย อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าการเสนอแนวคิดเช่นนี้ ประชาธิปไตยก็จะเป็นเรื่องของผู้ที่จบปริญญาตรีเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ประชาธิปไตยเป็นของปวงชน นายจรัสพงษ์จะไปจำกัดได้อย่างไร
เรื่องการเรียกร้องการจำกัดสิทธิของประชาชนมีมาโดยตลอด ตั้งแต่ไม่ให้ผู้หญิงเลือกตั้ง จนเรียกร้องสิทธิสตรี สามารถเลือกตั้งได้ ต่อมาก็จำกัดให้บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปเลือกตั้ง จากที่เคยตั้งไว้อายุ 20 ปี
“เพี้ยน เป็นความคิดที่เพี้ยน แล้วปริญญาตรีของเขาก็ทำให้เขาเพี้ยน ปริญญาตรีโง่ก็มี ถามหน่อยว่าปริญญาตรีไถนาเป็นไหมล่ะ เขาไม่รู้จักสิทธิทางการเมือง สิทธิการปกครองหรืออย่างไร คนที่จบปริญญาตรีบางคนยังไม่รู้เรื่องการเมืองเท่ากับคนที่ไม่จบเลย แล้วอย่างนี้มันวัดกันได้หรือเปล่า”
คิดย้อนยุค-ดูถูกประชาชน
ผศ.จรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวว่า คนที่มีความคิดลักษณะนี้เป็นการดูถูกประชาชน มีความคิดเหมือนคน 100 ปีก่อนอย่างพวกอังกฤษ ที่มีการยอมรับคนชั้นสูง คนที่เสียภาษีมีสิทธิเลือกตั้ง
“มันไม่มีข้อพิสูจน์อะไรที่ชัดเจนว่าคนที่มีการศึกษาสูงกว่า หรือมีการศึกษาต่ำ จะตัดสินใจเลือกส.ส.ได้ดีกว่ากัน คนภาคใต้จะเรียนสูงเรียนต่ำก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีหลักไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเพราะว่าไปสนับสนุนพวกเผด็จการ”
ผศ.จรัล กล่าวต่อไปว่า การนำเสนอแนวคิดแบบนี้มันเข้าข่ายผิดหลักของระบอบประชาธิปไตยคือ 1.อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ไม่ควรมีการมาเสนอข้อจำกัดในการแบ่งแยกสิทธิดังกล่าว 2.การนำเสนอแนวคิดแบบนั้นเป็นการผิดหลักการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ที่ทุกคนต้องมีเสรี มีสิทธิเท่าเทียมกัน 3.ตอนนี้สภาพของประเทศไทยคนชั้นสูงที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปอาจจะ เลือกผิดก็ได้
“คนที่มีความคิดลักษณะนี้เป็นอันตรายมาก เพราะว่าไม่เชื่อในอำนาจของประชาธิปไตย ถูกแล้วที่ยอมรับว่าตนเองเป็นอำมาตยาธิปไตย” ผศ.จรัล กล่าว
ไม่ควรแยกคนด้วยการศึกษา
ทางด้านนพ.เหวง โตจิราการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า ทุกวันนี้เป็นที่ยอมรับกันในหลักสากลแล้วว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือมีการศึกษาสูงต่ำก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน
“ในบ้านเราจะเห็นว่าคนที่จบการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีมีมากที่สุดและถือได้ ว่าเป็นกำลังที่ไปประกอบในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมาดูถูกและมาทำการแบ่งแยกด้วยบรรทัดฐานเรื่องการศึกษา”
นพ.เหวง กล่าวต่อไปว่า ไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าบุคคลที่มีการศึกษา จะมีความคิดเห็นดีกว่าคนที่มีการศึกษาน้อยกว่าเสมอไป คนที่มีความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ท่าทีของนายจรัสพงษ์ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และด่าทออย่างกว้างขวางโดยเฉพาะทางสื่อวิทยุหลายรายการ โดยต่างก็มองกันว่านายจรัสพงษ์ดูถูกเหยียดหยามคนจน คนรากหญ้าที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นสิทธิในฐานะคนไทย การศึกษาไม่สามารถแบ่งแยกหรือกีดกันความเป็นคนไทยได้
นอกจากนี้ รศ.ดร.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า ขอให้นายจรัสพงษ์เดินสายทอล์กโชว์อย่างที่พูด เพราะจะได้ทราบว่ามีประชาชนที่คิดอย่างนี้จำนวนมากแค่ไหน จะได้ทราบว่าใครเป็นใคร ใครที่สนับสนุนการเมืองแนวคิดนี้ สังคมจะได้เห็นคนเหล่านี้แสดงตัวกันชัดๆ
ทั้งนี้ ต้องการทราบเช่นเดียวกันว่านายจรัสพงษ์มีแนวความคิดนี้ได้อย่างไร เกิดจากตรรกะ หรือมีเหตุผลอื่นสนับสนุน นักวิชาการเองก็จะได้ถกเกียงกันได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวคิดดัง กล่าว
http://www.prachatouch.com/content.php?id=11641
เวิร์คไม่เบา
mebeam wrote:เป้นเอามาก
ทุกคนในที่นี้ อาจมีการศึกษา แล้วพ่อแม่คุณล่ะ ควรมีสิทธิ์เลือกตั้งหรือเปล่า
คนในนี้อยากให้บ้านเมืองเป็นอย่าง นายตู้ต้องการหรือเปล่า
savor wrote:สิทธิในการเลือกตั้งมันดูจากความเป็นมนุษย์ไม่ใช่เหรอครับ ???
ไม่ใช่ดูจากการศึกษา...
สำหรับคนที่ทุพลภาพ วิกลจริต หรือไม่อยู่ในฐานะที่จะใช้สิทธินั้นได้กฎหมายก็มีกำหนดไว้อยู่แล้ว...
ถ้านายตู้จะบอกว่า " ให้ลิงบาบูนอายุ 18 ปีที่อ่านออกเขียนได้ เลือกตั้งได้ "
ผมก็อยากถามนายตู้กลับไปว่า...
" ถ้านายตู้ศึกษาภาษาลิงบาบูนจนสื่อสารกับลิงได้ นายตู้จะมีสิทธิ์เข้าร่วมในการเลือกจ่าฝูงให้กับลิงบาบูนไหมครับ ??? "
มาใช้savor wrote:สิทธิในการเลือกตั้งมันดูจากความเป็นมนุษย์ไม่ใช่เหรอครับ ???
savor wrote:แล้วเจ้าสัว CP จบ ป.4 ได้เลือกตั้งไหมครับ ???
การศึกษาไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่ในห้องเรียนนี่ครับ
การที่อายุ 18 ปีมีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนริเริ่ม
มันไม่ได้แสดงว่า คุณได้จบชั้น ม.6 เรียบร้อยแล้ว
แต่มันแสดงให้เห็นคุณมีอายุมากพอที่ " น่าจะ " ศึกษาความเป็นไปของชีวิต เรื่องการเมือง มากพอสมควรแล้วต่างหาก
เขาไม่ได้ดูที่ คุณเรียนมามากขนาดไหน แต่เขาดูที่ คุณเข้าใจการเมือง คุณเข้าใจชีวิตมากขนาดไหนต่างหาก
ลองดูสิครับ... เด็กที่เรียนไม่จบ ต้องออกมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ลองพูดกับแต่ละคนดู วุฒิการศึกษาอาจไม่สูง แต่เขาเข้าใจโลก เข้าใจชีวิต มากกว่าเด็กวัยเดียวกันที่ยังอยู่ในห้องเรียนมาก
ดร. จบปริญญาเอก บางคนผมก็ยังเห็นเป็นพวกเก่งแต่ในตำราเลย
ถามว่าการศึกษาภายในห้องเรียนจะทำให้คุณมีวุฒิภาวะ มีความเข้าใจเรื่องการเมืองมากขึ้นเหรอครับ ???
ลองดูสิครับ... เด็กที่เรียนไม่จบ ต้องออกมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ลองพูดกับแต่ละคนดู วุฒิการศึกษาอาจไม่สูง แต่เขาเข้าใจโลก เข้าใจชีวิต มากกว่าเด็กวัยเดียวกันที่ยังอยู่ในห้องเรียนมาก
savor wrote:ถ้าจะบอกว่าชาวบ้านไม่เข้าใจประชาธิปไตย คุณต้องทำให้เขามีความรู้ในด้านนี้ ทำให้เขาสนใจครับ ไม่ใช่การจำกัดสิทธิด้วยวุฒิการศึกษา เพราะอย่างที่ผมบอกการศึกษาภายในห้องเรียนไม่ได้ช่วยคุณในเรื่องนี้เลย...
savor wrote:ผมว่าไอ้นายตู้มันหลงประเด็นไปไกลมากกว่าครับ...
อย่างที่บอกว่า
ถ้า กุลี มีสิทธิ์เท่าบัณฑิต แล้ว บัณฑิต จะเรียนไปทำไม ?
อันนี้ชัดเจนสุดเลย...
ตกลงแล้วคุณเรียนเพื่อรับสิทธิ์ความเป็นมนุษย์เหรอฮะ ???
ไม่ใช่นะครับ ความเท่าเทียมมันมีให้แก่ทุกคนอยู่แล้วในระบอบประชาธิปไตย
คุณมีโอกาสเรียนมากกว่า ก็เท่ากับคุณได้โอกาสหางานดีๆ มีรายได้สูงๆ ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมดี เท่านี้ยังเอาเปรียบคนที่เขาไม่มีโอกาสไม่พออีกหรือ ???
การที่เรียนจนเป็นบัณฑิตไม่ได้สื่ออะไรเลยครับ ว่าคนๆนั้นจะมีความรู้เรื่องบ้านเมืองเป็นอย่างไร
ระบอบประชาธิปไตยคือ คุณต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่ คุณต้องเชื่อใจในความดีของมนุษย์ คุณต้องให้โอกาสคนที่เขาด้อยกว่าคุณ
ถ้าคุณบอกว่าชาวบ้านไม่ได้สนใจการเมือง คุณก็ต้องดูที่ต้นเหตุสิครับ อย่างเขาต้องหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ก็เลยไม่มีเวลามาสนใจการเมือง ถามว่าความผิดเขาเหรอครับ ? ถามว่าถ้าชาวบ้านได้อยู่ดีกินดีเขาจะสนใจการเมืองมากขึ้นไหมครับ ?
นี่แหละครับคือ การแก้ปัญหาในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่การคิดว่าข้าแน่ ข้าเก่ง จนบังอาจไปลิดรอนสิทธิของคนอื่น...