ติดตามข่าว ไทยปะทะเขมร (22 เม.ย. 54)

[google]

ได้ยินแว่วๆในข่าววันนี้เหมือนกัน
อาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่ามาเลย์ทำเจ็บกะเราไว้หลายรอบเหมือนกันนี่ครับ
ทั้งเรื่องรับซื้อน้ำตาลทราย เรื่องรับซื้อเหรียญบาท
รอบนี้จะมายุ่งอะไรกับเราอีกแล้ว

[นักเรียนตลอดชีพ]

ฟังรายการข่าวของคุณพชร กับคุณวิสุทธิ์ เมื่อวาน (96.5) มีช่วงนึงพูดว่า มาเลเซีย(รมต. กต.)ชี้นิ้วมาที่ไทย ว่าทำให้เรื่องบานปลายโดยไม่ยอมให้ผู้สังเกตการณ์ทางทหารเข้าไปแต่แรก

เหมือนโดนรุมเลยนะ อาเซียน... ปีหน้ากัมพูชาเป็นประธานอาเซียนด้วย

ไม่รู้ว่าหลังจากฟังนายกชี้แจงแล้วท่าทีเป็นไงบ้าง

โดยมารยาทแล้ว ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ อย่างนั้น นะครับ ... รบกวน ต้องเช็คข่าวหน่อย ..

เขตแดน ของไทย กับ กพช. ไม่ใช่ไทยกับมาเลย์ ..... ถ้าทำอย่างนั้น ทำไม เรื่องสิงค์โปร์ขุดร่องน้ำ มาเลย์ไม่ให้เราเข้าไป เป็นผู้สังเกตุการณ์ บ้างละ ...

[Elessar01]

ฟังรายการข่าวของคุณพชร กับคุณวิสุทธิ์ เมื่อวาน (96.5) มีช่วงนึงพูดว่า มาเลเซีย(รมต. กต.)ชี้นิ้วมาที่ไทย ว่าทำให้เรื่องบานปลายโดยไม่ยอมให้ผู้สังเกตการณ์ทางทหารเข้าไปแต่แรก

เหมือนโดนรุมเลยนะ อาเซียน... ปีหน้ากัมพูชาเป็นประธานอาเซียนด้วย

ไม่รู้ว่าหลังจากฟังนายกชี้แจงแล้วท่าทีเป็นไงบ้าง

โดยมารยาทแล้ว ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ อย่างนั้น นะครับ ... รบกวน ต้องเช็คข่าวหน่อย ..

เขตแดน ของไทย กับ กพช. ไม่ใช่ไทยกับมาเลย์ ..... ถ้าทำอย่างนั้น ทำไม เรื่องสิงค์โปร์ขุดร่องน้ำ มาเลย์ไม่ให้เราเข้าไป เป็นผู้สังเกตุการณ์ บ้างละ ...

นายริชาร์ด ไรออต จาเอม รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศมาเลเซีย บอกว่าไทยกับกัมพูชาตกลงกันแล้ว ที่จะรับผู้สังเกตการณ์ทางทหารอินโดนีเซียเข้าไปยังพื้นที่กรณีพิพาท และไทยควรยึดมั่นกับข้อตกลง แต่ปรากฏว่าฝ่ายไทยเรียกร้องให้กัมพูชาถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหาร ก่อนที่จะยอมให้ผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้าไปในเขตพิพาท

นายริชาร์ดบอกว่า เขาไม่อยากพูดว่าปัญหาเรื่องนี้อยู่ที่การขาดความน่าเชื่อถือ แต่ฝ่ายไทยไม่ยึดมั่นในข้อตกลง และนั่นก็เป็นสาเหตุให้มีการปะทะกันอีก เขาย้ำด้วยว่าทั้ง 10 ชาติอาเซียน รวมถึงไทยและกัมพูชา ต่างเห็นพ้องในข้อตกลงเรื่องนี้ แต่น่าเศร้าที่ปัญหากลับไปอยู่ที่ 2 ประเทศอีก เพราะกัมพูชายอมรับข้อตกลง แต่ไทยไม่ยอมรับ

เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้ กัมพูชาชี้ไปที่ไทยว่าเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ส่วนไทยก็บอกว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่ม และเพื่อที่จะสรุปว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน จึงตัดสินใจส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบ แต่ตอนนี้ผู้สังเกตการณ์ก็ยังไม่ได้เข้าไปในพื้นที่

http://www.suthichaiyoon.com/detail/9876

[นักเรียนตลอดชีพ]

โดยมารยาทแล้ว ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ อย่างนั้น นะครับ ... รบกวน ต้องเช็คข่าวหน่อย ..

เขตแดน ของไทย กับ กพช. ไม่ใช่ไทยกับมาเลย์ ..... ถ้าทำอย่างนั้น ทำไม เรื่องสิงค์โปร์ขุดร่องน้ำ มาเลย์ไม่ให้เราเข้าไป เป็นผู้สังเกตุการณ์ บ้างละ ...

นายริชาร์ด ไรออต จาเอม รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศมาเลเซีย บอกว่าไทยกับกัมพูชาตกลงกันแล้ว ที่จะรับผู้สังเกตการณ์ทางทหารอินโดนีเซียเข้าไปยังพื้นที่กรณีพิพาท และไทยควรยึดมั่นกับข้อตกลง แต่ปรากฏว่าฝ่ายไทยเรียกร้องให้กัมพูชาถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหาร ก่อนที่จะยอมให้ผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้าไปในเขตพิพาท

นายริชาร์ดบอกว่า เขาไม่อยากพูดว่าปัญหาเรื่องนี้อยู่ที่การขาดความน่าเชื่อถือ แต่ฝ่ายไทยไม่ยึดมั่นในข้อตกลง และนั่นก็เป็นสาเหตุให้มีการปะทะกันอีก เขาย้ำด้วยว่าทั้ง 10 ชาติอาเซียน รวมถึงไทยและกัมพูชา ต่างเห็นพ้องในข้อตกลงเรื่องนี้ แต่น่าเศร้าที่ปัญหากลับไปอยู่ที่ 2 ประเทศอีก เพราะกัมพูชายอมรับข้อตกลง แต่ไทยไม่ยอมรับ

เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้ กัมพูชาชี้ไปที่ไทยว่าเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ส่วนไทยก็บอกว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่ม และเพื่อที่จะสรุปว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน จึงตัดสินใจส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบ แต่ตอนนี้ผู้สังเกตการณ์ก็ยังไม่ได้เข้าไปในพื้นที่

http://www.suthichaiyoon.com/detail/9876

ขอบคุณ และ ขออภัย ครับ ...
มิได้เจตนา ล่วงเกิน ความน่าเชื่อถือ ของ คุณ ...

เพียงแ่ต่ แปลกใจมาก ถ้าจะพูดว่า มันผิดมารยาททางการเมือง ระหว่างประเทศ จริงๆ ... ซึ่งโดยปรกติ ปท.ที่3 ที่ไม่มีบทบาท ไม่รู้เรื่อง ไม่ควรมีความคิดเห็น เช่นนี้ ออกมา ...

อ่าน แล้ว อนาถใจ ครับ .... พอดี กำลังดู หนัง ทวิภพ อยู่พอดี ..มาเจอ ข่าวลักษณะ ไทยโดนรุม เหมือนในหนัง แล้ว ยิ่งเศร้า ...

ดูท่า กต.คงตองไล่อธิบาย กันยาว แน่ (หรือไม่ปธ.อเซียนน่าจะปรามมาเลย์บ้างนะ)

[ninja]

ถ้าจริง ก็แสดงว่า อาเซียนไม่มีความจริงใจอะไรในการแก้ปัญหา หรือไม่ยอมรับรู้เรื่องอะไร นอกจากผลประโยชน์เท่านั้น
ถ้างั้นก็อย่าหวังว่า อาเซียนหนึ่งเดียวจะเกิดขึ้น

ถ้างั้น คำแถลงการของนายกมาร์คก็เท่ากับบอกให้อาเซียนรู้ว่า จุดยืนของไทยเรื่องเขาพระวิหาร
แสดงว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

รมต กษิต ก็ยืนยันว่า road map ของการแก้ปัญหา จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ กพช ถอนทหารออกจากเขาพระวิหาร

เอาไงเอากัน

[sleepless]

Datuk Richard Riot Jaem : dtkriot@kln.gov.my

เชิญตามสบายครับ

เมื่อกี้ผมเขียนไปฉบับหนึ่งแล้ว ทนไม่ไหว แมร่งเสือกจริงๆ

หวังว่าคงจะถึง

--
Dear Datuk Richard Riot Jaem,

I am writing you in the name of a citizen of Thailand.

It appears to me that your comment during the ASEAN meeting below really broke the basic principle of ASEAN and broke Thai people's hearts.

http://www.straitstimes.com/BreakingNew ... 66850.html

For Thai people, the 4.6 sqkm is Thai soil.
And for Cambodians, the 4.6 sqkm is Cambodian soil.

The land is a disputed land and Cambodia has breached the MOU by moving its citizens to live in the disputed land and maintain its troop in the land which is considered Thai soil by Thai people.

The only way Cambodia and Thailand can reach the table is for Cambodia to withdraw its troop and move the villagers out of the 4.6 sqkm first.

Cambodia must comply to the MOU first, then we can talk.

But now, out of no where, you stepped forward and blamed Thailand from not bringing this to talk.

What a surprise!

Are you not aware or you pretend not to be aware that this is Hun Sen's intention to show that ASEAN can't solve this problem so that he can bring the issue to UN?

Your comment is very undiplomatic and our PM Abhisit is too polite in his response to your comment.

Thailand never sticked our nose on the dispute between Malaysia and your neighbor like Singapore (and I hope we won't do it in the future)

It's the basic principle of ASEAN not to interfere other people's business.

Your comment is very unacceptable for Thai people and we are really surprised to see it from a high ranking people like you.

I don't know whether you realize it or not, but what you did is actually destroying the good relationship between Thailand and Malaysia.

What you did is not a benefit for ASEAN, but it will even bring Malaysia into the dispute itself.

The trust Thai people used to have on Malaysia will never be the same, just because of your silly comments.

I hope you can take action to remedy this issue in order to re-establish trust between Thai people and Malaysia government.

Sorry for my poor English. English is not my mother tounge.
---

[marrykate]

ของแท้แน่นอน มาเลฯทำไมทำผิดมารยาทอย่างงี้ ไม่ใช่เรื่องของตัวเองซะหน่อย รู้อะไรมากน้อยแค่ไหนมาทำจุ้น

http://www.straitstimes.com/BreakingNew ... 66850.html

edit : post ช้าไปนิด โดนพี่ sleepless ตัดหน้าไปนิดเดียว แหะ แหะ

[นักเรียนตลอดชีพ]

เมื่อครู่ ข่าวจาก TPBS .... เลขาธิการอาเซียนท่านสุรินทร์ ให้สัมภาษย์ ว่า นายมาร์ตี้เข้าใจ ถึงปัญหาดี ...(เบาใจหน่อย)

สงสัย ต้องถาม รมต.มาเลย์ว่า .... พื้นที่ ที่ยังตกลงกันไม่ได้ ของเขากับเรา เราเอาทหาร เข้าไปได้ไหม ...........

หวังว่า รมต.มาเลย์ จะตอบคำถามนี้นะ ..

[arch_freeman]

ผมคิดว่า รัฐบาล จะต้องไม่ถอยในเรื่องของจุดยืน ที่จะต้องทำให้เขมรทำตาม mou 43 และสนธิสัญญากรุงเฮก เสียก่อน ถ้ารัฐบาลถอย ผมคิดว่านอกจากทหารจะไม่ยอมแล้ว ประชาชนทั้งประเทศก็จะไม่ยอม

นอกจากนี้รัฐบาลยังมีการบ้านคือ พยายามให้เพื่อนบ้านในอาเซียนกดดัน เขมร ให้เคารพ mou43 และ สนธิสัญญาฯ ให้ได้

เรื่อง รมต ตปท. ของมาเลย์ ล้ำเส้นนั้น คุณกษิต จะต้องถามเขากลับไปดังๆ ว่า ถ้าประเทศไทยส่งทหารเข้าไปอยู่ในเขตแดนพิพาทของมาเลเซีย มาเลเซียจะยอมรับการแก้ไขปัญหาแบบนี้ไหม ต้องถามกลับไปดังๆ จะได้รู้ที่ต่ำที่สูง ว่าจะต้องพูดอะไรบนพื้นฐานเหตุผล ข้อเท็จจริง ไม่ใช่ถือหาง ยกหาง เพราะ ผลประโยชน์ต่างตอบแทน

[C4C]

ฮอเผยได้ ๖ มาตรการจากที่ประชุม รมต.ต่างประเทศสามฝ่าย
Posted on 10 May 2011 by n/e - 00:16 น.
ฟิฟทีนมูฟ – ฮอ นำฮง เผย ๖ มาตรการหลังหารือรมต.ต่างประเทศสามฝ่าย โดยเสนอให้ไทยเร่งตอบรับ TOR ซึ่งตอบรับเมื่อใด ประกาศประชุม JBC และ GBC ทันที จากนั้นอินโดฯ จะส่งทีมสำรวจล่วงหน้าพร้อมเปิดการประชุม JBC และ GBC และ ๑๐ วันให้หลังจะส่งผู้สังเกตการณ์เต็มคณะลงพื้นที่ปะทะ ฮอขอให้กษิตเสนอให้ ครม.ไทยอนุมัติ TOR อังคารนี้ กษิตรับปากแต่ไม่ยืนยัน ส่วนปัญหาตาเมือน-ตาควาย เป็นคนละเรื่องคุยที่ไหนก็ได้


แฟ้มภาพ: นายฮอ นำฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา

การหารือรัฐมนตรีต่างประเทศสามฝ่าย ในวันที่ ๙ พฤษภาคม ซึ่งเป็นไปตามความเห็นชอบร่วมกันของนายกรัฐมนตรีไทย ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ที่ให้รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสามประเทศหารือร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยสันติวิธีและให้เป็นไปตามสนธิสัญญาไมตรีฯ ของอาเซียน (TAC) โดยการหารือเป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ได้ข้อสรุป ๖ มาตรการ


ตามรายงานข่าวเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ของสำนักข่าวซีอีเอ็นของกัมพูชา นายฮอ นำฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เปิดเผยถึง ๖ มาตรการดังกล่าวโดยระบุว่า ในมาตรการที่ ๑ และ ๒ ประเทศไทยควรตอบรับ TOR เกี่ยวกับการวางผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย พร้อมกันนั้นควรได้ประกาศการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งควรทำทันทีในวันเดียวกัน โดยหมายความว่า วันใดที่ไทยได้ทำหนังสือตอบรับ (Letter of Acceptance) TOR ไปถึงรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย วันนั้นกัมพูชาและไทยจะประกาศให้มีการจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดน

มาตรการข้อที่ ๓ และ ๔ กำหนดว่า ๕ วัน หลังจากที่ไทยทำหนังสือตอบรับ TOR ไปถึงรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย อินโดนีเซียจะส่งทีมสำรวจสภาพการณ์ (Survey Team of IOT) ไปในพื้นที่ที่มีการปะทะ พร้อมกันนี้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปจะเปิดการประชุม

​ส่วนมาตรการที่ ๕ และ ๖ ระบุว่า ๑๐ วัน หลังจากที่ไทยทำหนังสือตอบรับ TOR อินโดนีเซียจะส่งผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดไปยังพรมแดน (Full Assignment)​ พร้อมกันนี้ จะมีการร่วมหารือและติดตามผลการประชุม JBC และ GBC

ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสามเห็นชอบร่วมกันที่จะให้ขอความเห็นชอบจากรัฐบาลของตนเกี่ยวกับผลการหารือทั้ง ๖ มาตรการดังกล่าว โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาได้ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศไทย ผลักดันให้คณะรัฐมนตรีไทยอนุมัติให้ความเห็นชอบต่อ TOR ในการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ในวันอังคาร ที่ ๑๐ พฤษภาคม นี้ ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศไทยรับปาก แต่ระบุว่าไม่ทราบว่าคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติ TOR ในวันอังคารนี้หรือไม่

​นอกจากนี้ นายฮอ นำฮง ยังได้กล่าวยืนยันเกี่ยวกับจุดยืนของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า เราควรแยกแยะปัญหาเป็น ๒ ส่วน คือ การประชุม GBC และ JBC ที่เกี่ยวกับพื้นที่พระวิหาร ควรมีอินโดนีเซียอยู่ร่วมด้วย ส่วนการประชุม GBC และ JBC ที่เกี่ยวกับพื้นที่เล็กอย่างพื้นที่ตาเมือนและตาควายนั้น กัมพูชาและไทย สามารถประชุมแบบทวิภาคี ซึ่งจะประชุมที่กัมพูชาหรือที่ไทยก็ได้

ที่มา http://www.15thmove.net/news/hor-namhon ... -observer/
-------------------------------------------------------------------------------------------------------


ฮอเย้ยกุนเชียง เขมรไม่สะเทือนเหตุสั่งปิดด่านห้ามส่งออกน้ำมันและยุทธปัจจัย
Posted on 10 May 2011 by n/e - 21:44 น.
ฟิฟทีนมูฟ – ฮอ นำฮง โต้กรณี มทภ.๒ สั่งห้ามส่งน้ำมันและยุทธปัจจัยไปเขมร ระบุอยากปิดอะไรปิดไป กองทัพเขมรไม่ได้พึ่งสินค้าไทย ไม่มีรถขน ไทยสับสนใหญ่โยงกองทัพกับการค้า ส่วนโกย กวง โฆษก กต. บอกสงสารคนไทยตามแนวชายแดน เขมรนำเข้าสินค้าไม่เลือกปฏิบัติแม้มีความขัดแย้งพรมแดน

แฟ้มภาพ: นายฮอ นำฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา พร้อมนายโกย กวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศ (คนขวามือในภาพ)

นายฮอ นำฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวตอบโต้แม่ทัพภาคที่ ๒ ของไทย ที่สั่งปิดด่านพรมแดนไม่ให้นำน้ำมันดีเซลและยุทธปัจจัยออกไปยังประเทศกัมพูชา ว่าไม่ใช่เหตุร้ายสำหรับกัมพูชา ต้องการปิดอะไรก็ปิดไป ทั้งนี้ตามรายงานของหนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ เมื่อช่วงค่ำวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔


โดยหนังสือพิมพ์กัมพูชาฉบับดังกล่าวระบุว่า ข่าวการสั่งปิดด่านไม่ให้ส่งออกน้ำมันและยุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชา ของ พล.ท. ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ ๒ ปรากฎในรายงานของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ซึ่งระบุว่าน้ำมันและยุทธปัจจัยดังกล่าวนั้น มีความจำเป็นในปฏิบัติการสู้รบของกองทัพกัมพูชาต่อกองทัพไทย ตามแนวพรมแดนที่มีปัญหาขัดแย้ง

นายฮอ นำฮง กล่าวเมื่อช่วงเย็นวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ที่สนามบินนานาชาติกรุงพนมเปญ หลังกลับจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงจาการ์ตา ว่าไทยต้องการปิดอะไรก็ปิดไป กองทัพกัมพูชาไม่ได้พึ่งพาสินค้าจากประเทศไทยเพื่อสนับสนุนกองทัพกัมพูชา กองทัพของเราไม่มีรถขนส่งสินค้านำเข้าจากประเทศไทยเลย แต่เราคิดว่าคงเป็นไทยเองที่โยงเรื่องกองทัพเข้าเป็นเรื่องเดียวกับการค้าขาย ดูเหมือนสับสนไปใหญ่แล้ว

ขณะที่แม่ทัพของกัมพูชาประจำสมรภูมิแนวหน้า ระบุว่าในการปะทะกันกว่า ๑๐ ก่อนหน้านี้ กัมพูชาไม่ได้ใช้สินค้าของไทยเพื่อสนับสนุนกองทัพเลย

นอกจากนี้ นายโกย กวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เราเห็นใจประชาชนไทยที่พึ่งพาอาศัยกัน พบหน้าทำมาหากินเลี้ยงชีพประจำวันร่วมกันตามแนวพรมแดน และยังกล่าวอีกว่า กัมพูชาแต่ละวันนำสินค้าทุกประเภทเข้าประเทศจำนวนมาก แต่เราไม่เลือกปฏิบัติในการนำสินค้าไทยเข้ามา แม้มีปัญหาความขัดแย้งตามแนวพรมแดนก็ตาม เราแบ่งแยกชัดเจนระหว่างกองทัพกับการค้าขาย

ที่มา http://www.15thmove.net/news/hor-namhon ... hibit-oil/


ข่าวของ ฟิฟทีนมูฟ รู้สึกจะเร็วก่อนเพื่อนนะ เราๆท่านๆก็พิจารณาเอาก็แล้วกัน

อันที่จริงนะรัฐบาลไทย น่าจะปิดด่านที่มีบ่อนเขมรติดอยู่ และตัดไฟเกาะกง เจ้าฮุนเซน มันถึงจะเต้นผาง

[C4C]

ดูคนค้นคนคืนนี้เราจะได้เห็นความลำบากของพี่น้องและทหารไทยที่ต้องต่อสู้ที่ชายแดนเขมร! (จบหรือยังหว๋า)

[C4C]

บทวิเคราห์ข่าวต่างประเทศ จากสำนักข่าวโพสต์ทูเดย์

ฮุนเซนได้ แบ็ก ดีทุนหนา..ไม่ไว้หน้าใคร


10 พฤษภาคม 2554 เวลา 07:03 น. | เปิดอ่าน 2,640 | ความคิดเห็น 18
หากเป็นเมื่อราว 20 ปีก่อน กัมพูชาคงไม่แสดงท่าทีไม่ยี่หระต่อไทยถึงเพียงนี้

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

หากเป็นเมื่อราว 20 ปีก่อน กัมพูชาคงไม่แสดงท่าทีไม่ยี่หระต่อไทยถึงเพียงนี้ เพราะไทยให้ความช่วยเหลือแก่กัมพูชาในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการพัฒนา ทั้งยังเป็นแหล่งเงินลงทุนและแหล่งสินค้าแห่งหลักของกัมพูชา จนอาจกล่าวได้ว่า หากไทยปิดด่านค้าขายหรือระงับการลงทุน อาจถึงขั้นทำให้กัมพูชาต้องกลายเป็นอัมพาต

วันนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว กัมพูชาไม่เพียงเริ่มก้าวไปสู่เส้นทางที่มั่นคงขึ้น แต่นานาประเทศที่สนับสนุนกัมพูชายังเติบโตอย่างแข็งแกร่งจนสามารถเข้ามาเบียดสัดส่วนการลงทุนของไทยให้เหลือสัดส่วนในลำดับรองลงมา โดยเฉพาะการลงทุนโดยจีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และสิงคโปร์

เมื่อปีที่แล้ว การลงทุนโดยตรง (FDI) ไหลทะลักเขาสู่กัมพูชาเป็นเงินกว่า 640 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 5.4% ของสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ส่วนในปีนี้คาดว่าจะสูงถึง 800 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบกับเงินช่วยเหลือที่มากถึง 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ)

ขณะที่เงินลงทุนจากไทยลดวูบเหลือเพียง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2553 หรือลดลงถึง 98% จากการประเมินโดยสภาพเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) และมีวี่แววว่าจะลดน้อยถอยลงไปอีก หากความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศยิ่งเสื่อมทรามลง ภายหลังการเจรจาที่เวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งยังก่อให้เกิดรอยร้าวไปทั้งกลุ่ม

ยังไม่นับพี่ใหญ่ของฮุนเซน อย่างเวียดนาม ที่วันนี้กลายเป็นระบบเศรษฐกิจที่เนื้อหอมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดึงดูดเงินลงทุนมหาศาลในแต่ละปี แม้จะต้องสะดุดลงจากภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและภาวะฟองสบู่ในตลาดทุน แต่เวียดนามยังมีอนาคตที่สดใส และพร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้กัมพูชาได้ทุกเวลา

แม้จะต้องขาดเงินลงทุนและการช่วยเหลือจากไทย อีกทั้งยังอาจเป็นต้นเหตุให้การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต้องกลายเป็นฝันค้าง แต่ “ประเทศเล็ก” อย่างกัมพูชา มีหรือจะใส่ใจ ขอเพียงให้มีเงินทุนและเงินช่วยเหลือเข้าประเทศได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะต่อกรกับไทย โดยไม่จำเป็นต้องเกรงใจ 5 ประเทศหลักในอาเซียน ที่ดันหลังไทย เพื่อให้ไทยสามารถร่วมเป็นธงนำผลักดันประชาคมอาเซียนไปถึงเป้าหมายได้ในปี 2015

“แบ็กอัพ” ของกัมพูชาเหนือกว่าระดับท็อป 5 ของอาเซียนมากมายนัก เพราะเต็มไปด้วยสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ไม่ว่าจะเป็นจีน ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นผู้ลงทุนและผู้ให้เงินช่วยเหลือระดับชั้นนำในกัมพูชา ด้วยเม็ดเงินช่วยเหลือที่เคยสูงถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2550

ฝ่ายรัสเซียมีระดับการลงทุนในกัมพูชาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีเม็ดเงินลงทุนมากกว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าในช่วงเวลาเพียงแค่ 5 ปี ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยอ้างว่า รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนกัมพูชาในการประชุม UNSC เมื่อช่วงเดือน ก.พ.

ที่น่าจับตาคือ ฝรั่งเศส ซึ่งล่าสุดดำรงตำแหน่งประธาน UNSC และมอบเงินช่วยเหลือกัมพูชาเป็นเงินถึง 35 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว และล่าสุด เพิ่งเปิดเส้นทางการบินของสายการบิน Air France ไปยังกรุงพนมเปญอีกครั้ง หลังจากระงับเที่ยวบินมานานถึง 37 ปี

ประเทศเหล่านี้พร้อมที่จะลงทุนในกัมพูชา หากกัมพูชาอ้าแขนรับอย่างเต็มที่ เพราะกัมพูชาได้รับการจัดวางให้เป็นประเทศที่มีอนาคตไกลในสายตาของนักลงทุน แม้ขณะนี้บรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนจะอยู่ในระดับต่ำก็ตาม โดยอยู่ในอันดับที่ 145 จาก 183 ประเทศ ในรายงาน “Doing Business” ของธนาคารโลก

การที่กัมพูชาอ้าแขนรับประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ ย่อมต้องมีวาระซ่อนเร้นแอบแฝงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญหน้ากับไทย

วาระซ่อนเร้นที่ว่านี้ อาจซ่อนไม่มิดเท่าไรนัก เพราะแม้แต่สื่อต่างชาติยังมองเห็น

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานไว้ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ UNSC เปิดเวทีพิจารณากรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รายงานดังกล่าวระบุว่า การที่ฮุนเซนสามารถ “ทำกร่าง” กับไทยได้นั้น เพราะมีจีนคอยอัดฉีดทั้งเงินทุนและเงินช่วยเหลือมหาศาล อีกทั้งฮุนเซนและพลพรรคในรัฐบาลกัมพูชายังตระหนักได้ว่า ไทยมิได้มีความจำเป็นต่อกัมพูชามากเท่ากับในอดีต

ในวันนี้ไทยไม่ใช่ประเทศที่เป็นแกนนำในการช่วยพัฒนาสาธารณูปโภคในกัมพูชาอีกต่อไป เพราะบทบาทนี้ถูกจีนแย่งชิงไปเสียแล้ว นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือสำหรับโครงการก่อสร้าง จีนยังอนุมัติเงินกู้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับก่อสร้างทางหลวงสายหลัก 2 สาย และพัฒนาโครงการชลประธาน และเตรียมอนุมัติอีก 290 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโครงการพัฒนาสาธารณูปโภค

ไม่เพียงเท่านี้ จีนยังตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระดับทวิภาคีอีกถึง 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยจะได้รับแรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และอุตสาหกรรมโภคภัณฑ์ (สินค้าเกษตรและเหมืองแร่) ซึ่งจีนมีความต้องการสูง

จะไม่ให้กัมพูชาศรัทธาในจีนคงไม่ได้ แม้แต่นโยบายการต่างประเทศของไทยคงต้องหวั่นไหว หากได้รับเงินช่วยเหลือหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านการลงทุนทั้งทางตรง การลงทุนร่วมกัน และการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ของจีนในระยะยาว รวมแล้วมากกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ!

เฉพาะช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เงินลงทุนจากจีนสำหรับ 360 โครงการในกัมพูชา เป็นเงินถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่สำคัญก็คือ อาวุธที่กัมพูชาใช้ตอบโต้กับฝ่ายไทย เป็นอาวุธที่มาจากจีน และจีนยังให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่กัมพูชาอีกต่อหนึ่ง เฉพาะเมื่อปีที่แล้วเป็นเงินถึง 14 ล้านเหรียญสหรัฐ

น่าสงสัยว่า ที่จีนทำเสียงแข็งเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงในทันที เป็นเจตนาบริสุทธิ์หรือไม่?

การให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่กัมพูชา นับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึง 2 ตัว เพราะจีนไม่เพียงซื้อใจกัมพูชาจนสามารถเข้าถึงแหล่งทุนและทรัพยากรได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังนานาประเทศด้วยว่า จีนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการทหารอย่างเต็มที่ หากเปิดทางให้จีนเข้ามาลงทุนและสั่งสมความมั่งคั่ง

เป็นที่น่าสนใจว่า จุดประสงค์ข้อหลังยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงสหรัฐด้วยว่า จีนมีศักยภาพในการช่วยเหลือด้านอาวุธแก่พันธมิตรมากกว่าสหรัฐ เพราะที่ผ่านมาสหรัฐช่วยกัมพูชาเพียงแค่ส่งยานยนต์กองทัพที่ผ่านการใช้งานแล้วมาให้เป็นของกำนัล รวมถึงเครื่องแบบทหารใช้แล้วเป็นของบริจาคให้กับชาวกัมพูชาที่ยากไร้

แต่จีนส่งรถบรรทุกใหม่เอี่ยมมาให้ถึง 257 คัน พร้อมเครื่องแบบทหารตัดใหม่มาให้กัมพูชาถึง 5 หมื่นชุด

จีนยังตบหน้าสหรัฐฉาดใหญ่ ด้วยการยกหนี้ให้กัมพูชาเป็นเงินถึง 4.24 ล้านเหรียญสหรัฐ ตรงกันข้ามกับสหรัฐที่เตรียมเปิดการเจรจาเพื่อให้กัมพูชาชำระหนี้ติดค้างเป็นเงิน 445 ล้านเหรียญสหรัฐ

ซื้อใจ เอาใจกันขนาดนี้ จะไม่ให้ฮุนเซนกล้าทำ “กร่าง” ก็คงยาก

ยิ่งชวนให้ฉุกคิด เมื่อพิจารณาว่า ไทยใน “ยุคนี้” กลับมาผูกไมตรีกับสหรัฐเป็นหลัก แต่กลับหมางเมินจีนจนผิดปกติ

เมื่อพิจารณาสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างจีนกับกัมพูชาแล้ว ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงเป็นเสมือนสนามประลองอิทธิพลระหว่างสองมหาอำนาจอยู่กลายๆ

ในช่วงเวลาที่สหรัฐเริ่มแสดงอาการของความเสื่อมถอย ขณะที่จีนสำแดงฤทธิ์เดชทางเศรษฐกิจมากขึ้น การที่กัมพูชาผูกตัวเองเข้ากับจีน (และรัสเซียกับอินเดีย) ย่อมทำให้เกิดความฮึกเหิมจนออกนอกหน้า

ไม่แปลกที่ฮุนเซนจะแสดงกิริยาไม่ไว้หน้าไทยและประธานอาเซียน ด้วยการกล่าวหาไทยเป็นฝ่ายรุกรานกันซึ่งๆ หน้า ทำลายมารยาทการประชุมที่อาเซียนเคร่งครัด

ทั้งยังทำลายเสถียรภาพและสันติภาพที่ภูมิภาคนี้ประคับประคองมานานนับทศวรรษ

ที่มา http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/ต่างประเทศ/87966/ฮุนเซนได้-แบ็ก-ดีทุนหนา-ไม่ไว้หน้าใคร

[netis]

ผมว่ามาเลย์ไม่เคยจริงใจกับประเทศไทยเลย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
กลับเป็นประเทศไทยเสียอีกที่ช่วยมาเลย์ในการปราบปราม จคม(โจรก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มาลายู)
ให้หมดไป ไม่สาืมารถเข้าไปก่อกวนในประเทศมาเลเฃียได้
ในทางกลับกันประเทศมาเลเฃียไม่เคยจริงใจ กับประเทศไทย ในการแก้ปัญหา3จังหวัดชายแดนภาคใต้เลย
มิหน้ำซ้ำ ย้งให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อการร้าย นี่หรึอคึอมิตรประเทศ

[ฅนยอง]

ผมรู้จักคนมาเลหลายคน พวกนี้มันเห็นคนไทยเป็นคู่แข่งครับ

[ninja]

ประเทศรอบ ๆ บ้านเรา ล้วนอิจฉาไทยทั้งน้น เชื่อซิ
เพราะงั้นคนไทยจ้องช่วยกันรักษาประเทศชาติไว้

นายกมาร์ค กับ รมต ต่างประเทศ พูดตรงกันว่า เขมรค้องถอนทหารออกไปก่อน ผู้สังเกตการณ์จึงจะเข้ามาได้
เพราะงั้น จะแถลงกันยังไง ก็ว่ากันไป คนไทยก็ต้องช่วยกันยืนยันเื่องนี้ต่อไป
คิดว่าต้องเปฯอย่างนี้

[new kid]

ฮอเผยได้ ๖ มาตรการจากที่ประชุม รมต.ต่างประเทศสามฝ่าย
Posted on 10 May 2011 by n/e - 00:16 น.
ฟิฟทีนมูฟ – ฮอ นำฮง เผย ๖ มาตรการหลังหารือรมต.ต่างประเทศสามฝ่าย โดยเสนอให้ไทยเร่งตอบรับ TOR ซึ่งตอบรับเมื่อใด ประกาศประชุม JBC และ GBC ทันที จากนั้นอินโดฯ จะส่งทีมสำรวจล่วงหน้าพร้อมเปิดการประชุม JBC และ GBC และ ๑๐ วันให้หลังจะส่งผู้สังเกตการณ์เต็มคณะลงพื้นที่ปะทะ ฮอขอให้กษิตเสนอให้ ครม.ไทยอนุมัติ TOR อังคารนี้ กษิตรับปากแต่ไม่ยืนยัน ส่วนปัญหาตาเมือน-ตาควาย เป็นคนละเรื่องคุยที่ไหนก็ได้


แฟ้มภาพ: นายฮอ นำฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา

การหารือรัฐมนตรีต่างประเทศสามฝ่าย ในวันที่ ๙ พฤษภาคม ซึ่งเป็นไปตามความเห็นชอบร่วมกันของนายกรัฐมนตรีไทย ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ที่ให้รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสามประเทศหารือร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยสันติวิธีและให้เป็นไปตามสนธิสัญญาไมตรีฯ ของอาเซียน (TAC) โดยการหารือเป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ได้ข้อสรุป ๖ มาตรการ


ตามรายงานข่าวเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ของสำนักข่าวซีอีเอ็นของกัมพูชา นายฮอ นำฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เปิดเผยถึง ๖ มาตรการดังกล่าวโดยระบุว่า ในมาตรการที่ ๑ และ ๒ ประเทศไทยควรตอบรับ TOR เกี่ยวกับการวางผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย พร้อมกันนั้นควรได้ประกาศการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งควรทำทันทีในวันเดียวกัน โดยหมายความว่า วันใดที่ไทยได้ทำหนังสือตอบรับ (Letter of Acceptance) TOR ไปถึงรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย วันนั้นกัมพูชาและไทยจะประกาศให้มีการจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดน

มาตรการข้อที่ ๓ และ ๔ กำหนดว่า ๕ วัน หลังจากที่ไทยทำหนังสือตอบรับ TOR ไปถึงรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย อินโดนีเซียจะส่งทีมสำรวจสภาพการณ์ (Survey Team of IOT) ไปในพื้นที่ที่มีการปะทะ พร้อมกันนี้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปจะเปิดการประชุม

​ส่วนมาตรการที่ ๕ และ ๖ ระบุว่า ๑๐ วัน หลังจากที่ไทยทำหนังสือตอบรับ TOR อินโดนีเซียจะส่งผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดไปยังพรมแดน (Full Assignment)​ พร้อมกันนี้ จะมีการร่วมหารือและติดตามผลการประชุม JBC และ GBC

ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสามเห็นชอบร่วมกันที่จะให้ขอความเห็นชอบจากรัฐบาลของตนเกี่ยวกับผลการหารือทั้ง ๖ มาตรการดังกล่าว โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาได้ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศไทย ผลักดันให้คณะรัฐมนตรีไทยอนุมัติให้ความเห็นชอบต่อ TOR ในการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ในวันอังคาร ที่ ๑๐ พฤษภาคม นี้ ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศไทยรับปาก แต่ระบุว่าไม่ทราบว่าคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติ TOR ในวันอังคารนี้หรือไม่

​นอกจากนี้ นายฮอ นำฮง ยังได้กล่าวยืนยันเกี่ยวกับจุดยืนของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า เราควรแยกแยะปัญหาเป็น ๒ ส่วน คือ การประชุม GBC และ JBC ที่เกี่ยวกับพื้นที่พระวิหาร ควรมีอินโดนีเซียอยู่ร่วมด้วย ส่วนการประชุม GBC และ JBC ที่เกี่ยวกับพื้นที่เล็กอย่างพื้นที่ตาเมือนและตาควายนั้น กัมพูชาและไทย สามารถประชุมแบบทวิภาคี ซึ่งจะประชุมที่กัมพูชาหรือที่ไทยก็ได้

ที่มา http://www.15thmove.net/news/hor-namhon ... -observer/
....
ข่าวของ ฟิฟทีนมูฟ รู้สึกจะเร็วก่อนเพื่อนนะ เราๆท่านๆก็พิจารณาเอาก็แล้วกัน

อันที่จริงนะรัฐบาลไทย น่าจะปิดด่านที่มีบ่อนเขมรติดอยู่ และตัดไฟเกาะกง เจ้าฮุนเซน มันถึงจะเต้นผาง

ดูข่าวจากสำนักข่าวขแมร์ ข้างๆทำเนียบแล้ว มาดูข่าวของสำนักข่าวไทยกันบ้างนะครับ

ไทย-เขมรผุดแผนหาข้อยุติถอนทหาร
10 พฤษภาคม 2554 เวลา 13:33 น. |
ธานีเผยผลหารือระหว่าง กษิต-ฮอร์ นัม ฮง ระบุ 2 ประเทศเห็นพ้องเสนอรัฐบาลจัดทำแผนโรดแมป หยุดยิง-ถอนทหารพ้นพื้นที่พิพาทก่อนอินโดฯส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามา

เมื่อเวลา 11.00 น. นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงผ่านทางโทรศัพท์ที่กระทรวงการต่างประเทศ ถึงการหารือ ทวิภาคีระหว่างนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศกับนายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาที่มีขึ้นวานนี้ (9พ.ค.)

นายธานีกล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศ เห็นตรงกันที่จะให้รัฐบาลของแต่ละประเทศ ดำเนินการตามแนวปฏิบัติแบบองค์รวม ซึ่งจะเป็นแผนโรดแมป ของทั้ง 2 ประเทศดำเนินการตามนี้ ประกอบด้วย การประชุมภายใต้กลไกจีบีซีที่นำไปสู่ข้อตกลงความร่วมมือของ 2 ประเทศ เพื่อทำความตกลงในการหยุดยิง เพื่อนำไปสู่การถอนทหารออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ รวมทั้งวัดแก้วสิกขาคีรี ตลาด และชุมชน โดยต้องแล้วเสร็จก่อนที่จะมีการส่งคณะผู้แทนจากอินโดนีเซียเข้าสังเกตการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศจะรายงานเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อให้รัฐบาลแต่ละฝ่ายจัดทำร่างโรดแมปดังกล่าว

ส่วนระยะเวลาที่จะใช้ดำเนินการตามโรดแมปยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากทั้งไทยและกัมพูชา ต้องนำเรื่องผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลของ 2 ประเทศก่อน โดยทั้งหมดจะเริ่มต้นที่การเจรจาของทั้ง 2 ประเทศ ผ่านกรอบคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย - กัมพูชา (เจบีซี)

อย่างไรก็ตาม ไทยได้ย้ำจุดยืนว่า กัมพูชาต้องถอนทหารออกนอกพื้นที่ก่อนที่อินโดนีเซียจะส่งทหารเข้ามาในพื้นที่ โดยยอมรับว่าต้องอาศัยการเจรจา
http://www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/88086/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3


ไทย-กัมพูชา เห็นชอบทำแผนโร้ดแม็ปถอนทหารพื้นที่พิพาท

วันอังคาร ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันในการเสนอรัฐบาลของตนจัดทำแผนโร้ดแม็ปการถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทบนเขาพระวิหาร

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้โฟนอินจากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อแถลงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ ของไทยและกัมพูชา ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นตรงกันที่จะเสนอให้รัฐบาลของแต่ละประเทศจัดทำแผนโร้ดแม็ปเรื่องนี้ โดยจะมีลักษณะเป็นข้อตกลงร่วมกัน เรื่องการลงนาม และ รายละเอียดด้านการประชุมต่างๆ เพื่อนำไปสู่การถอนทหารออกจากตัวปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ รวมถึงวัดและชุมชนด้วย ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนที่จะมีการส่งคณะผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซียเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เพราะไทยจะไม่ยอมให้ผู้สังเกตการณ์เข้ามาจนกว่ากัมพูชาจะถอนทหารออกไปจากพื้นที่พิพาท

สำหรับเรื่องระยะเวลาการจัดทำแผนโร้ดแม็ปนั้น ต้องรอให้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลของ 2 ประเทศก่อนถึงจะสามารถเริ่มต้นเจรจากันได้ในเวทีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา

อย่างไรก็ตาม นายธานี ยอมรับว่า หลังจากนี้คงต้องทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ที่เข้าใจว่าไทยเป็นต้นเหตุของการปะทะทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นความคลาดเคลื่อนของการรายงานข่าวมากกว่า
http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/37795/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%9B%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%97.html

ลุงฮอร์เขาจะขี้โม้อะไรก็ช่างเขา แต่เราก็ต้องฟังและให้กำลังใจกับฝ่ายเรานะครับ

[new kid]

"กษิต"พอใจผลถกทวิภาคีกับรมว.ตปท.เขมร"

กษิตพอใจผลการหารือทวิภาคีร่วมกับรมว.ตปท.เขมรเห็นตรงกันแก้ปัญหาผ่านJBC เตรียมชงครม.สัปดาห์หน้า
วันนี้ (10พ.ค.54) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังเดินทางถึงประเทศไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 16.00นาฬิการที่ผ่านมา หลังเดินทางไปประชุมทวิภาคีร่วมกับกับนายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวานนี้ โดยนายกษิต กล่าวว่าการประชุมได้ผลเป็นที่น่าพอใจ รัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศ เห็นตรงกันที่จะให้รัฐบาลของแต่ละประเทศ ดำเนินการตามแนวปฏิบัติแบบองค์รวม ซึ่งจะเป็นแผนโรดแมปของ 2 ประเทศ ประกอบด้วย การประชุมภายใต้กลไกคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย - กัมพูชาหรือจีบีซีที่นำไปสู่ข้อตกลงความร่วมมือของ 2 ประเทศ เพื่อทำข้อตกลงในการหยุดยิง นำไปสู่การถอนทหารออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ รวมทั้งวัดแก้วสิกขาคีรี ตลาด และชุมชน โดยต้องแล้วเสร็จก่อนที่จะมีการส่งคณะผู้แทนจากอินโดนีเซียเข้าสังเกตการณ์ในพื้นที่ หลังจากนี้จะทำรายงานเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อให้รัฐบาลแต่ละฝ่ายจัดทำร่างโรดแมปดังกล่าว

ส่วนการทำร่างข้อกำหนดการส่งผู้แทนอินโดนีเซียมาสังเกตการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือทีโออาร์ เบื้องต้นทางอินโดนีเซียจะส่งตัวแทนมาหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกศก่อน หากขั้นตอนเรียบร้อยอินโดนีเซียจะส่งเจ้าหน้าที่ชุดที่ 2เป็นผู้สังเกตุการณ์ 15 คนลงพื้นที่สำรวจฝั่งไทย4 จุดและฝั่งกัมพูชา 3 จุด แต่ขั้นตอนดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อกัมพูชาต้องถอนกำลังทหารออกจากปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยแสดงเจตนารมย์อย่างชัดเจนอย่างน้อยใน 13 เวทีที่มีการประชุมเรื่องนี้

นอกจากนี้นายกษิต ยังกล่าวถึงการประกาศยุบสภาเมื่อวานนี้ จะไม่มีผลต่อการดำเนินการต่อในเรื่องการเจรจาตามแผนโรดแมปและการทำทีโออาร์ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย
http://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=26843

[เสือคาบดาบ]

ขอให้ทหารหาญสู้เต็มที่ ปกป้องประเทศชาติ ตามกติกาสากลครัย เป็นกำลังใจอีกแรง

[Solidus]

ฟังรายการข่าวของคุณพชร กับคุณวิสุทธิ์ เมื่อวาน (96.5) มีช่วงนึงพูดว่า มาเลเซีย(รมต. กต.)ชี้นิ้วมาที่ไทย ว่าทำให้เรื่องบานปลายโดยไม่ยอมให้ผู้สังเกตการณ์ทางทหารเข้าไปแต่แรก

เหมือนโดนรุมเลยนะ อาเซียน... ปีหน้ากัมพูชาเป็นประธานอาเซียนด้วย

ไม่รู้ว่าหลังจากฟังนายกชี้แจงแล้วท่าทีเป็นไงบ้าง

โดยมารยาทแล้ว ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ อย่างนั้น นะครับ ... รบกวน ต้องเช็คข่าวหน่อย ..

เขตแดน ของไทย กับ กพช. ไม่ใช่ไทยกับมาเลย์ ..... ถ้าทำอย่างนั้น ทำไม เรื่องสิงค์โปร์ขุดร่องน้ำ มาเลย์ไม่ให้เราเข้าไป เป็นผู้สังเกตุการณ์ บ้างละ ...

นายริชาร์ด ไรออต จาเอม รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศมาเลเซีย บอกว่าไทยกับกัมพูชาตกลงกันแล้ว ที่จะรับผู้สังเกตการณ์ทางทหารอินโดนีเซียเข้าไปยังพื้นที่กรณีพิพาท และไทยควรยึดมั่นกับข้อตกลง แต่ปรากฏว่าฝ่ายไทยเรียกร้องให้กัมพูชาถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหาร ก่อนที่จะยอมให้ผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้าไปในเขตพิพาท

นายริชาร์ดบอกว่า เขาไม่อยากพูดว่าปัญหาเรื่องนี้อยู่ที่การขาดความน่าเชื่อถือ แต่ฝ่ายไทยไม่ยึดมั่นในข้อตกลง และนั่นก็เป็นสาเหตุให้มีการปะทะกันอีก เขาย้ำด้วยว่าทั้ง 10 ชาติอาเซียน รวมถึงไทยและกัมพูชา ต่างเห็นพ้องในข้อตกลงเรื่องนี้ แต่น่าเศร้าที่ปัญหากลับไปอยู่ที่ 2 ประเทศอีก เพราะกัมพูชายอมรับข้อตกลง แต่ไทยไม่ยอมรับ

เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้ กัมพูชาชี้ไปที่ไทยว่าเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ส่วนไทยก็บอกว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่ม และเพื่อที่จะสรุปว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน จึงตัดสินใจส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบ แต่ตอนนี้ผู้สังเกตการณ์ก็ยังไม่ได้เข้าไปในพื้นที่

http://www.suthichaiyoon.com/detail/9876

ข้อตกลงของ 2+1 ประเทศ แล้วมาเลเซียอยู่ในนี้หรือ ถ้าไม่อยู่แล้วรู้รายละเอียดข้อตกลงและเงื่อนไขได้อย่างไร แล้วถ้าเป็นกรณีแบบไทย-มาเลเซีย แล้วไทยร่างแบบนี้มา มาเลเซียจะยอมรับไหมล่ะ

พื้นที่ครอบคลุม

พื้นที่ครอบคลุมของ IOT มาเลเซีย จะเป็นพื้นที่ไทยที่เป็นพื้นที่พิพาทชายแดนมาเลเซีย-ไทย กล่าวคือ (จะระบุภายหลัง)

พื้นที่ครอบคลุมของ IOT ไทย จะเป็นพื้นที่ไทยที่เป็นพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-มาเลเซีย กล่าวคือ (จะระบุภายหลัง)

[Elessar01]

บทวิเคราห์ข่าวต่างประเทศ จากสำนักข่าวโพสต์ทูเดย์

“แบ็กอัพ” ของกัมพูชาเหนือกว่าระดับท็อป 5 ของอาเซียนมากมายนัก เพราะเต็มไปด้วยสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ไม่ว่าจะเป็นจีน ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นผู้ลงทุนและผู้ให้เงินช่วยเหลือระดับชั้นนำในกัมพูชา ด้วยเม็ดเงินช่วยเหลือที่เคยสูงถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2550


สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานไว้ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ UNSC เปิดเวทีพิจารณากรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รายงานดังกล่าวระบุว่า การที่ฮุนเซนสามารถ “ทำกร่าง” กับไทยได้นั้น เพราะมีจีนคอยอัดฉีดทั้งเงินทุนและเงินช่วยเหลือมหาศาล อีกทั้งฮุนเซนและพลพรรคในรัฐบาลกัมพูชายังตระหนักได้ว่า ไทยมิได้มีความจำเป็นต่อกัมพูชามากเท่ากับในอดีต


ที่มา http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/ต่างประเทศ/87966/ฮุนเซนได้-แบ็ก-ดีทุนหนา-ไม่ไว้หน้าใคร

เมื่อ 20 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาเมินเสียงทักท้วงจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รัฐบาลสหรัฐ และกลุ่มสิทธิมนุษยชน จับผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมอุยกูร์ 20 คนขึ้นเครื่องบินเนรเทศผลักดันกลับไปยังมณฑลซินเกียง สาธารณรัฐประชาชนจีน

นายอู วิรัก ประธานศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา แถลงว่า รัฐบาลฮุนเซนกำลังละเมิดอนุสัญญายูเอ็นว่าด้วยผู้ลี้ภัย ปีค.ศ.1951 สิ่งน่าวิตกมากที่สุดตอนนี้ คือ เมื่อชาวอุยกูร์ไปถึงจีนอาจถูกทางการทารุณกรรมหรือฆ่าตายเงียบๆ ด้านนางคิตตี้ แม็กคินซีย์ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัย แถลงประณามการกระทำครั้งนี้ของกัมพูชาเช่นกัน

วันเดียวกัน นายกอย กวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา โต้ว่า ตามกฎหมาย รัฐบาลสามารถเนรเทศชาวอุยกูร์ได้

ทั้งนี้ ชาวบ้านอุยกูร์จำนวนมากอพยพหนีตายออกจากซินเกียงหลังเกิดเหตุม็อบอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ปะทะกับจีนฮั่น มีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 ราย ทำให้รัฐบาลปักกิ่งส่งทหารเข้าปราบปรามเมื่อเดือนก.ค.


อหังการ์ เขมร....

[นักเรียนตลอดชีพ]

ข่าวดีครับ รมช.มาเลย์ ออกมาแก้ข่าว(หรือแก้ตัว อิอิ) แล้ว ..


*****************************

รมช.กต.มาเลย์โยนสื่อตีความผิดข่าวตำหนิไทย

11 พฤษภาคม 2554 เวลา 07:27 น. |
เปิดอ่าน 400 |
comment ความคิดเห็น 5

รมช.กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ปัดตำหนิไทยกรณีปะทะชายแดนเขมร โยนสื่อตีความผิด แจงรัฐมนตรีต่างประเทศไทยแล้ว

นาย ริชาร์ด ไรออต เจม รมช.กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ปฏิเสธถึงข่าวที่ถูกนำเสนอก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ตนได้ตำหนิประเทศไทยว่า ละเมิดข้อตกลงการส่งผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย จึงส่งผลให้เกิดการปะทะขึ้นอีกครั้ง ในพื้นที่ชายแดน ที่กำลังเป็นข้อพิพาทอยู่กับประเทศกัมพูชา

นายริชาร์ด กล่าวว่า การเสนอข้อคิดเห็นของตนถูกตีความในทางที่ผิด โดยผู้สื่อข่าวที่ทำการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ตนถูกถามถึงสองครั้งว่า จะตำหนิประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่า "ไม่" ดังนั้น ตนจึงไม่ทราบว่า มันถูกตีพิมพ์ในลักษณะที่ว่า "ตนตำหนิประเทศไทย" ได้อย่างไร

นายริชาร์ด ยังกล่าวด้วยว่า ทางสถานทูตมาเลเซีย ได้ชี้แจงไปยัง รัฐมนตรีฯต่างประเทศของไทย ว่า ถ้อยแถลงของตนถูกตีความในทางที่ผิด และรัฐมนตรีฯต่างประเทศของไทย ก็ยอมรับคำชี้แจงนั้นแล้ว พร้อมกันนี้ นายริชาร์ด กล่าวย้ำถึงจุดยืนของรัฐบาลมาเลเซีย ด้วยว่า ถือเป็นทางปฏิบัติที่รัฐบาลมาเลเซีย จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะกับชาติสมาชิกอาเซียน

http://www.posttoday.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87/88246/%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A-%E0%B8%81%E0%B8%95-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

[Solidus]

ข่าวดีครับ รมช.มาเลย์ ออกมาแก้ข่าว(หรือแก้ตัว อิอิ) แล้ว ..


*****************************

รมช.กต.มาเลย์โยนสื่อตีความผิดข่าวตำหนิไทย

11 พฤษภาคม 2554 เวลา 07:27 น. |
เปิดอ่าน 400 |
comment ความคิดเห็น 5

รมช.กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ปัดตำหนิไทยกรณีปะทะชายแดนเขมร โยนสื่อตีความผิด แจงรัฐมนตรีต่างประเทศไทยแล้ว

นาย ริชาร์ด ไรออต เจม รมช.กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ปฏิเสธถึงข่าวที่ถูกนำเสนอก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ตนได้ตำหนิประเทศไทยว่า ละเมิดข้อตกลงการส่งผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย จึงส่งผลให้เกิดการปะทะขึ้นอีกครั้ง ในพื้นที่ชายแดน ที่กำลังเป็นข้อพิพาทอยู่กับประเทศกัมพูชา

นายริชาร์ด กล่าวว่า การเสนอข้อคิดเห็นของตนถูกตีความในทางที่ผิด โดยผู้สื่อข่าวที่ทำการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ตนถูกถามถึงสองครั้งว่า จะตำหนิประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่า "ไม่" ดังนั้น ตนจึงไม่ทราบว่า มันถูกตีพิมพ์ในลักษณะที่ว่า "ตนตำหนิประเทศไทย" ได้อย่างไร

นายริชาร์ด ยังกล่าวด้วยว่า ทางสถานทูตมาเลเซีย ได้ชี้แจงไปยัง รัฐมนตรีฯต่างประเทศของไทย ว่า ถ้อยแถลงของตนถูกตีความในทางที่ผิด และรัฐมนตรีฯต่างประเทศของไทย ก็ยอมรับคำชี้แจงนั้นแล้ว พร้อมกันนี้ นายริชาร์ด กล่าวย้ำถึงจุดยืนของรัฐบาลมาเลเซีย ด้วยว่า ถือเป็นทางปฏิบัติที่รัฐบาลมาเลเซีย จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะกับชาติสมาชิกอาเซียน

http://www.posttoday.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87/88246/%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A-%E0%B8%81%E0%B8%95-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

โดนเขมรหลอกเลยมาแก้ตัวหลังจากที่รู้เงื่อนไข TOR ที่เขมรร่างแล้วไทยไม่รับ หรือว่าโดนผู้ใหญ่สั่งมากันแน่หว่า

[Elessar01]

" จวบจนถึงวันนี้(11 พฤษภาคม) สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะสร่างซาลงไป ไม่มีการปะทะกัน หากแต่ฝ่ายกัมพูชาได้เสริมกำลังทหารเข้ามาตรึงกำลังตามแนวชายแดนนี้จนหนาตาเต็มพื้นที่ชายแดน ส่วนจำนวนทหารกัมพูชาที่เสริมกำลังน่าจะอยู่ที่ “หลักพันนาย” โดยมี กองพันที่ 402 (ซึ่งเป็นกองกำลังทหารประจำภูมิภาค) และทหารกองกำลังหน่วยรบพิเศษ 911 ทั้ง 2 หน่วยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ “ฮุน มาเนต” บุตรชายของสมเด็จฯ ฮุนเซ็น นั่นเอง "

แกะรอย..กระสุนนัดแรกที่ปราสาทตาควาย..คำตอบของการปะทะก่อนบานปลายไปสู่ปัญหาใหญ่ระหว่างประเทศ
Posted by NN1234

http://www.oknation.net/blog/nn1234/2011/05/11/entry-1

ชวนอ่านครับ...

[arch_freeman]

ถอนทหารเพียงอย่างเดียว?

แล้วประชาชน ที่เข้ามาอยู่อาศัย จะทำอย่างไร แล้ว ประชาชนที่ติดอาวุธ หรือ ทหารนอกเครื่องแบบที่มาอยูอาศัยของกัมพูชา รัฐบาลไทยทำอย่างไร

เกรงว่า งานนี้ นาย กษิต จะโดนเขมรต้มสุก เป็นครั้งที่สอง

อย่าลืมว่าลงนามไปแล้ว แล้วไม่ยอมให้ผู้สังเกตการณ์เข้าไป เราจะเป็นฝ่ายเสียคนอีก เพราะ แทบไม่มีการพูดถึงเงื่อนไขการถอนทหารและชุนชน ใน TOR เลย

[คนบาป]

Wassana Nanuam

ตอนนี้ยุบสภาแล้ว...ทหารไทยตลอดแนวชายแดนไทย-เขมร ตั้งแต่พระวิหาร ถึงตาควายตาเมือน เลยไม่ตั้งรับอย่างเดียวตามที่รัฐบาลปชป.สั่งอีกแล้ว แอบรุกเข้ายึดพื้นที่ทีละนิดๆ จนทหารเขมร เริ่มโวยวาย...ก็ทหารเขมรตรึงกำลังและดูเตรียมพร้อมหลังประชุมที่อินโดฯเหลว...ต้องอย่างนี้สิ...ระลึกไว้เสมอว่า 4.6 ตร.กม.นั่นของไทย เรายอมเสียแค่ปราสาทฯให้เขมรเท่านั้น จะไม่ยอมเสียอีกแม้แต่แค่ฝุ่นผงที่ปลิว

[Solidus]

ยุบสภาแล้วอำนาจตัดสินใจเลยไปอยู่ที่ทหาร รักษาการนายกมีหน้าที่แค่รับฟัง