เสือยิ้มยาก wrote:เมื่อก่อนไปวัดนี่บ่อย เพราะมันมีตลาดในวัดทุกวันหยุด ช่วงหลังๆไม่ค่อยได้แวะเท่าไหร่
แล้วคดีนี่จะโทษใครดีล่ะครับ
วัยรุ่น
หมอ
ผู้มีอำนาจ
วัด
สัปเหร่อ
.....
Chenhero wrote:มีแต่คนออกมาโชว์เทพ โชว์ความใจกว้าง เมื่อมีอุบัติเหตุเรื่องใต้สะดือ
"สมัยนี้เปิดกว้างแล้ว ห้ามกันไม่ได้ ควรสอนให้รู้จักป้องกัน"
"เป็นเรื่องธรรมดา ใครๆก็ควรจะยืดอกพกถุง"
ใช่ครับ สำหรับคนที่พร้อมสนุก พวกนี้ไม่ต้องรอให้ท่านออกมาโชว์เทพหรอกครับ เค้าปกป้องตัวเองอย่างดี
แต่ว่ามีคนบางพวกที่เค้าไม่สนใจเรื่องนี้ กำลังถูกคุกคาม
เด็กหญิงบางคนไม่เคยสำส่อน ไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก บางคนจินตนาการถึงวันแต่งงานอันงดงาม
จึงไม่ทันป้องกันตัวเอง โดยส่วนใหญ่มักถูกจู่โจมแบบไม่ตั้งตัว ไม่รู้เท่าทันเด็กที่โตกว่า หรือผู้ใหญ่บางคน
พวกเค้าจึงไม่จำเป็นต้องพกถุง(ก็ไม่ได้คิดไปมีอะไรกับใครอยู่แล้ว) ตกเป็นเหยื่อ
พอผ่านเหตุการณ์อันเลวร้าย อาจจะจากคนที่เพิ่งรู้จักหรือจากคนที่กำลังดูใจอยู่
ก็ถูกกล่อมด้วยเพลงจากนักร้องดัง "เสียตัวอย่าเสียใจ"
ได้แต่โทษตัวเอง ไม่รู้จักระวังตัว
ส่วนผู้ชายเห็นนักวิชาการคนบันเทิง สร้างค่านิยมส่วนตัวผ่านสื่อ "เสรีภาพทางเซ็กซ์คือสิทธิ์ส่วนบุคคล" นึกว่าเป็นค่านิยมส่วนรวม
ประกอบกับแรงขับทางเพศ จึงมักคิดเข้าข้างตัวเองว่ากำลังเล่นบทเคน ธีรเดช "ปล้ำก่อนแล้วขอโทษทีหลัง ทำตัวดีๆ เด๋วนางเองก็เห็นใจยกโทษให้เอง"
แน่ละคนรับบทนางเอกไม่ได้เตรียมตัวเพื่อถูกกระทำชำเรา จะเอาถุงที่ใหนล่ะ
ทุกอย่างจึงลงเอยที่ คลีนิคทำแท้ง
ถูกต้องที่เราควรสอนความรู้เรื่องเพศให้กับเยาวชนของเรา แต่สิ่งที่เราไม่ได้ทำคือ สอนทักษะการใช้ชีวิต
ความรู้เรื่องเพศจึงไม่ใช่แค่เรื่องอวัยวะ หรือการมีเซ็กซ์
แต่ควรจะบอกลูกหลานเราให้รู้ถึงมุมมองของคนวัยต่างๆ
มุมมองของผู้ชาย
มุมมองของผู้หญิง
มุมมองของคนรักสนุก
มุมมองของคนอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น
รวมทั้งมุมมองของสังคม
ไม่งั้นเราก็จะเห็นข่าวแบบนี้อีก แต่เปลี่ยนเป็นพื้นที่อื่นเท่านั้น
ตราบใดที่ยังมีผู้ใหญ่โชว์เกรียนผ่านจอทีวีพูดไปยิ้มไป "คนรุ่นใหม่ควรรู้จักป้องกัน ไปไหนมาไหนก็พกถุงติดตัว" อุตส่าห์เป็นนักวิชาการพูดได้แค่นี้ ใครก็พูดเป็นฟะ
คนไกล wrote:เห็นคนที่โดนจับบอกว่ามีดารา นางแบบมาทำด้วย อยากรุ้จังว่าใคร
ริวเซย์ wrote:...จะแก้ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ อย่างการรณรงค์และให้ความรู้ใน
การป้องกันการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี
อย่างสถาบันครอบครัวนี่มีส่วนสำคัญมากในการแนะนำเด็กๆ
ให้เข้าใจเรื่องของเพศศึกษา การป้องกัน การให้ความอบอุ่น
ให้คำปรึกษาและแนะนำการเลือกคบเพื่อน ฯลฯ
เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในระยะยาวนะครับ
soul eater เรท 15+ ครับ เด็ก ม.ต้น อายุเกิน 15 นี่คงไม่เยอะหรอกครับ แบบนี้จะโทษการ์ตูนหรือโทษคนขายดีครับ บางเรื่อง 18+ แต่เห็นเด็กประถมซื้อได้เป็นปกติRobert De Niro wrote:ริวเซย์ wrote:...จะแก้ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ อย่างการรณรงค์และให้ความรู้ใน
การป้องกันการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี
อย่างสถาบันครอบครัวนี่มีส่วนสำคัญมากในการแนะนำเด็กๆ
ให้เข้าใจเรื่องของเพศศึกษา การป้องกัน การให้ความอบอุ่น
ให้คำปรึกษาและแนะนำการเลือกคบเพื่อน ฯลฯ
เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในระยะยาวนะครับ
เดี๋ยวนี้นับวันยิ่งป้องกันยากครับ เพราะสื่อยั่วยุมันเยอะจริงๆ
เด็กชาย ม.ต้นสมัยนี้มีคลิปโป๊ในโทรศัพท์กันแทบทุกคน
ไม่มีก็ต้องเคยเห็นของเพื่อนมาบ้าง เคยดูการ์ตูนสมัยนี้ไหม
ครับ
ลองดูภาพนี้ครับ จากเรื่อง soul eater การ์ตูนฮิตของเด็ก ม.ต้น
มีภาพสื่อโทนแบบนี้แฝงอยู่ทั้งเรื่อง มีขายทุกหน้าโรงเรียน แถม
ubc เพิ่งเอามาฉายด้วย
เพราะคติพุทธฝังหัวแบบ คห 127 นะสิครับ คุณถึงให้ความสำคัญของก้อนเนื้อที่ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ ประสาทสัมผัส
ยังไม่เจริญพอรับรู้อะไรได้เลย ว่าเป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้ว (กรณีทำแท้งในเดือนแรกๆ)เพราะนิยามพุทธว่า เมื่อแม่มีระดู
พ่อแม่มีเพศสัมพันธ์ มีวิญญาณมาสิง ก็เป็นมนุษย์แล้ว
คุณกลับให้ความสำคัญก้อนเนื้อขนาดนี้มากกว่าชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีตัวตนตามกฎหมายมาเป็นสิบๆ ปี มีสมอง
เจริญพอจะรับรู้ความเครียดความกดดันที่จะต้องตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม ต้องยอมเสียอนาคต เสียโอกาสต่างๆ ในชีวิต
ตัวเองเพื่อก้อนเนื้อก้อนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ
เอางี้ ลองพิจารณาเรื่องทำแท้งอีกครั้ง โดยเอาศีลธรรมทางศาสนาโยนลงถังขยะ เอาความเชื่อเหนือธรรมชาติทิ้งไปซะ
ไม่เอาบาปบุญ ไม่เอานรกสวรรค์ ไม่เอากฎแห่งกรรม ไม่เอาชาตินี้ชาติหน้ามาคิด แล้วถามว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งไป
ทำแท้งได้แบบถูกกฎหมาย จะส่งผลเสียทางสังคม ทางเศรษฐกิจอะไรบ้าง ทั้งระยะสั้นระยะยาว แล้วเทียบกับผลเสีย
ที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะยอมมีลูกโดยไม่พร้อม แล้วลองอภิปรายดู
จากคุณ : Geneticist
สิ่งที่คนไทยควรเรียนรู้อย่างหนึ่งคือ ให้ถามตัวเองว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ให้อิสระกับทุกความเชื่อ หรือเราเป็นประเทศเทวธิปไตย (Theocracy)ที่มีพุทธศาสนาควบคุมรัฐ ถ้าตอบข้อแรกเรื่องทำแท้งเสรีก็เป็นไปได้ ถ้าเป็นข้อสองก็ให้เลิกหลอกตัวเองซะที...ว่าเราอยู่ในประเทศที่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา แล้วพวกเราที่สนับสนุนการทำแท้งเสรี จะได้เลิกพูดกัน
ในรัฐที่เป็นประชาธิปไตยแบบ Secular การเมืองกับศาสนาแยกกันสมบูรณ์ ไม่ได้แปลว่ารัฐต้องต่อต้านศาสนา แต่ห้ามต่อต้าน หรือสนับสนุนศาสนาใดๆ ก็ตาม ปล่อยให้เป็นเรื่องของประชาชน รัฐห้ามยุ่ง ดังนั้นรัฐก็ห้ามออกกฎหมายควบคุมประชาชนโดยอ้างความเชื่อของศาสนาใด ศาสนาหนึ่ง ลัทธิใด ลัทธิหนึ่ง
จากคุณ : Geneticist
เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 09:06:01