MOU 43

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

MOU 43

Postby รักน้องพิณ » Fri Jul 30, 2010 9:12 pm

พธม. ว่าอย่าง
รัฐบาลว่าอีกอย่าง
ต่างคนต่างพูด

ทำไมไม่มานั่งถกกันออกทีวีไปเลย
ชาวบ้านจะได้หายข้องใจ
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร­!!
User avatar
รักน้องพิณ
 
Posts: 2710
Joined: Wed Feb 18, 2009 12:42 pm

Re: MOU 43

Postby 55555 » Fri Jul 30, 2010 9:26 pm

ความจริง ต่างคนต่างสื่อครับ...

ถ้าจะมองในแง่ร้าย....ต่างคนต่างรักษาผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง...

อย่างไรก็แล้ว เราเป็นผู้เสพข้อมูล....ก็พิจารณากันไป...เค้าจะว่ายังไงกันก็เรื่องของเค้า...

ผมกลับไปค้นอีกที ...เจอแล้วต้นฉบับ...ลองอ่านกันดูครับ...



http://www.praviharn.net/index.php?opti ... Itemid=144
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: MOU 43

Postby รักน้องพิณ » Fri Jul 30, 2010 9:41 pm

55555 wrote:อย่างไรก็แล้ว เราเป็นผู้เสพข้อมูล....ก็พิจารณากันไป...เค้าจะว่ายังไงกันก็เรื่องของเค้า...



บางคนไม่มี cable TV ไม่มี เน็ท แล้วเค้าจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ไหนจะเรื่องที่คนนึงถามแต่อีกคนไม่ตอบ(เหมือนกรณีแม้ว) หากออกทีวีแล้วจะได้ถามกันตรงๆ

ผมว่ารัฐบาลอาจจะไม่กล้าออก แต่พธม.คงอยากออกเต็มที่

ปล.ผมหมายถึง free TV นะครับ
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร­!!
User avatar
รักน้องพิณ
 
Posts: 2710
Joined: Wed Feb 18, 2009 12:42 pm

Re: MOU 43

Postby 55555 » Fri Jul 30, 2010 9:55 pm

ผมว่าเค้าตอบน๊ะครับ...เพียงแต่ อาจไม่ได้ตอบทั้งหมด...

กรณี ที่มาร์คบอกว่า....เอ็มโอยู ปี 43 มันเป็นประโยชน์อย่างไร...แล้วมันไปทำให้เขมรอึดอัดอย่างไร...

ผมเดาน๊ะครับ...(เดาอีกแล้ว)...ในฐานะรัฐบาล บางครั้งถ้าพูดอะไรตรง ๆ ไป มันจะไปกระทบความสัมพันธ์ ที่ยิ่งจะเลวร้ายลง...

เป็นเพื่อนบ้านกัน ยังไงก็ขอให้ทะเลาะกันเท่าที่จำเป็นก็พอ....เพราะ ประชาชนที่อยู่ชายแดนจะไม่มีความสงบสุข..

รัฐบาลคงสื่อเท่าที่จำเป็น....เลขา รมต.ต่างประเทศ ก็ออกตามรายการวิทยุ อยู่หลายรายการ ในช่วง 2-3 วันนี้...

เข้าใจว่า ในเรื่องการต่างประเทศ...เค้าคงระมัดระวังพอสมควร..เพราะภาพมันออกไปทั่วโลก..

ส่วนท่าทีพันธมิตรทำได้เต็มที่อยู่แล้ว เพราะ เป็นเพียงการเมืองภาคประชาชน..
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: MOU 43

Postby รักน้องพิณ » Fri Jul 30, 2010 10:17 pm

กระทู้นี้สงสัยเราคุยกัน 2 คน :mrgreen: :mrgreen:
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร­!!
User avatar
รักน้องพิณ
 
Posts: 2710
Joined: Wed Feb 18, 2009 12:42 pm

Re: MOU 43

Postby finder » Sat Jul 31, 2010 1:17 am

รักน้องพิณ wrote:พธม. ว่าอย่าง
รัฐบาลว่าอีกอย่าง
ต่างคนต่างพูด

ทำไมไม่มานั่งถกกันออกทีวีไปเลย
ชาวบ้านจะได้หายข้องใจ


ตอนนั้นศิริโชคบอกว่าจะมาออกASTV แต่เพราะเป็นสื่อที่คนดูได้ไม่แพร่หลาย

ทางASTVจึงท้าศิริโชคและนายกฯออกฟรีทีวีครับ เพื่อจะได้รับรู้ในวงที่กว้างกว่า

ผลก็คือ ทั้ง2คนอยู่ในกระดองครับ แต่ขยันพูดออกฟรีทีวีทุกวัน ลองคิดเองว่าใครจริง ใครเทียม
User avatar
finder
 
Posts: 3547
Joined: Fri Jun 11, 2010 8:26 pm

Re: MOU 43

Postby รักน้องพิณ » Sat Jul 31, 2010 1:20 am

finder wrote:
รักน้องพิณ wrote:พธม. ว่าอย่าง
รัฐบาลว่าอีกอย่าง
ต่างคนต่างพูด

ทำไมไม่มานั่งถกกันออกทีวีไปเลย
ชาวบ้านจะได้หายข้องใจ


ตอนนั้นศิริโชคบอกว่าจะมาออกASTV แต่เพราะเป็นสื่อที่คนดูได้ไม่แพร่หลาย

ทางASTVจึงท้าศิริโชคและนายกฯออกฟรีทีวีครับ เพื่อจะได้รับรู้ในวงที่กว้างกว่า

ผลก็คือ ทั้ง2คนอยู่ในกระดองครับ แต่ขยันพูดออกฟรีทีวีทุกวัน ลองคิดเองว่าใครจริง ใครเทียม

อ้อ มันเป็นเช่นนั้นแล
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร­!!
User avatar
รักน้องพิณ
 
Posts: 2710
Joined: Wed Feb 18, 2009 12:42 pm

Re: MOU 43

Postby 55555 » Sat Jul 31, 2010 8:07 am

ความจริง ผมว่า ปชป. เค้าก็พยายาม รักษามิตรภาพ กับ พันธมิตรพอสมควร....

การออกมานั่ง ดีเบต ในขณะที่เรื่องกำลังร้อน ผมยังไม่เห็นว่าได้ประโยชน์อะไร....

เช่นเดียวกัน กับ ตอนที่ เรืองไกร ท้าให้ ปานเทพ ให้ไปถามที่สภา ผมก็ยังไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร ที่จะต้องให้ปานเทพไปถามถึงสภา...

อย่างที่ผมบอก...เราเป็นผู้เสพข้อมูล เราก็ฟังมันทุกด้าน...แล้วเลือกที่จะเชื่อ...คงไม่มีใครไปทำอะไรให้คนเชื่อได้ทุกคนทุกเรืองหรอกครับ...

บางอย่างหากรัฐบาลทำไป มันก็ได้ความสะใจอย่างเดียว...แต่ไม่ได้ประโยชน์กับประเทศชาติ ก็ไม่ควรทำ
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: MOU 43

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Sat Jul 31, 2010 4:59 pm

โฆษก ปชป. ตั้งข้อสังเกตข้อความ MOU 2543 – TOR 2546 พบความแตกต่าง

(30 ก.ค. 53) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่าพรรคประชาธิปัตย์ขอร่วมยินดีกันกับคนไทยทั้งประเทศในความสำเร็จที่ทาง รัฐบาลได้คัดค้านการขออนุมัติแผนบริหารจัดการมรดกโลกของทางยูเนสโกได้สำเร็จ ทำให้การพิจารณานั้นจะต้องเลื่อนออกไปอีก 1 ปี

โดย ทางพรรคประชาธิปัตย์มีการประเมินว่าเหตุผลที่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการ ร่วมเดินทางไปยังกรุงบราซิเลียนั้นมีอยู่ 3 ข้อด้วยกันคือ

ข้อ ที่ 1 ทางยูเนสโกเห็นถึงการแสดงออกของประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่มีท่าทีไม่เห็น ด้วยต่อกรณีการขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวของทาง กัมพูชา ตลอดจนการนำเสนอแผนบริหารจัดการซึ่งมีข้อวิตกกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อ พื้นที่ที่ถือว่าเป็นอธิปไตยของชาติไทย

ข้อ ที่ 2 เพราะทางยูเนสโกได้เห็นท่าทีที่ชัดเจนของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่แตกต่างกันกับท่าทีของรัฐบาลในอดีตที่ให้การสนับสนุนการขอขึ้น ทะเบียนแต่เพียงฝ่ายเดียว และแม้ว่าแถลงการณ์ร่วมที่เคยเกิดขึ้นนั้นจะมีผลเป็นโมฆะแล้ว แต่ก็มีส่วนที่ทำให้ทางองค์กรยูเนสโกมีความเข้าใจในขณะนั้นว่าการดำเนินการ ต่อกรณีการขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารนั้นเป็นไปภายใต้ความเห็นชอบของรัฐบาล ทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดและเป็นท่าทีของรัฐบาลปัจจุบันที่แตกต่างไป เป็นข้อมูลทำให้ยูเนสโกได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้

ข้อ ที่ 3 การที่ยูเนสโกนั้น เล็งเห็นผลซึ่งอาจจะตามมาหากมีมติเห็นชอบแผนการบริหารจัดการมรดกโลกว่าอาจจะ เป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นทั้งระหว่างประเทศและในภูมิภาคขึ้นมาได้ ซึ่งก็จะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรระหว่างประเทศ (ยูเนสโก) ที่การอนุรักษ์มรดกของโลกนั้นจะต้องไม่เป็นการก้าวล่วงบูรณภาพของดินแดนหรือ อธิปไตยของประเทศหนึ่งประเทศใดหรือสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นภายใต้ใน พื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดในโลกนี้

อย่างไร ก็ตามโฆษกพรรคกล่าวว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นว่าผลสืบเนื่องจากการชะลอการอนุมัติแผนการบริหารจัดการเขาพระ วิหารนั้นทำให้ทางประเทศไทยมีเวลาอีก 1 ปีในการที่จะสานต่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและหาทางออกที่อยู่บนพื้นฐาน ของการเคารพศักดิ์และศรีและอธิปไตยของประเทศไทยในการที่จะให้บริเวณปราสาท เขาพระวิหารนั้นสามารถที่จะเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้นั้นก็จะต้องอยู่บนพื้นฐานของการตกลงร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ คือระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา

ใน ขณะเดียวกันเรื่องนี้จะส่งผลย้อนกลับไปต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี 2551 อย่างไรบ้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าทางกัมพูชาเองจะเข้ามาขอหารือกับประเทศไทย ในลักษณะใดบ้าง แต่ประเทศไทยก็ยืนยันว่าในเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดำเนินการเป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องของเขตแดน แต่การมีข้อตกลงหรือความเข้าใจที่คืบหน้าในเรื่องของการปักปันเขตแดนก็จะ เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้มีความชัดเจนในเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่ บริเวณมรดกโลกว่าความรับผิดชอบของทางฝ่ายกัมพูชาและของฝ่ายไทยร่วมกันนั้นจะ มีอย่างไรบ้าง

ต่อ กรณีที่ทางพรรคเพื่อไทยได้ออกมาให้ข่าวในลักษณะที่โจมตีท่าทีของรัฐบาลไทย คล้าย ๆ ว่าเป็นการเล่นการเมืองตามกระแสเพื่อกลบเกลื่อนเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อ เดือนพฤษภาคมนั้น นพ.บุรณัชย์ โฆษกพรรคฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระและไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ใน 2 ด้านต่อกรณีเรื่องนี้

ข้อที่ 1 รัฐบาลชุดนี้มีความสำนึกและปฎิบัติหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยของชาติไทย ตามที่รัฐบาลทุกรัฐบาลควรที่จะกระทำ

ข้อ ที่ 2 การดำเนินการในส่วนนี้ต้องยอมรับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลในอดีตในเคย สร้างไว้ หลังจากที่เคยมีพฤติกรรมที่เอาผลประโยชน์ส่วนตัวแลกเปลี่ยนกันกับผลประโยชน์ ของประเทศ ทำให้เกิดปัญหาตามมาหลายประการ

“กรณี ดังกล่าวนั้นผมคิดว่าเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งชาติในวันนี้ควรที่จะร่วมมือ ร่วมใจกันรักษาอธิปไตยของประเทศต่อไปในอนาคต น่าที่จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”

โฆษก พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าสำหรับกรณีเรื่องนี้ก็มีความเข้าใจผิดของบางฝ่าย ที่เข้าใจคลาดเคลื่อนว่าปัญหาส่วนหนึ่งนั้นเกิดขึ้นจากข้อผูกพันจากบันทึก ความเข้าใจสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย เมื่อปี 2543 โดยเข้าใจว่ามีความพยายามโยงว่าส่งผลต่อการยอมรับแผนที่ที่ทางกัมพูชาใช้ใน การต่อสู้คดีที่ศาลโลกเมื่อปี 2505 ซึ่งเป็นแผนที่ที่ทำโดยประเทศฝรั่งเศสคือแผนที่ 1: 200,000

“ขอยืนยันว่า MOU ปี 2543 นั้นไม่มีส่วนอื่นใดเลยที่ยืนยันการยอมรับแผนที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด ในทางกลับกัน MOU นั้น เป็นการทำให้ทางประเทศกัมพูชานั้นจำเป็นต้องยอมรับว่ากรณีรายละเอียดและการ ปักปันเขตแดนทั้งหมดนั้นจะต้องดำเนินการภายใต้คณะกรรมาธิการร่วม ภายใต้ความเห็นชอบของทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีการสำรวจปักปันและรับรองก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการได้รับรองจากรัฐสภาของประเทศไทยด้วย ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวนั้นขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้นและ เป็นเหตุผลสำคัญจาก MOU 2543 ที่ทำให้ทางกัมพูชาในการยื่นขอจดทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี 2551 นั้นได้ยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่มีผลต่อการปักปันเขตแดน ซึ่งต้องเป็นไปตาม MOU ปี 2543”

“ที่ทางนักวิชาการได้มาแสดงความคิดเห็นว่ามีการอ้างถึงแผนที่ 1: 200,000 ทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์นั้น ยืนยันว่าผลผูกพันจาก MOU ปี 43 นั้นทำให้สิ่งดำเนินการทุกอย่างที่ตามมาจะต้องเป็นไปตามความเห็นพ้องต้องกัน ของคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย แต่ผลหนึ่งที่มีการระบุรายละเอียดของแผนที่ 1:200,000 นั้น เกิดขึ้นในการจัดทำแผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ในการสำรวจเขตแดนร่วมเมื่อปี 2546 (TOR 2546) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าถ้อยความเกือบทั้งหมดนั้นได้คัดลอกมาจาก MOU ปี 2543 ของรัฐบาลชวนเกือบครบถ้วนทั้งสิ้น ยกเว้นย่อหน้าเดียวคือในข้อ 1 C เดิมที่ทางรัฐบาลในขณะนั้นได้ระบุชัดเจนว่าให้อ้างอิงถึงบรรดาแผนที่ระวาง ต่างๆที่เคยมีการสำรวจ เพื่อที่จะทำให้ทางกัมพูชานั้นจำเป็นที่จะต้องถอยจากการยึดแผนที่ระวางเดียว คือระวาง 1:200,000 นั้น เมื่อมีการจัดทำแผน TOR 2546 ในรัฐบาลต่อมาในข้อเดียวกันซึ่งในบันทึกทั้งหมดนั้นก็มีการจำลองและคัดลอก ถ้อยความมาจากเอ็มโอยูปี 43 โดยสมบูรณ์ ยกเว้นข้อ1.1.3ที่มีการเพิ่มวงเล็บและมีการระบุแผนที่ระวาง 1:200,000 เป็นครั้งแรกซึ่งข้อผูกพันกับกรณีดังกล่าวนั้น แม้ว่าจะยืนยันว่าไม่ได้มีผลเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นทั้งต่ออธิปไตยของชาติและ ต่อการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น ผมคิดว่าประเด็นที่จะต้องศึกษาผลกระทบต่อไปนั้นก็คือหากข้ออ้างหรือเหตุผล ของทางนักวิชาการหรือฝ่ายพรรคการเมืองใหม่ที่พูดถึงผลผูกพันจากการอ้างอิง ถึงแผนที่ 1:200,000 ก็อยากที่จะให้มีความชัดเจนว่าการอ้างอิงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในปี 2543 ในสัญญาระหว่างประเทศ แต่เกิดขึ้นในปี 2546 เป็นรัฐบาลคนละชุดกันกับรัฐบาลชวน หลีกภัยในขณะนั้น”

Image Image


ก็ลองอ่านดูครับ
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: MOU 43

Postby noway2know » Sat Jul 31, 2010 5:23 pm

55555 wrote:ความจริง ผมว่า ปชป. เค้าก็พยายาม รักษามิตรภาพ กับ พันธมิตรพอสมควร....
การออกมานั่ง ดีเบต ในขณะที่เรื่องกำลังร้อน ผมยังไม่เห็นว่าได้ประโยชน์อะไร....
เช่นเดียวกัน กับ ตอนที่ เรืองไกร ท้าให้ ปานเทพ ให้ไปถามที่สภา ผมก็ยังไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร ที่จะต้องให้ปานเทพไปถามถึงสภา...
อย่างที่ผมบอก...เราเป็นผู้เสพข้อมูล เราก็ฟังมันทุกด้าน...แล้วเลือกที่จะเชื่อ...คงไม่มีใครไปทำอะไรให้คนเชื่อได้ทุกคนทุกเรืองหรอกครับ...
บางอย่างหากรัฐบาลทำไป มันก็ได้ความสะใจอย่างเดียว...แต่ไม่ได้ประโยชน์กับประเทศชาติ ก็ไม่ควรทำ

เรืองไกร กับ ปานเทพ เป็นเรื่องระหว่างบุคคลกับบุคคลนะค่ะ
แต่กรณีเขาพระวิหาร เป็นเรื่องของประเทศชาติ
คนไทยส่วนใหญ่ก็คงสงสัยเหมือนกันมันยังไงกันแน่


ปี 2505 ศาลโลกตัดสินให้เขมรได้แต่ตัวปราสาทไป
แต่พื้นที่โดยรอบเป็นของประเทศไทย
พอมาถึงตอนนี้ พื้ันที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร กลายไปเป็นพื้ันที่ทับซ้อนไปได้ัยังไง


การลงนามที่ผ่าน ใครทำอะไรไว้บ้าง มีผลยังไง
การบุกรุกของเขมร ที่อยู่ในดินแดนเราตอนนี้ มันเป็นเรื่องจริง
รัฐบาลจะแก้ปัญหายังไง เขมรบุกรุกพื้นที่เรามากขึ้นทุกวัน
คำถามพวกนี้ ....รัฐบาล ก็ควรตอบคนไทยให้ชัดเจนด้วยนะค่ะ


ึคลิปคุณวีระ สมความคิด อธิบายข้อมูลจากการลงพื้นที่จริง
สรุปพื้นที่ที่เขมรบุกรุกดินแดนไทย



คลิปนายกอภิสิทธิ์....อภิปรายเรื่องเขาพระวิหาร
สมัยเป็นฝ่ายค้าน...ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
รัฐมนตรีต่างประเทศ...นายนพดล ปัทมะ
เขมรได้แค่ตัวปราสาทไป....พื้นที่โดยรอบเป็นของไทย

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000105524&#Comment

Image

"นายกอภิสิทธิ์"ครั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน 24 มิ.ย.51 ขณะอภิปรายรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช กรณีปราสาทพระวิหาร เคยย้ำชัดค้านแผนที่ฝรั่งเศส 1 ต่อ 2 แสน ยึดหลักสันปันน้ำ อ้างอิงคำตัดสินศาลโลกให้เฉพาะตัวปราสาทเป็นของเขมร พื้นที่โดยรอบยังเป็นของเรา

"ฝ่ายไทยทั้งหมด ซึ่งมีทั้งชาวต่างประเทศ และ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ข้อต่อสู้หลักของเราก็คือเราไม่ยอมรับแผนที่ครับ เราบอกแผนที่ประจักษ์ทำกันมาเป็นเรื่องใช้ภายใน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่เราจะไปใช้เป็นเขตแดนอ้างอิงครับและเราไม่เคยยอมรับความถูกต้องว่าแผนที่ที่ให้ไปทำตามสันปันน้ำมันตรงกับข้อเท็จจริงหรือเปล่า ต่อสู้อย่างนี้ครับ

แต่ที่แพ้คดีมันไม่ใช่เพราะเรื่องทนายครับศาลโลกตัดสินให้แพ้คดีเพราะบอกว่าจะดูว่าประเทศไทยรับแผนที่หรือไม่ ไม่ใช่มาปฏิเสธกันตอนนั้นหรือไม่ครับ แต่ดูจากการกระทำในอดีตของรัฐบาล นับเนื่องมาผมเข้าใจว่าร่วม 50 ปี

นั่นก็คือว่า พอคนเขาทำแผนที่ให้ส่งมาที่รัฐบาลไทย รัฐบาลไทยก็รับเอาไว้ ขอบคุณเขา แล้วไม่ทักท้วง แต่ว่าโชคดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่า ศาลโลกไม่เคยตัดสินในเรื่องของเขตแดน แม้จะบอกว่าประเทศไทยยอมรับ ยอมรับแผนที่และเป็นเหตุให้แพ้คดี แต่การตัดสินของศาลโลกมีอยู่ 3 ข้อ ข้อที่ 1 ครับ ข้อที่ 1 ศาลโลกได้ตัดสินว่า ปราสาทพระวิหาร ปราสาทพระวิหาร ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Temple อยู่บนพื้นที่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ข้อที่ 2 ครับ ให้ประเทศไทยถอนกำลัง จะเป็นทหาร ตำรวจ ที่อยู่ในที่ตรงนั้น ออกมา ข้อที่ 3 ที่ศาลตัดสินครับท่านประธาน ก็คือว่า อะไรที่คนไทยได้เอาไปจากตัวปราสาท หรือบริเวณปราสาท ตรงนี้สำคัญนะครับ ปราสาท คือ Temple หรือบริเวณปราสาท ภาษาอังกฤษคือ Temple area ให้ประเทศไทยคืนให้เขาครับ

ท่านประธานสังเกตนะครับ คำว่า บริเวณปราสาท ปรากฏอยู่เฉพาะในคำตัดสินข้อที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องการคืนของ แต่คำตัดสินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตย ศาลโลกใช้คำว่า Temple คือ ปราสาท เมื่อเป็นอย่างนี้นะครับ รัฐบาลไทยทำอย่างไร นี่คือหัวใจนะครับ ผมฟังท่านรัฐมนตรีชี้แจงหลายเวทีแล้วครับ ไปบอกว่า พอศาลตัดสินอย่างนั้น เราก็เลยไปกำหนดเขตแดนตามมติคณะรัฐมนตรี 2505 ข้อแรก ท่านไปสนับสนุนการขึ้นทะเบียนของมรดกโลก โดยกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว ในเรื่องของปราสาทพระวิหาร โดยขอบของปราสาทเป็นไปตามแผนที่ในส่วนที่เรียกว่า N1 ก็คือแผนผังที่ผมให้ดูเมื่อกี้นะครับ ที่เขาตีเส้นเป็นตาราง แล้วก็ขณะเดียวกัน ก็จะมีเขตที่เรียกว่า Buffer Zone เพื่อประโยชน์ในการกำหนดเขตอะไรต่อไป ในทางทิศตะวันออกและทิศใต้ของตัวปราสาท

ท่านประธานครับ ถ้ายึดถือว่าตามคำพิพากษาของศาลโลก เฉพาะซากปราสาท ตัวปราสาทนี่เรียกว่าซากปราสาท เป็นของกัมพูชา ท่านตีขอบออกมาอีก ก็คือสละสิทธิ์ตรงนั้นไปอีกแล้ว แล้วก็เป็นการสละสิทธิ์ตามที่รัฐบาลไทยเคยทักท้วง ประท้วงไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 นี่ข้อที่ 1

ข้อที่ 2 นะครับ เขาก็เขียนว่า ในสปิริตของความปรารถนาดีและความประนีประนอม กัมพูชาจะยังไม่นำเสนอเขตที่เรียกว่า Buffer Zone ซึ่งจะไปใช้เรื่องเขตอนุรักษ์อะไรต่างๆ ทางทิศเหนือกับทิศตะวันตกของตัวปราสาท ผมถามว่าทิศเหนือกับทิศตะวันตกของตัวปราสาท ท่านรัฐมนตรีว่าเป็นเขตไทยไหมครับ ถ้าเป็นเขตไทย การที่เขายังไม่กำหนด ไม่ใช่ไม่กำหนดนะครับ ยังไม่กำหนดเขตตรงนี้ ทำไมต้องเป็นสปิริตของการประนีประนอม ก็ของเรานี่ครับ แต่จำได้ใช่ไหมครับเวลาเขาบันทึกมาถึงเรา เขาไม่ได้แม้แต่เรียกว่าทับซ้อนนะครับ เขาบอกของเขา แล้วท่านก็ไปเขียนแถลงการณ์ร่วมอย่างนี้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่ตัวขอบปราสาทแล้วนะครับ ปัญหาก็คือว่าการบริหารจัดการพื้นที่ซึ่งไทยถือว่าเป็นของไทยในปัจจุบันตามสันปันน้ำต่อไปนี้ เขามีสิทธิ์เข้ามาร่วมบริหารจัดการ และบริหารจัดการอย่างไร ยูเนสโกคุยกับกัมพูชาครับ ไม่ต้องคุยกับไทย"

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: MOU 43

Postby Jseventh » Sat Jul 31, 2010 6:11 pm

เราน่าจะลองเอาข้อมูล-เหตุผลของทั้งสองฝ่าย (ฝ่ายที่อยากให้ยกเลิก mou 2543 กับ/ฝ่ายที่อยากให้เก็บ mou 2543 ไว้) มาลองเปรียบเทียบกันดูนะคะ จะได้ช่วยกันวิเคราะห์ หรือแสดงความเห็นได้ชัดเจนขึ้น
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: MOU 43

Postby Jseventh » Sat Jul 31, 2010 6:18 pm

http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=264453
http://www.ryt9.com/s/nnd/951182

ผลประโยชน์ของไทย กับ MoU 2543 (สารส้ม)
พฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2553 06:54:04 น.

ปัญหาสืบเนื่องมาจากการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก ปรากฏว่า ภาคประชาสังคมในประเทศไทยได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MoU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนทางบก ลงนาม ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 14 มิถุนายน 2543

เนื่องจากมองว่า บันทึกความเข้าใจดังกล่าว จะเป็นตัวผูกมัดประเทศไทยให้ต้องยอมรับแผนที่อัตราส่วน 1 : 200,000 ของฝ่ายกัมพูชา อันจะทำให้ไทยสูญเสียดินแดนไปให้ฝ่ายกัมพูชา มากกว่า 1 ล้านไร่

1) บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก วันที่ 14 มิถุนายน 2543 หรือ "MoU 2543" ลงนามโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รมช.ต่างประเทศ และ นายวาร์ คิม ฮง ตัวแทนรัฐบาลกัมพูชา

ฝ่ายไทยและกัมพูชา ตกลงกันไว้ว่า วิธีการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนจะดำเนินการในแนวทางตามเอกสารสำคัญ คือ

(1) อนุสัญญาระหว่างกรุงสยามและฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1904

(2) สนธิสัญญาระหว่างพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสยาม และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907

(3) แผนที่ทั้งหลาย(Maps) ซึ่งเป็นผลของการปักปันเขตแดน โดยคณะกรรมาธิการร่วมอินโดจีน-สยาม ซึ่งก่อตั้งขึ้นตามหนังสือสัญญาทั้งสองข้างต้น

2) สิ่งที่ฝ่ายไทยสามารถจะยืนยัน หรือควรจะต้องยืนยันแน่นหนักต่อไป คือ บรรดาแผนที่ทั้งหลาย ขณะนี้ ยังไม่มีแผนที่เขตแดนไทย-กัมพูชา ฉบับใดได้รับการตกลงรับรองอย่างเป็นทางการร่วมกันทั้งสองฝ่าย

และยังไม่มีแผนที่ใดเป็นผลงานสำเร็จของการดำเนินการตาม MoU 2543 เลยแม้แต่น้อย

หากฝ่ายกัมพูชาจะอ้างว่า ใน MoU 2543 ระบุให้เข้าใจไปถึงแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 ก็ไม่อาจจะตีความเกินเลยไปถึงว่าให้ยึดถือตามแผนที่ดังกล่าวเป็นที่สุด เพราะถ้าตีความอย่างนั้น แล้วจะให้มีคณะกรรมการดำเนินการร่วมกันไปทำไมเล่า

นอกจากนี้ แม้แต่แผนที่อัตราส่วน 1:200,000 ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างอิง นำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกครั้งนี้ด้วยนั้น ก็จัดทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามอนุสัญญาระหว่างกรุงสยามและฝรั่งเศส 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1904

หากแต่เกิดขึ้นโดยการเดินสำรวจของฝรั่งเศสฝ่ายเดียว (คนของฝรั่งเศส ชื่อ พ.อ.แบร์นาร์ด เป็นผู้จัดทำ โดยมีผู้ช่วยเป็นทหารเขมร)

ยิ่งกว่านั้น การจัดทำแผนที่ดังกล่าว ยังขัดแย้งต่อหลักสำคัญของอนุสัญญาระหว่างกรุงสยามและฝรั่งเศส ค.ศ.1904 ที่ให้ยึดถึอแนวสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน และหากยึดตามแนวสันปันน้ำ ก็จะเห็นว่า ปราสาทพระวิหารทั้งหมดอยู่ในเขตแดนของไทยด้วยซ้ำไป

3) เมื่อแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 จัดทำขึ้นมาโดยไม่ถูกต้องตามสนธิสัญญาฉบับแม่ด้วยซ้ำ

แถมคำพิพากษาของศาลโลก ก็ไม่ได้ให้การยอมรับแผนที่ฉบับนี้เอาไว้เลยด้วย

รัฐบาลและประชาชนคนไทย จึงพึงแสดงออกถึงจุดยืนเดียวกันอย่างแน่นหนัก คือ แผนที่ฉบับนั้น มีค่าไม่ต่างจากแผนผังในหนังสือนวนิยายของกัมพูชา

4) ฝ่ายไทยเราควรกล่าวอ้างขึงขังเสียด้วยว่า การที่ฝ่ายกัมพูชามาลงนาม "MoU 2543" นั้น ก็เป็นการยอมรับอยู่ในตัวเองว่า เขตแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่มีข้อยุติเป็นที่สุดตามแผนที่ฉบับใดๆ ทั้งสิ้น จึงต้องมาดำเนินการปักปันเขตแดนร่วมกันนั่นเอง

อันนี้ ถึงจะไม่ใช่หลัก "กฎหมายปิดปาก" แต่ก็อาจจะเป็นหลัก "กรรมชี้เจตนา"

5) ใน "MoU 2543" ระบุแนวทางการปักปันเขตแดนร่วมกันเอาไว้ด้วยว่า "ฝ่ายไทยและกัมพูชาจะดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission: JBC) เพื่อรับผิดชอบการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมกัน" และ "ทั้งสองฝ่ายตกลงว่า ในขณะที่กำลังสำรวจเขตแดน จะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ในสภาพแวดล้อมของบริเวณพื้นที่เขตแดน"

ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นับตั้งแต่มีการทำข้อตกลงดังกล่าว ขณะกำลังดำเนินการสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกัมพูชายังไม่แล้ว เสร็จ ฝ่ายกัมพูชามิได้ทำตามคำมั่นสัญญา มีการละเมิดข้อตกลงหลายครั้ง โดยเข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่บริเวณเขตแดนที่มีการอ้างสิทธิอธิปไตยทับ ซ้อนกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การปลูกสร้างที่พัก บ้านเรือน ตัดต้นไม้ เคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ ฯลฯ

ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยยื่นหนังสือประท้วงฝ่ายกัมพูชาไปแล้วกว่า 50 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น กรณีตลาดค้าขายบริเวณทางขึ้นประสาทพระวิหาร กรณีขนย้ายเครื่องจักรก่อสร้างถนนเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อน กรณีการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก จากหมู่บ้านโกมุย อ.เขาพระวิหาร จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ยาวกว่า 60 กิโลเมตร เพื่อขึ้นมาสู่พื้นที่ทับซ้อน ฯลฯ

ฝ่ายไทยย่อมสามารถกล่าวอ้างได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า เรามิได้ไปรุกราน กลั่นแกล้ง เอารัดเอาเปรียบ หรือคดโกงประเทศเพื่อนบ้านเลย

ตรงกันข้าม เพื่อนบ้านที่เราให้ความเคารพ และหวังจะอยู่ร่วมกันโดยสันติสุขสืบไป กลับมิได้ให้ความสำคัญกับการรักษาคำมั่นสัญญาที่มีต่อกัน

6) ท่าทีล่าสุดของรัฐบาลไทย มีมติคัดค้านแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่กัมพูชานำเสนอต่อ คณะกรรมการมรดกโลก และถ้าที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกมีการโหวต หรือมีแนวโน้มว่าจะรับแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารตามที่ฝ่าย กัมพูชาเสนอ ก็มอบหมายให้ตัวแทนรัฐบาลไทยแสดงท่าทีคัดค้านอย่างเด็ดขาด และให้ประท้วงโดยออกจากห้องประชุม

การแสดงท่าทีข้างต้น เป็นเรื่องจำเป็น แต่อาจจะไม่เพียงพอ!

ควรจะต้องสื่อให้ประชาคมโลกเข้าใจแจ่มชัดว่า ไม่ใช่ฝ่ายไทยที่ละเมิดข้อตกลง "MoU 2543" - ละเมิดดินแดน - ละเมิดสิทธิของประเทศเพื่อนบ้าน

และไม่ว่าคณะกรรมการมรดกโลกจะตัดสินใจอย่างไร ประเทศไทยก็จำต้องยืนยันสิทธิอันถูกต้องชอบธรรม และอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างถึงที่สุด

ในการนี้ คนไทยทั้งผอง ทุกฝ่ายในสังคม จะต้องแสดงท่าทีแข็งขัน ประสานเสียงไปในทิศทางเดียวกัน ประกาศจุดยืนร่วมกันอย่างเหนียวแน่น ดังที่ภาคประชาสังคมไทย อาทิ กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ไปประท้วงที่สำนักงานยูเนสโกนั้น ถูกต้องแล้ว

ตรงกันข้าม ชาติอาจล่มจม ถ้าคนไทยทุกคนมีพฤติกรรมเหมือนนักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน ที่ออกมาโวยวายให้เอาผิดคนไทยที่ไปประท้วงยูเนสโก เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ แทนที่จะร่วมกันรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน กลับจ้องหาช่องทางเล่นเกมการเมืองโดยไม่ดูกาละเทศะ

.....แนวหน้าออนไลน์
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: MOU 43

Postby noona » Sat Jul 31, 2010 6:20 pm

Jseventh wrote:เราน่าจะลองเอาข้อมูล-เหตุผลของทั้งสองฝ่าย (ฝ่ายที่อยากให้ยกเลิก mou 2543 กับ/ฝ่ายที่อยากให้เก็บ mou 2543 ไว้) มาลองเปรียบเทียบกันดูนะคะ จะได้ช่วยกันวิเคราะห์ หรือแสดงความเห็นได้ชัดเจนขึ้น


อยากให้ความจริง ชัดเจนเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ประชาชนเชื่อตามข้อมูลที่ได้รับจากแต่ละฝ่าย เอียงไปทางไหนแล้วแต่ใจตน แต่คนที่อยู่กลาง ๆ ก็ยังมึน ๆ อยู่ ไม่รู้จะเชื่อใครดี :roll:
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: MOU 43

Postby noway2know » Sat Jul 31, 2010 6:23 pm

'มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์' จะปกป้องแผ่นดินไทย อภิสิทธิ์ต้องเลิก MOU43

Image

ประเด็นที่กำลังร้อนระอุที่สุดในรอบสัปดาห์นี้คงไม่มีเรื่องใดร้อนไปกว่ากรณีที่กัมพูชาจะเสนอแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งมีขึ้นที่ประเทศบราซิล เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนให้กับกัมพูชา จึงเกิดกระแสคัดค้านอยากหนักจากประชาชนไทยทั่วประเทศ

ขณะที่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่เคยนิ่งเฉยปล่อยให้ทหารกัมพูชารุกล้ำแผนดินไทยมาตลอดก็จำใจต้องลุกขึ้นแสดงท่าทีคัดค้านพร้อมทั้งประกาศว่าหากไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม ไทยก็ถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลก รวมทั้งถอนตัวจากภาคีสมาชิกยูเนสโก จนหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นท่าทีที่สายเกินไป

ทั้งนี้ที่ผ่านมาการคัดค้านของภาคประชาชนมีผลมากน้อยเพียงใด รัฐบาลไทยได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศหรือไม่และหากกัมพูชาประสบความสำเร็จในการเสนอแผนครั้งนี้..ไทยควรจะทำอย่างไร 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' ได้พูดคุยกับ

'มล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์' นักวิชาการไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ติดตามและเคลื่อนไหวในเรื่องนี้มาตลอด

**การออกไปชุมนุมของภาคประชาชนที่ยูเนสโกประเทศไทย เป็นการยืนยันชัดเจนว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่คัดค้านการนำประสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและคัดค้านแผนบริหารจัดการพื้นที่ของกัมพูชา

คือก็มีนักข่าวคนหนึ่งเขาไปสัมภาษณ์คุณสุวิทย์ (สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยที่เดินทางไปประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ประเทศบราซิล) แล้วก็โทร.มาหาดิฉันว่า....อาจารย์ที่อาจารย์บอกว่าจะเอาคนออกมาชุมนุมคัด ค้านแค่ร้อยคนเนี่ย เอาออกมาสักหมื่นคนสิ ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไร วันรุ่งขึ้นมาดูข่าว เห็นหน้าคุณสุวิทย์เหลือสองนิ้ว ก็อืม..คงไม่ไหวจริงๆ คุณจำลอง(พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ก็โทร.มาปรึกษาว่าเอาคนออกมาแล้วจะคุ้มไหม เราก็เลยบอกว่า นักข่าวเขาโทร.มาบอกว่าคุณสุวิทย์มองว่าร้อยคนไม่พอ เอาออกมาหมื่นหนึ่งได้ไหม ก็เลยตัดสินใจว่าต้องเอาคนออกมา แล้วดิฉันก็ส่งข้อความไปบอกคุณสุวิทย์ว่า..คอยดูนะวันที่ไปยูเนสโก คนจะออกมาเป็นหมื่น แล้วจงใช้ประโยชน์จากภาคประชาชนเพื่อปกป้องประเทศชาติ

**หลังการออกมาชุมนุมในวันนั้น ตามที่ปรากฏว่าอาจารย์เป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้พูดคุยกับนายกฯ เนื้อหาที่พูดคุกันเป็นอย่างไรบ้าง

คือที่เข้าหารือกับท่านนายกฯเพราะ พล.ต.จำลอง โทร.มาแจ้งว่าให้ดิฉันเป็นหนึ่งในตัวแทนเข้าไปคุยกับนายกฯ ตอนนั้นเราก็คิดว่าคงเป็นนิมิตหมายอันดีเพราะกำลังเกิดเรื่องและคนออกมาคัด ค้านเยอะ นายกฯอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) คงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และอยากร่วมมือกับภาคประชาชน แต่พอเข้าไปคุยกันแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เข้าไปแล้วมันเหมือนกับว่าเขาอยากจะบอกว่าฉันชอบอะไร ไม่ชอบอะไร คือไม่ชอบให้ใครมาพูดกับฉันแบบนี้ ดิฉันก็สงสัยว่าเขาอยากได้อะไร ดิฉันก็บอกกับท่านนายกฯว่า จริงๆแล้วประชาชนอยากร่วมมือกับรัฐบาลเพียงแต่เราไม่รู้ยุทธศาสตร์ของรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่าไอ้อย่างนี้เราไม่ควรออกมา...มันไม่ใช่คือที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยเปิดเผยแผนงานว่าจะดำเนินการอย่างไรกับกรณีเขาพระวิหาร เราก็ดำเนินการไปตามที่เราวิเคราะห์ ถ้ารัฐบาลอ่อนเรื่องนี้ เราต้องเดินอย่างนี้

วันนั้นก็มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ซึ่งก็มีทั้งประเด็นที่นายกฯเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งหน่อมแน้มมาก ในที่สุดเราก็ถามไป 2 ประเด็น คือ 1.ประเด็น MOU43 มันหมายถึงอะไร และเราจะยกเลิกได้อย่างไร 2.ประเด็นเรื่องศาลโลก ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นนี้เรากับนายกฯเห็นไม่ตรงกัน

**เห็นไม่ตรงกันตรงไหน

คือประเด็นแรกเราขอให้ยกเลิก MOU43 (บันทึกข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ลงนามในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย) เพื่อเป็นการแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะไม่เช่นนั้นถ้ายังมีการอ้าง MOU ตัวนี้ กัมพูชาก็ล้ำแดนเราได้

นายกฯก็ไม่เห็นด้วย บอกว่า MOU43 มีข้อดี
ข้อดีประการที่1
มันเป็นการยืนยันว่ากัมพูชายอมรับว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่พิพาทระหว่าง ไทย-กัมพูชา แต่โดยหลักการแล้ว MOU43 มันยึดแผนที่ที่ใช้อัตราส่วนพื้นที่ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งกัมพูชาเขาก็ใช้อัตราส่วน 1 ต่่อ 200,000 แล้วอย่างนั้นตรงไหนเป็นพื้นที่พิพาท


แต่ถ้าเราใช้สันปันน้ำเป็นแนวแบ่งเขตพื้นที่ระหว่างประเทศ ซึ่งยึดแผนที่ที่ใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ขณะที่กัมพูชาใช้แผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 มันก็จะมีพื้นที่ที่กัมพูชาล้ำเข้ามา ซึ่งตรงนี้จึงจะเรียกว่าพื้นที่พิพาท นอกจากนั้นถ้าบอกว่าเป็นพื้นที่พิพาท พื้นที่ตรงนี้ก็ต้องไม่เป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งทางกัมพูชาก็ต้องยอมรับด้วยว่ามันเป็นพื้นที่พิพาท แต่เขาไม่ยอมรับเขาอ้างว่าเป็นของกัมพูชาแล้วถามว่าทำไมนายกฯอภิสิทธิ์จึงไม่บอกว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของไทย เพราะถ้าบอกว่าเป็นของไทยก็แปลว่า MOU43 ที่ไทยทำกับกัมพูชาในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ก็ใช้ไม่ได้สิ

ข้อดีประการที่ 2
นายกฯบอกว่า ข้อ 5 ใน MOU43 ระบุว่าทั้ง 2 ประเทศไม่สามารถทำอะไรก็ตามที่ถือว่าเป็นการทำลายหรือก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอาณาบริเวณตรงนี้ได้ เพราะมันเป็นอาณาบริเวณที่จะต้องมีการจัดทำหลักเขตแดนเนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าตรงไหนเป็นของใคร
แต่ในความเป็นจริงแล้วพื้นที่ตรงนี้กัมพูชาได้เข้ามาสร้างวัด ทำถนน สร้างตลาด สร้างชุมชน และเอาคนของเขาเข้ามาอยู่นานแล้ว สิ่งเหล่านี้เขาทำมาร่วมสิบปีแล้ว ขณะที่ไทยประท้วงไปเขาก็ไม่ถอนคนและสิ่งก่อสร้างออกจากพื้นที่ แสดงว่ากัมพูชาไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดใน MOU ดังนั้นเราจึงไม่เห็นด้วยกับนายกฯ เพราะมันมีแต่ข้อเสีย จะเห็นได้ว่าปัจจุบันไทยไม่สามารถยืนยันอธิปไตยในพื้นที่ตรงนี้ได้เลย ไม่ใช่บอกว่าเขาเข้ามาเราก็มีทหารยืนกันแต่ทหารเราจะใช้วิธีแสดงสัญลักษณ์ด้วยการไปปรากฏกายอยู่ที่วัดซึ่งกัมพูชาเข้ามาสร้างในพื้นที่ประเทศไทย แต่ปรากฏว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้เขมรก็เอาทหารเข้ามาแล้ว เอาพระมาทำพิธี เพื่อตรึงกำลังตรงวัด เท่ากับเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของเราแล้ว ต่อไปนี้ถามว่าทหารไทยจะขึ้นไปแสดงตัวตรงนั้นได้หรือไม่


ประเด็นที่สองเรื่องศาลโลกท่านนายกฯเห็นว่าถ้าเราคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้วทางกัมพูชาเอาเรื่องขึ้นศาลโลกแล้วขยายผลไทยจะเสียเปรียบ ซึ่งเราก็เถียงว่าไม่เห็นจำเป็นจะต้องขึ้นศาลโลกเลยเพราะประเทศไทยเรามีอธิปไตยตรงนี้สำคัญ คุณรู้จักคำว่าอธิปไตยไหม ถ้ารู้จักอธิปไตยจะรู้ว่าเราไม่ต้องยอม องค์กรที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งเรา ศาลโลกเนี่ยถือว่าองค์กรที่ 3 เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาบังคับเพราะประเทศเรามีอธิปไตย

**ตามหลักการแล้วไทยสามารถยกเลิก MOU43 ได้ใช่ไหม

ทำไมจะยกเลิกไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญของไทยระบุว่าเรื่องใดที่เป็นข้อ ตกลงระหว่างประเทศ รัฐบาลต้องนำเข้าหารือต่อที่ประชุมสภา แต่การทำ MOU43 ระหว่างไทย-กัมพูชา รัฐบาลขณะนั้นไม่ได้นำเข้าสภา ไอ้ที่เข้าสภามันเป็นแค่เอกสารประกอบในเรื่องของกรอบการเจรจา ส่วนตัวที่เป็นสนธิสัญญาไม่ได้ผ่านสภา ดังนั้นจึงถือว่ามันเป็นโมฆะต้องแต่ต้น เราบอกเลยว่าทำไมรัฐบาลไม่ใช้อนุสัญญาเวียนนาให้เป็นประโยชน์ เพราะตามอนุสัญญากรุงเวียนนาข้อ 46 ระบุว่า โดยปกติแล้ว รัฐต่างๆ เมื่อไปลงนามในหนังสือสัญญาใดๆไม่สามารถอ้างเหตุของการทำผิดกฎหมายภายใน ประเทศไปลบล้างข้อผูกมัดได้ ยกเว้นว่าการละเมิดกฎหมายดังกล่าวนั้นเป็นการละเมิดกฎหมายที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ดังนั้นรัฐบาลสามารถยกเลิก MOU43 ได้

**บรรยากาศการหารือกับนายกฯ ในวันนั้นเป็นอย่างไร

เรารู้สึกเหมือนถูกรุมนะ เพราะฝ่ายรัฐบาลมีทั้งคุณกษิต (นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ) คุณชวนนท์ (นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุด เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ) คุณศิริโชค (นายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี) เขาก็คอยค้านความเห็นเรา แต่คุณกษิตแกไม่ค่อยพูดหรอก คิดว่าแกอาจเข้าข้างเราด้วยซ้ำ แต่บางทีมีความจำเป็นต้องบอกว่านโยบายรัฐบาลเป็นอย่างนี้..อย่างนี้... แต่ถ้าไม่พูดเรื่องนโยบายรัฐบาลดิฉันว่าคุณกษิตต้องเห็นด้วยกับเรา ส่วนท่านนายกฯพูดไปก็ทุบโต๊ะไปตลอดเวลาเลย เราก็บอกว่าเอาอย่างนี้ไหมท่านนายกฯ...เราก็มีนักวิชาการของเรา ท่านก็มีผู้เชี่ยวชาญของท่าน มีกองงานของกระทรวงการต่างประเทศที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เรามาจัดการความรู้กันไหม จัดประชุมและก็ถกเถียงกันเลยว่าในที่สุดแล้วจะเอาแบบไหนยังไง นายกฯก็บ่ายเบี่ยง คุณกษิตก็บอกว่าถ้าอยากประชุมเดี๋ยวผมจัดให้ได้ แต่เราบอกว่ามันไม่ใช่ความหมายของการจัดเวที แต่หมายถึงว่าเรามาดีเบตกัน แลกเปลี่ยนความรู้กันระหว่างฝ่ายที่คัดค้านกับฝ่ายรัฐบาลซึ่งยังมีความเห็น ไม่ตรงกันอยู่ แต่มันต้องมีข้อสรุปที่นำไปสู่การปฏิบัติ

นายกฯก็บอกว่าบางทีมันเป็นเรื่องของความมั่นคง เราก็บอกว่าท่านนายกฯไว้ใจใครก็ส่งคนนั้นมาคุยแล้วกัน เดี๋ยวเราจัดทำข้อมูลให้แต่เขาไม่ได้สนใจทำให้เรารู้เลยว่าการเรียกเราไปคุยครั้งนี้เขาไม่ได้อยากขอความร่วมมือจากเรา และทำงานร่วมกันไม่ได้ จริงๆเขาน่าจะชมว่าเฮ้ย...ประชาชนออกมาขนาดนี้ ภาคประชาชนเนี่ยเป็นตัวช่วยเลยนะ แต่เขากลับไม่เห็นความสำคัญของภาคประชาชนเลย เราก็เลยมองว่าถ้าอย่างนั้นเราก็เดินไปตามทางของเรา ทำไมต้องมาพยายามประสานขอความร่วมมือจากรัฐบาลเพราะรัฐบาลไม่ได้ต้องการเราสักนิด

**แปลว่าท่าทีของคุณอภิสิทธิ์เปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งเป็น ฝ่ายค้าน ซึ่งลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสมัคร (สุนทรเวช) กรณีเขาพระวิหาร

ใช่ค่ะ เปลี่ยนไปมาก ตอนเป็นฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ก็ส่งคนมาขอข้อมูลเรื่องเขาพระวิหาร เราก็นั่งคุยกันอะไรกัน พอคุณอภิสิทธิ์อภิปรายเสร็จก็โทร.มาหาดิฉัน บอกว่า..ขอบคุณครับ เราก็เออ...ดีใจว่าเราทำข้อมูลและพิสูจน์ข้อมูลตรงนี้แล้วมีคนเอาไปใช้ ประโยชน์ แล้วที่ผ่านมาหลังจากนั้นมีอะไรคุณอภิสิทธิ์ก็จะส่งข้อความมาตลอด กระทั่งเป็นนายกฯก็ยังประสานกันตลอด กฎหมายบางฉบับเราไม่อยากให้เอาเข้าสภาเราก็ส่งข้อความไปบอก นายกฯก็โทร.กลับมาถามว่า...มีอะไรครับ คือนายกฯก็เหมือนกับเพื่อนนักวิชาการที่พูดกันรู้เรื่อง จนกระทั่งมีการพูดเรื่องเสียดินแดน ท่าทีของคุณอภิสิทธิ์ก็เปลี่ยนไป ตอนเป็นฝ่ายค้านเขาบอกว่าต้องยกเลิกแถลงร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาในการขึ้น ทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก แต่จนถึงปัจจุบันรัฐบาลนี้ก็ยังไม่ได้มีการยกเลิกเลย

**ที่ผ่านมาตั้งแต่คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ รัฐบาลได้มีมติหรือท่าทีอะไรเกี่ยวกับพระวิหารบ้าง

คือพอรัฐบาลสมชาย (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) ได้ผ่านกรอบการเจรจา เมื่อ 8 ต.ค.2551 ต่อมา 6 เม.ย.2552 ได้เกิดร่างข้อตกลงชั่วคราวระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งในรายงานครั้งที่ 33 ของคณะกรรมการมรดกโลกระบุว่ามาดามฟรองซัวร์ ( มาดามฟรองซัวร์ ริวิริแยร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมของยูเนสโก) ซึ่งเป็นตัวแทนของยูเนสโกได้แนะนำว่าไทยและกัมพูชาต้องตกลงกันเสีย ให้เกิดสันติ และควรต้องมีข้อตกลงร่วมกันขึ้นมา เพื่อที่จะนำสิ่งเหล่านี้ไปประกอบในการพิจารณาขอขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

จากคำแนะนำตรงนี้ต่อมามันก็เกิดข้อตกลงชั่วคราว 6 เม.ย.2552 ทหารของกัมพูชาที่เข้ามาตรึงกำลังในพื้นที่ประเทศไทยก็แปลงร่างเป็นชุด ติดตามสถานการณ์ชั่วคราว เพราะอยู่ในฐานะทหารที่เข้าตรึงกำลังก็อาจจะถูกมองว่าไทยกับกัมพูชาไม่มี สันติ ซึ่งยูเนสโกทำเพื่อปกป้องตัวเอง และทำให้เห็นว่าพื้นที่ตรงนี้ไม่มีปัญหาหรือข้อขัดแย้งใดๆ ซึ่งเป็นการสร้างมายาภาพว่ามีสันติ แต่ทำไมรัฐบาลไทยไม่ฉลาดพอที่จะจับประเด็นว่าจริงๆแล้วยูเนสโกแคร์ประเด็นเรื่องภายในประเทศ

ดังนั้นประเด็นที่รัฐบาลอภิสิทธิ์บอกว่าถ้าเราคัดค้านโดยเอาคำสั่งศาลซึ่ง ระงับแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูา ที่สนับสนุนให้มีการจดทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียง ฝ่ายเดียวมาแสดงไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องภายในประเทศ ยูเนสโกเขาไม่ฟังหรอก ซึ่งดิฉันว่าไม่ใช่และตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องภายในประเทศเสียทีเดียวเพราะมันเกี่ยวข้องกับอาณาเขตระหว่างไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ซึ่งมันสามารถเอาไปเป็นข้อโต้แย้งได้ แม้แต่ในข้อตกลงชั่วคราวในข้อ 8 ก็ระบุว่าประเทศภาคีต้องดำเนินการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นตามกระบวนการกฎหมายภายในของตน

**ดูแล้วรัฐบาลไม่ฉลาด ไม่รู้เรื่อง หรือว่ามีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงหรือเปล่าถึงได้ทำแบบนี้

คือทุกอย่างรัฐบาลยอมจำนนหมดไงคะ พอเราอธิบายอะไรไปรัฐบาลก็จะบอกว่าต่างประเทศไม่เข้าใจหรอก มันต้องอธิบายบรรยายกันยาว ก็แล้วทำไมคุณต้องมาทำวันนี้ล่ะ เป็นรัฐบาลมาตั้งเป็นปีๆทำไมไม่พยายามอธิบาย ถ้ารักประเทศชาติ แล้วรู้ว่ากำลังจะสูญเสียแผ่นดินไป เราต้องพยายามปกป้องใช่ไหม มีคนบอกดิฉันว่าเขมรมันฉลาดมากนะ จริงๆ แล้วเขมรไม่จำเป็นต้องฉลาดเลยเพราะรัฐบาลไทยไม่ทำอะไรเลย

คือถ้าเราเชื่อว่านายกฯไม่โกง พรรคประชาธิปัตย์ไม่โกง ก็ต้องไปยอมรับว่า กระทรวงต่างประเทศไม่รู้เรื่องอะไรเลยแต่จะเป็นไปได้ไหม จริงอยู่คุณอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์แต่ไม่ใช่ว่ารัฐบาลนี้มีคุณอภิสิทธิ์คนเดียว ยังมีนักการเมืองอีกตั้งเยอะแยะเขาเล่นกันคนละหน้า ถามว่าสุเทพ (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง)ไปทำอะไรกับใครหรือเปล่า

พูดถึงเรื่องนี้ ดิฉันก็แปลกใจว่าทำไมสุรเกียรติ์ถึงมาเปิดตัวในช่วงนี้บ่อยครั้ง มาให้สัมภาษณ์นักข่าวบางสำนักว่า MOU43 มีประโยชน์ เพราะอะไร? เพราะ MOU44 มันรับรอง MOU43 ในเมื่อสุรเกียรติ์ทำ MOU44 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ แล้วจะมาบอกว่า MOU43 ที่ทำในสมัยรัฐบาลชวนไม่ดีได้ยังไง นอกจากนั้น นพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาลทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ลงนามร่วมกับกัมพูชาในการสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนประสาท พระวิหารเป็นมรดกโลก ยังเคยเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายในสมัยรัฐบาลชวน วศิน ธีรเวชญาณ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฏหมาย ในสมัยรัฐบาลชวน เขาก็ทำวิทยานิพนธ์เรื่องทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย และปัจจุบันคุณวศินก็เป็นประธานเจบีซี (ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา) ฝ่ายไทย

**การยื่นแผนพัฒนาพื้นที่ฯ ครั้งนี้ทางกัมพูชาก็ใช้แผนที่ในอัตราส่วนพื้นที่ 1 ต่อ 200,000 ?

ใช่ คือกัมพูชารู้ดีว่าในทางพฤตินัยกระบวนการจัดทำพื้นที่ของเรานั้นถ้าภาคประชาชนไม่ออกมาคัดค้าน วันนี้มันเสร็จแล้วและมีแผนที่ประเทศไทยใหม่ รุ่นลูกรุ่นหลานเราใช้แผนที่ประเทศไทยอันเดิมไม่ได้แล้ว

ที่ผ่านมามันก็มีนักวิชาการฝ่ายไทยไปให้การสนับสนุนแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ในช่วงรัฐบาลสมัคร ขณะที่เครือข่ายภาคประชาชนออกมาคัดค้านว่าไทยไม่ควรยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 แต่คุณวศิน (ปัจจุบันเป็นประธานเจบีซี ฝ่ายไทย ) กลับให้สัมภาษณ์ว่าเราควรใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งประเด็นนี้ ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ผู้เชี่ยวชายด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ท่านก็ค้านว่าเราต้องยึดคำพิพากษาของศาล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาที่ 23 และ 24 /2551 และคำพิพากษาของศาลปกครองเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 52 ที่ระบุว่าใครจะไปกำหนดเขตแดนที่ไม่เป็นคุณต่อประเทศจะกระทำไม่ได้ และถือว่าเป็นการละเมิดศาล

**ที่ผ่านมาท่าทีของยูเนสโกเข้าข้างกัมพูชามาตลอดเป็นเพราะคณะกรรมการในยูเนสโกได้ประโยชน์ทางธุรกิจอะไรจากกัมพูชาหรือเปล่า


ยังไงฝรั่งเศสเขาก็ต้องถือว่ากัมพูชาเคยเป็นประเทศอาณานิคมของเขา นอกจากนั้นฝรั่งเศสก็มีผลประโยชน์เรื่องธุรกิจน้ำมันและธุรกิจท่องเที่ยวใน กัมพูชา ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าที่ผ่านมา มาดามฟรองซัวร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมของยูเนสโก มักจะเข้ามาแนะนำให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาทำอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งมันขัดต่อความเป็นจริง

**ตอนนี้รัฐบาลไทยก็ประกาศว่าจะคัดค้าน และจะตอบโต้อย่างเต็มที่

เราก็ต้องรอดูว่าประกาศอกมาแล้ว จะทำไหม ในสมัยนพดล ปัทมะ เป็น รมว.ต่างประเทศ ก็บอกว่าจะคัดค้านกัมพูชา กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียวไม่ได้ ไทยต้องขึ้นทะเบียนร่วมด้วย แต่พอเอาเข้าจริงกลับไปสนับสนุนกัมพูชา โดยเอาอุทยานแห่งชาติของไทยเข้าไปร่วมขึ้นทะเบียนด้วย ซึ่งส่งผลให้จากเดิมที่เราจะสูญเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 3,000 ไร่ แต่ตามโมเดลใหม่นี้ทำให้ไทยต้องเสียดินแดนเพิ่มขึ้นอีก 1.5 ล้านไร่ ดังนั้นเมื่อนายกฯอภิสิทธิ์บอกว่าเราคัดค้านและไม่ต้องการให้เสียดินแดนก็ต้องถามต่อว่าแล้วขั้นต่อไปคืออะไร

ที่ผ่านมามีข้อเสนอว่าเราน่าจะเอาพื้นที่ป่าเขาลำเนาไพร่ที่อยู่ใน อีก 3 จังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมพัฒนาด้วย ซึ่งคนที่ไม่รู้อาจจะมองว่าดี เขาจะมาช่วยพัฒนาพื้นที่ให้ แต่จริงๆแล้วถ้าขึ้นร่วมแบบนี้พื้นที่ซึ่งเป็นของคนไทยและคนไทยอาศัยทำมาหา กินได้รับผลกระทบแน่เพราะคนที่เคยอยู่อาศัยหรือทำมาหากินในบริเวณนี้ต้อง ย้ายออกทันที ตอนที่หารือกับนายกฯ ท่านก็บอกว่าถ้าขึ้นทะเบียนร่วมแบบนี้ไทยไม่เสียดินแดนแน่ เราก็ถามกลับไปว่าพื้นที่ตรงนี้เรายังมีโฉนดเป็นของประเทศไทยหรือเปล่า หรือต้องไปใช้โฉนดของเขา นายกฯก็อึ้งเลย ตอบไม่ได้ แล้วนายกฯ ก็คิดว่าถ้าขึ้นร่วมแบบนี้ประชาชนคนไทยก็คงไม่รู้หรอกว่าเปลี่ยนแปลงดินแดนตามแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ตามที่กัมพูชาเสนอแล้ว เพราะหลังจากขึ้นทะเบียนมรดกโลก ประชาชนจะเข้าไปในพื้นที่ตรงนี้ไม่ได้เลย

แล้วก็ต้องถามต่อว่าถ้าเป็นเช่นนั้นรัฐบาลได้เตรียมมาตรการไว้รองรับ หรือให้การช่วยเหลือประชาชนที่เคยอาศัยทำกินในพื้นที่แถบนี้ซึ่งต้องย้ายออก หลังขึ้นทะเบียนแล้วหรือยัง ที่ผ่านมามีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบจากการรุกไล่ยึดพื้นที่ของฝ่ายกัมพูชาแล้ว จนกระทั่งชาวบ้านกลุ่มหนึ่งบอกว่าไม่ไหวแล้ว ชาวบ้านก็กลับเข้าไปใหม่เพราะไม่มีที่ทำกิน ซึ่งที่บางแห่งก็มีเจ้าของ จากเดิมเขามีที่ร้อยกว่าไร่ ถูกกัมพูชาบุกรุกจนเหลือไร่เดียว จนเกิดเป็นเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ขึ้นมา

**แล้วประเทศไทยควรทำอย่างไร

ไทยจะควรขอถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกยูเนสโก ซึ่งยูเนสโกเป็นองค์กรที่ไม่ได้มีอำนาจจะไปบังคับประเทศใดได้ และการถอนตัวไม่ได้ทำให้เราได้รับผลกระทบอะไร ที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดเจนว่าคณะกรรมการในยูเนสโกมีผลประโยชน์แอบแฝงตลอดแม้แต่แผนการอนุรักษ์ที่บอกว่ามันมีมาตรฐานอย่างนั้นอย่างนี้ ยูเนสโกก็เป็นคนกำหนดเองทั้งหมด แล้วก็เอาประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมพัฒนา ซึ่งประเทศเหล่านี้ต่างก็มีธุรกิจแอบแฝงกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นตรงนี้มันคือรูปแบบของอาณานิคมสมัยใหม่ ซึ่งนานาประเทศต้องลุกขึ้นมาต่อต้าน

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000105503

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: MOU 43

Postby Jseventh » Sat Jul 31, 2010 6:29 pm

ความเห็นส่วนตัว ดิฉันว่า กัมพูชาเอง ก็คงอยากจะให้เรายกเลิก mou 2543 อยู่เหมือนกัน
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีท่าทีละเมิด mou 2543 อย่างจงใจหลายครั้งหลายหน
ทั้งเรื่องพาคนมาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ กล่าวหาไทยว่ารุกล้ำอธิปไตยให้รบกันอยู่เนืองๆ
ถ้าไม่มี mou 2543 กัมพูชาอาจจะหาเรื่องไทยได้ง่ายขึ้น และให้ Unesco เข้ามาจุ้นจ้านกับไทยได้ง่ายขึ้น :roll:

เป็นแค่ความคิดเห็นกับข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ค่ะ..อยากให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันคิดด้วยค่ะ :geek:
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: MOU 43

Postby noway2know » Sat Jul 31, 2010 6:40 pm

Jseventh wrote:ความเห็นส่วนตัว ดิฉันว่า กัมพูชาเอง ก็คงอยากจะให้เรายกเลิก mou 2543 อยู่เหมือนกัน
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีท่าทีละเมิด mou 2543 อย่างจงใจหลายครั้งหลายหน
ทั้งเรื่องพาคนมาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ กล่าวหาไทยว่ารุกล้ำอธิปไตยให้รบกันอยู่เนืองๆ
ถ้าไม่มี mou 2543 กัมพูชาอาจจะหาเรื่องไทยได้ง่ายขึ้น และให้ Unesco เข้ามาจุ้นจ้านกับไทยได้ง่ายขึ้น :roll:

เป็นแค่ความคิดเห็นกับข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ค่ะ..อยากให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันคิดด้วยค่ะ :geek:


กัมพูชาไม่อยากให้ยกเลิก MU 2543 หรอกค่ะ เขาได้เปรียบ
ส่วนข้อดีของ MU2543 ข้อดีอย่างที่คุณพูดมานะค่ะ
MU 2543 ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือการยึดแผ่นที่ฝรั่งเศสทำให้เราเสียเปรียบ
เพราะMU 2543 ยึดแผนที่ที่ใช้อัตราส่วนพื้นที่ 1 ต่อ 200,000 ของฝรั่งเศสเหมือนกัน
มันตรงกับที่กัมพูชาเขาอ้างอยู่ ซึ่งกัมพูชาเขาก็ใช้อัตราส่วน 1 ต่่อ 200,000 เรื่องพื้นที่มันเป็นประเด็นหลักที่ใครๆก็เลือกไว้ก่อนทำให้ตัวเองได้เปรียบ หลังจากนั้นนพดลไปลงนามยิมยอมให้กัมพูชาอีกก็เหมือนไปสนับสนุนเขา กัมพูชาถึงไม่เคยคิดว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่บอกว่าเป็นของกัมพูชา เอาพวกนี้มาอ้างตลอด บุกรุกดินแดนเราอย่างที่เห็นกันอยู่ สร้างหมู่บ้าน สร้างวัด ขนคนขนทหารเข้ามา ตามคลิปที่คุณวีระ สมความคิด ชี้ให้ดูในแผนที่นั้นแหละค่ะ
ลองดูคลิปนายกอภิสิทธิ์ สมัยเป็นฝ่ายค้านดูค่ะ ไทยไม่ยอมรับแผ่นที่ของฝรั่งเศสเพราะเราเสียเปรียบ ไทยยึดหลักสันปันน้ำ
Last edited by noway2know on Sat Jul 31, 2010 6:48 pm, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: MOU 43

Postby noona » Sat Jul 31, 2010 6:45 pm

เพิ่งได้อ่านบทความนี้ค่ะ เค้าวิเคราะห์ได้ดีเหมือนกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ :D จาก วินเซนต์ โอเคเนชั่น

http://www.oknation.net/blog/vincentold ... 30/entry-1
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: MOU 43

Postby noona » Sat Jul 31, 2010 6:53 pm

เป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อสื่อมากนักค่ะ ที่ผ่านมาหลาย ๆ เรื่อง ล่าสุดก็เหตุการณ์ปะทะที่สีลม อยู่ในเหตุการณ์โดยบังเอิญ กลับมาอ่านหนังสือพิมพ์ของไทยแต่ละสำนัก เขียนไม่เหมือนกันเลย อ่านเยอะเป็นสิ่งที่ดี เลือกบริโภคข้อมูลหลาย ๆ ด้าน ส่วนจะเชื่อแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของแต่ละคนแล้วค่ะ :D
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: MOU 43

Postby noway2know » Sat Jul 31, 2010 6:56 pm

noona wrote:เพิ่งได้อ่านบทความนี้ค่ะ เค้าวิเคราะห์ได้ดีเหมือนกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ :D จาก วินเซนต์ โอเคเนชั่น
http://www.oknation.net/blog/vincentold ... 30/entry-1

บทความนั้นใส่ร้่ายพลตรีจำลองนะค่ะ
ดิฉันก็อยากจะถามเหมือนกัน
เขียนบทความใส่ร้าย คนที่ทำดีเพื่อชาติ
คนที่เขาออกไป เขาสู้ักันเรื่องเขาพระวิหารมากี่ปีแล้ว
สิ่งที่พวกเขาทำวันนั้น มันเปลียนท่าทีของUNESCO ด้วยไหม
ผลประโยชน์ที่ได้ก็คนไทยทั้งชาติ คนบางคนกลับใส่ร้ายว่าล้มรัฐบาล
คนไทยที่รักหวงแหนแผ่นดินเกิด พวกนั้น เขาทำงานมาตลอดกี่ปีแล้ว
พวกเขาไม่เคยได้อะไรเลย กลุ่มที่มากับพลตรีจำลอง
บางคนเคยเสียตา ตาบอดเพราะโดนทำร้าย ตอนไปดูความจริงที่เขาพระวิหาร
แล้วเจอม๊อบจัดตั้งของแม้ว ดักทำร้าย ที่ศรีษะเกษ
พวกเขาและพลตรีจำลอง คุณวีระ สมความคิด ไม่เคยทวงบุญคุณใคร

วันที่ 27 ก.ค.2553 เมื่อเวลา 11.30 น.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้กล่าวบนรถเวทีปราศรัยว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประสานขอพบเพื่อเจรจากับแกนนำทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายภิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหาและตนเอง เรื่องปัญหาเขาพระวิหาร


Image

พลตรี.จำลอง ศรีเมือง
การชุมนุมของกลุ่มภาคีเครือข่ายผู้ติดตามปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร
กลุ่มสันติอโศก และพันธมิตรภาคใต้ 16 จังหวัด
ที่ปักหลักชุมนุมอยู่หน้าUNESCO จนถึงเช้า...คงจะทราบผลกันแล้ว
ปรบมือให้พวกเขาทุกคน :D

Image

การเคลื่อนไหวของ ภาคประชาชน ที่ไปชุมนุมหน้าองค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เพือยื่นหนังสือคัดค้านการขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก เมื่อวันเข้าพรรษาที่ผ่านมา

การพบปะกันระหว่างตัวแทนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และตัวแทนกลุ่มองค์กรที่คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก กับนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก ในบ่ายวันเดียวกัน


ไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังการชุมนุมของกลุ่มภาคีเครือข่ายผู้ติดตามปัญหา ปราสาทเขาพระวิหาร กลุ่มสันติอโศก และพันธมิตรภาคใต้ 16 จังหวัด ที่นำโดยพลตรี จำลอง ศรีเมือง และการพบกับตัวแทนพันธมิตรที่บ้านพิษณุโลก นายกนายอภิสิทธิ์ ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ประเทศไทยจะคัดค้าน แผนการบริหารจัดการพื้นที่ 4.6ตารางกิโลเมตร ของกัมพูชา ที่สอดไส้เอาแผนที่ที่รุกล้ำดินแดนของไทยเข้ามาด้วย

ออกเป็นมติ ครม. ให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแสดล้อม วอลก์เอาท์ ออกจากที่ประชุม หากยูเนสโกยืนยันจะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไปและให้ประกาศถอนตัวจากภาคีสมาชิกมรดกโลกเพื่อประท้วงคณะกรรมการมรดกโลก


การชุมนุมเคลื่อนไหวของประชาชน เพื่อยืนหนังสือคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราทพระวิหารต่อยูเนสโก ยังส่งผลทีสำคัญยิ่งอีกเรื่องหนึ่งคือ ทำให้ผู้อำนวยการยูเนสโก ที่สำนักงานใหญ่ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ ที่มีนัยเป็นการกระตุกให้ คณะกรรมการมรดกโลก ต้องตรึกตรองให้หนักว่า เจตนารมณ์ของ การเป็นมรดกโลกคืออะไร

นางไอรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก กล่าวว่า "การคุ้มครองและส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติของพวกเรา หมายความถึงการสร้างสันติภาพ ความเคารพ และความสามัคคี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของภารกิจขององค์การยูเนสโก นี่คือความรับผิดชอบหลักที่เข้าใจตรงกัน คือการให้มรดกโลกเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ การร่วมหารือ และความปรองดองซึ่งกันและกัน"

พิจารณาจากเนื้อความนี้แล้วการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยพ่วงเอาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงขัดต่อเจตนารมณ์ของการเป็นมรดกโลกโดยสิ้นเชิง

ปรบมือให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคน
....ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ :D

[/color]






คุณวีระ สมความคิด
ผู้ออกมาจุดประกายเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
ลงพื้นที่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง...การบุกรุกดินแดนไทย

Image
Image

"วีระ"นำพันธมิตร ชักธงไทยขึ้น"เขาพระวิหาร"จำลอง-ลั่นปกป้อง
Image

(19 ก.ย.52) เมื่อเวลา 07.30 น.ประชาชนจากจังหวัดต่างๆ
เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถตู้ รถบัส เดินทางถึงอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
โดยส่วนหนึ่งได้ไปรวมตัวกันที่ศีรษะอโศกเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปปักหลัก
ที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ร่วมภารกิจทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร

โดยมีนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น
และภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหารเป็นแกนนำ

Image
Image
Image
Image

Image

Image

ก่อนหน้าที่จะมีการรณรงค์กันทั่วประเทศ เพื่อรวมพลังประชาชนชาวไทย
ไปทวงคืนเขาพระวิหาร ในวันที่ 19 ก.ย.2552
จนเกิดเหตุที่พันธมิตรส่วนหนึ่งต้องได้รับบาดเจ็บเพราะถูกมวลชนจัดตั้ง
ขว้างปา ก้อนหิน ไม้ มีด และถึงขั้นจ้องทำร้ายหมายเอาชีวิต
ที่บริเวณถนนหน้าวัดบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.ศรีสะเกษ นั้น

กลางเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาคุณวีระ สมความคิด ได้ประกาศขอรับบริจาคสิ่งของ
เครื่องใช้, อาหาร, ยารักษาโรค เพื่อนำไปมอบให้ทหารที่รักษาการณ์อยู่ใน
พื้นที่เขาพระวิหาร เพื่อเป็นการบำรุงขวัญและส่งกำลังใจ อีกทั้งมีพันธมิตรคณะใหญ่
ได้เดินทางไปพร้อมกัน เพื่อส่งมอบของที่รับบริจาคแก่ทหาร แล้วได้ไปพิสูจน์ความจริง
ในพื้นที่เขาพระวิหารในหลายจุด ที่คนไทยเคยเข้า-ออกได้โดยสะดวก
แต่เดี๋ยวนี้ ต้องขออนุญาตจากทหารเขมร และความจริงอีกหลายประการ
จากปากคำของคุณวีระ สมความคิด



“ภูมิซรอล” ซับซ้อน-ซ่อนเงื่อน เพื่อน(ร่วมชาติ)ทรยศ
ผมคงไม่ต้องบรรยายถึงเหตุการณ์น่าสลดหดหู่เมื่อวัน เสาร์ที่ผ่านมา เพราะทุกคนต่างก็เห็นภาพคนไทยต่อสู้ทำร้ายกันเอง ระหว่างฝ่ายที่เรียกว่าชาวบ้านภูมิซรอล กับชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนับพันที่เดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ที่หน้าวัดภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

จากท่าทีก่อนหน้านี้ที่ฝ่ายรัฐบาลอ้างว่าไทยยังไม่เสียดินแดน แต่ก็ปล่อยให้ทหารและคนเขมรบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตรของไทย ตัดไม้ทำลายป่าทั้งๆ ที่เป็นอุทยานแห่งชาติ หนำซ้ำยังออกมาตั้งรกราก ทำบังเกอร์ วางกับระเบิด ตัดถนน สร้างวัด แถมยังปักธงชาติกัมพูชา ราวกับว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นแผ่นดินของเขมร

รัฐบาลคงยังไม่รู้หรอกครับ ว่าประชาชนจำนวนไม่น้อย ที่นอกจากจะได้รับรู้ข้อมูลนี้แล้วตื่นตัว ก็ยังกระหายอยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าแผ่นดินนี้กำลังจะเสียให้เขมร จึงนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวภายใต้ชื่อ “รวมใจไทยทวงคืนเขาพระวิหาร” ออกเดินทางกัน ตั้งแต่โคราช บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ก่อนที่จะมาถึงปลายทางซึ่งก็คืออุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร

ระหว่างที่ขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ กำลังจะถึงเขาพระวิหาร ปรากฏว่ามีเวทีต่อต้านบริเวณหน้าวัดภูมิซรอล พยายามไม่ให้พันธมิตรฯ เข้าไปด้านในอุทยานฯ แล้วมีชายฉกรรจ์หลายคน ถืออาวุธทั้งไม้ หนังสติ๊ก และก้อนหิน เข้าทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยความคึกคะนอง เหมือนคนเมาสุรา

แม้ทั้งสองฝ่ายจะเลือดตกยางออกไปตามๆ กัน แต่คนที่ได้เห็นอะไรเพียงผิวเผินก็คงไม่รู้หรอกว่า ชาวบ้านเวทีภูมิซรอลที่ไปตีกันแค่ฟันหัก แต่ประชาชนพันธมิตรฯ ที่เดินทางมาไกลจากฉะเชิงเทราโน่น ตาจะบอดไปหนึ่งข้างแล้ว

ไม่นับรวมกระจกรถยนต์ที่ถูกชาวบ้านเวทีภูมิซรอลปาก้อนหินเข้าใส่แบบป่าเถื่อน ทั้งรถยนต์ รถตู้ รถบัส ก็ใส่กันแบบไม่ยั้งพังกันไปหลายบาน

ไม่ได้รู้สึกกันเลยว่าหลังจากที่ประชาชนกลับบ้านแบบเลือดตกยางออกแล้ว ยังต้องควักเงินติดกระจกรถยนต์บานใหม่ ค่ากระจกรถยนต์แต่ละบาน “ข้าวสามมื้อ” ที่ชาวบ้านภูมิซรอลสักคนกินทั้งเดือนยังเทียบกันไม่ได้เลย ยิ่งถ้าเป็นรถขนาดใหญ่อย่างเช่นรถบัสก็ยิ่งแพง ซึ่งกรณีนี้ประกันภัยเค้าก็ไม่จ่าย

ถ้าแค่นี้ยังคิดเองไม่ได้ ต่อไปลองให้รถของชาวบ้านภูมิซรอลที่ไปชุมนุมต้านพันธมิตรฯ ถูกปาหินสักคันสองคัน แล้วจ่ายค่าติดกระจกบานใหม่เอาเอง จะรู้ว่ามันเดือดร้อนขนาดไหน อย่าคิดไปเองว่าพันธมิตรฯ เป็นพวกคนมีสตางค์ ใครล่ะที่อยู่ดีๆ ก็อยากจะเสียเงินเสียทอง ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องขึ้นมา

ที่น่าอดสูที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่ ตำรวจและฝ่ายปกครอง เห็นมีเป็นร้อยนายพร้อมโล่ป้องกันตัว แต่พอเอาเข้าจริงก็มีไม่กี่สิบคน ที่เข้ามาห้ามปรามชาวบ้าน นอกนั้นหลายคนแอบไปหลบสุมทุมพุ่มไม้กันเป็นกลุ่มๆ ทั้งๆที่ชาวบ้านขี้เมาไล่ตีพันธมิตรฯ อยู่ทนโท่ เรียกได้ว่ายังเลือกปฏิบัติกันได้อย่างคงเส้นคงวา

หลังเหตุการณ์ผ่านไปไม่นาน สื่อมวลชนทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์หัวสี พากันทำตัวเป็นศาลเตี้ย พิพากษาปนเหน็บแนมว่าพันธมิตรฯ เป็นพวก“คลั่งชาติ”ไปแล้ว โดยไม่ได้ดูถึงบริบทของเหตุการณ์เลยว่าประชาชนเพียงแค่อยากรู้อยากเห็นว่าแผ่นดินไทยถูกบุกรุกจริงหรือไม่ ไม่ได้ไปรบกับเขมรอย่างที่ลือกันไปเอง

ตลอด สองข้างทางระหว่างตัวอำเภอกันทรลักษณ์ ไปจนถึงอุทยานแห่งชาติพระวิหาร ที่พบว่า ป้ายข้อความตลอดสองข้างทางที่เขียนว่า ศรีสะเกษสงบแล้ว อย่ามาก่อความวุ่นวาย, รักชาติ ไม่ใช่คลั่งชาติ ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็น “ป้ายอิงค์เจ็ท” ซึ่งชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่ทำให้อลังการงานสร้างขึ้นมาแน่

แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ “ระพี ผ่องบุพกิจ” จะพยายามอ้างถึงคนศรีสะเกษทั้งจังหวัด แถลงข่าวด้วยตัวเองว่าไม่เห็นด้วยที่พันธมิตรฯออกมาเคลื่อนไหว แต่ตลอดสองข้างทางจากอำเภอกันทรลักษณ์ลงมา ก่อนปะทะกับผู้ชุมนุมที่วัดภูมิซรอล ก็มีชาวบ้านที่อยู่รายทางหลายคนออกมาโบกไม้โบกมือให้กำลังใจข้างถนน

http://www.oknation.net/blog/kittinunn/2009/09/24/entry-1

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: MOU 43

Postby คนไกล » Sat Jul 31, 2010 7:02 pm

Jseventh wrote:ความเห็นส่วนตัว ดิฉันว่า กัมพูชาเอง ก็คงอยากจะให้เรายกเลิก mou 2543 อยู่เหมือนกัน
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีท่าทีละเมิด mou 2543 อย่างจงใจหลายครั้งหลายหน
ทั้งเรื่องพาคนมาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ กล่าวหาไทยว่ารุกล้ำอธิปไตยให้รบกันอยู่เนืองๆ
ถ้าไม่มี mou 2543 กัมพูชาอาจจะหาเรื่องไทยได้ง่ายขึ้น และให้ Unesco เข้ามาจุ้นจ้านกับไทยได้ง่ายขึ้น :roll:

เป็นแค่ความคิดเห็นกับข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ค่ะ..อยากให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันคิดด้วยค่ะ :geek:

เมื่อกี้ฟังนายกมาแบบนี้เหมือนกัน ว่าถ้ายกเลิก mou ป่านนี้กันกัมพูชา ขึ้นทะเบียนสบายแล้ว
“You now see complexity when you once saw simplicity; you see grays rather than black and white. But this is to the good because the world is in fact complicated.” ==>Dean Elena Kagan :Associate Justice of the Supreme Court of the United States
User avatar
คนไกล
 
Posts: 4327
Joined: Fri Oct 09, 2009 3:18 pm

Re: MOU 43

Postby noway2know » Sat Jul 31, 2010 7:06 pm

อ่านประกอบแล้วกันค่ะ ข้อมูลหลายๆฝ่าย
สิ่งที่อาจารย์เขาเข้าพบนายกมาด้วย
MOU 2543 สมัยรัฐบาลนายกชวน
ข้อดีข้อเสีย...อะไรประเทศชาติได้ประโยชน์มากกว่ากัน
ข้อโต้แย้งระหว่าง นายกกับพวกเขาก็อยู่ข้างบน

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: MOU 43

Postby Jseventh » Sat Jul 31, 2010 7:07 pm

ดิฉันไม่ได้มองว่า มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่หวังดีกับชาตินะคะ
คิดว่า ทั้งสองฝ่ายหวังดีกับชาติบ้านเมืองทั้งคู่ เพียงแต่คนละวิธีคิด คนละแนวทาง
เพียงแต่ลองหัดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง(หรือชั่งน้ำหนัก)จากเหตุผลของแต่ละฝ่ายดูว่า..วิถีทางไหนจะดีที่สุดอ่ะค่ะ

ตอนนี้คิดซะหิวข้าวเลย ขอไปหม่ำก่อนแล้วกันค่ะ
ไว้จะมาคิดต่อ รอท่านอื่นๆ มาเสริมด้วย :)
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: MOU 43

Postby noway2know » Sat Jul 31, 2010 7:13 pm

แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ :lol:
เหมือนเราฟังรัฐบาล ยืนยันเราจะไม่ยอมเสียดินแดนของเราเด็ดขาด
พวกเราก็ให้กำลังใจรัฐบาล ทำในสิ่งที่ควรทำ
แต่ความจริงเขมรอยู่ในพื้นที่เราอยู่
ตรงส่วนนี้นายกก็หาทางแก้ปัญหาอยู่
ทหารก็บอกพร้อมรบถ้าการเจรจาไม่ได้ผล
ดูข้างบน คลิปการลงพื้นที่ของคุณวีระ สมความคิด การบุกรุกของเขมร
นั่นแหละค่ะ ความจริงเขาพระวิหาร เขมรอยู่ในดินแดนไทยตอนนี้
แต่ปัญหาพวกนี้ มันไม่ใช่มาจากรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์
มันสั่งสมมานาน....หลายรัฐบาลที่แก้ปัญหาตกลงกันไม่ได้กับกัมพูชา
แต่อะไรที่เป็นของเรา เราก็ต้องรักษาหวงแหน สู้ไว้ให้ลูกหลาน

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: MOU 43

Postby 55555 » Sat Jul 31, 2010 8:15 pm

noway2know wrote:
55555 wrote:ความจริง ผมว่า ปชป. เค้าก็พยายาม รักษามิตรภาพ กับ พันธมิตรพอสมควร....
การออกมานั่ง ดีเบต ในขณะที่เรื่องกำลังร้อน ผมยังไม่เห็นว่าได้ประโยชน์อะไร....
เช่นเดียวกัน กับ ตอนที่ เรืองไกร ท้าให้ ปานเทพ ให้ไปถามที่สภา ผมก็ยังไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร ที่จะต้องให้ปานเทพไปถามถึงสภา...
อย่างที่ผมบอก...เราเป็นผู้เสพข้อมูล เราก็ฟังมันทุกด้าน...แล้วเลือกที่จะเชื่อ...คงไม่มีใครไปทำอะไรให้คนเชื่อได้ทุกคนทุกเรืองหรอกครับ...
บางอย่างหากรัฐบาลทำไป มันก็ได้ความสะใจอย่างเดียว...แต่ไม่ได้ประโยชน์กับประเทศชาติ ก็ไม่ควรทำ

เรืองไกร กับ ปานเทพ เป็นเรื่องระหว่างบุคคลกับบุคคลนะค่ะ
แต่กรณีเขาพระวิหาร เป็นเรื่องของประเทศชาติ
คนไทยส่วนใหญ่ก็คงสงสัยเหมือนกันมันยังไงกันแน่




คุณโนเวย์ อาจไม่ทันได้อ่านที่มาของความเห็นผมมั้งครับ.....

ที่ผมพูด มันเป็นเรื่องของการท้าทาย ให้นายก ดีเบต...

ผมจึงบอกว่ามันไม่ต่างกับ กรณี เรื่องไกร ท้าปานเทพ...ซึ่งผมไม่เห็นประโยชน์อันใดครับ....

เรื่องการชี้แจง ผมว่าเค้าก็ชี้แจง...หรือแม้แต่ในกระทู้นี้ ผมก็เอา ตัว MOU มาให้ดู....

ต่างคนต่างชี้แจง...ก็แค่นั้นมั้งครับ...
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: MOU 43

Postby Canthai » Sat Jul 31, 2010 9:11 pm

คนไกล wrote:
Jseventh wrote:ความเห็นส่วนตัว ดิฉันว่า กัมพูชาเอง ก็คงอยากจะให้เรายกเลิก mou 2543 อยู่เหมือนกัน
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีท่าทีละเมิด mou 2543 อย่างจงใจหลายครั้งหลายหน
ทั้งเรื่องพาคนมาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ กล่าวหาไทยว่ารุกล้ำอธิปไตยให้รบกันอยู่เนืองๆ
ถ้าไม่มี mou 2543 กัมพูชาอาจจะหาเรื่องไทยได้ง่ายขึ้น และให้ Unesco เข้ามาจุ้นจ้านกับไทยได้ง่ายขึ้น :roll:

เป็นแค่ความคิดเห็นกับข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ค่ะ..อยากให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันคิดด้วยค่ะ :geek:

เมื่อกี้ฟังนายกมาแบบนี้เหมือนกัน ว่าถ้ายกเลิก mou ป่านนี้กันกัมพูชา ขึ้นทะเบียนสบายแล้ว


ถูกต้องแล้วครับ MOU 2543 เป็นประเด็นโต้แย้งที่มีเหตุผลที่สุด

เมื่อปักหลักเขตแดนไม่ชัดเจน ไทยก็ไม่สนับสนุนการเสนอแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบและคัดค้านได้เต็มที่
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: MOU 43

Postby ibskodomo » Sun Aug 01, 2010 7:31 am

mou 43 เนี่ย ยกเลิกฝ่ายเดียว ได้ใช่มั้ย

แล้วทำไม เขมร มันถึงไม่เป็นฝ่ายยกเลิกก่อน (ถ้ามันเสียเปรียบ) แสดงว่ามันได้เปรียบอะดิ

ส่วนไทย ก้อไม่ยอมยกเลิก บอกว่า มันยังมีประโยชน์อยู่

สรุป ต่างฝ่ายต่างไม่ยกเลิก อาจเป็นเพราะต่างฝ่ายก้อได้ประโยชน์ เสียประโยชน์
User avatar
ibskodomo
 
Posts: 369
Joined: Wed Nov 11, 2009 3:47 am

Re: MOU 43

Postby noway2know » Sun Aug 01, 2010 9:02 am

“ดร.สุวันชัย” ชี้ MOU43 มีประโยชน์อยู่บ้าง สามารถนำมาใช้ได้ในตอนนี้แนะ “สุวิทย์” แจกคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อให้เห็นว่ามีการระบุว่าพื้นที่ตรงปราสาทพระวิหารมีการพิพาทมาตั้งแต่ปี 2543 แล้ว แต่ระยะยาวต้องยกเลิกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก รวมถึง MOU44 ก็มีปัญหาเหมือนกัน รัฐบาลควรพิจารณาใหม่

Image

(29 ก.ค.)รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. มีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ พล.ร.ท. ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และ ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นการขึ้น ทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารที่กำลังจะมีผลสรุปออกมาว่าการประชุมพิจารณาแผน บริหารจัดการของคณะกรรมการมรดกโลก จะออกมาเป็นอย่างไร

ดร.สุวันชัยกล่าวว่า ดูการเคลื่อนไหวของรัฐบาลดีขึ้น การที่คณะกรรมการมรดกโลกเลื่อนการพิจารณาออกไปถือ เป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังไม่แน่ใจ 100% ว่าจะเห็นพ้องกันหรือไม่ ไทยไปครั้งนี้อยู่ในฐานะที่ดี เป็นกรรมการ1 ใน 21 คน และยังได้รับเลือกเป็นรองประธานด้วย ต้องใช้ประโยชน์ตรงนี้ให้มากที่สุด ส่วนประเด็นที่นายสุวิทย์จะคัดค้าน ซึ่งไม่ได้เปิดเผยทั้งหมด โดยหากจะค้านในลักษณะที่ว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารมันผิดขั้นตอน หากยกประเด็นเหล่านี้ให้คณะกรรมการได้เห็นตรงนี้จะเป็นประโยชน์

แต่หากที่ประชุมไม่เห็นด้วย ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ไม่ใช่เสียงแค่เสียงข้างมาก อันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีของเรา แต่ถ้ายังอนุมัติรับอีก นายสุวิทย์ต้องพิจารณาตามขั้นตอนที่มติครม.รองรับไว้ อาจจะต้องวอล์กเอาต์ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ และเมื่อไม่เข้าประชุมกลับมาแล้วรัฐบาลต้องรวบรวมเอกสารและข้อมูลทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อม อย่างการที่ไทยไปปีที่แล้วมีเอกสารแค่หน้า 2 หน้า

อย่างกรณีแผนบริหารจัดการกัมพูชาเพิ่งมาแจกเอกสารเมื่อวาน ไม่แน่ใจว่าได้ส่งให้ศูนย์มรดกโลกก่อนหรือเปล่า ที่นายสุวิทย์ ไปแย้งว่าส่งเอกสารช้า ประธานกรรมการมรดกโลกดันบอกว่าเคยมีกรณีนี้มาแล้ว นายสุวิทย์ก็ต้องแย้งไปว่าแต่มันเป็นการทำผิดและครั้งนี้สำคัญด้วยเพราะจะกระทบกับดินแดนของ 2 ประเทศ

การที่ทางคณะกรรมการมรดกโลกให้ไทยกับกัมพูชาไปคุยกันก่อนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าหวังมากเกิน เพราะที่ผ่านมาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารได้รับการยกเว้น อนุมัติ ข้อกำหนดมาโดยตลอด และประเทศส่วนใหญ่ก็เข้าข้างกัมพูชามาโดยตลอด

พล.ร.ท.ประทีปกล่าวว่า ตอนที่ศาลโลกตัดสินปราสาทพระวิหารให้เป็นของกัมพูชา ตอนนั้นรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ได้นำเรื่องนี้มาปลุกระดมความปรองดอง สมานฉันท์ภายในชาติ แต่รัฐบาลนี้ไม่คิดจะทำ ควรเอาโอกาสนี้มาเป็นเครื่องมือสร้างความปรองดองและควรทำมานานแล้ว หรือรัฐบาลอาจมีทิฐิ ว่าหากใช้ตรงนี้จะเป็นการตามก้น ASTVผู้จัดการหรือเปล่า เพราะเป็นสื่อเดียวที่ออกมาโวยวายเรื่องนี้

ดร.สุวันชัยกล่าวว่า หากเราแพ้ก็คงเพราะความต่อเนื่องเราไม่มี คนที่รับผิดชอบตรงนี้ไม่ต่อเนื่อง กระทรวงต่างประเทศเองก็ยังเห็นต่างกับความเห็นทั่วไป แต่กัมพูชานี่ทำอย่างแข็งขัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมามีการพาทูต 20 ประเทศไปดูพื้นที่ปราสาทพระวิหารและร้านค้าแถวนั้น ในขณะที่ไทยเพิ่งทำวันนี้ และทำไมไม่พาไปดูที่ปราสาทบ้าง จะได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ที่นั่น เรียกได้ว่ารัฐบาลเพิ่งจะมาทำเมื่อประชาชนออกมาประท้วง

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่า การปฏิบัติการทางทหารบริเวณแนวชายแดนตนไม่กังวล แต่รัฐบาลต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้กองทัพลำบากใจในการปฏิบัติการ อยากฝากให้กองทัพตระหนักว่าเรื่องที่เกี่ยวกับอธิปไตย และการดูแลปกป้องสถาบัน เป็นเรื่องที่กำหนดอำนาจในรัฐธรรมนูญแล้ว อย่าเพียงรอคำสั่งจากรัฐบาล แต่ต้องริเริ่มเสนอแนวคิดให้รัฐบาล เนื่องจากทหารอยู่ในพื้นที่ย่อมรู้ถึงสถานการณ์มากกว่า

อ.สุวันชัย กล่าวถึงการมีข้อเสนอให้ขึ้นทะเบียนร่วมว่า รัฐบาลต้องให้ชัดเจนว่าเป็นการขึ้นทะเบียนร่วมลักษณะใดหากเป็นแบบที่กัมพูชาขึ้นทะเบียนอยู่ก่อนแล้ว และเราไปขึ้นร่วมอันนี้ไม่ควร เพราะต้องไปช่วยกัมพูชาทำโน่นทำนี่ เหมือนแค่ไปสมทบอันนี้อย่าทำเด็ดขาด แต่ถ้าเป็นในลักษณะที่ว่ากัมพูชาถอนตัวออกมาก่อน แล้วมาเจรจาเสนอแผนใหม่ นับ 1 ใหม่ทั้งคู่ อันนี้เป็นการดี แต่ทางนี้มันยากเพราะกัมพูชาไม่มีทางทำ

“ส่วนมาตรการที่จะให้ไทยลาออกจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลก วิธีนี้จะไม่มีผลทันที ต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการยื่นต่อผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก และจะมีผลภายใน 12 เดือน หลังจากได้หนังสือแล้ว มรดกโลกที่เรามี 5 แห่งก็ต้องโดนถอนออกอันนี้ต้องยอมรับผลของมัน แต่สิ่งนี้ต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย เราต้องพยายามคัดค้านอย่างเป็นทางการมีระบบ เชื่อว่าหากเรามีข้อมูลหลักฐานชัดเจนก็ยากที่เขาจะปฏิเสธ ลองวิธีนี้ก่อน หากไม่ได้ผลค่อยถอนตัว” ดร.สุวันชัย กล่าว

อ.สุวันชัยกล่าวอีกว่า ยกตัวอย่างสิ่งที่จะเอาไปคัดค้านได้ เช่น การประเมิน เขมรต้องส่งเอกสารให้ประเมินก่อนขึ้นทะเบียนปราสาทและพื้นที่โดยรอบ แต่การประเมินนี่ผิดหลักวิชาการเพราะมีสิ่งก่อสร้างต่างๆในเขตไทยด้วย แต่ก็ดันประเมินผ่านทั้งๆที่มีองค์ประกอบต่างๆ หลังจากนั้นก็ขอยื่นแค่ตัวปราสาท ถ้าอ่านการประเมินของอีโคโมส มันมีปัญหาว่ากัมพูชายังไม่ได้กำหนดเขตกันชน ทิศเหนือ และทิศตะวันตก ระบุด้วยว่าอยู่ในพื้นที่พิพาท จะมีปัญหาได้ แต่อีโคโมสก็ยังไม่ได้ให้ความเห็นชัดเจน ความจริงถ้าทำแบบถูกต้องแล้วอีโคโมสต้องแนะนำคณะกรรมการมรดกโลกไปว่าต้องให้ไทยและกัมพูชาไปตกลงกันให้ได้ก่อนถึงจะขึ้นทะเบียนได้

แต่ดันไปเสนอว่าให้กัมพูชาส่งแผนบริหารจัดการ และแผนที่ โดยตามมติคณะกรรมการมรดกโลกปี 51 ระบุว่า ภายในกุมภาพันธ์ปี 53 ต้องส่งแผนบริหารจัดการฉบับสมบูรณ์ และแผนที่ฉบับสุดท้าย แต่กัมพูชาก็ไม่ได้ส่ง และการประเมินอีโคโมสนี่เสร็จก่อนที่จะประชุม คกก.ปี51 เพียง 10 กว่าวัน ตามข้อกำหนดแล้วเอกสารต้องส่งอย่างน้อย 6 สัปดาห์ก่อนการประชุม แต่ปรากฎว่าคณะกรรกมารมรดกโลก ดันรับเอกสารมาแล้วอนุมัติไปได้ อันนี้เป็นประเด็นว่า คณะกรรมการได้รับทราบแล้วว่าจะมีข้อพิพาทแต่ก็ไม่ได้สนใจ ไทยต้องใช้ตรงนี้ในการอ้างอิง

ดร.สุวันชัยกล่าวเสริมอีกว่า MOU43 มีประโยชน์อยู่บ้างแต่ต้องชั่งน้ำหนัก สิ่งที่เป็นโทษอย่างมากตรงที่ว่า ไปยอมรับว่าแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนเป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนผสม ระหว่างสยาม-อินโดจีน ทำให้ต้องยึดถือแผนที่นี้ แต่ถ้ายกเลิกไปได้กัมพูชาจะมาอ้างไม่ได้ว่าไทยยอมรับ

“ แต่ก็เป็นประโยชน์อยู่บ้างตรงที่ว่าแสดงให้เห็นว่า 2 ประเทศยังตกลงเขตแดนกันไม่ได้ ระหว่างที่ยังไม่เลิก นายสุวิทย์ วันนี้ถ้าเป็นไปได้เอาสำเนา MOU43 แจกคณะกรรมการเลย ว่าเขตแดนยังอยู่ในขั้นตอนการตกลงกัน ตรงนี้รัฐบาลควรใช้ประโยชน์ แต่ในระยะยาวให้พิจารณายกเลิกเพื่อที่จะไม่ให้เกิดผลต่อเนื่อง คิดว่าเป็นประโยชน์อย่างมากด้วย ให้เห็นว่า2ประเทศได้ทำข้อตกลงกันในการที่จะสำรวจ และจัดทำหลักเขต ตั้งแต่ปี43 แล้ว และถ้าแนบหนังสือไปด้วยว่ากระทรวงต่างประเทศเคยประท้วงว่า กัมพูชาได้ขึ้นมาสร้างถนน ชุมชน อันนี้เป็นหลักฐานยืนยันให้คณะกรรมการเห็นว่าเราไม่ได้นิ่งเฉยกับกรณีนี้แต่มีเรื่องพิพาทมาตั้งแต่ 43 เรื่อยมา ไม่ใช่เพิ่งมาขี้แพ้ชวนตี

ดร.สุวันชัยกล่าวถึงประเด็นการที่มหาอำนาจเข้าข้างกัมพูชามากกว่าไทย เพราะกัมพูชามีทรัพยากรที่ต่างชาติสนใจ อเมริกาและจีน จึงยื่นมือเข้ามา และกัมพูชาเป็นประเทศที่ยังไม่พัฒนา ผู้นำเป็นเผด็จการ การที่มหาอำนาจเข้ามาใช้ทรัพยากรเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า อย่างไทยต้องผ่านรัฐสภา

โดยอยากฝากถึง MOU 44 ด้วยว่ามีปัญหาเหมือนกันรัฐบาลต้องทบทวนด้วย สภาที่ปรึกษาฯเคยเสนอรัฐบาลว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงเขตแดนหรือเปล่า เพราะอยู่ๆที่ของไทยที่เคยอ้างสิทธิ์กลายเป็นต้องไปแบ่งปันร่วมกับกัมพูชา และไม่ได้ผ่านรัฐสภาฯตามรํฐธรรมนูญปี 40 ด้วย แต่หากใช้ต่อไปต้องเสนอกรอบเจรจาใหม่ให้รัฐสภาอนุมัติ

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000104909
Last edited by noway2know on Sun Aug 01, 2010 9:28 am, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: MOU 43

Postby banana_dot » Sun Aug 01, 2010 9:13 am

ไครที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ นายกฯกำลังพูดอยู่ในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทย" ตอนนี้ครับ
User avatar
banana_dot
 
Posts: 473
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:42 am

Re: MOU 43

Postby noway2know » Sun Aug 01, 2010 9:23 am

banana_dot wrote:ไครที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ นายกฯกำลังพูดอยู่ในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทย" ตอนนี้ครับ


ขอบคุณค่ะ

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: MOU 43

Postby รักน้องพิณ » Sun Aug 01, 2010 3:14 pm

Jseventh wrote:เราน่าจะลองเอาข้อมูล-เหตุผลของทั้งสองฝ่าย (ฝ่ายที่อยากให้ยกเลิก mou 2543 กับ/ฝ่ายที่อยากให้เก็บ mou 2543 ไว้) มาลองเปรียบเทียบกันดูนะคะ จะได้ช่วยกันวิเคราะห์ หรือแสดงความเห็นได้ชัดเจนขึ้น

ปัญหาคือชาวบ้านที่ไม่ติด cable หรือไม่มี Internet เค้าจะได้รับข้อมูลทั้งสองฝ่ายมั้ยครับ ผมถึงอยากให้มาถกกันออก free TV ไปเลย ถ้าต่างฝ่ายต่างมั้นใจในเหตุผลของตัวเอง ข้อดีมันมีแน่ครับคือประชาชนได้ทราบข้อมูล ไม่ใช่คนนึงออกรายการนึง อีกคนออกอีกรายการนึง แล้วมันก็จะมีประเด็นที่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ มันก็จะไม่จบซักที
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร­!!
User avatar
รักน้องพิณ
 
Posts: 2710
Joined: Wed Feb 18, 2009 12:42 pm

Next

Return to สภากาแฟ



cron