ภาพจากบางกอกโพสต์ จะเห็นทางการกัมพูชาสร้างถนนขึ้นไปสู่ปราสาทพระวิหารบริเวณพรมแดน
ภาพจากบางกอกโพสต์ จะเห็นสถาปัตยกรรมบางส่วนของปราสาทพระวิหารเริ่มพังลงมา
บางกอกโพสต์ตีพิมพ์รายงานข่าว นักข่าวลับ-ลวง-พราง “วาสนา นาน่วม” ย้ำชัดทหารถอนกำลังจากพื้นที่เขาพระวิหารไปแล้ว แต่ทำเป็นสงวนท่าทีส่งทหารเดินตรวจการณ์ ตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น แต่ไม่มีการค้างคืน สะเทือนใจพบบางส่วนของปราสาทเริ่มพังทลาย หนำซ้ำเขมรให้ผู้รับเหมาชาวจีนสร้างถนนยาว 3.6 กม.ไม่สนไทยประท้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีรายงานข่าวชิ้นหนึ่งในหัวข้อ
“Troops pull back from temple” (กองกำลังทหารถอนกำลังกลับมาจากปราสาท) ซึ่งรายงานโดย น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เป็นการกล่าวถึงกรณีที่ทหารไทยและกัมพูชาได้ถอนกำลังจากเขตที่มีข้อพิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารเพื่อคลายความตึงเครียดบริเวณชายแดน เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา แต่ยังมีการเดินตรวจการณ์ร่วมในพื้นที่พิพาท
ทั้งนี้ กำลังทหารไทยและกัมพูชาได้ถอนกำลังออกจากที่ตั้งบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันกับปราสาทพระวิหาร ซึ่งถูกสร้างขึ้นในคริสศตวรรษที่ 11 โดยทหารไทยได้เคลื่อนกำลังไปอยู่ในเขตตีนเขา ซึ่งยังเป็นส่วนหนึ่งของเขตแดนที่มีข้อพิพาทระหว่างสองชาติ ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ขณะที่ทหารกัมพูชาได้วางกำลังอยู่ที่บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร
หลังจากที่บรรดาทหารถอนกำลังออกไป ทำให้ขณะนี้มีพระสงฆ์กัมพูชาเหลืออยู่ที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระเพียง 40 รูป ขณะที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะส่งกำลังเพื่อตรวจการณ์ร่วมในบริเวณวัดและพื้นที่พิพาทในช่วงเวลา 10.00-17.00 น.ทุกวัน โดยจะไม่มีการค้างคืนที่วัดแต่อย่างใด
ฝ่ายกัมพูชาวางแผนว่าจะเปิดปราสาทพระวิหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ทว่า ฝ่ายไทยยื่นเงื่อนไขล่วงหน้าว่า ต้องไม่มีการตั้งแผงลอยบริเวณใกล้ทางขึ้นปราสาท ทั้งนี้ ประตูทางขึ้นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่คริสศตวรรษที่ 11 และเปิดให้ผู้มาเยือนจากฝั่งไทยขึ้นสู่ตัวปราสาท ถูกฝ่ายกัมพูชาปิดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 หลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้ประท้วงชาวไทยดำเนินการประท้วงในเขตใกล้กับพื้นที่ของโบราณสถาน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาพยายามจะถอนกำลังทหารบางส่วนออกจากบริเวณปราสาท ส่วนทหารที่ประจำการอยู่ก็ไม่ได้พกพาอาวุธ เช่นเดียวกันกับปืนกลหนักและปืนใหญ่ที่ถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เพื่อฟื้นฟูบรรยากาศในการท่องเที่ยว ขณะที่บนยอดปราสาทพระวิหารธงสีน้ำเงินของคณะกรรมการมรดกโลก ยูเนสโก กับธงชาติกัมพูชาถูกชักขึ้น พร้อมกับป้ายประกาศที่อยู่บริเวณทางเข้าระบุว่าปราสาทพระวิหารได้ถูกยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว
ทหารและตำรวจกัมพูชาที่รักษาความปลอดภัยอยู่ในบริเวณปราสาทพระวิหารระบุว่า ทางการกัมพูชาวางแผนที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวไทยสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมปราสาทผ่านทางผามออีแดง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ อย่างไรก็ตามฝ่ายไทยได้ปฏิเสธที่จะเปิดทางเข้าจากฝั่งไทย ซึ่ง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าทางฝ่ายไทยมีเงื่อนไขว่า หากจะให้มีการเยี่ยมชมปราสาทได้อีกครั้ง จะต้องไม่ให้มีการตั้งร้านค้า-แผงลอยบริเวณใกล้ๆ กับทางเข้า โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าจะต้องใช้เวลาสักพักในการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมปราสาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศจะต้องพูดคุยกันมากกว่านี้
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกำลังจับตามองสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อเหลือง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกมาต่อต้านการเจรจาเกี่ยวกับเขตแดนของสองประเทศ โดยกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหารัฐบาลไทยว่า นำอธิปไตยของชาติคือพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารไปต่อรองในการเจรจาเรื่องเขตแดนกับกัมพูชา และกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ปี 2543 (MOU 43)
พล.อ.ธวัชชัยให้สัมภาษณ์ว่า ทางทหารยังไม่ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาท หรือลดกำลังทหาร โดยระบุว่าที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่จัดกำลังใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทหารกัมพูชาเท่านั้น พร้อมกล่าวด้วยว่าการเปิดปราสาทอีกครั้งนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลของสองประเทศ ขณะเดียวกันมีการพบเห็นว่า ทหารกัมพูชาและบริษัทก่อสร้างสัญชาติจีนกำลังสร้างถนนขึ้นไปสู่ปราสาทพระวิหาร โดยฝ่ายไทยได้ดำเนินประท้วงการก่อสร้างถนนที่มีความยาว 3,600 เมตรดังกล่าว ทว่ากัมพูชาไม่ได้ให้ความสนใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในรายงานข่าวดังกล่าวยังพบกับภาพประกอบ ซึ่งจะเห็นว่าสถาปัตยกรรมบางส่วนของปราสาทพระวิหารเริ่มทรุดโทรมและพังทลาย ขณะเดียวกันยังพบภาพถนนลูกรังที่กำลังก่อสร้างไปยังปราสาทบริเวณพรมแดนฝั่งกัมพูชา อีกทั้งยังพบบันไดไม้ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมปราสาทพระวิหารจากฝั่งกัมพูชาเข้าไปในตัวปราสาทได้อย่างง่ายดายอีกด้วย.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000179436
พูดได้หลายคํามาร์คขายชาติ ลอยตัวน่อมแน้ม โกหกปลิ้นปล้อน กอด mou jbcที่ยอมรับแผนที่ 1ต่อ2แสน เพื่อให้เทพสวมรอยประโยชน์แทนแม้วก็ยังมาโกหกข้างๆคูๆว่า mou ดีแค่ว่าเป็นเครื่องมือเจรจา เซนรับแผนบริหารจัดการพื้นที่ ก็ยังมาอ้างว่า เซนเพื่อมีสิทธิชี้แจง อ้างว่าถ้าไม่มีmouสหประชาชาติจะมาแทรกแซง อ่าวกฏบัตรเขียนว่าการรบระหว่าง สองประเทศสหประชาชาติจะแทรกแซงไม่ได้
ถุ้ย ทางแก้ ยกเลิก mou jbcที่มีแผนที่ 1ต่อ 2แสนและtor ถอนตัวจากภาคี ใชกําลังทหารกดดันและล้อมประสาทเอาไว้ รอเวลาเหมาะสมฟ้องศาลโลกเอาประสาทคืนมา แต่นี้ก็ทําไม่ได้ ผมว่าบวกกับความล้มเลวต่าง อยากจะยี้นายก และเทพเทือก และยี้ห้อย และเตี้ยสุพรรณ