saopao wrote:
ขอบคุณครับที่เอาข้อมูลมาแย้ง เอาเป็นว่า ผมอ่านแล้วยอมรับว่ามีเหตุผล
ตามที่อ้างมา แต่ปัญหาคือ คำอธิบายนี้ไม่มีอยู่ในหนังสือเล่มที่ว่า แต่ผมก็ไม่ติดใจ
แต่ข้อความของคุณก็ไม่ได้ยืนยันว่า จะไม่ใช้กับกรณีไทย-กัมพูชานะครับตอบ
- ข้อนี้นะครับ ผมเห็นว่าเป็นเอกสารเก่าในช่วงรัฐบาลเก่า ที่มีนโยบายคนละแบบกับรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งปัจจุบันน่าจะไม่มีเอกสารแบบเดียวกันนี้กับเขมร
- มันเป็นเอกสารในกรณีไทยกับ-ลาว ซึ่งถ้าตามแผนที่ 1:200000 ไทยได้ประโยชน์ในจุดนี้ (จริงๆข้อพิพาท เรื่องนี้ ไทยยึด 1:200000 กับ L7017 แต่ลาว ยึด L708 ซึ่งก็เป็นแผนที่ของไทยแต่ยกเลิกไปแล้ว )
- มันเป็นเอกสารภายในไม่ได้ผูกพันกับประเทศคู่กรณี และเอามาเผยแพร่ได้มั๊ยผมว่าไมควร ถ้าทางเขมรมีข้อมูลนี้มันจะเอามาอ้างได้มั๊ย...ไม่รู้ แต่มันคนละประเทศ
- เอกสาร น่าจะเป็นเป็นร้อยหน้า แต่เอามาอ่านแค่ 2 วรรค ผมก็แน่ใจว่าคุณไม่รู้ว่ามีอะไรในนั้นบ้าง และ มีข้อมูลที่ผมเอามาแย้งรึเปล่า
เมื่อวานผมลืมไป เห็นว่าดึกแล้ว จึงรีบโพสท์ เพื่อไปนอน ทำให้ลืมรายละเอียดในเอกสารไทย-ลาว ข้างล่าง
(1)เนื่องจากแผนที่ชุดนี้เป็นผล งานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฯ ชุดที่ 1 ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามสนธิสัญญาปี ค.ศ. 1904 ดังนั้นส่วนใหญ่ของแผนที่ชุดนี้ (จำนวน 9 ระวาง) จึงแสดงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาและความตกลงฉบับปี ค.ศ. 1904 ซึ่งยังมีผลใช้บังคับอยู่จนถึงปัจจุบัน เพียง 6 ระวาง (ระวางเมืองคอบและเชียงล้อม / ระวางลำน้ำต่างๆ ทางภาคเหนือ/ ระวางเมืองน่าน/ ระวางจำปาสัก/ ระวางโขง/ และ “ระวางดงรัก”)
คุณจะตอบในส่วนนี้อย่างไรครับเพราะมันยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศเห็นว่าแผนที่เป็นผลจากการปักปันเขตแดนและรวมถึงระวางดงรักด้วย
ผมจะขอถามดังนี้
1.แผนที่ระวางดงรักที่ผิดสนธิสัญญาที่ไทยหรือแม้แต่ศาลโลกก็ไม่รับรอง ดังคุณว่ามา
การที่เราเอามาไว้ในMOU43 เท่ากับยอมรับให้เขมรเอามาอ้างในการจัดทำหลักเขตได้ใช่หรือไม่
-ถ้าตอบว่า"ใช่ แต่ไทยไม่ยอมรับ"
ก็ถามกลับว่า ถ้าไม่ยอมรับจริง ก็ควรไม่ยอมให้มีอยู่ในMOU43ตั้งแต่ต้นแล้ว ถูกต้องไหมครับ
ถ้าผมเป็นเขมร ผมก็ต้องใช้อ้างแน่นอน ผมมีคนของผมอยู่ในพื้นที่,มีวัด,มีกำลังทหาร,
มีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ิพาท เพราะผมสามารถใช้อำนาจสั่งขับไล่ให้คนไทยออกจากพื้นที่ได้
หรือจับมาพิพากษาได้ตามกฎหมายเขมร แม้แต่ญี่ปุ่นยังให้ทุนสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่นี้
เท่ากับมีต่างชาติรับรู้อำนาจอธิปไตยของผม และเขาก็ยอมรับด้วย จึงให้เงินมาสร้างสิ่งปลูกสร้าง
ทั้งหมดนี้ชี้ว่าเขมรมีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่นี้แล้วโดยพฤตินัย รอเพียงให้ขึ้นมรดกโลกได้
ก็จะได้โดยนิตินัย เพราะมีองค์กรระหว่างประเทศรับรู้ - MOU43 ของไทย-กัมพูชา เนื้อหาใกล้เคียงกันกับ MOU39 ของไทย-ลาว มากกว่า เพราะใช้สนธิสัญญา และแผนที่ชุดเดียวกัน (ที่คุณว่าลอกมาจาก MOU ของมาเลเซียผมว่าไม่ใช่)
-
http://www.mfa.go.th/190/laos/laos.php แปะลิ้งค์คณะ JBC ไทย-ลาว มีข้อมูลเรื่องนี้
คุณเข้าใจผิด ที่ผมจะสื่อคือ ไทย-มาเลย์ถูกใช้เป็นรูปแบบในการโกงกิน ด้วยการปิดช่องไม่ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการเจรจาต่างๆที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ได้ต้องการบอกว่า เป็นต้นแบบในการทำMOU43 - ที่มี แผนที่ 1:200000 ทั้งหลาย (เน้นว่าทั้งหลาย เติม S )ใน MOU 43 เหตุผลนึงคิดว่าทำเหมือนกับที่ทำ MOU39 กับลาวตามที่บอกไว้ข้างต้น
- และอีกอย่างคือ MOU43 ไม่ได้ทำแค่เขตเขาพระวิหาร แต่ หมายถึงตลอดแนวพรมแดน ในภาพรวมจึงอ้างสนธิสัญญา และ แผนที่ทั้งหลาย(น่าจะ 5 ระวางครึ่ง)ไว้ก่อนคร่าวๆ
ตรงเขาพระวิหารเขาใช้สันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดนมาตั้งแต่1904 ถ้าจะปักปันใหม่ ควรไปทำที่อื่น ที่ไม่มีเส้นแบ่งเขตชัดเจนทางธรรมชาติ ตรงบริเวณนี้ควรข้ามไปครับ แต่นี่กลับต้องมาหาใหม่ พร้อมๆกับ
-การขึ้นทะเบียนมรดกโลก
-แก้มาตรา190เข้าสภา
-กรอบJBCเข้าสภา
มันไม่บังเอิญจนน่าเกลียดไปหน่อยหรือครับ - อีกอย่างนึงที่อยากจะบอกคือ เขมร ก็ไม่ได้อ้างแค่แผนที่ 1:200000 หรอก แต่อ้างแผนที่ 1:50,000 ด้วย (L7016) และมีปัญหาเพราะ เส้นเขตแดนทับซ้อน กับแผนที่ L7017 ของไทย
แผนที่ฉบับอื่น เขายอมรับ (ตามที่คุณโพสท์มา) ก็เพราะมันไม่มีอะไรมาเถียง
แต่1:200,000ไทยรับรองไว้ในMOU43
คุณเคยเห็นเขมรลดลาวาศอกให้ไทยไหมครับ- ลิ้งค์ตัวอย่างแผนที่ L7016 ของเขมร
http://cambodiamaps.blogspot.com/2010/12/l7016-150000-us-military-maps.html (ไม่ต้องหาระวางเขาพระวิหารเพราะมันไม่มีข้อมูลในนั้น อีกอย่างกรมแผนที่ทหารมีขาย)
- แผนที่ทางการของเขมรคือ L7016 1:50,000 และแผนที่ทางการของเขมรคือ L7017 1:50,000 เส้นเขตแดนสองฉบับเนี้ยมันไม่ตรงกัน เพราะมันทำคนละที มันเลยมีปัญหาการลุกล้ำพื้นที่ตามาภายหลัง ถึงต้องทำ MOU43 ขึ้นมาเพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนใหม่ ให้เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหากันต่อไป (ไม่งั้นถ้าอ้างเฉพาะสันปันน้ำๆๆๆ ก็ไม่รู้พิกัดอยู่ดีอ่ะว่า เส้นรุ้งเส้นแวงไหน)
ทำใหม่ไม่มีใครว่าครับ ผมพูดหลายครั้งแล้วว่า
ถ้าจะทำใหม่ให้เหมือนเมื่อ1904และ1907 ก็ควรใช้สนธิสัญญา2ฉบับนี้เท่านั้น
ไม่ควรเอาแผนที่เข้ามาด้วย
เพราะมันไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่คราวนั้น แล้วจะให้เข้ามาเกี่ยวในคราวนี้ได้ไงครับ
แค่เอาแผนที่ออกไป และทำให้สภาพบนปราสาทเหมือนตอนหลังศาลโลกตัดสินตอน2505
พธม.เขาก็โอเคแล้ว แค่นี้รัฐบาลทำไมไม่ยอมทำ
เกรงใจเขมร แต่ไม่เกรงใจคนไทยที่เดือดร้อนที่อยู่ในพื้นที่หรือครับ
อย่าอ้างว่าแค่เอามาใช้เหมือนแผนที่ทั่วๆไป ถ้าอย่างนั้นก็ควรเอาแผนที่ของไทยใส่ลงไปแล้วอ้างต่อว่าเป็นแผนที่ที่เกิดจากการปักปันเมื่อ1904และ1907เหมือนกับที่อ้างให้แผนที่1:200,000อย่างนี้ค่อยยุติธรรม - เพื่อสำรวจเขตแดน จึงต้องย้อนไป ร้อยปีก่อนที่เราจัดการแบ่งประเทศกับฝรั่งเศสมีสนธิสัญญาขึ้นมาที่ทำร่วมกันแค่นั้น
นั่นสิ อย่างที่บอกไว้ข้างต้น แล้วเอาแผนที่มาทำไม- การเสียดินแดนโดยพฤตินัยอะไรก็ตามนั้น ก็สามารถแก้ได้โดยการสำรวจเขตแดนที่แน่นอน ตามหลักสนธิสัญญาที่มีหลักฐานว่ายอมรับทั้งสองฝ่าย
คุณไม่เห็นข้อความที่ผมโพสท์หรือครับ
เขมรจะเอาปราสาทตามแนวชายแดนไทยทั้งหมด
ถ้ามันเชื่อสนธิสัญญา แล้วทำไมตอนนี้ ไทยประท้วงไป10กว่าครั้ง
ทำไมมันไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในMOU43 - MOu43 ไม่ใช่ยาวิเศษมาจากไหน มันก็แค่กระบวนการปกติที่ต้องทำอยู่แล้วเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวเขตแดนที่แน่นอน
หลังจากที่เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกสำเร็จ ถ้ามันอ้างว่า" นี่ไง นานาชาติยอมรับแล้วว่าพื้นที่รอบปราสาทเป็นของมัน" อย่างที่มันพูดให้คนทั้งโลกแม้แต่คนไทยก็ได้ยินเป็นประจำ อภิสิทธิ์จะทำอย่างไรครับ อย่าลืมว่ามีอีก6ชาติเข้าร่วมบริหารนะครับ
ปัญหาจะยิ่งแก้ยากใช่ไหมครับ ถ้าคุณต้องทำสงครามตอนนั้น คุณสู้ไหวไหมครับ
การหาเขตแดนที่แน่นอน ก็ควรใช้อุปกรณ์ในการปักปันชุดเดิม คือสนธิสัญญาทั้1904และ1907 เท่านั้น
อย่าดูถูกMOU43นะครับ ก็MOU22ไทย-มาเลย์ ก็ทำให้การผลประโยชน์ทางทะเลลงตัวมาแล้ว
เห็นไหมครับ มีคำว่า ผลประโยชน์ เข้ามาเกี่ยวข้อง - การนำ แผนที่ 1:200000 เข้ามา ก็เพียงนำมาพิจาณา ร่วมกับสมธิสัญญา ครับ เพราะสิ่งที่อยู่ในแผนที่ นอกจาก เส้นเขตแดนแล้วยังมี ชื่อทางภูมิศาสตร์ ถนน ทางระบายน้ำ ระดับความสูง ภูเขา และรายละเอียดภูมิศาสตร์อื่นๆด้วย
อย่าอ้างว่าแค่เอามาใช้เหมือนแผนที่ทั่วๆไป ถ้าอย่างนั้นก็ควรเอาแผนที่ของไทยใส่ลงไปแล้วอ้างต่อว่าเป็นแผนที่ที่เกิดจากการปักปันเมื่อ1904และ1907เหมือนกับที่อ้างให้แผนที่1:200,000อย่างนี้ค่อยยุติธรรม
ชื่อทางภูมิศาสตร์ต่างๆ ต้องถามคนในพิ้นที่ครับ เขาถึงให้ทำประชาพิจารณ์ อ่านที่อ.ศรีศักรพูดสิครับ
"แล้วไม่ใช่มองเฉพาะแผนที่ ต้องเดินดู แล้วต้องมีประชาพิจารณ์ทุกขั้นตอน โดยเฉพาะคนที่เป็น local stake holder(ผู้มีส่วนได้-เสียในพื้นที่) ต้องรับรู้ แต่ที่ทำขณะนี้ เจบีซีที่ทำ ประชาชนไม่รับรู้เลย แล้วก็จัดฉาก ใครจัดฉาก กระทรวงต่างประเทศ พวกผมยังไม่รู้เขาทำเจบีซีไปถึงไหนแล้ว คนท้องถิ่นก็ไม่รู้ นี่คือความผิด ผิดเจตนารมณ์ คุณกำลังงุบงิบทำกัน ไม่ต่างอะไรที่ว่าทำกันไม่กี่คน
เห็นไหมครับ นักวิชาการยังไม่รู้เรื่องเลย มันงุบงิบเหมือนMOU22 ไทย-มาเลย์อย่างผมว่าไหมล่ะ - ส่วนเส้นเขตแดนในแผนที่นั้น ในการสำรวจไม่เอามาพิจารณาครับ ตามที่กระทรวงต่างประเทศได้แถลง
http://www.ryt9.com/s/mfa/481023งั้นรับรองว่าเป็นแผนที่ที่เกิดจากสนธิสัญญาและใส่รับรองไว้ในMOU43ทำไม
กระทรวงต่างประเทศพูดกับทำเหมือนกันไหมล่ะ นายกฯยังเปลี่ยนคำพูด
(ตอนนี้บอกว่า มีทื้นที่ทับซ้อนแล้ว)และตระบัดสัตย์เลยครับ -ถ้าตอบว่า "ไม่ใช่" แล้วนายกฯทำไมเปลี่ยนตรรกะจากMAPมีS มาเป็นยอมรับว่า
มีพื้นที่ทับซ้อน ตามผลของสนธิสัญญาและแผนที่ทัซ้อนกัน- ตอบง่ายๆเลยว่าผมไม่มีข้อมูลเรื่องนายกเปลียนตรรกะจากMAPมีS มาเป็นยอมรับว่ามีพื้นที่ทับซ้อน ตามผลของสนธิสัญญาและแผนที่ทับซ้อนกัน
แต่ผมมี ตัดมาให้ดูเฉพาะที่เกี่ยวข้อง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000104035
ความแตกต่างในเรื่องบันทึกความ เข้าใจว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ในปี พ.ศ. 2542 หรือ MOU 2543 นั้นภาคประชาชนเห็นว่าควรยกเลิกเพราะเป็นการอ้างอิงแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทำให้ไทยเสียเปรียบเพราะทำให้พื้นที่ดินแดนไทยหลังขอบสันปันน้ำกลายเป็น พื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งในอนาคตโดยเฉพาะเมื่อตกอยู่ในมือรัฐบาล นักการเมือง และข้าราชการชั่ว
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า MOU 2543 คือการนำแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งฝรั่งเศสจัดทำขึ้นแต่เพียงฝ่ายเดียวและกัมพูชายึดถือมาโดยตลอดนั้น ได้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อน จึง ถือว่าเป็นผลสำเร็จของรัฐบาลในยุคนั้นเพราะได้ทำให้ฝ่ายกัมพูชาไม่ยึดถือ เขตแดนตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 แต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
ถือเป็นเหตุผลใหม่หลังกรณี ตรรกะ Maps มี S ของนายอภิสิทธิ์นั้นหมายถึงแผนที่มีหลายฉบับและหลายระวาง บางระวางได้เปรียบก็ยอมรับ บางระวางเสียเปรียบก็ไม่ยอมรับ ซึ่งตรงกันข้ามกับเอกสารภายในของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งระบุอย่างชัดเจน ว่า แผนที่ซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ยกเว้นในระวางไหนเลย ไม่เว้นแม้แต่ระวางดงรักรอบปราสาทพระวิหาร- คำำพูดของคุณที่ว่า พื้นที่ทับซ้อนตามผลของสนธิสัญญาคืออะไร ???
ระหว่างสนธสัญญาและแผนที่ไงครับ - ส่วนเส้นเขตแดนในแผนที่ทับซ้อนกันอยู่แล้วเพราะใช้คนละฉบับ ทำคนละที ไม่งั้นจะมีปัญหาการลุกล้ำหรือ (ตามที่บอกไว้ข้างต้น)
เขมรแถลงข่าวทีไร ก็อ้างอิงแนวทางของแผนที่1:200,000ทุกครั้งนะครับ โดยอ้างว่าศาลโลกรับรองด้วย คุณไม่ได้อ่านหรือ2.ถ้าเขมรไม่ยอมออกไปตามที่ไทยประท้วง ถึงขั้นไหนครับ ที่นายกฯจะบอกว่าอย่างนี้เราต้องใช้กำลังทหารแล้ว -ผมคิดว่าจะใช้กำลังทหารเมื่อใช้การเจรจาทางการทูตแล้วไม่ได้ผลครับ แต่ตอนนี้เรื่องการเจรจายังแค่เริ่มเท่านั้น เอกสารยังกองอยุ่บนโต๊ะเจรจาครับ