ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด

สุราษฎร์ธานี - พรรคการเมืองใหม่ สาขาสุราษฎร์ธานี เลือก “ชาญชัย ช่วยจันทร์” ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 สุราษฎร์ธานี หลัง “ชุมพล กาญจนะ” ถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ห้องบัวผุด โรงแรมสยามธานี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พรรคการเมืองใหม่ สาขาสุราษฎร์ธานี ได้จัดให้มีการประชุมสมัยวิสามัญ ครั้งที่ 2/2553 สมาชิกพรรคการเมืองใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 สุราษฎร์ธานี ภายหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 สุราษฎร์ธานี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ต.ค.นี้แทนตำแหน่งที่ว่างหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาตัดสิทธิ์ทางการเมืองของ นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์อันเป็นเท็จ โดยมี นายณัฐพร ชนะสงคราม หัวหน้างานพรรคการเมืองใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุม

สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีสมาชิกเข้าร่วมประชุมประมาณ 200 คน จากจำนวนสมาชิกที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกประมาณ 500 คน มี นายบรรจง นะแส กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ เข้าร่วม และ นายสัมพันธ์ ศรีมณฑก ประธานสาขาพรรคการเมืองใหม่ ลำดับที่ 6 สุราษฎร์ธานี เป็นผู้ดำเนินการประชุม และมีการเสนอรายชื่อบุคคลที่สมาชิกเห็นว่ามีความเหมาะสมเข้าคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนจำนวน 4 คน ประกอบด้วย

1.นายสวัสดิ์ กาญจนปทุม อายุ 74 ปี ข้าราชการบำนาญ
2.นายชาญชัย ช่วยจันทร์ อายุ 39 ปี อดีตข้าราชการครูและนักวิชาการ
3.นายสรศักดิ์ ทิพยพันธุ์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในห้องประชุม จึงถูกตัดสิทธิ์
4.พ.ต.ท.ผาด พรมจันทร์ อายุ 70 ปี ข้าราชการบำนาญ

ผลการคัดเลือกได้ปรากฏว่านายชาญชัย ช่วยจันทร์ อายุ 39 ปีได้รับการคัดเลือกด้วยคะแนน 67 คะแนน ซึ่งหลังจากนี้ทางสาขาพรรค จะนำรายชื่อส่งให้ส่วนกลางพิจารณาต่อไป

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews ... 0000133400

ช่วยกันเชียร์หน่อยนะครับ

อย่างน้อย ปชป. ก็ไม่ต้องดิ้นรนเรื่องหาคนมาเลือกตั้งให้ได้เกิน 20 %

นายชาญชัย ช่วยจันทร์ นักธุรกิจและอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมโศก จ.สุราษฎร์ธานี
ญาติมารดานายมนตรี เพชรขุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)สุราษฎร์ธานี

ถ้านายกยังอ่อนเรื่องอธิปไตยเรื่องเขาพระวิหารไม่มีความเป็นนักการทหารยังอ่อนข้อให้พรรคร่วมมากเกินไป ปล่อยให้มีการทุจริต นั้นละครับคือจุดจบอภิสิทะเวชชาชีวะที่ชัดเจนที่สุดคือเรื่องเขาพระวิหาร ที่อ้างสถานการณ์ดีขึ้นนั้นผมไม่เชื่อหรอกนะ

อ้า...กระทู้เลือกตั้งซ่อมนะครับ

ถ้ายุบสภาต้นปี ให้ใครลงก็ได้...ได้เป็นสส.แค่ 5-6 เดือน

ปชป. เอาเสาไฟฟ้าลง ก็ได้อยู่แล้ว

เลือกคนหน่อยก็ดีค่ะ แต่เรื่องนี้ ปชป.ก็เกรงใจปชช. เหมือนกันนะคะ(บางเขต) ถ้าคิดว่าส่งใครมาก็ได้นะ ระวังเจอจุดเปลี่ยนในอนาคตไว้บ้างก็ดีนะ

ข่าวล่าสุด เทพเทือก ลงเองสำหรับเขตนี้ครับพี่น้อง

“ประสงค์” จี้ “สุเทพ” ลาออกก่อนลงเลือกตั้ง ส.ส.สุราษฎร์ หวั่นได้เปรียบผู้สมัครรายอื่น ถามไม่รู้จักพอกันบ้างหรือไง ด้าน “คมสัน” เห็นพ้อง บอกถ้าได้แล้วค่อยกลับมานั่งใหม่ หวั่นเกิดข้อขัดแย้งทางกฎหมาย

วันนี้ (26 ก.ย.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญปี 50 กล่าวถึงกรณีที่สาขาพรรคประชาธิปัตย์ จะส่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี แทน นายชุมพล กาญจนะ ว่า ในรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดว่า แม้แต่เป็นข้าราชการประจำ หรือตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ก็ต้องลาออกก่อนที่จะลงสมัคร ส.ส.เพื่อป้องกันไม้ให้มีการใช้อำนาจอิทธิพลไปสั่งการจนทำให้เกิดความได้เปรียบผู้สมัครรายอื่น ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้แต่นายตำรวจ หรือนายทหาร จะลงสมัคร ส.ส.ก็ยังต้องลาออกก่อน แต่นี่เป็นรองนายกฯมีอำนาจสั่งการเต็มที่ก็ควรจะลาออกก่อนเช่นเดียวกัน

“ผม ไม่อยากวิจารณ์ แต่อยากจะถามเหมือนกันว่าไม่รู้จักพอกันบ้างหรือไง ถ้ายังจะลงสมัครโดยไม่ลาออกก็จะเกิดความยุ่งยากเป็นปัญหาทางด้านกฎหมายตามมา เพราะรัฐธรรมนูญปี 40 มีการห้ามเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ตำแหน่งไปสร้างความได้เปรียบกับตัวเองในการเลือกตั้ง ผมคิดว่าคุณสุเทพก็ควรพิจารณาให้ดี” น.ต.ประสงค์ กล่าว

ด้าน นายคมสัน โพธิ์คง อดีต ส.ส.ร.ปี 50 กล่าวว่า ในแง่ความเหมาะสมแล้ว คิดว่า หากนายสุเทพ จะลงสมัครก็ควรลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีก่อน เพราะถือว่ามีความได้เปรียบคู่แข่งจากตำแหน่งทางการเมืองที่ดำรงอยู่ และเมื่อได้รับเลือกตั้งกลับมาแล้วค่อยให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี น่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า

“เรื่องนี้ในรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ได้ห้ามไว้ ต่างจากรัฐธรรมนูญปี 40 ที่ล็อกไม่ให้ข้าราชการการเมืองลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ในช่วงที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 50 เราปลดล็อกส่วนนี้ออกไป เพราะเห็นว่าจะขัดหลักการ เนื่องจากให้ ส.ส.เป็นรัฐมนตรีได้ ก็ไม่ควรห้ามรัฐมนตรีไม่ให้สมัคร ส.ส.แต่แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะไม่ห้าม ผมก็คิดว่า คุณสุเทพ ควรลาออกก่อนที่จะลงสมัคร ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าน่าเกลียดเพราะได้เปรียบคู่แข่ง” นายคมสัน กล่าว

สำหรับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 102 ที่กำหนดเกี่ยวกับบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.มี สามวงเล็บ ที่มีความสับสนในการตีความว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีสิทธิ์ลง สมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ โดยมาตรา 102(8) ระบุถึงบุคคลต้องห้ามลงสมัคร ส.ส.ว่า เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง (9) เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือ ผู้บริหารท้องถิ่น (11) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ

ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะมาตรา 102(8) นายสุเทพ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองนายกฯก็น่าจะมีสิทธิ์ลงสมัครส.ส.ได้เพราะมีการยกเว้น ตำแหน่งข้าราชการการเมืองเอาไว้ แต่เมื่อพิจารณาถึง (9) ที่ ห้ามแม้กระทั่งสมาชิกสภาท้องภิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ก็มีคำถามว่าแล้วผู้บริหารระดับชาติ ซึ่งมีอำนาจมากกว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจะห้ามด้วยหรือไม่ ประกอบกับ (11) ระบุคำว่า “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ซึ่งที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษากรณีที่ดินรัชดาให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมีความผิดตามมาตรา 100 ของ พ.ร.บ.ป.ป.ช.เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรีถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้น หากใช้บรรทัดฐานคำตัดสินของศาลฏีกา ก็เท่ากับว่าตำแหน่งรองนายกฯของนายสุเทพเข้าข่าย (11) คือ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งถือเป็นบุคคลต้องห้ามในการลงสมัคร ส.ส.ดังนั้น หาก นายสุเทพ ลงสมัครโดยไม่ลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯก็มีความเป็นไปได้ สูงที่จะเกิดปัญหาความขัดแย้งทางกฎหมายตามมา

0000000000

พวก เอเอ้ทีวีนี่ก็แปลกนะ กฎหมายไม่ห้าม แต่บอกไม่ควรลงสมัคร

จะอ้างกฏหมายก็ต่อเมื่อตัวเองได้ประโยชน์
พออะไรเสียประโยชน์ก็ว่ากฏหมายมันไม่ดี

ร่างได้ห่วยแตก ว่าง้าน



ไปเป่าตูดต่อเห๊อะ

ก็ร่างเองกับมือ

แค่ที่นั่งเดียว คงไม่มีผลหรอก

อย่าทำให้วุ่นวายดีกว่า


ขนาดเป็นชาวบ้านธรรมดา ก็ได้รับเลือก

และลาออกมาแล้ว เพราะไม่ยึดติด

มีที่ว่างก็ลงให้ประชาชนเลือก

ตามระบอบประชาธิปไตย

ผิดตรงไหนว่ะ

ที่นั่งเดียว

แต่ที่นั่งนี้ อาจมีผล ส่งไปถึงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ใครจะรู้ ฮ่า