พักการเมือง ในสายตาข้าพเจ้า
Posted: Thu Apr 21, 2011 10:42 am
พักการเมือง น่าจะทำให้ชาติเจริญกว่า
.
เมื่อพูดถึงการพูดคุยกันยาวๆ แบบไม่ใช่การต่อปากต่อคำแล้ว การพูดถึงพรรคการเมืองในวลีที่ว่า "พักการเมือง" น่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ แม้ว่าผมจะมีอาการไม่สู้ดีในเรื่องมือไม้สั่นเพราะเส้นเลือดในสมองตีบ แต่ก็ยังอยากบอกว่า การพักการเมืองน่าจะดีกว่าการยุบพรรคการเมืองเป็นไหนๆ เพราะหากพูดถึงการพักการเมืองของมหาชนชาวสยามแล้ว จะทำให้เราเห็นกันเป็นพี่เป็นน้องเป็นญาติเป็นสายเลือดเดียวกันมากขึ้น แม้เราจะมีเชื้อชาติที่แตกต่าง แต่เชื้อชาติที่ฝั่งรากลึกให้เราเป็นชาติพันธุ์ได้ก็คือชาติไทย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าสายเลือดก็คือ สายใจของความเป็นชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติใดในโลก นั้นก็คือการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเอง
---------------------------------------
ผมเองไม่รู้ว่าจะบ่นในเรื่องนี้เพื่อบ่อนทำลายบรรยากาศทางการเมืองที่กำลังร้อนระอุไปทำไม แต่รู้ดีกว่าอาการเส้นเลือดในสมองตีบนั้นอาจทำให้ตีบตันจนแขนขาไม่มีแรงและก็คงไม่มีเวลามาบ่นให้ฟังว่า การเมืองที่ผมเจอนั้นมันมีทั้งเรื่องเลวร้ายและน่ากลัวแค่ไหน เช่น การเทียบตนเองกับเจ้าของบรรดานักการเมืองเมื่อได้อำนาจฉันทามติจากประชาชนเป็นต้น และหลายๆ เรื่องที่นักการเมืองมักคิดว่าตนเองเป็นขุนนางใหญ่เป็นเจ้าครองนครบ้าง จนไม่สนใจข้าราชการเวลาให้คำแนะนำเป็นต้น หลายต่อหลายสิ่งที่เิกิดขึ้นก็อาจเพราะเรามีอคติต่อระบบข้าราชการ พาลไปมีอคติต่อระบบกษัตริย์ และทำให้ชาติบ้านเมืองใกล้ถึงกาลอวสาน
------------------------------------
ผมเองอยากให้ท่านคิดให้ดีว่าจะเล่นการเมืองหรือพักการเมืองกัน เพราะการเล่นการเมืองนั้นมันขึ้นอยู่กับการประชาชนทั้งสิ้น หากประชาชนไม่สนใจเล่นการเมืองแต่สนใจพักการเมือง หันหน้ามาทำดีต่อกัน ลืมเรื่องร้ายๆ ที่ต่างทะเลาะกัน กลับมามีชีวิตที่ปกติสุข เลือกสรรค์คนดีๆ มาปะชันกันในเวทีการเลือกตั้ง และร่วมกันตั้งคำถาม พร้อมแนวทางปฏิบัติให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งต่างได้พูดคุยและแสดงวิสัยทัศน์พร้อมกับมองดูความเป็นไปว่าหากคนเหล่านั้น หรือบุคคลนั้นได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ในระบบรัฐสภา หรือสภาท้องถิ่นแล้ว จะทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ทั้งของภาครัฐ และภาคประชาชนอย่างไร ที่สำคัญ จะทำงานร่วมกับองค์กรข้าราชการที่ทำงานร่วมกันกับนักการเมืองโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่ หรือต้องจำทนฝืนกินกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักการเมืองเช่น "อัฐยายซื้อขนมยาย" "เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น" "ดีแต่พูด" "มือไม่พายเอาเท้าลาน้ำ" "ยกตนข่มท่าน" "ยกแม่น้ำทั้งห้า" "รำไม่ดีโทษปีโทษกลอง" และสารพัดที่นักการเมืองมักนำมาเล่นการเมืองเพื่อแหกตาประชาชน ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้แหละคือละครทางการเมืองที่น้ำเน่าที่สุด ที่เกิดจากรากฐานของประชาชนที่มักนิยมชมชอบกับบทละครทางการเมืองเช่นนี้ จึงร่วมเล่นและผสมโรงให้เกิดวาทะกรรมทางการเมืองที่สุดแสนจะรันทดเช่นในปัจจุบัน
------------------------------------------------------------
"พักการเมืองกันเถอะ หันหน้ามาเป็นญาติพี่น้องกัน และมุ่งคัดสรรค์คนดี มาเป็นตัวเลือกที่ดี แทนการคัดสรรค์คนที่เลวน้อยที่สุด ซึ่งมันก็จะกลายเป็นเลวได้แนบเนียนที่สุดเมื่อมันมีอำนาจ หยุดสะทีเถอะกับการปัดความรับผิดชอบด้วยการปล่อยให้การเมืองเล่นงานประชาชน โดยไม่สนใจชะตากรรมของเพื่อนร่วมชาติ หยุดสะทีเถอะพ่อคุณแม่คุณ อย่าได้เอาตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองของท่านมาทำลายฝั่งตรงข้ามจนลืมความถูกต้องชอบธรรมของขื่อแปร หยุดสะทีเถอะกับการเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มากล่าวอ้างในเชิงหาเสียง จนการเมืองเลอะเทอะ ไม่มีดีให้เหลือให้เราเลือก"
.
"พักการเมือง แล้วหยุดพฤติกรรมทำลายชาติ ด้วยการเลือกตั้งคนดีให้มีอำนาจ ไม่ใช่คนเลวน้อยที่สุดจนกลายเป็นคนเลวที่มีอำนาจ"
.
เมื่อพูดถึงการพูดคุยกันยาวๆ แบบไม่ใช่การต่อปากต่อคำแล้ว การพูดถึงพรรคการเมืองในวลีที่ว่า "พักการเมือง" น่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ แม้ว่าผมจะมีอาการไม่สู้ดีในเรื่องมือไม้สั่นเพราะเส้นเลือดในสมองตีบ แต่ก็ยังอยากบอกว่า การพักการเมืองน่าจะดีกว่าการยุบพรรคการเมืองเป็นไหนๆ เพราะหากพูดถึงการพักการเมืองของมหาชนชาวสยามแล้ว จะทำให้เราเห็นกันเป็นพี่เป็นน้องเป็นญาติเป็นสายเลือดเดียวกันมากขึ้น แม้เราจะมีเชื้อชาติที่แตกต่าง แต่เชื้อชาติที่ฝั่งรากลึกให้เราเป็นชาติพันธุ์ได้ก็คือชาติไทย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าสายเลือดก็คือ สายใจของความเป็นชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติใดในโลก นั้นก็คือการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเอง
---------------------------------------
ผมเองไม่รู้ว่าจะบ่นในเรื่องนี้เพื่อบ่อนทำลายบรรยากาศทางการเมืองที่กำลังร้อนระอุไปทำไม แต่รู้ดีกว่าอาการเส้นเลือดในสมองตีบนั้นอาจทำให้ตีบตันจนแขนขาไม่มีแรงและก็คงไม่มีเวลามาบ่นให้ฟังว่า การเมืองที่ผมเจอนั้นมันมีทั้งเรื่องเลวร้ายและน่ากลัวแค่ไหน เช่น การเทียบตนเองกับเจ้าของบรรดานักการเมืองเมื่อได้อำนาจฉันทามติจากประชาชนเป็นต้น และหลายๆ เรื่องที่นักการเมืองมักคิดว่าตนเองเป็นขุนนางใหญ่เป็นเจ้าครองนครบ้าง จนไม่สนใจข้าราชการเวลาให้คำแนะนำเป็นต้น หลายต่อหลายสิ่งที่เิกิดขึ้นก็อาจเพราะเรามีอคติต่อระบบข้าราชการ พาลไปมีอคติต่อระบบกษัตริย์ และทำให้ชาติบ้านเมืองใกล้ถึงกาลอวสาน
------------------------------------
ผมเองอยากให้ท่านคิดให้ดีว่าจะเล่นการเมืองหรือพักการเมืองกัน เพราะการเล่นการเมืองนั้นมันขึ้นอยู่กับการประชาชนทั้งสิ้น หากประชาชนไม่สนใจเล่นการเมืองแต่สนใจพักการเมือง หันหน้ามาทำดีต่อกัน ลืมเรื่องร้ายๆ ที่ต่างทะเลาะกัน กลับมามีชีวิตที่ปกติสุข เลือกสรรค์คนดีๆ มาปะชันกันในเวทีการเลือกตั้ง และร่วมกันตั้งคำถาม พร้อมแนวทางปฏิบัติให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งต่างได้พูดคุยและแสดงวิสัยทัศน์พร้อมกับมองดูความเป็นไปว่าหากคนเหล่านั้น หรือบุคคลนั้นได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ในระบบรัฐสภา หรือสภาท้องถิ่นแล้ว จะทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ ทั้งของภาครัฐ และภาคประชาชนอย่างไร ที่สำคัญ จะทำงานร่วมกับองค์กรข้าราชการที่ทำงานร่วมกันกับนักการเมืองโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่ หรือต้องจำทนฝืนกินกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักการเมืองเช่น "อัฐยายซื้อขนมยาย" "เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น" "ดีแต่พูด" "มือไม่พายเอาเท้าลาน้ำ" "ยกตนข่มท่าน" "ยกแม่น้ำทั้งห้า" "รำไม่ดีโทษปีโทษกลอง" และสารพัดที่นักการเมืองมักนำมาเล่นการเมืองเพื่อแหกตาประชาชน ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้แหละคือละครทางการเมืองที่น้ำเน่าที่สุด ที่เกิดจากรากฐานของประชาชนที่มักนิยมชมชอบกับบทละครทางการเมืองเช่นนี้ จึงร่วมเล่นและผสมโรงให้เกิดวาทะกรรมทางการเมืองที่สุดแสนจะรันทดเช่นในปัจจุบัน
------------------------------------------------------------
"พักการเมืองกันเถอะ หันหน้ามาเป็นญาติพี่น้องกัน และมุ่งคัดสรรค์คนดี มาเป็นตัวเลือกที่ดี แทนการคัดสรรค์คนที่เลวน้อยที่สุด ซึ่งมันก็จะกลายเป็นเลวได้แนบเนียนที่สุดเมื่อมันมีอำนาจ หยุดสะทีเถอะกับการปัดความรับผิดชอบด้วยการปล่อยให้การเมืองเล่นงานประชาชน โดยไม่สนใจชะตากรรมของเพื่อนร่วมชาติ หยุดสะทีเถอะพ่อคุณแม่คุณ อย่าได้เอาตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองของท่านมาทำลายฝั่งตรงข้ามจนลืมความถูกต้องชอบธรรมของขื่อแปร หยุดสะทีเถอะกับการเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มากล่าวอ้างในเชิงหาเสียง จนการเมืองเลอะเทอะ ไม่มีดีให้เหลือให้เราเลือก"
.
"พักการเมือง แล้วหยุดพฤติกรรมทำลายชาติ ด้วยการเลือกตั้งคนดีให้มีอำนาจ ไม่ใช่คนเลวน้อยที่สุดจนกลายเป็นคนเลวที่มีอำนาจ"