ทัศนะวิจารณ์ กาแฟดำ
24 ตุลาคม พ.ศ. 2551 01:00:00
อังกฤษจะปกป้องนักการเมืองที่ผิดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือ?
:คุณทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวต่างประเทศอย่างน้อยสองแห่ง ที่พูดทำนองว่า รัฐบาลอังกฤษคงไม่ส่งเขากลับมาประเทศไทยในฐานะ “ผู้ร้ายข้ามแดน”
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : เพราะอดีตนายกฯ ไทย คนนี้อ้างมาตลอดว่าเขาถูก “การเมืองฝ่ายตรงกันข้าม” เล่นงาน
สำนักข่าวเอพีอ้างคำพูดของคุณทักษิณจากกรุงลอนดอน ว่า “I think I can stay here because this is a very mature democratic country. There is no way I will be extradited because the court is a political court...”
กับสำนักข่าวรอยเตอร์, คุณทักษิณบอกว่ายังไม่ได้ทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศอังกฤษ เพราะไม่มีความจำเป็น
“เรื่องลี้ภัยไม่มี เพราะใช้วีซ่านักท่องเที่ยวอยู่ ผมเดินทางเข้าออกอังกฤษเป็นประจำ ผมได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาในหลายประเทศ บางที่ก็เสนอให้ไปอยู่ด้วย บางที่เสนอให้เป็นที่ปรึกษาแก้ปัญหาความยากจน...”
ทำไมคุณทักษิณไม่ขอลี้ภัยทางการเมืองกับอังกฤษ ทั้งๆ ที่ตนได้อ้างมาตลอดว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองในประเทศไทย เป็นเรื่องของ “กลยุทธ์” และจังหวะทางการเมืองมากกว่า เพราะทันทีที่ยื่นคำขอ, ทางการอังกฤษก็จะริเริ่มกระบวนการสอบสวนคำอ้างของผู้ขอ และจะต้องขอให้ทางการไทยให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับคุณทักษิณด้วย
แน่นอนว่าหากรัฐบาลอังกฤษลงมือสอบสวนกรณีของคุณทักษิณ ก็จะต้องเจอว่ามีทั้งเรื่องปฏิวัติ 19 กันยายน เมื่อสองปีก่อน ซึ่งอาจจะเป็นประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อคำขอลี้ภัยของคุณทักษิณ
แต่ในขณะเดียวกัน, รัฐบาลอังกฤษก็ต้องลำดับเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ข้อหาเรื่องคอร์รัปชันและผลประโยชน์ทับซ้อนที่ศาลไทยกำลังดำเนินการอยู่กับคุณทักษิณ
หากอังกฤษเป็นประเทศที่ “ประชาธิปไตยก้าวหน้าพัฒนาเต็มที่” อย่างที่คุณทักษิณบอกกับสำนักข่าวเอพี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา, คุณทักษิณก็อาจจะเหนื่อยขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินรัชดา
เพราะคดีนี้ศาลไทยใช้มาตรฐานสากลว่าด้วย “conflict of interest” หรือ การทับซ้อนของผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจทางการเมืองเป็นหลักในการตัดสินคดี โดยที่สามอำนาจทางการเมืองของประเทศไทยเป็นอิสระต่อกัน นั่นคือ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และ ตุลาการ
อีกทั้งสถานทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยก็ยืนยันได้ว่า ขณะที่ศาลไทยตัดสินคดีนี้, อำนาจบริหารและนิติบัญญัติอยู่ภายใต้อิทธิพลหลักของพรรคพลังประชาชน ซึ่งอยู่ข้างคุณทักษิณอย่างไม่ต้องสงสัย
แปลว่า อำนาจตุลาการของไทยได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเป็นอิสระ, ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มการเมืองที่มีอำนาจอยู่ในประเทศขณะนี้
อีกทั้งสถานทูตอังกฤษในไทยก็คงจะมีข้อมูลเพียงพอที่จะยืนยันได้เช่นกันว่า นายทหารกลุ่มที่ก่อการปฏิวัติเมื่อ 19 กันยายน เมื่อสองปีก่อนนั้น, มาถึงวันนี้ก็ไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลในกระบวนการทางการเมืองใดๆ ที่จะไปทำให้ระบบตุลาการบิดเบือนไปจากที่ควรจะเป็น
ความจริง, หากรัฐบาลอังกฤษยึดถือมาตรฐานแห่งจริยธรรมทางการเมืองและวิธีการปกครองอย่างมีธรรมาภิบาลที่เขาวางเอาไว้สำหรับตัวเองและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก, คำพิพากษาของศาลไทยครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ควรแก่การยกย่องและยึดถือสำหรับประเทศอื่นๆ
เพราะพิสูจน์แล้วว่าศาลไทยเห็นความสำคัญของการป้องกันและจัดการกับการที่นักการเมืองเข้ามามีอำนาจสูงสุดแล้วแยกไม่ออกว่าอะไรคือผลประโยชน์ส่วนตน และ อะไรคือผลประโยชน์ของประเทศชาติ
หากอังกฤษมีระบอบประชาธิปไตยที่ “mature” หรือ “เติบโตเต็มที่” อย่างที่คุณทักษิณบอกกับสำนักข่าวเอพี, รัฐบาลที่ลอนดอนจะต้องส่งตัวคุณทักษิณกลับมารับโทษตามที่ศาลไทยตัดสิน เพื่อให้เป็นตัวอย่างของประเทศที่ต้องการสนับสนุนให้รัฐบาลทั่วโลกเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องการจัดการกับนักการเมืองที่มีปัญหาเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ด้วยซ้ำไป
แน่นอน, ถ้าเป็นเรื่องรัฐประหาร, รัฐบาลอังกฤษจะยืนอยู่ข้างนักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมา
แต่ถ้าหากนักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมาถูกศาลตัดสินว่า ได้ใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้นั้นมาสร้างประโยชน์อันมิชอบเพื่อตัวเองหรือพรรคพวกของตน, รัฐบาลอังกฤษที่เคารพในหลักธรรมาภิบาลจะต้องยืนอยู่ข้างศาลไทยอย่างแน่นอน
ลองวาดภาพดูว่าหากนายกฯ ของอังกฤษยอมให้ภรรยาของตนเข้าร่วมประมูลที่ดิน ที่หน่วยงานของทางการเอาออกมาขาย, จะเกิดเรื่องอื้อฉาวเกรียวกราวเพียงใดในประเทศที่ประชาธิปไตยเบ่งบานเต็มที่อย่างอังกฤษ?
หากเกิดเรื่องเช่นนี้, นายกฯ อังกฤษคนนี้ต้องตายทั้งเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไฉนเลยรัฐบาลอังกฤษจะกล้ามี “สองมาตรฐาน” หรือ double standard ในเรื่องของคุณทักษิณได้?
(เข้ามาชมวีดิโอวิพากษ์ประเด็นการเมืองร้อนๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ www.oknation.net/blog/black)
http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/2 ... 305890.php